หวานรักจอมบงการ
พ่อและแม่ของเธอไว้ใจฝากลูกสาวไว้กับลูกชายของเพื่อนสนิทในขณะที่พวกเขาไม่อยู่ หารู้ไม่ว่า คนที่(คิดว่า)ปลอดภัยที่สุด อาจเป็นคนที่อันตรายที่สุดก็เป็นได้!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 6 : เรื่องไม่ดี

หวานรักจอมบงการ

ตอนที่ 6 : เรื่องไม่ดี


......................

เดี๋ยวนี้คริสโตเฟอร์และคริสตินตัวติดกันยิ่งกว่าสมัยก่อนหญิงสาวไปฝึกงานที่อิตาลีเสียอีก เมื่อก่อนว่าติดแล้ว เดี๋ยวนี้ติดขึ้นเป็นเท่าตัว วันคืนผ่านพ้นไปด้วยความสุข และความหวานชื่น คนตัวโตขยันเอาอกเอาใจไม่พอ ยังขยันฉวยโอกาสกับเธอทุกครั้งที่มีโอกาส
คริสตินติดต่อกับคุณป๋าและมัมของเธออย่างสมํ่าเสมอ ซึ่งทั้งคู่บอกว่าจะกลับมาเดือนหน้า เพราะมีเรื่องสำคัญต้องกลับมาทำ หญิงสาวพยายามถามเท่าไหร่ก็ไม่มีใครให้คำตอบเธอได้ บอกแต่ว่าเป็นเรื่องที่ดี และบอกว่าไม่ให้เธอกังวล
คฤหาสน์ของคริสโตเฟอร์ที่เขาเคยพาหญิงสาวไปดูเมื่อคราวก่อน ตอนนี้ตกแต่งเกือบจะเสร็จแล้ว เหลือเพียงสวนด้านนอกที่ยังไม่ค่อยถูกใจเจ้าของบ้าน และห้องนั่งเล่นที่เปลี่ยนแบบไปมา บอกได้เลยว่าแปดสิบเปอร์เซนต์ในคฤหาสน์แห่งนี้ คริสโตเฟอร์เป็นคนให้เธอเลือกแบบ และเฟอร์นิเจอร์เองทั้งหมด จนเหมือนเธอจะกลายเป็นเจ้าของแทนเขาอยู่แล้ว
แต่ก็อย่างว่า ชีวิตที่ราบรื่นและมีความสุขไปตลอดน่ะ ไม่มีหรอก มันต้องมีเรื่องบางเรื่องที่ทำให้เราทุกข์ใจบ้างในชีวิตมนุษย์ทุกคนล่ะนะ อย่างครั้งนี้ทำเอาคริสตินแทบนํ้าตาร่วง มองภาพในมืออย่างตกใจ
วันนี้คริสตินไม่ได้เข้าบริษัท เธออยากพักอยู่ที่บ้านบ้าง หลังจากรับสายคนที่โทรมาปลุก และบอกอรุณสวัสดิ์พร้อมทั้งบอกว่าจะแวะเข้ามาหา หญิงสาวก็ลุกขึ้นจากเตียงนอน อาบนํ้าแต่งตัว ก่อนจะลงมารับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารตามปกติ
ระหว่างกำลังดื่มนํ้าส้ม สายตาก็เหมือบไปเห็นซองจดหมาย ที่แม่บ้านมักจะเอามาวางไว้ให้เกือบทุกเช้า ถ้ามีจดหมายส่งมาถึง ซองสีขาวสองซองที่คริสตินหยิบขึ้นมาดูเป็นจดหมายเชิญร่วมงานนํ้าชาของเจ้าของห้องเสื้อคนสนิทของเธอ ส่วนอีกซองเป็นบัตรส่วนลดของเครื่องสำอางยี่ห้อโปรดที่เธอเป็นสมาชิก
และซองที่ไม่เข้าพวกที่สุดของวันนี้คือซองสีนํ้าตาลที่ไม่ระบุชื่อผู้ส่งผู้รับ เป็นซองที่ไม่ระบุอะไรบอกเลยแม้แต่ที่อยู่ คริสตินเปิดซองที่ไม่ได้ปิดผนึกออกด้วยความสงสัย ก่อนจะนํ้าตาคลอเมื่อเปิดเจอรูปภาพใบเดียว แต่ส่งอิทธิพลต่อความรู้สึกของร่างบางอย่างมาก

มือบางสั่นจนเจ้าตัวยังรู้สึกได้ มองดูรูปภาพที่มีบุคคลในรูปเพียงสองคน คนหนึ่งเธอจำได้แม่น เพราะเป็นชายหนุ่มที่คอยดูแลเธอมาตลอด ก็คริสโตเฟอร์ไงล่ะ ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นหญิงสาวที่เธอก็จำได้เช่นกัน โคลอี้ นางแบบสาวชุดชั้นในแบรนด์ดังยี่ห้อหนึ่งที่เธอเคยชื่นชมรูปร่างหน้าตาของหล่อน แต่ในตอนนี้เปลี่ยนเป็นโกรธเคืองไปแล้ว

คริสตินจ้องมองรูปภาพอย่างเสียใจ ในรูป คริสโตเฟอร์กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงในสภาพท่อนบนเปลือยเปล่า ส่วนท่อนล่างถูกผ้าห่มคลุมไว้ นางแบบสาวที่หันมายิ้มราวกับผู้ชนะให้กล้องในสภาพท่อนบนเหลือแต่ชั้นในสีดำลายลูกไม้ ท่อนล่างถูกผ้าห่มคลุมไว้เช่นกัน ดูจากแขนก็รู้ว่าหญิงสาวเป็นคนถ่ายเอง นั่นทำให้คริสตินเริ่มฉุกคิด

เธอจะไม่ยอมเป็นคนโง่ ในเมื่อรูปภาพใบนี้ คริสโตเฟอร์ถูกถ่ายตอนหลับ ไม่ได้หันมายิ้มให้กล้องอย่างเช่นยัยนางแบบ เป็นไปได้ว่าคริสโตเฟอร์อาจจะไม่รู้เรื่อง ถ้ามันเป็นแผนของโคลอี้จริงๆ ยังไงเธอก็ไม่มีทางยอมแน่ แต่ตอนนี้จะต้องคุยกับคริสโตเฟอร์ให้รู้เรื่องเสียก่อน ว่าเขากล้ามาหยามคุณหนูเลสลี่จริงๆหรือเปล่า!

คิดได้ดังนั้น มือบางก็รีบป้ายน้ำตาที่เอ่อคลอเตรียมจะหยดลงมาทันที ก่อนจะคว้าโทรศัพท์มือถือต่อสายหาชายหนุ่มในรูปภาพอย่างอารมณ์ไม่ดี

[ว่าไงครับ ที่รัก] รอไม่นาน เสียงปลายสายก็รับอย่างอารมณ์ดีด้วยสรรพนามที่เขามักจะใช้แหย่เธอ จนหลังๆมักจะติดเรียกแบบนั้นไปเสียแล้ว แต่ตอนนี้อารมณ์เธอไม่ได้อยู่ในสภาวะเล่นด้วยหรอกนะ ยิ่งได้ยินเสียงอารมณ์ดีของเขา คริสตินก็ยิ่งหงุดหงิด

“อยู่ไหน ทำอะไร” ร่างบางตอบกลับด้วยน้ำเสียงติดจะเย็นชานิดๆ ทำให้คนปลายสายงงไม่น้อย ไม่รู้คนตัวเล็กไปหงุดหงิดอะไรมา

[อยู่บริษัท คัดเลือกนางแบบไง เมื่อวานฉันบอกคริสไปแล้วไม่ใช่เหรอ]

“นางแบบ! มีโคลอี้หรือเปล่า” ร่างบางที่เผลอทำเสียงสูงไป กลับมาทำเสียงปกติอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าแม่บ้านที่เข้ามาเก็บจานสะดุ้ง ก่อนที่เธอจะรีบคว้าซองจดหมายทั้งหมดติดมือขึ้นห้องมาด้วย

[เธอหมายถึง โคลอี้ เบ็นเน็ท น่ะเหรอ]

“ทำไมคริสโตเฟอร์ คุณมีหลายโคลอี้หรือไง” หญิงสาวเริ่มพาล

[นั่นเธอพูดเรื่องอะไรน่ะ วันนี้เป็นอะไร แปลกๆนะ หงุดหงิดอะไรมา รอบเดือนก็เพิ่งหมดไม่ใช่หรือไง แล้วไอ้คำพูดห่างเหินนั่นมันอะไร หรืออยากโดนลงโทษ?] คนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาบ้าง เมื่อเห็นว่าวันนี้หญิงสาวดูงี่เง่าแปลกๆ

“กรี๊ด! อย่ามาพูดเรื่องรอบเดือนนะ ตอบมาเดี๋ยวนี้เลย มีแม่นางแบบคนนั้นหรือเปล่า!”

[อย่ากรี๊ดได้ไหม แสบแก้วหูหมดแล้วเนี่ย ถ้าคริสหมายถึงโคลอี้ เธอก็มาคัดเลือกเหมือนกัน]

“ถ้าคริสเลือกยัยนั่นมาเดินแบบ เค้าจะโกรธจริงๆด้วย!” หลังจากตวาดใส่โทรศัพท์ ทั้งสองคนก็เงียบกันโดยไม่ได้นัดหมาย ฝั่งหญิงสาวที่อึดอัดมาตั้งแต่เมื่อกี้ถึงกลับปล่อยโฮออกมา

[คริส เธอเป็นอะไรน่ะ ร้องไห้เหรอ? เดี๋ยวฉันจะรีบไปหาเดี๋ยวนี้แหละ] คริสโตเฟอร์บอกอย่างร้อนรน เมื่อได้ยินเสียงร่างบางร้องไห้ออกมา โดยที่ชายหนุ่มไม่รู้เหตุผล

“ถ้าคริสมา เอาโคลอี้มาด้วย”

[ไม่เอาอ่ะ ทำไมต้องเอายัยนั่นไปด้วย] คริสโตเฟอร์นิ่วหน้าเมื่อนึกถึงนางแบบสาวที่ตามจิกเขาไม่ปล่อย ปฏิเสธก็แล้ว ไล่ก็แล้วก็ยังไม่ไป เห็นว่าช่วงนี้หล่อนมีชื่อเสียงหรอกนะ เลยลองเอามาคัดเลือกเพื่อร่วมเดินแบบอัญมณีคอลเลคชั่นสำคัญของเขาน่ะ

คนที่น้ำตาเปื้อนเต็มใบหน้าถึงกับหลุดยิ้มออกมา เมื่อได้ยินน้ำเสียงของเขาเหมือนไม่เต็มใจ นั่นทำให้คริสตินคิดว่าในรูปนั้นอาจจะไม่มีอะไรจริงๆก็ได้

“ถ้าคริสลำบากใจเดี๋ยวเค้าไปหาคริสเอง”

[ไหนบอกว่าอยากพักผ่อนไง เดี๋ยวฉันไปหาเอง แต่ไม่เอาโคลอี้ไปไม่ได้เหรอ เธอมีเรื่องอะไรกับโคลอี้หรือเปล่า]

“เดี๋ยวคริสก็รู้เอง เอาเป็นว่ารออยู่ที่นั่นแหละ ฉันจะไปหา...”





“เจส นายว่าฉันทำอะไรให้คริสตินโกรธหรือเปล่า เมื่อวานยังดีๆอยู่เลยนะ” หลังจากวางสายจากสุดที่รัก คริสโตเฟอร์ก็หันมาถามลูกน้องคนสนิทอย่างเจส รู้สึกผวา มีลางสังหรณ์แปลกๆว่าตัวเองจะโดนงานเข้าอย่างจัง

“คุณหนูอาจจะไม่ได้โกรธคุณก็ได้นะครับ” เจสเอ่ยในแง่ดีเพื่อไม่ให้เจ้านายกังวล

“ไม่รู้สิ แต่เมื่อกี้ฉันมั่นใจนะว่าได้ยินเสียงคริสร้องไห้” คริสโตเฟอร์ขมวดคิ้ว ก่อนจะเลิกคิด เพราะยังไงซะเดี๋ยวหญิงสาวก็จะมาหาตนอยู่แล้ว ก่อนจะเบนสายตากลับมายังเหล่านางแบบทั้งหลายที่มาคัดเลือก ครั้งนี้เขาคุมงานเองทุกอย่าง เพราะมันเป็นงานที่สำคัญสำหรับเขามาก อยากให้มันออกมาดีที่สุด

“คุณเบอร์นาร์ดคะ” นางแบบสาวที่เพิ่งอยู่ในบทสนทนาระหว่างคริสโตเฟอร์และคริสติน แย้มยิ้มเดินเข้ามาหาชายหนุ่ม พลางยกมือเรียวขึ้นแตะแขนแกร่งเล็กน้อยอย่างต้องการจะใกล้ชิดชายที่ตนหมายปอง แม้เขาจะมีหวานใจที่ทุกคนคิดว่าจะเป็นมิสซิสเบอร์นาร์ดคนต่อไปอย่างคุณหนูเลสลี่ แต่เธอก็ยังภาวนาให้มีหวังก่อนทั้งคู่จะลงเอยกันด้วยการแต่งงาน

เมื่อครู่ ระหว่างที่เธอเติมแป้งอยู่ในห้องน้ำ เธอได้ยินเพื่อนนางแบบด้วยกันคุยว่าได้ยินเหมือนคริสโตเฟอร์ เบอร์นาร์ด จะทะเลาะกับคุณหนูเลสลี่ผ่านทางโทรศัพท์ นั่นทำให้เธอยิ้มกริ่ม เพราะมันอาจแปลได้ว่าเวลาของเธอคงจะมาถึงแล้ว ยังไงซะรูปภาพที่เธอส่งไปมันก็แน่ชัดอยู่แล้ว ต่อให้คริสโตเฟอร์แก้ตัวอย่างไร คุณหนูเลสลี่ก็คงไม่ฟัง

“มีอะไร” คริสโตเฟอร์ถามเสียงห้วนอย่างหงุดหงิด แล้วเบี่ยงแขนออกจากสัมผัสของนางแบบสาวอย่างไม่ไว้หน้า

“กลางวันนี้คุณว่างหรือเปล่าคะ ฉันอยากจะชวนคุณไปทานอาหารกลางวันด้วยกัน” โคลอี้แม้จะเสียหน้าเล็กน้อยกับการกระทำของชายหนุ่มที่มีต่อเธอ แต่เธอก็เข้าใจว่าเขาคงหงุดหงิดกับเรื่องของคุณหนูเลสลี่ ทำให้พาลอารมณ์เสียไปกับทุกคนที่เข้าใกล้

“ไม่ล่ะ อ้อ เธอไม่ต้องคัดตัวแล้วนะ ฉันไม่รับ” คริสโตเฟอร์พูด พลางทำท่าจะเดินหนี แต่ก็ถูกหญิงสาวคว้าแขนไว้เสียก่อน

“ทำไมล่ะคะ! ไม่เป็นไรค่ะ ไม่รับฉันก็ไม่เป็นไร แต่ได้โปรดไปทานอาหารกลางวันกับฉันสักมื้อได้ไหมคะ ถ้าคุณไม่ไป ฉันจะไม่กลับจริงๆนะคะ” นางแบบสาวอ้อนวอน ก่อนจะถูกเจสกันออกมา เมื่อเห็นว่าผู้เป็นนายดูรำคาญใจที่หญิงสาวไปเกาะแขน โคลอี้เหลือบมองเจสเพียงแวบเดียวด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะสะบัดแขนออกจากการจับกุม แล้วหันมามองชายหนุ่มอีกคนที่กำลังขยับแขนเสื้อสูทที่เธอจับเมื่อครู่ให้เข้าที่เข้าทางอย่างไม่สบอารมณ์

“ฉันก็ไม่ได้บอกให้เธอกลับตอนนี้นี่ เธอต้องอยู่ก่อน” คำพูดนั้นทำให้หญิงสาวยิ้มตาเป็นประกาย นั่นแสดงว่าเขาอาจจะต้องการเธอขึ้นมาบ้างแล้ว

“ได้ค่ะ ฉันจะอยู่กับคุณ” โคลอี้บอก พลางแย้มยิ้มหวาน นั่นทำให้คริสโตเฟอร์รู้ว่าสาวเจ้ากำลังคิดไปไกล จำต้องพูดดักเอาไว้ก่อนที่เธอจะคิดเตลิดไปไกลยิ่งกว่านี้

“ฉันไม่ได้บอกว่าจะให้เธออยู่กับฉัน คริสตินกำลังมาที่นี่ เธออยากคุยด้วย แต่ ไม่-ใช่-ฉัน ดังนั้นเธอยังกลับไม่ได้” คริสโตเฟอร์เน้นคำราวกับจะทำร้ายจิตใจเธออย่างไม่คิดจะไว้หน้า จนโคลอี้หน้าซีด ถ้าคุณหนูเลสลี่ไม่เชื่อรูปที่เธอส่งไปให้ ชีวิตเธอคงได้พังทลายแน่ๆ และก่อนที่นางแบบสาวจะได้คิดหนี คริสโตเฟอร์ก็หันไปสั่งการลูกน้องทันที “พาเธอไปรอในห้องประชุมเล็ก เฝ้าให้ดี อย่าให้เธอไปไหนก่อนคริสตินจะมา แม้แต่เข้าห้องน้ำฉันก็ไม่อนุญาต!” จบคำ ร่างสูงก็เดินหนีไปอีกทาง ก่อนที่เจสจะผายมือเชิญให้เธอเดินนำไปก่อน

แม้แต่ห้องน้ำคริสโตเฟอร์ก็ยังไม่ให้เธอเข้า งานนี้ไม่ต้องคิดหนีให้เสียเวลาเลย!





ร่างสง่างามของคุณหนูเลสลี่ก้าวเข้ามาในเบอร์นาร์ดกรุ๊ปด้วยจังหวะมั่นคง มีบ้างที่หันไปพยักหน้ารับคำทักทายกับพนักงานในบริษัทแห่งนี้เหมือนทุกครั้ง ก่อนจะโบกมือไล่บอดี้การ์ดตัวโตสองคนที่เดินตามมาให้หลบฉากไป เมื่อเจอคริสโตเฟอร์มายืนรอรับอยู่บริเวณหน้าลอบบี้

คริสโตเฟอร์โอบเอวบางตามความเคยชินพร้อมกับแย้มยิ้มหวานส่งไปให้ แม้ครั้งนี้จะไม่ได้รับรอยยิ้มตอบกลับจนชายหนุ่มแอบเสียวสันหลังวาบ แต่เขาก็ยังคงยิ้มให้เธออยู่อย่างนั้น ก่อนจะรั้งเอวบางให้เดินเข้าลิฟต์ไปด้วยกัน

“โคลอี้” นั่นคือคำพูดแรกที่เจอหน้ากันของวันนี้ คริสตินที่ยังเคืองกับรูปนั่นไม่หาย เลยไม่อยากจะพูดคุยกับคริสโตเฟอร์เท่าใดนัก
แม้คริสตินจะพูดเพียงแค่สองพยางค์ แต่ร่างสูกก็เข้าใจดีว่าหญิงสาวหมายถึงอะไร จึงรีบบอกคำที่เธอต้องการให้

“ฉันให้โคลอี้ไปรอเธอในห้องประชุมเล็กแหน่ะ” ร่างสูงพูด ก่อนจะก้มลงหอมแก้มนุ่มเอาใจคนตัวเล็ก เพราะไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้โกรธมาหรือเปล่า

หญิงสาวเบี่ยงหน้าหนีทั้งที่โดนหอมแก้มไปแล้วเต็มๆ ก่อนจะเอื้อมมือกดลิฟต์ไปยังชั้นผู้บริหารแทน ทั้งๆที่เมื่อกี้ชายหนุ่มกดไปยังชั้นสามที่มีโคลอี้รออยู่ในห้องประชุมเล็ก

“เค้าจะคุยกับคริสก่อน”


ตอนนี้ชายหนุ่มให้ความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนักเรียนที่ทำความผิด แล้วถูกเรียกตัวให้ไปพบที่ห้องฝ่ายปกครองเพื่อรอรับโทษก็ไม่ปาน ตอนนี้คริสตินนั่งกอดอกไขว่ห้างหน้าเครียดอยู่บนโซฟา ส่วนเขาน่ะเหรอ... โดนสั่งให้นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น!

เกิดมาสามสิบเอ็ดปียังไม่เคยต้องมานั่งคุกเข่าให้ใคร แม้แต่พ่อแม่ของตัวเองก็เถอะ อย่างน้อยท่านก็ไม่เคยสั่งให้เขาทำอะไรแบบนี้สักครั้ง เกือบจะอ้าปากค้าน แต่พอเห็นสีหน้าโกรธจริงจังของคนตัวเล็ก ทำเอาคริสโตเฟอร์หุบปากแทบไม่ทัน ก่อนจะค่อยๆทิ้งเข่าลงกับพื้นทีละข้างช้าๆอย่างหมดสภาพผู้บริหารกิจการที่มีรายได้กว่าพันล้านต่อปีโดยสิ้นเชิง

เสียงสิ่งของกระทบกับโต๊ะกระจกตรงหน้าเรียกความสนใจจากชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี ตาคมมองซองจดหมายสีน้ำตาลอย่างสนใจ ก่อนจะมองใบหน้าหวานอย่างขออนุญาต เพื่อจะหยิบซองจดหมายนั้นมาดู ให้ตาย! ยังไม่แต่งก็กลัวว่าที่เมียแล้วเหรอวะไอ้คริสโตเฟอร์เอ้ย

“เฮ้ย!” ร่างหนาที่คุกเข่าอยู่กับพื้นร้องเสียงหลงขึ้นมาทันที หลังจากที่หยิบรูปออกจากซองสีน้ำตาลขึ้นมาเพ่งพินิจดู และพบว่าเป็นเขากับโคลอี้ที่อยู่ในรูปใบนี้

ร่างหนารนรานขึ้นมาจะนั่งกอดปลอบหญิงสาว ก่อนจะต้องจำใจกลับไปนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าหญิงสาวเช่นเดิมเมื่อเธอสั่งให้เขาออกห่าง

“อธิบายให้ดีนะ คริส” เสียงเย็นเฉียบจนคริสโตเฟอร์ต้องลอบกลืนน้ำลาย แต่ให้ตายยังไงเขาก็ไม่รู้เรื่องจริงๆนะ ต้องเป็นคืนนั้นที่เขาไปดื่มกับเพื่อนฝูงที่ผับหรูแห่งหนึ่งใจกลางเมืองวันนั้นแน่ๆ เขาจำได้

“คือ อาทิตย์ที่แล้วฉันไปสังสรรค์กับเพื่อนมาใช่ไหม แล้วทีนี้ฉันก็บังเอิญไปเจอโคลอี้ที่นั่นพอดี แต่ไม่ได้คุยอะไรกันเลยนะ สาบานได้ เธอพยายามเข้าหา แต่ฉันก็ปฏิเสธไปนะ” คริสโตเฟอร์เหงื่อแตกพลั่กทั้งที่ในห้องเปิดแอร์เย็นฉ่ำ กลัวดวงใจของตนจะไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด สาบานได้เลย ออกไปจากห้องนี้เมื่อไหร่ ยัยนางแบบนั่นหมดอนาคตแน่!

“ปฏิเสธท่าไหนล่ะคริส ถึงไปนอนเบียดกันบนเตียงจนเหลือเสื้อผ้าแค่นั้นน่ะ” พูดไปก็เสียงสั่นไป จนคริสโตเฟอร์อดไม่ไหว ต้องขัดคำสั่งเธอโดยการขึ้นไปนั่งกอดปลอบร่างบางบนโซฟาจนได้ คราวนี้นับว่าโชคดีที่คริสตินไม่ได้ไล่เขาเหมือนเดิม แต่กลับซบอกเขาร้องไห้แทน

“อย่าคิดมากนะ ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ วันนั้นพวกเราเมามากจนขับรถกลับไม่ไหวเลยเปิดห้องที่โรงแรม พวกเพื่อนๆฉันนอนในห้องเดียวกันหมดเลย วันนั้นใครเปิดประตูให้โคลอี้เข้ามาไม่รู้ แล้วตอนนั้นฉันก็นอนถอดเสื้ออยู่... ถอดเสื้ออย่างเดียวครับที่รัก ไม่เอาน่า” ร่างสูงที่ลูบแผ่นหลังบอบบางอยู่ย้ำคำ เมื่อเห็นเธอตวัดสายตาขึ้นมองมาอย่างเคืองๆ

“ตอนนั้นฉันหลับเป็นตาย ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ตื่นเช้าขึ้นมาไอ้อดัมก็เล่าแค่ว่าเห็นโคลอี้เข้ามานั่งอยู่ใกล้ๆกับที่ฉันหลับ มันก็พอจะรู้เรื่องบ้างล่ะ เลยจัดการไล่โคลอี้ออกไป ไม่เชื่อโทรถามไอ้อดัมได้นะ ฉันไม่ได้โกหกเธอเลยจริงๆ ที่ไม่ได้เล่าก็เพราะไม่อยากให้คิดมาก รู้หรือเปล่าหืม” เสียงของชายหนุ่มดูเว้าวอนจนร่างเล็กใจอ่อน ทั้งที่อยากจะโกรธเขาให้นานกว่านี้ที่กล้าให้ผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่เธอมาแนบชิด

“ไหนเคยบอกว่าเราจะไม่มีความลับต่อกันยังไงล่ะ” เสียงเล็กเอ่ยอย่างตัดพ้อ

“เรื่องนี้ฉันยอมรับผิด ต่อไปจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้อีกแล้ว มีอะไรก็จะเล่าให้ฟังหมดทุกเรื่องเลย สัญญาครับ ขอโทษนะ” คริสโตเฟอร์ดึงมือบางขึ้นมาจูบ ก่อนจะคลอเคลียที่แก้มขาวอย่างเอาใจ และก่อนที่คริสโตเฟอร์จะจุมพิตเข้าที่ปากบาง หญิงสาวก็ขืนตัวลุกขึ้นยืนก่อนจะมีอะไรเลยเถิดไปกว่าที่แก้มใสโดนรุกราน

“ตอนนี้เค้าเชื่อคริสแค่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น รอให้เค้าได้คุยกับโคลอี้ก่อนเถอะ อ้อ หลังจากนั้นก็จะคุยกับอดัมด้วย อย่าได้คิดโทรไปเตี๊ยมกันก่อนเชียว เอาโทรศัพท์มา” มือหนาหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงวางลงบนมือบางที่แบรอไว้อย่างจำใจ ก่อนจะเดินตามคนตัวเล็กไปยังห้องประชุมที่มีโคลอี้รออยู่





ร่างบางเปิดประตูห้องประชุมเล็กเข้าไป ตามด้วยชายหนุ่มร่างสูง และบอดี้การ์ดอีกสองคนที่ติดตามเธอมาด้วย ก่อนที่คริสตินจะหยุดยืนอยู่ตรงหน้านางแบบสาวที่กำลังหน้าซีด และดูลุกลี้ลุกลนจนสังเกตได้ชัด

“คริส คุณออกไปรอข้างนอกก่อน” คริสตินผลักอกคนตัวโตที่กำลังเดินเข้ามาให้หยุด แต่ร่างแกร่งดูยืนกรานที่จะไม่ไปลูกเดียว

“ไม่เอาอ่ะ”

“เค้ายังโกรธคริสอยู่นะ นี่จะไม่ฟังกันใช่ไหม” ร่างบางกระซิบเสียงดุใส่คนตัวโต ก่อนที่ชายหนุ่มจะถอนหายใจอย่างยอมแพ้ แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ที่สุดอยู่ดี

“เอาใครอยู่ไว้สักคนไม่ได้เหรอ” คริสตินมองชายหนุ่มอย่างอ่อนใจ เธอรู้ว่าเขาเป็นห่วง เพราะโคลอี้ก็ไม่ใช่บุคคลที่หวังดีต่อเธออยู่แล้ว ดังนั้นเธอจะยอมเชื่อฟังเขาบ้าง

“งั้นให้เจสอยู่กับเค้าแล้วกัน ส่วนนายสองคนออกไปเฝ้าคริสโตเฟอร์ข้างนอก ห้ามให้เขาใช้โทรศัพท์เด็ดขาดนะ” หลังจากหันไปสั่งบอดี้การ์ดสองคนของเธอแล้ว ก็หันกับมามองคนที่กำลังหัวเราะแห้งแล้วก้มลงจูบแก้มใสของเธอเบาๆ ก่อนจะยอมเดินออกไปแต่โดยดี

หลังจากทั้งสามคนออกไปแล้ว เจส ลูกน้องคนสนิทของคริสโตเฟอร์ก็เดินไปยืนอยู่มุมหนึ่งของห้องเพื่อคอยสังเกตการณ์เท่านั้น

“ฝีมือเธอ?” คริสตินนั่งลงตรงที่นั่งหัวโต๊ะ โดยมีโคลอี้นั่งอยู่ทางซ้ายมือ ก่อนจะโยนซองสีน้ำตาลลงไปตรงหน้านางแบบสาว

“…” โคลอี้ไม่ตอบอะไร เอาแต่นั่งเม้มปากแน่นสนิท จนคริสตินหงุดหงิด

“เจส...” คริสตินเรียกชายหนุ่มอีกคนที่อยู่ในห้องให้เดินมาใกล้ “เก็บเครื่องมือสื่อสารออกจากตัวผู้หญิงคนนี้ให้หมด”

“…!!” โคลอี้ได้แต่มองหญิงสาวตรงหน้าอย่างเหลือเชื่อ ไม่คิดว่าคุณหนูเลสลี่จะรู้ว่าเธอกำลังแอบทำอะไร ก่อนจะเป็นคนโยนเครื่องอัดเสียงขึ้นไปบนโต๊ะเอง โดยไม่ต้องให้เจสมาค้น

“โทรศัพท์ด้วย ขอบคุณ” เห็นแววตานิ่งๆของคุณหนูเลสลี่ที่มองมาทำให้เธอหงุดหงิด ก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายทั้งใบส่งให้เจสอย่างประชดประชัน “ทำไม เธอจะอัดเสียงฉันไปเผยแพร่เพื่อให้ฉันดูเป็นนางมารร้ายล่ะสิ”

“คิดว่าตัวเองเกิดมาอยู่บนกองเงินกองทองแล้วจะเหนือกว่าคนอื่นงั้นสิ!” นางแบบสาวเริ่มเก็บอารมณ์ไม่อยู่เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะคล้ายจะเยาะเย้ยเธออยู่ในที ด้วยความที่เธอไม่ได้ร่ำรวยมาตั้งแต่เกิด ติดจะลำบากด้วยซ้ำ จึงมักจะมีอคติกับคนรวยๆโดยเฉพาะผู้หญิง

“อิจฉาเหรอ หึ อย่างน้อยฉันก็ไม่เคยกรุเรื่องโกหกเพื่อจับผู้ชายหรอกนะ”

เจสที่กำลังยืนทำลายเมมโมรี่ของเครื่องอัดเสียงอดที่จะเงี่ยหูฟังไม่ได้ แน่นอนว่าเขาก็ต้องเชียร์ว่าที่นายหญิงของตัวเองอยู่แล้ว แต่อดที่จะทึ่งนิดๆไม่ได้เมื่อได้เห็นมุมที่คาดไม่ถึงของคุณหนูเลสลี่ ปกติเคยเห็นแต่บทออดอ้อนเจ้านายของเขา ไม่ก็บทดื้อรั้นเหมือนเด็ก มาเห็นมุมที่ดูเป็นผู้ใหญ่ไม่กลัวอะไรก็ยิ่งปลื้มหญิงสาวยิ่งขึ้นไปอีก

“แล้วที่เธอมาเอาเรื่องฉันคืออะไร หรือกลัวคริสโตเฟอร์จะหลงฉันเลยจะกำจัดฉันออกไปใช่ไหมล่ะ!”

“ไม่เถียงด้วย นี่มันก็เหมือนว่าเธอยอมรับกลายๆแล้วนะว่าเธอ... สร้างเรื่อง” คริสตินผุดลุกขึ้นยืน ก่อนจะก้มหน้ามองโคลอี้ในมุมที่สูงกว่า

“ยัย...!”

“ฉันไม่เสียเวลาคุยกับเธอแล้วล่ะ ฉันได้คำตอบที่ต้องการแล้ว ขอบใจมาก” คริสตินยืนกอดอกมองโคลอี้ด้วยแววตาที่ฝ่ายตรงข้ามอ่านไม่ออก “เจส เอาโทรศัพท์กับเครื่องอัดเสียงคืนเธอด้วย แล้วก็ ส่งแขก” ร่างบางเดินออกจากห้องทันทีที่พูดจบ ไม่แม้แต่จะเหลียวหลังกลับมามองคนในห้องอีกเลย

“คริส เค้าอยากกลับบ้าน” เสียงเหนื่อยล้าที่หลุดจากปากหญิงสาว ทำให้คริสโตเฟอร์ที่ยืนล้วงกระเป๋าพิงกำแพงอยู่รีบขยับเข้าไปใกล้แล้วโอบไหล่บางเอาไว้

“เหนื่อยเหรอ เดี๋ยวฉันไปส่งที่บ้านนะ” ร่างสูงบอกด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยจนคริสตินไม่อยากจะโกรธเขาอีกแล้ว เพราะรู้ว่าเขารักและให้ความสำคัญกับเธอที่สุด ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำให้เธอต้องระแวงเขาทั้งนั้น


การทำตัวเป็นผู้ใหญ่นี่มันเหนื่อยจริงๆ คริสตินคิด ก่อนจะเดินไปตามแรงโอบของชายหนุ่มเข้าไปในลิฟต์อย่างเหนื่อยอ่อน





..........................................................



ขอบคุณสำหรับทุกคนที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะคะ ฝากเนื้อฝากตัว และฝากนิยายเรื่องนี้ไว้กับคนอ่านที่น่ารักทุกคนด้วยนะคะ... เพชรอันดา



เพชรอันดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ก.พ. 2557, 21:18:33 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ก.พ. 2557, 21:18:33 น.

จำนวนการเข้าชม : 1007





<< กินในที่ลับ[2](100%)   ตอนที่ 7 : Chris's beloved(100%) >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account