Adriana
สมบัติล้ำค่าที่สองแคว้นต่างแย่งชิงได้สูญหายไป แต่ทว่าเสี้ยวหนึ่งแห่งพลังอำนาจนั้น กลับแฝงเร้นอยู่ในตัวหญิงสาว ผู้ซึ่งถูกตราหน้าว่าเป็นสายลับของศัตรู // โรแมนติกแฟนตาซี
Tags: โรแมนติกแฟนตาซี,แฟนตาซี,กรีกโบราณ,รัก,การเมือง
ตอน: บทที่ 9
ในช่วงเช้าของวันเดียวกัน ทันทีที่มีรอพส์เดินไปถึงหน้าลานฝึก บรรดาทหารที่กำลังซ้อมฟันดาบต่างหันมองมาที่เขา ในขณะที่บางคนตัดสินใจเดินตรงดิ่งเข้ามาทันที
“ข้าได้ยินข่าวเมื่อคืน พูดกันไปทั่ววัง จริงรึมีรอพส์”ทหารคนหนึ่งเปิดฉากยิงคำถามทันที
“เรื่องอะไรล่ะ”
“อย่ามาทำเป็นเฉไฉ”ลูคัส หนึ่งในหัวโจกของกลุ่มทหารผู้อยากรู้อยากเห็น และยังเป็นเพื่อนสนิทของมีรอพส์เอ่ยดักคอ “ตอนเกิดเรื่องเจ้าอยู่ด้วยตลอด เล่ามาซะดีๆ”
มีรอพส์กลอกตา “คนที่อยู่ด้วยตลอดน่ะคือท่านหัวหน้าราชองครักษ์ ส่วนข้าน่ะมาทีหลัง”
“ผู้หญิงคนนั้นอัดพวกทหารยามสลบเหมือดจนหมดเลยรึ”
“นางเป็นสายลับขอกอรินธ์ดั่งที่ท่านหัวหน้าเทเลอัสคิดใช่ไหม”
มีรอพส์ถอนหายใจ ดูท่าจะไม่ยอมมีใครเลิกราจากไปแต่โดยดีเป็นแน่ หากเขาไม่ยอมพูดอะไรออกไปบ้างเลย “เรื่องเป็นสายลับของกอรินธ์ เท็จจริงเป็นอย่างไรข้าไม่รู้ แต่เมื่อคืน ทั้งหมดที่นางทำลงไปก็เพราะนางถูกเวทย์หุ่นเชิด”
“เวทย์หุ่นเชิดรึ! แล้วใครเป็นคนทำล่ะ”
“ผู้บุรุกคนแรกที่เข้ามาตอนหัวค่ำ ท่านหัวหน้ามั่นใจว่าเป็นคนของแคว้นกอรินธ์ รวมถึงคนที่บุกเข้ามาตอนกลางดึกด้วย”
“แล้วใครเป็นผู้ทำลายเวทย์หุ่นเชิด ท่านหัวหน้าเทเลอัสหรือเปล่า”นายทหารคนที่ยืนชิดอยู่กับลูคัสเอ่ยถาม
มีรอพส์พยักหน้ารับ แล้วเสียงฮือฮาด้วยความชื่นชมประทับใจก็ดังขึ้นรอบตัว
“ถึงว่า...”ลูคัสทำสีหน้าครุ่นคิด พยักหน้าตามช้าๆ เรียกให้ดวงตาหลายคู่หันไปจ้องมอง รวมทั้งมีรอพส์ด้วย “พอกลับมาก็ไม่พูดไม่จากับใคร เดินตรงดิ่งเข้าห้อง พอหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตาย”
“นั่นเจ้าพูดถึงใคร”มีรอพส์หันควับไปมองสหาย ได้แต่ร่ำร้องในใจว่าอย่าให้เป็นดั่งที่คิดเลย
ลูคัสไหวไหล่ แล้วเอ่ยตอบ “ก็เรากำลังพูดถึงใครอีกล่ะ นอกจากท่านหัวหน้า”
“ท่านหลับรึ!”
“ใช่ หลับลึกเลยล่ะ ข้าคิดว่าเช่นนั้นไม่ผิดแน่”
เวรแล้วไง! -- มีรอพส์ได้แต่รำพึงรำพันในใจ ไหล่ลู่คอตก ด้วยทราบดีว่าหากท่านเสนาบดีกลาโหมหลับลึกขนาดนั้นล่ะก็ เห็นทีคงจะปลุกให้ตื่นได้ยากเย็น
ลูคัสมองท่าทางร้อนรนลำบากใจของสหายด้วยความสงสัย “มีอะไรรึ”เขาถาม
มีรอพส์มองกลับมาด้วยสายตาขึงขังจริงจัง ก่อนร้องสั่งให้ทหารที่ยืนรุนล้อมรอบกายกลับไปฝึกซ้อมดาบ จนเมื่อเห็นว่าไม่หลงเหลือบุคคลที่สาม มีรอพส์ก็เอ่ยขึ้นทันที
“ข้าค่อนข้างแน่ใจว่าเรื่องเมื่อคืนแทบจะรู้กันไปแทบจะทั่ววังหลวง ใช่หรือไม่”
“ใช่ รับรอง แค่ชั่วข้ามวันก็คงกระจายจนถ้วนทั่ว เรื่องใหญ่ขนาดนี้นี่นา”ลูคัสว่า “แล้วทำไม เจ้ากังวลเรื่องใด”
มีรอพส์ทำเสียงอ่อนอกอ่อนใจระคนเบื่อหน่าย “เรื่องนี้เกี่ยวกับคนสองคนที่เจ้าหญิงคัสซันดร้าให้ความสนพระทัยมากที่สุด เอาเป็นว่าสรุปง่ายๆ เลยแล้วกัน -- ข้ารู้มาว่าเจ้าหญิงจะเสด็จไปหาอาเดรียน่าด้วยพระองค์เอง”
ลูคัสถึงกับสะดุ้ง มองตาค้าง “แน่ใจรึ!”
“แน่สิ นางข้าหลวงที่รับใช้ใกล้ชิดเจ้าหญิงตาลีตาเหลือกมาบอกกับข้า ให้ช่วยตามท่านหัวหน้าไปห้ามเจ้าหญิง”มีรอพส์พูด “เพราะขืนให้องค์กษัตริย์ พระราชินีหรือเจ้าชายรัชทายาทรู้ล่ะก็ เจ้าหญิงจะโดนเอ็ดเอา หนำซ้ำจะยิ่งดึงดันประชดไปกันใหญ่ เจ้าก็รู้นี่นาว่าไม่มีใครกล้าขัดพระทัยหรือรับมือกับเจ้าหญิงได้ดีไปกว่าท่านหัวหน้าของเรา”
“ไม่ใช่แค่เพราะท่านหัวหน้ารับมองเจ้าหญิงได้ดีหรอก”ลูกคัสยิ้มกรุ้มกริ่ม หัวเราะหึๆ “ที่ทรงยอมท่านหัวหน้ามากกว่าใคร ก็เพราะเจ้าหญิงมีพระ--”
“ลูคัส!”มีรอพส์ร้องเตือนเสียงดัง ถลึงตาโตใส่ แต่อีกฝ่ายกับไม่ยี่ระ ส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เห็นด้วย “ถึงรู้ก็ไม่ต้องพูด เพราะคนที่เสียหายคือเจ้าหญิง!”
คนถูกเตือนหัวเราะเบาๆ ในลำคอ ศีรษะโคลงเคลงไปมา “ใช่ว่ามีเพียงเจ้ากับข้าที่รู้เสียเมื่อไร ท่านหัวหน้าเทเลอัสรู้ ท่านหัวหน้าราชองครักษ์ก็รู้ อีกทั้งองค์กษัตริย์และพระราชินี เจ้าคิดหรือว่าเรื่องนี้จะไปถึงพระเนตรพระกรรณ แล้วเจ้าคิดว่าเหตุใดทั้งสองพระองค์จึงไม่ค่อยตักเตือนตำหนิเจ้าหญิงเกี่ยวกับเรื่องนี้ หากมิใช่ว่าทั้งสองพระองค์พอพระทัยที่จะรับท่านหัวหน้าของเราเป็นราช --”
พูดยังไม่ทันจบก็ถูกมือของมีรอพส์ปิดปาก ป้องกันคำพูดล่อแหลมอันเสี่ยงต่อการถูกจับแขวนคอ โทษฐานนินทาเจ้านาย
“ผีเจาะปากเจ้ามาพูดหรืออย่างไร ลูคัส! ใครผ่านมาได้ยินเข้าจะถูกจับแควนคอทั้งคู่”เขาเอ็ด หนาดุขึงขัง “โดยเฉพาะท่านหัวหน้า อย่าเอ่ยให้ได้ยินเชียว ท่านไม่ชอบให้ใครพูดเรื่องนี้”หลังจากที่สหายยอมรับปากสัญญาอย่างแข็งขัน มีรอพส์จึงยอมคลายมือเปิดปากให้
“แล้วนี่จะทำอย่างไรเรื่องเจ้าหญิง หากไปปลุกท่านหัวหน้าในตอนนี้ข้าเกรงว่าจะเป็นเรื่องยากลำบาก แต่พูดตามตรงนะ ข้าไม่อยากให้เจ้าเข้าไปหรอก อยากให้ท่านหัวหน้าพักผ่อนบ้าง เพราะข้าเองก็คิดเช่นเดียวกับที่หลายต่อหลายคนในวังหลวงคิด”เขาหยุดพูด มองดูมีรอพส์ที่ขมวดคิ้วกลับมาแทนคำถามครู่หนึ่ง ก่อนเสริมต่ออย่างรวดเร็ว “ระยะหลังมานี่ท่านหัวหน้าของพวกเราทำงานหนักเกินตัวไปหน่อย จนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน”
“ก็เพราะอย่างนี้ไงเล่าข้าถึงลำบากใจ แต่ถ้าปล่อยไว้ก็ไม่ใช่เรื่องดี”มีรอพส์พูดอย่างกลัดกลุ้มลำบากใจ “ช่วยหาทางหน่อยสิ”
ลูคัสถอนหายใจขณะเบือนสายตาไปยังห้องพักของผู้เป็นหัวหน้า ตลอดระยะเวลาหลายปีที่เป็นทหาร เขาได้เห็นเทเลอัสทำงานหนักหนามามากมาย หลายครั้งต้องเสี่ยงอันตรายต่อชีวิตจนน่าหวาดหวั่น แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่เคยเห็นผู้เป็นหัวหน้าออกอาการสับสนเหนื่อยล้าดั่งเช่นที่เป็นอยู่ในตอนนี้เลย
“ถ้าเป็นเรื่องของเจ้าหญิงคัสซันดร้า นอกจากท่านหัวหน้า คงจะมีแค่อีกคนเดียวที่พอจะเชื่อมือได้”
“ใคร”มีรอพส์ถาม ท่าทางไม่ไว้วางใจ “เจ้าแน่ใจรึว่าคนๆ นั้นจะหาทางรับมือกับเจ้าหญิงไหว”
ลูคัสหัวเราะ “ระดับหัวหน้าราชองครักษ์ มีรึจะไม่ไหว”
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
ระหว่างที่ได้แต่ยืนนิ่งตรง ซาลาคลอสอดสงสัยไม่ได้ว่าตนเองติดนิสัยเสียชอบถอนหายใจพร่ำเพรื่อมาจากเทเลอัสหรืออย่างไร เพราะเริ่มตั้งแต่ลูกน้องของสหายสนิทเอ่ยปากขอให้ช่วย จวบจบกระทั่งที่มายืนคอยระแวดระวัง ขณะที่เจ้าหญิงคัสซันดร้าใช้ลูกตื้อแกมขู่บังคับจนสามารถมาพบกับอาเดรียน่าได้สำเร็จ ซาลาคลอสก็ถอนหายใจติดๆ กันมามากว่าสิบรอบได้
ส่วนอาเดรียน่าที่ร่างกายยังไม่แข็งแรงดีนัก จำต้องพักฟื้นตามคำสั่งของแพทย์หลวง ยังคงกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงใหญ่ในห้องของตน นัยน์ตาสีเทาจับจ้องไปยังผู้มาเยือนซึ่งนางไม่เคยรู้จักหรือพบเจอมาก่อน เจ้าของร่างบางผิวขาวนวลเดินนำเข้ามา ใบหน้าอ่อนวัยนั้นพอเดาได้ว่าอายุคงไล่เลี่ยกับตนเอง ครั้นพอสังเกตเห็นเครื่องแต่งกายซึ่งล้วนเป็นแพรพรรณชั้นดีปักดิ้นเงินทองที่มีแต่บรรดาเชื่อพระวงศ์เท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ ไหนจะยังนางข้าหลวงอีกสามคมคอยติดตามไม่ห่าง อาเดรียน่าก็พอจะคาดเดาได้แล้วว่าตนกำลังเผชิญหน้าอยู่กับบุคคลผู้มีศักดิ์ใด
“เราทราบว่าเจ้าถูกลอบทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงมาเยี่ยม หวังว่าคงไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป”เจ้าหญิงรับสั่ง
“หามิได้เพคะ”อาเดรียน่าตอบกลับ ศีรษะค้อมลงต่ำเล็กน้อยเอ่ยเสียงแผ่วนุ่ม กริยาอ่อนหวานจนซาลาคลอสแอบยกยิ้มมุมปากอย่างนึกชื่นชม ทั้งที่ตนหรือแม้แต่กระทั่งมิลันโธยังไม่ทันได้เอ่ยบอก หากแต่หญิงสาวก็สามารถรับรู้ได้ว่าบุคคลตรงหน้ามีความสำคัญเพียงใด และต้องปฏิบัติตนเช่นไร
ฉลาดสมกับที่ฟาลซีลเคยเล่าให้ฟัง -- ซาลาคลอสคิด ปรายตามองอย่างเงียบงันต่อไป
“ขอบพระทัยในความเมตตาที่มีให้กับหม่อมฉัน”อาเดรียน่ากล่าวเนิบช้า
เจ้าหญิงคัสซันดร้ามองหญิงสาวที่อยู่บนเตียงกว้าง รูปร่างบอบบางน่าถนุถนอม ผิวขาวนวลเนียนต้องตา ใบหน้าที่มีทั้งความหวานตรึงใจและสวยงามผสมผสานกันอย่างเหมาะเจาะลงตัว อีกทั้งกิริยาท่าทางน้อมน้อม เสียงหวานพูดเนิบช้ารู้จักเว้นจังหวะจะโคนเป็นอย่างดี สมกับที่ใครต่อใครพากันบอกเล่าว่าหญิงสาวผู้นี้งดงามหนักหนา แม้กระทั่งเสนาบดีกลาโหมยังเห็นพ้อง
คิดถึงตรงนี้ก็ให้รู้สึกโหวงเหวงในพระทัย อยากยกหัตถ์บางขึ้นทาบอุระแต่ก็ต้องระงับไว้ ข่มความคิดฟุ้งซ่านออกไป แล้วรับสั่งด้วยสุรเสียงแผ่ว
“อาการเป็นอย่างไรบ้าง มีรอยฟกซ้ำอยู่ที่ใดบ้างหรือเปล่า”
“มีเพียงรอยถลอกเล็กน้อยตามแขนขาเพคะ ไม่เป็นอะไรมาก”อาเดรียน่าตอบ ยังคงก้มหน้าเล็กน้อยอยู่เช่นเดิม “ยกเว้นที่ต้นคอเท่านั้นที่ยังปวดหนึบๆ อยู่”
คำตอบนั้นทำเอาซาลาคลอสทำสีหน้าปั้นยาก ยิ่งเมื่อเห็นหญิงสาวเหลืองมองมาพร้อมกับอย่างจงใจสื่อความหมายกับทุกคนในห้อง หัวหน้าราชองครักษ์ก็ได้แต่ถอนหายใจอีกรอบ
เจ้าหญิงคัสซันดร้าน่ะข้าพอคุมไหว แต่กับนักโทษของหัวหน้าพวกเจ้า ดูท่าข้าจะขวางไว้ไม่อยู่
“เจ็บต้นคอ?”เจ้าหญิงกล่าวด้วยทีท่าตื่นตกพระทัย หันไปทางหัวหน้าราชองครักษ์ทันที “พวกที่ลักลอบเข้ามาทำร้ายนางรุนแรงถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ เอ่อ...คือว่า...ความจริง...”ซาลาคลอสอึกอักพูดไม่เต็มปาก ไม่อยากพูดแต่ก็ไม่อยากหลบเลี่ยงเช่นกัน ที่สำคัญ สายตาของอาเดรียน่านั้นฟ้องอยู่ทนโท่ เช่นนี้แล้วจะพลิกแพลงเป็นอื่นได้อย่างไร “อาการเคล็ดขัดยอกบริเวณต้นคอของนาง เกิดจากการที่เสนาบดีกลาโหมใช้สันมือฝาดลงไปพ่ะย่ะค่ะ”
บรรดานางข้าหลวงพากันอุทาน ยกมือขึ้นปิดปากบ้างทาบอกบ้างอย่างตกอกตกใจ เช่นเดียวกับเจ้าหญิงที่ถึงแม้จะคาดเดาไว้บ้างจากท่าทีของอาเดรียน่า ว่าเรื่องนี้เสนาบดีกลาโหมคงมีเอี่ยวด้วย แต่ก็ไม่คิดว่าจะออกมาเป็นเช่นนี้
“ทำไมท่านเสนาฯ กลาโหมจึงทำเช่นนั้น ปกติท่าสุภาพอ่อนโยน และไม่มีทางลงมือทำร้ายผู้หญิง”
“ทูลเจ้าหญิง”อาเดรียน่าเอ่ย พยายามคิดหาทางออกให้ตัวเอง ด้วยหากเสนาบดีกลาโหมยืนกรานจะจับตนขังคุกหลวงอีกรอบ ก็ขอหาพรรคพวกที่พอจะช่วยเหลือตัวเองได้ ยิ่งมากเท่าไรยิ่งดี “หากเป็นหญิงอื่นคงใช่เพค่ะ แต่สำหรับหม่อมฉันถือเป็นกรณียกเว้น”พูดจบก็แสร้งถอนหายใจยาว ทำหน้าสลดเรียกคะแนนสงสาร ตามเคล็ดลับขอความเห็นใจอย่างที่มิลันโธเคยสอนไว้ “ก่อนหน้านี้ตอนถูกขังอยู่ในคุก ท่านเสนาฯ กลาโหมเป็นคนลงมือทรมานหม่อมฉันด้วยวิธีต่างๆ นานา กับแค่การฟาดแรงๆ หนึ่งครั้งลงบนต้นคอคราวนี้ ถือว่าเป็นขั้นปราณีอย่างที่สุด อย่างเทียบเคียงกันไม่ติดเลยเพค่ะ”
ร่างบางของเจ้าหญิงสั่นน้อย พระพักตร์เผือดซีด ขณะหันองค์ไปยังหัวหน้าราชองครักษ์ที่ชิงตอบอย่างรวดเร็ว
“ตอนนั้นอาเดรียน่าถูกเวทย์หุ่นเชิด ท่านเสนาบดีกลาโหมจึงพยายามทำให้นางสลบ เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะพ่ะย่ะค่ะ”ซาลาคลอสแก้ต่างแทนเพื่อน ด้วยไม่อยากให้เจ้าหญิงและนางข้าหลวงทั้งสามตีเจตนาของเพื่อนผิดไป “เขาแค่ทำตามหน้าที่ ไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝง”
เจ้าหญิงพยักพระพักตร์รับรู้อย่างคลายวิตก ในขณะที่อาเดรียน่าแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่ก็คอยสังเกตท่าทีของเจ้าหญิงอยู่ตลอดเวลา และหากจะให้สรุปอย่างคร่าวๆ ก็พอจะบอกได้อย่างค่อนข้างมั่นใจว่า เจ้าหญิงพระองค์นี้ให้ความสำคัญและชื่นชมเสนาบดีกลาโหมอยู่มาก มากจนถึงขั้น...
ฮ่า... อาเดรียน่าอุทานอยู่ในใจ จำต้องค่อยๆ ก้มหน้าถลึงตาใส่ผ้าห่ม ลอบมองพระพักตร์ขาวนวลตานั่นอีกครั้งด้วยความรู้สึกเสียดาย
เจ้าหญิงนะเจ้าหญิง ออกจะสวยเลือกได้ ไม่น่าไปหลงผิดชอบผู้ชายแบบนั้นเลย
“แล้วท่านเสนาฯ กลาโหมว่าอย่างไรบ้าง”เจ้าหญิงหันไปรับสั่งถามหญิงสาวที่กึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงใหญ่ ท่าทางห่วงกังวลชัดเจน “เจ้าจะถูก...เอ่อ ลงโทษอีกไหม”
คำถามที่ถูกส่งมานั้นทำให้หญิงสาวเม้นริมฝีปากแน่น สีหน้าเคร่งเครียด “ตั้งแต่เกิดเรื่องหม่อมฉันยังไม่ได้เจอกับท่านเสนาฯ กลาโหมเลยเพค่ะ”นี่ล่ะคือสิ่งที่อาเดรียน่าหวั่นใจที่สุด หากเทเลอัสเกิดดื้อทวนกระแส ไม่ยอมฟังใครแล้วจับนางโยนกลับเข้าไปในคุกหลวงอีกรอบ มีหวังคราวนี้ได้ถูกทรมานจนตายแน่ๆ
“ท่านเสนาฯ กลาโหมไม่ได้มาที่นี่เลยอย่างนั้นหรือ? แต่...จะว่าไป ตอนเข้าเฝ้าเจ้าพี่ ท่านเสนาฯ ก็ไม่อยู่นี่ ใช่ไหม ท่านหัวหน้าราชองครักษ์”
ซาลาคลอสค้อมศีรษะลงเล็กน้อย ก่อนเอ่ยตอบ “เทเลอัสอยู่ในช่วงพักฟื้นพ่ะย่ะค่ะ – ไม่ได้เป็นอะไรมาก เพียงแค่ร่างกายอ่อนเพลีย เพราะต้องใช้พลังทำลายเวทย์หุ่นเชิดซึ่งใช้เวลานานหลายชั่วโมง กว่าจะสำเร็จก็ค่อนสว่าง”เขารีบเสริมอย่างเร็วเร็วเมื่อเห็นว่าเจ้าหญิงทรงมีท่าทีตื่นตระหนก ตรงกันข้ามกับหญิงสาวผู้ถูกช่วยชีวิต ที่ดูท่าทางจะไม่ยินดียินร้ายกับเรื่องนี้เลย
“ถ้าเช่นนั้น...”เจ้าหญิงรับสั่งด้วยสุรเสียงแผ่วราวกระซิบ “เราไป...”
“อย่างที่กระหม่อมได้กราบทูลไปแล้วว่าเทเลอัสไม่ได้เป็นอะไรมาก นอนพักสักหนึ่งวันก็กลับมาแข็งแรงดั่งปกติแล้วพ่ะย่ะค่ะ ขอเจ้าหญิงอย่าได้กังวล”ซาลาคลอสที่ดูออกตั้งแต่แรกเอ่ยขัด ท่ามกลางสายตาขอบคุณอย่างซาบซึ้งของนางข้าหลวงทั้งสาม ที่นั่งอยู่บนพื้นไม่ใกล้ไม่ไกล ก่อนจะเงยหน้าขึ้นกล่าวอีกครั้งกับเจ้าหญิง ที่บัดนี้พระปรางค์ทั้งสองระเรื่อเป็นสีชมพู ก้มพักตร์ซ่อนท่าทีขวยเขิน “เจ้าหญิงเสด็จกลับเถอะกระหม่อม ใกล้ได้เวลาเสวยมื้อกลางวันแล้ว เดี๋ยวพระราชินีจะรับสั่งหา”
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
“ข้าได้ยินข่าวเมื่อคืน พูดกันไปทั่ววัง จริงรึมีรอพส์”ทหารคนหนึ่งเปิดฉากยิงคำถามทันที
“เรื่องอะไรล่ะ”
“อย่ามาทำเป็นเฉไฉ”ลูคัส หนึ่งในหัวโจกของกลุ่มทหารผู้อยากรู้อยากเห็น และยังเป็นเพื่อนสนิทของมีรอพส์เอ่ยดักคอ “ตอนเกิดเรื่องเจ้าอยู่ด้วยตลอด เล่ามาซะดีๆ”
มีรอพส์กลอกตา “คนที่อยู่ด้วยตลอดน่ะคือท่านหัวหน้าราชองครักษ์ ส่วนข้าน่ะมาทีหลัง”
“ผู้หญิงคนนั้นอัดพวกทหารยามสลบเหมือดจนหมดเลยรึ”
“นางเป็นสายลับขอกอรินธ์ดั่งที่ท่านหัวหน้าเทเลอัสคิดใช่ไหม”
มีรอพส์ถอนหายใจ ดูท่าจะไม่ยอมมีใครเลิกราจากไปแต่โดยดีเป็นแน่ หากเขาไม่ยอมพูดอะไรออกไปบ้างเลย “เรื่องเป็นสายลับของกอรินธ์ เท็จจริงเป็นอย่างไรข้าไม่รู้ แต่เมื่อคืน ทั้งหมดที่นางทำลงไปก็เพราะนางถูกเวทย์หุ่นเชิด”
“เวทย์หุ่นเชิดรึ! แล้วใครเป็นคนทำล่ะ”
“ผู้บุรุกคนแรกที่เข้ามาตอนหัวค่ำ ท่านหัวหน้ามั่นใจว่าเป็นคนของแคว้นกอรินธ์ รวมถึงคนที่บุกเข้ามาตอนกลางดึกด้วย”
“แล้วใครเป็นผู้ทำลายเวทย์หุ่นเชิด ท่านหัวหน้าเทเลอัสหรือเปล่า”นายทหารคนที่ยืนชิดอยู่กับลูคัสเอ่ยถาม
มีรอพส์พยักหน้ารับ แล้วเสียงฮือฮาด้วยความชื่นชมประทับใจก็ดังขึ้นรอบตัว
“ถึงว่า...”ลูคัสทำสีหน้าครุ่นคิด พยักหน้าตามช้าๆ เรียกให้ดวงตาหลายคู่หันไปจ้องมอง รวมทั้งมีรอพส์ด้วย “พอกลับมาก็ไม่พูดไม่จากับใคร เดินตรงดิ่งเข้าห้อง พอหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตาย”
“นั่นเจ้าพูดถึงใคร”มีรอพส์หันควับไปมองสหาย ได้แต่ร่ำร้องในใจว่าอย่าให้เป็นดั่งที่คิดเลย
ลูคัสไหวไหล่ แล้วเอ่ยตอบ “ก็เรากำลังพูดถึงใครอีกล่ะ นอกจากท่านหัวหน้า”
“ท่านหลับรึ!”
“ใช่ หลับลึกเลยล่ะ ข้าคิดว่าเช่นนั้นไม่ผิดแน่”
เวรแล้วไง! -- มีรอพส์ได้แต่รำพึงรำพันในใจ ไหล่ลู่คอตก ด้วยทราบดีว่าหากท่านเสนาบดีกลาโหมหลับลึกขนาดนั้นล่ะก็ เห็นทีคงจะปลุกให้ตื่นได้ยากเย็น
ลูคัสมองท่าทางร้อนรนลำบากใจของสหายด้วยความสงสัย “มีอะไรรึ”เขาถาม
มีรอพส์มองกลับมาด้วยสายตาขึงขังจริงจัง ก่อนร้องสั่งให้ทหารที่ยืนรุนล้อมรอบกายกลับไปฝึกซ้อมดาบ จนเมื่อเห็นว่าไม่หลงเหลือบุคคลที่สาม มีรอพส์ก็เอ่ยขึ้นทันที
“ข้าค่อนข้างแน่ใจว่าเรื่องเมื่อคืนแทบจะรู้กันไปแทบจะทั่ววังหลวง ใช่หรือไม่”
“ใช่ รับรอง แค่ชั่วข้ามวันก็คงกระจายจนถ้วนทั่ว เรื่องใหญ่ขนาดนี้นี่นา”ลูคัสว่า “แล้วทำไม เจ้ากังวลเรื่องใด”
มีรอพส์ทำเสียงอ่อนอกอ่อนใจระคนเบื่อหน่าย “เรื่องนี้เกี่ยวกับคนสองคนที่เจ้าหญิงคัสซันดร้าให้ความสนพระทัยมากที่สุด เอาเป็นว่าสรุปง่ายๆ เลยแล้วกัน -- ข้ารู้มาว่าเจ้าหญิงจะเสด็จไปหาอาเดรียน่าด้วยพระองค์เอง”
ลูคัสถึงกับสะดุ้ง มองตาค้าง “แน่ใจรึ!”
“แน่สิ นางข้าหลวงที่รับใช้ใกล้ชิดเจ้าหญิงตาลีตาเหลือกมาบอกกับข้า ให้ช่วยตามท่านหัวหน้าไปห้ามเจ้าหญิง”มีรอพส์พูด “เพราะขืนให้องค์กษัตริย์ พระราชินีหรือเจ้าชายรัชทายาทรู้ล่ะก็ เจ้าหญิงจะโดนเอ็ดเอา หนำซ้ำจะยิ่งดึงดันประชดไปกันใหญ่ เจ้าก็รู้นี่นาว่าไม่มีใครกล้าขัดพระทัยหรือรับมือกับเจ้าหญิงได้ดีไปกว่าท่านหัวหน้าของเรา”
“ไม่ใช่แค่เพราะท่านหัวหน้ารับมองเจ้าหญิงได้ดีหรอก”ลูกคัสยิ้มกรุ้มกริ่ม หัวเราะหึๆ “ที่ทรงยอมท่านหัวหน้ามากกว่าใคร ก็เพราะเจ้าหญิงมีพระ--”
“ลูคัส!”มีรอพส์ร้องเตือนเสียงดัง ถลึงตาโตใส่ แต่อีกฝ่ายกับไม่ยี่ระ ส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เห็นด้วย “ถึงรู้ก็ไม่ต้องพูด เพราะคนที่เสียหายคือเจ้าหญิง!”
คนถูกเตือนหัวเราะเบาๆ ในลำคอ ศีรษะโคลงเคลงไปมา “ใช่ว่ามีเพียงเจ้ากับข้าที่รู้เสียเมื่อไร ท่านหัวหน้าเทเลอัสรู้ ท่านหัวหน้าราชองครักษ์ก็รู้ อีกทั้งองค์กษัตริย์และพระราชินี เจ้าคิดหรือว่าเรื่องนี้จะไปถึงพระเนตรพระกรรณ แล้วเจ้าคิดว่าเหตุใดทั้งสองพระองค์จึงไม่ค่อยตักเตือนตำหนิเจ้าหญิงเกี่ยวกับเรื่องนี้ หากมิใช่ว่าทั้งสองพระองค์พอพระทัยที่จะรับท่านหัวหน้าของเราเป็นราช --”
พูดยังไม่ทันจบก็ถูกมือของมีรอพส์ปิดปาก ป้องกันคำพูดล่อแหลมอันเสี่ยงต่อการถูกจับแขวนคอ โทษฐานนินทาเจ้านาย
“ผีเจาะปากเจ้ามาพูดหรืออย่างไร ลูคัส! ใครผ่านมาได้ยินเข้าจะถูกจับแควนคอทั้งคู่”เขาเอ็ด หนาดุขึงขัง “โดยเฉพาะท่านหัวหน้า อย่าเอ่ยให้ได้ยินเชียว ท่านไม่ชอบให้ใครพูดเรื่องนี้”หลังจากที่สหายยอมรับปากสัญญาอย่างแข็งขัน มีรอพส์จึงยอมคลายมือเปิดปากให้
“แล้วนี่จะทำอย่างไรเรื่องเจ้าหญิง หากไปปลุกท่านหัวหน้าในตอนนี้ข้าเกรงว่าจะเป็นเรื่องยากลำบาก แต่พูดตามตรงนะ ข้าไม่อยากให้เจ้าเข้าไปหรอก อยากให้ท่านหัวหน้าพักผ่อนบ้าง เพราะข้าเองก็คิดเช่นเดียวกับที่หลายต่อหลายคนในวังหลวงคิด”เขาหยุดพูด มองดูมีรอพส์ที่ขมวดคิ้วกลับมาแทนคำถามครู่หนึ่ง ก่อนเสริมต่ออย่างรวดเร็ว “ระยะหลังมานี่ท่านหัวหน้าของพวกเราทำงานหนักเกินตัวไปหน่อย จนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน”
“ก็เพราะอย่างนี้ไงเล่าข้าถึงลำบากใจ แต่ถ้าปล่อยไว้ก็ไม่ใช่เรื่องดี”มีรอพส์พูดอย่างกลัดกลุ้มลำบากใจ “ช่วยหาทางหน่อยสิ”
ลูคัสถอนหายใจขณะเบือนสายตาไปยังห้องพักของผู้เป็นหัวหน้า ตลอดระยะเวลาหลายปีที่เป็นทหาร เขาได้เห็นเทเลอัสทำงานหนักหนามามากมาย หลายครั้งต้องเสี่ยงอันตรายต่อชีวิตจนน่าหวาดหวั่น แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่เคยเห็นผู้เป็นหัวหน้าออกอาการสับสนเหนื่อยล้าดั่งเช่นที่เป็นอยู่ในตอนนี้เลย
“ถ้าเป็นเรื่องของเจ้าหญิงคัสซันดร้า นอกจากท่านหัวหน้า คงจะมีแค่อีกคนเดียวที่พอจะเชื่อมือได้”
“ใคร”มีรอพส์ถาม ท่าทางไม่ไว้วางใจ “เจ้าแน่ใจรึว่าคนๆ นั้นจะหาทางรับมือกับเจ้าหญิงไหว”
ลูคัสหัวเราะ “ระดับหัวหน้าราชองครักษ์ มีรึจะไม่ไหว”
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
ระหว่างที่ได้แต่ยืนนิ่งตรง ซาลาคลอสอดสงสัยไม่ได้ว่าตนเองติดนิสัยเสียชอบถอนหายใจพร่ำเพรื่อมาจากเทเลอัสหรืออย่างไร เพราะเริ่มตั้งแต่ลูกน้องของสหายสนิทเอ่ยปากขอให้ช่วย จวบจบกระทั่งที่มายืนคอยระแวดระวัง ขณะที่เจ้าหญิงคัสซันดร้าใช้ลูกตื้อแกมขู่บังคับจนสามารถมาพบกับอาเดรียน่าได้สำเร็จ ซาลาคลอสก็ถอนหายใจติดๆ กันมามากว่าสิบรอบได้
ส่วนอาเดรียน่าที่ร่างกายยังไม่แข็งแรงดีนัก จำต้องพักฟื้นตามคำสั่งของแพทย์หลวง ยังคงกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงใหญ่ในห้องของตน นัยน์ตาสีเทาจับจ้องไปยังผู้มาเยือนซึ่งนางไม่เคยรู้จักหรือพบเจอมาก่อน เจ้าของร่างบางผิวขาวนวลเดินนำเข้ามา ใบหน้าอ่อนวัยนั้นพอเดาได้ว่าอายุคงไล่เลี่ยกับตนเอง ครั้นพอสังเกตเห็นเครื่องแต่งกายซึ่งล้วนเป็นแพรพรรณชั้นดีปักดิ้นเงินทองที่มีแต่บรรดาเชื่อพระวงศ์เท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ ไหนจะยังนางข้าหลวงอีกสามคมคอยติดตามไม่ห่าง อาเดรียน่าก็พอจะคาดเดาได้แล้วว่าตนกำลังเผชิญหน้าอยู่กับบุคคลผู้มีศักดิ์ใด
“เราทราบว่าเจ้าถูกลอบทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงมาเยี่ยม หวังว่าคงไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป”เจ้าหญิงรับสั่ง
“หามิได้เพคะ”อาเดรียน่าตอบกลับ ศีรษะค้อมลงต่ำเล็กน้อยเอ่ยเสียงแผ่วนุ่ม กริยาอ่อนหวานจนซาลาคลอสแอบยกยิ้มมุมปากอย่างนึกชื่นชม ทั้งที่ตนหรือแม้แต่กระทั่งมิลันโธยังไม่ทันได้เอ่ยบอก หากแต่หญิงสาวก็สามารถรับรู้ได้ว่าบุคคลตรงหน้ามีความสำคัญเพียงใด และต้องปฏิบัติตนเช่นไร
ฉลาดสมกับที่ฟาลซีลเคยเล่าให้ฟัง -- ซาลาคลอสคิด ปรายตามองอย่างเงียบงันต่อไป
“ขอบพระทัยในความเมตตาที่มีให้กับหม่อมฉัน”อาเดรียน่ากล่าวเนิบช้า
เจ้าหญิงคัสซันดร้ามองหญิงสาวที่อยู่บนเตียงกว้าง รูปร่างบอบบางน่าถนุถนอม ผิวขาวนวลเนียนต้องตา ใบหน้าที่มีทั้งความหวานตรึงใจและสวยงามผสมผสานกันอย่างเหมาะเจาะลงตัว อีกทั้งกิริยาท่าทางน้อมน้อม เสียงหวานพูดเนิบช้ารู้จักเว้นจังหวะจะโคนเป็นอย่างดี สมกับที่ใครต่อใครพากันบอกเล่าว่าหญิงสาวผู้นี้งดงามหนักหนา แม้กระทั่งเสนาบดีกลาโหมยังเห็นพ้อง
คิดถึงตรงนี้ก็ให้รู้สึกโหวงเหวงในพระทัย อยากยกหัตถ์บางขึ้นทาบอุระแต่ก็ต้องระงับไว้ ข่มความคิดฟุ้งซ่านออกไป แล้วรับสั่งด้วยสุรเสียงแผ่ว
“อาการเป็นอย่างไรบ้าง มีรอยฟกซ้ำอยู่ที่ใดบ้างหรือเปล่า”
“มีเพียงรอยถลอกเล็กน้อยตามแขนขาเพคะ ไม่เป็นอะไรมาก”อาเดรียน่าตอบ ยังคงก้มหน้าเล็กน้อยอยู่เช่นเดิม “ยกเว้นที่ต้นคอเท่านั้นที่ยังปวดหนึบๆ อยู่”
คำตอบนั้นทำเอาซาลาคลอสทำสีหน้าปั้นยาก ยิ่งเมื่อเห็นหญิงสาวเหลืองมองมาพร้อมกับอย่างจงใจสื่อความหมายกับทุกคนในห้อง หัวหน้าราชองครักษ์ก็ได้แต่ถอนหายใจอีกรอบ
เจ้าหญิงคัสซันดร้าน่ะข้าพอคุมไหว แต่กับนักโทษของหัวหน้าพวกเจ้า ดูท่าข้าจะขวางไว้ไม่อยู่
“เจ็บต้นคอ?”เจ้าหญิงกล่าวด้วยทีท่าตื่นตกพระทัย หันไปทางหัวหน้าราชองครักษ์ทันที “พวกที่ลักลอบเข้ามาทำร้ายนางรุนแรงถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ เอ่อ...คือว่า...ความจริง...”ซาลาคลอสอึกอักพูดไม่เต็มปาก ไม่อยากพูดแต่ก็ไม่อยากหลบเลี่ยงเช่นกัน ที่สำคัญ สายตาของอาเดรียน่านั้นฟ้องอยู่ทนโท่ เช่นนี้แล้วจะพลิกแพลงเป็นอื่นได้อย่างไร “อาการเคล็ดขัดยอกบริเวณต้นคอของนาง เกิดจากการที่เสนาบดีกลาโหมใช้สันมือฝาดลงไปพ่ะย่ะค่ะ”
บรรดานางข้าหลวงพากันอุทาน ยกมือขึ้นปิดปากบ้างทาบอกบ้างอย่างตกอกตกใจ เช่นเดียวกับเจ้าหญิงที่ถึงแม้จะคาดเดาไว้บ้างจากท่าทีของอาเดรียน่า ว่าเรื่องนี้เสนาบดีกลาโหมคงมีเอี่ยวด้วย แต่ก็ไม่คิดว่าจะออกมาเป็นเช่นนี้
“ทำไมท่านเสนาฯ กลาโหมจึงทำเช่นนั้น ปกติท่าสุภาพอ่อนโยน และไม่มีทางลงมือทำร้ายผู้หญิง”
“ทูลเจ้าหญิง”อาเดรียน่าเอ่ย พยายามคิดหาทางออกให้ตัวเอง ด้วยหากเสนาบดีกลาโหมยืนกรานจะจับตนขังคุกหลวงอีกรอบ ก็ขอหาพรรคพวกที่พอจะช่วยเหลือตัวเองได้ ยิ่งมากเท่าไรยิ่งดี “หากเป็นหญิงอื่นคงใช่เพค่ะ แต่สำหรับหม่อมฉันถือเป็นกรณียกเว้น”พูดจบก็แสร้งถอนหายใจยาว ทำหน้าสลดเรียกคะแนนสงสาร ตามเคล็ดลับขอความเห็นใจอย่างที่มิลันโธเคยสอนไว้ “ก่อนหน้านี้ตอนถูกขังอยู่ในคุก ท่านเสนาฯ กลาโหมเป็นคนลงมือทรมานหม่อมฉันด้วยวิธีต่างๆ นานา กับแค่การฟาดแรงๆ หนึ่งครั้งลงบนต้นคอคราวนี้ ถือว่าเป็นขั้นปราณีอย่างที่สุด อย่างเทียบเคียงกันไม่ติดเลยเพค่ะ”
ร่างบางของเจ้าหญิงสั่นน้อย พระพักตร์เผือดซีด ขณะหันองค์ไปยังหัวหน้าราชองครักษ์ที่ชิงตอบอย่างรวดเร็ว
“ตอนนั้นอาเดรียน่าถูกเวทย์หุ่นเชิด ท่านเสนาบดีกลาโหมจึงพยายามทำให้นางสลบ เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะพ่ะย่ะค่ะ”ซาลาคลอสแก้ต่างแทนเพื่อน ด้วยไม่อยากให้เจ้าหญิงและนางข้าหลวงทั้งสามตีเจตนาของเพื่อนผิดไป “เขาแค่ทำตามหน้าที่ ไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝง”
เจ้าหญิงพยักพระพักตร์รับรู้อย่างคลายวิตก ในขณะที่อาเดรียน่าแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่ก็คอยสังเกตท่าทีของเจ้าหญิงอยู่ตลอดเวลา และหากจะให้สรุปอย่างคร่าวๆ ก็พอจะบอกได้อย่างค่อนข้างมั่นใจว่า เจ้าหญิงพระองค์นี้ให้ความสำคัญและชื่นชมเสนาบดีกลาโหมอยู่มาก มากจนถึงขั้น...
ฮ่า... อาเดรียน่าอุทานอยู่ในใจ จำต้องค่อยๆ ก้มหน้าถลึงตาใส่ผ้าห่ม ลอบมองพระพักตร์ขาวนวลตานั่นอีกครั้งด้วยความรู้สึกเสียดาย
เจ้าหญิงนะเจ้าหญิง ออกจะสวยเลือกได้ ไม่น่าไปหลงผิดชอบผู้ชายแบบนั้นเลย
“แล้วท่านเสนาฯ กลาโหมว่าอย่างไรบ้าง”เจ้าหญิงหันไปรับสั่งถามหญิงสาวที่กึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงใหญ่ ท่าทางห่วงกังวลชัดเจน “เจ้าจะถูก...เอ่อ ลงโทษอีกไหม”
คำถามที่ถูกส่งมานั้นทำให้หญิงสาวเม้นริมฝีปากแน่น สีหน้าเคร่งเครียด “ตั้งแต่เกิดเรื่องหม่อมฉันยังไม่ได้เจอกับท่านเสนาฯ กลาโหมเลยเพค่ะ”นี่ล่ะคือสิ่งที่อาเดรียน่าหวั่นใจที่สุด หากเทเลอัสเกิดดื้อทวนกระแส ไม่ยอมฟังใครแล้วจับนางโยนกลับเข้าไปในคุกหลวงอีกรอบ มีหวังคราวนี้ได้ถูกทรมานจนตายแน่ๆ
“ท่านเสนาฯ กลาโหมไม่ได้มาที่นี่เลยอย่างนั้นหรือ? แต่...จะว่าไป ตอนเข้าเฝ้าเจ้าพี่ ท่านเสนาฯ ก็ไม่อยู่นี่ ใช่ไหม ท่านหัวหน้าราชองครักษ์”
ซาลาคลอสค้อมศีรษะลงเล็กน้อย ก่อนเอ่ยตอบ “เทเลอัสอยู่ในช่วงพักฟื้นพ่ะย่ะค่ะ – ไม่ได้เป็นอะไรมาก เพียงแค่ร่างกายอ่อนเพลีย เพราะต้องใช้พลังทำลายเวทย์หุ่นเชิดซึ่งใช้เวลานานหลายชั่วโมง กว่าจะสำเร็จก็ค่อนสว่าง”เขารีบเสริมอย่างเร็วเร็วเมื่อเห็นว่าเจ้าหญิงทรงมีท่าทีตื่นตระหนก ตรงกันข้ามกับหญิงสาวผู้ถูกช่วยชีวิต ที่ดูท่าทางจะไม่ยินดียินร้ายกับเรื่องนี้เลย
“ถ้าเช่นนั้น...”เจ้าหญิงรับสั่งด้วยสุรเสียงแผ่วราวกระซิบ “เราไป...”
“อย่างที่กระหม่อมได้กราบทูลไปแล้วว่าเทเลอัสไม่ได้เป็นอะไรมาก นอนพักสักหนึ่งวันก็กลับมาแข็งแรงดั่งปกติแล้วพ่ะย่ะค่ะ ขอเจ้าหญิงอย่าได้กังวล”ซาลาคลอสที่ดูออกตั้งแต่แรกเอ่ยขัด ท่ามกลางสายตาขอบคุณอย่างซาบซึ้งของนางข้าหลวงทั้งสาม ที่นั่งอยู่บนพื้นไม่ใกล้ไม่ไกล ก่อนจะเงยหน้าขึ้นกล่าวอีกครั้งกับเจ้าหญิง ที่บัดนี้พระปรางค์ทั้งสองระเรื่อเป็นสีชมพู ก้มพักตร์ซ่อนท่าทีขวยเขิน “เจ้าหญิงเสด็จกลับเถอะกระหม่อม ใกล้ได้เวลาเสวยมื้อกลางวันแล้ว เดี๋ยวพระราชินีจะรับสั่งหา”
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
กาแฟเย็นIcedcoffee
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 พ.ค. 2557, 11:15:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 พ.ค. 2557, 11:15:01 น.
จำนวนการเข้าชม : 817
<< บทที่ 8 | บทที่ 10 >> |