รักล้นใบตอง
เรื่องราวอลวนป่วนฮา เมื่อสาวน้อยคนงามต้องทำหน้าที่ตามหานักบายศรีชื่อดังในอดีตเพื่อเชิญให้เข้าร่วมการแข่งขันทำพานบายศรี ความรักที่เดิมพันด้วยใบตองจึงเริ่มขึ้น จากการไม่ชอบหน้า กลายเป็นรักแท้ ที่แม้แต่ผียังหลบทางให้
Tags: บายศรี

ตอน: ตอนที่ 2

“ถ้าหลานเป็นผู้ชายตาจะไม่ห่วงสักนิด” ท่านเอ่ยแล้วปรายตาไปยังทางที่เป็นห้องพระ เท่านี้ผู้เป็นหลานก็รู้แจ้งไปถึงความคิดของท่านหมดแล้ว

“งั้นหนูจะตัดผมทิ้งซะ แล้วปลอมตัวเป็นผู้ชายเลยดีไหมคะคุณตา”

“หลานก็พูดเล่นไป ทำอย่างนั้นได้ยังไงกันล่ะ” ท่านยิ้มแล้วเผลอเอามือลูบคางที่ระย้าไปด้วยเคราสีขาวเล่น

“พูดเล่นเผื่อเป็นไปได้จริงๆ ก็ดีสิคะ หนูอยากทำให้คุณตาสบายใจ”

“จะสบายใจได้ก็ต่อเมื่อพี่ชายของหลาน ทำตัวดีๆ ไม่น่าห่วงแล้วนั่นแหละ”

“เรื่องนี้...” ซองคลีเอ่ยแค่นั้นแล้วหยุดไป พี่ชายของเธอเป็นคนหัวนอก ทำอะไรตามใจเสียจนเคยตัวจนชิน เรื่องที่จะจับมาไว้ในกรอบกฎเกณฑ์นั้นเห็นทีคงค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป หักดิบกันแต่เดี๋ยวนี้เลยเห็นทีคงไม่ได้

“ตาภพมันนิสัยห่าม ไม่ค่อยมีระเบียบวินัยเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าเขาเรียกตัวมันให้ไปสอนเด็กนักเรียนได้ยังไง” ท่านเอ่ยยิ้มๆ ให้กับนิสัยข้อนี้ของหลานชาย

“ถึงพี่ภพจะเป็นคนอย่างนี้ แต่พอเวลาเอาจริงเอาจังขึ้นมา เขาตัดสินใจเด็ดขาดเชียวนะคะคุณตา” หลานสาวยกยอพี่ชายต่อหน้าคุณตา ในบรรดาหลานสองคน เธอสนิทกับคุณตามากกว่าซองภพ รายนั้นเขาใช้ชีวิตนอกบ้านเป็นส่วนใหญ่ เดินทางบ่อย ไม่ค่อยอยู่กับที่ จึงไม่ค่อยได้อยู่ใกล้คุณตาเท่าไหร่ ก็เลยเหมือนจะห่างเหินกัน แต่ลึกๆ ในใจของคนทั้งคู่ พี่ภพกับคุณตาห่วงหากันอยู่ไม่น้อย

“ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิด ที่ส่งพี่ของหลานไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนา” ท่านเอ่ยแล้วมองหลานสาวคนเล็ก เจ้าคนนี้สิหัวดีกว่าพี่ชายนัก แต่ไม่ขวนขวายไปเรียนต่างถิ่น หากจะไปท่านก็ไม่เคยคิดรั้ง ถึงบ้านท่านจะไม่ร่ำรวย ฐานะแค่กลางๆ แต่ด้วยสมบัติเก่า และที่หาสมทบไว้ตั้งแต่เมื่อสมัยยังหนุ่มแน่น ท่านคิดว่าส่งหลานคนเล็กให้ไปเปิดหูเปิดตาที่เมืองนอกได้อย่างสบาย แต่เจ้าตัวเขาไม่คิดจะไปเอง

“คุณตาห่วง กลัวพี่ภพมีความคิดอ่านเหมือนฝรั่ง กลัวพี่ภพจะไม่รับสืบทอดงานของคุณตาหรือคะ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก แต่ตากำลังคิดว่า ตาบังคับฝืนใจพี่ชายหลานมากเกินไปหรือเปล่า ก็เท่านั้นเอง”

“โธ่...หนูคิดว่าเรื่องอะไร คุณตาไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้หรอกค่ะ หนูคุยกับพี่ภพรู้เรื่องแล้ว เขาเต็มใจทำตามที่คุณตาต้องการอย่างแน่นอน คุณตาเลิกกังวลเรื่องนี้เถอะนะคะ ยังไงเขาก็ต้องสืบต่อหน้าที่ของหมอขวัญต่อไป ถ้าหากเขาไม่เต็มใจ คงไม่รับปากกับหนูเป็นมั่นเป็นเหมาะอย่างนั้นหรอก” ซองคลีเอ่ยแล้วยิ้มบางๆ เธอเก็บคำพ้อ คำปฏิเสธของพี่ชาย ที่บอกกับตนเองว่าไม่อยากรับงานหมอขวัญไว้ในอก สู้ให้พี่ภพฝึกไปก่อน ได้ไม่ได้ค่อยมาแก้ไขกันอีกที ถึงตอนนั้นหากพี่ภพไม่อยากทำ เธอก็จะยอมพูดกับคุณตาตรงๆ ตามนั้น

“ถ้าเป็นอย่างนั้นได้จริงๆ ก็ดี หลานรู้อะไรไหม ตอนนี้ทางสมาคมใบตองกำลังมีเรื่องวุ่น สายบายศรีของคุณละอองแก้วคงสุดเท่านี้แหละ”

“คะ...” น้ำเสียงนั้นไม่ค่อยมั่นใจนัก คุณละอองแก้วนั้นเธอรู้ดีว่าฝีมือการจีบใบตองของนางนั้นเลื่องชื่อนัก แต่ลูกหลานของท่าน ไม่ค่อยมีใครสนใจรักงานบายศรี อีกทั้งยังรังเกียจรังงอนคิดว่าสิ้นเปลืองเวลาโดยเปล่าประโยชน์ เนื่องจากสนใจเรื่องธุรกิจมากกว่า

“ตาแว่วมาว่า การประชุมในวันพรุ่งนี้ คนที่ทางสมาคมทาบทามไว้จะมาเข้าร่วมประชุมด้วย”

“ก็ดีแล้วนี่คะ เรื่องไม่เห็นจะยุ่งยากอย่างที่คิดไว้เลย” ถึงจะพูดไปอย่างนั้น แต่ซองคลีก็ยังไม่คลายใจ เหตุใดคุณตาทำหน้าเหมือนไม่ยินดีด้วยนัก “คุณตาไม่เห็นด้วยใช่ไหมคะ”

“ใช่ว่าสายของนักบายศรี จะไม่เคยมีการเปลี่ยนสาย แต่คราวนี้...การแข่งขันจะจัดขึ้นอย่างเอิกเกริก คุณเพ็ญแขท่านคงหวังจะ
ประชาสัมพันธ์ให้ยิ่งใหญ่ เพื่อเรียกความสนใจจากผู้คน ตาแว่วมาว่า งานนี้จะมีสายของเจ้าสร้อยดาหลามาร่วมแข่งด้วย” พูดจบท่านก็ถอนหายใจเสียยืดยาว ก่อนจะมองหน้าหลานสาวซึ่งตนรักปานดวงใจ

“หนูไม่เคยได้ยินชื่อของเจ้าสร้อยดาหลาเลย ท่านเป็นใครหรือคะ” หญิงสาวนึกยังไงก็นึกไม่ออก

“หลานจะเคยได้ยินได้ยังไง ก็สายนี้เขาไม่เคยสอดมือเข้ามายุ่งกับสมาคมใบตองเลย ไม่เคยยุ่งมานานมากแล้ว...”

“แล้วทำไมคราวนี้ถึงจะยุ่งละคะ”

“คงเพราะ...ถึงเวลาแล้วน่ะสิ” เสียงท่านเอ่ยเนือยๆ คนฟังคงรู้เพราะไม่เคยเห็นท่านเอ่ยแล้วหยักความไว้ ราวกับไม่แน่ใจว่าควรจะพูดต่อหรือไม่ แต่ท้ายที่สุดท่านก็ยอมเอ่ยออกมาจนได้ “เดิมทีตระกูลที่มีชื่อเสียงในการทำบายศรีคือตระกูลของคุณหญิงพุดจันทร์ แล้วก็สายของเจ้าสร้อยมณี เจ้าสร้อยมณีเธอเป็นพี่สาวของเจ้าสร้อยลาวัลย์”

“สายของคุณหญิงพุดจันทร์กับสายของเจ้าลาวัลย์ ต่างมีผู้สืบทอดงานบายศรีตลอดรุ่น จนกระทั่งถึงทายาทรุ่นที่ 4...” ท่านหยุดนึกตรึกตรองให้ละเอียดอีกครั้ง เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นนานมาก กลัวว่าจะเล่าผิดๆ ถูกๆ “แต่พอมาถึงทายาทรุ่นที่ 4 สายของคุณหญิงพุดจันทร์ก็มีเหตุให้ต้องถอนตัว ว่ากันว่าผู้ที่จะมารับงานต่อไห้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย”

“หายไปหรือคะ”

“อืม...ไม่มีใครรู้ว่าเขาหายไปไหนและตอนนี้จะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่เรื่องมันโกลาหลก็ตรงที่ หลังจากสูญเสียทายาทผู้สืบต่องานบายศรีแล้ว คุณหญิงพุดจันทร์ก็เก็บตัวเงียบ แล้วหลังจากนั้นไม่นาน ท่านก็เดินทางไปต่างประเทศพร้อมกับครอบครัว”

“แล้วตอนนี้พวกเขากลับมาเมืองไทยหรือยังคะ”

“ไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครพบเจอกับคุณหญิงพุดจันทร์อีก แม้แต่ญาติของเธอเองก็ไม่มีใครบอกได้เลยว่าตอนนี้คุณพุดจันทร์อยู่ที่ไหน”

“แล้วสายของเจ้าสร้อยดาหลามาเกี่ยวข้องอะไรด้วยล่ะคะ”

“เกี่ยวตรงที่ พอหมดสิ้นผู้สืบสายทางฝั่งของคุณหญิงพุดจันทร์แล้ว ทางสมาคมใบตองก็ได้ไปเชิญสายของเจ้าสร้อยลาวัลย์ให้มาเป็นนักบายศรีแทนยังไงล่ะ”

“คุณตาอย่าบอกนะคะ ว่าเจ้าสร้อยดาหลาท่านเป็นทายาทของเจ้าสร้อยลาวัลย์” น้ำเสียงใสกังวานสรุป

“หลานคิดถูกต้องแล้ว วันนั้นมีหมอขวัญท่านหนึ่งบอกว่าเจ้าสร้อยดาหลาไม่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้ ไม่มีใครรู้ว่าไม่เหมาะสมด้วยเรื่องอะไร เพราะหลังจากที่หมอขวัญคนนั้นได้ทักท้วงไว้แล้ว ต่อมาไม่นาน หมอขวัญคนนั้นก็ตาย สุดท้ายเจ้าสร้อยดาหลาก็ได้ขึ้นตำแหน่งสมใจ” ท่านเล่าแล้วทอดถอนใจเบาๆ ก่อนจะเล่าต่อ

“แต่เรื่องไม่ได้จบลงอย่างที่คิดหรอกนะ เพราะหลังจากที่เจ้าสร้อยดาหลาขึ้นรับตำแหน่งแล้ว ก็ไม่มีใครรับเป็นหมอขวัญเคียงคู่ตำแหน่งให้กับเธอเลย หลานเองก็คงรู้ดี นักทำบายศรีทั่วไปไม่จำเป็นต้องเลือกหมอขวัญเอง อยู่ที่ว่าเจ้าของงานจะเลือกใครมาเป็นหมอขวัญ ต่างกับนักบายศรีของสมาคมใบตอง ที่ต้องเป็นผู้เลือกหมอขวัญด้วยตัวเอง แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไปหรอกนะ เพราะบางครั้ง หมอขวัญก็เป็นฝ่ายเลือกนักบายศรีได้เช่นกัน”

“นี่เป็นที่มาเรื่องการเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ของนักบายศรีและหมอขวัญใช่ไหมคะ คนตั้งกฎคงหวังไม่ให้อำนาจสิทธิ์ขาดตกลงไปยังทางใดทางหนึ่ง” ซองคลีเอ่ยให้ความเห็น เกี่ยวกับเรื่องที่คุณตาได้พูดขึ้นมา

“เชื่อกันว่าหากได้หมอขวัญดี พิธีก็จะศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้นอยู่ที่วาสนาด้วย”

“แล้วหมอขวัญท่านใดคะ ที่เจ้าสร้อยดาหลาเลือกเคียงคู่กับเธอ”

“คุณทวดช้องนาง”

คุณทวดช้องนาง เป็นไปไม่ได้! หญิงสาวพยายามนึกหน้าของคุณทวดให้ออกเพราะตนเองเกิดไม่ทันเห็นหน้า จึงมีแต่ชื่อเสียงเล่าขานเพื่อไม่ให้เหลนเช่นเธอลืมเท่านั้นเอง

“แต่คุณทวดเป็นผู้หญิงนี่คะ บ้านเราจะให้ผู้ชายเท่านั้นที่สืบทอดได้”

ตามงคลมองหน้าหลานสาวแล้วให้กังวลใจยิ่งกว่าเดิม ซองคลีมีอะไรหลายอย่างเหมือนคุณทวดช้องนางนัก ผิดที่ผิดทางโดยแท้ ความสามารถพิเศษควรเกิดขึ้นกับซองภพ แต่นี่อะไรๆ ก็ดูจะสลับขั้วกันจนน่าปวดหัว ซองคลีมีความพิเศษที่สามารถเป็นหมอขวัญได้ แต่ซองภพไม่มี ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ ซองคลีมีพลังที่สามารถติดต่อสื่อสารกับวิญญาณได้ แต่ซองภพไม่สามารถเห็นได้ ทั้งที่ต้องเป็นคนขึ้นสืบต่อแท้ๆ ดังนั้นท่านจึงเคร่งครัดฝึกหัดการนั่งวิปัสสนาไห้กับซองภพมากเป็นพิเศษ แต่ไม่รู้นั่งยังไง คนที่ไม่ค่อยได้นั่งกลับมีจิตสัมผัสได้มากกว่า

“ที่หลานพูดมาก็มีส่วนถูก แต่มันยังมีเหตุผลที่สำคัญกว่านั้น”

“เหตุผลนั้น...คืออะไรคะ”

“มือนักบายศรีหากร้อน ก็จับงานใบตองไม่งาม คุณทวดของหลานเคยพูดไว้ว่า ให้รอไปจนถึงเวลาที่เหมาะสม ตอนนั้นสายตระกูลของเจ้าสร้อยดาหลาอาจจะมีโอกาสได้ขึ้นมาทำหน้าที่นักบายศรีอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้ก็ถึงเวลาที่คุณทวดเคยบอกไว้แล้ว...”

“เจ้าสร้อยดาหลารอนานขนาดนั้นเลยหรือคะ ช่างมีความพยายามจริงๆ หากรอนานอย่างนี้ ตอนนี้เจ้าสร้อยดาหลาจะมีอายุเท่าไหร่แล้วนะ”

“อายุยืนเชียวล่ะ แม้แต่คุณทวดของหลาน ก็ยังไม่อาจฝืนอยู่ได้นานขนาดนั้น ชิงเสียไปซะก่อนที่จะได้เห็นในสิ่งที่ท่านพูดไว้”

ขณะที่เอ่ยถึงเรื่องนี้ ซองคลีสังเกตเห็นว่าแววตาของคุณตาเปลี่ยนไป ทว่าจับความรู้สึกของท่านได้ยากเหลือเกิน

“ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่า สายของเจ้าสร้อยดาหลาต้องได้ขึ้นรับตำแหน่งสิคะ แล้วจะจัดการแข่งขันให้ยุ่งยากทำไม”

“คุณทวดของหลานพูดว่าอาจจะได้ขึ้น ท่านไม่ได้หมายความว่าจะต้องได้ขึ้นแน่นอนเสียหน่อย”

“หมายความว่า อาจมีคนอื่นที่ได้ขึ้นตำแหน่ง”

คำถามนี้ไม่ได้รับคำตอบจากคุณตา แต่ซองคลีกลับมีความมั่นใจว่าต้องใช่แน่นอน แต่จะเป็นใครกันเล่า หากไม่ใช่สายของเจ้าสร้อยดาหลา แล้วจะเป็นใครไปได้...

“สิ่งที่หลานกำลังคิดอยู่ นั่นแหละคืองานของหลานล่ะ”

“คะ...” ซองคลีเหมือนไม่แน่ใจนัก เรื่องนี้ไม่เห็นจะเกี่ยวกับเธอสักหน่อย ที่ต้องมานั่งแต่งตัวเชยแสนเชยแล้วสอนเรื่องกิริยามารยาทให้กับเด็กๆ แถวบ้าน ก็เพราะอยากให้คุณตาสบายใจหรอกนา อย่างน้อยหลานสองคนก็ยังมีคนหนึ่งเรียบร้อย ท่านจะได้ไม่เหนื่อยใจมากนัก ทั้งที่ความจริงไม่ใช่เลย เรื่องนี้ซองภพน่าจะรู้ดีกว่าใครทั้งหมด “หนูคงทำไม่ได้” หลานสาวพูดเสียอ่อย ไม่กล้าปฏิเสธออกไปตรงๆ

“แต่ตาเชื่อว่าหลานทำได้” ท่านพูดราวกับมั่นใจนักหนา

“ทำไมไม่ให้พี่ภพทำละคะ เขาเป็นหมอขวัญก็น่าจะมีหน้าที่ตามกันเอง หนูไม่เกี่ยวด้วยสักหน่อย”

“พี่หลานน่ะเรอะ แค่ให้เขาสวดมนต์อยู่ติดบ้านก็น่าจะมากเกินไปแล้วนะ ขืนให้มันทำงานเพิ่มอีก คนที่จะตายก็คือตานี่แหละ” ท่าทางเวลาพูดของท่านดูขึงขังจริงจังจนหลานสาวไม่กล้าค้าน

“แทนที่จะเป็นพ่อของหลานที่ต้องสืบต่อ แต่น่าเสียดายนักที่บุญหมดก่อน หากยังอยู่ตาคงไม่หวังพึ่งเจ้าภพมันหรอก”

นายมงคลเอ่ยมาถึงตอนนี้ ซองคลีถึงกับหน้าหม่นลงทันที เธอกับพี่ชายสูญเสียพ่อกับแม่ไปตั้งแต่ยังเล็ก ชีวิตช่วงนั้นจะเรียกว่าทุกข์ที่สุดก็ว่าได้ หากไม่ได้คุณตา ป่านนี้ชีวิตของเธอกับพี่ชายจะเป็นเช่นไรบ้าง และเหตุผลข้อนี้นี่เองที่ทำให้หญิงสาวตกปากรับคำคุณตาด้วยเสียงอันเบา

“หนูทำให้ก็ได้ค่ะ แล้วต้องทำยังไงบ้างคะ”

“ตาจะให้รายชื่อตระกูลของนักบายศรี ที่ได้รับการยกย่องจากสมาคมใบตองกับหลาน” ท่านเอ่ยพลางลุกขึ้นยืน ทำให้ซองคลีต้องเดินตามไปด้วย

เรือนไทยหลังงามถูกสร้างและแยกเป็นสัดส่วนน่าอยู่ แล้วห้องที่คุณตามงคลกำลังพาหลานสาวตรงไปนั้นก็คือหอสมุด หอสมุดถูกสร้างไว้อีกปีกหนึ่งของบ้าน เหนือประตูขึ้นไปมีคำว่า ‘ดูปัญญา’ คำนี้ซองคลีเข้าใจความหมายของผู้เขียนเป็นอย่างดี เพราะหอสมุดประจำบ้าน เป็นที่เก็บความรู้มากมาย ที่รอให้ลูกหลานเข้ามาค้นหา คุณตาเดินไปหยุดตรงที่ซึ่งท่านมักจะไปนั่งอ่านหนังสือเป็นประจำ แล้วค้นหาบางอย่างออกมายื่นให้กับหลานสาว

“นี่เป็นรายชื่อทั้งหมดของนักบายศรี หลานต้องตามมาให้ครบทุกคน”

“อย่างนี้ก็เท่ากับว่าเราไปเชิญเขามาสิคะ”

“ตาเคยบอกหลานแล้วไม่ใช่หรือว่า หมอขวัญเป็นฝ่ายเลือกนักบายศรีได้เช่นกัน”

“คุณตาไม่พอใจทางฝั่งเจ้าสร้อยดาหลาหรือคะ” คำนี้หลานสาวโพล่งถามออกมาโดยไม่ได้คิดไตร่ตรองให้ดีก่อน จึงได้เห็นกระแสสายตาที่เปลี่ยนไปของท่าน

“ไม่ใช่ไม่พอใจหรอกหลาน แต่เรายังมีสิทธิ์เลือกว่าใครควรได้ต่างหากล่ะ ใครจะไปรู้ว่านอกจากสายของเจ้าสร้อยดาหลาแล้ว อาจจะมีอีกคนซึ่งคู่ควรกว่า”

ซองคลีไล่สายตาไปตามรายชื่อที่คุณตาให้มา แล้วก็ต้องร้องครางเสียงเบา เพราะงานนี้คงมีเหนื่อยกันอีกหลายยกแน่ เนื่องจากมีชื่อสายตระกูลของคุณหญิงพุดจันทร์รวมอยู่ด้วย สายอื่นเขามีข้อมูลพอจะค้นหาตามตัวกันได้บ้าง แต่สายของคุณหญิงพุดจันทร์นั้น คงต้องโยนก้อนหินถามทางเอาเอง

ตอนที่ซองคลีรับข้อมูลมาจากตาตัวเอง เป็นเวลาเดียวกันกับที่นางกลมและลูกๆ ของนางกลับขึ้นเรือนมาพอดี เจ้าโย่งกับเจ้ายอดพอขึ้นบ้านมาได้ ก็รีบไปอาบน้ำล้างหน้าเพื่อไปโรงเรียนตามปกติ

แต่เมื่อเจ้าแฝดสองคนเตรียมตัวจะลงจากเรือน ซองคลีก็เอ่ยเรียกพร้อมกับยื่นเงินค่าขนมให้ เจ้าแฝดถึงกับหน้าบาน เพราะตัดใจแล้วว่าวันนี้คงไม่ได้ค่าขนมแน่นอน ทั้งสองคนยกมือไหว้ท่วมหัว แล้ววิ่งลงจากเรือนทันใด เพราะกลัวว่าลูกพี่จะเปลี่ยนใจไม่ให้ขึ้นมา

หญิงสาวมองทั้งสองคนแล้วอมยิ้มในหน้า ที่เธอหัดให้เจ้าแฝดทำงานตั้งแต่ยังเล็ก ก็เพราะหวังว่าพวกเขาจะได้ฝึกฝน เป็นคนขยัน โตขึ้นจะได้เป็นที่พึ่งของนางกลมได้ ถึงเวลานั้น นางกับลูกจะได้มีชีวิตที่สุขสบายขึ้นมากกว่านี้



“วันนี้ที่บ้านแม่น้อม เขาเปลี่ยนคนมารับใบตองนะคะหนูคลี หน้าตาไม่คุ้นเลยค่ะ ไอ้สองตัวมันเห็นตอนแรก นึกว่าเป็นนักเลงด้วยซ้ำ แต่ลุงโนดเขายืนยันว่าเป็นคนของทางแม่น้อมส่งมา”

ซองคลีหยุดมือที่กำลังเช็ดใบตองไว้ แม่น้อมที่นางกลมเอ่ยถึง เป็นลูกค้ารายย่อยของเรือนกล้วยงาม แม่น้อมมักจะมาสั่งกล้วยแล้วก็ใบตองเป็นประจำ แต่สั่งคราวละนิดเดียว เธอเข้าใจว่าทางนั้นคงเอาไปห่อขนมกินธรรมดา ไม่เหมือนลูกค้ารายอื่นที่มาทีก็ซื้อไปทีละเยอะๆ

“ก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนนี่จ๊ะน้า เราไม่ได้ห้ามให้คนท่าทางเหมือนนักเลงมาซื้อใบตองซะหน่อย”

“มันไม่แปลกก็จริงอยู่ค่ะ แต่น้าสงสัยว่าพ่อหนุ่มคนนั้น เขาซื้อใบกล้วยตานีไปทำไม ที่สงสัยนี่ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ น้ากลัวว่าเขาจะสั่งผิด ทำขนมใช้ใบตองกล้วยน้ำหว้าไม่ใช่หรือคะ” นางกลมยังไม่หายสงสัย เพราะกลัวลูกค้าจะมาเสียเที่ยว เนื่องจากเอาใบตองไปผิดชนิด

“แต่มีอยู่หนนึงนะ ที่ทางแม่น้อมเขามาสั่งซื้อใบกล้วยตานี หนูไม่เห็นว่ามันจะแปลกตรงไหนเลย”

“ไม่แปลกหรือคะ...ไม่แปลกก็ไม่แปลก” นางกลมเอ่ยทวนคำพูดตัวเอง ทำทีคล้ายบ่นๆ แต่ยังติดใจหน้าของพ่อหนุ่มคนนั้นอยู่ ท่าทางเขาเหมือนกุ๊ยเหมือนนักเลง แต่ดูเขานิ่งๆ โกนหนวดโกนเคราออกหน่อย ก็คงเป็นพระเอกลิเกได้เชียวแหละ




วรรษา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ก.พ. 2557, 15:40:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ก.พ. 2557, 16:02:24 น.

จำนวนการเข้าชม : 1154





<< ตอนที่ 1   ตอนที่ 3 >>
วรรษา 6 ก.พ. 2557, 15:43:24 น.
คุณsukhumvit66 ตอนนี้มีเฉลยนะคะว่าช่วยใคร ขอบคุณที่ยังไม่ลืมกันค่ะ ^__^


Sukhumvit66 6 ก.พ. 2557, 18:21:08 น.
พระเอกกำลังจะเปิดตัวแล้วซินะ

Ps.ได้ชื่อเรื่องแล้วใช่ไหมค่ะ แอบตกใจนึกว่าเรื่องใหม่เสียอีก..


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account