บ่วงรักนายพราน
เรื่องชุลมุน ซุ่มซ่าม เข้าใจผิดของธีรดากับจอมวายร้ายปารินทร์ เจ้าของคำจำกัดความ หล่อ สปอร์ต ใจดี รักหมา(ไม่น่ารอด) 'หากใครจะคิดว่าผมกำลังคบกับใคร ผมอยากให้ใครต่อใครคิดว่าผมคบกับคุณ'

การรู้สึกว่า 'ใช่' กับใครสักคนไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน ปารินทร์รู้สึกว่าธีรดา 'ใช่' สำหรับเขา แต่กลับพบในภายหลังว่าเธออาจเป็นผู้หญิงที่เข้ามาทำลายความรักของน้องสาว การเอาคืนในแบบชิงไหวชิงพริบที่ใช้ธุรกิจบังหน้าทั้งที่เป็นเรื่องของหัวใจล้วนๆ จึงเกิดขึ้น
Tags: ความรัก ภาคต่อ หวานรักพยัคฆ์ร้าย

ตอน: ตอนที่ 5...100%

ตอนที่ 5 (จบตอน)

กวินตาเดินเข้ามาในร้านอาหารสุดหรูกลางห้างดัง วันนี้เธอมีนัดสำคัญกับลูกค้า แต่ยังไม่ถึงเวลานัดเลยมานั่งกินอะไรฆ่าเวลาไปก่อน พอนั่งกำลังจะสั่งอาหารตาเจ้ากรรมดันไปสะดุดเข้ากับใบหน้าสวยแต่ซีดเซียวของผู้หญิงที่เธอเห็นเคยควงกับปุราณซึ่งอยู่โต๊ะใกล้ๆ กัน ถึงจะไม่ได้คลั่งไคล้เหมือนตอนวัยรุ่น แต่เธอก็ยังติดตามข่าวคราวของรุ่นพี่ในดวงใจเสมอ จนกระทั่งรู้ว่าเขากำลังจะแต่งงานกับศศิภา เหมวัฒกุล
เธอหมดความสนใจจากผู้หญิงคนนั้น แล้วหันมาสั่งอาหารไปสองสามอย่างก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็ดข่าวสาร แต่จู่ๆ เสียงของศศิภาก็ดังขึ้นลั่นร้านจนงานนี้ไม่สนใจไม่ได้แล้ว
“ฉันจะทนไม่ไหวแล้วนุช” ศศิภาฟุบหน้าลงบนท่อนแขนแล้วร้องไห้
“เป็นอะไรน่ะศศิ” นุชรีถามเพื่อนพลางมองไปรอบตัว “เห็นไหมคนหันมามองกันหมดแล้ว”
“ผู้หญิงในรูปมันเป็นใครน่ะนุช คราวนี้มันกล้าส่งเป็นรูปมาให้ ไม่ได้ส่งเป็นข้อความเหมือนคราวก่อนๆ ฉันจะทนไม่ไหวอยู่แล้วนะทำไมพี่ปุ๊ถึงทำกับฉันแบบนี้”
นุชรีหยิบโทรศัพท์มาดูรูปที่ศศิภาได้รับซึ่งยังบอกอะไรไม่ได้มากนักเพราะเห็นแค่แผ่นหลังของผู้ชายและเสี้ยวหน้าของผู้หญิงที่ผมลงมาบังจนเห็นแค่ปลายจมูก แต่ที่แน่ๆ รอยสักตรงต้นแขนน่ะเป็นรอยสักลายเดียวกับปุราณที่เธอเห็นตอนเขาใส่เสื้อกล้ามเวลาออกกำลังกาย
“อ้าว แล้วเมื่อวานกินข้าวด้วยกัน ไม่ได้เคลียร์กันหรือไง”
ศศิภาเงยหน้าขึ้นแล้วรับกระดาษทิชชูมาเช็ดน้ำตา ไม่สนใจแล้วว่าหน้าตาตอนนี้เป็นยังไง
“พี่ปุ๊บอกว่าไม่มีอะไร ไม่ได้มีคนอื่น เขาบอกว่ารักฉันคนเดียว” ศศิภาเริ่มไม่แน่ใจอีกครั้ง ทั้งที่เมื่อวานเธอเชื่อคนรักหมดหัวใจว่าเขาไม่มีใครอื่นจริงๆ
“แล้วรูปที่ส่งมาล่ะ หมายความว่ายังไง”
“ฉันจะโทรหาพี่ปุ๊”
นุชรีคว้าโทรศัพท์ของเพื่อนมาไว้ในมือ “เขาก็ไหวตัวทันน่ะสิ เธอต้องใจเย็นแล้วรอจับให้ได้คาหนังคาเขาสิ แต่ก็แล้วแต่เธอนะ”
ศศิภาลังเล ปุราณเป็นคนมีเหตุผล ตลอดเวลาที่คบกันมา 3 ปี เขาไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงให้เธอหึงหวงมาก่อน แต่ตอนนี้ทำไมเขาถึงเปลี่ยนไป
“ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้ ฉันกับพี่ปุ๊จะแต่งงานกันอยู่แล้ว อีกแค่ 6 เดือน ฉันควรทำยังไงดีล่ะนุช”
“ถ้าเธออยากเคลียร์ก็ไปหาเขาแล้วเอารูปนี้ให้เขาดู ถามให้รู้เรื่องจะได้หายคาใจดีไหมล่ะ พี่ปุ๊รักเธออยู่แล้ว ยังไงเขาก็ต้องบอกความจริง” นุชรีแนะนำ
ศศิภาคล้อยตาม เธอไม่เคยทำตัวเหมือนผู้หญิงขี้หึงมาก่อนเพราะไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้ พอเกิดขึ้นเลยไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไง ให้ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเธอคงทำไม่ได้ แต่การไปอาละวาดแล้วคนรักโกรธ เธอก็ทนไม่ได้เช่นกัน
“เธอคิดอย่างนั้นหรือนุช”
“จ้า ถ้าศศิอยากมีเพื่อน เดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อนก็ได้นะ วันอาทิตย์แบบนี้เจ้านายของฉันคงอยู่บ้าน ถ้าเป็นพรุ่งนี้คงไม่ทันแพลนแล้วว่าจะไปอังกฤษ”
พอได้สติมากขึ้น ศศิภาก็ลดความใจร้อนลง แต่ความหึงหวงไม่เข้าใครออกใคร อย่างไรเสียเธอก็ต้องหาโอกาสคุยกับพี่ปุ๊เรื่องนี้ให้เคลียร์เสียที แล้วที่สำคัญวันนี้ไปที่บริษัทคงไม่ได้ประโยชน์อะไรด้วย
“พี่ปุ๊ไปอังกฤษตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว หลังจากมาพบฉัน เอาไว้พี่ปุ๊กลับมาแล้วฉันค่อยไปคุยก็แล้วกัน เธอเป็นเลขาของพี่ปุ๊ก็ต้องสอดส่องดูแลให้ฉันด้วย ถ้ามีผู้หญิงมายุ่งกับพี่ปุ๊เมื่อไหร่ต้องโทรบอกฉันทันทีนะ”
“จ้า ได้สิ เราเป็นเพื่อนกันนี่”
นุชรีเลื่อนกาแฟลาเต้ที่ศศิภาชอบไปไว้ตรงหน้า เพื่อนของเธอเป็นคนอย่างนี้ ด้วยความที่อ่อนแอมาตั้งแต่เด็กเลยถูกตามใจ อีกทั้งยังมีอาการซึมเศร้าหลังจากพ่อแม่แยกทางกันทำให้เวลาไม่ได้ดั่งใจมักตอบสนองรุนแรงกว่าคนปกติ
กวินตายิ้มเหยียดเมื่อได้ยินคำพูดของสองสาวทุกคำ แม้จะทำทีเหมือนไม่สนใจ แต่ให้ตายเถอะยัยนี่คงบ้าไปแล้ว คนอย่างปุราณน่ะหรือจะนอกใจแฟน ช่างไม่เห็นค่าของผู้ชายคนนี้เสียเลย
“ยัยนี่ได้แฟนโคตรจะดี มาทำขี้ระแวงเดี๋ยวได้อดจริงๆ” หญิงสาวบ่นกับตัวเองก่อนจะปรายตามองไปยังศศิภาอย่างใช้ความคิด
เรียวปากเคลือบลิปติกสีแดงเข้มเม้มปิด นิ้วเรียวเคาะโต๊ะเป็นจังหวะ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างสะใจหากว่าสิ่งที่เธอคิดจะเป็นผลดีต่อเธอและบริษัท กุญแจสำคัญของเธออยู่ตรงนั้นไงล่ะ ขี้ระแวงนักเหรอ...

ตามเวลานัดวิราวัณพานักท่องเที่ยวไปปีนหน้าผาซึ่งไม่ได้สูงอะไรนักสำหรับมือใหม่ โดยมีครูฝึกสอนมืออาชีพมาคอยดูแลเรื่องความปลอดภัยและข้อปฏิบัติการปีน ธีรดาไม่ได้มาร่วมปีนด้วยเพราะแขนเดี้ยง เลยเป็นแค่คนดู นักท่องเที่ยวชอบกิจกรรมนี้ ส่วนกิจกรรมต่อมาเป็นการวาดรูปลงบนไม้ที่ผ่าเป็นแว่นๆ ประมาณ 1 เซนติเมตรเห็นวงปีของไม้ชัดเจน โดยหลังจากวาดและลงสีแล้วสามารถนำกลับไปเป็นที่ระลึกได้
หลังอาหารกลางวันนักท่องเที่ยวก็เก็บของเตรียมตัวเดินทางกลับ ธีรดากับวิราวัณเดินทางไปส่งนักท่องเที่ยวที่ต้องกลับโดยเครื่องบิน ส่วนลุงสอนไปส่งนักท่องที่กลับโดยรถทัวร์ ส่วนที่นำรถส่วนตัวมาก็โบกมือลากันตั้งแต่ปางไม้เรียบร้อยแล้ว
เสียงประกาศเที่ยวบินกำลังเรียกให้ผู้โดยสารไปขึ้นเครื่อง นักท่องเที่ยว 3 คนเดินไปแล้ว วิราวัณขอตัวไปหาเพื่อนที่เป็นกราวด์โฮสเตส ปารินทร์ยังยืนรอยู่จนกระทั่งเหลือเพียงเขากับธีรดา
“ถ้าเคลียร์งานลงตัว อาทิตย์หน้าผมอาจจะมาลอยกระทงด้วย”
ธีรดายิ้มให้เขาไม่อยากเข้าข้างตัวเองว่าอย่างนี้เรียกว่ากำลังถูกจีบอยู่หรือเปล่า บางทีเขาอาจติดใจบรรยากาศในปางไม้ก็ได้
“แหม รายได้ปางไม้ปีนี้ในส่วนท่องเที่ยวคงเป็นกอบเป็นกำ ขอให้เดินทางกลับปลอดภัยนะคุณสิงห์”
“หวังว่าเจอกันคราวหน้าคงคุณไม่ได้แผลเพิ่ม” เขาหวังอย่างนั้น แต่คงมีทางเดียวที่เธอจะไม่มีแผลเพิ่มนั่นคือการอยู่เฉยๆ ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้
ธีรดาพยักหน้าทั้งที่ไม่แน่ใจเลยสักนิด เธอยืนรอจนกระทั่งเขาเดินเข้าประตูผู้โดยสารภายในประเทศไป แล้วในวินาทีที่เธอกำลังจะหันหลังเขากลับหันมาแล้วโบกมือให้ เธอโบกมือตอบหัวใจพองโตอุ่นซ่าน ภาวนาขอให้เขาอย่าเพิ่งมีแฟนเลย ถึงจะดูมาเฟียหน่อยๆ แต่อยู่ด้วยแล้วสบายใจจัง

วันนี้คลินิกปิดเร็วเพราะคนไข้มาน้อยกว่าทุกวัน ธีรดามั่นใจว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็มีคนไข้มารอให้คุณหมอธนะดีรักษาอีก บางทีเธอก็อยากขอให้พ่อเลิกทำงานแล้วอยู่บ้านเฉยๆ จะได้ไม่เหนื่อยอย่างในตอนนี้ แต่รู้ดีว่าพ่อไม่ยอมหรอก ยกเว้นป่วยหรือมีธุระสำคัญเท่านั้นแหละพ่อถึงจะหยุดงานได้ เธอเดินไปหายิ้มกว้างให้พ่อพร้อมกับช่วยถอดถุงมือยางให้
“ยิ้มอะไรหรือยัยกวาง” ธนะดีถามลูกสาวเพราะเห็นว่าเมื่อครู่เพิ่งคุยโทรศัพท์แล้วก็ยิ้มหน้าบานมาถึงเวลานี้
ธีรดาเข้ามากอดพ่อแม้ว่าจะติดเฝือกที่เริ่มชินว่าต้องมีมัน แต่อย่างไรเสียอีก 3 อาทิตย์เธอต้องเอามันออกไปจากแขนให้ได้ แล้วขอลาขาดจากกัน
“เสือเพิ่งโทรมาบอกว่าธารธีราได้เซ็นสัญญาเป็นคู่ค้ากับพาราลิสต์อย่างเป็นทางการแล้วค่ะพ่อ ไม้ของเราจะได้เดินทางไกลไปยุโรปแล้วนะคะ”
ผู้เป็นพ่อกอดลูกสาวพลางยกมือขึ้นลูบผมแล้วจูบเบาๆ ที่หน้าผากอย่างทั้งรักและเอ็นดู ลูกสาวคนนี้เหมือนภรรยาของเขาแทบจะทุกกระเบียดนิ้ว ทำงาน(นอกบ้าน)เก่ง จริงใจ แต่ซุ่มซ่ามจนอ่อนใจ
“เก่งจริงลูกสาวของพ่อ”
ธีรดาหอมแก้มพ่อไปฟอดใหญ่ก่อนคลายกอดแล้วพาพ่อมานั่งที่เก้าอี้หน้าบ้าน ดอกกล้วยไม้กำลังบานสวย คงยกความดีความชอบให้คุณผู้ช่วยที่มาคอยรถน้ำให้ตลอดเวลาพ่องานยุ่ง
“กวางไม่เก่งหรอกค่ะ แต่ได้คนเก่งมาทำงานด้วยต่างหาก” ทีมงานของเธอทุกคนตั้งใจทำงานและมีเป้าหมายในการทำให้องค์กรของเราก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เย็นนี้ธีมาคงพาทีมงานทั้งหมดไปเลี้ยงฉลองละมั้ง วันนี้วันอังคารคงฉลองกันไม่ได้สุดเหวี่ยงเท่าไหร่ ส่วนเธอก็จะฉลองเหมือนกัน “วันนี้กวางนอนค้างกับพ่อนะคะ วันนี้อยากกินอาหารฝีมือของพ่อเป็นการฉลองความสำเร็จ”
ธนะดีหัวเราะชอบใจ “เค้ามีแต่ลูกทำอาหารให้พ่อกิน แต่บ้านเรานี่แปลก”
“พ่อแน่ใจหรือคะว่าจะให้กวางทำ”
ไม่มีคำตอบเพราะเป็นที่รู้ดีว่าอย่าให้ธีรดาได้เข้าครัว นอกจากจะไม่ได้ของอร่อยๆ แล้วอาจมีของพังได้ ในสองพี่น้องคนที่ทำอาหารได้เรื่องได้ราวกลับเป็นธีมา ในขณะที่ธีรดาเก่งงานวางแผน ถ้าเป็นการเขียนโครงการให้ออกมาเป็นขั้นเป็นอย่างกับมีตาทิพย์น่ะต้องแฝดคนน้องเท่านั้น แต่ถ้าอยากลุยใส่คนงานเกเรต้องแฝดคนพี่

ศศิภาไม่ได้ไปหาปุราณที่บริษัทเพราะนุชรีโทรมาบอกว่าเจ้านายอยู่ระหว่างขับรถไปหา หญิงสาวรออย่างใจจดใจจ่ออยู่ที่บ้าน พอ 6 โมงก็มีเสียงรถขับเข้ามา ปุราณรีบมาหาศศิภาทันทีที่ได้ข้อความจากเธอ ทว่าพอมาถึงกองไฟแห่งความหึงหวงที่เล็กลงกลับใหญ่โตขึ้นเมื่อเธอได้รับรูปภาพจากใครก็ไม่รู้มาเสียบไว้ที่ประตูหน้าบ้าน เป็นของปุราณกับผู้หญิงที่คราวนี้เห็นหน้าชัดเจน ทั้งสองคนกำลังจับมือและยิ้มให้กันในชุดนักศึกษาล้อมรอบด้วยต้นไม้และต้นหญ้า ดูมีความสุขจนอยากรู้ว่าใช่ผู้หญิงคนนี้ใช่ไหมที่ส่งข้อความมาหาครั้งแล้วครั้งเล่าว่าปุราณกำลังนอนอยู่ด้วยกัน
เพียงพูดไม่กี่คำการทะเลาะก็เกิดขึ้นเมื่อคนหนึ่งยืนกรานว่าไม่มีอะไร ทว่าอีกคนให้อย่างไรก็ไม่เชื่อ เมื่อพูดไม่รู้เรื่องปุราณจึงเดินกลับไปที่รถ
“อย่าเดินหนีแบบนี้สิคะพี่ปุ๊ มาพูดกันให้รู้เรื่องก่อนสิ บอกศศิมานะว่าผู้หญิงในรูปเป็นใคร”
“พี่บอกแล้วว่าไม่มีอะไร ต้องมีการเข้าผิดหรือกลั่นแกล้งแน่” ปุราณไม่อยากเอ่ยชื่อของผู้หญิงในรูปเพราะเราไม่ได้ติดต่อกันมานานแล้ว ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าถ่ายรูปนี้ที่ไหน แล้วทำไมจู่ๆ มันถึงโผล่ในเวลาที่ศศิภากำลังอ่อนไหวจนเขาเหนื่อยใจที่จะอธิบาย
“ก็บอกมาสิคะว่านังผู้หญิงในรูปเป็นใคร” ศศิภาเดินตามจับแขนของเขาด้วยความน้อยใจระคนโมโห
ปุราณถอนใจยกมือขึ้นมาเสยผมพยายามใจเย็น ให้ไม่พอใจอย่างไรเขาก็จะไม่ระบายความโกรธกับเธอ
“เป็นรุ่นน้องของพี่เอง ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ศศิต้องเชื่อพี่ ถ้าพี่บอกว่าไม่มีอะไรก็คือไม่มีจริงๆ”
ศศิภาร้องไห้ขึ้นมาเมื่อรู้สึกได้ว่าคนรักกำลังปกป้องผู้หญิงในรูป เขาไม่เคยเดินหนีเธอแบบนี้มาก่อน จนกระทั่งเกิดข้อความบ้าๆ และเห็นรูปของเขากับผู้หญิงคนนี้
“ไม่จริงหรอก พี่ปุ๊นอกใจศศิเพราะผู้หญิงคนนี้จริงๆ ด้วย”
“พอเถอะ พี่พูดอะไร ศศิไม่เคยเชื่อ ถ้างั้นอยากเชื่ออะไรก็เชื่อไปเถอะ พี่เหนื่อยแล้ว”
ปุราณเปิดประตูแล้วเข้าไปรถ พอศศิภาตามาถึงเขาก็ขับรถออกไปแล้ว หญิงสาวยืนตะโกนเรียกชื่อของเขา แต่เขาไม่กลับมา เธอยืนร้องไห้โฮจนกระทั่งไหล่ถูกจับให้หันหน้ามา เธอกอดร่างสูงของพี่ชายแล้วร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิม


ปัญหามาแล้ว จะมา up ต่อนะคะ



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 พ.ค. 2557, 10:20:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 พ.ค. 2557, 10:20:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 1226





<< ตอนที่ 5...50%   ตอนที่ 6 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account