บ่วงรักนายพราน
เรื่องชุลมุน ซุ่มซ่าม เข้าใจผิดของธีรดากับจอมวายร้ายปารินทร์ เจ้าของคำจำกัดความ หล่อ สปอร์ต ใจดี รักหมา(ไม่น่ารอด) 'หากใครจะคิดว่าผมกำลังคบกับใคร ผมอยากให้ใครต่อใครคิดว่าผมคบกับคุณ'

การรู้สึกว่า 'ใช่' กับใครสักคนไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน ปารินทร์รู้สึกว่าธีรดา 'ใช่' สำหรับเขา แต่กลับพบในภายหลังว่าเธออาจเป็นผู้หญิงที่เข้ามาทำลายความรักของน้องสาว การเอาคืนในแบบชิงไหวชิงพริบที่ใช้ธุรกิจบังหน้าทั้งที่เป็นเรื่องของหัวใจล้วนๆ จึงเกิดขึ้น
Tags: ความรัก ภาคต่อ หวานรักพยัคฆ์ร้าย

ตอน: ตอนที่ 5...50%

ตอนที่ 5

ปารินทร์ถ่ายรูปโคมลอยของเขากับธีรดาที่กำลังรวมกับโคมลอยดวงอื่นๆ ถึงจะไม่ได้มีมากมายอะไร แต่พื้นที่แคบๆ ในเฟรมภาพของเขานั้นราวกับมีดวงดาวแสนสวยทอเด่นใกล้มือจนแทบเอื้อมถึงได้อย่างง่ายดาย ทุกคนพากันมองดวงไฟที่ตนเองจุดโดยมีรอยยิ้มประดับที่ใบหน้า อย่างน้อยความเชื่อก็ทำให้เกิดความสบายใจ แม้ไม่รู้ว่าสิ่งที่คาดหวังจะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ตาม เสียงถอนใจเบาๆ จากคนข้างๆ ทำให้เฟรมของภาพเปลี่ยนมายังใบหน้าของคนที่จุดโคมร่วมกับเขาเป็นครั้งแรกในชีวิต
“ฉันไม่ได้ลบหลู่หรอกนะคุณ ฉันลอยโคมทุกปี แต่ก็อย่างที่คุณเห็น สงสัยความซวยของฉันมันเยอะ เพราะฉะนั้นพรของคุณฉันขอให้คุณเองก็แล้วกัน” เธอบอกเขาเมื่อโคมของเราแสงไฟเริ่มริบหรี่
กล้องถูกเลื่อนลงจากสายตา เพื่อที่ปารินทร์จะได้มองเธอด้วยสายตาของเขาเอง ธีรดาหันมามองเขา มันคงไม่เกิดอะไรให้อุ่นวาบในอกหากว่าเขาจะไม่เอ่ยคำที่ทำให้อยากหลงตัวเองว่า
“บางทีความซวยอาจพาบางอย่างที่ดีมาให้ก็ได้”
“คุณนี่มองโลกแบบบวกดีเนอะ” เธอหันกลับไปมองโคมที่กำลังค่อยๆ ดับ ถึงจะอยากกระโดดลงจากคานแค่ไหน เธอก็ไม่ใจเร็วด่วนได้รู้สึกพิเศษกับใครในเวลาอันสั้นเด็ดขาด
“คุณก็เหมือนกันนั่นแหละ”
ปารินทร์ยกกล้องขึ้นถ่ายโคมลอยที่ค่อยๆ ลดจำนวนลงเรื่อยๆ เมื่อไส้โคมหมดลง จนกระทั่งท้องฟ้ากลับมาเด่นด้วยแสงจันทร์สว่างเรืองเพียงลำพังอีกครั้ง ธีรดาพาเขาไปเข้ากลุ่มนักท่องเที่ยวที่กำลังสนุกสนานเมื่อเริ่มดีดกีตาร์ร้องเพลงกัน
หญิงสาวแอบมองเขาจนกระทั่งถูกมองตอบเลยขอตัวขึ้นบ้านไปก่อน ตอนนี้นิยามของปารินทร์คงเปลี่ยนไป หล่อ แสนดี คงมีแฟนแล้ว เลิกเพ้อดีกว่าไหม วันนั้นคนชื่อพิชนั่นไงอาจจะเป็นแฟนของเขา อยากได้เครื่องย้อนเวลาจริงๆ ถ้ามีนะเธอจะย้อนเวลาไปทำความรู้จักปารินทร์ก่อนที่แฟนของเขาจะมา ฮ่าๆ อย่างนี้ค่อยมีลุ้นหน่อย

ตี 5 ครึ่ง ธีรดาออกมารอปารินทร์โดยมีลุงสอนเป็นคนขับรถกระบะสี่ประตูให้ เมื่อวานเธอนัดแนะเวลากับเขาตอนขับรถกลับมาที่บ้านหลังจากออกจากโรงพยาบาล เลยไม่แน่ใจนักว่าเขาจะจำได้หรือเปล่า แต่ถึงจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เธอกำลังอยากไปที่นั่นอยู่พอดีเหมือนกัน
เช้านี้วิราวัณจัดโปรแกรมปีหน้าผานัดรวมตัวกันตอน 7 โมงเช้า ยังไม่มีโปรแกรมทะเลหมอกเพราะทางขึ้นดอยใกล้ๆ ปางไม้ค่อนข้างชันมากยังต้องพัฒนาก่อน เกรงว่าจะเกิดอันตรายต่อนักท่องเที่ยวได้ เธอกับธีมาวางแผนไว้ว่ากิจกรรมทะเลหมอกจะเพิ่มเข้ามาในปีหน้า
ธีรดายืนรอปารินทร์อยู่ประมาณ 5 นาทีก็เห็นว่ามีคนเดินจากรีสอร์ตแล้วมุ่งหน้ามาทางนี้ ตรงบริเวณสนามหญ้าโล่งมีเต็นท์หลายหลังกางอยู่ บางคนชอบนอนกลางธรรมชาติ ทางปางไม้ก็มีบริการให้เหมือนกัน
“ทางนี้ค่ะคุณสิงห์”
ธีรดาเปิดประตูเข้าไปนั่งข้างหน้ากับลุงสอน ปารินทร์เลยเปิดประตูเข้าไปนั่งด้านหลัง เขายิ้มให้ลุงสอนที่หันมายิ้มให้เหมือนกันเพราะจำได้ว่าไปช่วยกั้นอ่างเก็บน้ำเมื่อคืน
“ไปกันเลยค่ะลุงสอน เพื่อนของกวางเล่นกล้องค่ะเลยอยากได้วิวสวยๆ กวางเลยอยากพาเขาไปที่หน้าผาของแม่ ตรงนั้นสวยที่สุด”
“เอางั้นเลยหรือครับ ถ้าพ่อเลี้ยงรู้สงสัยงอนคุณกวางแน่ๆ” เหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้น แต่ไม่ได้มาจากเรื่องนี้ ใครๆ ก็รู้ว่าพ่อเลี้ยงธีมางอนมากกว่าคู่แฝดเสียอีก
“รายนั้นทำห้าว แต่เซ้นซิทีฟจะตาย ถ้าไม่อยากให้กวางโดนบ่น ห้ามบอกเด็ดขาดค่ะ” หญิงสาวหัวเราะชอบใจ แต่ปารินทร์รู้สึกไม่สบายใจนัก
“ถ้ามันจะเป็นปัญหา...”
“ฉันอยากอวดน่าคุณ ลุงสอนออกรถเลยค่ะ เดี๋ยวไม่ทันตอนพระอาทิตย์ขึ้น”
ลุงสอนออกรถตะบึงไปท้ายปางไม้ทางทิศตะวันออกทันที ธีรดาหันมายื่นข้าวเหนียวย่างไส้เผือกให้ปารินทร์ ส่วนลุงสอนเรียบร้อยไป 2 ห่อรวดแล้ว ออกมาแต่เช้าแบบนี้ต้องมีอะไรรองท้อง เขารับมาแล้วหยิบไม้กลัดออกลองกินดูกลิ่นหอมของเผือกและข้าวเหนียวที่ย่างทำให้เกิดความอร่อยขึ้นมาทันที พอกินหมดหญิงสาวยังส่งมาให้อีกเขาเลยไม่ขัดศรัทธา ของกินบ้านๆ บางครั้งก็อร่อยกว่าของกินราคาแพงที่กินตามมารยาทมากมาย

ภูเขาลูกใหญ่แต่ไม่ถึงกับใหญ่ที่สุดคือปลายทางที่ลุงสอนขับรถมาจอด ธีรดาสวมเสื้อกันหนาวก่อนลงมาจากรถ ในขณะที่ปารินทร์ใส่เสื้อแขนยาวมาพร้อมตั้งแต่แรกอยู่แล้ว พอเห็นทางขึ้นก็ชักนึกถึงธีมาแฮะ ปกติแล้วเราจะมาที่นี่ด้วยกันจนกระทั่งงานทำให้เราต้องต่างคนต่างมาเมื่อมีเวลา
“เดี๋ยวผมรอข้างล่างนะครับคุณกวาง” ลุงสอนบอกรู้อยู่แล้วว่าไม่ควรขึ้นไป แม้ว่าได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปได้ก็ตาม
“ค่ะลุงสอน หลับรอไปก่อนก็ได้ ไม่เกินชั่วโมงก็ลงมาแล้วค่ะ”
ธีรดาเดินนำปารินทร์มายังทางขึ้นซึ่งไม่ได้มีอะไรปิดกั้นหรือมีประตูไม่ให้คนนอกล่วงล้ำ คนงานที่นี่รู้ดีว่าจะไปที่ไหนของปางไม้ก็ได้ ยกเว้นที่นี่ ตลอดเวลาที่ผ่านคงมีคนแอบขึ้นไปข้างบนบ้าง แต่ไม่รู้ก็ไม่เป็นอะไร ในเมื่อไม่มีความลับอยู่บนนั้น มีเพียงความทรงจำของวันคืนดีๆ เท่านั้น
“ลำบากหน่อยนะคุณ มันยังเป็นทางขึ้นธรรมชาติอยู่ อาจมีชันบ้าง เดินสบายบ้าง”
ปารินทร์มองขึ้นไปตามทางก่อนจะหันมามองธีรดา “ผมว่าคุณแค่คอยบอกทางก็พอนะ ที่เหลือผมจัดการเอง รวมทั้งการหิ้วคุณขึ้นไปด้วย สภาพแบบนี้กว่าจะถึงคุณคงหมดแรงเพราะแบกเฝือกก่อนแน่ๆ”
“อยากเถียงนะ แต่มันจริงของคุณ” เธอหัวเราะก่อนจะแยกเขี้ยวใส่แล้วเดินเคียงเขาไป ทางขึ้นค่อนข้างกว้างพอให้เดินได้สบายไม่เบียด ยังดีที่ฝนไม่ตก ไม่อย่างนั้นคงลื่นกันสนุกล่ะ
เราเดินไปด้วยกันตรงไหนชันมากปารินทร์จะเดินขึ้นก่อนแล้วค่อนยื่นมือมาให้ธีรดาจับแล้วดึงให้เดินขึ้นมาด้วยกัน ไม่เหนื่อยแรงเท่าไหร่ แต่พอยิ่งเดินขึ้นก็ยิ่งชันและทางค่อยๆ แคบลงจนต้องเดินเรียงกันไป
“ถ้าไม่สบายใจก็จับแขนเสื้อผมไว้แล้วกัน จากตรงนี้ไปก็เดินไปตามทางเลยใช่ไหม”
“ค่ะ พอถึงทางแยกให้ไปทางขวา ถ้าไปทางซ้ายเราอาจได้ตกผาตายด้วยกัน” เธอบอกไม่อยากเล่าว่านานมากแล้วตั้งแต่เธอยังไม่เกิดแม่เล่าว่าเคยมีคนตกไปตาย ทำให้เวลามาเองคนเดียวก็เสียวหลังเวลาถึงทางแยกอยู่บ้าง
ปารินทร์หยุดเดินแล้วยื่นแขนเสื้อให้ธีรดาจับ พอเธอทำตามที่เขาสั่งก็เดินต่อ แต่พอทางชันขึ้นจากที่จับแขนเลยต้องเปลี่ยนมาจับข้อมือของเขาแทน แต่เขาคงไม่ถนัดเลยเปลี่ยนใจเป็นฝ่ายมาจับมือเธอเสียเองพลางพูดเสียงเบาว่า...ขอโทษนะ ในขณะที่เธอตอบกลับไปเบาๆ เช่นกันว่า...ขอบคุณ ถึงจะเป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ แต่สำหรับเธอแล้วมันกลับเป็นแง่มุมของผู้ชายที่ให้เกียรติผู้หญิง
“ทำไมไม่ทำให้ทางขึ้นง่ายกว่านี้ล่ะคุณ ถ้ามาคนเดียวเกิดลื่นล้มไปใครจะรู้ล่ะ” สิงห์ถามด้วยความสงสัย ขนาดผู้ชายยังบอกตรงๆ เลยว่าเหนื่อยแรง แล้วผู้หญิงขึ้นมาคนเดียวไม่เหนื่อยแย่หรือ
“คุณถามฉันเหมือนที่พ่อเคยถามเลยแฮะ ฉันน่ะอยากเปลี่ยนให้ทุกอย่างมันง่ายขึ้น แต่นายเสือไม่อยากเปลี่ยนที่ที่แม่ชอบมานั่งมองวิว ใครพูดยังไงก็ไม่ยอมเปลี่ยน อยากให้ทุกอย่างเหมือนเดิม”
คนถามขมวดคิ้วเสียเอง ดูเหมือนว่าหลายครั้งแล้วที่เขาได้ยินธีรดาพูดถึงผู้ชายคนนี้ตลอด จนเขาห้ามตัวเองไม่ทัน อดใจไม่ไหวโพล่งถามออกไป ทั้งที่ไม่เคยยุ่งเรื่องส่วนตัวของใคร
“ใครคือนายเสือของคุณ”
“คู่แฝดของฉันเองค่ะ เรามีกันแค่สองคน เพราะแขนฉันเดี้ยง เราเลยสลับงานกันทำ ตอนนี้บานชื่นมันได้พ่อใหม่คอยดูแลแล้ว หายห่วง”
“แล้วใครพ่อคนเดิม” เขาถาม เริ่มอยากรู้ว่าเธอมีผู้ชายในชีวิตกี่คนกัน
ธีรดามองปารินทร์แล้วหัวเราะชอบใจ ชักไม่แน่ใจแล้วสิว่าหากพูดออกไปจะถูกค้อนใส่แล้วตามมาด้วยการปล่อยมือจบท้ายด้วยคำพูดอย่างเช่น...เดินเองก็แล้วกันนะ หรือเปล่า ชายหนุ่มหันมามองจนคล้ายจ้องเมื่อเสียงหัวเราะของเธอทำให้อยากรู้คำตอบขึ้นมาจริง ๆ
“ก็คุณไง คุณช่วยมันไว้ก็ต้องรับหน้าที่เป็นพ่อของมันด้วย”
อึ้งไปเกือบวินาที ก่อนที่พ่อหมาที่ถูกแต่งตั้งให้อย่างไม่รู้ตัวจะหัวเราะตามแม่หมา ไม่เคยพบไม่เคยเจอมาก่อน ขนาดเขาเลี้ยงหมายังไม่เคยตั้งตัวเองว่าเป็นพ่อของพวกมันเลย
“คุณนี่เหลือเชื่อจริงๆ”
ธีรดายิ้มกว้างเพราะคิดเองไปแล้วว่าเขากำลังชมกลับมา เราเดินไปหัวเราะกันบ้าง คุยกันเรื่องทางที่มันเริ่มชันน้อยลง แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ยังไม่ปล่อยมือ เธอเลยไม่พูดทักอะไร เดี๋ยวจะทำให้บรรยากาศยามเช้าอึมครึมเสียเปล่าๆ ใช้เวลาพอเหงื่อไหลจากขมับลงมาที่แก้ม เราก็มาถึงลานโล่งที่ไล่ระดับออกเป็นชั้นๆ ทำให้ไม่น่ากลัวเหมือนหน้าผาอีกฝั่งที่ไม่มีอะไรนอกจากหน้าผาและความว่างเปล่าด้านล่าง
ท้องฟ้ากำลังแปรเปลี่ยนจากน้ำเงินเข้มหม่นดำเป็นฟ้าอ่อนลงก่อนจะถูกฉาบทับด้วยแสงทีส้มอ่อนๆ ที่ค่อยๆ ทอประกายขึ้นมาจากปลายเมฆที่เห็นไกลเกินเอื้อม
“เร็วๆ ค่ะ พระอาทิตย์กำลังจะขึ้นแล้ว”
ปารินทร์ตั้งขากล้องแล้วใส่กล้องที่ขาตั้งทุกอย่างเขาทำได้อย่างคล่องแคล่วรวดเร็วและถูกต้อง ทำให้ได้ภาพพระอาทิตย์กำลังโผล่ออกมาจากก้อนเมฆทีละนิดๆ จนกระทั่งส่องสว่างจนเกิดแสงเจิดจ้าในยามเช้า หมอกจางๆ ที่เห็นเมื่อตอนขึ้นมาค่อยๆ สลายตัวจนกระทั่งเห็นวิวด้านล่างชัดเจน ใบไม้สีเขียวทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างท้องฟ้ากับพื้นล่างสีเขียว ช่างกลมกลืนเมื่อสิ่งที่มนุษย์สร้างกับสิ่งที่ธรรมชาติสรรค์ได้มารวมกันในเช้าวันนี้
“ขอบคุณที่พาขึ้นมา ที่นี่สวยจนผมเข้าใจแล้วว่าทำไมคุณกับคู่แฝดถึงไม่ยอมแบ่งความงามนี้ให้ใคร”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก เราไม่ได้หวง แต่อยากเก็บที่นี่ไว้เป็นความทรงจำต่างหากล่ะ”
เมื่อเกือบ 30 ปีก่อนตรงที่เธอกับเขายืนอยู่ พ่อได้ขอแม่แต่งงาน เพียงแต่ตอนนั้นเป็นเวลาโพล้เพล้พระอาทิตย์กำลังจะตกดินไม่ใช่พระอาทิตย์กำลังขึ้นอย่างในตอนนี้ แล้วในอีก 1 ปีต่อมา เธอกับธีมาก็ได้เกิดมาเป็นลูกสาวและลูกชายของพ่อกับแม่
ปารินทร์ยิ้มเมื่อพอเดาได้ว่าที่ตรงนี้คงมีความหมายมากกว่าการเก็บไว้เป็นที่ระลึก เขาปลดกล้องออกจากขาตั้งแล้วตามเก็บภาพในมุมต่างๆ
“ไม่น่าเชื่อแฮะว่ามันจะยังอยู่”
“อะไรหรือ” เขาหันมาถามก็เห็นธีรดากำลังหยิบกล่องขนมคุกกี้ที่ขึ้นสนิมออกมาจากซอกหินที่มีช่องให้ใส่กล่องขนาดใหญ่กว่ามือได้สบายๆ โดยมีหินอีกก้อนทำหน้าที่ปิด
ธีรดาเปิดกล่องอลูมิเนียมทำหน้าอย่างกับการเพิ่งรับของขวัญอย่างไรอย่างนั้น ปารินทร์อยากรู้เลยนั่งลงข้างๆ แล้วรอดูอย่างตั้งใจ
“ตุ๊กตากระดาษเนี่ยนะ” ชายหนุ่มเอียงกล้องถ่ายของล้ำค่าของธีรดา
“โหย ของเล่นสุดฮิตตอนฉันเด็กๆ เลยนะ ฉันกับเสือจะมีช่องลับเก็บของที่อยากเก็บตรงนี้ มีแต่ของฉันแฮะ สงสัยเสือคงมาเอาหุ่นยนต์ไปแล้วละมั้ง ไม่บอกกันบ้างเลย”
หญิงสาวหยิบตุ๊กตากระดาษออกมาดูทีละตัวรวมทั้งชุดที่ตุ๊กตาใช้เปลี่ยน แล้วยังพวกของแต่งผม รองเท้า โบว์ สารพัดจินตนาการของเด็กที่อยากแต่งให้ตุ๊กตาสวยเหมือนคน พอสำรวจจนครบเธอกลับเก็บทุกอย่างกลับไปแล้วปิดฝากล่องกำลังจะนำไปเก็บไว้ที่เดิม
“แล้วไม่เอากลับไปเหรอ”
“ไม่ล่ะ ฉันอยากเก็บไว้เป็นที่ระลึก เอาไว้อีกสัก 10 ปีค่อยมาเอาลงไป มันคงดีนะถ้าเราเก็บของสำคัญได้ถึง 25 ปี โดยที่มันยังอยู่ในสภาพเดิม” แน่ละ เธอจำได้ว่าเอาตุ๊กตากระดาษมาเก็บไว้ที่นี่ตั้งแต่อายุ 13 เวลาผ่านไปเร็วจนไม่อยากเชื่อว่ามันอยู่ตรงนี้มานานถึง 15 ปีแล้วจริงๆ
“ถ้างั้นผมฝากเก็บของด้วยสักอย่างสิ”
“ได้สิคุณ อยากเก็บอะไรล่ะ” เธอเปิดฝากล่องอีกรอบ ความเป็นเด็กเกิดขึ้นได้เสมอไม่ว่าเราจะอายุเท่าไหร่
ปารินทร์มองหาสิ่งที่ใส่ติดตัวมา นอกจากกล้องแล้วก็มีสร้อยแล้วก็แหวนรุ่นที่เขาใส่ติดนิ้วไว้ ไม่ใช่เพราะว่าสำคัญ แต่เพราะเขาใส่มานานจนเริ่มชินในการมีมันที่นิ้วก็แค่นั้นเอง ชายหนุ่มถอดแหวนออกมาจากนิ้วก้อยแล้วหย่อนลงไปในกล้องที่เต็มไปด้วยตุ๊กตากระดาษ
“นี่แล้วกัน ผมมักทำหายแล้วต้องตามหาประจำ ฝากให้คุณเก็บสัก 10 ถ้าคุณไม่ลืมเตือนผมจะกลับมาเอา”
“แล้วถ้ามันหาย ฉันจะทำยังไงล่ะคุณ ทองคำขาวเชียวนะ” ธีรดาชักเสียดายแทน เขาอาจจะได้เห็นแหวนวงนี้เป็นครั้งสุดท้ายก็ได้นะ แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้กังวลอะไรเลย
“อีก 10 ปี ผมค่อยบอกแล้วกันถ้ามันไม่อยู่แล้ว”
“ก็ได้ ตอนนั้นเราอาจจะลืมกันทั้งคู่ก็ได้ เตรียมใจไว้บ้างก็ดีนะคุณ” เธอยิ้มให้เขาก่อนจะปิดฝากล่อง
กล่อมที่เต็มไปด้วยสนิมด้านนอก แต่ภายในยังเงาวับถูกดันเข้าไปจนสุดพื้นที่ระหว่างก่อนหิน ปารินทร์ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก โดยมีธีรดาเป็นนางแบบ เธอแบมือขอกล้องแล้วให้เขาไปยืนเป็นนายแบบบ้าง พอถ่ายเสร็จหินที่ปิดก็ถูกดันเข้าจนแน่นด้วยแรงของเจ้าของแหวน อีก 10 ปีข้างหน้ามันจะยังอยู่ตรงนี้หรือว่าหายไป ไม่มีใครรู้



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 พ.ค. 2557, 09:50:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 พ.ค. 2557, 09:50:12 น.

จำนวนการเข้าชม : 1300





<< ตอนที่ 4...100%   ตอนที่ 5...100% >>
แว่นใส 5 พ.ค. 2557, 23:11:29 น.
กำลังหวาน


แล่นแต๊ 6 พ.ค. 2557, 00:45:35 น.
น่ารักค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account