โมรารัตติกาล {{{ชุดอัญมณีเหนือกาล}}}สนพ.อรุณ
รัตติกาล ทิวา สนธยา สามเวลาที่อยู่คู่โลกมาแต่บรรพกาล
ตำนานบทใหม่แห่งอัญมณีเหนือกาลจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า!

-------------------------
ยังเคยยินเรื่องราวของหินโมราแห่งรัตติกาล
พลอยโบราณล้ำค่าที่อาจนำพาใครบางคนหวนสู่อดีตกาล เรื่องของมันอาจถูกกลบฝัง
กร่อนกลืนไปกับเงื้อมเงาแห่งกาลเวลาที่ค่อยๆเปลี่ยนความรับรู้ของผู้คน
แต่กับเขา...
ผู้ซึ่งมีเพียงความแค้น ไม่มีแม้ร่างกาย เป็นแต่เพียงวิญญาณที่ล่องลอยไปในราตรี
เฝ้าเพรียกหาให้อดีตหวนคืนกลับ เพื่อเปลี่ยนวันแห่งความพ่ายแพ้ให้กลายเป็นชัยชนะ
เวลาผ่านเนิ่นนานนับสิบๆปีจากวันที่เขาตาย
โลกเปลี่ยนแปร แต่ใจของเขาไม่เคยเปลี่ยนตาม
เขายังคงไม่ไปไหน
แม้จำได้ว่าตนเองเคยมีนาม เคยเป็นใครคนหนึ่งที่ถูกเรียกขานว่าชามัล เมห์ฮรา
แต่ตอนนี้แทบไม่รู้สึกว่านามนั้นคือตนเอง ไม่ได้มีใครเรียกชื่อเขานานมากแล้ว
ตั้งแต่เขากลายเป็นชีวิตไร้ตัวตนในความมืด ที่ยังจำได้ดีคือความแค้นต่อทุกสิ่งทุกอย่าง
ไม่เว้นแม้กระทั่งแค้นตัวเอง ที่พ่ายแพ้ และต้องตาย...
วิญญาณของเขายังรอคอยวันที่มือซึ่งมองไม่เห็นคู่นี้จะเอื้อมคว้าไปถึง
อัญมณีเม็ดนั้นที่จะพาเขากลับไปแก้ไขอดีต
...โมราแห่งรัตติกาล
และคนที่จะนำพาเขาไปถึงมันได้ มีแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น


------------------------------------
เรื่องเริ่มต้นที่ร้านอัญมณีเก่าคร่ำคร่า หลายคนเดินผ่านเลยไป แต่มีบางคน...
คนที่ตามหาเท่านั้นจึงจะค้นพบการมีอยู่ของร้าน และเปิดประตูเข้ามา
ตัวร้านเดินทางอยู่ในระหว่างมิติเวลา บางทีมันอาจไปโผล่ที่ตรอกโทรมๆสักตรอกในอนาคต
หรือในซอยคับคั่งย่านเยาวราชที่คนพลุกพล่านเดินผ่าน แต่จะไม่มีใครหยุดสนใจ
นอกเสียจากคนผู้มีชะตาผูกพันกับพลอยทรงอำนาจลึกลับสักเม็ดในร้าน
ท่านจะได้รับการต้อนรับจากเจ้าของร้านที่ชื่อ มิตร เมห์ฮรา

Tags: มนตราอัญมณี มายาไฟในดวงตา ชามัล มิตร สิตารา มัชฌิม์ รัตติดารา สิงหรานี ราศีที่สิบสาม ม่านทิวาพชร มรกตสนธยา

ตอน: บทที่ ๑๗ น้ำหอมไร้กลิ่น (ตอนสุดท้ายแล้วจ้า)

บทที่ ๑๗ น้ำหอมไร้กลิ่น

บางทีคนเราก็เชื่อว่าความฝันคืออาณาจักรแสนมหัศจรรย์... จิตอาจจะเดินทางไกล
ข้ามผ่านทุ่งดอกไม้สวยงามสุดลูกหูลูกตา ตกอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าไหวเอนลู่
หรือล่องลอยไปจนถึงทุ่งน้ำแข็งอ้างว้างเปลี่ยวเหงา ที่ซึ่งไม่มีแม้วิญญาณสักดวงกรายผ่าน

สถานที่นี้ไม่เพียงไร้ขอบเขต แต่ยังไร้กาลเวลา...
อดีตและอนาคต ยังอาจเชื่อมโยงถึงได้ ตรงไหนสักแห่งในความฝัน


‘เอ้า ยกศรขึ้นมาท่านมัชฌิม์ นี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว’

เสียงของผู้ดูแลอาวุโสคนหนึ่งแห่งเมห์ฮราซึ่งเป็นอาจารย์บอกเขาอย่างใจเย็น
เด็กชายผู้เพิ่งจะกลายเป็นหนุ่มจึงหยิบคันศรใหญ่ที่ต้องใช้แรงเหนี่ยวเกินกำลังนั้นขึ้นมาง้างเตรียม
เขาคงทำได้ดีมาก...หากไม่ต้องถูกนำไปเปรียบกับใคร

‘จะกี่ครั้งข้าก็คงยิงได้ไม่ดีเท่าท่านพี่อัครา’ มัชฌิม์เอ่ยเบาทว่าห้วน
ดังพอจะไปถึงพี่ชายตนที่ยืนเอาคันศรค้ำกับพื้นมองดูอยู่โดยไม่ว่าอะไร

ศรแล่นเข้าเป้า แม่นยำพอจะสังหารคนได้ แต่ก็ยังไม่เด็ดขาดเท่าศรของท่านพี่ที่ฝากรอย
คนเป็นน้องชายหัวเสีย แม้ไม่ถึงกับขว้างปาเพราะยังเห็นแก่หน้าอาจารย์และพี่ชายทว่าก็
กระแทกกระทั้น ก่อนจะสาวเท้าจากไปไม่พูดไม่จา ไม่มีเสียงปลอบดังไล่หลัง
เพราะเขาเองเคยบอกไปแล้วว่าไม่ชอบ ไม่ชอบเอามากๆ



วันถัดมา อาวุธเปลี่ยนจากธนูเป็นปืนทันสมัย อาจารย์ผู้สอนก็เปลี่ยนคน มัชฌิม์กลับสดใสขึ้นทันตา

ปังงง---!

‘ยอดเยี่ยม ท่านมัชฌิม์ ฝืมือยิงปืนของท่านเป็นเลิศยิ่งกว่าเด็กคนใดที่ข้าเคยเห็นมา ไม่สิ
แม้ผู้ใหญ่ที่ต่อให้เก่งก็ยังยากจะเอาชนะท่านในทักษะชนิดนี้’

‘เก่งมากมัชฌิม์ พี่สู้เจ้าไม่ได้จริงๆ’

มัชฌิม์เพียงพยักหน้าให้พี่ชายที่เอื้อมมาตบไหล่ยามเขาเดินผ่าน ก่อนจะหันไปเอ่ยกับครูผู้สั่งสอนตน
‘ขอบคุณ ท่านอาจารย์ ข้าก็ไม่เข้าใจ ทั้งที่ร่างกายทักษะพร้อม ใจพร้อม ประสาทไว การคำนวณยอดเยี่ยม
...แต่ทำไมข้าถึงทำได้ดีแค่ปืน’ คนพูดยังคงไม่พอใจ เขาไม่เคยแสดงน้ำใจนักกีฬาต่อพี่ชายเลย พี่ก็ไม่ว่า
แถมยินดีในเรื่องที่เขาเก่งกว่า ...ท่านไม่ต้องทำดีกับข้าเพียงนั้นก็ได้ท่านพี่ เพราะมันทำให้ข้ารู้สึกแพ้มากขึ้น
นั่นคือสิ่งที่ใจคิด แต่ไม่มีวันหลุดพ้นริมฝีปากไป

มัชฌิม์ขยับเปลือกตายุกยิก ใช่ เขารู้ว่ามันคือความฝัน แต่เขายังไม่อยากตื่นตอนนี้
เพราะครอบครัวคือสิ่งที่เขาอยากพบเจอมากที่สุด สิ่งที่โลกนี้ไม่มี...
ดังนั้นชายหนุ่มจึงปล่อยใจให้เลื่อนไหลสู่นิทรารมณ์อีกครา

ตอนนั้นเขายังเป็นเด็กชาย มีพี่ชายคนหนึ่ง...แก่กว่าตนนิดเดียว แต่บางอย่างข้างใน
เหมือนต่างกันไกลออกไปมากมายนัก มีน้องสาวอีกคนหนึ่ง...ห่างจากตนถึงหกปี
กับน้องสาวคนนี้ เขารู้สึกเหมือนไม่ห่างกันเลย ...ทว่าเอาเข้าจริง ใจเขาก็รักใคร่ทั้งคู่พอๆกัน

ตอนนั้นมัชฌิม์ไม่อยากจะยอมรับ ว่าเขาอิจฉาพี่ชายทั้งที่ก็รักพี่มากเพียงใด
พอมาย้อนมองไปแล้วกลับเวทนาความคิดที่ไม่โตของตนมากเหลือเกิน
แค่เรื่องยิงธนู หรือจะเรื่องอื่น มันไม่ได้มีค่าไปกว่ารอยยิ้มและน้ำใจจากท่านพี่เลย
ปมด้อยของเขาที่ท่านพ่อท่านแม่ไม่เคยเอ่ยปาก คล้ายไม่อยากตอกย้ำ
ทั้งคู่รักลูกทุกคนเท่าเทียม มันผิดที่ใจเขาที่ไม่สูงเท่าพี่อัครา...
แล้วสุดท้ายใครเป็นคนปลอบเขาน่ะหรือ
ก็เจ้าตัวเล็กอัคนีมายาน้องสาวสุดสวยของเขานั่นไง

เวลาน้องปลอบ มัชฌิม์ชอบใจและไม่โกรธ เขาไม่เคยเห็นเด็กคนไหนสวยเท่าน้องมาก่อน
ตัวเล็กจิ๋วแต่หน้าสวยหวาน ทั้งเฉี่ยวทั้งคมแปลกตา แถมยังรู้มากเหลือเกิน จนทำให้นึกไปถึง
เรื่องที่น้องสาวตนนั้นเคยระลึกชาติได้ เมื่อตอนแรกนั้นยายตัวเล็กของเขาใช่ชื่อนี้มาแต่เกิดเสียที่ไหนล่ะ
...น้องได้ชื่อว่าอมินตรา ตั้งให้คล้ายกับอมินตาซึ่งเป็นชื่อทวดของเขา แต่จู่ๆเมื่อรู้ความเจ้าตัวกลับร้องไห้
บอกว่าฝันร้ายถึงศัตรูที่ตามมาแต่ชาติปางก่อน‘สมัยที่ตนยังเป็นอมินตา’ ยามนั้นพ่อกับแม่ได้แต่สบตากัน
หลังจากคิดสะระตะแล้ว น้องเขาก็ได้ชื่อใหม่ อัคนีมายา สมตัวยิ่งตามพลังไฟอันเลิศล้ำที่มีมาแต่เกิด...
อีกทั้งชื่อใหม่จะคอยซ่อนน้องไว้จากภัยคุกคามที่ตามมาจากชีวิตเก่าก่อน หวังว่ามันจะช่วยได้จริง

แต่ไม่ว่าอย่างไร สำหรับคนเป็นพี่ชายแล้ว แม้น้องสาวจะรู้มาก
น้องก็ยังเป็นที่น่าเอ็นดูเหมือนตุ๊กตาตัวเล็กขนาดพอดีมือ แถมอัคนีมายา
หรือที่ทุกคนมักเรียกว่า‘มายา’นั้นยังเข้าข้างท่านพี่มัชฌิม์ของเธอคนนี้คนเดียวโดยไม่สนใจใคร

‘พี่มัชฌิม์เท่ที่สุด ร่างแปลงก็เป็นเสือดำด้วย ตอนที่ท่านพ่อให้เลือกแปลงร่างตามใจชอบน่ะ
พี่อัคราเลือกเสือโคร่งขาว พี่มัชฌิม์เลือกเสือดำ เท่กว่าตั้งมาก แถมนะ...เวลาไปไหนมาไหน
กับร่างแปลงของคนอื่น ถึงท่านพ่อก็เถอะ เสือส้มเตะตาคนจะตายไป มีแต่พี่มัชฌิม์ที่สีดำสวย
ไม่ฉูดฉาดสะดุดตา’

มัชฌิม์หลุดขำเมื่อสีหน้าน้องน้องจริงจังและไม่ได้มีแววว่าพูดเพียงแค่เอาใจ
‘พูดจาเกินเด็กเสียจริง แล้วทีเจ้า ทำไมไปเลือกเสือดาวล่ะ’

‘ก็ไม่ชอบซ้ำใคร’ อัคนีมายาเชิดหน้า ‘แล้วมันก็ดูเป็นผู้หญิงดี ทั้งบอบบางแล้วก็ปราดเปรียว
แต่ถ้าจะให้เลือกนะ ข้าชอบขี่หลังพวกพี่ๆมากกว่า’

‘อ้อ พูดมาตั้งยาว ที่แท้จะหลอกขี่หลังเรานี่เอง’

แล้วเสือดำตัวย่อมๆกับเด็กหญิงก็ออกผจญภัย หนีหายกันเข้าไปสองคนในป่าใหญ่
ดั้นด้นไปเพื่อเก็บดอกไม้ที่ท่านแม่ชอบที่สุด...‘ดอกบัว’จากสระกลางป่า แต่ใช่ว่าจะยื่นถึงมือคนเป็นแม่ตรงๆ
วิธีที่ทุกคนต่างก็ได้กับได้ คือเอาดอกไม้ไปขายต่อให้ท่านพ่อซื้อไปมอบแด่นายหญิงแห่งเมห์ฮราอีกที
ลงแรงแลกกับค่าขนมจำนวนไม่น้อยที่จะได้ตอบแทน

‘เก็บมาเยอะแบบนี้จะดีหรือมายา’ เสือดำที่มุดลงไปคาบหักก้านบัวจนตัวเลอะน้ำเลอะโคลนชักเบื่อ
กิจกรรมเก็บดอกไม้นี่มันใช่ของเด็กผู้ชายละหรือ ต่างกับน้องสาวตัวน้อยที่กำลังเพลินอยู่คาหลังตน
ไม่ยอมลงเดินลุยน้ำเอง

‘ยิ่งเยอะยิ่งหมายถึงค่าขนมที่เพิ่มมา’ อัคนีมายาฮัมเพลงหงุงหงิงในคออย่างกวนๆ

ที่เข้ากันได้ดีนี้จะเกี่ยวกันหรือเปล่ากับลักษณะภายนอก ท่านแม่เขาผมหยักศก ท่านพ่อผมตรง
พี่ชายก็ผมหยักศก สงสัยเขาและน้องสาวที่ผมตรงจะได้ยีนด้อยมาเหมือนกัน ทั้งที่ข้างพ่อก็มี
คนผมหยักศกอยู่ตั้งหลายคน...แต่พี่อัคราเคยกระซิบ ว่ากันง่ายๆคงต้องว่าเชื้อพ่อแรง

นอกจากผมตรงเหมือนกันแล้วนิสัยก็ยังกวนๆ ชอบมีปัญหากับเรื่องนั้นเรื่องนี้เหมือนๆกันด้วย
สมกับเป็นพี่น้องคู่ซี้ แต่บางครั้งพี่อัคราที่ชอบทำตัว‘แก่’หมกอยู่แต่กับหนังสือก็จะมาขอร่วมวงด้วย
ซึ่งนั่นจะเป็นเวลาที่มีความสุขที่สุด กลิ่นแห่งไออุ่นระหว่างพี่น้องหอมอวล
ยิ่งเมื่อกลายร่างเป็นเสือพร้อมกันโดยยืมพลังอำนาจจากอัญมณีอย่างที่ท่านพ่อสอน
ทั้งสามรักที่จะวิ่งเล่นไล่กันไปรอบๆวังเมห์ฮราให้ผู้คนสิ้นความสงบ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกอาจารย์ชราที่กว่าจะอ้าปากดุทันเหล่าลูกเสือก็เผ่นหนีไปเสียแล้ว

‘นี่พวกเจ้า! หยุดแกล้งคนแก่เดี๋ยวนี้’

ท่านพ่อยังเคยดุ...แต่เนื่องจากท่านไม่ได้ตวาดจริงจัง อย่างที่ท่านแม่ค่อนว่าชอบใจอ่อนกับลูกๆ
อัคนีมายาที่ใช้สิทธิ์ของความเป็นน้องเล็กเด็กสุดจึงยังอยู่ในร่างเสือดาวอ้วนปุกปุย
วิ่งลิ่วหางปลิวส่งเสียงแง้วๆต่อไป

ภาพถัดมาจึงกลายเป็นว่านอกจากเสือโคร่งขาวกับเสือดำรุ่นๆสองตัว เสือดาวเด็กหนึ่งตัว
ยังมีเสือโคร่งสีส้มตัวมหึมาเพิ่มมาด้วย ตกเป็นเป้าให้ลูกๆไล่รุมงับเล่น ทำให้ท่านแม่
ที่ตามมาดูความวุ่นวายส่ายหน้า แต่ก็ยอมถูกล้อมอยู่ในดงเสืออย่างชอบอกชอบใจ

พ่อลูกเคยได้คุยกัน...แท้จริงแล้วเวลาเห็นลูกกลมเกลียวไม่มีแง่งอนอย่างนี้ท่านพ่อก็เบาใจ
เพราะกลัวว่าถ้ามัชฌิม์บ่มเพาะความรู้สึกแปลกแยก มีอะไรไม่พูดไม่บอกใครจนโตไปแล้วจะไม่เข้าที
กลายเป็นเป็นคนมีปัญหาเหมือนกับที่พ่อเคยเล่า

‘ปู่เจ้าก็มีลูกชายสองคนเหมือนอย่างพ่อ แล้วรู้อะไรไหม…พ่อเป็นลูกที่บิดารักมากกว่า
อย่างน้อยๆลุงเจ้าก็คิดแบบนั้น แล้วมันก็ไม่เคยให้ผลดีกับใครเลย พ่อจึงตั้งใจว่าจะรักลูกทั้งสองให้เท่ากัน
แต่ความรักที่แสดงออก บางทีก็เป็นในรูปความห่วงใยต่างกันไปตามนิสัยพวกเจ้า แต่ขอให้รู้
พวกเจ้าสำคัญต่อพ่อและแม่ไม่น้อยหน้าไปกว่ากัน’

เวลาท่านพ่อพูดอ่อนโยนต่างไปจากที่ชอบดุตามปกติ มัชฌิม์มักเขินจนหน้าแดง
ขับผิวที่เป็นสีทองแดงระเรื่อซึ่งก็เหมือนท่านพ่อเองนั่นแหละให้ยิ่งแดงซ่านเข้มขึ้นอีกอย่างช่วยไม่ได้
จนเด็กชายต้องเปลี่ยนร่างไปอยู่ในรูปเสือดำ เดินเข้าไปเอาจมูกซุกมือท่านพ่อที่ยอบตัวลงหา
กลิ่นอันติดตรึงอยู่ในใจ ทำให้รู้สึกถึงความเข้มแข็งทุกครั้งที่ได้สัมผัส โตขึ้นเขาก็อยากจะ
เป็นอย่างท่านพ่อเหมือนกัน
เสือดำยอมคลอเคลียเหมือนลูกแมวตัวน้อยๆจนพ่ออุ้มช้อนเขาขึ้นมาทั้งตัว
ทั้งที่ร่างกายในเวลานั้นก็ไม่ใช่เล็กๆ ขนาดเท่าสุนัขใหญ่เบิ้มนั่นเลยทีเดียว
แต่ท่านพ่อมีพลังเหลือเฟืออยู่แล้ว จะกลัวอะไร...

แม้เรือที่ไหวโยกโยนกล่อมให้หลับใหลดิ่งลึกในนิทรานั้นจะเหมือนแปลญวน
แต่มัชฌิม์ก็รู้ตัวว่ากำลังจะตื่นจากฝัน ฝันถึงอดีตที่แสนหวานกับครอบครัวของตน
มีงอนกันบ้าง ถูกดุบ้าง แต่ตอนนี้ที่จำติดใจเหลือเพียงคำว่า‘รัก’ ถ้าย้อนกลับไปได้
เขาคงบอกกับพ่อว่าเข้าใจแล้ว...เพิ่งจะมาเข้าใจ

อย่า เขายังไม่อยากตื่น แต่สติกำลังกลับคืนมามากเข้าทุกขณะ
มัชฌิม์กำลังค่อยๆตื่น แต่ความอบอุ่นอันแนบชิด อ้อมกอดนั้นยังไม่จางหาย
ออกจะแน่นไปเสียด้วยซ้ำจนเขาเริ่มอึดอัด

“อืม---”
เสียงของสิงห์รานี มาดังอยู่ข้างหูนี่เอง! สัมผัสใกล้ชิดสนิทชิดเชื้อเช่นนี้
นางจะหยิบยื่นมาให้เพียงตอนที่เขายอมอยู่ในร่างเสือเป็นของเล่นให้นางเท่านั้น
แต่เล่นรัดคอกันแบบนี้มัชฌิม์ก็ขาดอากาศตายได้เหมือนกัน

“ฮึ้ย-- นิ่งๆสิ” คนยังหลับงึมงำกระซิบดุ “เป็นหมอนข้างข้า ต้องอยู่เฉยๆเหมือนตุ๊กตา”

“ข้าสมัครเป็นหมอนข้างตั้งแต่ตอนไหน ไม่เห็นรู้ตัว” ชายหนุ่มในร่างเสือดำเถียงเบาๆ

“ข้ายกตำแหน่งกิตติมศักดิ์ให้เอง ขึ้นเรือเขาต้องเอาใจ อยู่บ้านใครอย่านิ่งดูดาย สุภาษิตก็ว่าไว้”

อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดายไม่ใช่รึ ส่วนท่อนแรกนั่นเติมเอาเองตามความพอใจชัดๆ
ขนาดง่วงอยู่แม่นี่ยังมีแก่ใจเล่นมุกขำขัน

“เพราะเจ้ารัดแน่นแบบนี้ ข้าเลยตื่นจากฝันดี” คนคิดถึงบ้านอุบอิบ

“ฮึ!” สิงหรานีคลายอ้อมกอดแล้วพลิกหันบั้นท้ายใส่เสือดำโดยพลัน “ไม่เอาแล้วก็ได้ หมอนข้างพรรค์นี้”

มัชฌิม์รู้สึกแทบจะเป็นเสียดายความอบอุ่นซึ่งแนบชิดเบื้องหลังผละจาก
“ข้ากำลังฝันถึงพ่อ แล้วในฝัน พ่อก็กอดข้าไว้แบบนี้เหมือนกัน หากเรื่องของข้าเป็นอย่างเจ้า
แม้บิดาจะป่วยแต่นึกอยากกลับไปเห็นหน้าก็ทำได้ แต่ตอนนี้ข้าไม่รู้เลยว่าพ่อแม่พี่น้องตัวเอง
จะเป็นอย่างไร ชาตินี้คงไม่มีวันได้รู้...”

เสียงรำพึงดังยืดยาวในความเงียบ ทำเอาสิงหรานีถอนใจอย่างรำคาญ
แล้วมัชฌิม์ก็รู้สึกถึงท่อนแขนที่ฟาดเหวี่ยงกลับมาก่ายทับเขาแทนอ้อมกอด
ไม่นานท่อนขาก็ตามมาด้วยเหมือน
“พูดมากนัก ข้าจะนอนต่อแล้ว”

ชายหนุ่มเมื่อแรกรักหวั่นไหวไม่เป็นส่ำ หรือนี่คือการปลอบโยน
แบบนี้ในใจเขา คือรักรึเปล่า อย่างที่แม่เคยบอก...ความรักก็เปรียบดังน้ำหอมไร้กลิ่น
ตรึงติดชิดใกล้อุ่นรักละมุนละไม เป็นกลิ่นที่ไม่ใช่สัมผัสทางจมูกแต่เป็นหัวใจ
ชายหนุ่มในร่างเสือดำหรี่ตาสีทองวาววับเหมือนไฟให้วูบหลับดับลงอีกครั้ง
ยามมีใครบางคนคนนี้แนบใกล้ เท่านี้ใจก็อุ่นเพียงพอ



หลายวันจากนั้น เรือลมกรดจอดเทียบทอดสมอยังเกาะหนึ่ง สิงหรานีสั่งยกขบวนขึ้นบก
เพราะจะปักหลักที่นี่กันหลายวันหลายคืน มัชฌิม์ซึ่งไม่ได้รับการบอกกล่าวอะไรจึงเอ่ยถาม
“นี่เราเดินทางตามรอยอักขระอย่างเจ้าว่ามาถึงไหนแล้ว ที่ต้องเดินเรือแวะเกาะนั้นเกาะนี้
ตามลำดับจนกว่าจะถึงจุดหมายสุดท้ายน่ะ”

“ก็มาได้ไกลโขอยู่ละ แต่ไม่ต้องรีบนักหรอก ข้ากำลังรอเรือของคนผู้หนึ่งที่จะตามมาทีหลัง”
สิงหรานีหยุดยืนเท้าสะเอวเป็นสง่าทีท่ากวนโทโสคนมองอยู่บนหาด

คนผู้มาจากปีไกลโพ้นในอนาคตเผลอมองเพลิน เขากลับรู้สึกว่าท่ายืนกร้าวแกร่งโต้ลมนั้น
ส่งให้อีกฝ่ายเหมือนนางแบบโฆษณาสินค้าแบรนด์เนมชั้นนำที่เน้นอารมณ์ดิบเถื่อนเป็นธรรมชาติ
ยิ่งทรงผมฟูแบบไม่ต้องเซ็ตนั่นด้วยแล้ว ยิ่งวิเศษ

“รอใคร บอกมา! เจ้าควรจะหัดพูดจาตรงไปตรงมากับข้าเสียบ้าง” มัชฌิม์ก้าวมายืนเท้าสะเอว
ต่อหน้าสิงหรานีบนพื้นทรายขาวนุ่มละมุนเท้าให้ความรู้สึกสบายบนหาด ยายผู้หญิงผมฟู
เหมือนราชสีห์นี่จะมาทำเหมือนเขาเป็นเด็กอายุน้อยกว่าที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของนางถ่ายเดียวอย่างนั้นหรือ
เห็นจะต้องสั่งสอนให้รู้บ้าง เขาไม่เด็กอย่างที่นางเข้าใจ

“เอ้า คราวนี้จะยอมบอกก็แล้วกัน” คนพูดแสร้งทำยักไหล่เบื่อๆ ทั้งที่ความจริงก็กำลังสนุก
อยู่กับเจ้าหนุ่มนี่มันกระชุ่มกระชวยดีแปลกๆอย่างไรพิกล ยิ่งตอนเป็นเสือดำขนนุ่มหนาน่าหมั่นเขี้ยว
นั่นด้วยแล้ว “ข้าจะรออาจารย์ของข้าไง พ่อครูอโพซินเต้ ท่านรู้ว่าเราจะต้องไปพบกันที่หมู่เกาะ
แห่งความเที่ยงธรรมบ้าบออะไรนั่นอยู่แล้ว เพียงแต่มันยังไม่ถึงเวลานัด ข้าเลยว่าจะแวะ
ฆ่าเวลาบนเกาะนี่สักหน่อย”

“ดีนี่ ทำเหมือนมาเที่ยว”

“ไม่ใช่เที่ยวอย่างเดียว เรายังต้องทำงานด้วย”

“งานอะไรอีก” มัชฌิม์กราดสายตาสำรวจ ความรู้สึกบ่งบอกว่ามันคือเกาะร้าง แต่เอาแน่เอานอนไม่ได้เลย
เพราะอาจมีคนแอบแฝงอยู่มุมไหนก็ได้บนเกาะใหญ่ที่รกครึ้มไปด้วยต้นไม้เช่นนี้

“งานของโจรสลัดจะเป็นอะไรไปเสียอีก เราจะไปล่าสมบัติยังไงล่ะเจ้าเด็กน้อย”

ฉับพลัน มัชฌิม์กระชากต้นแขนสิงหรานีเข้ามาชิดจนหน้าแทบจะชนกัน!
คนไม่ทันตั้งตัวสะบัดออกห่างโดยแรง นางยังไม่ยอมให้เขาใกล้ชิดง่ายๆเสียที
ไม่เหมือนตอนที่เป็น‘เจ้าเสือดำของข้า’แถมต้องยอมเป็นหมอนข้างให้ทุกๆราตรี

“เจ้าคนสามหาว! กล้าดียังไง ต่อหน้าลูกน้องข้าเยอะแยะไปหมด” เสียงเอ็ดตะโรลั่น
แต่เหล่าภูตดาราแห่งสายลมที่เป็นโจรสลัดเถื่อนถ่อยบ้างก็หัวเราะออกมาอย่างไม่กลัวผิด
บ้างก็เฉยๆเพราะชินแล้วกับการที่นายตะเบ็งเสียงด่าคน จะมีก็แต่ราชและมหิตคนสนิทเป็นพิเศษ
ของนางสิงห์ที่ยังหรี่ตามองมาอย่างไม่วางใจ

“บอกหลายหนแล้ว อย่ามาเรียกเด็ก” ชายหนุ่มหรี่ตาคมดุลงจับจ้องคนตรงหน้า
อยากจะตะปบเข้าให้เสียด้วยเล็บเสือแล้วกัดกินกลืนนางลงไปทั้งตัว และที่สำคัญกว่านั้น...
อยากจะลองกินหัวใจของนางสิงห์ดูสักที ว่าจะซ่อนความสด ความอิ่มอาบหวานล้ำเอาไว้ขนาดไหน

สิงหรานีขยับจะหยิบดาบ แต่มัชฌิม์ตบอกตัวเองเบาๆพลางยื่นหน้าไปบอกจนชิด
“ถ้าทำร้ายข้า ก็อย่าหวังจะได้เล่นกับเจ้าเสือดำที่ซ่อนอยู่ในนี้อีกเลย”

จ้าวราศีสิงห์ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เสือดำนั้นเป็นของนางแล้ว ไม่มีวันเสียละ
นางเคยอยากเลี้ยงเสือใจจะขาด...
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสือตัวดำๆตาสีเหลืองทองแวววาวอย่างนี้
แต่เท่าที่พ่อยอมให้เลี้ยงก็มีแต่พวกหมาที่ชอบลงเล่นน้ำทะเลแค่ไม่กี่ตัวเท่านั้นเอง!



บนเกาะมีแต่ป่าดิบ กลิ่นอันตรายซ่อนแฝงเงาอยู่เบื้องหลังความเขียวขจี สิงหรานีจึงให้คนของตนรั้งรออยู่
มีเพียงนางเองกับ‘เจ้าเสือดำ’ที่จะรุดเขาไปสำรวจลู่ทางเอาไว้ก่อน

“เกาะนี้เป็นเกาะร้าง ข้าเคยมาที่นี่กับพ่อสองครั้งตั้งแต่ยังวัยรุ่น ไม่สิ ครั้งแรกตอนยังเด็กด้วยซ้ำ...”

“มีคนแบกเอาสมบัติมาซ่อนไว้หรือ”

“อาจจะเล่าข้ามไปสักหน่อย สมัยโบราณที่นี่มีคนอยู่ ก่อนที่พวกเขาจะละทิ้งไป
ปล่อยทิ้งร้างเอาไว้แต่สมบัติของตัว เผื่อว่าจะมีวันใดที่ลูกหลานได้ย้อนกลับมา
ซ่อนยังไงของมันก็ไม่รู้ ซ่อนซะมิดสนิทเลย พ่อข้ามาตามหาตั้งสองครั้งแล้วยังไม่พบ
ที่สุดก็เลยปล่อยมันไว้ แต่ข้าเห็นว่าอยู่ในเส้นทางที่เรือเราไม่ได้เฉียดผ่านบ่อยนัก
นับเป็นโอกาสที่ดีที่จะแวะมา”

เส้นทางในป่าทั้งรกและลื่นไปด้วยตะไคร่ แต่สภาพแวดล้อมจนภูมิประเทศก็ไม่เป็นที่ยากลำบากอะไรเลย
กับเสือตัวดำปลอดสักตัว ซึ่งสามารถโจนแผล่วจากกิ่งนั้นไปกิ่งนี้ได้สะดวกดายเหมือนอยู่บนพื้นราบ

หญิงสาวได้แต่มองอย่างริษยา แม้วิชาตัวเบาของสิงหรานีจะเลิศล้ำ แต่สำหรับทำเลป่ารกขนาดนี้
ซึ่งบางจุดก็แทบไม่มีที่จะเกาะจะยืน สี่ขาก็ย่อมดีกว่าสอง ดังนั้นในจังหวะหนึ่ง นางผู้เป็นจ้าวราศีสิงห์
และต้องการอยู่เหนือกว่าจึงดีดตัวขึ้นไปเกาะอยู่บนหลังเสือที่กำลังหมอบคอยตนเบื้องหน้าเสียเลย

“นี่เจ้า!” หูของเสือลู่หลุบไปข้างหลัง ยามเอี้ยวตัวมองอย่างตื่นตกใจมากกว่าอื่น

“ทำไม ไปต่อสิ...เจ้าเสือดำ เจ้าเป็นของเล่นของข้าแล้ว ยอมให้ข้าขี่หลังดีๆซี ตัวใหญ่ขนาดนี้ น่าขี่ออกจะตายไป”

มัชฌิม์หน้าบึ้ง แต่ในเมื่อเขาเป็นเสืออยู่จึงดูไม่ออก ร่างปราดเปรียวสีดำปลอดโจนต่อ
โดยมีคนนิสัยไม่ดีติดอยู่บนหลัง ไม่ได้โกรธอะไรหรอก เพียงคิดว่าถ้าแม่ผู้หญิงหยาบกระด้างนี่
หัดทำแบบนี้ตอนเขาอยู่ในร่างคนบ้างคงดีไม่น้อย ถ้าเขาอยู่ในร่างคน แล้วนางปีนขึ้นมาคร่อมบนตัว...
มัชฌิม์หน้าแดง แต่เพราะอยู่ในร่างเสือแถมยังเป็นสีดำจึงมองไม่ออกอีกเช่นเดิม

“หงุดหงิดหรือ” นางเอามือลูบหูที่ลู่ลงจนติดศีรษะของเสือให้กลับคืนรูปดังเดิม
แต่มันก็ไม่ยอมเป็นดังใจง่ายๆ “อย่างเจ้าคงไม่เคยยอมให้ใครขี่หลัง” สิงหรานีหัวเราะดังอย่างอารมณ์ดี

เสือส่งเสียงฟืดออกมาทีหนึ่ง “ผิดแล้ว เจ้าไม่ใช่ผู้หญิงคนแรกที่ขึ้นขี่ข้า...โอ๊ย ทำอะไร เจ็บนะ!”
มัชฌิม์โกรธจนขนฟูเมื่อคนบนหลังขยุ้มดึงขนดำแน่นนุ่มของเขา “ทำข้าทำไม”

“ใคร! ใครมันบังอาจขึ้นขี่เจ้าเสือดำของข้า บอกมา!” สิงหรานีแม้ตะโกนออกมาอย่างคะนอง
แต่ใจกลับคิดสงสัย มีคนอื่นมาก่อนตนด้วยหรือ ทั้งที่มัชฌิม์ออกจะหยิ่งทระนงเชิดหัวเชิดหางขนาดนี้
แปลว่าผู้หญิงคนนั้นคงมีความสำคัญไม่น้อย “เฮอะ จะใครก็ช่างปะไร ไม่ใช่เรื่องที่ข้าจะต้องเอามาใส่ใจนักหรอก”

“ก่อนนี้ คนเพียงคนเดียวที่ข้ายอมให้ขึ้นหลังก็คือน้องสาว ต้องเป็นคนที่สำคัญกับข้ามากเท่านั้น
และข้าก็อยากให้เจ้าเก็บเรื่องนี้เอาไว้...ใส่ใจ” ปลายเสียงทอดอ่อนละมุนอย่างที่แทบไม่เคยทำมาก่อน

คนบนหลังเสือรู้สึกคล้ายจะเสียหลักตกลงไปโดยไม่มีเหตุผล อยากจะขยับทึ้งขนเสือเสียอีกทีเป็นการลงโทษ
เป็นแค่ผู้ชายที่อ่อนกว่าแท้ๆ ทำมาพูดดี “เจ้าบ้า” เสียงที่ควรจะตวาดด่าออกไปตามปกติกลับกลายเป็น
เสียงแผ่วเบาจน‘เจ้าเสือดำ’ที่กำลังรื่นเริงใจไม่ได้ยินไปกับนางด้วยสักนิดเดียว



“ข้าคิดว่ารีบร้อนไปเราอาจพลาดการหาสมบัติ ควรจะลองมองด้วยระดับสายตาอย่างมนุษย์ปกติดูจะดีไหม”
เสือดำว่าขณะกำลังนั่งพักโดยมีนางพญาผู้ไม่ยอมลงคร่อมหลังอยู่ ไม่เพียงเท่านั้นยังไม่รอรี
แกล้งกลายร่างกลับเป็นคนทั้งแบบนั้น ทำให้เกิดภาพหญิงสาวผมฟูฟ่องกำลังขี่อยู่บนหลังของชายหนุ่มรูปงาม
ไม่เพียงเท่านั้น มือซึ่งยังแหวกหาเห็บหมัดที่ไม่มีอยู่ให้เจ้าเสือดำก็กลับกลายเป็นเล่นผมเฝ้าของเขาหนุงหนิง
แทนไปเสียอย่างนั้น

สิงหรานีสบถลั่น ดีดตัวแทบไม่ทันลงจากหลังคนที่เปลี่ยนมานอนหงายแล้วหัวเราะหึๆ
มัชฌิม์ยกมือห้ามคำบ่นพร่ำโวยวายที่จะตามมา ก่อนเอามือลูบท้อง

“แต่ยังไงวันนี้พักก่อนเถอะเสือหิวจนจะกินผู้หญิงแถวนี้ได้อยู่แล้ว”

“ก็ได้ ข้าเองก็หิวเหมือนกันหรอกนะ ถึงได้ยอม” คนตอบเข่นเขี้ยว

ถ้ำที่อยู่ไม่ไกลจากจุดนั้นมีแสงสว่างลอดผ่านรำไร และที่สำคัญมันมีแหล่งน้ำจืด
มีช่องทางให้สิ่งมีชีวิตแหวกว่ายเข้ามาวนเวียนอยู่ภายในนี้ที่ปลอดภัยจากนก
เกิดเป็นระบบชีวิตขึ้น น้ำเป็นสีเขียวอมฟ้าใสเหมือนกระจกและลึกอยู่พอตัว
สิงหารานีชี้ชวนให้มัชฌิม์ดำน้ำลงไปช่วยกันแซะงมเอาหอยชนิดหนึ่งขึ้นมา

“นี่...พ่อข้าพาข้ามาที่นี่ทุกทีเวลาแวะมา หอยนี้อร่อยมาก ไม่มีที่อื่น ข้ายังฝันถึงมันอยู่เกือบตลอดเวลา”

“อ่อ งั้นสงสัยคงไม่ใช่แค่เรื่องหาสมบัติเรื่องเดียว” มัชฌิม์ที่ถอดเสื้อเห็นแผงอกตึงแน่นมีอักขระสักไว้เต็ม
เดินไปยอบตัวลงข้างคนที่ตอนนี้ผมเปียกลู่ไม่ฟูเหมือนยามปกติ ทั้งกำลังง่วนจัดการกับหอย
“คนเล่นอาคมดำทางเจ้า ทำไมไม่สักตัว พ่อครูอโพซินเต้ไม่บอกให้ทำรึ ขนาดข้าโตมากับสายขาว
อย่างท่านพชรมุนินท่านยังเลือกให้ข้าสักอาคมไว้บนเนื้อบนตัว บอกว่าข้าเหมาะกับสายนี้”

“ข้ามีดาบอักขระก็เพียงพอ ข้ามันพวกชอบใช้กำลังมากกว่า อีกอย่างข้าไม่ชอบให้เนื้อตัวมีรอย”

อืม งั้นแม่สิงห์ดุนี่ก็ยังมีความเป็นหญิงหลงเหลืออยู่บ้าง “แล้วถ้าผู้ชายมีรอยสักล่ะเจ้าชอบไหม...
ข้าหมายถึง ชอบมองหรือเปล่า”

คนกำลังทุบเปลือกหอยหันไปเลิกคิ้วมองอย่างกวนๆ จู่ๆก็นึกอยากขำ “ไม่รู้สิ ยังไม่เคยคิดจะมอง
เพราะพี่ชายข้าสองคนแรกก็โง่เง่าไม่เอาถ่าน ป่าเถื่อนปลิ้นปล้อน คนสามก็ปฏิเสธการต่อสู้แบบที่สิงห์ทำกัน
แต่ก็ยังเคยเสนอตัวจะมาปกครองเรา โดนพ่อไล่ตะเพิดไปนานแล้ว ข้าเคยคิดเล่นๆว่าอยากมีลูก...
แม้จะหัวเสียกับพี่ชายอย่างไร แต่หากจะสนใจก็คงต้องเป็นชายที่แก่กว่าสักหลายๆปี
ข้าไม่ชอบเด็กพูดอ้อแอ้ไม่รู้ความ”

“อ้าว เด็กบางคนก็ลิ้นไวนะ อย่าดูถูกกัน” มัชฌิม์ยังไม่วายยั่วหน้าตายอย่างคะนองปาก
ส่วนคนฟังแกล้งทำไม่ได้ยินเขาเสียอย่างนั้น

กองไฟถูกก่อขึ้นใต้คูหาหินชะโงกเงื้อมหน้าถ้ำเล็กๆที่มีสระน้ำแสนน่าอัศจรรย์นั้นเอง...
หลังจากโรยผงสมุนไพรหอมๆได้รสลงไปแล้วเอาหอยสีน้ำนมตัวเกือบเท่าฝ่ามือขึ้นย่างไฟ
กลิ่นหอมยวนยั่วก็กรุ่นกำจายไปทั่วจนทั้งคู่เลิกพูด จะกินกันมากเท่าไหร่ก็ได้ หอยร้อนๆ ย่างพอสุก
เปลือกหอมกลิ่นไฟชวนน้ำลายสอ จิ้มกับเครื่องจิ้มที่สิงหรานีพกมาในย่ามอีกเช่นกัน

“เป็นลูกทะเลต้องหัดพกไว้ น้ำจิ้มแซบๆ แม้ว่าหอยนี่จะเป็นหอยน้ำจืดก็ตามที”

ทั้งคู่กินกันไปพลางคุยกันไปพลาง มัชฌิม์ก็เอียงคออย่างสงสัย “เจ้าแน่ใจหรือว่าแถวนี้จะมีสมบัติ”

“ก็ไม่ แต่อย่างที่บอก เห็นผ่านมาก็เลยนึกอยากลอง แล้วอีกอย่าง ที่นี่มีความทรงจำของข้ากับพ่อ
ในเวลาที่พ่อข้ายังแข็งแรงดีอยู่”

“งั้นมันก็เป็นสมบัติสำหรับเจ้าจริงๆ” ชายหนุ่มโยนเปลือกหอยฝาสุดท้ายลงข้างกองไฟ
ลุกเดินไปล้างมือยังบ่อน้ำใสและหัวเราะบางเบาก้องสะท้อนไปกับผิวน้ำในถ้ำ
“สมบัติที่แท้คือความทรงจำดีๆ ไม่มีสิ่งใดมีค่าไปกว่านั้นอีกแล้ว”

ตกค่ำ หลังจากนั่งผิงไฟกันจนตัวแห้งดีแล้ว มัชฌิม์ก็ยังไม่วายถามขึ้นอีก
“ครั้งสุดท้ายเราได้ข่าวว่าท่านพ่อเจ้าอาการเพียบหนัก ตอนนั้นทำไมเจ้าถึงไม่ยอมไปหาพ่อ”

“เรื่องพ่อข้าทำใจได้นานแล้ว” คนถูกถามที่กำลังนั่งเพ่งกองไฟไหวไหล่ “อีกอย่าง รู้ไหมว่านี่จะ
ทะเลจีนใต้อยู่แล้ว ย้อนกลับไปอ่าวเมาะตะมะมันไกลแค่ไหน เราไม่มีวันไปถึง
เกาะแห่งความเที่ยงธรรมทันเวลาที่นัดแนะไว้กับพ่อครู”

“ที่ที่พ่อเจ้าอยู่คงไม่ไกลไปกว่าพ่อข้า...ที่อยู่ไกลไปถึงอีกโลกนึง ถึงอยากจะเจอแค่ไหนก็เจอไม่ได้”
มัชฌิม์ระบายลมหายใจ

หญิงสาวผู้เป็นนายแห่งโจรสลัดเหลือบมองอีกฝ่ายอย่างค้นหา ถึงจะได้ฟัง
เรื่องของเจ้าเสือดำมาบ้างแล้วก็เถอะ เรื่องราวอันเหลือเชื่อจนน่าอัศจรรย์ แต่มันก็เป็นความจริง

“นางสิงห์ของข้า...ถ้าเจ้าอยากไปข้าจะพาไป ให้ขี่หลังเสือดำไปตลอดทางเลยดีไหมล่ะ
เหนื่อยนักก็แวะพักกันบนเกาะ”

สิงหรานีส่ายหน้ากับข้อเสนอพลางยิ้มและหัวเราะ “ตอนนี้เรามีเวลา แต่เวลาก็ไม่ได้เหลือเฟือมากมายขนาดนั้น
...ช่างเถอะ อีกอย่างพ่อข้าก็ไม่รู้สึกตัวแล้ว ตลอดเวลาที่พ่อยังพอรู้ตัว ข้าก็ได้ทำส่วนของข้าดีที่สุด
...ก่อนนั้นเราต้องเป็นโจรสลัด พร่าชีวิตและของรักของผู้อื่น เพื่อสร้างความกลัว เอามันมา
เป็นขั้นบันไดอิฐแห่งพีระมิดซึ่งเรียกว่าความยิ่งใหญ่ เพื่อเป็นหนึ่งในรัตติดาราที่คนเกรงขามไม่กล้ารังแก
ไม่กล้าเขมือบกลืนเราหรือแม้แต่หาญมาต่อกร ...แต่ข้าบอกพ่อ หากหนทางของเราคือออกเรือไป
ในมหาสมุทรแห่งชีวิตอย่างอิสระ ข้าจะปลดปล่อยเราจากรัตติดารา พ่อเป็นสุขกับทางที่ข้าเลือก
ท่านเองก็เคยอยากเดินทางนี้ ในรุ่นของพ่อยังทำไม่สำเร็จ...แต่สำหรับข้า จะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะเป็นจริง”

“งั้นก็ถือว่าเจ้าตอบแทนพ่อได้สมศักดิ์ศรีแล้ว ทำไมทำหน้าอย่างนั้น
อยู่กับข้าไม่จำเป็นต้องยิ้มทั้งๆที่อยากจะร้องไห้หรอกนะ”

สิงหรานีหายใจเข้าแรง เกือบจะสบถคำว่า ‘ถุย!’ ออกมาตามนิสัยกร้านกร้าวอย่างปกติ
แต่แสงอ่อนโยนจากแววตาดุที่คล้ายจะขัดแย้งกันนั้นกลับทำให้นางอ่อนลงตาม

มัชฌิม์ เป็นฝ่ายหันกลับไปมองกองไฟ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องเพื่อให้อารมณ์แช่มชื่นคืนกลับมา
“พูดถึงเรื่องสมบัติแล้ว... ตุ้มหูเพชรสีดำของข้าที่เจ้าปล้นไป มันเป็นของตกทอดจากท่านพชรมุนินเชียวนะ
เมห์ฮราเราก็ยืมพลังจากอัญมณีมีคุณไม่ต่างจากรัตติดารา แต่บังเอิญว่าพลอยเก่าของข้าที่แขวนไว้กับ
สร้อยมันพลัดหล่นหายไปตอนข้ามเวลา อีกอย่าง คนเกิดราศีเมษเช่นข้า ท่านอาจารย์ว่าถูกโฉลกกับเพชร
และต้องเป็นเพชรสีดำ”

มือฉกที่โดนกล่าวโทษหัวเราะขำ ก่อนจะยุกยิกหยิบบางอย่างออกมาจากชายพก โยนเล่นขึ้นๆลงๆ
ให้ประกายดำวะวับสะท้อนเข้าตาคนมอง “อยากได้คืนหรือเปล่าล่ะ”

“ไม่เป็นไร เจ้าเก็บไว้ก็ได้ ข้ายังมีตุ้มหูห่วงที่ซ่อนเพชรไว้ด้านในวงอีกอยู่อีกถึงเจ็ดนี่ไง
ชายหนุ่มเอียงตุ้มหูเหล็กดำมันละเลื่อมอวด

“อืม ข้าชอบมัน สมบัติชิ้นนี้ของเจ้า อันที่จริงข้าก็เคยอยากเจาะหู เจาะนั่นเจาะนี่
เหมือนพวกสลัดทั้งหลายเขานิยมกัน”

“แล้วทำไมไม่เจาะ หรือว่า...เจ้ากลัว” คราวนี้สายตาดุดันมีแววยั่วเย้าอีกฝ่ายในที

คนกำลังเอกเขนกขยับเหยียดตัวขึ้นนั่งตรงขึ้นทันที “เชอะ ไม่ได้กลัว” ปลายเสียงห้าวห้วนสะบัด
หันมาจ้องหน้าผู้ชายอายุน้อยกว่าอย่างเอาจริง “ข้าไม่เคยกลัวอะไรทั้งนั้น!”

“มีหรือ อยากใส่แล้วไม่ใส่ ถ้าไม่กลัวจริงก็พิสูจน์”
ชายหนุ่มค่อยขยับคืบคลานเข้าไปใกล้ หยิบตุ้มหูจากมือเรียวมาถือไว้เอง ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะ
ใบหูนางสิงห์ที่คราวนี้ยอมให้สัมผัสแต่โดยดี “ข้าจะจัดการให้” ร่างแข็งแกร่งขยับเข้าไปจนชิด
มือหนึ่งประคองหน้าเรียวสวยให้ตะแคงหันด้านเหมาะรับแสง เพื่อมองหูขาวๆของนางให้ถนัด

นางสิงห์รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆรินรดใบหูตน จังหวะหายใจเขาผิดแปลกคล้ายพยายามข่มกลั้นบางอย่าง
แล้วเจ้าเสือดำก็เอาแต่จดๆจ้องๆ ไม่ลงมือเสียที

“เสร็จหรือยัง จับอยู่นั่น!” คนดุเบาๆแทบกลั้นใจ ไม่กลัวมีด ไม่กลัวดาบ แต่มาหวั่นกับอีแค่เจาะหูนี่เอง
ก็มันเป็นจุดอ่อนไหวของนางนี่นา

ความเจ็บจี๊ดสะกิดตรงปลายติ่งหู เมื่อก้านโลหะแทงทะลุ ก่อนจะมีเสียงกริ๊กเบาๆ

“เสร็จแล้วรึ” คนถามตั้งใจจะพูดห้วนจัด ทว่าเสียงที่ออกไปกลับเบาคล้ายคิดค้างอยู่ในคอกว่าครึ่ง
“แค่นี้เอง หลงกลัวอยู่ตั้งนาน” คนกำลังยินดีหัวเราะ แถมยังเผลอสารภาพความกลัวของตัวเองเสร็จสรรพ
จนเจ้าของเสียงห้าวขำตามอยู่ข้างหู

มัชฌิม์ยืนหน้าใกล้เข้าไปอีกนิด พอให้จมูกจ่อชนอยู่ที่แก้มขาวๆข้างไรผมจอนหูนั้น “สิงหรานี ข้า...”

เพราะจดจ่อรอฟังคำพูดเขา นางจึงไม่ได้พลิกพลิ้วกายหลบหนีหรือลงไม้ลงมือสวนเข้าให้
หรือจะเพราะอื่นใดเจือปนก็เกินจะตอบตนเอง

ทว่าที่สุดมัชฌิม์ก็ไม่ได้พูด เขาค่อยๆจรดริมฝีปากช้าๆลงบนแก้มขาวเรียบลื่น พบว่านุ่มกว่าที่คาดเอาไว้
จากสีหน้ากระด้างที่เห็นอยู่เป็นประจำ บุตรชายของผู้นำเมห์ฮราไม่ได้หยุดแค่นั้น ฝ่ามือระอุยังค่อยๆ
ประคองเสี้ยวหน้าของคนที่ผินข้างให้หันมาทางตน จุมพิตไหลเรื่อยไปตามครรลองจนพบริมฝีปาก
ที่เผยอค้างอยู่ด้วยคาดไม่ถึง เขาขบเม้มเบาๆที่ปากสวยอย่างหยอกเอิน

ด้วยอารมณ์ที่พาใจเข้ามาอยู่ใกล้กันจนคาดไม่ถึงตลอดวันนี้ทั้งวัน อาจเพราะเหตุนั้นนางสิงห์จึงมิได้ขัดขืน
นางส่งเสียงอืออาคล้ายคำประท้วงอยู่ในคอแผ่วไหว ยามตกอยู่ใต้อำนาจของจุมพิตราวกับอยากทดลอง
ไปกับเขาด้วยว่ามิชฌิม์จะนำพาตนไปไกลถึงไหน แล้วเมื่อเขาถอนริมฝีปาก
สิ่งที่ชายหนุ่มเห็น...แก้วตาสีน้ำตาลอ่อนกระทบแสงไฟ ในหน่วยตาหรี่ปรือซึ่งทาขอบไว้ดำด้วยสีที่ติด
เกือบจะเป็นถาวร ทำให้เจ้าตัวดูเย้ายวนอย่างเหลือร้าย หญิงดุที่พร้อมจะโจนเข้าหาเหยื่อ
แล้วหัวใจของเขาก็ตกอยู่ในกรงเล็บนางจนถอนตัวไม่ขึ้น

ริมฝีปากของหญิงสาวแย้มออกคล้ายอยากผรุสวาท แต่แล้วกลับกลายเป็นรอยยิ้มมุมปากท้าทาย
“ไก่อ่อนแบบนี้...ข้าไม่สะเทือน”

มัชฌิม์หัวเราะคล้ายคำราม ก่อนจะกระซิบตอบเผ็ดร้อน “ข้ากลัวแต่ว่า ถ้าใช้ลิ้นแล้วจะโดนกัดจนขาด
แถมเอาไปโยนให้หมากิน” พูดจบมือแข็งแรงกลับกระชากรั้งร่างบอบบางกว่าเข้าไปกอดรัด
จูบครั้งสองนี้รุนแรงยิ่งกว่าครั้งแรก เริ่มจากหยอกเอินแทะเล็มเป็นบุกทะลวงซอนแทรก
ไม่ต่างจากภมรไซ้หาน้ำหวานจากกลีบนาง

สิงหรานีรู้สึกหวิวๆตาลาย ตอนนี้นางถูกรั้งขึ้นไปจนก่ายเกยอยู่บนหน้าตักชายจากสกุลแห่งแสงสว่าง
ซึ่งแต่ก่อนไม่ว่าอย่างไรก็เป็นขั้วตรงข้าม แต่หากไม่มีรัตติดาราแล้ว เจ้าเสือดำนี้ก็อาจเป็นของนางได้จริงๆ
จะมีวันนั้นละหรือ...

ความคิดที่เผลอสติทำให้เผลอปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความรุ่มร้อนที่เขาปรนเปรอ
ต่อเมื่อชายหนุ่มเป็นฝ่ายผละออก นางสิงห์จึงได้รู้สึกตัว

“ว่าคนอื่นไก่อ่อน แต่ดูเหมือนท่านสิงหรานีจ้าวราศีสิงห์ก็จะไม่เคยใช้ลิ้นทำอะไรแบบนี้
เก่งแต่เอาไว้ด่าคน” คนตาดุช่างยั่วเย้าแหย่

เมื่ออารมณ์ของทั้งคู่จุดติด
ดูเหมือนคนที่โดนตราหน้าว่าอ่อนวัยกว่าจะมิได้ประมาณตนเลยแม้สักน้อย
เขายังคงสัมผัสนางต่อไป...และต่อไป



------------------------
ตอนแรกไม่คิดจะตัดจบแบบนี้ แต่ด้วยความชอบแหย่ของคนเขียน ก็อยากให้เดากันเล่นๆ
ว่าต่อไปจะเป็นยังไง ใครไม่อยากซื้อจริงๆจะไปยืนอ่านก็ได้... แต่ซื้อเถอะนะ เค้าง้ออยู่ 55
ใครแอบอ่าน ตอนนี้จะเผยตัวมาเม้นต์ทิ้งท้ายไว้หน่อยจะเป็นไร รักนะ แต่ไม่แสดงออก ยังไม่เพียงพอ

ในที่สุดก็มาถึงตอนสุดท้าย
คนอาจยุ่งตรุษจีนกันหมด แต่ยังไงก็ขอให้กลับมาลากันนะคะ
เรื่องหน้า โปรเจคลับอลังการ อาจไม่ได้ลงให้อ่าน
แต่จะมีเอาอะไรดีๆจากการเขียนมาแบ่งปันเรื่อยๆ
ยังคุย+ถามไถ่กันได้ที่เฟซบุคเพจ อสิตา ... .. .
อย่าลืมกดไลค์ส่งท้ายให้เค้านะ ถ้าใครว่างช่วยกดย้อนหลังให้ครบทุกตอนก็จะเป็นพระคุณ
ชาวบ้านจะได้เชื่อว่ามันสนุก(หรือหลงเชื่อ...แอะ ไม่ใช่ละ) คนเขียนยังเชื่อว่าความพยายามของตัวเอง
ไม่แพ้ใคร และคุ้มค่าที่คนอ่านจะเสียเงิน
เพราะเช่นเคย...ยอดขายภาคนี้ก็คงจะมีผลมากๆ ต่อการได้เขียนภาคต่อ
ใครอยากอ่านเรื่องราวที่สมบูรณ์ของตามิตร สาวน้อยอัคนีมายา รวมถึงท่านพี่อัครา
เสือโคร่งขาว พี่ชายของมัชฌิม์ ก็โปรดช่วยกันอุดหนุนเล่มโมรารัตติกาล
และเพื่อนร่วมทางอีกสองเล่มด้วยน้อ

ด้วยรัก ...จากดินแดนแห่งจินตนาการ
อสิตา




อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ม.ค. 2557, 08:59:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ม.ค. 2557, 09:20:38 น.

จำนวนการเข้าชม : 2130





<< บทที่ ๑๖ คำบอกลาครั้งสุดท้าย (...จบบท - ต่อจากนี้ไปจะเป็นยังไงนะ)   
ketza 30 ม.ค. 2557, 09:00:16 น.
เกดซ่า คึกคักมาแย้วววววววววววว


ดวงมาลย์ 30 ม.ค. 2557, 09:03:24 น.
มาด้วยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


อสิตา 30 ม.ค. 2557, 09:09:55 น.
คุณเกดซ่า – มาดูกันนะว่าตอนสุดท้ายเกดซ่าจะมาคนแรกอ๊ะป่าว คนเขียนรอดูเกดซ่าคลั่งอยู่ มาเลยเร็วๆ
มาดีด มาดิ้น ตีแปลง แด่วๆๆ ตอนนี้เกดซ่าคงลืมความระทมของฝั่งงูไปได้บ้าง ด้วยจิตที่โฟกัสอย่างอื่น
คุณก้อนหิน – ตัดขาดดด ชับๆๆๆ คู่โน้น แต่คู่นี้เพิ่งจะต่อติด อร๊ากกกก คนเขียนก็เขินนะ เวลาเขียนอะไรแบบนี้
ถ้าเล่นเฟซบุคก็โผล่ไปทักทายกันบ้างนะคะ อ่านมาหลายเรื่องแล้ว อย่าลืมบอกด้วยล่ะว่านี่คือคุณก้อนหิน *-*
คุณดังปัณณ์ – หนอนคิดว่าตอนต่อของฉากนี้จะเป็นยังไงล่ะ ไว้ถกกันวันพุธก็ได้มะ 555 ระวังโดนลวนลามนะหนอนนะ
หนูสิจะรอดไปไกลแค่ไหน ใครจะช่วยใคร เดี๋ยวรู้เลย(ในเล่ม)
คุณบุลินทร – อย่ามาาาา ต้องพูดว่า...อ่านแน่ครับท่านพี่มิ้งค์ๆ
คุณเด่นเดือน – ความสามารถในการเดาไม่ใช่น้อยๆนะคะ ลองมาเดาตอนต่อของคู่นี้บ้างปะไร
ชาจังไม่ได้ความจำเสื่อมหรอก แต่ฮีคิดว่าสิตารารู้แค่ว่าตัวเองเข้าหาจ้าวราศีกันยา(แล้วจิ้นต่อเอง)
ตามนิสัยชามัลว่าคงได้กัน ฮีคิดไม่ถึงว่าหนูสิได้เห็นฉากนัวเนียกับตาขนาดนั้นจนเข้าใจผิด แง่มๆ
ช่ายยย บนเกาะมีฉากอลังการงานสร้างจริง ทำเอาคนเขียนปวดหัมากว่าจะเคลียร์ตัวละครมหาศาลนี้ยังไง
แต่หลังจากจัดแจงอยู่นานก็คิดว่าออกมาเหมาะสมละน้า
(ถ้าเค้าไม่ได้ลงนิยายตามไปทักเค้าในเฟซบ้างนะ เค้าเหงา)


อสิตา 30 ม.ค. 2557, 09:10:33 น.
เหยยยยย
ยังตอบเม้นไม่ทันจบเกดซ่ามาไวอีก
แถมมีท่านพี่ดวงมาลย์ของน้องยามาให้ซุกไซ้


อสิตา 30 ม.ค. 2557, 09:21:38 น.
คุณโกลเด้นซัน – สิตาราเป็นคนดี แทงชามัลไม่ลง ยิ่งรักเขาขนาดนี้... คู่มัชฌิม์ก็น่าลุ้นนะคะ
เพราะความปรารถนาของฮี ที่จริงแล้วก็คือการกลับไปหาครอบครัว ถ้าจะทำได้ ต้องทำลาย
โมรารัตติกาล แล้วส่วนตัวคนเขียนเองก็ไม่ชอบเห็นคนเลือกความรักมากกว่าครอบครัว
เสียด้วยสิ บทสรุปจะเป็นยังไงในเมื่อคนเขียนเป็นแฟมิลี่เกิร์ล ช่วยอุดหนุนด้วยนะคะ แล้วเจอกันใหม่ๆ
คุณใบบัวน่ารัก – แหม ว่าชามัล แต่ประดยคสุดท้ายนั่นเอาใจช่วยอยู่นี่นา ถูกบ่วงเสน่ห์งูดำรัดเข้าแล้ว
แต่ตอนนี้เสือดำก็มาส่งท้ายจนสาแก่ใจเลย
คุณเฟอร์ หางกระจุก ก้นกระเดิด – มาเย้ยงูอีกนะ ตอนนี้มาเย้ยเสือบ้างมะ
ตามารรักหนูสิจะตายแล้ว เอาใจช่วยหน่อยเถอะ ใจมันโหวงนะ ส่วนพี่รอง มะม้าว่าเฟอร์ต้องรีบอ่านเล่มแล้ว
แต่ตอนงานหนังสืออย่าลืมแวะมากินข้าวกะพวกมะม้าอีกนา ส่งจูบ

คุณหนูยิ้มแย้มมมม – ดีใจ น้ำตาซึมตอนอ่านด้วยแปลว่าอินมาก เย่
ไว้เจอกันนะ แต่งตัวสวยๆมาถ่ายรูปกันด้วย เดี๋ยวเตรียมของไว้ให้ตามสัญญา หุหุ
คุณผักชี – มีใครเขาฟินกับอะไรแบบนี้กันคะ ใจร้ายกับงูจังเลยนะ ...แต่ตรง
ชามัลเปลือยและเปียกลื่นยื่นกว่าเธอ ดูเหมือนจะอินกว่าใครเลยนะ
แปลว่าแอบจ้องงูอยู่เฉพาะจุดแน่นอน ยังไงก็ขอบคุณนะที่เป็นกำลังใจให้มาตลอด
ความดีความชอบจะไปตกอยู่ที่แมวเสือตัวนั้น จุ๊บๆๆ
คุณพทิสา – นั่นสิคะ งานนี้ชามัลขอคืนดีธรรมดาคงไม่ได้แล้ว ต้องใช้มากกว่านั้นให้สิตาราเห็นใจ
คนเขียนหาทางออกอยู่นานเหมือนกัน


คุณซันไรซ์ – จริงๆไอ้สิ่งนั้นมันก็คงยื่นจริงๆนั่นแหละค่ะ อ๊ายยย เพียงแต่ว่าคนเขียนไม่ได้ตั้งใจจะบรรยายออกไป
จะเขียนว่ายิ่งกว่าเธอ เดี๋ยวรอดูว่าต้นฉบับจะแก้ทันไหม แต่จริงๆคนเขียนรู้ชะตาแล้วละ คั่กๆๆ
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ – ตอนเขียนพลังจินตนาการสูงมาค่ะ มันเลยส่งให้เขียนไอ้ที่ยื่นๆออกมาแม้ไม่ได้ตั้งใจ
-.,- เลือดกำเดาจะไหล ชามัลเจ็บ จำ และสาสมไปแล้ว แต่ยังต้องสู้กับมัชฌิม์และอื่นๆอีก งานนี้จะรอดไปเจอหนูสิไหม
นี่เป็นหนทางที่จิตวิญญาณเปลี่ยวเหงาจะได้เติบโต หากว่าไม่ก้คงจมหายไปในห้วงนรกานต์ รักงูหน่อยนะ...


นักอ่านเหนียวหนึบ 30 ม.ค. 2557, 09:26:25 น.
โอ้ยยยยย มีไรมาให้วาบๆๆ หวิวๆๆ แต่เช้าเบยยย คิๆๆๆ


sunrise 30 ม.ค. 2557, 09:29:12 น.
แง้ว ตอนสุดท้ายมาแต่เสือกับสิงห์ งูหายไปอีกละ ไม่เป็นไรรออ่านในเล่มก็ได้จ้า


นักอ่านเหนียวหนึบ 30 ม.ค. 2557, 09:29:35 น.
อ๊าวววววว นี่เรื่องของตาเมาเหรอเนี่ยยยย
ไม่รู้เลยนะเนี่ยยยย
นึกว่าตอนนี้เป็นตอนจบ พระ นาง กิ๊บกิ้ววว กันเรียบร้อย
5555


อสิตา 30 ม.ค. 2557, 09:34:36 น.
เสือสิงห์กำลังเพลินค่ะคุณซันไรซ์ ขอบคุณที่รออ่านเล่มค่ะ
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ แหมๆ เย้ยงูอีกแล้วนะ เค้าว่าคนเรามักชอบแกล้งคนที่เราแอบชอบง่ะ


konhin 30 ม.ค. 2557, 09:42:00 น.
โอ๊ะ หวานส่งท้ายในเนตตต เก็บไปฝันต่อดีกว่า ฮ่าๆๆ เล่นfacebook เหมือนกันค่ะ แต่ช่วงนี้ไม่ได้เล่นเลยย ขอให้หนังสือขายดีๆนะคะ


ketza 30 ม.ค. 2557, 09:55:16 น.
อ๊ายๆๆๆๆ เกดซ่ากรี๊ดดดดดสลบ .....ดีดดิ้น ดีดดิ้น ชักกะเด่ว ดุ๊กดิ๊ก ยุกยิก ซู่ซ่า ฮื้อหือ อ๊าห๊าาา..ตาโต๊...⊙▽⊙ ตัดจบกันแบ๊บนี้ได้ไง๊ แทบจะมุดหัวเข้าหน้าจอแหวกดูว่ามีอีกม๊ายยยย ....แหม๊ๆๆๆ เสือดำ(ของเกดซ่า≧0≦)แซบได้ใจรุกฆาตตัดหน้าท่านพี่ชามัลไปซะแย๊ววว
ป.ลิง อ่านตอนนี้แล้วคิดถึ๊งคิดถึงท่านพี่อัคนิสุดหล่อจิงจิ๊ง.....เกดซ่าพาท่านพี่มาทำงานด้วยน๊าาาวันนี้ รักนะจุ๊บุจุ๊บุ จ๊วบจ๊วบ >////<


อสิตา 30 ม.ค. 2557, 10:13:23 น.
คุณก้อนหิน - อะฮื้ออะฮ้า วันไหนแวะไปจะรอนะฮ้า... ส่งจูบ คู่นี้หวานส่งท้ายแทนตามาร
เกดซ่าน่ารัก - ทำไมช่วงนี้มีแต่คนหยิบมายาไฟในดวงตามาอ่านซ้ำ มันคงมีพลังงานดึงดูดบางอย่าง...
คู่นี้เหรอ มีอีกสิ มันจะมากุดๆแบบนี้ไง เหอ เหออออ


ketza 30 ม.ค. 2557, 10:22:32 น.
**** เกดซ่าคิดถึงท่านพี่อัคนิ เหมือนมีพลังอะไรบางอย่างเกดซ่าสัมผัสได้ 5555555555++


บุลินทร 30 ม.ค. 2557, 11:58:48 น.
จบแล้วๆๆๆ รอหนังสือออกจากโรงพิมพ์ อิอิ


เบลินญา 30 ม.ค. 2557, 12:13:39 น.
จบแบบ ค้างคาใจมากกกกกก หวานจริง ๆ เลยค่ะ


อสิตา 30 ม.ค. 2557, 12:37:06 น.
บุลินทร - เล่มนี้ช้าสุดแน่
คุณเบลินญา - แอบแกล้งคนอ่านนิดหน่อยค่ะ ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ


ริญจน์ธร 30 ม.ค. 2557, 13:30:44 น.
จบแล้วๆๆ อีกไม่นานจะได้เห็นเป็นรูปเล่มแล้ว


ketza 30 ม.ค. 2557, 14:25:48 น.
เกดซ่าจะรอน๊าาาาาาา.......คูณสามซุปเปอร์แก็งค์ ฮู้เล่ๆๆๆ


Zephyr 30 ม.ค. 2557, 19:29:52 น.
ไม่เย้ยพี่เสือหรอกมะม้า
ออกจะน่ารักน่าหยิกขนาดนี้ นุ่มฟู ดำๆ อุกรี๊ดดดดดดด
นางสิงห์นี่ จับถนอมๆหน่อยได้มั้ย ถ้าพี่รองขนหลุดนะ
สิงหรานีก็สิงหรานี แม่จะมุดจอไปฉะให้หงอเลย ชิชะ
ขี่หลังทำเหมือนพี่มิ้งค์เลยอ่า มันเป็นอภิสิทธ์ของคนรักเสือรึไงนะ
เฟอร์จะได้ขี่บ้างมั้ยนะ ต้องสิ เอาสีขาวๆๆๆๆๆนะ ตาฟ้าด้วยนะ
ไม่เอาตาสีทองนะ แวววาวเมือนไส้เดือนตาวาว ไม่เอานะ
เอาสีขาว ตาฟ้า กำหนดสเปกแล้วนะ คลอดให้เหมือนนะมะม้า
ไม่เมือนมีเคืองนะขอบอก ชิๆๆๆ
พี่รองอ่อนไหว คิดถึงบ้านเหรอ โฮ่ๆๆๆ คิดถึงอ้อมกอดป๊ะป๋าละซี
แหม แมวดำออดออ้อน คงน่ารักน่าดู หุหุ
ปล แต่นางงกนะยะ อัคนีมายา กะพ่อกะเชื้อ มีเก็บดอกไปขายต่อ เฮอะ


เด่นเดือน 30 ม.ค. 2557, 20:12:48 น.
ให้เดาคู่เสือกะสิงเหรอคะ แบบไม่ได้คิดและคาดการณ์ อารมณ์ว่าอย่างไรก็ได้ คือก็ไม่ได้ลำเอียงให้ชาจังนะ แต่ไม่ได้จริงจัง รู้ว่าทั้งคู่ไม่ได้เลวร้ายอะไรก็เลยคิดว่าอุปสรรคที่มีคงไม่ได้ทำให้ทุกข์ใจมากนัก ถ้าจะมีก็คงท้ายเรื่องตอนเสือจะกลับบ้านละมั้ง ไม่รู้อะ ไม่มั่นใจ เดี๋ยวเดาผิดอะ เขินๆๆๆ

สุดท้าย...เราชอบนิยายที่คุณแป้งเขียนมากๆ เราชอบมายาไฟมากๆๆๆๆๆๆๆๆ ชอบอัคนี ชอบมากๆๆๆ แต่ตอนนี้เริ่มชอบงู จะดีมากถ้ามีเรื่องราวของครอบครัวนี้อีก ไม่ว่าจะเป็นพี่ใหญ่ น้องสาว และตามิตร เรารอนะคะ

ส่วนเรื่องให้ทักในเฟชนี่ แบบเค้าแอบเขินนะ ไว้จะทักไปในกล่องข้อความนะคะ เป็นกำลังใจให้เสมอ
เรามีผลงานของคุณแป้งที่บ้านด้วยนะ เรื่องอะไรคงเดาได้ วางบนชั้นหนังสือ ข้างๆกับแฮร์รี่ พอตเตอร์เลย (แอบแก่นะเนี่ยเรา คริๆๆๆ)


ดังปัณณ์ 30 ม.ค. 2557, 20:17:04 น.
ชริ!หลอกล่อมว๊ากกกกกกกกกกกกก อย่างน้อยคุณแป้งให้อ่านถึงตอนกินตับของหนูสิก็ดี อ้าวไม่ใช่แระ ฮ่าๆๆๆโหยยยยยยยยยย เล่นแบบนี้ก็ดีดดิ้น ดีดดิ้นสิค้าาาาาาาา แง่มๆๆๆๆๆ มะไหร่จะวาง อ๋อยๆๆๆๆ หนอนจิเกิดอาการขาดใจ ฮ่าๆๆๆๆ อยากอ่าน ลุ้นมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก แถมที่ใบ้ไว้ก็นะ จิ! ค้างยิ่งกว่าเดิม หึ้ยยยยยยยยยยยยย คนใจร้าย!!! ชริๆๆๆๆ


yimyum 30 ม.ค. 2557, 20:20:50 น.
แต่งสวยๆของหนูเหคอ....... ..เอาแบบญาณินเลยป่ะ 555
ถ้าเอาสวยคงจะต้องหาก่อนอ่ะนะคะ
ป.ล. ชอบคู่นี้นะ{มากกว่าพระ~นาง อีก} นางสิงห์กลัวการเจาะหูเหมือนกานเลย{อยากเจาะแต่กลัว><}
ป.ล.2 งานหนังสือเจอ'ปืน'นะคะ{กัน}5555


pattisa 30 ม.ค. 2557, 21:54:16 น.
รออุดหนุนนะค๊าาาา ตอนนี่เก๊าแอบสนใจเสือโคร่งขาว อิอิ


Chii 30 ม.ค. 2557, 23:06:42 น.
กรี๊ดดด นึกว่าจะได้รู้ว่ามานนี่เป็นไงมั่งหลังถูกทิ้ง (ถูกทิ้ง ที่มี Ctrl+B, Ctrl+U ด้วยนะ จะได้ชัด ๆๆๆ)

//มัชชี่จ๊ะ หญ้าแก่อ่ะ เคี้ยวยาก ติดฟัน นะเธอออออ
//มาเคี้ยวผักน้อยแบบเค้าดีกว่า อร่อยและย่อยง่าย


Pat 31 ม.ค. 2557, 12:40:12 น.
555 กำลังเคลิ้ม ถูกตัดอารมณ์เฉยเลย ยั่วให้อยาก(อ่าน)แล้วจากไป


goldensun 31 ม.ค. 2557, 23:28:21 น.
มัชฌิม์กล้าเทียบรุ่นแล้วสินะ จบให้ค้างเล่น รอติดตามในรูปเล่มค่ะ


SunSeed 31 ม.ค. 2557, 23:44:21 น.
งั่กๆๆๆ พี่แป้งกลั่นแกล้ง หลอกให้ค้างอ่ะ โดยเฉพาะชามารของเค้า เง้อ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account