จุดชนวนรัก อุบัติเหตุเลิฟ
บางครั้งเราทุกคนก็ต้องยอมรับความจริงในเรื่องของหัวใจ ว่ามันอาจไม่เป็นอย่างที่เราต้องการเสมอไป ฉันเคยคิดว่ารัก ‘พี่เกล’ แต่ฉันกลับได้รู้จักความรักจริงๆ ในวันที่สายไปกับคนที่ได้ตายจากไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสแม้แต่จะบอกความในใจให้เขารู้ด้วยซ้ำ และวันนี้ฉันมีโอกาสจะไปหาเขาแม้ว่าหัวใจของเขาจะนิ่งสงบไปแล้วก็ตามแต่ฉันก็ร้อนใจเหลือเกินที่จะไป ไม่อยากจะช้าสักวินาทีเดียว
Tags: วัยรุ่น

ตอน: บทที่ 18

บทที่ 18
วันต่อมา…
"ทั้งหมดเป็นเรื่องจริงครับ ผมตั้งใจจะลาออกจากวงการเพลงเพราะผมรักเธอมาก และรักมาตลอดตั้งแต่วินาทีแรกที่เธอก้าวเข้ามาในชีวิตผม แค่ผมได้สบตากับเธอผมก็รับรู้ได้ทันทีว่าหัวใจของผมมีไว้เพื่อเธอคนเดียว แต่…เธอแค่ไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นกับผมเท่านั้นเอง"
นี่คือบทสัมภาษที่ทำเอาแฟนคลับทั่วประเทศถึงกับร้องไห้โฮตามๆ กัน ที่ได้ยินหนุ่มคอบเปอร์นักร้องนำของวง Monster King เปิดเผยความในใจทั้งน้ำตา
แต่ในขณะเดียวกันยังไม่มีรายงานจากทางค่ายว่าภายในสัปดาห์นี้ Monster King ของเราจะไปเดบิวต์ที่เกาหลีตามกำหนดการเดิมหรือไม่ เราคงต้องรอลุ้นกันต่อไปค่ะ
ติ๊ด~
เซทวางรีโมททีวีไว้ที่ลำตัวก่อนจะพยายามลุกขึ้นจากเตียง
"จะออกไปไหน นายยังไม่หายดีเลยนะ"
"ฉันจะไปคุยกับไอ้นักร้องให้รู้เรื่อง"
"เขาชื่อเกลต่างหาก"
"ฉันว่าเธอคงไม่ได้ใส่ใจหรอกว่าฉันจะใช้สรรพนามเรียกมันว่าอะไร แต่ที่เธอสนใจคือฉันจะไปพูดอะไรต่างหาก"
"นายไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้"
"จำเป็นสิ เพราะเรื่องคืนนั้นทำให้เธอต้องมานั่งทรมานใจอยู่ตรงหน้าฉันนี้ไง ถึงฉันจะเคยคิดว่าต่อให้เธอไม่รัก ฉันก็จะทนรับความเจ็บปวดนั้นไว้ขอแค่มีเธอข้างๆ ก็พอ แต่วันนี้ฉันกับเพิ่งเข้าใจว่าการบังคับให้เธอรักมันทรมานยิ่งกว่าไม่รักซะอีก"
"ถ้าฉันบอกนายว่าฉันมีความสุขดีนายจะเชื่อมั้ย"
"เธอเห็นฉันเป็นเด็ก ป.1 รึไงพูดแค่นี้แล้วฉันจะเชื่อ"
อ้าว! ก็เห็นลายมือเหมือน
"…"
"ฉันไม่เข้าใจเธอจริงๆ ทำไมถึงปล่อยให้คนที่รักเข้าใจผิด ทำไมเธอไม่พูดเรื่องทั้งหมดออกไปว่าแม่เขาทำอะไรกับเธอบ้าง เธอไม่ได้เต็มใจมาอยู่กับฉัน และเธอก็ไม่ได้รักฉันอย่างที่เธอพยายามทำให้เขาเข้าใจแบบนั้นด้วย"
"แล้วนายจะให้ฉันทำยังไง บอกเรื่องทั้งหมดให้เขาเกลียดแม่ตัวเองแล้วฉันก็ลอยหน้าลอยตาเป็นคนอกตัญญูอย่างนั้นใช่มั้ย ฉั้นทำไมได้หรอก…" ฉันพยายามฝืนไม่ให้น้ำตามันไหลออกมาแต่ยิ่งฝืนมันก็ยิ่งไหล "…ถ้าเขารู้ว่าแม่เขาเป็นสาเหตุของเรื่องทั้งหมดเขาไม่มีวันให้อภัยแม่ตัวเองแน่ คุณป้ารู้เรื่องนี้ดีเธอจึงอยากให้ฉันเก็บเรื่องทั้งหมดเป็นความลับ เธอมีบุญคุณท่วมหัวฉันนะปล่อยให้ความลับทุกอย่างมันตายไปพร้อมๆ กับฉันเถอะ อีกอย่างถ้าฉันรักเขาฉันก็ไม่ควรใช้ความรู้สึกนี้มาเป็นเหตุผลฉุดเขาลงมา นายเข้าใจมั้ย"
เซทนิ่งไปคงอึ้งเพราะไม่เคยเห็นฉันระเบิดอารมณ์ขนาดนี้ เขาค่อยๆ เช็ดน้ำตาให้ฉันก่อนจะจับบ่าฉันไว้เบาๆ แล้วมองหน้าฉันด้วยสายตาที่เจ็บปวดไม่แพ้กัน
"ฟังฉันนะ เธอไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น หนึ่ง แม่กับลูกเป็นสายใยที่ไม่มีวันตัดกันขาดไม่ว่าใครคนหนึ่งจะทำผิดต่ออีกฝ่ายแค่ไหนก็ตาม สอง ฉันเชื่อว่าแฟนคลับเขามีเหตุผลเพียงพอที่จะเข้าใจในความรักของเธอกับเขา เพราะฉะนั้นอย่าทรมานตัวเองอีกเลย ทุกอย่างมีทางออกเสมอขอเพียงเธอยอมให้ฉันช่วย ให้โอกาสฉันได้ไถ่โทษกับเธอนะ"
ฉันนิ่งงันมองหน้าเซท ฉันไม่คิดว่าเขาจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ ผู้ชายที่เอาแต่ใจใช้ชีวิตอย่างเย็นชาไม่เคยสนใจใครในสายตาเกินห้าร้อยเมตร จะนึกถึงความรู้สึกคนอื่นได้ขนาดนี้
"มันไม่ใช่ตัวตนนายเลยนะ"
"เมื่อก่อนอาจจะใช้ แต่วันนี้ฉันแน่ใจทุกอย่างที่ฉันพูดออกไปมันมาจากใจฉันทั้งหมด ฉันอยากช่วยเธอจริงๆ"
"ทำไม?"
"เพราะฉันรักเธอไง"
"…"
"ฉันจะช่วยเธอเองขอเพียงอย่างเดียวฉันอยากให้เธอกลับไปคิดทบทวนบางอย่างให้ดีๆ ว่าสิ่งที่เธอรู้สึกกับเขามันเป็นความรักแบบไหนกันแน่"
ฉันเลิกคิ้วมองหน้าเซทอย่างแปลกใจ ความรักที่ผู้หญิงมีต่อผู้ชายมีหลายแบบด้วยเหรอ? และดูเหมือนว่าเขาก็มองออกว่าฉันกำลังไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการสื่อความหมาย
"ที่ผ่านมาฉันคิดว่าเธอรู้สึกกับหมอนั้นแบบที่ฉันรู้สึกกับเธอ แต่วันที่เธอวิ่งเอาตัวเข้ามาขวางฉันไว้มันทำให้ฉันคิดเข้าข้างตัวเองว่าจริงๆ แล้วเธอไม่รู้จักความรัก และอาจจะไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำ…ว่าเธอรักฉัน!"
"มะ..ไม่จริง!"
"ถ้าอย่างนั้นเรามาพิสูจน์กัน"
ฟึ่บ~
ยะ…อย่านะ >///<
เซทดึงตัวฉันเข้าไปไว้ในอ้อมกอด ริมฝีปากเนียนนุ่มประทับที่ริมฝีปากของฉันอย่างร้อนแรงราวกับจะเตือนให้ฉันรู้ตัวว่าทุกอย่างเขาได้จับจองไว้หมดแล้ว ฉันออกแรงผลักสุดกำลัง มือไม้เปะปะไปทั่วแผ่นหลังกว้างแต่เขาก็ไม่ยอมหยุด เขากลับเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นเรื่อยๆ พลางดันตัวฉันให้มาหยุดที่เตียงคนไข้ มือข้างหนึ่งของเขารูปไล้อยู่ที่เส้นผมของฉัน ส่วนอีกข้างรั้งเอวฉันให้เข้าไปใกล้ชิดยิ่งขึ้นก่อนที่เขาจะทิ้งน้ำหนักตัวลงมาจนฉันต้องเอนตัวลงนาบกับเตียง
มือข้างที่เคยรั้งเอวฉันไว้เริ่มสัมผัสไปทั่วร่างกายจนฉันรู้สึกวูบวาบไปทั้งตัว ริมฝีปากเขาที่ตราตรึงพันธนาการริมฝีปากของฉันตอนนี้กับประทับแนบไปทั่วทั้งใบหน้าแล้วเลื่อนลงมาเรื่อยๆ ที่ซอกคอจนร่างทั้งร่างของฉันสะดุ้งเฮือกสั่นสะท้านด้วยความรู้สึกที่เขายัดเหยียดให้ แล้วดูเหมือนฉันก็เต็มใจที่จะรับมันไว้
ทำไมๆ ฉันถึงไม่หยุดเขา ทำไมถึงปล่อยให้เขาทำอะไรตามอำเภอใจแบบนี้ ฉันควรจะทำอะไรสักอย่างก่อนที่เรื่องมันจะเลยเทิดไปมากกว่านี้ ฉันต้องหยุด
โอ๊ะ!
ฉันกัดริมฝีปากตัวเองเต็มแรงจนได้กลิ่นคาวเลือด ทำให้เซทหยุดชะงักทันที
"ฉันขอโทษ"
เซทใช้นิ้วรูปที่มุมปากฉันเบาๆ สีหน้าเขาสำนึกผิดสุดๆ
"อย่ามาขอโทษในสิ่งที่ทำไปแล้ว แล้วก็อย่ามายุ่งกับฉันอย่างนี้อีก เพราะมันจะทำให้ตัวนายเองไม่เหลือความดีอะไรให้ฉันได้จดจำอีกเลย อย่าทำอะไรให้ฉันเกลียดนายไปมากกว่านี้เลย"
"ถ้าเธอแน่ใจว่าสิ่งที่รู้สึกกับฉันมันคือความเกลียดชังฉันก็จะไม่แตะต้องเธออีก แล้วเธอก็อย่ามาห้ามไม่ให้ฉันไปหาเขา"
ทำไม ฉันต้องรู้สึกใจหายเพียงแค่เขาพูดว่าจะไม่แตะต้องฉันอีก ฉันต้องดีใจถึงจะถูกสิที่ไม่ต้องโดนเขาเอารัดเอาเปรียบ ฉันต้องไม่ยินดีให้เข้าทำแบบนั้น จำไว้ว่าคืนนั้นเขารังแกเธอยังไงเธอต้องเกลียดเขาให้มากๆ ถึงจะถูก
แต่พอเขาจะก้าวเดินออกจากห้องไป ฉันกลับพลั้งปากเรียกเขาไว้อีก จนฉันอยากจะกัดลิ้นตัวเองให้มันขาดๆ ไปซะ ทำไมถึงไม่ทำตามที่หัวสมองสั่งการเอาซะเลย
"เดี๋ยว!"
เซทหยุดเดินแต่ก็ยังไม่หันกลับมา ฉันจึงได้แต่พูดกับแผ่นหลังเขาว่า…
"อย่าไป"
"ทำไมก็ในเมื่อเธอได้คำตอบทุกอย่างแล้ว ไม่ใช่แค่ไม่รักแต่เกียดต่างหาก"
"ฉันก็ไม่รู้ ไม่รู้จริงๆ ว่าทำไม ฮึกๆ "
ฉันกลายเป็นผู้หญิงขี้แงไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ คิดอะไรไม่ออกทำอะไรไม่ได้ก็เอาแต่จ้องจะร้องไห้ จริงๆ แล้วฉันว่าฉันไม่ได้เกลียดเขาหรอกแต่เกลียดตัวเองมากกว่าที่เป็นแบบนี้ ฉันสับสนกับความรู้สึกของตัวเองเหลือเกินว่าฉันรู้สึกกับเขายังไงกันแน่
"ถ้ายังไม่มั่นใจว่าเกลียดฉันจริง ก็กลับไปคิดใหม่ว่าที่เธอรู้สึกกับฉันตอนนี้มันคืออะไร จะได้ไม่ต้องมานั่งทรมานใจกันทั้งหมดแบบนี้"
พูดจบเซทก็เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าก่อนจะหยิบสูตรลำลองสีดำออกมาสวมทับชุดของโรงพยาบาล เขาจะกลับได้ยังไงทั้งๆ ที่อาการเขายังไม่ดีเท่าไหร่
"แล้วนั่นนายจะไปไหน"
"ฉันจะกลับบ้าน"
"กลับบ้าน! ทำไมต้องรีบกลับพักที่นี่ให้หมอดูอาการก่อน"
"ฉันเป็นมาเฟียนะเธอลืมไปแล้วหรือไง ถ้ามาเฟียแก๊งอื่นรู้เข้า ว่าฉันมานอนโรงพยาบาลกับอีแค่หัวแตกคงหัวเราะกันน่าดู ถ้าเป็นอย่างนั้นมีหวังป๊าได้ตามมาเชือดเธอแน่โทษฐานที่ทำให้ฉันเสียการปกครอง"
"แต่หมอยังไม่ได้สั่งให้นายกลับบ้านเลยนะ"
"แผลแค่นี้มันไม่ทำให้ฉันถึงกับตายหรอก ถ้าจะตายคงเป็นเพราะเลือดคลั่งในสมองมากกว่านั้นก็หมายความว่าฉันคงจะไม่ตายในเร็วๆ นี้หรอก อย่างน้อยๆ ก็คงจัดการเรื่องเธอกับเขาให้ลงเอยเหมือนตอนจบในละครหลังข่าวได้"
หน็อย! คนอุตส่าห์เป็นห่วงยังมาพูดว่าฉันคิดถึงแต่เรื่องตัวเองได้ยังไง แบบนี้มันน่าเพิ่มให้อีกสักแผลดีมั้ย
"อยากตายนักก็ไปเลย"
"ถ้าตายแล้วทำให้เลิกรักเธอได้มันก็คงจะดี"
ไอ้บ้าๆ ทำไมต้องพูดให้ฉันรู้สึกแย่ได้ตลอดเวลาด้วย นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นคนไปช่วยฉันจากเหตุการณ์ร้ายๆ ฉันไม่มีทางญาติดีกับนายง่ายๆ อย่างนี้หลอกทั้งๆ ที่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ขอพบเจอกันอีก
เกลียดๆๆ จนอยากให้ตายไปให้พ้นๆ เลย…
เธออยากให้เขาตายจริงเหรอ
ใช่! ตายไปซะ สมองซีกซ้าย
ไม่ๆ อย่าตายนะ สมองซีกขวา
โอ๊ย! แล้วทำไมฉันต้องมาทะเลาะกับตัวเองด้วย แค่นี้ยังรู้สึกแย่ไม่พอหรือไง
ฉันเอามือทุบหัวตัวเองอย่างหัวเสียแล้วเดินออกจากห้องไป จะอยู่ทำไมก็คนไข้เขายังไม่อยู่เลย แต่พอฉันเปิดประตูออกไปก็พบผู้ชายใส่สูตรสีดำฟอร์มเดียวกับลูกน้องพ่อของเซทยืนรอฉันอยู่หน้าห้อง
"นายน้อยสั่งให้ผมไปส่งคุณที่บ้านครับ"
บ้าน! ฉันมีกับเขาซะที่ไหนเล่า
"ไม่เป็นไรฉันกลับเองได้"
"ได้โปรดเห็นแก่ผมเถอะ ถ้าคุณไม่ไปนายน้อยเอาผมตายแน่ มีหวังลูกเมียผมคงต้องกำพร้าพ่อ"
ฉันถอนหายใจอย่างระอา นี่คือคำขู่ของมาเฟียใช่มั้ยอึกอักอะไรก็ตายๆๆ กันไว้ก่อนเป็นพอ ฉันก็เลยต้องจำใจไปจนได้ ลูกน้องเซทขับรถมาส่งฉันจนเกือบจะถึงบ้านคุณป้า แต่อยู่ๆ ก็มีรถคันหนึ่งมาปาดหน้ารถที่ฉันนั่งไว้เสียก่อนจนต้องหักหลบลงข้างทาง ทันทีที่รถจอดสนิทลูกน้องเซทก็คว้าปืนออกมาจากเอวแล้วพูดว่า…
"ถ้าเห็นท่าไม่ดีวิ่งหนีไปได้ทันทีเข้าใจมั้ยครับ"
ตอนแรกก็ไม่คิดอะไรหลอก แต่พูดแบบนี้ฉันชักกลัวๆ แล้วสิ โอ๊ยให้ตายเถอะ! จะไม่มีช่วงเวลาให้ฉันได้เป็นนางเอกสบายๆ แบบเรื่องอื่นเขาบ้างเลยหรือไง (คนเขียนใจร้าย)
สักพักคนในรถที่ปาดหน้ารถฉันก็เดินลงมา พร้อมกับอาวุธครบมือที่ถือกันมาอย่างโจ่งครึ่ม โห! บ้านเมืองเขามีขื่อมีแปนะยะไม่คิดจะเกรงใจกันบ้างสักนิดเลยเหรอ นี่เล่นถือกันเป็นปืนฉีดน้ำในวันสงกรานต์กันเลย แง
"พอผมยิงสกัดพวกมัน คุณก็วิ่งเลยนะครับ"
จะบ้าเหรอมากันเยอะขนาดนั้น มันต้องมีสักลูกแหละที่หลงมาโดนฉัน แล้วอีกอย่างถ้าฉันทำแบบนั้นนายมีหวังตายแหงแก๋ คนเดียวจะไปสู้คนต้องห้าหกคนได้ยังไง ที่นี้ละไม่กลัวตายเลยนะยะแปลกจริง
"อย่าสู้ถ้าเป็นแบบนี้แสดงว่ามันต้องการตัวฉัน นายยอมมันเอาชีวิตให้รอดแล้วตามคนมาช่วยฉันเข้าใจมั้ย"
ลูกน้องเซทมองหน้าฉันอย่างลังเลอยู่สักพัก
"แต่ผมฝีมือดีเอาตัวรอดได้แน่ครับ"
ช่างกล้าระยะประชิดขนาดนี้ถ้าเป็นซุปเปอร์แมนก็ว่าไปอย่าง
"นายรู้ดีว่าสู้ไม่ได้อย่าพยายามเลยถ้าฉันรอดไปได้ฉันจะบอกเซทเองว่าฉันเป็นคนสั่งให้นายทำแบบนั้น"
ลูกน้องเซททำท่าครุ่นคิดอีกครั้ง แต่แล้วก็ยอมพยักหน้าตอบรับตามแผนที่ฉันบอกก่อนจะเก็บปืนไว้ข้างหลัง ไม่นานพวกนั้นก็มาถึงยังรถที่ฉันนั่งอยู่ มันใช้ปืนเคาะกระจกให้ลูกน้องเซทลดกระจกลงอย่างวางอำนาจ
"มีอะไรกัน"
"ไม่มีกับแกแต่มีกับผู้หญิงคนนั้น"
ไอ้พวกนั้นใช้ปืนชี้มาที่ฉัน แง พวกมันต้องการตัวฉันจริงๆ ด้วย ทำยังไงดีฉันจะหาทางรอดยังไงแล้วนี่ฉันไปสร้างศัตรูน่ากลัวแบบนี้ไว้ตอนไหนเนี่ย ต้องเป็นยัยคนเขียนนั้นแหละหาเรื่องมาให้ฉันไม่หยุดไม่หย่อนไม่เคยได้แต่งตัวสวยๆ ลัลล้ากับพระเอกในห้างเย็นช่ำเลย เดทแบบประทับใจก็ไม่มี ฉันขอถอนตัว (ไม่ทันแล้วย่ะเพราะใกล้จะจบแล้วไปตอนนี้ฉันจะไม่จ่ายเงินเธอแม้แต่แดงเดียว)
"ตะ แต่ฉันไม่เคยรู้จักพวกนายนะ"
"สมัยนี้ไม่ต้องรู้จักกันก็ตายได้"
"ถึงตายเลยเหรอ ถ้าอย่างนั้นก่อนตายขอให้ฉันได้มีโอกาสรู้ได้มั้ย ว่าฉันไปทำให้พวกนาย"
"จะไปรู้ได้ไงว่าแกไปทำอะไรให้คุณ…" ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะรู้ตัวว่าพูดมากเกินไป ก็เลยหยุดพูดกะทันหัน "…ไม่ต้องพูดมากลงมาได้แล้ว"
ฉันสบตากับลูกน้องเซทที่ถูกปืนจี้กระบานไว้ ก่อนจะถูกลากรถจากรถอย่างทรหดใครจะบ้าให้ลากไปง่ายๆ ละยะ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมจำนนพ้ายแพ้ต่อโชคชะตาสู้ไม่ได้จริงๆ พวกมันลากฉันขึ้นไปบนรถแล้วมัดมือกับปิดปากฉันไว้ ก่อนจะแล่นรถออกไปด้วยความเร็ว
ฉันมองสองข้างทางได้อย่างถนัดตา แต่ก็ไม่รู้ว่าที่ไหนแต่ถึงจะรู้ก็บอกใครไม่ได้อยู่ดี นอกจากได้แต่ภาวนาในใจขอให้คุณพระคุณเจ้าช่วยให้ลูกช้างรอดจากเคราะห์ครั้งนี้ด้วยเทิดสาธุๆ นี่ละที่เพิ่งสุดท้าย
พวกมันขับรถวนไปวนมาอยู่นานจนท้องฟ้าเริ่มมืดลง แต่ในที่สุดมันก็จอดรถจนได้ ฉันถูกลากลงจากรถจนดูเหมือนเป็นเรื่องปกติไปซะแล้วในตอนนี้ลากขึ้นแล้วก็ลากลง อะไรมันจะเลวร้ายขนาดนี้ชีวิตฉัน จะมาตายตอนใกล้จบซะก็ไม่รู้คนเขียนยิ่งบ้าๆ อยู่
"เดินไป"
พวกมันใช้ปืนดุนหลังให้ฉันเดินไปบนขอบสะพานยาวที่มีแม่น้ำเต็มตลิ่งเพราะตอนนี้น่าฝน แถมไหลเชี่ยวอีกต่างหาก มองซ้ายมองขวาก็ไร้บ้านคนหมดหนทางต่อสู้ แต่เอ๊ะ! มีรถจอดหลบอยู่ข้างๆ ตีนสะพานหรือว่าจะมีคนตามมาช่วยฉันแล้ว
สักพักประตูรถคันนั้นก็ถูกเปิดออก ร้องเท้าส้นสูงคู่สวยก้าวลงมาจากรถอย่างเฉิดฉาย
ผู้หญิงหรอกเหรอ บ้าชิบ! แล้วจะช่วยฉันได้มั้ยเนี่ยหรือจะพลอยซวยตามกันไปด้วยก็ไม่รู้ แง ถ้าช่วยไม่ได้ก็อย่าลงมาให้ไม่ปลอดภัยไปอีกคนเลย ฉันไม่อยากตายไม่สงบเพราะรู้สึกผิดที่ทำเอาพลเมืองดีเดือดร้อนไปด้วย
เธอใส่ชุดดำสวมแว่นตาดำแถมเดินส่ายก้นอย่างกับอยู่บนเวทีประกวดนางแบบ (ในเวลาแบบนี้เนี่ยนะ) แต่พอเธอเดินเข้ามาใกล้ๆ ไอ้ท่าบิดก้นนั้นมันทำให้ฉันรู้สึกคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก และเมื่อผู้หญิงคนนั้นถอดแว่นตาออกฉันก็ถึงกับช็อกยิ่งกว่าตอนถูกลากมาที่นี่ซะอีก
หญิง!!



lovezombie
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ก.พ. 2557, 14:00:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ก.พ. 2557, 14:00:25 น.

จำนวนการเข้าชม : 942





<< บทที่ 17   บทที่ 19 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account