ฤทัยลักษมณ์
โอบฤทัย...หญิงสาวนักศึกษาปีสี่ ลูกสาวครูสอนภาษาและดนตรีไทย และที่บ้านก็ทำวงดนตรีไทย
เธอไม่ได้อยากมีพ่อใหม่ แต่ตาลุงเจ้าของคณะลิเกข้างบ้านก็ขยันมาจีบแม่เธอเหลือเกิน ถึงแม้ตาลุงนั่นจะนิสัยดีแค่ไหนก็เถอะ แม่ของเธอเจ็บช้ำจากความรักมามากพอแล้ว
เขาบอกว่าผู้ชายดีๆ มีแต่ในนิยายน่ะหรือ...ไม่จริงหรอก!!!
แม้แต่ในวรรณคดีมันมีมีเมียทีละสามคนสี่คนเลย
แต่แล้วคืนหนึ่งที่เธอเผลอหลับคาหนังสือวรรณคดีเรื่องโปรด ก็เกิดสิ่งผิดปกติขึ้น มีผู้ชายมานอนอยู่ในห้องของเธอ!

ลักษมณ์...ผู้ชายเจ้าบทเจ้ากลอน แต่งตัวประหลาด เขาต้องเป็นบ้าแน่ที่บอกว่าตัวเองเป็นคนเดียวกับพระลักษมณ์ในเรื่องรามเกียรติ์ แต่จะไล่นายคนบ้านี่ไปไกลๆ ก็ไม่ได้ เพราะตาลุงเจ้าของคณะลิเกก็เกิดชอบใจความหล่อ ล่ำ หน้าไทย เสียงหวานของนายลักษณ์ ตาลุงนั่นจีบแม่ยังไม่พอ
นายลักษมณ์นี่ยังตามจีบเธออีกเหรอ!!! ตายล่ะ
เธอต้องรีบหาทางส่งตานี่กลับโลกหนังสือไปเสียแล้ว!!!
Tags: โรแมนติก,คอมมิดี้,น่ารัก

ตอน: ตอนที่ 1 ความหลังของโอบฤทัย 50%






ตอนที่ 1 ความหลังของโอบฤทัย



หญิงสาวร่างเล็กในชุดเสื้อเชิ้ตกับกางเกงขาสั้นเดินกระแทกเท้าขึ้นมาบนบ้านด้วยอารมณ์ที่ยังคุกรุ่นอยู่หน่อยๆ จนถูกมารดาที่กำลังนั่งเช็ดเครื่องดนตรีไทยเงยหน้าขึ้นกำราบด้วยสายตาคมกริบ คนเป็นลูกจำต้องส่งยิ้มแหย แล้วค่อยๆ เดินเข้าไปหา แล้วยื่นชามแกงเลียงฝีมือพี่สาวข้างบ้านไปให้แต่โดยดี


“ฝีมือเรไรสินะ” น้ำเสียงหวานปมเศร้าของมารดาทำให้คนเป็นลูกถอนหายใจออกมาจนได้ มองแม่คราวใด เธอก็เสียดายแทนพ่อทุกครั้งไป ก็แม่เธอทั้งสวย สง่า ราวกับนางในวรรณคดีเสียขนาดนี้ กลับถูกทิ้งให้เลี้ยงลูกสองคนตามลำพัง


แต่ถึงกระนั้นก็เถอะ ต่อให้บิดาของเธอมาตามงอนง้อของคืนดีกับแม่เท่าไหร่ โอบฤทัยก็ไม่เห็นด้วย เธออยู่กันสามคนแม่ลูกมาจนชินเสียแล้ว ถ้าจะมีอีกคนเข้ามามีส่วนเกิน ใครจะว่าเธอใจร้ายกับพ่อบังเกิดเกล้าก็ได้ เธอไม่สนเลยสักนิด ในเมื่อแต่ละคนที่ว่าเธอนั้น ไม่เคยโดนอย่างที่เธอโดนนี่นา


“วันนี้พ่อโทรหมาหาอบนะลูก” บุษบาปรารภลอยๆ ไม่ได้สบตาลูกสาว แลยังคงง่วนกับเครื่องดนตรีไทยที่รายล้อมรอบตัว


“เขาโทรมาทำไมหรือจ๊ะแม่”

“เขาห่วงเรื่องงานของลูก เห็นว่าลูกใกล้เรียนจบแล้วละมั้ง”


“อบหาเองได้นะแม่ ไม่อยากให้เขามายุ่งหรอก”

“ยังไงเขาก็พ่อของอบนะลูก”

“อบมีพ่อที่ไหน” ลูกสาวเผลอกระแทกเสียงด้วยความโกรธเคืองผู้เป็นพ่อ แต่พอสำนึกได้ว่านั่งอยู่ต่อหน้าแม่ จึงจำต้องยิ้มปะเหลาะไว้ก่อน “ก็อบมีแม่ที่เป็นทั้งแม่ทั้งพ่อแล้วนี่จ๊ะ ดูสิ อบเหมือนเด็กมีปัญหาหรือ”


“ยังจะให้แม่พูดอีกหรือ” บุษบาส่ายหน้าจนใจ เลี้ยงลูกมาเองกำมือ ทำไมจะไม่รู้ว่าโอบฤทัยทำเก่งไปอย่างนั้นแหละ คนแข็งนอกอ่อนในอย่างนี้ทิฐิมานะแรงกล้าไม่น้อย


“จริงๆ นะจ๊ะแม่ อบไม่อยากให้เขามายุ่งกับเราเลย อบเบื่อ”

“แม่รู้”

“เขายังพยายามจะมาตอแยแม่หรือเปล่าจ๊ะ”

“ไม่หรอก เขาโทรมาหาอบ ไม่ก็อยากคุยกับโอ่ง น้องกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยแล้วนี่ พ่อเขาอยากให้โอ่งเรียนแพทย์ ไม่อยากให้เต้นกินรำกินเหมือนแม่ละมั้ง”


“ดี ถ้าอย่างนั้นอบจะยุให้น้องเรียนดุริยางคศิลป์ต่อ ดูสิเขาจะอกแตกตายเลยไหม”

“อบนี่!” ครูบุษบาฟาดเผียะลงบนต้นแขนกลมกลึงของลูก “เขาเป็นพ่อเรานะอบ”

“มีก็เหมือนไม่มีนี่จ๊ะ...โอ๊ย!” เสียงหวานใสของหญิงสาวดังขึ้นอีกคำรบ คราวนี้ถูกเหน็บที่สีข้างแรงๆ

“พูดอย่างนี้ระวังเถอะ นรกจะกินหัวเข้าสักวัน”

“แม่ก็...ว่าแต่ เขาโทรมาหานายโอ่งเรื่องอะไรหรือจ๊ะ”

“เขาชวนโอ่งไปบ้านน่ะ” แม่ตอบทั้งที่ยังก้มหน้าก้มตาเช็ดเครื่องดนตรีต่อไป

“อบไม่ให้นายโอ่งไปหรอกจ้ะ เดี๋ยวได้โดนอย่างคราวก่อนอีก มันไม่คุ้มกันหรอก”

“เรื่องมันแล้วไปแล้วนะลูก ผูกพยาบาทใครก็ไม่ดีทั้งนั้นแหละ แล้วนี่เขาเป็นพ่อของหนูนะอบเชย”

“ไม่ได้ผูกพยาบาทนะจ๊ะแม่ อบก็แค่ปล่อยเขาไป ไม่ยุ่งกับเขาต่างหากจ้ะ”

“ยังแถไปเรื่อยนะลูกสาวคนนี้” คนเป็นแม่ส่ายหน้า เก็บเครื่องดนตรีบางชิ้นเข้ากล่อง บางชิ้นอย่างพวกซอด้วงและซออู้ จะวางเรียงกันไว้อย่างเป็นระเบียบ โดยมีลูกสาวคอยช่วยตลอดเวลาจนเรียบร้อย

“แก้วฝากขนมมาด้วยจ้ะแม่ พอดีแม่ครัวหัวป่าก์ที่บ้านแก้วเกิดเฮี้ยน ทำขนมเยอะแยะเลย”

“แล้วไปบ้านหนูแก้วได้งานได้การไหมล่ะอบ ไหนว่าจะต้องส่งงานอาจารย์แล้วไง”

“ได้แต่ดูละครน่ะสิคะ ยายแก้วน่ะเกาหลีลิซึ่ม”

“ทำไมล่ะลูก” มารดาหัวเราะขันๆ

“ยายแก้วชวนดูแต่ซีรี่ส์เกาหลีน่ะสิแล้ว ดูแล้วก็ร้องห่มร้องไห้ อบไม่เข้าใจเลย ถ้ามันจะเศร้าขนาดนั้นล่ะก็ อย่าดูเสียเลยดีกว่า”

“แก้วเขาอ่อนหวานนี่ลูก น่ารักเรียบร้อยไปหมดทุกกระเบียด”

“ใช่สิ แม่อยากได้ลูกสาวแบบแก้วแทนอบใช่ไหมล่ะ” ลูกสาวค้อนขวับ จนมารดาต้องละจากเครื่องดนตรีตรงหน้าขึ้นมาสบตากับลูกสาว แม้รู้ว่าโอบฤทัยสัพยอก แต่ในฐานะของคนเป็นแม่ เธอก็ไม่อยากให้ลูกสาวคิดเห็นเป็นเช่นนั้น

“ใครก็แทนที่อบของแม่ไม่ได้หรอกลูก”

“อบรู้จ้ะ อบแค่ล้อแม่เล่นเฉยๆ” คนเป็นลูกต้องยิ้มประจบ เพราะแลเห็นแววหม่นเศร้าในดวงตาคู่สวยหวานที่แม้กาลเวลาไม่อาจพรากของมารดา แล้วหอมแก้มอีกฟอด “อบรักแม่ที่สุดในสามโลกเลยจ้ะ เสียทองท่วมหัว อบก็ไม่ยอมเสียแม่บัวให้ใคร”

“ขอบใจลูก” บุษบาปาดน้ำตาทิ้ง แล้วยิ้มกับบุตรสาว “เดี๋ยวแม่ไปตามโอ่งมากินข้าวดีกว่า”

“ไม่ต้องจ้ะแม่ เดี๋ยวอบไปตามเอง” คนอ่อนอาวุโสกว่ากุลีกุจออาสาเสียเอง เพราะไม่อยากให้แม่ไปเจอกับระเด่น ไม่อย่างนั้นตาลุงเจ้าคารมคงจะหยอดขนมจีบแม่เธอแน่นอน

“หนูมาเหนื่อยๆ พักก่อนก็ได้อบ บ้านพี่เด่นแค่นี้เอง เดี๋ยวแม่ไปเอง”

“ไม่เอาจ้ะ แม่เก็บซอเข้าที่ดีกว่า อบซุ่มซ่าม เดี๋ยวซอแม่เสียดายหมด”

“เอาอย่างนั้นก็ได้ เร็วๆ นะ แม่จะได้เตรียมสำรับรอ”

“จ้าแม่”

หญิงสาวร่าวงกะทัดรัดวิ่งลงจากเรือนไทยอย่างรวดเร็ว ข้ามท้องร่องน้ำที่กั้นระหว่างตัวบ้านและสวนมะม่วง ไปที่ประตูรั้วที่อยู่ทางทิศตะวันตก เธอก็สามารถมาถึงบ้านหลังใหญ่ที่เป็นคณะลิเกของระเด่นได้

“ตัวอะไรตะคุ่มๆ วะ อ้วนๆ ด้วย” น้ำเสียงเข้มๆ แฝงความกวนประสาทดังขึ้นไม่ไกล ต่อให้ไม่บอก โอบฤทัยก็รู้ว่าเป็นใคร ดาวร้ายหน้าคมเข้มจากคณะลิเก ‘หยาดเพชรแท้’ แน่นอน

“ปากเสียนะพี่สิงห์ เดี๋ยวฉันก็เอามีดฟันปากเสียหรอก”

“พกมาด้วยหรืออวบ”

คนตัวอวบระยะเริ่มต้นเท้าสะเอว แล้วชี้หน้าอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง “อยากตายจริงๆ ใช่ไหมพี่สิงห์”

“อ้าว นี่น้องอบหรอกหรือ” สิงห์ยักคิ้วยั่วสาวน้อยข้างบ้าน

“เดี๋ยวเถอะ ฉันจะแพ่นกบาลพี่ให้แยกเลย”

“ดุเหมือนเสือเลยวุ้ย” ตัวร้ายคณะลิเกส่ายหน้าแล้วยิ้มขันๆ “มาตามโอ่งล่ะสิ”

“มันเรียนระนาดเสร็จหรือยังพี่สิงห์”

“เสร็จแล้วมั้ง เดี๋ยวพี่ไปตามให้”

“ขอบใจจ้ะพี่สิงห์” โอบฤทัยมองตามร่างสูงที่เดินห่างออกไปแล้วก็คิดสงสารตัวร้ายคนนี้เหลือเกิน เธอรู้จักเขามาตั้งแต่เด็ก สิงห์เป็นเด็กวัด ที่ไม่รู้แม้ใครเป็นผู้ให้กำเนิด ความอาภัพในวัยเด็กทำให้สิงห์เป็นคนสู้ชีวิต หนักเอาเบาสู้ ยินด้วยลำแข้งของตัวเองมาตลอด ไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบ เคยขึ้นชกมวยตามงานวัดแลกเงินมาแล้ว ทำให้ภาพพจน์ของสิงห์ในวัยฉกรรจ์คือนักเลงหัวไม้ แต่ใครเลยจะรู้จิตใจที่แท้จริงของผู้ชายร่างสูงใหญ่ใบหน้าคมเข้มดุดันคนนี้

“มาแล้วอบ”

ร่างสูงใหญ่สมชายชาตรีของตัวร้ายหน้าเข้มประจำคณะเดินกลับมาพร้อมกับร่างสูงผอมของเด็กหนุ่มอีกคน นั่นก็คือ คาวี หรือนายโอ่ง น้องชายเพียงคนเดียวของโอบฤทัยนั่นเอง

“แม่ให้มาตามไปกินข้าวแล้วโอ่ง”

“เพิ่งจะกินขนมฝีมือพี่เรไปเองนะพี่อวบ”

“ก็รู้อยู่ว่าแม่จะกินข้าวตอนนี้ แกยังเห็นแก่กินเหมือนเดิมนะไอ้โอ่ง”

“โห่” เด็กหนุ่มประท้วง “นี่ก็บ่นจัง”

“หรือแกจะหือจะพี่” โอบฤทัยท้าวสะเอว มองน้องชายตาดุ

“ใครจะกล้าล่ะ เดี๋ยวนางยักษ์ขมูขีได้เอาตาย” คาวีกระซิบกระซาบกับสิงห์ แต่มีหรือที่คนหูดีอย่างโอบฤทัยจะไม่ได้ยิน

“ไอ้โอ่ง!”

“ไปแล้วคร้าบแม่คร้าบ” เด็กหนุ่มยักคิ้วหลิ่วตากับสิงห์อย่างรู้กัน แล้วเดินตามพี่สาวไปแต่โดยดี แต่ก็ยังไม่วายทะเลาะกันไปตลอดทาง

“คุณอินน์เขาโทรมาหาแกนะโอ่ง รู้หรือเปล่า” ‘คุณอินน์’ ที่หญิงสาวกล่าวถึง แท้จริงแล้วคือพ่อบังเกิดเกล้าของตัวเอง แต่ก็ไม่มีเลยสักครั้งที่เธอจะเอ่ยเรียกผู้ชายคนนั้นว่า ‘พ่อ’

“ทำไมพี่อวบไม่เคยเรียกพ่อว่าพ่อ”

“แกยังเด็กนะโอ่ง ไม่เข้าใจหรอก” ใบหน้าของคนเป็นพี่เรียบเฉย แต่คาวีก็ไม่ทันสังเกตเห็น เพราะความมืดที่รายล้อมรอบตัว ระหว่างทางเดินกลับไปบ้านของตัวเอง

สำหรับโอบฤทัยแล้ว อินน์ไม่เคยมีความหมายอะไรในชีวิตเธอเลย เขาก็แค่ผู้ชายที่ทำให้เธอและน้องชายเกิดมาเท่านั้น แต่ไม่เคยให้ความรัก ความเห็นใจ ไม่มีความยุติธรรมให้เธอและแม่เลย แล้วอย่างนี้จะให้เธอนับถือผู้ชายที่ดีแต่ไข่ทิ้งไข่ขว้างอย่างนั้นหรือ

เธอยังจำวันที่ตัวเองเกือบตายได้ ตอนนั้นเธออายุแค่ 14 และไม่ได้ชื่อโอบฤทัยอย่างวันนี้ ‘อุรมิลา’ คือชื่อจริงของเธอ แต่ชื่อนั้นคงจะไม่ถูกโฉลกไหร่ เพราะเด็กหญิงอุรมิลาเจ็บป่วยกระเสาะกระแสะมาตั้งแต่เด็ก มาเป็นหนักเอาตอนนี้เอง เธอคิดว่าเธอคงจะตายไปแล้ว แต่ก็รอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์เพียงเพราะการเปลี่ยนชื่อเท่านั้น เด็กหญิงอยากเจอพ่อ อยากกอดพ่อ แต่พ่อของเธอกลับมากับลูกและภรรยาอีกคน ซ้ำร้ายลูกสาวคนใหม่ยังด่าเธอว่าลูกเมียน้อยอีก


หลังจากนั้น โอบฤทัยก็ไม่เรียกอินน์ว่าพ่ออีกเลย…

ความทรงจำนั้นทำให้หญิงสาวน้ำตารื้นจนได้ แต่เธอก็ชิงปาดมันทิ้งไปเสีย ผู้ชายอย่างนั้นไม่สมควรให้เธอใส่ใจ

“ไม่รู้สิ พ่อชอบชวนโอ่งไปบ้าน”

“แล้วแกก็อยากไปล่ะสิ”

“ไม่หรอก” วงแขนกว้างของน้องชายโอบกอดพี่สาวไว้ ขณะที่เดินข้ามสะพานไม้ข้ามท้องร่องกลับเข้าไปในบ้าน “ผมอยู่กับแม่กับพี่อวบก็ดีอยู่แล้ว ไม่อยากไปไหนหรอก”

“พูดดีนี่” หญิงสาวสลัดความรู้สึกเศร้าหมองออกจากใจ ป่วยการจะคิดถึงคนอย่างนั้น จึงได้ฝืนยิ้มกระเซ้าน้องชาย “อยากได้อะไรอีกล่ะไอ้โอ่ง”

“ไม่เอาอะไรทั้งนั้นแหละพี่อวบ” คาวีดึงโอบร่างเล็กกว่าของพี่สาวไว้ แล้วดึงเข้ามากอดแน่น “ขอขึ้นค่าขนมดีร้อยนึงสิพี่”

“โดนตบสักร้อยทีก่อนไหมไอ้โอ่ง!” พี่สาวถองเข้าใส่จนเด็กหนุ่มตัวงอ รีบปล่อยมือจากพี่สาวแล้วยกมือกุมท้องร้องโอดโอยเกินจริง

“พี่จะฆ่าผมหรือ”

“มากไปแล้วโอ่ง” มือบอบบางดึงน้องชายขึ้นมา “แกไปเล่นระนาดให้ลุงเด่น รู้นะว่าได้ค่าจ้างมาเยอะ”

“แน่สิ ค่าจ้างที่เป็นลูกแม่บัวด้วยล่ะ”

“เมื่อไหร่ลุงแกจะเลิกยุ่งกับแม่เรานะ” โอบฤทัยได้แต่ถอนหายใจ ตัวเองกันท่าแม่มาตั้งแต่เด็ก แต่ระเด่นก็ยังไม่ละเลิกความพยายามเสียที

“ลุงเด่นเขาก็คงดีนี่พี่อวบ”

“ดี แต่ไม่อยากให้ยุ่งกับแม่”

“รังเกียจที่ลุงเด่นไม่หล่อหรือ”

“เปล่า” สาวร่างเล็กส่ายหน้า “กลัวแม่จะเจออย่างคุณอินน์อีก ปล่อยเขาไปเถอะ แกเองก็เหมือนกันนะไอ้โอ่ง ไปเรียนระนาดบ้านนั้นอย่าไปสนิทให้มาก เดี๋ยวเขาจะใช้เป็นสะพาน เป็นม้าเร็วส่งมาหาแม่”

“โธ่พี่อวบ โอ่งไม่โง่หรอกน่า”

“แต่ก็ไม่ฉลาด”

“โธ่” น้องชายหัวเราะเสียงดังกังวานไปทั้งสวนมะม่วง แต่ก็คร้านจะต่อปากต่อคำกับพี่สาว “เอาเถอะ ขี้เกียจเถียงกับพี่อวบแล้ว เข้าบ้านเถอะ เริ่มหิว”

“ไหนว่าเพิ่งกินขนมฝีมือพี่เรไง”

“ผมมันเด็กวัยกำลังกินกำลังนอนนะพี่อวบ”

“อบ” คนเป็นพี่ย้ำด้วยท่าทีเหนื่อยหน่าย ชื่อเล่นของเธอจริงๆ คือ ‘อบเชย’ แต่เธอก็จะชอบแทนตัวเองสั้นๆ ว่า ‘อบ’ ทำไมไปทำมา ถูกเรียกว่า ‘อวบ’ ตามลักษณะรูปร่างไปเสียได้

“อ่ะ อบก็อบ” คาวีเถียงไม่ออก

“แก้วฝากขนมมาด้วยนะ ชอบไม่ใช่หรือ”

น้องชายตัวแสบกระหยิ่มยิ้มอย่างถูกใจ ถ้าได้เห็นหน้าเจ้าของของฝากด้วยจะดีมาก เพราะถ้าแก้วกัลยามาบ้านทีไร เขาก็มักจะไปเรียนระนาด หรือไม่ก็หายไปกับกลุ่มเพื่อนๆ ทุกครั้งไป

“เก็บอาการหน่อยก็ได้ไอ้โอ่ง”

“พี่แก้วเขาน่ารักดีนะพี่อบ”

“ตัวเท่าหัวกำปั้น ริจะจีบสาวเหรอไอ้โอ่ง”

“โธ่ คนอื่นเขามีแฟนกันหมดแล้วนะ”

“ยายกิมจิล่ะ” พี่สาวสัพยอก กิมจิที่เธอพูดถึง ก็คือแม่หนูกิมลั้ง ลูกสาวคุณนายเจง เข้าของตลาดที่เป็นแม่ยกลิเกคณะหยาดเพชรแท้ตัวจริงเสียจริง

“โห่พี่อบ หมวยอย่างนั้นผมไม่ชอบ ชอบสาวหน้าไทยๆ น่ารักๆ มากกว่า”

“เกลียดอย่างไรจะได้อย่างนั้นนะโอ่ง”

“ถ้าอย่างนั้นพี่อบก็จะได้แฟนในเร็ววันนี้น่ะสิ!”

“หน็อย...ไอ้โอ่ง!” คนตั้งปณิธานไว้ว่าจะไม่มีแฟนเงื้อกิ่งไม้มาจะขว้างน้องชาย แต่เด็กหนุ่มก็ชิงวิ่งหนีไปก่อนแล้ว เพราะรู้ฤทธิ์ ‘อบเชยลูกแม่บัว’ ดีกว่าใคร ขนาดตอนเขาเด็กๆ แล้วดื้อมาๆ พี่สาวยังเคยตีเสียตกบ้านมาแล้ว

......................................................

ชี้แจงนะค้า
เรื่องนี้ตูนยังเขียนไม่จบ เขียนไปอัพไป อาจจะช้า รบกวนช่วยกระตุ้น ติชมกันด้วย
ตูนอาจจะเขียนไปลบไปแก้ไป ยังไงก็ตามอ่านกันด้วยนะค้า

ขอบคุณค่ะ
กรรัมภา-กนิษวิญา







กนิษวิญากรรัมภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ก.พ. 2557, 10:43:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ก.พ. 2557, 10:43:27 น.

จำนวนการเข้าชม : 956





<< บทนำ   ตอนที่ 1 ความหลังของโอบฤทัย 100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account