หัวใจเดิมพันรัก
หนี้สิน ฆ่าตัวตาย ชีวิตใหม่ ความรัก และอุปสรรค โชคชะตาจะนำพาไปในทิศทางใด....
Tags: หนี้สิน

ตอน: บทที่ 4

บทที่ 4

คืนนี้พิจิกาปิดไฟบนเรือนทุกดวง ก่อนที่จะใช้ไฟฉายส่องทางมานั่งที่ม้านั่งตัวเดิม ที่ต้องทำแบบนี้ เพราะตั้งแต่คืนนั้นนายก็ปั่นจักรยานมาหาทุกคืน ทำให้รู้สึกผิดอย่างมาก เราเพิ่งรู้จักกันแท้ๆ เขากลับมีน้ำใจให้มากมายเหลือเกิน สภาพจิตใจของเธอดีขึ้นเรื่อยๆ จะเหลือก็เพียงแต่อาการนอนไม่หลับเท่านั้น

“แม่คะนอนหรือยังคะ” พิจิกาถามเมื่อรู้ว่าใครเป็นผู้รับสาย

“พายเป็นยังไงบ้างลูก งานหนักหรือเปล่า” คนเป็นแม่ถามกลับด้วยความเป็นห่วง

“ไม่ค่ะแม่ สนุกดีค่ะ เงินเดือนออกเมื่อไหร่ พายจะส่งไปให้พ่อกับแม่นะคะ” หญิงสาวตอบเสียงใส

“ไม่ต้องหรอก หนูเก็บไว้เถอะ พ่อกับแม่ก็ไม่ได้เดือนร้อนอะไร”

“อยู่ที่นี่พายก็ไม่ได้ใช้จ้ะแม่ ข้าวเขาก็มีให้กิน บ้านพักก็มีให้ พายส่งไปให้พ่อกับแม่ดีกว่าค่ะ ขาดเหลือยังไงแม่จะได้เบิกได้ทันที พ่อกับแม่ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ พายคิดถึงพ่อกับแม่ค่ะ” คนไกลบ้านถึงกับน้ำตาซึม

“หนูก็เหมือนกันนะลูก ถ้าทำไม่ไหวก็กลับบ้านเรานะ”

“ค่ะแม่ ดึกแล้วแม่พักผ่อนเถอะค่ะ พายรักพ่อกับแม่นะคะ”

“หนูก็พักนะลูก พรุ่งนี้จะได้มีแรงทำงาน”

“ฝันดีค่ะแม่”

สรุปว่าเธอไม่ได้เป็นทั้งคนงานเก็บส้มหรือคนงานล้างส้ม หน้าที่ของเธอคือติดตามนายไปทุกที่ ตั้งแต่แปลง โรงคัด โรงเรือนสตอว์เบอร์รี่ สำนักงานในสวน และสำนักงานในตัวเมือง ช่วยงานเอกสารที่นายต้องตรวจทั้งหมด เรียกว่าภูมิรพีหางานมาให้ทำชนิดไม่ยอมให้ว่างคิดอะไรเลยทีเดียว พิจิกามองขึ้นไปบนฟ้าที่มีดวงดาวอยู่มากมาย ถ้าจะเปรียบเทียบเธอก็เป็นเพียงดาวดวงเล็กๆ ดวงหนึ่งที่อยู่บนฟ้ากว้าง มีอีกหลายสิ่งที่เธอไม่รู้ สิ่งที่เธอเผชิญมาอาจจะเป็นเรื่องเล็กๆ ของหลายคนก็ได้ เธอโชคดีที่มีดวงดาวอีกดวงเข้ามาช่วยพยุงเอาไว้ ดวงดาวที่แสนอบอุ่นในยามที่เธอไม่เหลือใคร


เช้าวันหนึ่งซึ่งเป็นวันหยุดของใครหลายๆ คน รวมถึงคนที่ยืนหน้าเจื่อนอยู่หน้าเรือนเคียงตะวัน เนื่องจากถูกบุคคลที่ยืนเคียงข้างบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ แถมยังไม่สามารถขัดคำสั่งได้อีกด้วย

“พายๆ อยู่ไหม” จืดตะโกนเรียกผู้ช่วยส่วนตัวของเจ้านาย

“มีอะไรคะพี่จืด” พิจิกาเดินออกมาทักทายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แต่แล้วก็ต้องหุบยิ้ม เมื่อพบว่าพี่จืดไม่ได้มาคนเดียว

“แม่นายครับ” พี่จืดแนะนำง่ายๆ ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

“สวัสดีค่ะ” พิจิกาพนมมือขึ้นพร้อมกับก้มศีรษะลง ก่อนจะเชิญผู้อาวุโสขึ้นเรือนของบุตรชายของท่าน

“ฉันขอคุยอะไรด้วยหน่อยนะ” มารดาของนายนั่งลงที่เก้าอี้ริมระเบียง ในขณะที่พิจิการับคำก่อนจะหายเข้าไปในเรือนเพื่อนำน้ำดื่มมาเสิร์ฟ จากนั้นก็นั่งพับเพียงลงกับพื้น

“มาอยู่ที่นี่เกือบเดือนแล้วใช่ไหม”

“ค่ะ ขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้เข้าไปกราบขออนุญาตแม่นายก่อน” พิจิกายกมือไหว้อีกครั้ง

“ไม่ต้องขอโทษหรอก ถ้าตาภูมิไม่พาไป เธอก็คงไม่กล้าไปที่เรือนใหญ่อยู่แล้วจริงไหม ที่ฉันมาวันนี้ก็แค่อยากจะขออะไรสักอย่าง ฉันไม่ได้รังเกียจอะไรหรอกนะ แต่รู้สึกไม่สบายใจที่เธอมาอยู่ที่เรือนหลังเล็กนี่ ใครๆ ก็รู้ว่าเรือนหลังนี้เป็นที่พักของตาภูมิ ลูกชายฉันก็ยังไม่มีครอบครัว ใครมาเห็นเข้าคงไม่ดีแน่” แม่นายเพียงฟ้าเกริ่นเข้าเรื่องอย่างไม่ต้องการเสียเวลา

“หนูเข้าใจค่ะ ขอเวลาให้หนูหาที่อยู่ใหม่ก่อนได้ไหมคะ ถ้าไปตอนนี้หนูก็ไม่รู้จะไปพักที่ไหนเหมือนกันค่ะ” พิจิกาบอกแกมขอร้อง
“ฉันจะให้นายจืดพาเธอไปพักที่เรือนคนงาน อยู่ได้ไหม” แม้จะเป็นคำถามถามความเห็น แต่ก็ไม่ต้องการได้รับคำปฏิเสธ

“ได้ค่ะ ขอบคุณในความกรุณานะคะแม่นาย” พิจิกาตอบตกลงทันที

“คุยมาตั้งนานเธอชื่ออะไรล่ะ”

“พิจิกา จิระกาลนนท์ เรียกพายก็ได้ค่ะ” เจ้าของชื่อตอบด้วยท่าทีสงบเสงี่ยมเจียมตัวที่สุด

“ฉันขอยืนยันนะว่าไม่ได้รังเกียจหรือดูหมิ่นเธอ แต่ฉันไม่อยากให้ใครเอาเธอกับลูกชายของฉันไปพูดในทางที่ไม่ดี หวังว่าคงจะเข้าใจในเจตนาของฉันนะ”

“หนูเข้าใจค่ะ ที่ผ่านมาหนูก็ไม่ทันคิดเรื่องนี้ หนูต้องกราบขอโทษแม่นายด้วยที่ทำให้ไม่สบายใจ” หญิงสาวเงยหน้ามองผู้อาวุโสด้วยสีหน้าแสดงถึงความเสียใจจริงๆ ก่อนจะพนมมือขึ้นประกอบคำพูดของตัวเอง

“งั้นก็ย้ายเสียวันนี้เลยนะ เดี๋ยวฉันจะให้นายจืดไปส่ง” พิจิกาได้แต่น้อมรับคำสั่งไม่มีปากเสียงใดๆ

หลังจากยืนส่งมารดาของนายเสร็จ คนพลัดถิ่นก็รีบเก็บข้าวของเตรียมพร้อมรอคนสนิทของนายมารับไปยังที่อยู่ใหม่ แม้จะรู้สึกใจหายบ้าง แต่ก็ยังดีกว่าสร้างความลำบากใจให้กับผู้มีพระคุณ

“พายไม่รอบอกนายก่อนหรือ” นายจืดถามหลังจากกลับมาที่เรือนเล็กอีกครั้งตามคำสั่งแม่นาย

“ไม่เป็นไรหรอกพี่จืด พายไม่ได้ไปไหนไกลสักหน่อย ก็ยังทำงานให้กับนายเหมือนเดิม”

“พี่ขอโทษนะที่ทำให้พายเดือดร้อน” หนุ่มรุ่นพี่ตีหน้าเศร้า

“พายไม่ได้เดือดร้อนสักหน่อย จะว่าไปพายก็มารบกวนนายนานแล้วเหมือนกัน นายจะมาพักที่นี่ก็ไม่สะดวก อีกอย่างพายก็เป็นเพียงแค่คนงานคนหนึ่งเท่านั้น ไม่สมควรมาพักบ้านเจ้านายแบบนี้หรอก ไปกันดีกว่าพี่จืด” คนต้องย้ายบ้านบอกกับคนมาช่วยย้ายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ไม่รู้สึกเศร้าเสียใจเลยสักนิด

“งั้นเดียวพี่ยกให้เอง” พี่จืดอาสายกกล่องสมบัติให้ด้วยความเต็มใจ

พิจิกามองบ้านพักชั้นเดียวที่ถูกสร้างแยกเป็นหลังๆ มีบริเวณเล็กๆ เป็นของตัวเอง บางหลังก็มีไม้เลื้อยใส่กระถางห้อยไว้ บางหลังก็ปลูกไม้ดอกอยู่หน้าบ้าน ดูแล้วก็น่าอยู่ไม่น้อย

“ที่นี่ไม่ใช่เรือนพักคนงานหรอกนะ แต่นายปลูกไว้ให้คุณๆ อยู่” จืดเล่าไปเรื่อย เมื่อนำของมาวางไว้หน้าบ้านหลังหนึ่ง

“ใครหรือพี่จืด” หญิงสาวถามด้วยความสงสัย

“ก็มีหมอโต คุณวิช คุณณา คุณเป” ผู้รอบรู้ประจำพนารักษ์ก็ร่ายรายชื่อเจ้าของบ้านแต่ละหลังให้ฟัง

“ว่าแต่พายอยู่ได้แน่นะ” จืดยังอดเป็นห่วงไม่ได้

“ได้สิ เรือนเล็กกะทัดรัดน่าอยู่จะตายไป ทำความสะอาดง่ายด้วย พี่จืดไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”

“ถ้านายรู้ ไม่รู้ไอ้จืดจะโดนเตะหรือเปล่า” คนกลัวนายยังบ่นกระปอดกระแปดไปเรื่อย

“อย่าคิดมากเลยจ้ะ ถ้านายถามก็บอกให้นายมาถามพายเอง” พิจิกาหาทางช่วยเหลือคนกลัวถูกเตะ

“ขึ้นเรือนเถอะพาย จะให้พี่ช่วยจัดของไหม”

“ไม่ต้องหรอกจ้ะ ของแค่นี้พายจัดแป๊บเดียวก็เสร็จ พี่จืดกลับไปที่เรือนใหญ่ก่อนดีกว่านะ เผื่อแม่นายจะเรียกใช้อะไร” จืดเห็นด้วยกับความคิดของรุ่นน้องสาวจึงกล่าวลา จากนั้นพิจิกาก็เริ่มต้นทำความสะอาดบ้านที่มีห้องนอนหนึ่งห้อง มีมุมครัวเล็กๆ และมีโต๊ะทานข้าวอยู่ตรงระเบียงตรงหน้าบ้าน


ภูมิรพีกลับมาถึงพนารักษ์ก็เป็นเวลาเย็นมากแล้ว เขาตัดสินใจตรงไปที่เรือนเคียงตะวันก่อน เพราะมีของมาฝากพิจิกา เมื่อมาถึงก็ปรากฏว่าเรือนถูกปิดเงียบ เรียกผู้ที่พักพิงอยู่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ ชายหนุ่มจึงนั่งรออยู่ตรงระเบียงหน้าเรือน ส่วนจืดก็กำลังหิ้วปิ่นโตไปส่งที่เรือนพักของน้องสาวร่วมโลก

“ทำอะไรอยู่น่ะพาย”

“รดน้ำต้นไม้จ้ะ พอดีพี่นางผ่านมาก็เลยรู้ว่าพายมาพักที่นี่ พี่นางใจดีให้พี่หินเอาไม้ดอกมาลงให้จ้ะ พี่จืดมีอะไรหรือเปล่า” เจ้าของบ้านคนใหม่ตอบอย่างอารมณ์ดี

“พี่เอาปิ่นโตมาส่ง วันนี้พายคงไปที่โรงอาหารเองไม่ได้ พรุ่งนี้จะหาจักรยานมาให้ใช้นะ” จืดบอกถึงธุระของตัวเอง แต่เป็นเรื่องปากท้องของเพื่อนร่วมงานที่น่ารัก

“ขอบคุณค่ะพี่จืด พายก็ลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเลย พี่จืดจะอยู่ทานด้วยกันไหม”

“พี่กลับไปรอนายก่อนดีกว่า เฮ้อ! ไม่รู้จะโดนอะไรบ้าง” พิจิกามองหน้าขลาดของคนร่างใหญ่ขำๆ ได้แต่ให้กำลังใจและโบกมือลา เมื่ออีกฝ่ายกลับไปประจำตำแหน่งคนขับ


จืดเห็นรถนายจอดอยู่หน้าเรือนหลังเล็ก จึงหักหัวเลี้ยวรถเข้าไปจอดเทียบ นึกสงสัยว่านายรู้เรื่องแล้วหรือว่ายังไม่กลับเข้าบ้าน ถ้ารู้แล้วนายก็น่าจะไปหาพิจิกาแทนที่จะมานั่งรออยู่ที่นี่ ความสงสัยทุกอย่างของจืดกระจ่างแจ้งก็ตอนที่ลงจากรถ และผู้เป็นนายก็พุ่งตรงเข้ามาหาอย่างไม่อยากเสียเวลาแม้สักนาที

“พายไปไหน ไอ้จืด”

“เอ่อ..อยู่ที่เรือนรพีครับ” เรือนรพีก็คือ เรือนสิบหลังที่ตอนนี้พิจิกาจับจองไว้เป็นที่พักอาศัยหนึ่งหลัง ส่วนเรือนพักคนงานก็คือ เรือนสิตางศุ์

“ไปทำอะไรที่นั่น” คนเป็นนายถามอย่างไม่เข้าใจ

“เอ่อ... คือว่าพายย้ายไปอยู่ที่นั่นครับนาย” ในที่สุดจืดก็โพล่งออกมา หลังจากอึกอักอยู่นานสองนาน

“หา! เอ็งว่าอะไรนะไอ้จืด”

“พายย้ายไปอยู่ที่นั่นครับ” ไอ้จืดยืนยันอีกรอบพร้อมเดินถอยหลังตั้งหลัก

“เกิดอะไรขึ้น เอ็งบอกข้ามาเดี๋ยวนี้เลยนะ ถ้าไม่อยากถูกเตะ”

“พายบอกว่าถ้านายอยากรู้อะไรให้ไปถามเธอเองครับ” ไอ้จืดรีบใช้ทางออกที่หญิงสาวโปรยไว้ให้ก่อนที่เท้านายจะกระตุกมาโดนร่างกายของตน

“งั้นเอ็งก็ไปกับข้าเดี๋ยวนี้”

“นายไปคนเดียวได้ไหม ไอ้จืดติดธุระกะทันหัน ธุระด่วนด้วย ไปนะครับนาย” ไอ้จืดวิ่งขึ้นรถ แล้วถอยรถจากไปทันที

เมื่อคนสนิทชิ่งหนีไปต่อหน้าต่อตา นายของพนารักษ์ก็ต้องฉายเดี่ยวไปหาคำตอบที่สงสัย และสิ่งแรกที่เดินไปพบคือ เจ้าของร่างผอมบางนั่งเขี่ยข้าวในจานไปมาไม่ตักเข้าปากสักที

“พาย ทำไมมาอยู่ที่นี่” ภูมิรพีที่ยืนอยู่หน้าเรือนถาม

“พี่ภูมิมาได้ยังไงคะ ทานข้าวด้วยกันมั้ย” เจ้าของเรือนคนใหม่เบือนหน้าไปมองก็เห็นร่างสูงใหญ่มองมาอย่างไม่สบอารมณ์ จึงเอ่ยทักทายและเชิญชวนไปพร้อมๆ กัน

“ตอบคำถามพี่ก่อน เกิดอะไรขึ้น”

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ พายแค่เกรงใจพี่ภูมิก็เลยให้พี่จืดช่วยหาที่อยู่ใหม่ให้” พิจิกาตอบไม่กล้าสบตา ส่วนภูมิรพีก็นั่งลงตรงข้ามมองอย่างจับผิด

“ทำไมไม่บอกพี่ก่อน นึกจะย้ายก็ย้ายออกมาแบบนี้หรือ”

“พายขอโทษค่ะ พายแค่ไม่อยากให้ใครมองพี่ภูมิไม่ดี แล้วพายก็เป็นแค่ลูกจ้างจะให้ไปพักอยู่บ้านเจ้านายแบบนั้นได้ยังไง อย่าโกรธพายเลยนะคะ” พิจิกาพยายามบอกเหตุผล แต่ภูมิรพีกลับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย คนเดียวที่ให้คำตอบได้ก็คงเป็นไอ้คนที่หาทางหนีทีไล่ไปเมื่อกี้

“ไปเก็บของ แล้วกลับไปอยู่ที่เรือนเล็กเหมือนเดิม” นายสั่งด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด

“อย่าเลยค่ะพี่ภูมิ ไหนๆ พายก็จัดของเสร็จแล้ว ให้พายพักที่นี่นะคะ” พิจิกาต่อรองอย่างหวั่นๆ

“ถ้าอยากจะอยู่ก็ให้บ้านหลังข้างๆ กลับกันมาก่อน ช่วงนี้วันหยุดยาวเขากลับบ้านกันหมด หมอโตก็พักที่เรือนพยาบาล เท่ากับแถวนี้มีพายอยู่คนเดียว ถึงจะอยู่ในเขตของพนารักษ์ แต่พายก็เป็นผู้หญิงจะอยู่ได้ยังไง”

“พายอยู่ได้ค่ะพี่ภูมิ” พิจิกายืนยันน้ำเสียงหนักแน่น ถึงแม้ว่าในใจรู้สึกกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่กลับไปที่เรือนเล็กเด็ดขาด

“อย่าดื้อได้ไหม มีเหตุผลหน่อย พี่เป็นห่วงนะ”

“พายอยู่ได้จริงๆ ค่ะ พี่ภูมิไม่ต้องเป็นห่วงนะ” เมื่อน้ำเสียงอีกคนเข้มงวด พิจิกาจึงใช้เสียงอ่อนรับมือ

“ถ้าอยากอยู่ที่นี่นัก งั้นคืนนี้พี่จะมาอยู่เป็นเพื่อน” เขาบอกแบบนี้ดูสิคนดื้อแพ่งจะทำยังไง

“จะนอนได้ยังไงคะ เรือนนี้มีแค่ห้องนอนเดียว” หญิงสาวแย้ง

“ทำยังกับเราไม่เคยนอนอยู่ห้องเดียวกันอย่างนั้นล่ะ” แล้วเขาก็เห็นใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ

“อย่าทำแบบนั้นเลยนะคะ ใครเห็นเข้ามันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ เอาเป็นว่าเดี๋ยวพี่ภูมิกลับ พายจะปิดบ้านเลยค่ะ ไม่ว่าใครจะมาเรียกพายก็จะไม่เปิดประตูนะคะ” คนอาศัยหาทางหลบเลี่ยงเต็มที่

“งั้นตามใจก็แล้วกัน พี่ซื้อหนังสือมาฝาก” เมื่อทำอะไรไม่ได้ภูมิรพีจึงต้องยอมอย่างเสียมิได้

“ขอบคุณค่ะ ธุระเรียบร้อยดีไหมคะ”

“ไม่มีปัญหาอะไรครับ”

“ทานข้าวด้วยกันนะคะ” พิจิกาชวนอีกครั้ง เมื่ออีกฝ่ายตอบรับ คนชวนก็ยิ้มอย่างดีใจ ลุกขึ้นไปหยิบจานมาตักข้าวให้ทันที ภูมิรพีเห็นดวงตาเป็นประกายนั้นแล้วก็อยากให้มันอยู่อย่างนั้นตลอดไป ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะไม่แสดงอาการทุกข์ใจอะไรให้เห็นอีกแล้ว แต่บางครั้งความเศร้าก็ยังเจืออยู่ในดวงตาคู่นี้เสมอ


นายของพนารักษ์เดินขึ้นไปบนเรือนใหญ่ ด้วยสีหน้าไม่สบายใจนัก ในที่สุดก็รู้จนได้ว่าทำไมพิจิกาถึงต้องย้ายตัวเองไปอยู่ที่เรือนรพี นี่ถ้าไม่คาดโทษไอ้จืดเอาไว้ก็คงไม่มีทางรู้หรอกว่าวันนี้มารดาไปพบหญิงสาวที่เรือนเคียงตะวัน

“ทำไมกลับค่ำนักล่ะตาภูมิ” แม่นายทักลูกชายที่เดินหน้ายุ่งเข้ามา

“มีธุระนิดหน่อยครับแม่”

“กินอะไรมาหรือยัง ถ้ายังแม่จะให้แม่นุ้ยไปจัดการให้”

“เรียบร้อยแล้วครับ วันนี้แม่ไปที่เรือนเคียงตะวันหรือครับ” ภูมิรพีนั่งลงเคียงข้างพร้อมกับถามตรงๆ

“ใครบอกแกล่ะ แม่พายหรือ”

“เปล่าครับแม่ พายเขาไม่ได้พูดอะไรเลย”

“ถ้างั้นก็คงเป็นเจ้าจืดอีกแล้วสิ ถ้าแม่แวะไปจริงๆ แล้วแกจะทำไม” แม่นายพูดเหมือนหาเรื่องนิดๆ

“ผมไม่ทำไมหรอกครับ แต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ต้องไล่เธอไปอยู่ที่เรือนรพีด้วย”

“ดีแค่ไหนแล้วที่แม่ให้ไปอยู่เรือนรพีไม่ใช่เรือนสิตางค์เหมือนคนงานคนอื่นๆ และแกก็เข้าใจเสียใหม่แม่ไม่ได้ไล่คนของแก แต่จะให้อยู่ที่เรือนของแกแบบนั้นได้ยังไง แกก็หนุ่มโสดนะ แม่หนูนั่นก็ยังเป็นสาว คนอื่นจะมองไม่ดี” ผู้เป็นแม่พูดประชดเล็กน้อย พร้อมกับบอกเหตุผลที่ลูกชายมองข้ามไป

“แม่รู้ไหมครับว่าทำไมผมถึงพาพายไปอยู่ที่เรือนเคียงตะวัน ให้เธออยู่ในสายตาของผมตลอดเวลา เพราะผมไปช่วยชีวิตเธอเอาไว้ ในขณะที่เธอกำลังจะฆ่าตัวตายครับ”

“หา! ว่ายังไงนะตาภูมิ แม่หนูนั่นเคยคิดฆ่าตัวตายเหรอ” แม่นายแห่งพนารักษ์ถึงกับยกมือขึ้นตบอก

“ก็ครั้งก่อนที่ผมลงไปประชุมที่พัทยานั่นแหละครับ”

“แล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้น” แม่นายถามบุตรชายอีกครั้ง และครั้งนี้ลูกชายก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เล่าเรื่องที่รู้มาจากหญิงสาวให้มารดาฟังทั้งหมด

“ตายแล้ว! ทำไมผู้ชายคนนั้นมันถึงได้ใจดำแบบนี้ ไหนจะผู้หญิงคนนั้นอีกทำกับลูกผู้หญิงด้วยกันได้ยังไง” แม่นายได้ฟังแล้วก็อดรู้สึกเวทนาไม่ได้

“เพราะแบบนี้ผมก็เลยอยากช่วยเธอ ผมก็ไม่รู้ว่าเธอเข้มแข็งขึ้นแค่ไหน ช่วงก่อนผมยังเห็นเธอแอบร้องไห้อยู่เลยครับ” แล้วก็ถึงคราเหตุผลที่มีน้ำหนักของคนเป็นลูกบ้าง

“แล้วทำไมแกไม่ไปรับแม่พายกลับมาล่ะ”

“ผมไปแล้ว แต่เธอไม่ยอมกลับมาด้วยกัน ก็แม่ไปพูดกับเธอแบบนั้น ใครจะกล้ากลับมาล่ะครับ” ชายหนุ่มได้ทีต่อว่าต่อขานมารดา

“ก็แม่ไม่รู้นี่นา แล้วแกทำอะไรก็ไม่เคยบอกแม่ ใครๆ คิดว่าเขาจะมาเป็นนายหญิงที่นี่” คนทำผิดแบบไม่ได้ตั้งใจก็ตอบเสียงอ่อนลงอีกมาก

“แม่ครับ ถ้าบังเอิญว่าผมไปชอบพายจริงๆ แม่จะไม่ยอมรับหรือครับ” คนเป็นลูกถามด้วยน้ำเสียงปกติ

“ไม่ใช่แบบนั้น แต่ตอนนี้แกกับแม่พายก็ไม่ได้เป็นอะไรกันนี่ หรือว่าแกคิดอะไรกับแม่หนูนั่น”

“โธ่แม่ครับ ผมยังไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น ผมไปอาบน้ำก่อนดีกว่า แม่ก็พักได้แล้วนะครับ” ภูมิรพีหอมแก้มมารดาก่อนจะลุกขึ้นเดินขึ้นชั้นสองไป เมื่อเห็นว่ามารดาเริ่มหลงประเด็นกันไปใหญ่แล้ว





หนึ่งจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 เม.ย. 2557, 09:43:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 เม.ย. 2557, 09:43:06 น.

จำนวนการเข้าชม : 1366





<< บทที่ 3   บทที่ 5 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account