หัวใจเดิมพันรัก
หนี้สิน ฆ่าตัวตาย ชีวิตใหม่ ความรัก และอุปสรรค โชคชะตาจะนำพาไปในทิศทางใด....
Tags: หนี้สิน

ตอน: บทที่ 7

บทที่ 7

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนรุดหน้าไปอย่างช้าๆ สองหนุ่มสาวใช้เวลาเรียนรู้ซึ่งกันและกันในแบบที่ต่างมุมมอง คนหนึ่งพยายามระลึกอยู่เสมอว่าอีกคนคือผู้มีพระคุณ ส่วนอีกคนก็ใช้ความประทับใจส่วนตัวศึกษาธรรมชาติของอีกฝ่ายเพื่อปรับระดับความสัมพันธ์ให้แนบชิดยิ่งขึ้น

ภาพของหญิงสาวที่รอบกายมีแต่ความเศร้าและท้อแท้ หมดหวังกับชีวิตค่อยๆ จางหายไปแทนที่ด้วยภาพของคนที่มีเสียงหัวเราะสดใส มีมุมมองที่น่ารักและขยันขันแข็งไม่เกี่ยงงาน มองโลกในแง่ดีมากขึ้น รวมถึงทำใจยอมรับเรื่องราวต่างๆ ได้เกือบทั้งหมด ตั้งหน้าตั้งหน้าทำงานเพื่อใช้หนี้ที่ตัวไม่ได้ก่อด้วยความอดทน

“เสร็จหรือยังพาย” ภูมิรพีถาม หลังจากที่ปล่อยให้คนเป็นหนี้เข้าคิวจ่ายชำระหนี้ที่ตู้รับชำระเงินอัตโนมัติหน้าศูนย์บริการคนอยากเป็นหนี้เป็นเวลาพอสมควรแล้ว

“เสร็จแล้วค่ะ มาจ่ายก่อนวันครบกำหนดคนไม่เยอะค่ะ ถ้ามาจ่ายตามใบแจ้งหนี้ มีหวังรอเป็นชั่วโมง” คนตัวเล็กกว่าตอบเสียงชดชื่นไร้ความกังวลใดๆ ทั้งปวง

“ยังค้างเขาอีกเยอะหรือเปล่า”

“ก็เยอะเหมือนกันค่ะ ถ้าทยอยจ่ายขั้นต่ำแบบนี้ก็คงอีกปีกว่าพายถึงจะเป็นไทค่ะ” พิจิกาคำนวณระยะเวลาคร่าวๆ ที่ตนยังต้องอดทนทำงานเพื่อหาเงินมาชดใช้ให้คนอื่น

“อย่ามองไปไกลๆ สิ มองแค่ใกล้ๆ ก็พอจะได้ไม่ท้อ อีกอย่างเวลาปีๆ หนึ่งผ่านไปเร็วจะตาย” คนไม่มีหนี้หรืออาจจะมีหนี้ก้อนมหาศาลที่ก่อไว้เพื่อขยายธุรกิจปลอบอย่างเข้าใจ

“เฮ้อ! หนี้ส่วนบุคคลพายไม่หนักใจหรอกค่ะ แต่หนี้รถสิคะไม่รู้จะจบยังไง” หญิงสาวถอนใจอีกเฮือก เพราะได้รับใบทวงหนี้จากบริษัทปล่อยสินเชื่อรถยนต์มาเป็นระยะๆ โชคดีที่ทำตามคำแนะนำของภูมิรพี ให้เปลี่ยนที่อยู่ในการจัดส่งเอกสาร ทำให้เธอได้รับรู้การผ่อนจ่ายที่ไม่สม่ำเสมอของปาณชัย

“จะจบยังไงมันก็ต้องจบใช่ไหม เมื่อถึงตอนจบเดี๋ยวเราก็รู้เองว่าจะจบแบบไหน ซึ่งถ้าถึงเวลานั้นต่อให้มันจบแบบเจ็บๆ เราก็ต้องยอมรับมันให้ได้ เข้าใจหรือเปล่า”

“เข้าใจค่ะ เมื่อมันยังมาไม่ถึง ช่วงนี้พายก็ต้องรีบใช้หนี้ รีบเก็บเงินเอาไว้ เผื่อโดนฟ้องเนอะพี่ภูมิเนอะ” พิจิกายิ้มอย่างไม่วิตกกังวลนัก ช่วงเวลาที่ผ่านมาทำให้จัดการกับระบบความคิดและมองชีวิตด้วยความเข้าใจมากขึ้น ชีวิตไม่สิ้นก็ดิ้นกันไป จะมัวฟูมฟายให้ชีวิตอับจนทำไม

“ใช่แล้ว เราต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุด แล้วอนาคตก็จะดีเอง แต่ตอนนี้พี่ว่าเราไปหาอะไรกินกันดีกว่า อิ่มแล้วจะได้กลับบ้านกัน”

“ตกลงค่ะ” จากนั้นสองหนุ่มสาวก็เติมพลังด้วยอาหารง่ายๆ ที่มีศูนย์อาหารของห้าง


ระหว่างที่เดินทางกลับสวนส้มพนารักษ์ของเจ้านายและลูกน้อง บทสนทนามีอันต้องหยุดชะงัก เมื่อมี เสียงเพลงก็ดังขึ้นจากกระเป๋าสะพายของฝ่ายผู้รั้งตำแหน่งพนักงาน มือเรียวควานหาที่มาของเสียง แล้วก็ต้องถอนใจเฮือกใหญ่ ‘บ่นถึงผี ผีก็มาโผล่มา ให้ตายสิ’

“สวัสดีค่ะ” พิจิกากล่าวทักทายอย่างเหนื่อยหน่าย ใจน่ะไม่อยากรับสายคนๆ นี้หรอก แต่เมื่อหันไปสบหน้าคนขับที่มองมาอย่างสงสัย ทั้งยังสื่อถึงความห่วงใยและส่งกำลังใจมาให้ ดุจเขารู้ว่าปลายสายคงมีเรื่องรำคาญใจมาให้เธออีกแล้ว ทำให้ต้องกดปุ่มบนเครื่องก่อนจะนำมาแนบหู

“พาย นี่ปิงเองนะ”

“...” เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับใดๆ คนที่ติดต่อมาก็เริ่มหวั่นใจ แต่ก็ยังเลือกเปิดบทสนทนาต่อไป

“ปิงไม่ได้ผ่อนรถมาสองเดือนแล้ว เดือนนี้เข้าเดือนที่สาม พายช่วยเหลือปิงหน่อยได้ไหม ช่วยเอาเงินไปผ่อนรถให้ปิงสักเดือน ปิงหาเงินไม่ทันจริงๆ”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันหรือคะ” พิจิกาถามกลับด้วยน้ำเสียงสุภาพและเหินห่าง

“อย่าลืมสิว่าพายเป็นคนค้ำประกันรถคันนี้นะ ถ้ารถขาดส่งค่างวดเกินสามเดือน ทางบริษัที่ให้สินเชื่อก็ต้องติดตามทวงถาม ซึ่งพายก็ต้องเดือดร้อนด้วย ยังไงก็ถือว่าเราช่วยกันนะ แล้วถ้าปิงหาเงินได้จะรีบคืนพายทันทีเลย” คนเดือดร้อนกับเรื่องนี้จริงๆ ขู่แกมขอร้องอย่างหน้าไม่อายที่สุด

“เดือดร้อนงั้นหรือ ฉันเดือดร้อนเพราะคุณมามากพอแล้ว ตอนนี้ความเดือดร้อนของคุณก็ยังอยู่กับฉัน ไม่ไปไหนเลย ถ้าต้องเดือดร้อนอีกสักเรื่องจะเป็นอะไรไป” คนอ่อนแอคนก่อนได้ตายจากไปแล้ว พิจิกาบอกกับตัวเอง

“พูดแบบนี้แสดงว่าพายจะไม่ช่วยปิงใช่ไหม” ปาณชัยพูดอย่างหัวเสีย ก่อนหน้าจะติดต่ออดีตคนรัก เขาเชื่อว่าเธอต้องยอม เพราะผู้หญิงอย่างพิจิกาไม่ยอมปล่อยให้พ่อแม่ร้อนใจด้วยเรื่องที่ตนก่อไว้แน่ๆ ซึ่งทางเดียวที่จะทำให้บุพการีไม่รู้เรื่องก็คือ ต้องยอมหาเงินไปผ่อนค่างวดให้เขาก่อน

“แล้วมันธุระอะไรของฉันล่ะคะ ในเมื่อรถคันนั้นฉันไม่เคยได้ใช้มันด้วยซ้ำ คุณกับภรรยาของคุณเป็นคนใช้มัน ถ้าไม่มีปัญญาผ่อนก็คืนเขาไปสิคะ หรือไม่ก็ขายทิ้งไปซะ” เป็นครั้งแรกที่ภูมิรพีได้เห็นความเด็ดเดี่ยวของผู้ช่วยสาว

“ช่วยปิงแค่นี้ไม่ได้หรือพาย ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น” คนต้นปลายสายพยายามระงับสติอารมรณ์ ลดความเข้มของเสียงลงมาในแบบกึ่งขอร้องและขอความเห็นใจ

“แล้วตอนนั้นคุณช่วยอะไรฉันบ้างหรือเปล่าคะ ฉันคิดว่าทุกวันนี้ฉันก็ช่วยคุณมามากพอแล้ว ฉันต้องหาเงินมาใช้หนี้แทนคุณอยู่ทุกเดือน ยังไม่เรียกว่าช่วยเหลือคุณอีกหรือคะ” น้ำเสียงนั้นราบเรียบจนอีกฝ่ายอึ้งไป

“ปิงรู้และไม่เคยคิดจะเบี้ยวพายเลยนะ ที่ไม่ได้ส่งเงินให้เลยเพราะหาเงินไม่ทันจริงๆ แค่ค่าใช้จ่ายประจำเดือนมันก็แทบไม่พอแล้ว ถ้าปิงมีจะรีบคืนให้ แต่ตอนนี้พายช่วยปิงก่อนได้ไหม อย่างน้อยพายก็น่าจะนึกถึงเรื่องดี ๆ ระหว่างเราบ้างนะ” คนในอดีตเริ่มขุดคุ้ยความทรงจำเก่าๆ ขึ้นมาหว่านล้อม

“ตอนคุณบอกเลิกฉัน คุณเคยนึกถึงมันบ้างไหม คุณไม่ให้โอกาสฉันพูดด้วยซ้ำ ตอนนี้คุณจะมาให้ฉันนึกถึงเรื่องเก่าๆ ให้มันได้อะไรขึ้นมา แล้วตอนนั้นคุณก็รู้ว่าฉันตกงาน ฉันจะมีปัญญาหาเงินมาใช้หนี้ให้คุณได้ยังไง คุณเคยถามฉันบ้างไหม คุณหายออกจากชีวิตฉันไปนานแค่ไหนแล้ว ไม่เคยโทรมาถามความเป็นไปของฉันสักครั้ง คุณคิดว่าฉันสมควรช่วยเหลือคุณอีกหรือคะ” คนเคยถูกกระทำย้ำเน้นทุกความเจ็บปวดให้อีกฝ่ายได้รับรู้

“แต่พายก็รู้นี่ถ้าไม่มีรถงานของปิงก็จะชะงัก ถือว่าช่วยเหลือเพื่อนแล้วกันนะ และเครดิตความน่าเชื่อถือของพายจะได้ไม่ติดแบล็กลิสต์ด้วย” พิจิกายิ้มเยาะให้กับประโยคที่เหมือนจะหวังดี ทั้งๆ ที่มันไม่มีความประสงค์ดีปนอยู่เลยแม้แต่น้อย

“ไม่อยากให้ฉันเดือดร้อน คุณก็หาเงินไปผ่อนสิ ไม่ใช่ให้ฉันหาเงินไปจ่ายให้กับคุณ คุณจะทำอะไรก็ตามใจคุณเถอะ ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้วแค่นี้นะ ฉันกำลังทำงานอยู่ สวัสดีค่ะ” วางสายไปแล้ว พิจิกาก็หมดแรงตามไปด้วย หญิงสาวเอนหลังพิงเบาะรถพร้อมกับหลับตาลง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และผ่อนออกเป็นจังหวะ สกัดกั้นความเจ็บร้าวและผิดหวังเต็มที่ ครั้งหนึ่งเคยได้เรียนรู้ความเห็นแก่ตัวของคนๆ นี้แล้ว ครั้งนี้ก็ไม่ควรให้มันมามีอำนาจเหนือจิตใจอีก

“ถ้าอยากร้องก็ร้องออกมาเถอะ การแสดงความอ่อนแอ ไม่ได้หมายความว่าเราจะเป็นผู้แพ้ น้ำตาอาจจะช่วยแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่มันจะปลดปล่อยความทุกข์ทั้งมวลออกจากจิตสำนึกของเราได้” แม้บทสนทนาที่ได้ยินจะเป็นฝ่ายของคนของตนเพียงฝ่ายเดียว แต่ก็สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวได้เกือบทั้งหมด

“ทำไมเขาไม่ปล่อยพายสักทีคะพี่ภูมิ ทำไมเขาไม่ออกจากชีวิตของพายไปจริงๆ สักที ทำไมเขายังย้อนกลับมาทำร้ายจิตใจพายอีก ทำไมคะพี่ภูมิ ทำไม” เมื่อได้รับอนุญาตให้อ่อนแอได้ คนที่พยายามควบคุมสติของตัวเองก็ระบายความเจ็บแค้นที่มีอยู่ในใจออกมาพร้อมน้ำตา

“มันก็แค่บททดสอบอีกบทหนึ่งเท่านั้นเอง ซึ่งพายจะต้องผ่านไปให้ได้ เราจะทำทุกอย่างเพื่ออนาคต ไม่ใช่เพื่อแก้ไขอดีต จำได้ไหม” ภูมิรพีพยายามตอกย้ำถึงปณิธานที่อีกฝ่ายเคยตั้งเอาไว้ ยื่นมือหนึ่งไปจับมือของผู้ช่วยบีบเบาๆ อย่างให้กำลังใจ

“สุดท้ายพายต้องไปรับผิดชอบหนี้สินแทนเขาอีกหรือเปล่าคะพี่ภูมิ”

“ถ้าเขาต้องใช้รถทำงานจริงๆ พี่ว่าเขาคงไม่ปล่อยให้ถูกยึดหรอก เขาต้องหาทางออกให้ได้”

“แต่ถ้าสุดท้ายเขาหาไม่ได้จริงๆ พายก็ต้องรับผิดชอบใช่ไหมคะพี่ภูมิ”

“อย่าเพิ่งคิดไปไกลขนาดนั้นให้ตัวเองเป็นทุกข์เลย ต่อให้สุดท้ายพายต้องรับผิดชอบ อย่าลืมสิว่าพายมีพี่อีกคนนะที่พร้อมจะช่วยเหลือพาย” นายของพนารักษ์ย้ำเจตนารมณ์ที่พร้อมจะให้ความช่วยเหลือเสมอ


เมื่อเข้ามาในเขตของพนารักษ์แล้ว ภูมิรพีก็ขับรถตรงไปที่สำนักงาน เพื่อเอาเอกสารที่ต้องการก่อนที่จะกลับไปที่เรือนหลังเล็ก เพราะคิดว่าบ่ายนี้พิจิกาคงไม่พร้อมที่จะพบใคร จึงชักชวนให้ไปทำงานที่เรือนเคียงตะวันแทน ทั้งสองคนช่วยกันสะสางงานต่างๆ จนกระทั่งเย็นย่ำ ผู้เป็นนายก็เอ่ยปากชวนให้ไปทานข้าวเย็นด้วยกันที่เรือนเพียงฟ้า ซึ่งเลขาสาวก็รับคำง่ายๆ เพราะได้รับเชิญไปร่วมโต๊ะอาหารกับแม่นายหลายครั้งแล้ว ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น โดยเฉพาะแม่นายที่ให้ความเอ็นดูและสงสารผู้ช่วยของลูกชายมากขึ้นตามวันเวลาที่ผันผ่าน จนกระทั่งระหว่างทางกลับบ้านพัก เสียงมือถือก็ดังขึ้นอีกครั้ง เพียงแค่เห็นตัวเลขสิบหลัก ความหนักใจก็เพิ่มพูนเป็นเท่าเทวี

“พี่ภูมิจอดรถก่อนได้ไหมคะ” หญิงสาวสื่อว่าตนต้องการพูดคุยกับคนปลายสายเพียงลำพัง ซึ่ง ‘นาย’ ก็เข้าใจท่าทีนั้น จึงเสนอให้ไปพูดคุยกันที่เรือนเคียงตะวัน ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณนี้ไปเพียงห้าสิบเมตรเท่านั้น

“สวัสดีค่ะ” พิจิการับสาย เมื่อเห็นคนเป็นนายเดินขึ้นเรือนไปเปิดไฟให้แสงสว่าง ปล่อยให้เธอได้ทำธุระส่วนตัวอย่างที่ต้องการ

“พายหรือลูก” คำทักทายที่แสนอบอุ่น หากมันไม่ได้ถูกซึมซับเข้าไปในหัวจิตหัวใจของคนที่ได้ยินเลย

“ค่ะ ไม่ทราบคุณแม่มีธุระอะไรกับพายหรือคะ”

“พายสบายดีหรือเปล่า”

“สบายดีค่ะ คุณแม่มีอะไรจะคุยกับพายก็พูดมาเถอะค่ะ” เพราะไม่ต้องการให้บทสนทนายืดเยื้อไปกว่านี้ คนเคยถูกปัดความรับผิดชอบทั้งหลายจึงเอ่ยถามแบบไม่อ้อมค้อมหรือรักษามารยาทที่พึ่งมี

“ปิงโทรหาพายแล้วใช่ไหม ช่วยปิงหน่อยไม่ได้หรือ”

“พายไม่มีเงินขนาดนั้นหรอกค่ะคุณแม่ คุณแม่ก็ทราบไม่ใช่หรือคะ ตอนนี้พายต้องรับผิดชอบหนี้สินที่ปิงสร้างเอาไว้ให้ แค่นี้พายก็แทบจะไม่เหลือเงินแล้วค่ะ” พิจิการู้สึกเหมือนตัวเองกำลังย้อนเวลากลับไปในอดีต ต่างกันเพียงแค่เธอกับมารดาของปาณชัยสลับบทบาทกันเท่านั้นเอง

“แล้วหนูจะปล่อยให้ครอบครัวแม่เดือดร้อนแบบนี้หรือลูก ไม่นึกถึงวันเก่าๆ ที่เราเคยผูกพันกันบ้างเหรอ สำหรับปิงถึงจะไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่ก็ถือว่าเป็นเพื่อนกันก็ได้นี่”

“พายเป็นคนเจ็บแล้วจำค่ะ และก็เป็นคนลืมง่ายโดยเฉพาะเรื่องที่ไม่ควรจะจดจำ สำหรับปิงแม้แต่คำว่าเพื่อนพายก็ให้ไม่ได้ เพราะเขาก็ไม่เคยให้ความรู้สึกของคำว่าเพื่อนกับพายเหมือนกัน” ผู้ช่วยของ ‘นาย’ รู้สึกว่าความอดทนของตัวเองกำลังจะสิ้นสุดลง เพราะคำพูดของคนปลายสาย

“ถ้าไม่เห็นแก่ปิง ขอให้เห็นแก่พ่อกับแม่ได้ไหม ช่วยเหลือเราสักครั้งเถอะ ถือว่าแม่ขอร้อง” มารดาของปาณชัยยังร้องขอความเห็นใจอีก

“คุณแม่จำได้ไหมคะว่าครั้งหนึ่งคุณแม่เคยพูดอะไรกับพาย คุณแม่บอกพายว่าอย่าติดต่อกับลูกชายของคุณแม่อีก เพราะมันจะทำให้ครอบครัวคุณแม่เดือดร้อน ตอนนั้นพายก็บอกคุณแม่ว่าให้ลูกชายคุณแม่จัดการเรื่องที่ค้างคากันอยู่ให้เรียบร้อย คุณแม่พูดอะไรกับพายไว้ค่ะ จำได้หรือเปล่า คุณแม่ น้องปราง ไม่รับรู้อะไรเลย ถามว่าครอบครัวของพายเดือดร้อน เพราะสิ่งที่ลูกชายคุณแม่ทำ เคยคิดถึงบ้างไหมคะ ครอบครัวของคุณแม่เคยเห็นแก่พ่อแม่พายหรือเปล่าคะ” ความรู้สึกอัดอั้นที่เคยมีถูกปลดปล่อยออกมาหมด คนที่ไม่เคยคิดถึงใจคนอื่น ยังกล้ามาขอความเห็นใจกับเธออีก ในอดีตอะไรบังตาให้เธอเห็นดีเห็นงามในตัวคนพวกนี้นะ

“ตอนนั้นแม่คิดว่าต่างคนต่างยังร้อน พูดกันก็จะทำให้เป็นเรื่องเปล่าๆ แค่อยากให้ใจเย็นกันก่อนแค่นั้นเอง ตอนนี้หนูก็ทำใจได้แล้วไม่ใช่หรือจ๊ะ” ช่างพูดเอาแต่ได้เหมือนกันทั้งแม่ทั้งลูกจริงๆ

“อย่างนั้นหรือคะ แล้วการที่ทุกคนปิดโทรศัพท์หนี ไม่ยอมรับสายพาย หมายความว่ายังไงคะ”

“สรุปว่าไม่ว่ายังไงหนูก็จะไม่ช่วยใช่ไหม ทำไมพายถึงได้กลายเป็นคนใจดำแบบนี้ล่ะ แม่ไม่น่าดูคนผิดเลย เสียแรงที่โทรมาขอความช่วยเหลือ” ใบหน้าของคนถูกร้องขอเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาของความคับแค้นใจ

“ใจดำหรือ พายนี่นะคะใจดำ ใครกันแน่คะที่ใจดำ ใครที่ร่วมกันทำร้ายจิตใจของพาย ใครที่ทำให้หัวใจของพายแตกสลายไม่มีชิ้นดี ทำให้ความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กันพังไม่เป็นท่า ทำให้พายเลิกศรัทธาความรักที่มีต่อทุกคน ใครที่ไม่เคยรับรู้ความลำบากของพายเลย ใครคะที่ใจดำ ถ้าการกระทำของพายเรียกว่าใจดำ แล้วการกระทำของครอบครัวคุณแม่เรียกว่าอะไรคะ ให้พายเหลือความเคารพนับถือคุณพ่อกับคุณแม่บ้างเถอะค่ะ อย่าให้พายกลายเป็นคนก้าวร้าวในสายตาคุณแม่อีกเลย สวัสดีค่ะ” พิจิกาตัดสินใจวางสาย มือข้างหนึ่งกุมที่หัวใจตัวเอง มันเจ็บจี๊ดขึ้นมาอีกครั้ง จนต้องฟุบหน้าลงกับเข่า มือข้างที่กุมอยู่ตรงหัวใจบีบจนแน่น เหมือนต้องการบรรเทาอาการเจ็บปวดของความรู้สึก


ภูมิรพีที่ยืนอยู่ตรงระเบียง มองดูหญิงสาวที่นั่งร้องไห้ใจจะขาดด้วยความสงสาร กว่าที่เขาจะไม่ได้เห็นแววตาที่เจ็บปวดของพิจิกาก็ใช้เวลาหลายเดือน นี่เธอเพิ่งกลับมาสดใสได้ไม่นาน คนพวกนั้นก็ทำให้คนตรงหน้า ทุกข์เจียนจะขาดใจอีกแล้วหรือ ชายหนุ่มเดินไปนั่งลงที่บันไดขั้นเดียวกับเธอ พิจิกาผวาเข้ากอดด้วยต้องการที่พึ่ง

“พี่ภูมิบอกพายหน่อยได้ไหมว่า เขามีสิทธิ์อะไรมาว่าพายใจดำ เขามีสิทธิ์อะไร ฮือๆ แค่พายไม่ช่วยเหลือเขาแค่นี้ พายกลายเป็นคนใจดำแล้วหรือคะ แล้วที่พวกเขาทำกับพายเรียกว่าอะไร ฮือๆ”

“เราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูด พายจะร้องทำไม เรารู้ตัวเราดีไม่ใช่หรือว่าเราทำอะไรอยู่ เขาจะพูดอะไรก็ช่างจะเอามาใส่ใจทำไม แล้วพายจะสนใจทำไมว่าเขาทำอะไรกับพายบ้าง เพราะทุกอย่างมันกลายเป็นอดีตไปแล้ว” ภูมิรพีลูบผมเป็นการปลอบโยน

“แต่พายก็ต้องผูกติดพันธะนี้ไปจนกว่าเขาจะผ่อนรถหมด หรือไม่พายก็ต้องโดนฟ้องใช่ไหมคะพี่ภูมิ”

“พี่บอกแล้วไงว่าอย่าไปคิดถึงอนาคต มันยังไม่ได้เกิด คิดให้มันทุกข์ใจทำไม พายทำวันนี้ให้ดีที่สุด แล้วอนาคตของพายก็จะดีเอง พี่เชื่อว่าคนที่ไม่เคยคิดร้ายกับใครก็ต้องเจอแต่สิ่งดีๆ สิ ไม่เชื่อพี่หรือพาย”

“พายเชื่อพี่ภูมิได้ใช่ไหมคะ พี่ภูมิไม่ได้โกหกพายใช่ไหมคะ”

“เชื่อได้สิ ที่ผ่านมาพี่เคยโกหกพายหรือเปล่า” พิจิกาส่ายหน้าอยู่กับอกของเขา ส่วนภูมิรพีก็กอดเธอไว้อย่างให้กำลังใจ สักพักเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“ถ้าไม่อยากรับก็ไม่ต้องรับนะพาย” ชายหนุ่มบอก

“พายจะรับค่ะพี่ภูมิ”

ภูมิรพีจึงฉุดเธอให้ลุกขึ้นแล้วพาเข้าไปในบ้าน ปิดประตูเรือนเรียบร้อยก็พากันไปนั่งที่โซฟาหวาย โดยรั้งให้ร่างเล็กนั่งบนตักพร้อมกับโอบเอวไว้ พิจิกาหันมามองหน้าอย่างตกใจ แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มส่งให้เป็นกำลังใจ พร้อมกับชี้ไปที่มือถือที่ยังดังไม่หยุด ทำให้ต้องหันกลับมาสนใจของในมือแทน

“สวัสดีค่ะ”

“พายหรือลูก เกิดเรื่องใหญ่แบบนี้ ทำไมหนูไม่บอกพ่อบ้าง” พิจิกาไม่แน่ใจว่านั่นเป็นกล่าวอ้างหรือบิดาของปาณชัยไม่ทราบเรื่องราวต่างๆ จริงๆ

“เอ่อ..พายคิดว่าคุณพ่อทราบเรื่องแล้ว”

“เรื่องเจ้าปิงเลิกกับหนูพ่อรู้แล้ว แต่เรื่องหนี้สินอื่นๆ พ่อไม่รู้จริงๆ พ่อขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด พายอาจจะมองว่าพ่อเห็นแก่ตัว แต่ครั้งนี้ถือว่าพ่อขอร้องได้ไหมลูก ช่วยเหลือปิงสักครั้ง” แม้จะรู้สึกละอายใจแค่ไหน แต่คนเป็นพ่อก็ไม่อาจทนเห็นลูกเดือดร้อนได้

“ไม่ใช่พายไม่อยากช่วยนะคะคุณพ่อ แต่พายไม่มีเงินแล้วจริงๆ เงินของพายก็เอาไปให้ปิงทำร้านหมดแล้ว และตอนนี้พายก็ต้องหาเงินมาจ่ายหนี้ของปิงที่กู้ในนามของพายด้วย” เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวร้องขอความเห็นใจจากอีกฝ่าย

“ครอบครัวของพ่อคงสร้างความเดือดร้อนให้หนูไม่ใช่น้อยสินะ พ่อเลี้ยงลูกไม่ดีเอง ถ้าหนูจะโกรธก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก ลูกชายพ่อทำร้ายจิตใจหนูขนาดนั้น พ่อยังมาขอร้องให้หนูช่วยอีก มันน่าละอายจริงๆ”

“คุณพ่ออย่าพูดแบบนั้นเลยค่ะ พายแค่อยากให้เราจบกันด้วยดี ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก พายไม่อยากกลับไปทุกข์อย่างที่ผ่านมา กว่าพายจะลุกขึ้นยืนได้มันไม่ใช่ง่ายๆ แล้วเรื่องรถไม่ใช่พายไม่ห่วงหรอกนะคะ ถ้าปิงไม่มีปัญญาผ่อน แล้วปล่อยให้ถูกยึด พายก็ต้องถูกฟ้องร้องตามกฎหมายด้วยในฐานะของผู้ค้ำประกัน”

“พ่อเข้าใจและขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่หนูช่วยเหลือครอบครัวของพ่อมาโดยตลอด พ่อคงไม่รบกวนเวลาของหนูแล้ว…” ปลายสายพูดยังไม่ทันจบ พิจิกาก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“คุณพ่อคะ พายเชื่ออยู่อย่างหนึ่งนะคะ ปิงรักครอบครัว ปิงน่าจะหาทางแก้ไขปัญหาได้ อย่างน้อยปิงกับแฟนของเขาก็คงต้องหาทางรักษาเครื่องมือทำมาหากินเอาไว้ คุณพ่อรักษาสุขภาพด้วยนะคะ”

“หนูก็เหมือนกันนะลูก พ่อขอให้หนูเจอคนดีๆ ไม่ทำให้หนูเสียใจอย่างที่ผ่านมา สวัสดีครับ”

“สวัสดีค่ะคุณพ่อ” พิจิกาพิงอกคนที่โอบกอดเธอไว้ หลับตาปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเงียบๆ จะว่าไปครอบครัวของปาณชัยก็ดีกับเธอเสมอมา จนกระทั่งเกิดเรื่องทุกอย่างจึงเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ

“ร้องไห้ทำไมอีก” คนที่กอดเธอเอาไว้ถาม

“พายทำถูกแล้วใช่ไหมคะพี่ภูมิ”

“ทุกคนต้องดิ้นรนด้วยตัวเองนะพาย ถ้าหวังพึ่งคนอื่นอยู่ตลอดเวลา เขาจะดูแลคนรอบข้างได้ยังไง ต่อให้วันนี้พายช่วยเขา แล้ววันหน้าล่ะจะมีอะไรยืนยันได้ไหมว่าเขาจะไม่มาขอความช่วยเหลือพายอีก อีกอย่างนะ พายไม่สามารถช่วยเขาได้ตลอดชีวิตหรอก พายก็ต้องมีชีวิตของพาย มีครอบครัวของพาย มีคนที่พายต้องดูแลเอาใจใส่เหมือนกัน” คนเกิดก่อน เห็นโลกมามากกว่าชี้สัจธรรมให้กับคนที่เกิดที่หลังได้ฟังและตรึกตรอง

“บางทีพายก็สงสารเขานะคะ โดยเฉพาะพ่อของปิง ท่านดีกับพายมาตลอด จะว่าไปเมื่อก่อนพวกเขาก็ดีกับพายทั้งครอบครัวนั่นแหละค่ะ”

“อย่าลืมสิพายยังต้องผูกติดภาระนี้ไปอีกหลายปีนะ ไม่ใช่ว่าพายไม่เดือดร้อน ถ้าช่วยเขาครั้งนี้แล้วพายจะไม่เดือดร้อนเพราะเขาอีก พี่จะให้พายช่วย เพราะอย่างน้อยก็ถือว่าเป็นคนรู้จักกันมานาน”

“พายคงเป็นคนบาปมากนะคะ ถึงได้ต้องชดใช้กรรมไม่หมดไม่สิ้น”

“อย่าว่าตัวเองแบบนั้นสิ” ภูมิรพีพลิกร่างคนตัวเล็กกว่าให้หันมาประจันหน้ากัน พร้อมกับซับน้ำตาให้ จูบลงที่หน้าผากมนอย่างปลอบประโลม ตาสบตานิ่งจากนั้นริมฝีปากหนาก็เคลื่อนมาทาบทับลูกกระจับสีแดง คลุกเคล้าเล้าเลียด้วยรสเสน่หาอย่างเผลอไผล

“พี่ภูมิ หยุดค่ะ” พิจิกาตั้งสติเบี่ยงหน้าหนีพร้อมกับร้องห้าม

“ไม่หยุดได้ไหมพายจ๋า”

“ถ้าไม่หยุดพี่ภูมิอาจต้องเสียใจนะคะ”

“พี่จะไม่เสียใจ เพราะพี่รักพาย”


ปล. อร๊ายยย! พระนางรักกันแย้วววววว....อิอิ



หนึ่งจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 พ.ค. 2557, 10:50:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 พ.ค. 2557, 10:50:47 น.

จำนวนการเข้าชม : 1438





<< บทที่ 6   บทที่ 8 >>
konhin 6 พ.ค. 2557, 12:00:57 น.
นางเอกน่าสงสาร


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account