ทะเลรัก สีเพลิง
ความเจ็บปวดในอดีต ทำให้เขากลับมาทวงคืนเอากับเธออย่างสาสม ทว่าเมื่อได้อยู่ใกล้กัน หัวใจเขากลับยังไหวหวั่นอยู่เช่นเดิม...แล้วเขาจะทำเช่นไร เมื่อมั่นใจว่ายัง 'รัก' อยู่ แต่เธอกลับเป็นฝ่ายเกลียดเขาเสียเอง...^^
Tags: Romance ^O^
ตอน: บทที่ 7
การกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่ห่างไปนานนับ ศตวรรษ (555 ขอต่อว่าตัวเองเสียหน่อย) คราวนี้กลับมาพร้อมกับความจริงจัง ขยันขันแข็ง เพื่อที่จะทำทุกอย่างให้ทุกคนไม่ลืม นักเขียนตัวเล็ก ๆ จิตใจดี ๆ คนนี้ให้ได้จ้า
หะ ๆ ......
ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ และหวังว่า พี่เขม กับ ยัยสายลม จะทำให้ทุกคนอ่านไปยิ้มไปนะคะ จุ๊บ ๆๆๆๆๆ
***********************************************
7.
ตาต่อตามองจ้องกันชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร หญิงสาวพยายามใช้แรงกำลังทั้งหมดที่ตัวเองมี ผลักร่างที่อยู่เหนือร่างตนออก แต่ยิ่งผลักออกร่างนั้นก็ยิ่งโถมแรงเข้าใส่ จนสุดท้ายเธอก็ไม่สามารถต้านทานเอาไว้ได้
“ไอ้บ้า!....ลุกออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ ฉันจะกลับห้อง”
เขมินทร์ไม่ตอบ และก็ไม่ทำตามที่เธอบอก ชายหนุ่มยังคงเอาแต่จ้องตาอีกฝ่าย นัยน์ตาเป็นประกายวาววับมองดูคนที่ตกอยู่ในอำนาจตนอย่างลำพอง ก่อนโพล่งออกมาให้หญิงสาวได้ขวัญเสีย
“รู้มั้ยว่าตอนนี้ฉันกำลังคิดอะไรอยู่”
“อย่าทำแบบนี้ ไหนนายบอกว่า ไม่อยากยุ่งกับฉัน รังเกียจฉันไง ก็ปล่อยฉันสิ”สายลมบอกน้ำเสียงสั่น ไหวจนรู้สึกได้ แววตาหวาดหวั่นที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนส่งให้คนที่อำนาจเหนือกว่ายิ้มเหี้ยม ปราศจากอาการมึนเมา ไร้ซึ่งวี่แววของการล้อเล่นอีก
“ไม่ดีหรือไงสายลม บางทีนี่อาจเป็นอีกหนึ่งวิธี ที่จะทำให้ฉันปล่อยเธอไปก็ได้นะ ยอมตามใจฉัน เอาใจฉันมาก ๆ “
“ฉันไม่ใช่อีตัว”หญิงสาวตะคอกใส่หน้าเสียงดังลั่น น้ำตาปริ่มเต็มสองตา
“ไม่เลยสายลม ฉันไม่เคยเห็นเธอเป็นแบบนั้น....”
“ปล่อยฉัน!”
“ลองอ้อนวอนดูสิ...สายลม ลองขอร้อง วิงวอนฉันดู”เขมินทร์ยิ้ม แต่เป็นยิ้มที่หญิงสาวไม่ได้รู้สึกพึงใจกับมันเลย รอยยิ้มซึ่งเต็มไปด้วยความอาฆาตมาดร้ายเช่นนั้น สายลมตระหนักดีว่าตนเองไม่สามารถสู้แรงของเขาได้ ยิ่งดิ้นหนีก็ยิ่งเจ็บ หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ปลอบใจตัวเองให้สงบ กลบร่องรอยของความหวาดกลัว กริ่งเกรงเอาไว้ เธอมองชายหนุ่มด้วยแววตามุ่งมั่น สลัดความกลัวทั้งหมดทิ้งไป ก่อนแย้มยิ้มออกมาช้า ๆ
“ถ้าฉันทำให้นายพอใจ นายจะปล่อยฉันไปใช่มั้ย”คำถามของเธอส่งให้ร่างใหญ่กระตุกไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดเช่นนี้จากเธอ ก่อนจะแค่นยิ้มออกมาอย่างสมเพช....นี่สินะ ธาตุแท้ของเธอ สายลม!
“ก็ลองดูสิ”เขมินทร์พูด พร้อมกับปล่อยหญิงสาวให้เป็นอิสระ ร่างสูงลุกขึ้นนั่งโดยไม่หันไปมองร่างบางที่ยังคงนอนแผ่อยู่ ความสั่นไหวที่เกิดขึ้นทำให้เขารับรู้ได้ว่าร่างนั้นกำลังขยับตัว แต่ชายหนุ่มก็ยังทำนิ่งเฉย อยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะทำเช่นไร แล้วความรู้สึกบางอย่างก็พุ่งเข้าใส่เขาอย่างจังเมื่อรับรู้ถึงไออุ่นหนึ่งที่กำลังแนบชิดเข้ามา
เขมินทร์บอกไม่ถูกว่าตนรู้สึกเช่นไร มันคล้ายกับว่าเขากลายเป็นหนุ่มเพิ่งหัดรัก หัวใจไหวสั่นเสียจนเขาอดคิดไม่ได้ว่ามันจะดังออกมาให้หญิงสาวได้ยินบ้างหรือเปล่า ยิ่งเมื่อมือน้อยที่ไม่ประสาอะไรของเธอค่อยไต่มาโอบรัดเอวเขาไว้ หัวใจก็เหมือนจะระเบิดเสียให้ได้ ซึ่งไม่ต่างไปจากหญิงสาวเลยสักนิด สายลมพยายามบังคับลมหายใจตนเองให้อยู่ในระดับคงที่ เธอรู้สึกเก้อกระดากทุกครั้งที่จะต้องขยับเขยื้อนกายเข้าไปใกล้ ๆ เขา แม้อีกใจหนึ่งจะรู้สึกชื่นชมร่างกำยำสมส่วนนั้น แต่อีกใจก็ยังคิดอคติและขยาดแขยงร่างใหญ่โตนี้
“ทำแค่นี้ มันไม่ได้ทำให้ฉันพอใจหรอกนะ”จู่ ๆ เสียงทุ้มเข้มก็ดังขึ้น เรียกให้คนที่นิ่งขึงอยู่ในท่าโอบเอว หน้าซบอยู่ที่หลังของเขาสะดุ้งโหยง
“ฉัน...เอ่อ...ฉัน”
อาการเก้ ๆ กัง ๆ ที่ได้สัมผัส แทนที่จะทำให้ชายหนุ่มหมดอารมณ์ไร้ซึ่งความรู้สึกอย่างที่ควรจะเป็น แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นไปเช่นนั้น การกระทำของเธอคล้ายจะมีแรงดึงดูด แรงปรารถนาที่ทำให้เขาไม่สามารถหยุดคิดถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นข้างหน้าได้ มือบางสั่นเทาที่ค่อย ๆ ขยับเคลื่อนไปมาบนเนื้อตัวเขาส่งให้เลือดในกายหนุ่มร้อนรุ่ม แต่เขาก็พยายามข่มมันไว้ไม่ให้อีกฝ่ายได้รับรู้ว่า เธอมีอำนาจกับตนมากแค่ไหน และทันใดนั้นเองเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
‘ตุบ!!!’ เสียงของแข็งบางอย่างที่กระทบเข้ากับท้ายทอยของเขา ทำเอาเขมินทร์มึนงง ร้องเสียงหลง ยกมือขึ้นกุมท้ายทอยตัวเองแน่น สายลมไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว กระโดดผลุงลงจากเตียง เนื้อตัวสั่นเทา ดวงตาเบิกมองอีกฝ่ายด้วยความตื่นตระหนก รีบโยนสิ่งของที่อยู่ในมือตนทิ้งไปไกลตัว
สัมผัสเหนียวเหนอะที่รู้สึกได้ ทำให้เขาดึงมือออกมาดู สีแดงฉานที่ติดมาด้วยส่งให้ชายหนุ่มเงยหน้ามองอีกฝ่ายตาลุกวาว
“สายลม...เธอ!!!”
“ฉัน ฉันแค่ป้องกันตัว”หญิงสาวละล่ำละลักเถียงออกไป กระถดตัวหนีออกห่างอีกนิด อย่างนึกหวั่น
“ป้องกันตัว?...ป้องกันตัวบ้าบออะไรของเธอ ฉันไปทำร้ายเธอตรงไหนฮะ”
“ก็ตรงนี้ไง นายบังคับจิตใจฉัน กักขังหน่วงเหนี่ยวฉัน ฉันก็แค่ปกป้องตัวเองจากคนชั่วร้ายอย่างนายเท่านั้นไง ไอ้บ้า!!”หญิงสาวตวาดเถียงกลับไปอย่างไม่ยอมลดละ
“ปากดีนักนะ”
ทันทีที่เห็นว่าชายหนุ่มพยายามจะลุกเข้ามาหาตนเอง หญิงสาวก็รีบวิ่งไปหาของที่ตนเพิ่งโยนมันทิ้งไป ก่อนหยิบมันขึ้นมาถือไว้มั่น
“อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นคราวนี้ฉันไม่ยั้งมือแน่”
“โอ๊ย...ใครจะไปทำอะไรเธอ ฉันเจ็บแผลจะแย่อยู่แล้ว เลือดไหลจะหมดตัวแล้วมั๊งเนี่ย เธอเป็นคนทำฉัน เพราะฉะนั้นมาจัดการดูแลแผลให้ฉันด้วย เดี๋ยวนี้”
สายลมมองหน้าคนพูดด้วยสายตาที่คนมองรู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังลังเลอยู่ อาการกระสับกระส่ายของเธอทำให้ชายหนุ่มกระตุ้นซ้ำ
“เร็ว ๆ หน่อยได้มั้ย ฉันเจ็บจะตายอยู่แล้ว”
“แล้วฉันจะเชื่อใจนายได้ยังไง ว่านายจะไม่โกหกฉันอีก”
เขมินทร์ถลึงตาใส่ ยื่นมือที่เต็มไปด้วยสีแดงฉานให้หญิงสาวดู พร้อมกับบอกด้วยน้ำเสียงฉุน
“เอ้า...แหกตาดูซะ ฉันโกหกเธอตรงไหนมิทราบ เห็นมั้ยว่านี่อะไร ใช่เลือดมั้ย?”
ในที่สุดสายลมก็จำยอมเดินเข้าไปหาชายหนุ่ม ด้วยใบหน้าสลด รู้สึกผิดขึ้นมานิดที่ทำให้เขาถึงกับเลือดตกยางออก
“ไหนขอดูแผลหน่อย”
“โอ๊ย!!!!”ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้สัมผัสถูกบริเวณแผล เสียงร้องของผู้บาดเจ็บก็ดังลั่นขึ้นมาเสียจนหญิงสาวสะดุ้งตกใจ ก่อนทุบอักไปที่ไหล่กว้างของเขา
“จะบ้ารึไง ยังไม่ทันจะได้โดนแผลเลย ร้องทำไมเนี่ย”
“ก็เธอมันมือหนัก ฉันก็ซ้อมร้องไว้ก่อนสิ”
“ประสาท!...”เสียงบ่นพึมพำของเธอเรียกรอยยิ้มให้เกิดขึ้นบนใบหน้าของเขา ก่อนที่จะรีบกลบเกลื่อนแสร้งตีหน้าขรึม ถ้าถามว่าเขาเจ็บมากมั้ยกับบาดแผลนี้ เขมินทร์ก็ตอบได้ว่า ‘มันก็ไม่เท่าไหร่’ แต่ในเมื่อมันเป็นแผลที่เกิดจากเธอคนนี้ เขาก็ต้องทำให้มันใหญ่โตเสียหน่อย
“จะทำแผลได้หรือยัง หรือจะรอให้เลือดฉันไหลหมดตัวก่อน”
สายลมยู่หน้าให้กับคำพูดประชดประชันของเขา ก่อนลุกขึ้นยืนพร้อมกับบอกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงกึ่งหมั่นไส้กึ่งรำคาญ
“รอเดี๋ยว ไปหากล่องยาก่อน”
ผ่านไปไม่ถึงห้านาที หญิงสาวก็เดินกลับเข้าห้องมาพร้อมกับกล่องยาใบเล็กที่บรรจุยาสามัญประจำบ้านและอุปกรณ์รักษาแผลเบื้องต้น ใบหน้าที่เริ่มซีดลงของชายหนุ่มทำให้เธอรีบเดินเข้าไปหาเขา
“ทำไมฉันต้องเป็นคนมานั่งทำแผลให้นายด้วย ในเมื่อเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะนายทำตัวเอง” แม้ปากจะบ่นแต่มือก็จัดแจงหยิบจับเครื่องปฐมพยาบาลออกจากกล่องด้วยความว่องไว
“เป็นไงบ้างล่ะ”
“ยังไม่ตาย”เขมินทร์ตอบเสียงเนือย รู้สึกปวดแผลมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งที่ไม่คิดว่าแผลแค่นี้จะทำอะไรตนได้ แต่ดูเหมือนมันจะไม่เป็นอย่างนั้นเสียแล้ว
“ปากดี ปล่อยให้เลือดไหลให้ตายเลยดีมั้ย”หญิงสาวบ่นพึมพำ ขณะที่เริ่มปฐมพยาบาลให้เขา
“สะใจเธอแล้วใช่มั้ยล่ะ ถ้าเห็นฉันตายไปต่อหน้าเธอคงจะรู้สึกดีใช่มั้ย”
สายลมขมวดคิ้วมุ่น เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย ถอนใจเฮือกใหญ่พร้อมกับถามออกไปเสียงเนือย
“อะไรของนายอีก ฉันไปทำอะไรให้นาย นายถึงได้โกรธแค้นฉันขนาดนี้ บอกฉันสินายเขมินทร์ เราพูดกันดี ๆ ก็ได้นี่ บอกฉันมาเถอะ ฉันพร้อมจะรับผิดและชดใช้ในความผิดนั้น ถ้าฉันทำผิดจริง”
เขมินทร์เงียบไม่พูด ไม่โต้เถียงอะไรกลับมาอีก ปล่อยให้หญิงสาวทำแผลให้ตนจนกระทั่งเสร็จ
“เอาล่ะ เรียบร้อยแล้ว....นี่ ยาแก้ปวด กินซะด้วย จะได้หายปวด”สายลมยื่นยาแก้ปวดให้ขายหนุ่มไป 2 เม็ด พร้อมกับเดินไปรินน้ำใส่แก้วมาส่งให้เขา ซึ่งเขมินทร์เองก็ไม่อิดออด เขารับยาและแก้วน้ำมาถือไว้ ก่อนจัดการโยนมันใส่ปากและดื่มน้ำตามจนหมดแก้ว
“ไม่มีอะไรแล้ว ฉันกลับห้องนะ”พูดจบหญิงสาวก็ไม่รอให้อีกฝ่ายอนุญาต หันหลังเตรียมเดินออกจากห้อง ทว่าเสียงทุ้มที่ดังไล่หลังมาทำให้เธอต้องชะงัก
“ถ้าฉันบอก เธอแน่ใจหรือว่าจะยอมรับผิด แน่ใจหรือเปล่าว่าจะรับผิดชอบทุกอย่าง”
สายลมหันกลับมามองจ้องคนพูด แววตาและสีหน้าจริงจังของเขาทำให้เธอรู้ว่า เธอกำลังจะได้รู้ในสิ่งที่อยากรู้มาตลอดแล้ว
“ฉันแน่ใจ”
เขมินทร์เขม่นตามองอีกฝ่าย เพื่อหาความจริงจากดวงตาคู่นั้น ก่อนหลับตาลงช้า ๆ พร้อมกับเริ่มต้นพูด
“เมื่อหลายปีก่อน มีผู้ชายคนหนึ่ง เขามีฐานะยากจนแต่โชคดีที่เป็นคนหัวดี ทำให้สอบติดในมหาวิทยาลัยรัฐบาลชื่อดังแห่งหนึ่งได้ ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยของเขาดำเนินไปอย่างราบเรียบ กระทั่งปีสุดท้าย เขาก็ได้รู้จักกับรุ่นน้องดาวมหาวิทยาลัยคนหนึ่ง เธอเป็นคนสวย น่ารัก เป็นลูกผู้ดี มีเงิน เธอดูต่างจากเขามาก จนเขาไม่คาดคิดว่าชีวิตนี้เขาและเธอจะได้มารู้จักกันได้ แต่แล้วจู่ ๆ เธอก็เดินเข้ามาในชีวิตของเขา ความสดใส ร่าเริงของเธอทำให้เขาหลงรักเสียจนแทบคลั่ง เขารักเธอมาก และยิ่งรักมากขึ้นทุกวัน ๆ เมื่อเธอให้ความหวังเขาด้วยคำพูดแสนหวานว่า ‘รัก และอยากใช้ชีวิตร่วมกันหลังเรียนจบ’ แต่แล้วความฝันของเขาก็พังทลายลงในวันที่มีความหมายกับเขามากที่สุด วันที่เขาเรียนจบรับปริญญา วันที่เขาพร้อมจะบอกรักเธอได้เต็มปาก แต่สิ่งที่เขาได้รับกลับมาคืออะไรรู้มั้ย....” เขมินทร์หยุดพูด เงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวที่ยืนนิ่งงัน คล้ายกับเริ่มนึกอะไรออก เขมินทร์ยิ้มหยันกับตัวเองก่อนบอกต่อ
“เสียงหัวเราะขบขัน กับคำพูดประณามที่บอกว่า ผู้ชายคนนั้น ใฝ่สูง คิดจะกินเนื้อหงส์ ไม่รู้จักประมาณตน....”
“พี่เขม.....”สายลมรำพึงชื่อนั้นขึ้นมาอย่างไม่คาดฝัน ดวงตาเบิกกว้างเขม้นมองชายหนุ่มที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราอย่างพิจารณา
“เป็นไปไม่ได้”
“เธอคงไม่คาดคิดสินะ ว่าคนอย่างฉันจะมีวันนี้ได้....ฉันเองก็ไม่คาดคิดเหมือนกัน จริง ๆ ก็ต้องขอบใจเธอนะ เพราะถ้าเธอไม่ทำร้ายฉันในวันนั้น ก็อาจจะไม่มี นายเขมินทร์ในวันนี้ก็ได้”
สายลมเบิกตากว้าง น้ำตาเอ่อคลอสองตาก่อนจะไหลรินออกมา เมื่อได้ยินเต็มสองหูที่เขาบอกว่าตัวเองคือใคร ร่างทั้งร่างสั่นเทาเสียจนยืนแทบไม่อยู่ เขมินทร์มองอาการนั้นของเธออย่างเห็นขัน
“เธอนี่แสดงละครได้เก่งเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนนะ สายลม”
“เป็นไปไม่ได้....พี่เขมตายไปแล้ว”
“หึ...ใช่ไง ฉันตายไปแล้ว นายเขมคนเก่ามันตายไปตั้งแต่วันนั้นแล้ว ผู้ชายโง่ ๆ แบบนั้นไม่มีอยู่แล้วสายลม”
สายลมมองชายตรงหน้าตนด้วยความรู้สึกหลากหลาย มึนงง สับสนไม่แน่ใจ จับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะเชื่อคำพูดของเขาได้หรือไม่
“ฉันไม่เชื่อนาย พี่เขมตายไปแล้ว เขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อ 4 ปีก่อน”เสียงสั่นนิด ๆ ตะโกนบอกไปตามสิ่งที่ตนเคยได้รับรู้มา ทว่าคำบอกนั้นกลับยิ่งทำให้เขมินทร์ยิ้มหยัน
“หึ....สร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อหลอกตัวเอง กลบเกลื่อนความผิดที่ตัวเองเคยทำไว้กับฉันรึไงสายลม เธอไม่ต้องทำขนาดนั้นหรอก เพราะคนอย่างฉัน ไม่มีวันอภัยให้เธอ ไม่ว่าฉันจะตายไปแล้ว หรือยังไม่ตาย!!!”
ดวงตาสวยหวานที่เต็มไปด้วยน้ำตามองที่เขา นัยน์ตาหม่นแสงลงเรื่อย ๆ พร้อมกับสติที่เลือนลางก่อนจะดับวูบไป เขมินทร์มองร่างบางที่จู่ ๆ ก็ล้มลงไปนอนแน่นิ่งกับพื้นอย่างไร้ความรู้สึก
“อย่ามาเล่นละครหน่อยเลย คนอย่างฉันไม่เชื่อเธอหรอก”
เขาปล่อยเธอไว้อย่างนั้นนานหลายนาที ด้วยคิดว่าเดี๋ยวเธอก็ยอมแพ้ลุกขึ้นมาเอง ทว่าเหตุการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะไม่มีทีท่าว่าหญิงสาวจะยอมขยับตัวสักนิด แม้ว่าเขาจะส่งเสียงเรียกเธออยู่นานก็ตาม
“นี่ ลุกขึ้นมาได้แล้ว” ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ เรียกออกไปเสียงดัง แต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบสนองกลับมาเช่นเคย มือใหญ่เอื้อมไปสะกิดร่างของเธอเบา ๆ ก่อนถอนใจเฮือก แล้วจัดการอุ้มร่างบางขึ้นมาเดินตรงไปยังเตียงนอนของตน และวางเธอลงบนนั้น เขานั่งมองร่างไร้สติอยู่นานโดยไม่คิดทำอะไร ความรู้สึกง่วงจากฤทธิ์ยาที่กินเข้าไป ส่งให้ร่างสูงเริ่มควบคุมสติตัวเองไม่อยู่ เขาละสายตาจากเธอ ทิ้งตัวลงนอนข้างกัน และผล็อยหลับไปในที่สุด
ลมจากเครื่องทำความเย็นที่พัดแผ่วมาเป็นระยะ ส่งให้ร่างบางขยับกายเข้าหาความอบอุ่นโดยไม่รู้ตัว แต่ทันทีที่เธอสัมผัสกับไออุ่นนั้น ดวงตาที่พริ้มหลับพลันลืมตาตื่น กระเด้งตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาเบิกกว้างบ่งบอกถึงความตื่นตระหนก เธอเหลียวมองไปยังร่างหนาที่ตนนอนกอดอยู่เมื่อครู่ก่อนที่แววตานั้นจะหม่นแสงลง ครางเรียกชื่อเขาแผ่วเบา
“พี่เขม....”
มือบางเอื้อมไปแตะแผ่วบริเวณใบหน้าคร้ามคมที่รกครึ้มไปด้วยหนวดเครา น้ำตาเอ่อคลออย่างที่เธอไม่อาจสะกดกลั้นมันเอาไว้ได้...เขาเปลี่ยนไปมากเหลือเกิน มากเสียจนเธอไม่เคยเอะใจว่าจะเป็นเขา แล้วเรื่องที่เคยได้รับรู้มานั่นล่ะ คืออะไร ทำไมเพื่อนของเธอถึงบอกว่าพี่เขมตายแล้ว...หญิงสาวเอาแต่นั่งคิด ตั้งคำถามกับตัวเองแต่ไม่ว่าจะค้นหาคำตอบอย่างไร เธอก็เจอแต่ทางตันมืดไปเสียหมดทุกด้าน จนเผลอถอนหายใจออกมาเสียงดัง
“คิดจะฆ่าฉันให้ตาย แต่ไม่กล้าทำหรือไง”เสียงทุ้มดังมาจากร่างหนาที่นอนนิ่งอยู่ใกล้ ๆ เสียงนั้นส่งให้เธอสะดุ้งชักมือกลับแทบจะทันที
“หึ”
“พี่เขม.....”
“เธอไม่มีสิทธิ์มาเรียกชื่อฉัน”เขมินทร์ตะคอกเสียงใส่ ลุกพรวดขึ้นจากเตียง ยืนจังก้าจ้องหน้าหญิงสาวตาวาว
“สายลม....เอ่อ ฉันแค่อยากอธิบาย...”
“อธิบาย?...เธอไม่จำเป็นต้องมาอธิบายอะไรให้ฉันฟังหรอกสายลม มันสายไปแล้ว”เขมินทร์แค่นเสียงบอก
“แต่ฉัน....”
“เธอออกไปจากห้องฉันได้แล้ว”เขมินทร์สั่งเสียงกร้าว ดวงตาถมึงทึงจ้องหญิงสาวไม่ลดละ สายลมเลือกที่จะไม่ยื้อ ดื้อแพ่งพูดอะไรอีก เธอหันหลังเดินออกจากห้องของเขาอย่างว่าง่าย โดยหวังว่าเมื่อชายหนุ่มอารมณ์เย็นลงเธอจะกลับมาคุยกับเขาอีกครั้ง
แสงแดดอ่อนยามเช้าไม่ได้ช่วยให้จิตใจของเธอดีขึ้นได้เลย ความจริงที่เพิ่งได้รับรู้ทำให้สายลม สับสน ว้าวุ่น จับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้แม้กระทั่งว่าเธอควรจะทำเช่นไรต่อไปดี หญิงสาวเดินเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย สุดท้ายก็มาจบลงที่โรงครัวของคนงาน เสียงมีดกระทบเขียงที่ดังแว่วมาให้ได้ยิน เรียกให้เธอเดินไปตามเสียงนั้น
“ป้า...”
“ตื่นสายหรือเรา เพิ่งลงมา”ป้าชื่นเอ่ยถาม เมื่อเห็นหญิงสาวเดินเข้ามาหาตน สายลมไม่ตอบคำถาม แต่กลับมองนิ่งอยู่ที่ร่างท้วมของแม่บ้านสาวใหญ่
“หือ...มีอะไรมองป้าแบบนั้น...”
“ฉันถามอะไรป้าหน่อยสิ ป้ารู้ใช่มั้ยว่าเจ้านายป้าจับฉันมาที่นี่เพราะเรื่องอะไร”สายลมยิงคำถามตรงออกไป และก็เป็นที่แน่นอนว่าคำตอบที่ได้รับก็คงไม่แคล้วตอบว่า ‘สักวันจะรู้เอง หรือไม่ก็ ลองคิดดูดี ๆ สิว่าเราเคยไปทำอะไรใครไว้’
“ลองคิดดูดี ๆ สิว่าเราเคยไปทำอะไรใครไว้”
นั่นไง!...ผิดจากที่เธอคิดไว้เสียเมื่อไหร่ สายลมนึกค่อนอยู่ในใจ
“ฉันรู้ว่าป้ารู้ แล้วตอนนี้ฉันก็รู้เรื่องหมดแล้วด้วย...ป้า ฉันอยากอธิบาย...”สีหน้าที่บ่งบอกถึงความวิตกกังวล สำนึกผิดของหญิงสาว เรียกความสงสารจากคนที่มองอยู่ก่อนแล้ว แต่จะทำเช่นไรได้ เมื่อเรื่องนี้อยู่เหนือการตัดสินใจของตน
“อธิบายกับป้ามันก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก”
“ฉันรู้ แต่เจ้านายป้าไม่ยอมฟังฉัน...เรื่องมันเกิดขึ้นมานานแล้ว นานมาก ๆ แต่ฉันก็ยังจำมันได้ดี ภาพใบหน้าตกตะลึงของพี่เขมในวันนั้น แววตาผิดหวังของเขา ฉันยังจำได้ดี....”
“เราทำแบบนั้นทำไม”
สายลมมองหน้าคนถาม น้ำตาร่วงเผาะอย่างไม่อาจสะกดกลั้นได้ เธอผ่อนลมหายใจช้า ๆ ก่อนบอกเล่าให้อีกฝ่ายฟัง
“ฉันไม่ได้ตั้งใจป้า ตอนนั้นมันเป็นความคิดแผลง ๆ กับการเล่นสนุกของเพื่อน ๆ ตอนนั้นเราก็แค่ยกหัวข้อขึ้นมาท้าทายกัน ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหลอกลวงพี่เขมเลย แต่วันนั้นในขณะที่ฉันกับเพื่อนกำลังท้าทายกันอยู่ พี่เขมเดินผ่านมาพอดี และเพื่อนฉันก็ชี้เป้าไปที่เขา เดิมพันของเราในตอนแรกมันก็แค่ทำให้พี่เขมยอมทำอะไรก็ได้ให้ฉัน 1 อย่าง ฉันก็จะชนะ ฉันไม่เคยคาดคิดว่ามันจะเลยเถิดไปขนาดนั้น ทุกอย่างมันค่อยลุกลามไปเรื่อยโดยที่ฉันเองก็ไม่รู้ตัว แต่ป้ารู้อะไรมั้ย พี่เขมเป็นคนดีมาก พี่เขมไม่เคยถูกเนื้อต้องตัวฉัน ให้เกียรติฉันเสมอเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน ให้เกียรติฉันซะจนฉันแอบคิดว่าตัวเองไม่มีเสน่ห์เลยหรือไงพี่เขมถึงดูเฉยชาเสียเหลือเกิน พี่เขมดีเสียจนฉันละอายใจและรู้สึกผิดที่หลอกลวงเขา ฉันพยายามบอกเลิกข้อตกลงกับเพื่อน แต่ป้าเข้าใจฉันมั้ย เวลานั้นคำสบประมาทของเพื่อนมันเหมือนเป็นแรงกระตุ้นให้ฉันต้องทำ ฉันได้แต่หวังว่าเมื่อถึงวันนั้น ฉันจะทำให้พี่เขมเข้าใจและอภัยให้ฉันได้ ป้ารู้มั้ย...ในวันที่พี่เขมบอกรักฉัน ฉันบอกได้เลยว่า ฉันดีใจมาก ๆ ฉันอยากจะตอบรับรักจากเขาใจแทบขาด แต่เพราะเพื่อน ๆ ที่รอฟังอยู่ทำให้ฉันต้องกลั้นใจพูดคำร้ายกาจพวกนั้นออกไป ฉันตั้งใจว่า หลังจากที่จบเรื่องแล้ว ฉันจะไปหาพี่เขมและพูดอธิบายให้เขาเข้าใจ และยกโทษให้ฉัน แต่มันก็สายไป ตั้งแต่วันนั้น ฉันก็ไม่เคยเจอพี่เขมอีกเลย เขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย ฉันพยายามตามหาในทุก ๆ ที่ ที่คิดว่าพี่เขมจะอยู่ แต่ก็ไม่เจอ จนกระทั่งฉันต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ ฉันก็พยายามให้เพื่อน ๆ ช่วยตามหาให้
สุดท้ายฉันก็ได้รับข่าวจากเพื่อน แต่มันเป็นข่าวที่ทำให้ฉันเสียใจมาจนถึงทุกวันนี้ ฉันเสียใจที่ไม่ได้ขอโทษเขา....”
“เพื่อนเราบอกว่าอะไรหรือ”คนที่นิ่งเงียบฟังอยู่นานโพล่งถามออกไป
“เพื่อนฉันบอกว่า พี่เขมเสียชีวิตแล้ว อุบัติเหตุทางรถยนต์ เสียไปหลายปีแล้วด้วย”
“เพื่อนเราโกหก?”
สายลมมองหน้าคนถาม ส่ายหน้าไปมา ไม่รู้เหมือนกันว่าเพื่อนโกหก หรือว่าอย่างไรกันแน่
“ฉันก็ไม่รู้....ป้า ฉันเสียใจมาตลอดเลยนะ ฉันคิดเสมอว่าฉันเป็นคนทำร้ายพี่เขม ฉันอยากขอโทษเขา”
“เฮ้อ....ถ้าเรื่องที่เราพูดมาเป็นความจริง สักวันนายจะรับรู้และเข้าใจเอง”ป้าชื่นถอนใจเฮือกใหญ่บอกออกไปด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ สงสารก็สงสาร ทว่าความของแต่ละฝ่ายช่างแตกต่างกัน จนไม่รู้ว่าใครพูดจริง ใครโกหกกันแน่ หรือแท้จริงแล้วเรื่องทั้งหมดเป็นการเข้าใจผิดกันไปเองก็สุดจะคาดเดา
***************************************************************************************
เจอกันตอนหน้าในวันศุกร์ที่ 21 มีนาคม 2557 จ้าา
ภัทร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 มี.ค. 2557, 14:36:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 มี.ค. 2557, 14:36:26 น.
จำนวนการเข้าชม : 1646
<< บทที่ 6 | บทที่ 8 >> |