ไฟรักทรายเสน่หา
'ทะเลทรายมักแอบซ่อนความรักและมนตร์ขลังเอาไว้เสมอ' ‘เจน’ สาวน้อยลูกครึ่งไทย-อาหรับ รับรู้มาตลอดว่าตนเองเป็นชาวทะเลทราย ทว่าวันหนึ่ง ‘ไฟซารห์’ เจ้าชายหนุ่มรูปงามกลับเข้ามาทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลง...หญิงสาวจะทำเช่นไรเมื่ออดีตถูกเปิดเผยและความรักก็เร่งเร้ารุนแรงจนเธอไม่อาจสั่งการหัวใจตนเองได้
Tags: ทะเลทราย ความรักหวานซึ้ง เข้มข้น

ตอน: 7

คุณแว่นใส , คุณZephyr - โปรดติดตามตอนต่อไปค่า อย่าเพิ่งเบื่อกันก่อนนะคะ ^^

ตอนที่ 7

“ฉันคิดว่าเธอคล้ายรูปปั้นนี้”

เจ้าชายไฟซารห์ตรัสขึ้นเมื่อเจนนาห์หันมาหาพระองค์ในทิศทางเดียวกับรูปปั้นเทพีแห่งแสงจันทร์ คนที่ยืนอยู่จึงขมวดคิ้วอย่างงุนงง

“ไม่จริงหรอก อยู่ดีๆ ฉันจะไปรูปปั้นนี่ได้ยังไง นี่เรื่องตลกหรือว่าคุณคิดจะแกล้งอะไรกันแน่”

“ฉันแค่พูดตามที่คิด” บุรุษหนุ่มมองรูปปั้นเทพีแห่งแสงจันทร์อีกครั้ง ยิ่งมองพระองค์ก็ยิ่งคิดว่าเจนนาห์มีส่วนคล้ายเธอผู้นี้เป็นอย่างมาก และนี่คือสิ่งที่ทำให้คำถามแต่แรกของพระองค์เหือดหายไป ทรงไม่รู้จะถามเจนนาห์ว่าอะไรแต่ตอนนี้ทรงรู้แล้ว

“ฉันอยากถามเรื่องแม่ของเธอ”

“เรื่องของแม่...ทำไมคะ?” เจนนาห์มองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ

“ก็แค่คำถาม...แต่ก็ไม่มีอะไรน่าปิดบังไม่ใช่เหรอ” ดวงเนตรสีไพลินจ้องอีกฝ่าย ทว่าไม่ทันที่หญิงสาวจะตอบก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นทางด้านหน้าวิหาร

“เจนนาห์ คุณหนูเจนนาห์!”

เสียงเรียกดังๆ นั้นขัดจังหวะการตอบของเจนนาห์ และไม่นานรีฮานก็วิ่งเข้ามาในห้อง ชายวัย 30 ปราดเข้ามายืนขวางระหว่างร่างระหงกับร่างของเจ้าชายไฟซารห์ในลักษณะเตรียมปกป้อง

“ถอยออกไป”

“ไม่เป็นไรหรอกรีฮาน เขาไม่ใช่คนร้าย...เขาช่วยเจน” เจนนาห์บอกอีกฝ่าย รีฮานจึงถอยออกไปเล็กน้อยแต่ก็ยังมองร่างสูงสง่าอย่างไม่วางใจ

“ผมเห็นม้าของคุณหนูกลับไปที่โอเอซิส” ชายวัย 30 หันกลับมามาหาร่างระหง “เมื่อเช้าคนของสุลต่านอัสตาฟามาและพาท่านซารานกับชีคก้าเข้าไปในซาบัค แต่ผมไม่เห็นคุณหนูเลยเป็นห่วง...”

“นายน่าจะอยู่กับพ่อ...” เจนนาห์แย้งขึ้นทำให้รีฮานก้มหน้าลง ตลอดเวลานั้นเจ้าชายไฟซารห์เพียงมองอยู่ห่างๆ และสักครู่หญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นมองเขา

“ฉันคิดว่า...จะเข้าไปหาพ่อ”

“งั้นเราก็สมควรกลับได้แล้ว” บุรุษหนุ่มตอบพร้อมมองไปทางรีฮาน เจนนาห์จึงอธิบาย

“รีฮานอยู่กับพวกเรา หมายถึงอยู่กับท่านพ่อกับฉันมานาน เขาก็เหมือนพี่ชาย...คงไม่เป็นไรถ้าฉันจะขอให้เขาไปด้วย”

“ก็ไม่ได้ว่าอะไร” เจ้าชายไฟซารห์ไหวไหล่ก่อนเดินออกไปจากวิหารตรงไปยังรถซึ่งจอดอยู่ เจนนาห์เดินเร็วๆ ตามเขาและเมื่อทันกัน หญิงสาวก็ตัดสินใจพูดขึ้น

“พ่อบอกว่าแม่ของฉันเป็นคนไทยชื่อจันทรา ท่านป่วยและเสียชีวิตตั้งแต่ฉันอายุ 4 ขวบ นั่นก็เกือบยี่สิบปีมาแล้ว...เท่านั้นเองที่ฉันรู้”

ทันทีที่ได้ยินมือแกร่งซึ่งจับอยู่ที่ประตูรถก็ชะงัก วรองค์สูงหันมามองหญิงสาวซึ่งยืนอยู่ เจนนาห์อยู่ในชุดสีชมพู ผ้าคลุมผมสีเดียวกัน ใบหน้าของเธอเป็นรูปไข่ผิวขาวนวลอย่างที่ไม่ค่อยเจอในหญิงชาวซาราเวีย จมูกโด่งน้อยๆ ริมฝีปากอิ่ม ดวงตาโตสีน้ำตาลคมซ่อนความหวานลึกซึ้งไว้ภายใต้แพขนตางอนงาม อะไรบางอย่างทำให้พระองค์เกือบจะจับบ่าบางนั้นไว้แต่สายตาจากรีฮานก็ทำให้เสียงเข้มเพียงแต่พูดขึ้น

“งั้นเมื่อเกือบยี่สิบปีที่แล้วเธอก็ต้องเคยมาที่นี่กับแม่ของเธอ”

“ฉันจำไม่ได้ ตอนนั้นฉันยังเด็กมาก...” เจนนาห์ไม่แน่ใจเหมือนกัน หรือนี่จะเป็นสาเหตุที่เธอฝันถึงวิหารแห่งนี้ อีกทั้งยังรู้สึกคุ้นเคยเมื่อมาถึง ถ้าเป็นจริงตอนนั้นเธอก็เพิ่ง 4 ขวบ แล้วเขารู้ได้ยังไงว่าเธอต้องเคยมาที่นี่

“เลิกพูดเรื่องนี้เถอะครับ” รีฮานขัดขึ้นอย่างอึดอัดแต่เจ้าชายไฟซารห์ก็ไม่สนใจ

“เมื่อเกือบยี่สิบที่แล้วนายเคยมาที่นี่รีฮาน ฉันจำนายได้ ชาวอัลคาซานมาที่นี่ แผลเป็นนั่น...นายอยู่ข้างๆ ท่านซารานตลอดเวลา รวมทั้งชีคก้านาบีร่ากับลูกสาวที่ชื่อนีสรีน...”

“หยุดพูดเถอะ นี่นายเป็นใครกันแน่” รีฮานตวาดขึ้นแต่เจนนาห์รีบห้ามเขา

“ไม่ต้องรีฮาน ฉันอยากรู้...คุณไฟซารห์หมายความว่าคุณเคยเจอกับพวกเรางั้นเหรอ งั้นแม่ของฉันล่ะ ท่านหน้าตาเป็นยังไง ท่านเหมือนกับฉันไหม พ่อซารานเคยบอกว่าฉันเหมือนแม่ก็เลยได้ส่วนสรีระของคนไทยมาแทบทั้งหมด”

“ฉันไม่เคยรู้ว่าท่านซารานมีภรรยาชาวไทย” เจ้าชายไฟซารห์เอ่ยขึ้นเรียบๆ คำตรัสของพระองค์ทำให้ใจของเจนนาห์กระตุกวูบ เธอหันไปมองรีฮานในขณะที่อีกฝ่ายขมวดคิ้วมุ่น

“ไม่รู้ ไม่เคยเห็น ก็ไม่ใช่ไม่มี! ถ้าเราเคยเจอกันเมื่อเกือบยี่สิบปีที่แล้ว ตอนนั้นคุณอายุกี่ขวบกันแน่ จะจำอะไรได้แม่นยำขนาดนั้น ตกลงว่าเราจะไปหาท่านซารานกันได้หรือยัง”

เจ้าชายไฟซารห์มองท่าทางเดือดเนื้อร้อนใจที่รีฮานแสดงออกและเหยียดมุมโอษฐ์เล็กน้อยก่อนจะเปิดประตูรถและนั่งลงประจำที่คนขับ จักษุสีไพลินทอดพระเนตรเจนนาห์ซึ่งยังยืนอยู่ที่เดิมพลางตรัสเรียบๆ อย่างหยั่งเชิง

“นั่นสินะ ตอนนั้นฉันก็แค่เด็กผู้ชายตัวเล็กๆ อายุสัก 8 หรือ 9 ขวบส่วนเธอก็แค่เด็กผู้หญิงลูกครึ่งผมสีน้ำผึ้งอายุแค่ 4 ขวบ ใครจะไปจำอะไรได้แม่นยำขนาดนั้น”

ถ้อยคำของพระองค์สร้างความไม่พอใจให้รีฮานเป็นอย่างมาก ชายฉกรรจ์ผิวคล้ำขึ้นไปนั่งในตำแหน่งข้างคนขับและขมวดคิ้วมุ่นไปตลอดทาง นึกอึดอัดจนอยากจะนำเรื่องนี้ไปบอกท่านซารานเร็วๆ แต่ก็คงทำไม่ได้เพราะอีกฝ่ายยังไม่สบายไม่ทราบว่าจะดีขึ้นเมื่อไหร่ อีกทั้งคุณหนูของเขาอาจจะโดนลงโทษก็ได้ที่แอบมาที่นี่

ตลอดเวลาที่อยู่ในรถเจนนาห์ไม่ยอมพูดอะไรกับใครเลย เธอนั่งอยู่ตอนหลังในขณะที่รีฮานนั่งคู่กับคนขับบ่อยครั้งที่หญิงสาวเหลือบตาขึ้นมองยังกระจกตรงคอนโซนหน้า แต่ภาพสะท้อนที่เห็นก็เป็นเพียงดวงพักตร์ซึ่งอยู่ภายใต้แว่นตาสีดำเท่านั้น



พระราชวังซาบัค

บริเวณ พื้นที่ด้านหลังติดกำแพงทิศตะวันตกมีอาคารสองชั้นซึ่งสร้างไว้รับรองแขก สำคัญของราชวงศ์มัสตาฟาซึ่งบัดนี้ได้กลายเป็นที่พักของท่านชีคซารานแล้ว วันที่มาถึงนั้นเจ้าชายคาซาลรอต้อนรับทุกคนอยู่ที่ตำหนักรับรองและเป็นผู้ทำ หน้าที่ต้อนรับแขกคนสำคัญก่อนจะบอกให้นางกำนัลดูแลทุกคนอย่างดีที่สุด แต่กระทั่งถึงเวลาที่พระองค์กลับเจนนาห์ก็ยังไม่ปรากฏตัวเนื่องจากเธอกับ เจ้าชายไฟซารห์ตรงไปที่โรงพยาบาลก่อน และกลับมาถึงตำหนักรับรองตอนเย็นมากล้ว บุรุษหนุ่มจอดรถใกล้ๆ ตำหนักและพูดขึ้น

“พ่อของเธอพักอยู่ที่นี่...”

“คุณรู้ได้ยัง” เจนนาห์มองเขาอย่างไม่เข้าใจนัก

“ก็ตอนที่เราถามหมอที่โรงพยาบาลเขาบอกว่าเจ้าชายคาซาลให้หมอตามไปรักษาท่านซารานที่ตำหนักรับรองไม่ใช่หรือไง ที่นี่แหละตำหนักรับรอง ลงไปสิ ป่านนี้ทุกคนคงรอเธออยู่” ท้ายประโยคคนพูดเร่งทำให้หญิงสาวขยับลงจากรถทันทีและมุ่งตรงไปยังตำหนักโดยลืมข้อสงสัยใดๆ ไปเสียหมด

รีฮานเองก็ก้าวตามแต่ก็อดไม่ได้ที่มองมองพระพักตร์คมของเจ้าชายหนุ่มอย่างข้องใจ คิ้วเข้มขมวดชนกันก่อนจะหันหลังวิ่งตามเจนนาห์ไป

ท่านซารานนอนหลับอยู่บนเตียงไม้สีเข้มที่นอนสีขาวและหลับตาด้วยความอ่อนเพลียโดยมีนีสรีนและชีคก้านาบีร่าเฝ้าอยู่เงียบๆ แต่ไม่นานเจนนาห์กับรีฮานก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตู

“มาแล้วเหรอเจนนาห์” นีสรีนถอนหายใจ “รู้ไหมว่าพวกเราเป็นห่วงเธออยู่ รีฮานเองก็เหมือนกันไปตามเจนนาห์ก็ไม่ยอมบอกใครเลย”

“ผมเห็นว่าทุกคนอยู่กับท่านชีคหมดแต่ว่าคุณหนูเจนนาห์ยังไม่กลับก็เลยตามไปดู” รีฮานตอบในขณะที่เจนนาห์เข้าไปนั่งคุยกับชีคก้านาบีร่าและนีสรีนถึงอาการของบิดา เมื่อทราบว่าแพทย์ได้ตรวจรักษาพร้อมเอ็กซเรย์และจัดยาให้แล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

“แล้วไปไหนมา” นีสรีนถามน้องสาวดุๆ คนโดนถามจึงเงียบไป ถึงตอนนี้เรื่องของพ่อซารานจะได้รับการแก้ไขแล้วแต่เธอก็ยังมีสิ่งไม่สบายใจอีกหลายเรื่อง และคนที่ทำให้ทุกอย่างเริ่มปะทุขึ้นมาก็ขอตัวกลับไปเสียแล้ว

“อย่าใส่ใจเลยค่ะพี่นีสรีน”

“พี่ก็อยากจะไม่ใส่ใจหรอกนะแต่ถ้าเธอยังขึ้นชื่อว่าเป็นลูกของพ่อพี่ก็ทำไม่ได้หรอก เหลวไหลจริงๆ อีกหน่อยมีครอบครัวแล้ว จะมาทำเที่ยวสนุกแบบนี้ไม่ได้แล้วนะ” พี่สาวเอ่ยขึ้นเป็นการหยั่งเชิง แต่เจนนาห์ไม่ได้สนใจเลย

“แล้วตกลงว่าเราพักที่นี่กันหรือคะ บีดันมาด้วยหรือเปล่า”

“จะตามมาทีหลังน่ะ” ชีคก้านาบีร่าพูดขึ้นและมองหน้าลูกสาวเนื่องจากนีสรีนเป็นคนเอ่ยขัดไม่ให้บีดันตามมาในทันทีเพราะอยากขอเวลาตัดสินใจเรื่องการแต่งงาน กระทั่งเมื่อครู่ที่สุลต่านอัสตาฟากับเจ้าชายคาซาลเสด็จมา ลูกสาวของเธอก็ยังทำท่าทีเฉยเมยอยู่

คืนนั้นเจนนาห์นอนหลับไปด้วยคำถามมากมายในหัวสมอง เธอไม่อยากถามชีคก้านาบีร่าเพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายก็ต้องตอบแบบเลี่ยงๆ เหมือนทุกครั้ง...เมื่อตนถามเรื่องมารดาทุกๆ คนในอัลคาซานก็มักทำเหมือนไม่อยากจะพูดเสมอ

‘ไม่รู้ก็ไม่ได้แปลว่าไม่มีใช่ไหม แล้วรูปปั้นนั่น ฉันหน้าคล้ายรูปปั้นเทพีแห่งแสงจันทร์จริงๆ หรือไง’

คำ พูดของบุรุษหนุ่มนั้นกำกวมนัก เขาเคยเจอกับพวกอัลคาซานเมื่อเกือบยี่สิบปีที่แล้วแต่เขาไม่เคยรู้ว่าท่าน พ่อมีภรรยาชาวไทย หญิงสาวนึกอยากจะไปกระชากไหล่อีกฝ่ายให้นั่งคุยกันตรงๆ นักแต่ก็ติดที่ว่าเมื่อวานนี้รีฮานคอยคุมอยู่ตลอด และเพราะคิดเรื่องนี้ไปมาอยู่หลายรอบหญิงสาวจึงหลับฝันถึงวิหารร้างนั่นใน รูปแบบเดิมอีกครั้งหนึ่ง แต่ที่เพิ่มเติมก็คงเป็นภาพกองเลือดไหลนองบนพื้นวิหารมากกว่า

กรี๊ด!

ในฝันนั้นเจนนาห์กรีดร้องและผวาลุกขึ้น ทว่าในความจริงเสียงร้องของเธอกลับเหือดหายลงไปในคอ หญิงสาวยกมือขึ้นทาบหน้าอกรู้สึกถึงเสียงหัวใจที่เต้นตึกตักและร่างกายที่ยังสั่นด้วยความตกใจ

“แม่นารี” เจนนาห์พึมพำทั้งๆ ที่ปากยังสั่นหัวใจยังระรัว ทำไม! เธอถึงเรียกแม่ว่าแม่นารี ทั้งๆ ที่พ่อซารานบอกว่าแม่ของเธอชื่อจันทรา...

ในพระราชวังซาบัคมีเสียงโจษขานกันเล็กน้อยเกี่ยวกับแขกผู้มาพักอยู่ที่ตำหนักหลังพระราชวัง ท่านหญิงอาลีซ่าเดินผ่านเหล่านางกำนัลที่กำลังซุบซิบและอดไม่ได้ที่จะเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ เธอพบซากีร์กำลังเดินเร็วๆ ออกไปตามทางเดินซึ่งปูพรมสีแดงจึงเรียกไว้

“ซากีร์”

“ท่านหญิงมีอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ”

“จะไปไหนเหรอท่าทางรีบร้อนจัง” เสียงถามของลูกสาวรัฐมนตรีทำให้ซากีร์ตอบอย่างไม่ปิดบัง

“เจ้าชายคาซาลทรงรับสั่งให้ผมไปรับคนที่อัลคาซานครับ เห็นบอกว่าเป็นน้องสาวของท่านซารานชีคของชาวอัลคาซานเรียกกันว่าบีดัน”

“เห่อกันจังเลยนะ! แล้วเธอเคยเห็นพวกอัลคาซานหรือยัง พวกนั้นตัวโตผิวสีเหลืองเหมือนทรายจริงหรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้นลูกสาวของท่านซารานจะหน้าตาเป็นยังไงกัน คงแปลกพิลึก” ท่านหญิงอาลีซ่าเหยียดมุมปาก อีกฝ่ายจึงก้มหน้าตอบ

“ขอโทษจริงๆ ท่านหญิง ผมไม่ได้ตามเจ้าชายคาซาลไปที่ตำหนักรับรองเลยไม่ทราบ เพราะถูกใช้ให้ไปทำงานอื่นก็เลยตอบข้อนี้ไม่ได้”

“อ้อ จริงสินะ ฉันได้ยินมาว่าองค์สุลต่านส่งให้เธอไปเป็นองครักษ์ของเจ้าชายไฟซารห์แล้ว”

“ครับ...ถ้า ยังไงผมขอตัวก่อนนะครับ” ซากีร์ขอตัวเพราะเมื่อครู่มหาดเล็กคนหนึ่งมาตามหาและบอกว่าก่อนจะออกไปรับ น้องสาวท่านชีคให้ไปรอพบเจ้าชายไฟซารห์ที่ห้องส่วนพระองค์ในตำหนักหลวงเสีย ก่อน



ภายในอาคารด้านหน้าของพระราชวังซาบัค ณ ห้องทรงงานของประมุขแห่งซาราเวีย เจ้าชายไฟซารห์ทรงคุยเรื่องการก่อสร้างอาคารหลังใหม่ภายในเมืองซาบัคกับสุลต่านอัสตาฟาอยู่ ดวงพักตร์คมดูจริงจังกับสิ่งที่ทำ และเมื่อพระบิดาปิดแฟ้มบนโต๊ะ จักษุสีไพลินของพระโอรสจึงเหลือบมองไปยังหน้าต่างกระจกซึ่งมองออกไปทางด้านหลังพระราชวังได้ บางครั้งก็ทรงคิดถึงหญิงสาวที่ตนเจอในทะเลทรายว่าป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง แต่อีกใจก็ยังคิดไม่ออกว่าควรบอกเธอถึงตำแหน่งที่แท้จริงของตนเองไหม ด้วยเหตุนี้จึงตัดสินใจที่จะดูอีกฝ่ายอยู่ห่างๆ ดีกว่า

“ไฟซารห์ แปลกใจจังที่เห็นนายที่นี่”

เสียงเรียกนั้นดังมาจากโอษฐ์ของเจ้าชายคาซาล พระองค์ถือแฟ้มเล่มหนึ่งเข้ามาในห้องทรงงานขององค์สุลต่าน

“เสด็จพี่ ทรงมีเรื่องงานคุยกับเสด็จพ่อใช่ไหม หม่อมฉันเสร็จธุระพอดี” คนโดนเรียกตรัสขึ้นเหมือนหาจังหวะจะออกไปอยู่แล้ว เจ้าชายคาซาลจึงยิ้มน้อยๆ

“นายยังไม่เปลี่ยนเลยนะ จะรีบไปไหนกันนักเชียว พี่ก็แค่เดินผ่านมาทางนี้ก็เลยเอาเอกสารมาให้เสด็จพ่อเท่านั้นเอง”

“เจ้าก็รู้นี่คาซาลว่าน้องชายของเจ้า เขาไม่ชอบอยู่ในพระราชวังนานๆ” สุลต่านอัสตาฟาพูดพร้อมผ่อนลมหายใจน้อยๆ

“เสด็จพ่อตรัสเกินความจริงไปแล้ว หม่อมฉันก็แค่ชินกับการอยู่แบบสบายๆ อย่างสามัญชน หายใจอย่างเต็มปอดมากกว่าต้องยืนเกร็งแล้วก็อึดอัดกลัวจะทำอะไรผิด”

“มันก็เป็นความชอบส่วนบุคคลที่ไม่มีใครคิดจะห้ามอยู่แล้ว” เจ้าชายคาซาลตรัสเรียบๆ เพราะน้องชายเป็นแบบนี้นี่เองจึงไม่เคยมีเรื่องต้องทะเลาะเบาะแว้งกับใครเกี่ยวกับการวางอำนาจหรือชิงดีชิงเด่น แต่สำหรับพระองค์แล้วอำนาจก็เหมือนขนมหวานยิ่งมีมากมันก็ยิ่งล่อใจและอยากจะหาทางลิ้มลอง เรื่องของพวกที่อยู่ในตำหนักรับรองก็เช่นกัน

“หม่อมฉันมีอีกเรื่องจะทูล...เรื่องของท่านซาราน มหาดเล็กบอกว่าเขาดีขึ้นมากแล้ว เสด็จพ่อน่าจะไปเยี่ยมสักหน่อย ตั้งแต่พวกเขาเข้ามาอยู่ที่นี่ ฝ่าบาทยังไม่ได้...”

“ก็ค่อยเจอกันตอนต้อนรับอย่างเป็นทางการก็ได้”

สุลต่านอัสตาฟาตรัสอย่างไม่ใส่พระทัย ท่าทางของบิดาทำให้เจ้าชายไฟซารห์อดแปลกใจไม่ได้ เพราะถ้าจำไม่ผิดมารดาบอกว่าเสด็จพ่อของเขากระตือรือร้นที่จะไปพบท่านซารานมากในวันก่อน เช่นนี้เขาจึงเดาว่าถ้าไม่ใช่ทรงพบท่านซารานแล้วก็คงเพราะไม่ได้อยากเจออีกฝ่ายจริงๆ อย่างที่แสดง

“แต่หม่อมฉันยังอดคิดไม่ได้ว่าฝ่าบาทควรจะไป อย่างน้อยก็เพื่อคุยเรื่องเงื่อนไขเกี่ยวกับการอภิเษกของหม่อมฉัน ทุกอย่างจะได้เรียบร้อยเสียที”

“พ่อเพิ่งรู้ว่าลูกกระตือรือร้นเรื่องแต่งงาน นี่เจอลูกสาวท่านซารานแล้วก็เกิดชอบอย่างนั้นเลยเหรอ” สุลต่านอัสตาฟาถามอีกฝ่ายยิ้มๆ เจ้าชายคาซาลจึงส่ายศีรษะดวงพักตร์นิ่งเฉยขณะตอบ

“นีสรีนลูกสาวของท่านซารานเป็นหญิงที่หน้าตาดีกิริยาเรียบร้อย แต่หม่อมฉันไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก หม่อมฉันสนใจเรื่องที่จะได้เข้าไปสำรวจน้ำมันในทะเลทรายคานัคเร็วๆ มากกว่า แล้วอีกอย่างดูเหมือนชาวอัลคาซานยังตกลงกันอะไรบางอย่างไม่ได้ก็เลยพูดเหมือนแบ่งรับแบ่งสู้แปลกๆ”

“ตกลงกันไม่ได้งั้นเหรอ” คราวนี้สุลต่านอัสตาฟาเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจแต่ก็ยังไม่คิดที่จะเสด็จไปตำหนักรับรองอยู่ดี “ถ้างั้นไฟซารห์...สนใจจะไปเป็นเพื่อนคาซาลบ้างหรือเปล่าล่ะ”

“คงไม่ล่ะครับ”

เจ้าชายหนุ่มปฏิเสธอย่างนุ่มนวลก่อนมองท่าทางไม่ค่อยพอพระทัยของพระเชษฐา พระองค์รู้ดีว่าเจ้าชายคาซาลถูกเลี้ยงมาในตำแหน่งของรัชทายาทลำดับที่ 1 ทรงถูกเสด็จแม่ ญาติๆ เชื้อพระวงศ์ รัฐมนตรีอวุโสทุกๆ คนปลูกฝังความคิดที่ว่าสุลต่านอัสตาฟาเป็นคนหัวอ่อนฉะนั้นพระองค์จึงต้อง เข้มแข็งเห็นแก่เรื่องงานมาเป็นอันดับหนึ่ง ต้องทำให้ประเทศซาราเวียเจริญรุ่งเรืองกว่าพระบิดา ด้วยเหตุนี้จึงไม่น่าสงสัยเรื่องที่ทรงกระตือรือร้นอยากจะเข้าไปสำรวจทะเล ทรายคานัคเสียที

ทว่าเจ้าชายไฟซารห์นั้นก็ยังไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องไปแสดงตัวที่ตำหนักรับรอบ อีกทั้งทรงคิดว่ายังไม่พร้อมที่จะให้เจนนาห์รู้ว่าตนเองเป็นใคร แม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องที่น่าปิดบังก็ตาม

“อ้อ ดีจัง งั้นหม่อมฉันก็ต้องรับผิดชอบดูแลพวกนั้นเองสินะ” เจ้าชายคาซาลชำเลืองมองน้องชาย

“เรื่องต้อนรับให้พวกผู้หญิงจัดการบ้างก็ได้ แม่ของเจ้าไง” สุลต่านอัสตาฟาบอกเรียบๆ แต่พระโอรสองค์โตกลับตอบเรียบๆ

“เสด็จแม่ไม่โปรดพวกนั้นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เสด็จพ่อเองก็น่าจะรู้ดี”

คำพูดของเจ้าชายคาซาลทำให้สุลต่านอัสตาฟาเงียบไปเกือบทันที ในขณะที่เจ้าชายไฟซารห์พยายามสังเกตและพยายามนึกถึงเรื่องที่พระเชษฐาตรัส



หลายวันที่พักอยู่ ณ ตำหนักรับรองท่านซารานได้รับการดูแลอย่างดีจากแพทย์ชั้นเยี่ยม อาการของเขาจึงเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ แต่เรื่องที่เขายังลังเลอยู่ก็คือการคุยกับเจนนาห์ จนกระทั่งวันที่บีดันเข้ามาพูดเรื่องที่เธอต้องการให้นีสรีนอภิเษกสมรสของเจ้าชายคาซาล ซึ่งตอนสายของวันนั้นทุกคนอยู่พร้อมหน้าในห้องโถงรับรองชั้นล่างยกเว้นเจนนาห์ซึ่งออกไปเดินเล่น

“ถ้าพี่หายดีแล้ว เราก็ควรจัดการเรื่องของนีสรีนกับเจ้าชายคาซาลโดยเร็ว พี่จะให้ชาวอัลคาซานอยู่โอเอซิสใหญ่อีกนานแค่ไหน สักปีสองปีหรือยังไง”

“ระวังปากหน่อยบีดัน ฉันว่าเธอชักจะเก่งมากเกินไปแล้วนะ” ท่านซารานคำรามใส่น้องสาวก่อนให้เหตุผล “ที่ฉันยังไม่ได้เร่งรัดก็เพราะเราเป็นฝ่ายหญิง ยังไงซะตระกูลอัลคาซานก็เคยยิ่งใหญ่ในทะเลทรายคานัค เราคงไม่ต้องออกตัวแสดงท่าทางอยากแน่นแฟ้นกับมัสตาฟาขนาดนั้นหรอก”

“นั่นสิคะ อาเลิกเร่งรัดซักทีเถอะ หนูเองก็ไม่ได้อยากรีบแต่งงานขนาดนั้นสักหน่อย” นีสรีนขมวดคิ้วมองอาสาวอย่างรู้สึกเสียหน้า

“เธอไม่รีบแต่คนของเรากำลังรอมาตั้งหลักปักฐานกันอยู่นะ” บีดันดุและอ้างถึงเรื่องความแห้งแล้งของทะเลทรายคานัค ทว่าก่อนที่นีสรีนจะเถียงอะไร นางกำนัลคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมแจ้งให้ทราบ

“เจ้าชายคาซาลกำลังจะเสด็จมาที่นี่ค่ะ” เสียงนั้นมีผลทำให้ทั้งเข้าสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง และท่านซารานเองก็บอกกับน้องสาวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่ฟังแล้วเป็นคำขาด

“ฉันคิดดูแล้วว่า...เราจะไม่ส่งใครไปให้พระองค์แต่จะให้ฝ่ายชายเป็นคนเลือกเอง”

คำ ตอบนั้นได้รับความพอใจจากบีดันไปไม่น้อย เพราะเธอคิดอยู่เสมอว่านีสรีนนั้นเหนือเจนนาห์ในทุกๆ ด้านและการที่เจ้าชายคาซาลจะเลือกใครสักคนเป็นชายาคนที่จะต้องมีส่วนร่วมใน การตัดสินใจก็น่าจะเป็นองค์สุลต่านและองค์รานีนั่นเอง

*********************************************************



แพรพริมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 มี.ค. 2557, 14:01:05 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 มี.ค. 2557, 14:01:05 น.

จำนวนการเข้าชม : 1441





<< 6   8 >>
Siang 19 มี.ค. 2557, 15:17:57 น.
เจิมก่อนค่ะ


Siang 19 มี.ค. 2557, 17:13:07 น.
ปมเยอะจริงๆ


แว่นใส 19 มี.ค. 2557, 19:31:50 น.
ก็ดี เจนนาห์จะได้คู่กับไฟซารห์


Zephyr 19 มี.ค. 2557, 21:52:19 น.
เริ่มรู้สึกตงิดๆกะบีดัน และนีสรีน
นางสองคนแปลกๆร้ายๆลึกๆไงไม่รู้
เจนเป็นของไฟซาร์ตะหากละ
เจนต้องมียศสูงๆๆ แน่ๆเลย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account