บ่วงรักนายพราน
เรื่องชุลมุน ซุ่มซ่าม เข้าใจผิดของธีรดากับจอมวายร้ายปารินทร์ เจ้าของคำจำกัดความ หล่อ สปอร์ต ใจดี รักหมา(ไม่น่ารอด) 'หากใครจะคิดว่าผมกำลังคบกับใคร ผมอยากให้ใครต่อใครคิดว่าผมคบกับคุณ'

การรู้สึกว่า 'ใช่' กับใครสักคนไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน ปารินทร์รู้สึกว่าธีรดา 'ใช่' สำหรับเขา แต่กลับพบในภายหลังว่าเธออาจเป็นผู้หญิงที่เข้ามาทำลายความรักของน้องสาว การเอาคืนในแบบชิงไหวชิงพริบที่ใช้ธุรกิจบังหน้าทั้งที่เป็นเรื่องของหัวใจล้วนๆ จึงเกิดขึ้น
Tags: ความรัก ภาคต่อ หวานรักพยัคฆ์ร้าย

ตอน: ตอนที่ 4...100%

ตอนที่ 4 (จบตอน)

ธีรดาได้หลับไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแต่ต้องตื่นขึ้นมาเพื่อรับโทรศัพท์ พอเห็นว่าใครโทรมาเท่านั้นไอ้ที่ง่วงๆ ก็ปลิวหาย การคุยกับธีมาตอนช่วงเวลาดวงตกแบบนี้เธอต้องตั้งสติดีๆ ไม่งั้นจากพี่แค่นาทีเดียว เธออาจได้พ่อเพิ่มมาอีกคน พอรับสายเธอเลยรีบพูดใส่ก่อนทันที
“หยุดเลย กวางรู้ว่าเสือจะพูดอะไร มันเป็นอุบัติเหตุ”
“แน่ใจหรือว่าอุบัติเหตุ คนงานแถวๆ นั้นไม่เคยมีใครตกลงไปสักคน แถมตรงนั้นก็มีที่กั้นกันคนตกไว้อย่างดี แล้ววันดีคืนดีกวางก็ตกลงไปเนี่ยนะ อยากลงไปตรวจงานในน้ำหรือไง”
ฟังแล้วเหนื่อยจังแฮะ วันนี้หูของเธอทำงานหนักเพราะต้องฟังคำพูดยาวๆ ของปารินทร์กับธีมานั่นแหละ
“ไม่ใช่สักหน่อย เออๆ ยอมรับก็ได้ว่าซุ่มซ่าม ต่อไปจะดูแลตัวเองดีๆ”
ธีมาหัวเราะเสียงดัง ก็ที่พูดไปตั้งยาวน่ะย่อลงเหลือได้แค่คำสั้นนิดเดียวว่า...ซุ่มซ่ามนั่นแหละ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เขาเป็นพี่ แล้วกวางมันเป็นน้องได้ยังไง ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยแขนหัก ตกท่อ ตกบ่อ โดนหมากัดอย่างที่คู่แฝดพบเจอเลยสักครั้ง
“เหลือเชื่อจริงๆ ถ้ามันจะพอช่วยได้ก็ช่วยแบ่งความซุ่มซ่ามมาทางนี้บ้าง เจ็บตัวบ่อยไปแล้วมั้ง”
“เข้าใจแล้ว แค่นี้นะ จะไปแคมป์รอบกองไฟ อยู่ทางนั้นก็ดูแลบานชื่นดีๆ ด้วย” เบื่อผู้ชายพวกนี้จริงๆ ย้ำอยู่ได้เฮ้อ
“อีกเดี๋ยวจะลงไปดู ป้าอรให้กินข้าวไปแล้ว ช่างอ้อนยิ่งกว่าชวนชมอีก ไปได้มาจากไหน”
“เจอเลยสงสาร แล้วพามาบ้านเหมือนชวนชมนั่นแหละ”
ธีรดารีบวางสายไม่งั้นความลับอาจรั่วไหล จนป่านนี้ธีมายังไม่รู้เลยว่าชวนชมมาอยู่กับเธอได้ยังไง ขืนบอกก็ถูกว๊ากใส่น่ะสิ ทีกับแฟนล่ะทำตัวน่ารักน่ากอด พูดจาหวานๆ แต่กับเธอล่ะก็ ถ้าเป็นผู้ชายเหมือนกันรับรองได้ เธอถูกว๊ากใส่ก่อนจะตามด้วยเบิร์ดกะโหลกอีกทีแหงๆ
พอวางสายจากธีมาปุ๊บ โทรศัพท์ก็ดังอีกรอบปั๊บ แต่เปลี่ยนคนโทรเข้าเป็นลุงสอน
“มีอะไรหรือเปล่าคะลุงสอน โทรมามืดๆ ค่ำๆ แบบนี้สงสัยจะมีเรื่อง” ธีรดาเดาเพราะเป็นอย่างนี้ทุกที แล้วคราวนี้เรื่องอะไรหนอ
“คนงานชาวเขาเพิ่งโทรมาบอกว่าอ่างเก็บน้ำเก็บน้ำด้านหลังพังกำลังช่วยกันปิดทางเดินของน้ำอยู่ครับ ผมโทรมารายงานคุณกวางแล้วก็จะรีบไปช่วย”
“เดี๋ยวกวางตามไปแบบด่วนๆ เลยค่ะ สั่งให้เอารถแบคโฮออกไปใช้ได้เลยนะคะ บางทีแค่แรงคนอาจต้านไม่อยู่” เธอบอกรีบเดินมานอกห้อง ฟ้ามืดแล้ว การทำงานคงลำบากแล้วสำหรับคนงาน “อ้อ เอาไฟฉุกเฉินไปด้วยนะคะ จะได้มองเห็น อะไรจำเป็นเอาไปใช้ก่อนค่ะ ลุงสอนมีกุญแจโกดังอยู่ใช่ไหมคะ”
“ครับคุณกวาง”
ลุงสอนรีบวางสาย ธีรดาเหมือนกัน ป้าศรีกำลังสั่งให้เด็กยกอาหารเย็นมาขึ้นโต๊ะเธอรีบบอกว่ามีงานต้องไปจัดการแล้วรีบลงบันไดมาพร้อมกับกุญแจรถ ไฟฉาย โทรศัพท์และสติ คราวนี้ต้องขับรถเองทั้งที่แขนเข้าเฝือกนี่แหละ หญิงสาวเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่ง
ปารินทร์กำลังเดินล่วงหน้ามาที่แคมป์พอดี เห็นธีรดานั่งอยู่ในรถแต่ยังไม่ขับออกไปเลยเดินมาหาเผื่อว่าเธอจะเป็นอะไรขึ้นมาอีก
“เป็นอะไรหรือเปล่า แล้วนี่กำลังจะไปไหนน่ะคุณ แขนเข้าเฝือกขับรถถนัดเหรอ”
ธีรดาสะดุ้งเบาๆ เธอแค่กำลังทำสมาธิ พอมองคนทักก็ค่อยโล่งใจหน่อย นึกว่าจะเจอผีทั้งที่ไม่เคยเจอมาก่อนเสียแล้ว
“ฉันต้องรีบไปท้ายปางไม้ค่ะ อ่างเก็บน้ำของเราแตกคนงานทางนั้นกำลังช่วยกันปิดทางเดินน้ำอยู่” เธอบอกเขาตามตรง ปัญหาไม่ได้ใหญ่อะไรมากถึงขนาดต้องปิดบัง
ปารินทร์พยักหน้ารับรู้ แต่ตอนที่สั่งนี่สิ เมาขี้ตาหรือว่าหิวจนตาลาย หูฝาดหรือเปล่า ที่ว่ามาน่ะหมายถึงเธอนะไม่ใช่เขา
“ถ้างั้นเขยิบไป เดี๋ยวผมขับรถให้ คอยบอกทางแล้วกัน”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณไปรวมกับกลุ่มดีกว่า ตอนนี้มันเป็นปัญหาของฉัน คุณมาเที่ยวก็น่าจะได้พักสบายๆ” เธอเกรงใจเขาจนรู้สึกว่าตัวเองช่างเป็นภาระจริงๆ เขานั่นแหละทำให้เธอรู้สึก เฮ้อ
“คุณจะเขยิบไปเองหรือว่าให้ผมอุ้มไปไว้เบาะโน้น” สิงห์สั่งเสียงเรียบ ไม่อยากฟังคำโยกโย้ เธอคงจำไม่ได้ว่าเขาทำเพราะอยากทำเสมอ ไม่ใช่เสนอตัวตามมารยาท
เห็นหน้าตาเรียบกริบแบบนั้น ใครจะไปกล้าหือ แหม เสือมีคู่แข่งแล้ว พวกชอบทำหน้าแข็งเป็นไม้กระดานเนี่ย เบื้องหลังรั่วกระจายเหมือนกันหมดหรือเปล่าหว่า ไม่น่าเสี่ยง เขาอาจเป็นข้อยกเว้นก็ได้
“ก็ได้ค่ะ รบกวนคุณอีกแล้ว”
“ไม่เป็นไร”
ธีรดายอมเขยิบไปนั่งเบาะข้างคนขับแต่โดยดี ทั้งที่อยากรู้เหมือนกันแหละว่าปารินทร์จะอุ้มเธอจริงๆ หรือเปล่า แต่พอมองตาแล้วคิดว่าอย่าเพิ่งวัดดวงกันวันนี้เลย เผื่อเขาทำจริง เธอนี่แหละได้ขายหน้า ทั้งพนักงาน ทั้งแขกที่กำลังมาแคมป์ปิ้งอีกและที่สำคัญตอนนี้เธอรีบ

แผ่นชีทไพล(Sheet pile) เป็นพระเอกของงานในคืนนี้ รถแบคโฮกำลังตอกแผ่นชีทไพลให้เป็นกำแพงก่อนจะทับหลังด้วยดินอีกชั้น ปารินทร์ลงไปช่วยอีกแรงเพราะรออยู่ไม่ถึง 5 นาทีน้ำก็ทะลุออกมาจากกำแพงดินและชีทไพล ไฟถูกลากสายมาเปิดให้แสงสว่างเพื่อจะได้ช่วยกันดูว่าควรเพิ่มชีทไพลตรงไหน ธีรดาเข้าไปช่วยดูแต่ถูกปารินทร์จับแขนแล้วลากให้ออกมายืนรอห่างๆ เพราะกังวลว่าเธออาจจะตกลงไปในอ่างเก็บน้ำจนคนงานมีงานเพิ่มต้องมาช่วยกันงมหาเธออีกอย่าง
คนงานทำการเพิ่มแผ่นชีทไพลที่เริ่มเหลือน้อยลงจนเริ่มหวั่นใจว่าอาจไม่พอ อีกทั้งกลางค่ำกลางคืนคงไปหาซื้อไม่ได้แน่ๆ เมื่อแขนแบคโฮตอกแผ่นชีทไพลเพิ่มจนครบทุกจุดที่ปรึกษากัน เราทั้งหมดรออย่างใจจดใจจ่อจนกระทั่งผ่านไป 10 นาทียังไม่มีน้ำซึมออกมา ธีรดาถอนใจโล่งอกที่งานสำเร็จลุลวง แต่รู้สึกไม่ดีหน่อยๆ ที่เธอทำได้แค่สั่ง แต่ถูกห้ามลงมือ ลุงสอนได้ที่ปรึกษาใหม่จากแขกที่อาสาขับรถมาให้เธอนั่นแหละ คนงานพากันหมดแรงขอตัวกลับ พอเงยหน้ามาจากกำแพงดินที่ซ้อนแผ่นชีทไพลก็เหลือคนงานอีกแค่ 2 คนเท่านั้น
“เดี๋ยวลุงสอนช่วยคิดค่าล่วงเวลาให้คนงานที่มาช่วยด้วยนะคะ แล้วก็ฝากขอบใจคนงานที่มาช่วยแทนกวางด้วยค่ะ เมื่อกี้ยุ่งๆ หันมาอีกทีกลับกันหมดแล้ว”
“ครับคุณกวาง เดี๋ยวผมจัดเวรเฝ้าคืนนี้ เผื่อจะมีปัญหาอีกนะครับ”
“ค่ะ ลุงสอนรอบคอบดีจัง กวางกับเสือโชคดีที่มีลุงสอนอยู่ด้วย” ธีรดาชมจากใจจริง เวลาเสือไม่อยู่ปางไม้ คนที่ดูแลปางไม้แทนได้ก็มีลุงสอนนี่แหละ
ลุงสอนยิ้มแป้นยกมือมาเกาคอยกใหญ่ “คุณกวางชมแบบนี้ผมก็เขินเป็นนะครับ”
“พูดเรื่องจริงไม่ต้องเขินค่ะ แค่ยิ้มกว้างๆ ให้กวางก็พอแล้ว”
ปารินทร์ยืนฟังอยู่เลยได้เห็นหัวหน้าคนงานของธีรดายิ้มกว้าง เธอยิ้มตอบแถมยังเข้าไปกอดเหมือนลูกกอดพ่อ เธอเข้าปางไม้กับพ่อและลุงสอนมาตั้งแต่เด็ก ไม่รักเหมือนญาติผู้ใหญ่ได้ยังไงล่ะ ลุงสอนยิ้มแก้มแทบฉีก พอลูกสาวของนายคลายกอดก็รีบไปสั่งคนงานให้มาเฝ้าเวรยามในคืนนี้
พอธีรดาเดินกลับมาที่รถถึงได้เห็นว่าปารินทร์เอาหลังพิงรถยืนรออยู่ แถมยังใจดีเปิดประตูรถให้ เธอเข้าไปนั่งพอหันมาอีกทีเขาก็เข้ามานั่งแล้วเหมือนกัน ไฟในรถถูกเปิดจากคนแทบไม่ได้ทำอะไรนอกจากยืนสั่ง
“ขอดูนิ้วหน่อยสิคะ น้ำเข้าแผลบ้างหรือเปล่า” เธอเห็นเขาช่วยคนงานขยับชีทไพลให้เข้าที่ก่อนใช้แขนแบคโฮตอกให้มันลงไปลึกแน่นจนทานแรงดันของน้ำได้
นิ้วของเขาพันผ้าเช็ดหน้าไว้จนแน่น กว่าจะแกะออกแทบท้อ ผ้าก๊อซซึ่งพันแผลไว้ยังอยู่ดี ไม่มีแม้ความชื่นที่จะทะลุผ่านไปจนถึงแผลที่เย็บไว้ได้
“เฮ้อ โล่งอกไปที นึกว่าน้ำจะเข้าแผลเสียแล้ว”
“ผมพันผ้าเช็ดหน้าของคุณอีกชั้นต่างหากมันถึงไม่เป็นอะไร” เขาบอกแล้วใช้มือข้างที่ว่าสตาร์ตรถ
ธีรดายิ้มเก้อๆ รีบปล่อยมือของปารินทร์ให้เขาได้ขับรถถนัด ตั้งแต่ได้รู้จักกัน เขาคงเสียหายเพราะถูกเธอลวนลามไปหลายแสนแล้วละมั้ง เธอบริสุทธิ์ใจไม่ได้คิดลวนลามเขาเลยจริงๆ นะ ป่วยการพูดออกไป เดี๋ยวเขาย้อนใส่จะหน้าม้านไปไม่ถูกเปล่าๆ
“เรากลับไปที่แคมป์กันเถอะค่ะ หรือว่าคุณเหนื่อยอยากกลับที่พัก”
“ไปที่แคมป์ดีกว่า เดี๋ยวมาเที่ยวแล้วไม่ครบ”
ทางไม่มืดอะไรเพราะมีแสงไฟจากข้างทางทุกๆ 10 เมตร ปารินทร์ขับรถไปเรื่อยๆ โดยมีเธอคอยบอกทางเพราะตอนมารีบทำให้จำทางไม่ค่อยได้ หญิงสาวมองนาฬิกาเข้าใจแล้วว่าทำไมหิวชะมัด ก็มันเกือบ 2 ทุ่มเข้าไปแล้ว ผู้ชายคนนี้อดทนไม่ปริปากบ่นสักคำ เธอยิ่งเกรงใจ
“ขอบคุณแล้วก็ขอโทษนะคะ ฉันว่าเทพีโชคร้ายคงเหมาะสำหรับฉันแล้วหละ คุณเจอแต่เรื่องเพราะฉันเห็นไหมล่ะ เดี๋ยวกลับถึงที่พักแล้วฉันรับผิดชอบปากท้องของคุณเองนะ”
ปารินทร์คลี่เรียวปากนิดหนึ่งเกือบจะหัวเราะ
“ไม่จริงหรอก เมื่อกี้ผมเลี่ยงได้ แต่ไม่เลี่ยงเองต่างหาก คิดมากเกินไปแล้วล่ะคุณ”
ธีรดาพยักหน้าหงึกๆ ไม่ตอบ ไม่เถียง เราสองคนเหนื่อยเกินกว่าจะมาหาความถูกต้องในเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้ แล้วที่สำคัญในฐานะเจ้าบ้านที่ดี เธอควรต้อนรับเขาให้สบายตา สบายหูและอิ่มท้อง

ธีรดาบอกให้ปารินทร์จอดรถที่บันไดทางขึ้นบ้านแล้วรีบพาเขาไปหาอะไรกินที่แคมป์ ป้าศรีเตรียมอาหารไว้รอพอดี ด้วยความหิวเราก้มหน้าก้มตากิน ฝีมือของปาศรีไม่เคยตกเลยจริงๆ ธีมาเล่าให้ฟังว่าเสน่ห์ปลายจวักของคู่หมั้นก็มาจากการสอนของป้าศรีนี่แหละ พอเงยหน้ามาอีกทีแสงไฟดวงเล็กๆ ก็เริ่มพราวเต็มท้องฟ้า
ปารินทร์คว้ากล้องเดินไปหามุมสวยๆ โดยมีธีรดาเดินตามไป กลางสัปดาห์นักท่องเที่ยวคงมากกว่านี้เพราะตรงกับวันลอยกระทงที่ปางไม้เปิดเป็นกรณีพิเศษเป็นปีแรก วิราวัณหันมาเห็นนายสาวพอดีเลยเดินมาหาพร้อมโคมกระดาษที่เตรียมไว้ให้นักท่องเที่ยวได้จุดแล้วปล่อยออกไปบนท้องฟ้า
“คุณกวางกับคุณปารินทร์มาพอดี เรากำลังจุดโคมกันค่ะ จุดด้วยกันนะคะ”
“ดีเหมือนกันค่ะ” ธีรดารับโคมกระดาษมา 2 อันก่อนที่วิราวัณจะไปดูแลแขกคนอื่นๆ
ปารินทร์มองกระดาษสาสีขาวที่แปะกาวออกมาเป็นรูปทรงกระบอก ตรงกลางมีวัตถุกลมๆ โยงไว้ด้วยลวดเส้นเล็กๆ ดูบอบบางและน่าจะขาดได้ง่าย
“จุดโคมไหมคุณสิงห์ เราลอยโคมกันตั้งแต่วันนี้เผื่อว่านักท่องเที่ยวจะไม่มีโอกาสได้ทำแบบนี้ อาทิตย์หน้าเราจะทั้งลอยกระทงแล้วก็ลอยโคมเพราะเป็นวันลอยกระทง” ธีรดาอธิบาย
“ลอยกระทงผมเข้าใจ แต่โคมลอยจุดแล้วได้อะไร ที่ถามนี่ไม่ได้รวนนะ ผมแค่สงสัย ไม่เคยจุดมาก่อนเลย”
“มันเป็นความเชื่อน่ะคุณ ชาวล้านนาเชื่อว่าเมื่อปล่อยโคมขึ้นฟ้า เป็นการปล่อยความทุกข์โศกและเรื่องราวร้ายๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ให้พ้นออกไปจากตัว และถือว่าเป็นการบูชาบรรพบุรุษแสดงความกตัญญู กตเวที ”
ปารินทร์ลองจับโคมดูพริบตาเดียวก็ส่งคืน คนให้เลยหน้าเสีย เขาเลยรีบพูดว่า
“ถ้างั้นคุณช่วยผมจุดโคมได้ไหม เผื่อมันไม่ลอย ผมจะได้โทษคุณไง”
ธีรดายิ้มกว้างอยากบ่นใส่ว่าทำไมไม่รีบบอก ใจหายแว้บหมดนึกว่าจะหน้าแตกแล้ว
“ก็ได้ มือชั้นนี้แล้ว ยังไงก็ลอยค่ะ”
โคมถูกคลี่ออกอย่างเบาๆ โดยปารินทร์ถูกสั่งให้จับด้านตรงข้ามกับเธอไว้มือหนึ่ง ส่วนอีกมือจับที่ก้นกระบอกของกระดาษสาเพื่อที่ว่าเวลาสุดไส้ของโคมซึ่งทำมาจากกระดาษทิชชู่ที่หั่นเป็นเป็นแว่นๆ กว้างประมาณ 1 นิ้วแล้วนำไปชุบเทียนไขจะได้ไม่ไหม้ติดกระดาษสา ไฟเริ่มลุกที่ไส้โคมลอย สว่างไสวระหว่างสายตาของเราสองคน เธอรอจนกระทั่งเกิดควันสีขาวลอยวนลงมาและเกินแรงส่งบ่งบอกว่าโคมกำลังจะลอยแล้วก็รีบบอกให้เขาอธิษฐาน
“ขอให้เรื่องร้ายๆ ไม่เกิดขึ้นกับคุณอีก หรือเกิดน้อยลงก็แล้วกันนะ” ปารินทร์อธิษฐานเสียงดังพอให้ได้ยินสองคน คนถูกอธิฐานพาดพิงหลิ่วตาใส่ ก่อนจะหลับตาลงอธิษฐานบ้าง
ธีรดาพยักหน้าให้ปารินทร์ มือของสองหนุ่มสาวปล่อยโคมที่กำลังลอยขึ้นไปช้าๆ แต่พอได้ลมบนก็เริ่มลอยละลิ่วเข้าไปรวมกลุ่มกับโคมที่ลอยขึ้นไปในเวลาใกล้เคียงกัน ดวงไฟสว่างไสวกำลังส่องนำทางให้ไปยังปลายทางบนทางฟ้าแสนไกล เพื่อรอเวลาดับสูญและมืดมนลง ทว่าความหวังที่ก่อเกิดในหัวใจจะไม่มีวันดับสลาย



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 พ.ค. 2557, 09:56:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 พ.ค. 2557, 09:56:42 น.

จำนวนการเข้าชม : 1307





<< ตอนที่ 4...50%   ตอนที่ 5...50% >>
แว่นใส 1 พ.ค. 2557, 13:56:59 น.
ความสุข


Sukhumvit66 1 พ.ค. 2557, 18:15:48 น.
ชอบคุณสิงห์ตอนนี้ น่ารัก><


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account