แผนลับ นักสืบ
กอหญ้าเพิ่งมาทำงานเป็นนักข่าวได้แค่ไม่ถึงหกเดือน เธอต้องการทำข่าวนายอิทธิกรติดผู้หญิงกับมั่วยาบ่อย ๆ เธอไม่ยอมแพ้ ไปแอบอยู่ข้างบ้านนายอิทธิกรแล้วปีนต้นไม้บ้านข้าง ๆ แต่หมอหนุ่มเห็นเข้าเขาจะเรียกตำรวจ แต่เธอร้องห้ามไป ๆ มา ๆ เลยขอแอบเข้าไปในบ้านหมอหนุ่มเสียเลย
Tags: ึความรัก,นักข่าว,คุณหมอ,ดารา

ตอน: ตอนที่ ๙ เพราะเธอคือคนเดียวในหัวใจ

เพราะเธอคือคนเดียวในหัวใจ

“อะไรนะ นี่เธอเกือบถูกนายวินนั่นผลักตกบันได แถมยังพาพรรคพวกมาเล่นงานเธองั้นเหรอ”

ข้าวฟ่างตะโกนลั่น จนรสกรต้องแตะนิ้วชี้ที่ริมฝีปากตัวเองเป็นเชิงให้เพื่อนเบาเสียงลง พร้อมทั้งส่งเสียงชู่เบาๆ ขืนข้าวฟ่างยังทำเสียงดังต่อไป คนที่อยู่ข้างบ้านอย่างอิทธิกรต้องรู้แน่ “เบาๆหน่อยสิ เธออยากให้ฉันโดนฆ่าตายหรือไง”

วันนี้เป็นวันหยุด ข้าวฟ่างจึงออกมาเยี่ยมรสกร ซึ่งเป็นเวลาที่คชินทร์ออกไปสอนหนังสือพอดี สองสาวจะนั่งคุยกันตามลำพัง

“ขอโทษที แล้วเธอเจอเขาได้ยังไงกันน่ะ” เธอกระซิบถามอย่างไม่อยากเชื่อ

“ฉันออกไปเดินเล่นที่ห้าง แล้วก็ไปเจอคุณน้ำค้างเดินควงนายปกรณ์ ดีเจที่กำลังดังคนนั้นไง ตอนนั้นฉันกำลังจะถ่ายรูป จู่ๆนายวินก็มาจากไหนก็ไม่รู้ เขาทักฉันจนสะดุ้ง เก็บกล้องแทบไม่ทัน”

“แล้วเขาว่ายังไงบ้าง เขารู้หรือเปล่าว่าเธอแอบถ่ายนายอิทธิกรอยู่น่ะ”

“ฉันคงคิดว่าเขาคงเดาได้ไม่ยากหรอก...” เธอทำหน้าแหยงๆ

“หมายความว่ายังไง”

“เพราะเขารู้น่ะสิว่าคราวก่อนฉันเป็นคนแอบค้นกระเป๋าเขา”

“อะไรนะ นี่เธอทำให้เขารู้เหรอ”

“ก็มันไม่ได้ตั้งใจนี่ อีกอย่างตอนนั้นมันค่อนข้างฉุกละหุก ฉันเลยไม่ทันจัดกระเป๋าให้เหมือนเดิม”

“ฉันจะบ้าตาย ยายกอหญ้านะยายกอหญ้า” ข้าวฟ่างยกมือกุมศีรษะ

รสกรเม้มปากแน่น อยากจะบอกเพื่อนว่าทำอย่างไรได้ล่ะ ก็ตอนนั้นผู้จัดการส่วนตัวของเขาดันเข้ามาขัดจังหวะซะก่อน

“แล้วเธอจะทำยังไงต่อ” น้ำเสียงของข้าวฟ่างเครียดขึ้น

“ฉันยังไม่รู้”

“แล้วที่นายวินผลักเธอให้ตกบันได คงกะว่าจะฆ่าให้ตายงั้นสิ”

“คงงั้น แต่เสียใจด้วยที่ฉันยังไม่ตาย”

“ฉันจะบ้าตาย นี่กอหญ้า ฉันว่าเธอเลิกทำงานนี้เถอะ อย่าเอาชีวิตไปเสี่ยงดีกว่านะ”

นักข่าวสาวถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ คชินทร์ก็บอกให้เธอเลิกทำงานนี้จะดีกว่า ทว่าคำตอบของเธอก็ยังเหมือนเดิมคือไม่มีทางเลิกโดยเด็ดขาด “ฉันจะพยายามให้มากขึ้น จะไม่ยอมกลับไปมือเปล่าแน่”

“กลับไปมือเปล่าอะไร เธอก็รู้นี่ว่าการสืบเรื่องนายอิทธิกรกับนายวินมันอันตรายขนาดไหน ปล่อยให้ทางตำรวจเขาจัดการดีกว่า เธอน่ะแค่อยู่เฉยๆ รอทำข่าวหลังจากตำรวจจับพวกนายอิทธิกรก็พอแล้ว”

“จะให้นั่งทำอะไรล่ะ ดูโทรทัศน์งั้นหรือ”

“ปลูกต้นไม้ก็ได้ ไม่เห็นจะยาก”

“ฉันปลูกแล้ว แต่มันไม่ขึ้น หรือถ้าขึ้นก็แคระๆ แกรนๆ”

“เฮ้อ คนไม่ถูกกับต้นไม้ก็แบบนี้แหละ”

“พอเถอะ เลิกคุยเรื่องนี้ดีกว่า เอาเป็นว่าฉันไม่ยอมเลิกทำข่าวนี้แน่ อุตส่าห์ทำมาถึงขนาดนี้แล้ว จะให้ฉันทิ้งมันไปกลางคันเหรอ”

“ก็ใช่น่ะสิ คนเรามันต้องมีเรื่องที่ตัวเองทำไม่ได้ อีกอย่างทำเรื่องใหญ่ขนาดนี้มันต้องมีผู้ช่วยบ้าง”

“มีสิผู้ช่วยน่ะ”

“ใครเหรอ”

พอได้ยินคำถาม รสกรก็รู้สึกน้ำท่วมปากทันที จะบอกเพื่อนได้อย่างไรดีล่ะว่าเธอขอร้องให้คชินทร์เป็นผู้ช่วย แล้วยังอยู่ด้วยกันทุกครั้งที่เธอต้องแอบถ่ายรูปอีกต่างหาก

แค่คิดเธอก็หนาวเยือกไปถึงสันหลังแล้ว

“อ้อ ยังไม่มีหรอก ก็แค่ดูๆไว้น่ะ ยังไม่ทันได้เลือกใคร” เธอเสมองไปที่อื่น

“ทำไมเธอไม่ลองขอร้องคุณชินดูล่ะ ฉันว่าคนอย่างเขาก็น่าจะช่วยเธออยู่หรอกนะ”

“อะไรนะ”

“ก็คนที่อยู่ใกล้เธอ ที่สำคัญยังอยู่กับเธอช่วงกลางคืนมากที่สุด ก็น่าจะเป็นเขาไม่ไช่เหรอ”

“เออ...ฉันก็กำลังคิดๆอยู่เหมือนกัน”

“ดีเหมือนกัน ถ้างั้นฉันจะลองพูดกับเขาดู เผื่อว่าเขาจะช่วยอะไรได้บ้าง”

“ไม่ต้องเลยนะ เรื่องนี้ขอฉันพูดกับเขาเองดีกว่า เธอน่ะนั่งจิบกาแฟไปพลางๆก่อน” จะให้เธอพูดได้อย่างไรล่ะว่าเขาตกลงรับเป็นผู้ช่วยเธอเรียบร้อยแล้ว อุตส่าห์แกล้งทำเป็นเนียนว่ายังไม่ได้คุยกัน เพราะเธอเกรงใจข้าวฟ่าง กลัวว่าเพื่อนจะหึงหวงชายที่กำลังปลื้มเอากับเธอ

ข้าวฟ่างน่ะแสนเรียบร้อยน่ารัก เธอเป็นดาวมหาลัยตั้งแต่วันแรก มีชายหนุ่มมาขายขนมจีบให้เธอวันละหลายครั้ง แต่สุดท้ายคนที่ต้องออกไปรับหน้าปฏิเสธน่ะมันกอหญ้าไม่ใช่เหรอ เธอออกจะเป็นหญิงสาวที่เรียบร้อยราวกับผ้าพับไว้ ส่วนเธอต้องกลายเป็นคุณนายหน้ายักษ์ไม่มีใครกล้ายุ่ง

“งานของเธอล่ะตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง” รสกรเปลี่ยนหัวข้อสนทนาขึ้นมาอย่างไม่มีเรื่องชวนคุย

“ก็ดีนะ มีลูกค้าเยอะแยะ แต่ฉันไม่ชอบผู้จัดการคนใหม่เอาซะเลย”

“ทำไมเหรอ เขาจีบเธอหรือไง”

“เปล่าหรอก ที่จริงเขาก็ดูอบอุ่นอ่อนโยนดีนะ”

“อ้าว ก็ดีนี่ ทำไมถึงไม่ชอบล่ะ” นักข่าวสาวกระพริบตาถี่ๆด้วยความไม่เข้าใจ

“ฉันไม่ชอบที่เขาชอบโทร.มาสั่งงานฉัน แม้แต่วันหยุดก็ยังไม่เว้น” ข้าวฟ่างเบ้ปาก

“ขนาดนั้นเลยเหรอ...อ้อ จริงสิ เห็นคุณชินบอกว่าผู้จัดการโทร.มาหาเธอ จากนั้นเธอก็หงุดหงิดกลับไปทันทีเลยใช่ไหม”

“นั่นแหละ เพราะแบบนี้ไง ฉันเลยไม่ชอบผู้จัดการคนนี้เอามากๆ คนอะไรขี้โอ่ซะไม่มี ฉันอุตส่าห์ได้ออกเดตกับผู้ชายครั้งแรก จะเกรงใจกันบ้างก็ไม่มีเอาซะเลย”

รสกรกระพริบตาถี่ๆ น้อยครั้งที่ข้าวฟ่างจะบ่นและดูโกรธมากขนาดนี้ ท่าทางเพื่อนเธอคงจะอารมณ์เสียมากๆที่ต้องทำงานในวันหยุด แถมยังเป็นวันหยุดที่มีนัดสำคัญเสียด้วย

“ก็ดีแล้วนี่ อย่างน้อยเขาเห็นความสำคัญของเธอนะ”

“ไม่ดีเลย ขอบอกฉันละเบื่องานนี้เอามากๆเลย”

นักข่าวสาวหัวเราะคิก ทั้งคู่นั่งคุยกันต่ออีกพักใหญ่จนกระทั้งล่วงเวลามาถึงตอนเย็น ข้าวฟ่างก็ชะเง้อมองหาคชินทร์ที่ออกไปสอนหนังสือ ใบหน้าหวานของเธอหม่นลงนิดๆเพราะยังไม่เจอเขา

“คุณชินยังไม่กลับอีกเหรอ” เธอพึมพำเสียงแผ่ว

“ยังเลย บางวันเขาก็กลับมาเร็ว แต่บางครั้งก็สามทุ่มกว่าจะกลับ”

ข้างฟ่างถอนหายใจยาว

“สงสัยว่าฉันคงไม่ได้เจอเขาแล้วล่ะวันนี้”

“อ้าว เธอจะกลับแล้วเหรอ”

“ตอนเย็นฉันมีธุระน่ะ ไม่เป็นไรหรอก ไว้คราวหน้าค่อยมาคุยกับเขาใหม่ แล้วเธอน่ะไปคิดใหม่ดีๆนะว่า จะทำงานนี้ต่อ หรือจะไปขอหัวหน้าทำข่าวเรื่องอื่นแทน”

“ฉันคิดดีแล้วน่า ไปเถอะ”

“จ้า”

ทั้งคู่เดินเคียงกันไปยังหน้าบ้าน ข้าวฟ่างยิ้มหวานพลางโบกมือลาให้กับรสกรก่อนเดินจากไป

คชินทร์เดินเข้าไปในบ้านช้าๆ แล้วเขาก็เห็นรสกรนอนขดตัวนอนหลับสนิทอยู่บนเก้าอี้โซฟา ดวงตาสีน้ำตาลของเขาชำเลืองมองไปยังแก้วน้ำสองใบบนโต๊ะ เห็นได้ชัดว่าเธอคงจะหลับไปหลังจากที่ส่งแขกกลับบ้านไปแล้ว ชายหนุ่มก้มดูนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงกว่าแล้ว วันนี้เขากลับช้าเล็กน้อย

ดูท่าว่าหลับสนิทอย่างนี้ต่อให้ขโมยมาปล้นบ้านเธอก็คงไม่ยอมตื่น เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาพรูลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย

“นี่คุณกอหญ้า ตื่นได้แล้ว”

แต่เธอยังไม่ยอมตื่น

“คุณนี่ ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มพาดเสื้อนอกไว้บนเก้าอี้ แล้วยกมือขึ้นท้าวเอวมองดูคนที่ยังหลับ “นี่ถ้าผมเป็นหัวขโมยขึ้นมาคุณจะทำยังไง”

“อืม...” รสกรหงุดหงิดพลิกหันหน้าขึ้นมาแล้วหลับต่อ

“ผมหิวแล้ว ทำอะไรให้กินหน่อย...นี่คุณ”

หญิงสาวยังคงหลับตาสนิท คชินทร์ขยับเข้าไปใกล้แล้วนั่งลงบนขอบเก้าอี้โซฟาที่อีกคนยังนอนหลับสนิท ดวงตาสีน้ำตาลพิศดูเธอริมฝีปากแดงระเรื่อบนใบหน้าหวาน แพขนตาหนาที่ทาบอยู่บนดวงตาที่กำลังหลับสนิท ผมยาวสลวยเคลียแก้มใส พลางคิดว่าเธอเป็นคนเข้มแข็ง แต่ในบางขณะก็ดูอ่อนหวาน...

เขาโน้มตัวลงไปหาคนที่ยังนอนหลับ เขามองดูเธอในระยะใกล้แล้วยิ้มพลางเขี่ยเส้นผมออกจากแก้มเนียน

“ถ้าคุณยังไม่ตื่นขึ้นมา อย่าหาว่าผมใจร้ายนะ”

ไม่พูดเปล่า แต่เขายังจับปลายจมูกของเธอบีบเข้าหากันแน่นทำให้เธอหายใจไม่ออก รสกรร้องขึ้นมาก่อนจะจับปลายนิ้วที่จับจมูกของเธอไว้ และเมื่อลืมตาขึ้นมาเห็นใบหน้าหล่อเหลาอยู่ห่างจากใบหน้าเธอแค่ปลายนิ้วสัมผัส เธอก็อ้าปากค้างถ้อยคำผรุสวาททั้งหลายติดค้างอยู่แค่ลำคอ

“คุณชิน”

“ใช่น่ะสิ นึกว่าผมเป็นโจรบ้าห้าร้อยหรือไง” น้ำเสียงของเขาฟังดูโมโห

“โอ้ย นี่ปล่อยนะ มันเจ็บ”

“นึกว่าคุณจะรอให้ผมจับคุณถอดเสื้อผ้าก่อนซะอีก คุณถึงจะตื่น” เขาเหยียดยิ้มแล้วปล่อยมือจากจมูกของเธอ คำพูดของเขาทำให้เธอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที

“อีตาบ้า อย่ามาพูดบ้าๆนะ ฉันเหรอจะปล่อยให้คุณทำ”

“แบบนี้น่ะหรือ จะไปแอบถ่ายชาวบ้าน มีหวังได้หลับสนิทจนผมต้องปลุกแน่ๆ”

“รู้แล้วล่ะน่า คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

“เมื่อกี้นี้เอง”

“เหรอคะ ฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย” เธอถามหน้าตาใสซื่อ

“ลุกขึ้นมาเถอะ ไปทำกับข้าวกัน วันนี้ผมซื้ออาหารมาหลายอย่าง คุณลองไปดูหน่อยเถอะ” คชินทร์ลุกขึ้นจากเก้าอี้

หญิงสาวดีใจมาก เพราะเธอกินแต่ปลากระป๋องกับไข่เจียวมาตั้งแต่เมื่อวาน

“เหรอคะ ดีใจจัง อุ้ย”

“ระวัง”

เพราะเพิ่งตื่นแล้วรีบร้อนลุกขึ้นมาจึงทำให้รสกรหน้ามืดนิดๆและเกือบจะล้มลงไป ดีที่คชินทร์คว้ามือไว้ได้ก่อน แต่ด้วยน้ำหนักที่ล้มลงทำให้เขาพลอยกลิ้งลงไปบนพื้นโดยมีร่างบางทาบทับอยู่ด้านบน จะด้วยความบังเอิญหรือความโชคร้ายก็ตามแต่ ช่วงจังหวะที่ล้มลงไปริมฝีปากของทั้งคู่ก็สัมผัสแนบชิดกันเข้าอย่างไม่ตั้งใจ หญิงสาวลืมตาโต ในขณะที่ชายหนุ่มเองก็ตกใจไม่แพ้กัน

รสกรจ้องตาสีน้ำตาลของเขาอย่างตกตะลึง ในขณะที่มือของเขาเลื่อนขึ้นมาแนบบนแผ่นหลังของเธอทำเอาเธอสะดุ้ง

“ผมไม่อยากว่าอะไรหรอกนะ แต่ตัวของคุณมันหนักมากกว่าที่ผมคิด” เขาเปรยเบาๆ แต่คนฟังขมวดคิ้วมุ่น

“จะว่าฉันอ้วนเหรอ” เธอร้องลั่นฟาดมือเข้าที่ใบหน้าเขาดังเผียะ “อีตาบ้า”

“ผมเจ็บนะคุณ” ชายหนุ่มเริ่มหงุดหงิด

“ขอโทษนะ ที่ฉันตัวหนัก”

นักข่าวสาวทำท่าจะยันกายลุกขึ้นด้วยความโมโห ท่ามกลางเสียงหัวเราะเบาๆของชายหนุ่ม ดูท่าเขาคงจะชอบที่เธอโกรธเรื่องที่เขาหาว่าเธอตัวหนัก ทั้งๆที่ความจริงชายหนุ่มอยากให้เธอนอนอยู่อย่างนั้น ไม่อยากให้ลุกเลย....

หมอหนุ่มลุกขึ้นแล้วยกมือท้าวเอว

“ผมควรจะโกรธที่คุณล้มลงมาทับมากกว่านะ” ชายหนุ่มเอ่ยหลังจากที่แน่ใจว่าหญิงสาวยังไม่หายโกรธ

“อ๋อค่ะ ฉันมันอ้วนและก็เซ่อเสียจนล้มลงมาทับคุณนั่นแหละ” เธอยังไม่วายโกรธ

“ผมก็ว่ายังงั้น”

“นี่คุณ....” รสกรเม้มปาก อีตานี่นี่ปากเสีย แถมยังไม่เป็นสุภาพบุรุษอีกต่างหาก

“ผมหิวแล้ว เราไปทำอะไรกินกันเถอะ”

“ฉันไม่กิน ไม่หิวแล้วก็ไม่กินด้วย”

“ตามใจไม่อยากกินก็ไม่ต้องกิน ผมซื้อกับข้าวมาตั้งหลายอย่างแน่ะ ไม่สนใจแน่นะ” ชายหนุ่มยิ้มยั่ว

รสกรจ้องหน้าเขา แม้ตอนนี้เธอจะหิวจนกระเพาะร้องครวญคราง แต่ก็ทำใจแข็งเดินออกไปทางหน้าบ้านด้วยความโมโห แต่คชินทร์คว้ามือเธอไว้แน่น

“คุณจะไปไหนน่ะ”

“ฉันจะออกไปหาอะไรกินข้างนอก อยู่ในนี้มันกินอะไรไม่ลง”

หมอหนุ่มถอนหายใจยาวแบบยอมแพ้

“เอาละ ผมขอโทษที่หาว่าคุณอ้วน ความจริงน่ะคุณผอมจะตายไป”

เขาส่งยิ้มขบขันมาให้ทำเอารสกรต้องหันไปสบดวงตาสีน้ำตาลของเขาอีกครั้ง

“จริงเหรอคะ” น้ำเสียงของเธอดูสดใสมากขึ้น

“จริงสิ อันที่จริงผมอยากให้คุณนอนอยู่นานๆ ไม่อยากให้ลุกเลยละ” เสียงของเขาฟังดูราบเรียบ ผิดกับรอยยิ้มบนใบหน้าที่เปิดเผยเสียจนทำให้หญิงสาวหน้าแดงจัด

รสกรเสมองไปทางอื่น ท่ามกลางเสียงหัวใจที่เต้นแรง

บ้าจริง...ห้ามคิดอะไรเชียวนะ

“คงอย่างนั้น” เธอเอ่ย “เราจะไปทำอะไรกินกันหรือยังคะ ฉันหิวแล้ว”

*****************


“นี่มันอะไร”

วินชำเลืองมองแฟลชไดร์ฟของอิทธิกร หลังจากที่เขาเพิ่งเสร็จจากการถ่ายละครแล้วเดินมายื่นให้เขาในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ขณะนี้กำลังปลอดคน

ชายหนุ่มหัวเราะหึๆ พลางโน้มศีรษะลงไปกระซิบแผ่วที่ใบหูของเขา

“มันเก็บรูปภาพที่จะทำให้นายหุบยิ้มไม่ลงเลยทีเดียว”

วินเลิกคิ้วมองดูอิทธิกรด้วยรอยยิ้มขัน

“ขนาดนั้นเลยหรือ”

“นายเปิดดูเอาเองสิ”

“เฮ้อ...คนอย่างนายนี่มันน่าตกนรกจริงๆ” วินเก็บแฟลชไดร์ฟลงในกระเป๋า หลังจากที่ได้แฟลชไดร์ฟรวมรูปภาพและวีดิโอบรรดาสาวๆของอิทธิกรและเขา โดยวินจะนำไปเผยแพร่ตามเว็บไซต์โป๊ และเก็บไว้ข่มขู่เรียกเงินแบล็กเมล์จากบรรดาสาวๆเหล่านั้น

“ถ้าฉันตกนรก นายก็ตกเหมือนกันนั่นแหละ” อิทธิกรยิ้มบางๆ “เผื่อไว้ใช้ยามจำเป็นแล้วกัน”

“เมื่อไหร่ล่ะ”

“อีกไม่นาน จนกว่าฉันจะสูบเงินมันจนหมดนั่นแหละ” อิทธิกรยิ้มหยันคีบบุหรี่ขึ้นมาสูบ

วินชำเลืองมองก่อนจุดไฟแช็กให้อีกฝ่าย “นายเอายามาหรือเปล่า”

“มีเงินจะเอาอะไรก็ได้ทั้งนั้น”

“ต้องแบบนี้สิ”

“อ้อ แล้วอีกอย่างไฟล์นั่นนายจะเอาไปทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น จะขายให้ทำเป็นวีซีดีแจกจ่ายหรือเอาไปขายก็เรื่องของนาย”

วินชำเลืองมองหน้าอิทธิกรพลางหัวเราะแผ่ว

“นายนี่มันเลวจริงๆเลยว่ะ”

“อะไรนะ มันจะมากไปแล้วนะ เงินตั้งยี่สิบล้านฉันจะไปหาจากที่ไหนกัน”

น้ำค้างแทบจะลมจับ เพราะเธอเพิ่งจะเขียนเช็คให้นายอิทธิกรไปเมื่อสามวันก่อน แล้วเวลานี้เขาก็โทร.มาขอให้เธอโอนเงินจำนวนกว่ายี่สิบล้านไปให้อีก เธอหน้าซีดเผือดราวกับแผ่นกระดาษ ขณะเดินออกมารับประทานอาหารกับปกรณ์ดีเจหนุ่มรูปงามในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง

“มีอะไรเหรอครับ” ดีเจหนุ่มถามแทรกขึ้น เมื่อเห็นปฏิกิริยาที่ดูฉุนเฉียวขึ้นขณะคุยโทรศัพท์

“เปล่าค่ะ รอเดี๋ยวนะคะ” น้ำค้างยิ้มหวาน เธอจะให้คนอื่นรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด จากนั้นจึงปลีกตัวออกมาพลางพูดเสียงกระซิบผ่านโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงทีเต็มไปด้วยความโกรธ “จะบ้าเหรอไง เงินตั้งยี่สิบล้านฉันจะไปหาจากที่ไหน”

“ผมจำเป็นต้องใช้เงิน ผมให้เวลาคุณสามวันคุณจะต้องโอนให้ผมในตอนเช้า”

“ไม่มีทาง ฉันไม่โอนให้แกหรอก”

“ไม่เหรอ ถ้างั้นไฟล์รูปภาพที่คุณคั่วอยู่กับผู้ชาย ผมจะเอาไปลงอินเทอร์เน็ตดีไหม”

คำขู่และเสียงหัวเราะเย้ยหยันจากอิทธิกร ทำเอาน้ำค้างหน้าซีดเผือด

“ไฟล์นั่น ฉันเห็นแกลบมันแล้วนี่” เธอตะโกน

“ใช่ ผมลบออกจากเครื่องแล้ว แต่ผมยังมีเก็บไว้ในคอมพ์แล้วก็ยังไรต์ลงวีซีดีเก็บไว้อีกหลายแผ่น”

“แก...” เธออ้าปากค้าง รู้สึกหน้ามืดขึ้นมาทันที “แกจะแบล็คเมล์ฉันหรือ ไอ้คนเลว”

“ก็แล้วแต่คุณคิด ว่าแต่...จะให้ผมส่งไปหานายปกรณ์ ดีเจหนุ่มสุดหล่อที่ออกมาทานข้าวกับคุณดีไหมล่ะ เขาเห็นคลิปคุณคงจะสนุกดีพิลึกล่ะ”

“แกอย่าทำแบบนั้นนะ” เธอตวาดเสียงสั่น

“ได้ข่าวว่าสามีคุณใกล้จะกลับมาแล้วนี่ ว่ายังไงล่ะ...ถ้าคุณไม่อยากให้คลิปคุณถูกประจานตามอินเทอร์เน็ต เงินแค่นี้คุณน่าจะมีให้ผมนี่นา”

“ฉันไม่ได้มีเงินขนาดนั้นนะ จะได้มีเงินให้แกสูบมากมายแบบนี้”

“งั้นก็เงินของสามีคุณล่ะ เขาน่าจะส่งเสียคุณอยู่ไม่ใช่เหรอ”

“อะไรนะ” เธอตะโกนเสียงสั่น ไม่คิดมาก่อนเลยว่าเขาจะเป็นคนชั่วช้าได้ขนาดนี้

“ภายในสามวันนี้คุณต้องโอนเงินมาให้ผม ไม่อย่างนั้นผมจะเอาคลิปคุณไปประจานให้ทั่วเลย รอผมก่อนนะคนสวย” เสียงหวานส่งมาก่อนที่เขาจะกดวางสาย ส่วนน้ำค้างก็ได้แต่ส่งเสียงกรี๊ดลั่น

“กร๊ด-ด-ด-ด ไอ้บ้า ไอ้คนเลว” น้ำค้างผรุสวาทออกมาดังลั่น จนปกรณ์ที่เดินออกมาดูน้ำค้างพอดีต้องรีบเข้าไปประคองร่างบางของสาวไฮโซไว้

“เป็นอะไรไปครับ ใครทำอะไรคุณ”

“แกมัวเลวที่สุด ไอ้ๆๆ”

“ใจเย็นๆก่อนครับคุณน้ำค้าง”

เมื่อตั้งสติได้ น้ำค้างก็สูดลมหายใจลึก

“เปล่าค่ะ ฉันไม่เป็นไร” น้ำค้างหลับตาลงระงับสติอารมณ์ แล้วเขาจึงพาเธอไปนั่งที่โต๊ะท่ามกลางสายตาของคนที่มาซื้อของ ปกรณ์จับมือเธอเพื่อปลอบโยน แต่น้ำค้างชักมือออก ตอนนี้เธอไม่มีอารมณ์จะมานั่งโรแมนติกกับใครทั้งนั้น

“ขอโทษนะคะ เห็นทีฉันคงจะต้องกลับก่อน”

“จะกลับแล้วหรือครับ”

“ค่ะ ปวดหัวยังไงก็ไม่รู้” เธอถอนหายใจยาว

“งั้นเดี๋ยวผมขับรถไปส่งนะครับ”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันขับเองได้”

น้ำค้างปฏิเสธ ตอนนี้เธอไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้น โดยเฉพาะไอ้คนที่ทำเรื่องบ้าๆกับเธอ หากให้ปกรณ์ไปส่งมีหวังเธอคงเผลอด่าทอออกมาอีกแล้วปกรณ์จะสงสัยได้ หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่น ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆว่าอิทธิกรจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ หากเขาเอาคลิปนั้นไปเผยแพร่จริงๆแล้วเธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

เธอเดินลงลิฟต์มายังบริเวณที่จอดรถด้านล่าง สมองของเธอคิดหาวิธีแก้แค้นอิทธิกร หากทำสำเร็จ เธอจะนำเรื่องของเขาไปประจานตามเว็บไซต์ต่างๆ เอาให้หายแค้นไปเลย หญิงสาวคิดแค้นก็ยิ่งเจ็บใจ เธอรึก็อุตส่าห์ทุ่มเทให้เขาทุกอย่าง แต่เขากลับทำลายเธอแบบนี้น่ะหรือ เลวสิ้นดี...ขณะที่เธอกำลังล้วงหากุญแจรถในกระเป๋าก็มีมือหนาของใครบางคนคว้าข้อมือบางของเธอเสียก่อน หญิงสาวอุทานลั่นด้วยความตกใจ และเมื่อมองเห็นใบหน้าแสยะยิ้มนั้นเธอก็หน้าซีดเผือดขึ้นมาทันที

“อิทธิกร” เธอร้องลั่น

“จะรีบไปไหนล่ะ ไหนๆก็มาแล้ว เราจะไม่คุยกันสักหน่อยเหรอ”

“ปล่อยนะ ฉันไม่มีอะไรต้องคุยกับแกทั้งนั้น” น้ำค้างสะบัดแขนด้วยความรังเกียจ ทำเอาอิทธิกรเบ้ปากยักไหล่

“ผมมาทำธุระแถวนี้พอดี เห็นคุณเดินเกาะไอ้ดีเจหนุ่มคนนั้นแจ เป็นยังไงบ้างล่ะ ได้ใหม่แล้วลืมผัวเก่าซะแล้วเหรอ”

น้ำค้างเม้มเรียวปากแน่น จ้องตาเขาราวกับจะแผดเผาให้เป็นจุณ

“ช่วยไม่ได้ ผัวเก่ามันออกลายเสียก่อน ฉันก็เลยทิ้งอย่างไม่ใยดีน่ะสิ”

“เฮ้อ...น่าเสียดายนะ” เขาเหยียดยิ้ม

“หัวเราะอะไร”

“เสียดายที่ผมยังเก็บภาพของคุณได้ไม่หมดเลยน่ะสิ ยังมีภาพเด็ดๆอีกตั้งเยอะ” เสียงหัวเราะของอิทธิกรทำให้คนฟังหนาวเยือกไปถึงสันหลัง จนน้ำค้างแทบจะทนไม่ได้

“กรี๊ด-ด-ด แกจะไปตายที่ไหนก็ไปเลย บอกให้ออกไปไง”

“ผมไปแน่ แต่ก่อนไป ผมขอจูบคุณหน่อยนะ คิดถึงจัง”

“แก ไอ้บ้า”

อิทธิกรคว้าเธอเข้าไปกอดจูบท่ามกลางความขยะแขยงของหญิงสาว ช่วงเวลาชุลมุนน้ำค้างก็ไขกุญแจรถออกแล้วรีบเข้าไปนั่งข้างในทันที ทิ้งให้อิทธิกรหัวเราะลั่นอยู่ข้างนอก

“แล้วอย่าลืมโอนเงินยี่สิบล้านเข้าบัญชีของผมด้วยล่ะ”

“ไปตายซะ” เธอตะโกนใส่เขาด้วยความแค้น

“ฮ่าๆๆๆ”

น้ำค้างเหยียบคันเร่งออกไปจากที่ตรงนั้นอย่างรวดเร็ว เธออยากให้รถยนต์สักคันชนอิทธิกรและกระทืบซ้ำจนตายแบบไม่เหลือซากเลยทีเดียว หญิงสาวเม้มริมฝีปาก นัยน์ตาลุกวาวอย่างเคียดแค้น เธอไม่ยอมให้อิทธิกรลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคมนี้แน่ มันจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต

“คอยดูเถอะ ฉันไม่เอาแกไว้แน่” เธอกระซิบแผ่ว

น้ำค้างคิดหาคนที่จะช่วยเธอไว้ได้ และเธอก็หวนคิดไปถึงเพื่อนของสามีตนหนึ่งซึ่งเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ที่ชอบคุยว่าถ้ามีเรื่องเดือดร้อนก็ให้โทร.หาเขาได้ทุกเวลา เธอจึงตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเบอร์มือถือไปหาเสี่ยรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่แล้วรอเวลาให้เขากดรับ

“สวัสดีค่ะ นี่ฉันเองนะ”

“ใครหรือครับ”

“ฉันน้ำค้าง ภรรยาของนายจอห์น จำกันไม่ได้แล้วหรือ”

“อ๋อ จำได้สิครับ คุณมีธุระอะไรหรือเปล่าถึงได้โทร.มาหาผมอย่างนี้”

“มีสิคะ มีมากด้วย” นัยน์ตาของเธอทอประกายวาววับ “คุณยังจำเรื่องมือปืนที่คุณเคยเล่าให้ฉันฟังได้หรือเปล่า ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ฉันมีเรื่องสำคัญต้องการคุยกับเขา รบกวนคุณช่วยติดต่อให้หน่อยนะคะ”

รสกรอ่านข่าวของน้ำค้างที่กำลังจะจัดงานเลี้ยงในคฤหาสน์สุดหรูของเธอในค่ำนี้ ซึ่งเป็นการจัดเลี้ยงต้อนรับแขกที่คบหากันมานานและเป็นการเลี้ยงฉลองวันเกิดของเธออีกด้วย คราวนี้เธอได้เชิญดารานางแบบที่สนิทสนมกันมาร่วมงานเลี้ยง รวมถึงผู้กำกับหนังมากมาย เพราะที่งานจะมีการเปิดตัวงานโฆษณาชิ้นใหม่ที่เธออยู่เบื้องหลัง ซึ่งงานนี้รสกรก็วางแผนจะไปทำข่าวนี้อีกด้วย

“คฤหาสน์ของคุณน้ำค้างอยู่ใกล้ๆนี่เองนี่นา”

รสกรยื่นหนังสือพิมพ์ดาราไปให้คชินทร์ที่กำลังดื่มพลางอ่านหนังสือพิมพ์อีกฉบับอยู่ใกล้ๆ

“คฤหาสน์ของคุณน้ำค้างอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ด้วยใช่ไหมคะ”

“แล้วไง”

“แล้วไงเหรอ เราก็จะแอบเข้าไปน่ะสิ”

ชายหนุ่มเหลือบสายตามองไปยังกอหญ้า พลางเลิกคิ้ว

“แล้วยังไงอีก”

“คุณนี่ไร้จินตนาการจริงๆ” เธอทุบไหล่เขาแรงๆ “ฉันก็ต้องเข้าไปทำข่าวน่ะสิ”

“แล้วนายวินกับนายอิทธิกรนั่นจะยอมให้คุณเข้าไปเหรอ เขาจำหน้าคุณได้ แถมยังเคยพาคนมาทำร้ายอีกต่างหาก” ชายหนุ่มเปรยขึ้น “ถ้าเขารู้ว่าคุณไปงาน ดีไม่ดีเขาคงมาดักรอคุณอีกแน่”

หญิงสาวอึ้งไป จริงด้วยสิ...ถ้าสองคนนั้นรู้ว่าเธอไปด้วย มีหวังเขาให้คนมาดักรอเธออยู่ที่ทางเข้าแล้วทีนี้เธอจะทำยังไงดีล่ะ นอกจากเขาจะจำเธอไม่ได้

“ปลอมตัว” เธอโพล่งขึ้นมาเมื่อคิดแผนการได้

“อะไรนะ”

“ฉันบอกว่าจะปลอมตัวยังไงล่ะ เดี๋ยวฉันไปหาวิกผมสั้นก่อนแล้วก็สวมแว่น ส่วนคุณก็แต่งตัวให้เรียบร้อยดูดี แค่นี้พวกเราก็เข้าไปได้แล้ว”

“ปลอมตัวหรือ อย่างคุณเนี่ยนะ” เจ้าของใบหน้าคมคายทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อ

“ทำไม คุณกลัวว่าฉันจะปลอมไม่เนียนงั้นเหรอ คอยดูเถอะ ฉันจะปลอมตัวจนขนาดคุณยังจำฉันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”

“โอเค เดี๋ยวก่อนนะ เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมเข้าไปด้วยเหรอ”

“ใช่น่ะสิ”

“ในฐานะอะไร” เสียงของเขาต่ำลึก “ผมไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อนนะ หรือว่าให้เดินตามคุณไปเรื่อยๆ แบบนี้น่ะหรือ”

“ไม่ต้องห่วง เรื่องทำข่าวน่ะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง ส่วนคุณก็คอยระแวดระวังหลังให้ฉันก็พอแล้ว”

คชินทร์กุมหน้าผากแน่นพลางถอนหายใจยาว ทำคนอื่นลำบากไม่พอ ยังอุตส่าห์ใช้ให้เขาคอยระวังหลังด้วย แบบนี้จะเรียกว่ามัดมือชกจะได้หรือเปล่า

“สรุปว่าให้ผมตามไปด้วย แต่แค่คอยระวังตัวให้คุณก็พอสินะ”

“สรุปว่าได้หรือไม่ได้ล่ะ”

“ผมมีทางเลือกงั้นหรือ” ชายหนุ่มเหยียดยิ้ม

“ดีจังเลย ถ้างั้นคืนนี้เป็นอันตกลงนะ”

รสกรเข้าไปขลุกอยู่ในห้องตั้งแต่ตอนหกโมกเย็น พออาบน้ำแล้วก็มานั่งอยู่ที่หน้ากระจกบานใหญ่ เธอหยิบวิกผมสั้นหน้าม้าขึ้นมาสวมซึ่งเธอก็ใส่มันได้พอดี ตอนนี้เธอก็กลายเป็นสาวผมบ็อบขึ้นมาทันที เธอยิ้มหวานให้ในกระจกอย่างพอใจ และหยิบแว่นตากรอบหนาสีดำขึ้นมาสวมใส่ ซึ่งทั้งหมดก็ดูเข้ากันมากจนคิดว่า ถ้าหยิบกระโปรงบานมาใส่อีกสักตัว เธอจะเหมือนกับคุณครูเชยๆ เจ้าระเบียบคนหนึ่งเลยทีเดียว

“ใช้ได้แฮะ” เธอยิ้มอย่างพึงพอใจ

ร่างบางหยิบกระโปรงยาวถึงหัวเข่าขึ้นมาสวม และเลือกเสื้อเชิ้ตสีจืดขึ้นมาสวมใส่ หากตอนนี้มีใครมาเห็นคงคิดว่าเธอเป็นนักข่าวใหม่ที่ยังไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามกันเท่านั้น

“ทีนี้แหละ ใครก็จำไม่ได้แล้ว”

เธอหมุนตัวไปมา ก่อนจะเปิดประตูแล้วเดินลงไปนั่งรอคชินทร์ที่เก้าอี้โซฟาชั้นล่าง หญิงสาวเหลียวมองหาเขาไปรอบตัว แต่ก็ไม่เจอ

“ดูท่าทางคงจะยังไม่เสร็จละมั้ง”

“ใครกันที่ยังไม่เสร็จ ผมมารอคุณตั้งนานแล้วไม่เห็นลงมา ก็เลยเข้าไปชงกาแฟในครัว”

เสียงเขาทำให้รสกรสะดุ้งโหยง เหลียวกลับไปมองคชินทร์ที่อยู่ด้านหลัง

“ใครกันแน่ที่ยังไม่เสร็จ ฉันน่ะ....”

น้ำเสียงของหญิงสาวขาดหายไปในลำคอ เมื่อเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า...

******************




เบลินญา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ก.พ. 2557, 12:58:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 ก.พ. 2557, 13:05:08 น.

จำนวนการเข้าชม : 1299





<< ตอนที่ ๘ หลบหนี   ตอนที่ ๑๐ ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ >>
เบลินญา 2 ก.พ. 2557, 13:06:15 น.
ขอโทษค่ะ แก้เนื้อเรื่องให้แล้วนะคะ พอดีเน็ตเน่าไปหน่อย


Zephyr 2 ก.พ. 2557, 19:30:36 น.
หล่อจนตะลึงละสิ
เสียดายพระเอกชะมัด ถ้าต้องมาได้นางเอกยังงี้
หมั่นไส้นางตงิดๆ


เบลินญา 3 ก.พ. 2557, 10:31:01 น.
555555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account