กลรักนฤมิต (ชุดหน่วยซีล)
มือสไนเปอร์หนุ่มพูดน้อย แห่งหน่วยเรดทีมจู่โจม SEAL team six
ด้วยอาชีพการทำงานทำให้เขาไม่ได้เอาใจใส่พี่สาว ซึ่งเป็นคนในครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของเขา
หลังจากได้รับอุบัติเหตุแขนหักจนต้องพักงานยาว เขาจึงเดินทางกลับมาที่บ้านอีกครั้ง
ณ ที่แห่งนี้เองที่ทำให้ชีวิตของเขาต้องเปลี่ยนไป
พี่สาวคนเดียวเสียชีวิตไปอย่างปริศนา
โค้ดลับแปลกๆ เกี่ยวกับชื่อของเทพเจ้ากรีก
คนเดียวที่จะช่วยไขปริศนานี้ได้คือหญิงสาวคนหนึ่งที่ก้าวเข้ามาในชีวิตของเขา
ยายสาวแว่นตัวเล็กแต่งตัวเรียบร้อยประหนึ่งแม่ชีในโบสถ์ แต่กลับมาเขย่าหัวใจของเขาได้เพียงแค่สบตากัน
'ไอ้โจรข่มขืน' กับ 'ยายแว่นจอมเฉิ่ม'
จากคู่กัดกลายเป็นคู่รักที่ไม่น่าเป็นไปได้
เธอเข้ามาเพียงเพราะสมุดจดบันทึกแล็บของพ่อเธอ และสมุดแล็บของพี่สาวเขา จะนำไปสู่การไขปริศนาลับอันตราย
การทดลองทางพฤษศาสตร์ที่ใช้ชื่อว่า Pearly คือทางเดียวที่จะบอกได้ว่าคนพวกนี้ต้องการอะไร
ณ ห้องแล็บเล็กๆ กลางป่าแห่งนี้เปลี่ยนหัวใจที่เคยด้านชาให้มีชีวิตชีวา รู้จักคำว่ารักที่แท้จริง
เช่นเดียวกับอันตรายต่างๆ นานาและความเจ็บปวดมหาศาลที่จะตามเข้ามา
โดยที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลยแม้แต่นิดเดียว
ด้วยอาชีพการทำงานทำให้เขาไม่ได้เอาใจใส่พี่สาว ซึ่งเป็นคนในครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของเขา
หลังจากได้รับอุบัติเหตุแขนหักจนต้องพักงานยาว เขาจึงเดินทางกลับมาที่บ้านอีกครั้ง
ณ ที่แห่งนี้เองที่ทำให้ชีวิตของเขาต้องเปลี่ยนไป
พี่สาวคนเดียวเสียชีวิตไปอย่างปริศนา
โค้ดลับแปลกๆ เกี่ยวกับชื่อของเทพเจ้ากรีก
คนเดียวที่จะช่วยไขปริศนานี้ได้คือหญิงสาวคนหนึ่งที่ก้าวเข้ามาในชีวิตของเขา
ยายสาวแว่นตัวเล็กแต่งตัวเรียบร้อยประหนึ่งแม่ชีในโบสถ์ แต่กลับมาเขย่าหัวใจของเขาได้เพียงแค่สบตากัน
'ไอ้โจรข่มขืน' กับ 'ยายแว่นจอมเฉิ่ม'
จากคู่กัดกลายเป็นคู่รักที่ไม่น่าเป็นไปได้
เธอเข้ามาเพียงเพราะสมุดจดบันทึกแล็บของพ่อเธอ และสมุดแล็บของพี่สาวเขา จะนำไปสู่การไขปริศนาลับอันตราย
การทดลองทางพฤษศาสตร์ที่ใช้ชื่อว่า Pearly คือทางเดียวที่จะบอกได้ว่าคนพวกนี้ต้องการอะไร
ณ ห้องแล็บเล็กๆ กลางป่าแห่งนี้เปลี่ยนหัวใจที่เคยด้านชาให้มีชีวิตชีวา รู้จักคำว่ารักที่แท้จริง
เช่นเดียวกับอันตรายต่างๆ นานาและความเจ็บปวดมหาศาลที่จะตามเข้ามา
โดยที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลยแม้แต่นิดเดียว
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 5 ผู้ชายหื่นกาม 2 ยาวมากกกก...อะไรยาว??
“จะเล่นงานว่าอะไรหืมคนเก่ง”
“คลิปนายไง”
“แค่นั้นน่ะหรือ”
“ฉันจะบอกเมียนายด้วยว่านายจะข่มขืนฉัน”
“ข่มขืนหรือ” หนุ่มหน้าตายทวนคำ ที่จริงเขาไม่มีความคิดนั้นอยู่ในสมองเลย ต่อให้หื่นแค่ไหนอยากปลดปล่อยอารมณ์ดำฤษณาของตนเองแค่ไหน แต่กับยายแว่นจอมหาเรื่องช่างจินตนาการคนนี้ เขาทำไม่ลงจริงๆ
แต่ก็นั่นแหละ ในเมื่อแม่คุณช่างคิดไปได้ถึงขนาดนี้ เขาก็จะจัดให้ จะได้ออกไปให้พ้นๆ เสียที!
“กรี๊ด ไอ้บ้า!” สาวเสียงดีร้องลั่นที่อยู่ดีๆ เขาก็ก้มลงมาจูบเธออย่างรวดเร็ว แล้วก็ผละออกไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน แต่นี่ก็มากพอแล้วที่จะทำให้สาวแก่เรียนที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาอย่างมธุรดาใจหายใจคว่ำ
“จะแฉคลิปไร้สาระนั่น มันไม่มีผลหรอกนะแว่นน้อย ผมยังไม่ทันได้ทำอะไรด้วยซ้ำ ถ้าจะฟ้องอะไรเมียผมแล้วล่ะก็ให้มันมีหลักฐานมากกว่านั้นหน่อยสิ”
“ก็คลิปนั้นไง”
“นั่นมันแค่โหมโรง” ชายหน้าหนวดเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ แววตาวาววับของเขาทำให้คนฟังหนาวไปถึงขั้วหัวใจ “แค่นั้นน่ะไม่ถือว่ามีอะไรกันหรอก แค่ล้วงๆ ควักๆ จูบกันนิดหน่อย เอาผิดอะไรกับใครไม่ได้หรอก แต่ถ้าอยากจะมีคลิปฉาวไว้เล่นงานผมจริงๆ ผมจัดให้ได้นะ”
“...”
“ก็คุณไงนางเอกในคลิปกับผม สนใจไหมยายแว่นน้อย ยังอยากจะแบล็คเมล์ผมอีกไหม!”
“ไม่เอาแล้ว!” คนตัวเล็กหลับหูหลับตาพูด กลัวว่าเขาจะจู่โจมอย่างเมื่อครู่อีก
“ถ้าอย่างนั้นก็ออกไปได้แล้ว ที่นี่ไม่ต้อนรับคุณ” เจ.ที.ลุกขึ้น ยอมปล่อยยายตัวแสบออกมาจากอ้อมกอดราวกับว่าเขาไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ผิดกับมธุรดา ที่แม้จะกลัวจนขนลุกไปทั้งร่าง แต่ในความกลัวนั้น ก็ยังเจือจางไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่แม้แต่เธอเองก็ยังไม่เข้าใจ
หญิงสาวทำเป็นใจกล้า แล้วเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงกล้าๆ กลัว ๆ “เจสสิก้าไม่อยู่จริงๆ หรือคะ”
“เธอไม่กลับมาอีกแล้ว”
“แต่ว่าฉันมีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับ...” เสียงใสๆ เงียบหายไปอย่างกะทันหัน เพราะเสียงกริ่งที่หน้าประตูดังขึ้น
หนุ่มสาวหันกลับมามองหน้ากันทันที ก่อนจะเป็นฝ่ายเจ้าของบ้านที่เดินออกไปเปิดประตู ด้วยสีหน้าไม่ยินดียินร้ายเหมือนเคย
“เจ.ที!” ผู้มาใหม่เป็นชายร่างสูง อยู่ในชุดนายอำเภอและหมวกสีดำปีกกว้าง เขาเดินตรงเข้ามาจับมือกับเจ้าของบ้านที่ชื่อเจ.ที.ทันทีแล้วหัวเราะเสียงดัง ไม่ได้สนใจว่านอกจากหนุ่มหน้าตายแล้ว ยังมีหญิงสาวอีกคนยืนแอบอยู่ทางด้านหลังด้วย
“จูเลี่ยนเหรอ”
“เออ” นายอำเภอหนุ่มหัวเราะลั่น “ไม่เจอกันนานเลยโว้ยไอ้โจรข่มขืน” คำทักของนายอำเภอสุดหล่อทำให้หญิงสาวอีกคนชะงัก โจรข่มขืนเหรอ!
นี่เธอเกือบจะเสียรู้ให้โจรข่มขืน แถมยังอยู่กันตามลำพังตั้งนานสองนานอีกต่างหาก!
“เลิกเรียกอย่างนั้นได้แล้วน่า” เจ้าของบ้านเดินเลี่ยงไปที่โซฟา ตอนนั้นเองที่ผู้มาใหม่มีโอกาสได้เห็นหญิงสาวอีกคนที่ยืนแอบอยู่เสียนาน
“นั่นเพื่อนนายเหรอ”
“เออ แต่กำลังจะกลับแล้วล่ะ ใช่ไหม...”
“ใช่ค่ะ” สาวแว่นมีอาการงกเงิ่นอย่างเห็นได้ชัด เธอไม่กล้าสบตาดุคมคายของหนุ่มหน้ารกเคราอีกเลย ทั้งยังลนลานออกจากบ้านไปอีกด้วย จนนายอำเภอหนุ่มต้องเรียกไว้เสียก่อน
“ลืมเรื่องเมื่อกี้ไปเถอะครับ ผมล้อเพื่อนเล่นเฉยๆ หมอนี่เป็นทหารครับ ไม่ใช่โจรข่มขืนหรอก”
มธุรดาไม่ตอบ เธอพยักหน้าแรงๆ แล้วก้มศีรษะบอกลานายอำเภอหนุ่มเร็วๆ แต่เมื่อเงยหน้ามาเจอโจรข่มขืนตัวร้าย สาวเจ้าก็รีบเผ่นแนบกลับไปขึ้นรถทันที โดยไม่คิดจะเหลียวมองซ้ำเป็นครั้งที่สอง!
“เธอน่ารักดีนะ” นายอำเภอจูเลี่ยนพูดขึ้น พลางมองเพื่อนสนิทวัยเด็กด้วยแววตาล้อเลียน “แค่เพื่อนหรือว่าเมียวะ”
“เพื่อนน่ะ ว่าแต่นายเป็นนายอำเภอตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”
“นายไม่เคยกลับมาเลย รู้เรื่องก็บ้าแล้วเจย์เดน เทอร์เรนซ์...”
“ต่อชื่อฉันจบเมื่อไหร่นายตาย!”
“เออๆ” นายอำเภอหนุ่มหัวเราะร่วน “นายนี่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ แต่ฉันสงสัยว่ะ เป็นทหารมันต้องหัวเกรียนๆ ไม่ใช่หรือ”
“ก็...เป็นทหารชนิดพิเศษ” เจ.ที.ยักไหล่ การทำงานของเขาซับซ้อนมากกว่าที่คิด หน้าที่ของซีลทีมซิกซ์หรือหน่วยรบพิเศษใดๆ ในกลุ่มเจซอคนั้น ไม่เพียงแค่ต้องออกปฏิบัติการปราบปรามการก่อการร้ายเท่านั้น แต่บางภารกิจพวกเขาจะต้องแทรกซึมเข้าไปในกลุ่มเป้าหมายด้วย พวกเขาจึงไม่เหมือนทหารกลุ่มอื่นที่มักจะตัดผมเกรียน โกนหนวดเคราเรียบร้อย แต่คนในเรดทีมทุกคนจะไว้ผมรุงรังพอๆ กับหนวดเครา เพื่อให้กลมกลืนกับคนอื่นๆ พวกเขาจำเป็นที่จะต้องไม่ทำตัวให้สะดุดตาหรือให้ใครสังเกตได้ว่าเป็นทหาร
“แล้วนี่นายเจ็บมาเหรอ”
“เดี๋ยวก็ถอดออกได้แล้วล่ะ” แค่ข้อมือหักเล็กน้อย เขารักษาตัวมาราวๆ สองเดือนแล้ว และคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรด้วย เขาอยากจะถอดเองด้วยซ้ำเพราะมั่นใจว่าไม่ได้เป็นอะไรแล้ว แต่ก็ยังต้องรอคำวินิจฉัยจากแพทย์ก่อน
“ไม่ได้เจอนายนานมาก ตั้งแต่ที่ก่อเรื่องไว้”
“ช่างเถอะจูเลี่ยน”
“แต่เพราะฉันนะโว้ย นายเลยโดนคนทั้งวินด์ฟิลด์เข้าใจผิด”
“คิดมากไปได้” เจ.ที.ยิ้มนิดๆ แต่ดูแล้วเหมือนแสยะยิ้มมากกว่า เขาชินเสียแล้วกับการเป็น ‘ไอ้เด็กเปรตสไวเกอร์’ ของคนทั้งวินด์ฟิลด์ แม้ว่าทุกวันนี้เขาจะเป็นทหารแล้ว แต่คนเก่าแก่ดั้งเดิมก็ยังเหมือนเดิม เจอหน้าเมื่อไหร่ ฉายาเดิมก็กลับมาอยู่ร่ำไป
“แล้วนั่นไม่ใช่แฟนแน่หรือ” นายอำเภอจูเลี่ยนยิ้มล้อเลียน “เธอน่ารักออกนะ”
เจ.ที.ไม่เถียง เขารู้ว่าเธอหน้าตาดี ท่าทางก็ตลกน่ารักดี แต่เขายังไม่พร้อมจะสนใจใครตอนนี้ เรื่องราวของเจสสิก้ายังเป็นบาดแผลที่อยู่ในใจของเขา โดยเฉพาะเธอ...สาวแว่นคนนั้นเป็นลูกสาวของคนที่มีส่วนทำให้พี่สาวของเขาต้องตายด้วย
สองหนุ่มพูดคุยสารทุกข์สุขดิบกันอยู่นาน กระทั่งจูเลี่ยนขอตัวออกไปก่อนเพราะถูกลูกน้องตามตัว และเจ.ที.ก็ต้องออกไปรับหลานชายด้วยเหมือนอย่างที่เคย
เมื่ออยู่คนเดียว เขาก็อดคิดถึงเหตุการณ์ระหว่างตนเองและยายแว่นจอมวุ่นวายนั้นไม่ได้ การมาของเธอทำให้เขาคิดไปถึงพี่สาว มาสะกิดแผลในใจ ทั้งที่เขาแทบจะลืมไปแล้วว่าความจริงพี่สาวจากไปอย่างไม่มีวันกลับมา นานหลายสัปดาห์ที่พยายามคิดว่าเจสสิก้าแค่ไปทำงานเหมือนอย่างทุกวัน เขาต้องเข้มแข็งและเป็นหลักให้กับหลานชาย ทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่แล้วก็กลับมาถูกยายตัวเล็กแว่นหนามาย้ำรอยแผลนั้นเข้าให้อีก ซ้ำร้ายยายนี่ยังเป็นลูกสาวหมอสมิธ ตัวต้นเหตุที่ทำให้เจสสิก้าตายอีกด้วย
เจ.ที. ปัดเรื่องนั้นออกจากสมอง มือหนายกขึ้นลูบหน้าลูบตาตัวเองอย่างต้องการตั้งสติ ที่จริงเขาก็ไม่ได้เกลียดชังอะไรเธอหรอก เพียงแต่เขาไม่พร้อมที่จะคุยเรื่องการตายกับลูกสาวของคนที่ฆ่าพี่สาวทางอ้อมก็เท่านั้น
ร่างสูงลุกขึ้นในที่สุด ถึงเวลาที่ต้องไปรับหลานชายจากในเมืองแล้ว ความจริงแล้วลินคอนมีหอพักใกล้กับโรงเรียน แต่เพราะว่าตอนนี้เจสสิก้าก็จากไปแล้ว เขาจึงอยากจะดูแลหลานชายให้ใกล้ชิดที่สุด เลยตัดสินใจขับรถไปรับไปส่งหลานจนกว่าตนเองจะกลับเข้ากองทัพ
ทางด้านสาวแว่นตัวแสบของเจ.ที หลังจากที่ออกมาจากบ้านของ ‘นายโจรข่มขืน’ แล้ว หญิงสาวก็รีบเดินทางกลับมาที่บ้านพักของพ่อทันที ยังอกสั่นขวัญแขวนกับเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่รู้หาย ที่แท้ไอ้คนโรคจิตที่ลวนลามเธอนั่นก็เป็นนักข่มขืนตัวยงเลย แล้วอย่างนี้เธอจะกล้ากลับไปบ้านนั้นอีกหรือ
มธุรดาเบะปาก อยากจะร้องไห้ออกมาเต็มแก่ หญิงสาวเดินไปเก็บเสื้อผ้าข้าวของเตรียมจะเดินทางกลับเพนซิลเวเนีย เมื่อจัดการกระเป๋าเสื้อผ้าได้แล้ว ก็พบว่ากระเป๋าสะพายมันหายไป
“เอาไปไว้ตรงไหนนะ” ร่างบอบบางเดินหาจนทั่วบ้าน แต่ก็ไม่เจอ ชินเสียแล้วที่เป็นคนซุ่มซ่ามขี้ลืมขนาดนี้ มธุรดาเกาหัวแกรก เดินหาทั้งชั้นบน ชั้นล่างและห้องแล็บที่ถูกซ่อนไว้ใต้ดิน แต่ก็ไม่พบ
“แมร์เอ๊ย ต้องไปกินน้ำมันตับปลาเพิ่มไหมเนี่ย” เจ้าของน้ำเสียงใสถอนหายใจแรงๆ ทั้งโกรธและโมโหตัวเองเหลือเกินว่าไปลืมไว้ที่ไหน จนกระทั่งเดินกลับไปค้นที่รถ บางทีเธออาจะลืมไว้ในนั้นก็ได้ แต่เมื่อไปแล้วก็ไม่พบอยู่ดี แล้วในกระเป๋าสะพายนั้น มีทั้งกระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์ และของสำคัญทุกอย่างของเธอก็อยู่ในนั้นด้วย
หรือว่า...
สาวแว่นตัวแข็งทื่อ นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ล่าสุด เธอไปหานายหน้าหนวดจอมโรคจิตที่บ้าน เธอจะสู้เขาแต่ถูกยึดกระเป๋าสะพายไว้
ให้ตาย! ลืมไว้ที่ไหนไม่ลืม ดันไปลืมไว้ในถ้ำเสือหื่นเสียด้วย!
มธุรดาอยากจะร้องไห้ให้น้ำตาเป็นสายเลือดเหลือเกิน ดีที่เอากุญแจรถในไว้กระเป๋ากางเกงยีนเลยกลับบ้านมาได้ แต่ทำไมต้องลืมของพวกนั้นไว้กับนายหน้าหนวดนั่นด้วย แถมจะไม่ไปเอาก็ไม่ได้ สุดท้ายร่างบอบบางจำต้องเดินคอตกกลับไปที่รถแล้วขับออกไปแต่โดยดี
หญิงสาวขับรถจนมาถึงเมืองวินด์ฟิลด์ แต่แล้วก็ต้องชะงักเพราะเห็นรถชาร์จเจอร์ปีเจ็ดศูนย์สีดำที่จำได้ว่าเคยจอดอยู่ที่บ้านของพวกสไวเกอร์ รถคันนั้นกำลังเลี้ยวเข้าไปในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง เธอจึงไม่รอช้า แอบตามไปอย่างห่างๆ ทันที
นายทหารเรือหนุ่มขับรถเข้ามาจอดที่น้าโรงเรียนด้วยอารมณ์ที่เย็นลงกว่าเมื่อครู่มากแล้ว เขายังไม่ได้เล่าเรื่องผู้หญิงปริศนาให้หลานชายฟัง คิดว่ากลับไปแล้วค่อยคุยก็ยังไม่สาย แต่ระหว่างที่คิดอะไรเพลินๆ นั้น น่าแปลกที่สมองของเขากลับมีภาพของสาวแว่นที่กำลังทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ลอยอยู่ในห้วงคำนึงตลอดเวลา
“ทำหน้าไม่ดีเลยนะฮะน้าเจย์” เด็กหนุ่มลินคอนร้องทัก ขณะที่เข้ามานั่งประจำที่คนขับแทน แล้วให้น้าชายไปนั่งพักอยู่ทางด้านข้างแทน
“ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่นายหิวหรือยังลินซ์”
“นิดหน่อยฮะ”
“ไปร้านประจำไหม”
“ผมว่าเราซื้อไปทำกินที่บ้านดีกว่า” เด็กหนุ่มขับรถไปจอดที่ซุปเปอร์มาเก็ต แล้วก้าวลงจากรถทันที “น้าเจย์รออยู่ที่นี่ก็ได้ฮะ ผมลงไปซื้อเดี๋ยวมา”
“มีเงินไหมลินซ์”
“มีฮะ ไม่ต้องห่วง” โบกไม้โบมือให้แล้วก็เดินหายเข้าไปในร้าน ปล่อยให้เจ.ที.นั่งอยู่ตามลำพัง และจังหวะนี้เองที่เขาสังเกตได้ถึงสิ่งที่มันผิดปกติไป
ทางด้านหลังรถชาร์จเจอร์สีดำของเขา มีพอร์ชสีเหลืองคันหนึ่งที่ชายหนุ่มจำได้ว่าตามมาตั้งแต่ที่ออกมาจากโรงเรียนของลินคอนแล้ว ทีแรกก็ไม่คิดว่าจะตามมาถึงตรงนี้เพราะเมื่อแยกไฟแดงที่ผ่านมาเขาเห็นว่ารถคันนั้นกำลังตบไฟเลี้ยวไปทางด้านขวา แต่ไหงถึงมาอยู่ตรงนี้ได้
นายทหารเรือหนุ่มตัดสินใจแอบมองอยู่เงียบๆ เพราะจำได้ว่านี่คือรถยนต์ของยายแว่นขี้กลัวคนนั้นนี่นา
“รอนานไหมน้าเจย์”
“ไม่นานหรอก เราไปโรงพยาบาลกันเลยดีกว่า”
“ทำไมล่ะฮะ” เด็กหนุ่มถาม ขณะที่มือก็โยนพวกของสำหรับทำอาหารไว้ที่เบาะหลัง
“ฉันอยากเอาเฝือกออกแล้ว หมอนัดพรุ่งนี้ แต่จะพรุ่งนี้หรือวันนี้มันก็ไม่ต่างกันหรอก”
“ก็ได้ฮะ” ลินคอนรับหน้าที่ขับรถแทนน้าชาย ระยะทางจากซุปเปอร์มาเก็ต กลับไปที่โรงพยาบาลใช้เวลาไม่นานนัก ไม่นานก็มาถึง
“รอข้างนอกนี่แหละ เดี๋ยวมา”
“ได้ฮะ” เด็กหนุ่มได้แต่ส่ายหน้า ไม่ว่าจะอย่างไรน้องชายของแม่คนนี้ก็ยังคงประหยัดคำพูดได้ดีเหลือเกิน ใบหน้าก็เย็นชา ไม่รู้เลยว่าเขาอยู่ในอารมณ์ที่จะเล่นด้วยได้หรือเปล่า ลินคอนเองก็อยากจะเย้าแหย่น้าบ้างตามประสา เพราะตนเองก็กำลังอยู่ในวัยคะนองเต็มที่ แต่กลัวว่าจะได้บาทากลับมาแทนมากกว่าจึงไม่กล้า
หลานชายของเจ.ที.ลงมาจากรถยนต์ หยิบโทรศัพท์ของตนเองขึ้นมาแล้วนั่งเล่นเกมไปตามเรื่อง แต่แล้วก็ต้องสะดุ้ง เมื่ออยู่ดีๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งมายืนอยู่ตรงหน้า ทั้งยังมองเขาตาแป๋วอีกด้วย
“มีอะไรหรือเปล่าป้า” เด็กหนุ่มร่างสูงทักกวนๆ จนคนถูกทักว่าป้าถึงกับตัวแข็ง ใบหน้าชาดิกราวกับถูกตบทันที อยากจะสวนกลับไปแรงๆ เหลือเกินแต่ก็ต้องข่มใจนับหนึ่งถึงสิบ คิดเสียว่าเด็กมันกำลังคะนองปากเลยต้องเสียตามไปด้วย จึงได้แต่กำมือแน่นแล้วฝืนยิ้มกลับ ทั้งที่ในใจนั้นกำลังดุเดือดไม่สบอารมณ์
หน็อย...เด็กบ้า ฉันเพิ่งอายุ 21 นะยะ!
“พี่มาหาผู้ชายที่ใส่เฝือกที่แขนเมื่อกี้น่ะ เขาเป็นอะไรกับเธอเหรอ”
“น้าเป็นใครเนี่ย” เด็กปากเสียยังคงตาต่ำไม่เลิก แต่ก็ยังดีกว่าป้าแล้วกัน...มธุรดาพยายามปลอบตัวเอง
“เป็นเพื่อนเขาน่ะ” เธอปด
“เพื่อนน้าเจย์เหรอ!” สายตาที่มองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าของสองหน้าหลานทำเอาหญิงสาวโมโหเดือด มันจะสงสัยอะไรกันนักหนานะ
“ก็ใช่ไง”
“ไม่ใช่แล้วพี่ น้าเจย์ไม่มีเพื่อนแบบนี้แน่”
“เอ๊ะ!” แม้จะรู้สึกดีที่เด็กปากเสียนี่ไม่ได้เรียกเธอว่าป้าว่าน้าเหมือนคราวแรก ก็ยังยังอดโมโหไม่ได้อยู่ดีกับน้ำเสียงดูถูก ไหนจะสายตากวนๆ นั่นอีก ชักจะไม่อยากทนแล้ว แต่มธุรดาก็ต้องข่มใจเปลี่ยนจากนับหนึ่งถึงสิบมาเป็นนับหนึ่งไปถึงร้อยแทน พยายามไม่กวนประสาทตอบ เธอยังไม่อยากให้เสียเรื่องตอนนี้
“เจย์ไปไหน” แม้จะได้ยินนายอำเภอคนนั้นเรียกนายหน้าหนวดว่า ‘เจ.ที.’ แต่ในเมื่อได้ยินเด็กผอมก้างปลานี่เรียกนายคนหน้ายักษ์ว่า ‘น้าเจย์’ เธอจึงสมอ้างเสียเลยเพื่อความสมจริง แต่...
“นี่ไม่ใช่เพื่อนน้าเจย์แน่ บอกมานะว่าเป็นใคร ไม่งั้นโดนดีแน่” ร่างสูงผอมลุกพรวดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จนมธุรดาผงะ ในใจเต้นถี่รัวอย่างหวาดผวา อะไรกันนี่ พวกนี้เป็นนักเลงตั้งแต่น้ากระทั่งหลานเลยเหรอ
“ก็บอกแล้วว่าเป็นเพื่อนกับนายเจย์...เจย์เดนใช่ไหม” สาวแว่นคิดอย่างชาญฉลาด ในเมื่อเรียกสั้นๆ ว่าเจย์ ชื่อเต็มมันก็ต้องเจย์เดนสิ คนส่วนมากก็อย่างนี้ทั้งนั้น เธอพยายามทำใจดีสู้เสือ ไม่สนใจสายตาเย้ยๆ ของเด็กหนุ่ม
“งั้นรออยู่นี่ เดี๋ยวน้าผมออกมา ได้เจอแน่พี่สาว”
“แล้วเจสสิก้าไปไหน เธอยังไม่กลับมาอีกเหรอ”
“ถามหาทำไม” คราวนี้เด็กหนุ่มหน้าบึ้งกว่าเดิมเสียอีก
“ก็...เขาเป็นภรรยานายเจย์นี่ ทำไมจะถามถึงไม่ได้”
“บ้าไปกันใหญ่แล้ว” เสียงตะคอกที่ดังขึ้นทำให้หญิงสาวหน้าเสียขึ้นมาทันที ในใจก็คิดว่านี่ตนเดาอะไรผิดไปอีกล่ะ
“ก็...”
“ไม่ได้เดามั่วแล้ว รอน้าเจย์ออกมาก่อนเถอะ พี่แย่แน่”
“ทำไมฉันต้องแย่ด้วยล่ะ ก็แค่จะมาเยี่ยมเขานะ เจย์เดนต้องพอใจสิ ก็ฉันเพื่อนเขานี่นา” สาวแว่นหนายังตีหน้าซื่อ ขยับแว่นบนดั้งจมูกน้อยๆ แล้วเถียงข้างๆ คูๆ แม้ว่าอกใจจะยังเต้นระทึกกับการโกหกครั้งแรกในชีวิต แต่เอาน่า...เพื่อได้เจออีตาหน้ายักษ์นั่นและจะได้ทวงกระเป๋าของตนเองคืน มันต้องคุ้มสิ
มธุรดาปลอบตัวเอง แล้วก็แอบมองเสี้ยวหน้าของเด็กหนุ่มข้างตัวด้วย สองหน้าหลานคู่นี้เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือถนัดเหลือเกินที่ได้ขมขู่คนอื่น พอกันทั้งน้าทั้งหลาน
“น้าของเธอไปไหนเหรอ”
“ถอดเฝือก”
“หายดีแล้วเหรอ”
“ไม่หายจะถอดออกทำไม”
เออแน่ะ! นอกจากชอบขู่เป็นหมาบ้าไม่ได้ฉีดยาแล้ว เด็กคนนี้ยังมีบางอย่างที่ผิดแผกจากนายหน้ายักษ์ออกไป นั่นก็คือความกวนประสาทแบบที่เธอไม่เคยพบเคยเจอมาก่อนเลยจริงๆ
“ไม่ต้องถามอะไรแล้วคุณ เดี๋ยวน้าเจย์ก็ออกมา...นั่นไงมาพอดี”
สาวร่างบางเหลียวหลังกลับไปมอง แล้วก็จริงอย่างที่ไอ้เจ้าเด็กปากเสียนี่พูดจริงๆ เสียด้วย เพราะเธอเห็นว่าร่างสูงใหญ่ของคนหน้าตาเฉยชาเหมือนมนุษย์ไร้ความรู้สึกกำลังเดินตรงมาทางนี้จริงๆ ทั้งยังส่งสายแกมรำคาญมาให้อีกด้วย
“หมอว่ายังไงบ้างฮะน้า”
“ไม่มีอะไรแล้ว หมั่นกายภาพบำบัดแล้วก็มาตรวจอีกครั้งอาทิตย์หน้า กองทัพเขาส่งประวัติรักษามาแล้วล่ะ” แม้ว่าปากจะตอบคำถามหลานชาย แต่แววตาเรืองๆ ดุดันยังคงจับจ้องมาที่หญิงสาวร่างเล็กไม่ลดละ จนคนถูกมองเริ่มเย็นวาบไปทั้งไขสันหลังตามประสาวัวสันหลังหวะ นี่ถ้าเขารู้ว่าเธอแอบอ้างว่าเป็นเพื่อนกับเขา จะโดนขู่ตะคอกอีกไหมเนี่ย แค่คิดขนเส้นเล็กๆ ก็ตั้งชันขึ้นมาทันที ยิ่งเห็นแววตาดุดัน สีหน้าเรียบเฉยของชายตรงหน้า มธุรดาก็นึกกลัวเขาขึ้นมาติดหมัด
“พี่คนนี้เขาบอกว่าเป็นเพื่อนน้า” เด็กหนุ่มทำลายความเงียบขึ้นมาเสียก่อน
“งั้นหรือ”
“ว่าแต่ใช่เพื่อนน้าจริงๆ หรือเปล่าฮะ”
“คงใช่มั้ง” เจ.ที.ตอบโดยที่ไม่ยอมละสายตาออกจากใบหน้านวลผ่องเลยแม้แต่วินาทีเดียว จนมธุรดาได้แต่กลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคออย่างหวั่นเกร็งกับท่าทางขึงขังของเขา
“ถ้าอย่างนั้นน้าคุยกับพี่เขาไปก่อนก็ได้ฮะ เดี๋ยวผมรอได้”
และแล้วชายหนุ่มก็จับต้นแขนเล็กไว้มั่นแล้วลากยายสาวแว่นตัวเล็กออกห่างจากระยะที่หลานชายจะได้ยินทันที สุดท้ายก็ไปหยุดอยู่ที่รถพอร์ชของเจ้าหล่อนที่ห่างออกไปราวสามร้อยหลา
“นี่ฉันเจ็บนะ เบาๆ มือหน่อยก็ได้เจย์เดน” ถือโอกาสเรียกชื่อเต็มของเขาเสียเลย อย่างน้อยการที่รู้จักกันแล้วก็น่าจะทำให้เขายอมฟังเธอบ้างแหละน่า
“คุณเรียกผมว่าอะไรนะ”
“เจย์เดนไง คุณชื่อเจย์เดนไม่ใช่หรือ”
“ใครบอก”
“ก็...” คนช่างเดาเริ่มอึกอัก ท่าไม่ดีเสียแล้ว ชายหนุ่มตรงหน้ากำลังขบกรามจนเส้นเลือดที่ขมับปูดโปน
“เรียกผมว่าเจ.ที.แล้วกัน อย่าเรียกเจย์เดนอีก”
“ทำไม..”
“ผมไม่ชอบ!” นายทหารเรือหนุ่มตะคอกกลับจนหญิงสาวสะดุ้ง รีบพยักหน้าหงึกๆ ทันที “เอาล่ะ มีอะไรก็ว่ามา มีเรื่องจำเป็นอะไรต้องไปโกหกหลานผมว่าเป็นเพื่อนผมด้วย”
“ก็คุณไม่ยอมพูดกับฉันดีๆ นี่”
“ผมไม่อยากคุยตอนนี้”
“เอ๊ะ!”
“กลับไปก่อนไป” เขาไล่ดื้อๆ จนมธุรดาหน้าม้าน รีบร้องออกไปเสียงหลง
“กระเป๋าฉันอยู่ที่คุณ”
“เรื่องของคุณสิ” เจ.ที.กล่าวไม่แยแส อาศัยพละกำลังที่มีมากกว่า จับร่างน้อยของสาวเจ้าปัญหายัดเข้าไปในรถพอร์ชสีเหลืองสดของเจ้าหล่อน ทั้งยังมีน้ำใจปิดประตูให้อีกด้วย
มธุรดาได้แต่เม้มปาก มือกำพวงมาลัยรถไว้แน่นขณะที่มองร่างสูงใหญ่ยืนกอดอกทำสีหน้าเหมือนคนตายด้านส่งมาให้ รอดูว่าเธอจะออกไปเมื่อไหร่ สองตาจ้องประสานอย่างไม่มีใครยอมใคร เธอเองก็กล้าๆ กลัวๆ ระคนกันบอกไม่ถูก ใจกล้าบ้างแต่สุดท้ายเมื่อเขาเอาจริงก็ต้องยอมถอย คราวนี้ก็เช่นกัน หญิงสาวไม่เข้าใจตัวเองเลยสักนิดว่าทำไมจะต้องเกรงๆ ผู้ชายคนนี้ร่ำไป
หญิงสาวยอมเอื้อมมือไปบิดกุญแจรถยนต์จนได้ แต่ว่ามันไม่ติด!
ตายล่ะอย่ามารถเสียตอนนี้นะ เธอซ่อมรถเป็นที่ไหน ทั้งยังอยู่ไกลถิ่นที่คุ้นเคยแบบนี้ ไม่เอา... เธอกลัวนะจะบอกให้
“เป็นอะไรอีกล่ะคุณ” หนุ่มหน้าตายถามเสียงขรึม เขาเข้าถึงตัวมธุรดาอย่างรวดเร็วจนเจ้าตัวยังไม่ทันสังเกต
“รถไม่ติดค่ะ”
“มีอะไรเหรอน้า” เด็กหนุ่มลินคอนตามเข้ามาสมทบ
“เพื่อนฉันรถเสียน่ะ”
“ซ่อมได้ไหมล่ะ พอร์ชซะด้วย สวยไม่เบานะ” ลินคอนตาเป็นมันทันที แล้วก็หันไปสนใจรถ ไม่ได้มองหนุ่มสาวทั้งสองอีกเลย
“ขอผมดูหน่อย เปิดของคุณให้ผมดูด้วย” นายทหารเรือหนุ่มกล่าวขรึมๆ
“จะบ้าหรือไงคุณ ไม่มีทาง”
“ผมหมายถึงรถ!” ร่างสูงติดจะรำคาญไม่น้อย ให้ตายเถอะ โลกนี้ยังมีผู้หญิงที่ทั้งเฉิ่ม ทั้งเชย ทั้งซื่อบื้อขนาดนี้อยู่อีกเหรอ
“อ้าวเหรอคะ” เธอหัวเราะแหะๆ อย่างเขินอายนิดๆ แล้วยอมเปิดกระโปรงรถ แถมกล่องเครื่องมือช่างที่ติดรถมาด้วยให้เขาไปแต่โดยดี
“รถพี่คนนี้เป็นอะไรมากไหมฮะน้า ผมหิวแล้วนา กว่าจะถึงบ้านอีก”
“กลับไปก่อนเลยไป”
“แล้วน้าจะกลับยังไงล่ะ” ลินคอนยิ้มเจ้าเล่ห์ พอจะรู้แล้วว่าน้าชายอาจจะอยากอยู่กับ ‘เพื่อน’ คนนี้ตามลำพังก็ได้
“เดี๋ยวกลับเอง”
“กลับกับพี่คนนี้หรือฮะ” สายตายียวนของเด็กหนุ่มหันไปหาสาวตัวเล็กที่ยังยืนทำหน้าเอ๋อ มองสองน้าหลานสลับกันไปมาอย่างงงๆ
“ฉันหรือคะ”
“ก็น้าผมต้องอยู่ช่วยพี่นี่”
“ก็ได้” มธุรดารับคำหงอยๆ ใช่ว่าอยากอยู่ตามลำพังกับมนุษย์หน้าตายคนนี้เสียเมื่อไหร่ แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ในเมื่อเธอก็ไม่ค่อยรู้เรื่องรถมากนัก ในถิ่นห่างไกลแบบนี้ มีเพื่อนคอยช่วยเหลือสักคนก็ยังดี และอีกอย่าง เธอต้องตามไปเอากระเป๋าคืนด้วย
“ถ้าอย่างนั้นตามนี้นะฮะ เจอกันที่บ้าน”
“อือ” เจ.ที. รับคำ แต่ก็ไม่ได้หันกลับไปมองหลานชายเลยแม้แต่น้อย เพราะยังคงง่วนอยู่กับเครื่องยนต์ตรงหน้า ปล่อยให้ลินคอนขับรถกลับบ้านตามลำพัง
เมื่อเด็กปากดีออกจากจากตรงนี้แล้ว สาวแว่นหนาก็ขยับมาเมียงมองอยู่ไม่ห่างจากร่างสูงที่กำลังก้มหน้าก้มตาดูเครื่องยนต์ให้เธอ ท่าทางของเขาดูเอาจริงเอาจังมาก และไม่ยอมปริปากอะไรออกมาเลย ความเงียบที่ปกคลุมทั้งคู่อยู่ทำให้เริ่มอึดอัด จึงเลียบๆ เคียงๆ เสียงเบา เพราะยังหวาดเกรงท่าทางดุดันของเขาไม่หาย
“คุณเก่งเนอะ”
“...” เงียบ! มธุรดาไม่ได้คำตอบอะไรกลับมาเลย แต่ไม่เป็นไร ต้องพยายามทำใจกล้าเข้าไว้ แล้วเอาใหม่อีกรอบแล้วกัน
“คุณทำงานอะไรเหรอ”
“...”
“นี่ก็เย็นมากแล้ว หิวไหมเดี๋ยวฉันเดินเข้าไปหาอะไรในโรงอาหารโรงพยาบาลมาให้กิน”
“...”
“นี่คุณ...ว้าย!” คนตัวเล็กถึงกับร้องลั่น อยู่ดีๆ เขาก็โยนประแจมาใส่เธอ นี่ถ้าหลบไม่ทันคงหัวร้างข้างแตกแน่นอน มธุรดาอยากจะกรี๊ดใส่เขาเหลือเกิน แต่ก็ไม่กล้า ได้แต่แสดงความไม่พอใจออกทางสายตาก็เท่านั้น
“อยู่เงียบๆ เป็นไหม น่ารำคาญ!” นายทหารเรือหนุ่มตะคอกเสียงดัง จนมธุรดาถึงกับผงะ
“ก็...”
“ถ้าเงียบไม่ได้ ก็เข้าไปรอในรถเลยไป”
“ฉันอยากช่วยนี่คะ” หญิงสาวขยับแว่นตาขนาดใหญ่ที่เลื่อนลงจากดั้งจมูก แล้วชะโงกหน้ามองสองมือที่ง่วนอยู่กับเครื่องยนต์ของเขา “มีอะไรให้ฉันทำบ้างไหม”
“ถ้าอยากช่วยมากนัก ก็ช่วยเข้าไปรอในรถไป อย่ามาวุ่นวายแถวนี้ ผมรำคาญ”
คนน่ารำคาญหน้าเง้า กำลังอ้าปากจะเถียงแต่ก็โดนสายตาพิฆาตจากชายหนุ่มเสียก่อน จนสาวเจ้าคอตก “ขอยืมโทรศัพท์หน่อยได้ไหมคะ”
“เอาไปเลยไป” มือหนาหยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองให้ไป แล้วไม่ได้สนใจเธออีกเลย
.........................................................
มาอัพเลี้ยวค่าาาาาาาาาาา
ตอนที่แล้วตูนตัดตอนผิด มันเลยสั้นๆ ฮ่าๆๆ แต่ว่าตอนนี้ยาวมากกกกกกกก
อ่านกันให้จุใจเลยนะค้าาาาาาาา ฮี่ๆๆ
นางเอกเราดูไม่ค่อยไหวเนอะ ส่วนใครที่อิจฉา อยากเป็นแมร์ ไว้อ่านตอนเขาหวานกรุบกริบกัน รับรองอยากสิงร่างนางแน่นอนค่ะ
อ่านแล้วเม้นท์ด้วยนะ อ่านแล้วเงียบเดี๋ยวจะไม่ลง ไปรออ่านในเล่นเลยไป "เสียงโน้ตอุดม) #นี่สรุปคนเขียนก็เพี้ยนเหมือนนุ้งแมร์ใช่ไหมเนี่ย
ถึงจะเพี้ยนแต่ก็รักนะ
รักคนอ่านเสมอมาค่ะ
กรรัมภา (กนิษวิญา)
ปล. อย่าลืมไปอ่านเรื่องฤทัยลักษมณ์กันด้วยนะคะ เรื่องนั้นก็น่ารัก ตูนคอนเฟิร์ม!!!
กนิษวิญากรรัมภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ก.พ. 2557, 19:46:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ก.พ. 2557, 19:46:11 น.
จำนวนการเข้าชม : 1600
<< บทที่ 5 ผู้ชายหื่นกาม 1 | บทที่ 6 เป้าหมายมีไว้พุ่งชน 1 >> |
แว่นใส 21 ก.พ. 2557, 21:41:24 น.
นายก็เป็นคนดีนี่นา
นายก็เป็นคนดีนี่นา
nasa 24 ก.พ. 2557, 11:49:13 น.
พูดโยกโย้ไม่ยอมบอกซะทีว่าพี่ตัวเองตายแล้ว อยากล่อให้เคามาหาอีกล่ะสิ
พูดโยกโย้ไม่ยอมบอกซะทีว่าพี่ตัวเองตายแล้ว อยากล่อให้เคามาหาอีกล่ะสิ