สิเน่หา...ยอดดวงใจ
260 ปี มันช่างนานแสนนานเหลือเกินกับการต้องรอคอยพบเจอะเจอหญิงสาวอันเป็นนิมิตรหมายในห้วงอันคลั่งแค้นแสนสะสมมานานเป็นร้อยๆ ปีคริสต์ศักราช

แนะนำตัวละคร

ดานิล วาดิติน อเล็กซานดรูว์ บุรุษมหาเศรษฐีเก่าแก่ลึกลับตระกูลหนึ่งของรัสเซีย ทรัพย์สินที่มีไว้ครอบครองมีค่ามากกว่าเมืองหนึ่งๆ ของรัสเซียเลยทีเดียว

ในอดีตชื่อ Anna Mikhailov

ปัจจุบันชื่อ อันนา วรเวช สาวน้อยวัยยี่สิบสองปี ที่ต้องมาจมปลักทนทุกข์ เมื่อกำลังเดินทางมายังเมืองมอสโกแห่งรัสเซียแล่นสู่คฤหาสน์วาติดิน ใน ฐานะ ภรรยาของดานิล วาดิตินวัยหกสิบปี อันนาเข้าใจว่า ดานิลคือชายชรา ก้าวแรกที่เข้ามาได้พบเขา อันนาก็ต้องตกใจ ไหนจากบ้านของเธอบอกว่า ดานิล วาดิติน อายุหกสิบปีแล้ว คนที่เธอเห็นตรงหน้ากลับเป็นชายหนุ่มเรือนร่างกำยำหล่อเหลาไร้ที่ติ แต่ดวงตาคู่คมกริบที่จ้องมองเธอนั้นกลับน่ากลัวเหลือเกิน คำแรกที่ดานิลเอ่ยกับอันนา คือ คำสั่ง เป็นคำสั่งที่อันนาแทบมึนงุนงง ไม่เข้าใจเสียจริงๆ เขาต้องการให้เธอค้นหาหัวใจของเขาที่หายไป...

Tags: รักโรแมนติกพาฝัน,ซึ้งกินใจ,สิเน่หา...ยอดดวงใจ

ตอน: บทที่ 8 มือที่ไม่อยากสัมผัส



บทที่ 8 มือที่ไม่อยากสัมผัส

อันนาตื่นนอนด้วยเนื้อตัวระบมราวกับยังมีไข้ บวกกับความหนาวของที่นี่ เธอคงจะหายป่วยได้ยากแน่ๆ เจ้าแมวเรเวนส่งเสียงร้องทักทาย แม้มันกำลังนอนสบายๆ ข้างๆ กับเธอ หญิงสาวเริ่มชินกับการมีเจ้าแมวตัวมานอนเป็นเพื่อนอยู่บ้างแล้ว

“ฉันไม่ได้ตั้งใจทำให้นายตื่นนะ เรเวน” เธอลูบหัวมันเบาๆ เรเวนไม่ได้ดุร้ายตามหน้าตาของมันเลย แถมมันออกจะขี้อ้อนเสียมากกว่า

“นายหญิง...ตื่นแล้วรึ” ทาติน่าเข้ามาหา อย่างรู้หน้าที่การงาน อันนายิ้มแย้มรับอรุณให้กับคุณยาย ก่อนที่นางจะพยายามพาเธอไปเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่

ส่วนอาหารเช้ายังคงรอหญิงสาวอยู่เช่นเคย ทว่าเช้านี้อันนาไม่ต้องทนปวดหัวกับการได้เห็นใบหน้าเจ้าของคฤหาสน์

“ท่านดานิล ไปทำงานค่ะ” ทาติน่าเอ่ยบอก โดยที่ฝ่ายหญิงสาวชาวเอเชียยังไม่ได้ถามถึงเขาเลยด้วยซ้ำนะ เมดวัยชรายิ้มให้กับท่าทางของเจ้านายหญิงวัยน้อย ปากก็บอกไม่อยากเข้าใกล้ชายหนุ่ม แต่พอท่านดานิลไม่อยู่ให้พบหน้า แววตาสาวน้อยถึงกับหมองๆ ลงเชียว

กระดาษแผ่นเล็กๆ ถูกส่งให้อันนาได้อ่าน เนื้อข้อความสั้นๆ ทำให้หญิงสาวส่งอาการค้อนถึงคนเขียน ‘ตามหาหัวใจของข้าด้วย’ และแน่นอนงานของเธอ จึงต้องทำต่อไป แม้ว่ายังไม่หายป่วยไข้สักเท่าไหร่ แล้ววันนี้เธอจะเริ่มจากตรงไหนล่ะ

“คุณยายคะ ที่นี่กว้างมากแค่ไหนคะ อัน...อยากเดินเล่นสูดอากาศเสียหน่อยค่ะ” อันนาถาม เพราะไม่รู้ว่าจะคลำทาง หาหัวใจของเขาได้ ณ ที่แห่งใด

“กว้างมากค่ะ แต่ถ้านายหญิงจะออกไปเดินเล่น...เอ่อ...” ทาติน่ากลัวเป็นเรื่องราวใหญ่โต เหมือนเมื่อวานเข้านั่นสิ

“ลืมไปเลย เฮ้อ...อันคงออกไปไหนไม่ได้สินะ งั้นขออยู่ในห้องสมุดก็แล้วกันค่ะ” อันนาพอจะเข้าใจ อาการพูดตะกุกตะกักไม่ออกของทาติน่า เมดวัยชราคงจะถูกมิสเตอร์ดานิลดุว่าตักเตือนใส่สินะ และกลายเป็นว่าอันนาไม่ค่อยมีอารมณ์สดชื่นอย่างเช่นเคย ยิ่งได้รับรู้ว่าบทลงโทษของเขาเป็นเช่นไร เธอก็หวั่นๆ เกรงขึ้นมาดื้อๆ

“เดี๋ยวค่ะ คุณยาย...ขอถามได้ไหม เอ่อ...คุณ...มาร์ตินนี่ ตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง” อันนาถามอย่างละล่ำละลัก เพราะไม่แน่ใจว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า

“เฮ้อ...รอดไปได้ค่ะ น่าสงสารคุณมาร์ตินนี่นะคะ ตอนนี้ครอบครัวได้เดือดร้อนไปด้วยเลย” ทาติน่าบอกเสียใจ ความคิดของพ่อหนุ่มวัยน้อย ออกจะใจร้อนเกินเหตุ การบุกรุกเข้ามายังเขตแดนวาดิติน ก็เหมือนกับเดินย่างรนหาที่ตายชัดๆ...คำพูดของท่านดานิล ช่างน่าเกรงขามมากแค่ไหน หนุ่มมาร์ตินนี่ก็น่าจะรู้กิตติมศักดิ์เรื่องนี้นะ

“หมายความไงคะ” พอได้ยินว่าครอบครัวของชายหนุ่มผู้บุกรุก ยังต้องเดือดร้อนตกระกำลำบาก ยิ่งทำให้อันนาขนลุกอย่างกลัวๆ กับอำนาจอิทธิพลมาเฟียของมิสเตอร์ดานิล

“เอ่อ...” ทาติน่าไม่อยากบอกสักเท่าไหร่ เพราะมันยิ่งสร้างภาพอันไม่ดีของท่านดานิลให้หญิงสาววัยน้อยรับรู้

“เขาคงเล่นงาน คุณมาร์ตินนี่ ทุกๆ ด้านสินะคะ” อันนารู้สึกเสียใจมาก เพราะเธอมีส่วนทำให้คุณมาร์ตินนี่คนนั้นเดือดร้อน มิสเตอร์ดานิลคนนั้น ลงโทษเธอแล้วยังไม่พอ ยังใจอสูรทำลายคนอื่นที่ขัดหูขัดตาเขาไปให้หมดด้วย อันนาเม้มริมฝีปากเข้าหากันอย่างตื่นตระหนัก ชีวิตที่เหลือของเธอ คงแขวนอยู่บนเส้นดายแห่งความตาย และถูกกำหนดชะตากรรมเอาไว้กับคนใจอสูรอย่างดานิล วาดิติน อเล็กซานดวูร์คนนี้

งานของอันนาเริ่มต้นในห้องสมุดเก่าอันใหญ่โตในคฤหาสน์วาดิตินอีกครั้ง หนังสือเล่มที่เกี่ยวข้องกับตระกูลมิคาฟโรฟ ถูกค้นออกมาจนหมดชั้น เธอต้องการอ่านบันทึกอะไรสักอย่างเหมือนเป็นแหล่งซ่อนสมบัติบ้าง หรือสถานที่สำคัญของตระกูลดังกล่าว ถ้าหัวใจของเขาไม่ได้ถูกโยนทิ้งในทะเลดำอย่างที่เธอกระโดดลงไปค้นหา แสดงว่ามันอาจจะถูกซ่อนเอาไว้ในสถานที่ใด สักแห่งบนโลกใบนี้แหละ

“ไม่เห็นมีอะไรเกี่ยวข้องเลย เฮ้อ...นางเอาไปซ่อนไว้ที่ไหนนะ” อันนาพึมพำพูด ราวกับคุยกับตนเอง เพราะใบหน้าค่าตาของ อันนา มิคาฟโรฟวา นั้นเหมือนเธอยังกับพิมพ์เดียว เรื่องการเวียนว่ายตายเกิดใหม่ และอดีตชาติภพก่อน มันยังเป็นความเชื่อในประเทศของเธออยู่มิใช่น้อยๆ

“เรเวน วันนี้นายไม่ได้เป็นผู้ช่วยฉันอีกบ้างเหรอ ช่วยหน่อยดิ” อันนาหันไปคุยกับเจ้าแมวลายเสือ ซึ่งมันได้เข้ามาอยู่เป็นเพื่อนกับเธอ ตลอดทั้งวัน

หน้าต่างบานหนึ่งถูกเปิดออกกะทันหัน อันนาสะดุ้งโหยงอย่างตกใจ แม้ว่าที่นี่จะอากาศค่อนข้างหนาวมากอยู่แล้ว พอเจอสายลมที่พัดผ่านเข้ามา ก็ยิ่งทำให้หนาวยะเยือกมากกว่าเดิมหลายเท่า เธอรีบลุกขึ้นไปปิดหน้าต่างบานนั้น ก่อนจะเห็นภาพวิวแปลกตาด้านนอก

“โอ้โห สวยจัง” บรรยากาศด้านนอกตัวคฤหาสน์ ซึ่งมองจากที่สูง เธอก็เพิ่งจะเคยเห็น และยอมรับว่ามันเป็นดินแดนกว้างใหญ่ไพศาลนัก เจ้าแมวเรเวนกระโดดขึ้นมาแทรก แล้วดิ่งทะยานออกจากหน้าต่างบานดังกล่าว อันนาเห็นก็แทบร้องห้าม ไม่อยากให้แมวลายเสือไปเทียวเล่นข้างนอก เอ๊ะ เจ้าแมวมันอยากออกไปเดินเหรอเนี่ย อันนายิ้มกับความคิดตนเอง ก่อนจะก้าวออกจากนอกห้องสมุด เธอพยายามหลบหลีก ไม่ให้เมดวัยชรามองเห็นเธอ และค่อยๆ แอบย่องออกทางประตูหลังห้องครัว เจ้าแมวเรเวนเหมือนมันจะล่วงรู้ จึงเดินมารับ แล้วก็พากันก้าวออกไปจากคฤหาสน์เรื่อยๆ

“เดี๋ยวสิ เรเวน จะพาฉันไปไหน” อันนายังตงิดๆ อย่างสองใจ หนึ่งก็อยากตามไป อีกใจหนึ่งก็กลัว...กลัวมิสเตอร์ดานิล ลงโทษอย่างไงล่ะ ฐานที่ออกจากคฤหาสน์โดยไม่ได้รับอนุญาตใดๆ ทว่าเท้าของเธอ ก็เล่นก้าวตามหลังเจ้าแมวลายเสืออย่างเต็มใจ จนมีแสงหนึ่งจ้าเข้าปะทะดวงตาเธอ ก่อนที่ภาพข้างหน้ากำลังเปลี่ยนภูมิทัศน์สัญจร

‘ตามข้ามาจริงๆ ด้วย ท่านหญิงผู้พิทักษ์คนเก่ง’ อันนาถึงกับหยุดชะงัก กับภาพในม่านดวงตา ซึ่งกำลังฉายให้เห็นบุรุษหนุ่มในชุดเสื้อหนังโบราณ ทว่าใบหน้าของชายหนุ่มผู้นั้น มันทำให้อันนานึกถึงคนที่เพิ่งจะได้เจอและรู้จักเมื่อเวลาวันก่อน

‘มาร์ตินนี่’ เขายิ้มรับอย่างเป็นมิตร แน่นอนอาจจะพร้อมด้วยหัวใจ นางไม่น่าจะมีเจ้าของไวนัก หัวหน้าเผ่าริคออน สนอกสนใจในตัวแม่หญิงคนเก่ง ผู้พิทักษ์ดินแดนรอฟเวย์ การได้ร่วมปราบปรามล่าสัตว์ดุร้าย หรือภัยอันตรายต่อดินแดน ทำให้เขาได้พบกับเธอ

เผ่าริคออนนั้นเป็นเพียงเล็กๆ อยู่กันอย่างสงบๆ ไม่ยุ่งกับอำนาจด้านนอกหรอก เพราะแค่ในเผ่ายังแย่งอำนาจกันเอง จนน่องเลือดไปเยอะ เมื่อมาร์ตินนี่ได้เป็นใหญ่ในเผ่าดั่งใจฝัน แต่เขาอยากมีอำนาจไว้ครองมากกว่านี้ จึงขอเข้าร่วมงานกับเหล่าสหภาพดินแดนรอฟเวย์ เพียงดวงตาแกร่งของชายหนุ่มได้ลุกโชก เมื่อมองเห็นอำนาจอันแข็งแกร่งในตัวผู้พิทักษ์หญิงจากตระกูลมิคาฟโรฟ ทว่าเขากลับมาช้าไปนิดเดียว เพราะว่านางดันมีชายแห่งดวงใจก่อนแล้วนั่นสิ

‘เจ้าเล่นบ้าอะไร ทำไมต้องปล่อยข่าวประโคมเสียๆ หายๆ’ มาร์ตินนี่ยักไหล่ เมื่อไม่ได้นางมาครอบครอง เขาก็ต้องสร้างเรื่องราวขึ้น

‘ข้าไม่ได้ สร้างข่าวนะ มัน คือ ความจริง’ มาร์ตินนี่พยายามสืบเสาะหาชายคนรักของนาง ก่อนจะโยนเรื่องเลวร้ายให้ดานิลรับกรรมโดยดุษณี

‘ข้ารู้จักดานิล เป็นอย่างดีที่สุด เจ้าเป็นใครกัน ถึงได้ใส่ความเขาแบบนั้น’ ระหว่างที่ดานิลไม่อยู่ หรือ เขาได้มีภาระอันรับผิดชอบในป่าทางเหนือ และดูเหมือนว่าดานิลนั้น เกิดหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย จนอันนาต้องใจเสียนัก เพราะว่านางเป็นคนส่งเขาไปตายในป่าทางเหนือ เนื่องจากมีบางสิ่ง บางอย่างที่เธอไม่อยากให้ดานิลเข้าร่วมงานกับสหภาพดินแดนรอบนี้ อันนากลัวจะเสียดานิลไป เพราะลางสังหรณ์ของนางมันบอกว่าอย่างนั้น ทว่านางกลับคิดผิดมหันต์จนได้ ป่าทางเหนืออันตรายยิ่งกว่า นางพยายามส่งคนออกไปตามหาแล้ว ก็ไม่พบชายอันเป็นที่รัก นี่มันก็ผ่านไปหนึ่งปีแล้ว

‘หึๆ ข้าแค่อยากให้ท่านทำใจเอาไว้บ้างไง นี่มันก็หนึ่งปีแล้วนะ ท่านควรจะหาใครมาช่วยเยี่ยวยาหัวใจเสียเถอะ’ หัวหน้าเผ่าริคออน ตามตื้อนางแบบนี้ไม่ยอมเลิกรา จนถึงกับต้องปล่อยข่าวว่า ‘ดานิลตายแล้ว’ และการอันนากล้าวิ่งแล่นตามเขามาถึงที่นี่ อาจจะเป็นเพราะ มาร์ตินนี่เจอชิ้นส่วนที่เป็นหลักฐานบ่งบอกว่า ชายคนรักของนางนั้นสิ้นใจแล้วจริงๆ

อันนารู้ตัวว่าตนเองเริ่มอ่อนแอลงแค่ไหน เมื่อชายอันเป็นที่รักหายสาบสูญจนไร้ร่องรอย แหวนวงหนึ่งส่องประกายให้อันนาเห็นเต็มสองตา น้ำตาเธอแทบไหลอาบแก้มต่อหน้า ชายหนุ่มมาร์ตินนี่ ที่เขาประกาศว่ากล้าเข้ามาแย่งชิงหัวใจนางไปจากดานิล

‘แหวนนั่น เจ้าเจอมันที่ไหน!’ อันนาร้องถามด้วยหัวใจอันเกือบสลาย

‘ในตัวเสือโคร่งยักษ์ตัวหนึ่ง ข้าจับมันมาแร่เนื้อ เลี้ยงบริวารของข้า แล้วข้าเกิดจำได้ว่าเหมือนเคยเห็นที่ไหน ในนิ้วมือของท่าน’ มาร์ตินนี่เดินเข้ามาหา ก่อนจะยื่นมือหนามาจับมือของนางเอาไว้ เป็นกำลังอันปลอบประโยนจิตใจ พร้อมส่งแหวนคืนให้กับหญิงสาว อันนาเอื้อมมือไปแตะใบหน้ามาร์ตินนี่ราวกับเป็นการขอบคุณเขา ที่ทำให้รู้ว่าชายที่รักของนางนั้น ได้ลาโลกไปแล้วจริงๆ

‘ขอบคุณที่ทำให้ข้า...รู้ว่าดานิลจากไปอย่างสงบแล้วจริงๆ’ อันนาส่งเสียงสะอื้นไห้ต่อหน้าชายอื่น เพราะหัวใจกำลังสิ้นหวังอย่างหมดหนทางก้าวเดินต่อไป

มาร์ตินนี่พรมจูบมือบางเล็ก ข้างที่นางมาสัมผัสใบหน้าของตน อันนากำลังทำตัวแปะเปื้อนชายอื่น ทั้งๆ ที่ ดานิลคือหัวใจของนาง...ทว่าเพลานี้ นางเกิดความอ่อนไหวเกินไปนัก การจะยืนด้วยขาของตนเองนั้น ยังแทบไม่ไหวแล้ว

มาร์ตินนี่ได้คืบ จะเอาศอก ยิ่งทำให้อันนาลืมผู้ชายคนเก่าได้ มัน คือ สิ่งที่เขาปรารถนาอย่างยิ่ง

‘ต่อไป ข้าจะดูแลเจ้า แทนเขาเองนะ อันนา’ สิ้นเสียงบอกริมฝีปากหนาบรรจงจุมพิตปลอบขวัญหญิงสาวผู้พิทักษ์อย่างที่หวังเอาไว้ เสียงฟ้าร้องคำรามเป็นสัญญาบ่งบอกว่า นางควรอำลาความอันเก่าเอาไว้เบื้องอดีต สายฝนที่เททับลงมา ทำให้นางลืมชายหนุ่มที่เผลอพรมจูบอยู่ด้วย เนื่องจากในห้วงเวลานี้ มันมีเพียงภาพของดานิล ชายหนุ่มที่นางรักจนหมดหัวใจ

‘คนทรยศ ผู้หญิงใจร้าย มีข้าคนเดียว มันไม่เพียงพอใช่ไหม...ร่าน!’ ดานิลคำรามเสียใจอย่างรวดร้าว ความซื่อสัตย์จงรักยิ่งชีวา ที่มีให้ต่อท่านอันนา หญิงในตระกูลผู้สูงศักดิ์ กำลังแตกสลาย...

‘ดานิล!’ เหมือนสวรรค์กำลังกลั่นแกล้งเธออย่างแสนสาหัส ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาต่อเนื่อง เธอเห็นเงาภาพอันคุ้นจากต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง หลังผละตัวออกจากการกอดจูบของมาร์ตินนี่ หญิงสาวก้าววิ่งตามจนลืมคำว่าหายใจ ภาพนั้นกำลังค่อยๆ หายจนจางออก...ออกไป ยกเว้นหยาดน้ำตาที่ปล่อยกระหน่ำออกมาจากหัวใจ เมื่อคิดว่าตนนั้น ได้ทรยศดวงใจชายอันเป็นที่รักอย่างแล้วสิ้น ร่างกายหญิงสาวทรุดล้ม จนม่านตาปิดค่อยๆ สนิท พร้อมดำดิ่งเข้าสู่ความมืดแห่งสายพิรุณ...อันแสนหม่นหม่องขมขื่น...

“อันนา!” ดานิลคำรามลั่น หลังจากพยายามตามหาหญิงสาวจนทั่วคฤหาสน์ ก่อนจะสั่งให้ลูกน้องชุดดำออกตามหายัง ณ ที่ดินร่างอันกว้างใหญ่หลังคฤหาสน์วาดิติน และดันเจออุปสรรค เมื่อสายฝนเทลงมาอย่างไม่มีปี่ขลุ่ย ดานิลช้อนร่างบางขึ้นมาอุ้มเอาไว้

“เจ้านาย!” วอนก้าวิ่งมาอย่างฉุกละหุก จนทันเจ้านายวัยใหญ่

“รีบขึ้นรถก่อนเถอะครับ ฝนตกหนักมากแล้ว” ดานิลพยักหน้าให้ ก่อนจะสาวเท้าดิ่งไปยังรถประจำตำแหน่งตนเอง การที่ดานิลค้นหาหญิงสาวเจอ ก็เพราะภาพนิมิตเอาไว้อย่างเช่นเคย เขาเคยยืนอยู่ตรงต้นไม้ต้นนั้น เหมือนเมื่อหลายร้อยปีก่อน เนื่องจากอันนาดึงเขากลับไปยังแดนอดีตวันวาน...อันแสนเกลียดชัง

ทาติน่าร้องโวยวายเสียงดังและโล่งใจ เมื่อเห็นร่างของอันนาสลบไสล ยามกลับมาถึงคฤหาสน์เรียบร้อยแล้ว

“นายหญิงจะเป็นปอดบวมหรือเปล่า ท่านดานิล” ทาติน่าเอ่ยถาม เพราะอันนาป่วยก่อนหน้านี้ก็ยังไม่หายดี แล้ววันนี้ จู่ๆ ดันหนีออกนอกคฤหาสน์อีกด้วย ช่างหาเรื่องให้ท่านดานิลปวดหัวทุกวันเหลือเกิน นายหญิงวัยน้อย

“ไม่หรอก โดนน้ำฝนไม่นาน แค่เช็ดตัว แล้วกินลดไข้กันไว้ คงไม่ได้เป็นอะไรมาก” ดานิลบอก แม้จะละเลยหน้าที่เป็นแพทย์มานานเช่นกัน ทว่าความรู้พื้นฐานเล็กๆ น้อยๆ เขายังพอรักษาได้บ้าง

“เฮ้อ...ทาติน่า ค่อยหายใจโลงหน่อย”

“ดูแลเธอ ต่อด้วย ฟื้นเมื่อไหร่ มาเรียกข้าที่ห้องด้วยนะ ทาติน่า”

“ค่ะ นายท่าน”



หลังจากดานิลเดินออกมาจากห้องหญิงสาว เขาก็แทบกัดกลุ้มมากกว่าเดิม เพราะมโนภาพในสายฝนแห่งอดีตที่ผ่านมา อันนาได้เห็นใบหน้าหัวเผ่าริคออนเรียบร้อยแล้วด้วย สุดท้ายเขาก็หนีชะตาลิขิตข้อนี้ไม่พ้น ยิ่งพาเธอหนี ก็ยิ่งทำให้เจอว่องไวขึ้น ไม่ได้การณ์ล่ะ เขาต้องผูกมัดเธอเอาไว้ให้ได้นานที่สุด ไม่อย่างงั้นหัวใจเธออาจจะลอยหลุดมือไปอีกครั้ง

แหวนแห่งนิรันดร์ คือ คำตอบที่ดีที่ของดานิล ตอนนี้ ดานิลคิดได้ก่อนเดินค้นหาแหวนดังกล่าว กว่ารู้ว่ามันเก็บไว้ที่เล่นทำเขาถอนหายใจทิ้งหลายรอบ

อันนานอนดิ้นกระสับกระส่ายไปมาบนที่นอน เหมือนกับว่ากำลังฝันร้าย

“ไม่นะ อย่าไป” และแล้วต้องสะดุ้งตื่นทั้งน้ำตา เธอร้องไห้ ราวกับหัวใจสลาย รักอันทรยศ เธอเข้าใจแล้วว่าทำมิสเตอร์ดานิลถึงต้องเอ่ยน้ำเสียงราวกับแค้นเธอนัก

เพราะ ‘อันนา มิคาฟโรฟวา มีใจให้ชายอื่น!’ แล้วเหตุอะไรล่ะนางต้องเอาหัวใจของมิสเตอร์ดานิลไปซ่อนด้วย ‘ผู้หญิงใจอำมหิต’ เธอเคยได้ยินคำต่อว่าจากวาจาของมิสเตอร์ดานิล เขาคงเจ็บปวดและทรมานแสนสาหัส กับการถูกหักหลัง

ดวงตาเล็กเบิกกว้างอีกครั้ง เมื่อเห็นสิ่งหนึ่ง ที่ข้างๆ เตียงนอน มือของเธอสั่นๆ พยายามไปหยิบมันมาพินิจสัมผัส มัน คือ แหวนแห่งนิรันดร์ จู่ๆ ชื่อของแหวนก็แทรกลอยเข้ามา

“ฉัน...ขอโทษ ฮือๆ” อันนากล่าวอย่างเสียใจทั้งร่ำไห้ ก่อนจะจูบแหวนวงนั้น ราวกับว่ามันเคยเป็นของเธอมาก่อน

“ตื่นมา ก็เอาแต่ร้องไห้อีกแล้ว” เสียงทุ้มที่เธออยากได้ยินแค่ฝัน ทว่ามันเป็นเสียงแห่งเวลาปัจจุบัน อันนารีบซ่อนแหวนวงเอาไว้ ไม่ให้เขาเห็น เธอนึกไปว่ามันมาอยู่ที่ห้องของเธอได้อย่างไร

“ถ้าเจ้าชอบมัน ข้ายกให้ก็ได้นะ แหวนวงนั้น มันหมดความหมายกับข้าไปนานแล้ว” เจ็บปวดที่สุด อันนาสะเทือนใจอย่างมาก ทั้งๆ ที่ มันไม่ใช่แหวนของเธอเสียหน่อยนะ

“นายเข้ามาทำไม” อันนาเฉไฉถาม ไม่อยากให้เขารู้ว่าเธออยากได้แหวนวงนั้น แล้วเธอจะเอาไปทำอะไรเนี่ย

“มาป้อนยา คนดื้อ” น้ำเสียงของเขาดูออกจะขบขำมากกว่าที่เป็นเสียงบังคับเธอ อันนาเริ่มสำรวจตัวเองว่าอยู่ในสภาพชุดแบบไหนกัน ก่อนรวบผ้าห่มมาปิดบังเรือนร่าง แม้จะสวมชุดนอนแขนยาว

“กินยาก่อน แล้วค่อยนอนต่อ”

“นาย ไม่คิดจะทำโทษฉันเหรอ ฉันหนีออกไปนะ” อันนาถามอย่างตามตรง เพราะอย่างไรเธอต้องถูกเขาลงโทษอยู่ดีนั้นแหละ ไม่ช้า ก็เร็วๆ นี้

“หึๆ ชอบให้ลงโทษก็ไม่บอก” ดานิลว่าจบ แทบขยับเดินเข้ามาใกล้ๆ เตียงนอน

“ไม่ ฉันไม่ชอบ!” อันนาแย้งกลับทันควัน ดานิลทำสีหน้าขรึม ทั้งที่อยากจะยิ้มสักเล็กน้อย ตอนแรกที่เข้ามา เขาก็อารมณ์เหวี่ยงอยู่บ้าง แต่เมื่อเห็นสภาพของสาวน้อย ก่อนจะสะดุ้งตื่น และเห็นแหวนวงนั้น เขานึกว่า เธอจะขวางมันทิ้งอย่างไม่ใยดีใส่ใจ ดานิลเตรียมพร้อมจะเปิดศึกวาจากับเธอเต็มกำลัง จนเขาภาพที่เธอจูบแหวนแล้วเอ่ยพึมพำอยู่นาน อารมณ์ของเขาจึงวูบอย่างนิ่งๆ

“กินยาแล้วนอนซะ ข้าขี้เกียจตื่นมาตอนดึก” ทว่าเสียงเอ่ยเข้มๆ ยังคงราวกับควบคุมชีวิตเธอเอาไว้เช่นเคย อันนาปล่อยแหวนเอาไว้ใต้หมอน ก่อนจะหยิบยาที่เขาเตรียมยกมากินจนครบอย่างเสร็จสรรพ

“ราตรีสวัสดี” คำกล่าวส่งท้ายของเขา ทำให้เธอหายใจขัดๆ วันนี้มิสเตอร์ดานิลมาแบบนิ่งๆ จนเธอแปลกใจมาก

“เดี๋ยวค่ะ” เธอร้องเรียกให้เขาหยุดเดิน

“เอ่อ...ขอบคุณค่ะ” แล้วกล่าวขอบคุณชายหนุ่ม ที่ค่อยดูแลเธอตอนป่วยไข้ และแน่นอนกับอีกเรื่อง คือ เขาไม่คิดจะลงโทษเธอด้วย อันนาจึงโล่งใจในเวลานี้

‘ยั่ว ข้าเหลือเกินสาวน้อย...’ แต่ทว่าดานิลต้องขบกรามแน่น เพื่อระงับอีกสิ่งในกาย การที่หญิงสาวเอ่ยรั้งเอาไว้ มันทำให้ดานิลคิดฟุ้งซ่าน

“มานี่สิ!” หญิงสาวแทบใจแป้วตัวหด เมื่อเจอคำสั่งอย่างสายฟ้าแลบ เมื่อกี้นี้ เขายังดีๆ อยู่เลย อันนาส่ายศีรษะไปมา เป็นการขัดค้านเขา...พอเห็นสายตาอันดุดันจ้องเขม็งส่งมา อันนาต้องกลืนน้ำลายฝืดๆ ลงคอระหง ก่อนที่จะค่อยๆ ลุกขึ้นจากที่นอน และก้าวเดินมาหามิสเตอร์ดานิล อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ดานิลดีดนิ้วเพียงหนึ่งครั้ง หญิงสาวแทบสะดุ้ง แล้วต้องตกใจอีกหน เมื่อเห็นสิ่งหนึ่งในมือของเขา เธอซ่อนเอาไว้แล้วนะ แล้วมันมาอยู่ในมือของเขาได้อย่างไงกันเนี่ย!

“ส่งมือมาสิ” คำสั่งแกมบังคับ สุดท้ายเขาต้องจับมือบางมาสัมผัสเอง ก่อนจะสวมแหวนแห่งนิรันดร์ เข้าที่นิ้วนางข้างซ้ายเธอ ฝ่ายหญิงแทบไม่อาจจะขัดขืนได้ เพราะตัวเธอแข็งทื่อไปนานแล้ว ตั้งได้เห็นแหวนอยู่ในกำมือของเขา

“แหวนแห่งนิรันดร์ แม้มันจะไม่จำเป็นสำหรับข้า แต่ทว่ามันจำเป็นสำหรับเจ้ามากกว่า” หญิงสาวชักมือกลับอย่างรวดเร็ว เพราะภาพที่เธอใช้มันแตะต้องชายอื่น ยังคงหลอกหลอนในหัวสมองของเธออยู่เลย ซึ่งมัน คือ มือที่เธอไม่อยากให้เขาสัมผัส เพราะว่ามันพาเธอทรยศหัวใจของดานิลในอดีตกาล

“เก็บมันเอาไว้ให้ดีล่ะ ไปนอนเถอะ ข้าไม่กวนเจ้าแล้ว” ดานิลบอก แล้วหันหลังเปิดประตูห้องนอนออกไปอย่างเร็วรวดนัก แม้อันนาจะไม่เข้าใจพฤติกรรมแปลกๆ ของเขา ทว่าแหวนที่เธอสวมอยู่ตอนนี้ มันทำให้หัวใจของเธอเต้นตึกตักรุนแรงมาก ราวกับว่ามันกำลังผูกมัดดวงใจของเธอเอาไว้อย่างชั่วนิรันดร์
โปรดติดตามตอนต่อไป

บทที่ 9 สิเน่หารัญจวน...




Aricha
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 เม.ย. 2557, 22:21:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 เม.ย. 2557, 22:21:29 น.

จำนวนการเข้าชม : 1810





<< บทที่ 7 สิ่งที่หลีกหนีไม่พ้น   บทที่ 9 สิเน่หารัญจวน... >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account