หัวใจเดิมพันรัก
หนี้สิน ฆ่าตัวตาย ชีวิตใหม่ ความรัก และอุปสรรค โชคชะตาจะนำพาไปในทิศทางใด....
Tags: หนี้สิน

ตอน: บทที่ 8

บทที่ 8

ร่างผอมบางถูกอุ้มเข้าห้องโดยไม่อาจขัดขืน เพราะถูกจู่โจมด้วยจุมพิตมาราธอน จนอ่อนระทวยไปหมด มารู้สึกตัวอีกทีก็เหมือนหลังแตะกับผ้าปูที่นอนเย็นเชียบ สติสตังที่ปลิวหายไปก่อนหน้าหวนคืนมาอีกครั้ง

“พี่ภูมิคะ”

“อย่าห้ามได้ไหมพาย อย่ากลัวที่พี่จะรัก อย่ากลัวว่าจะเสียใจ เพราะพี่จะไม่ทำให้พายเสียใจ”

“พายกลัวพี่ภูมิผิดหวัง คือว่าพาย...” ยังไม่ทันจบประโยค ฝ่ายรุกก็ปิดปากฝ่ายรับอย่างไม่ต้องการคำปฏิเสธอีก

เสียงอึกอักในลำคอหายไปแทนที่ด้วยจูบเร่าร้อนชอนไชไปทุกอณูความรู้สึก ความหวานละมุนอุ่นละไมลามเลียไปทั่วช่องปาก จากที่ต่อต้านเริ่มตอบสนองและปลุกเร้าอีกฝ่ายบ้างด้วยความมัวเมาในรสสวาท เมื่อได้รับการตอบสนองอย่างเต็มใจ ฝ่ายรุกก็ไม่อาจต้านทานความต้องการของร่างกายได้อีก มือข้างหนึ่งทำหน้าที่ปลดเปลื้องอาภรณ์ที่บิดบังร่างที่แสนงดงาม สองปทุมถันซ่อนอยู่ใต้ผ้าลูกไม้สีชมพู แต่เพียงไม่นานก็ปรากฎต่อสายตาคมคายที่ฉายแววหวานปนเสน่าหา

สองมือเค้นเคล้าคลึงเนินเนื้อนั้นอย่างเมามัน และยิ่งได้ใจเมื่อผู้เป็นเจ้าของปล่อยเสียงครางออกมาเป็นระยะ มือเล็กเข้ามาห้ามปรามการกระทำของมือใหญ่ เมื่อรู้สึกเหมือนกำลังถูกทรมานแทบขาดใจ หากก็ไม่เป็นผล สองข้อมือถูกยึดและกดลงแนบกับที่นอน หนึ่งริมฝีปากเข้าครอบครองยอดทรวงที่ชูชันท้าทายสายตา ลิ้นกระหวัดกวัดเกี่ยวดูดดึงจนอีกฝ่ายเสียวซ่านไปถูกรูขุมขน และเพื่อไม่เป็นการลำเอียง ยอดทรวงอีกข้างก็ถูกบอกรักไม่ต่างกัน

“พี่ภูมิ” เสียงกระเซ่าเร่าร้อนร้องเรียกไม่เป็นศัทพ์

“กอดพี่สิคนดี กอดพี่นะ” มือใหญ่ที่ยึดข้อมือน้อยไว้นำพาสองแขนน้อยไปโอบไว้รอบคอ

“พี่ภูมิ” พิจิกายังคงเรียกชื่อนายแห่งพนารักษ์ เมื่อร่างกายถูกเล้าโลมด้วยสองมือแกร่งจนรู้สึกร้อนไปทั้งร่าง และส่งผลให้เธอไม่อาจนิ่งเฉยเป็นฝ่ายถูกกระทำได้เพียงฝ่ายเดียว มือที่โอบรอบคอเขาจึงลูบไล้ไปตามอกแกร่งผ่านเนื้อผ้า จนกระทั่งมาถึงร่องกระดุม มือเล็กปลดกระดุมออกทีละเม็ดอย่างรีบร้อน

ร่างกายของเธอเรียกร้องที่จะสัมผัสตัวตนของเขา เมื่อกระดุมเม็ดสุดท้ายหลุดออกจากรัง พิจิกาก็กระชากเสื้อตัวนั้นออกจากกายแกร่ง ภูมิรพียินยอมพร้อมใจให้ความร่วมมือ เพราะเขารู้แล้วว่าไฟปรารถนาที่ถูกจุดขึ้น มันจะไม่มีวันมอดไหม้จนกว่าจะได้รับการปลดปล่อย

‘นาย’ พลิกร่างของผู้ช่วยที่ตอนนี้กำลังเปลี่ยนจากสมันน้อยเป็นสมิงสาวให้ทับร่างของตน ทั้งยังเชื้อเชิญให้อีกฝ่ายสำรวจร่างกายของเขาด้วยสัมผัสทั้งห้าของเธอ ช่างสำรวจมือสมัครเล่นก็ปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามสัญชาตญาณ มือน้อยค่อยๆ ไล้เลื้อยจากแก้มสากลงมาถึงลำคอลากมาเรื่อยๆ จนสะดุดที่ตุ่มไต ด้วยอยากรู้ว่าเขาจะรู้สึกเช่นเดียวกับเธอหรือไม่ หญิงสาวไม่ปล่อยให้ความสงสัยอยู่กับตนนาน เธอก้มลงชิมเม็ดลูกเกดนั้นอย่างหิวกระหาย ยิ่งได้ยินเสียงครางของอีกฝ่ายก็ยิ่งฮึกเหิม จึงขบเม้มเบาๆ จน ‘นาย’ ขนลุกชันไปทั้งตัว

และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเปรียบ นายก็เริ่มวาดลวดลายของตนอีกครั้ง ด้วยการรั้งใบหน้าของเธอขึ้นมาจูบฟ้อนชอนไชอย่างดุเดือด เมื่อข้างหนึ่งกดท้ายทอยเอาไว้ อีกข้างก็ลูบไปตามหลังเนียนจนถึงบั้นเอวที่ยังมิได้เปิดเปลือยให้เห็นความเป็นหญิงอีกสิ่งหนึ่ง

“ถอดออกนะ” ไม่มีคำตอบรับหรือปฏิเสธใดๆ ผู้เปิดเกมส์จึงคิดเข้าข้างตัวเองว่า อีกฝ่ายยินยอมพร้อมใจ จากนั้นไม่ถึงสองนาทีทั้งสองร่างก็เปลือยเปล่า ชายหนุ่มยันกายขึ้นนั่งพร้อมกับอีกร่าง ทำให้ความเป็นหญิงและชายสัมผัสกันพอดี ดวงตาฉ่ำเยิ้มสบกันนิ่ง ไม่มีทีท่าจะไปต่อ แต่ต่างก็รู้ว่ามันจะไม่หยุดเพียงเท่านี้

มือแข็งแรงสวมกอดไปที่เอวขอดรั้งร่างผอมมาชิดร่างของตน อีกฝ่ายก็ยกมือขึ้นโอบรอบคอกระชับจนแน่น ศีรษะลงบนบ่ากว้าง ผ่อนลมหายใจเข้าออก เริ่มตระหนักถึงผลที่จะตามต่อจากนี้ หากพบความผิดหวังอีกครั้ง ตนจะทำใจยอมรับมันได้หรือไม่ ณ.เวลานี้ ควรเดินหน้าต่อหรือหยุดอยู่เพียงเท่านี้ แล้วพิจิกาก็ต้องหัวเราะให้กับตัวเองในใจ ถ้าจะหยุดเธอคงไม่ปล่อยให้มันเลยเถิดมาจนถึงตอนนี้หรอก

“คิดอะไรอยู่” คนที่ลูบไล้ผิวเนียนลื่นเล่นไปเรื่อยๆ เอ่ยถาม ร่างกายอาจจะพร้อมที่จะไปต่อ แต่หากเขาก็ยังรั้งไว้เพื่อให้อีกฝ่ายพร้อมก่อน คนถูกถามก็ตอบปฏิเสธด้วยการส่ายศีรษะไปมา

“พายอยากให้หยุดไหม ถ้าพายปฏิเสธพี่อีกครั้ง พี่จะหยุดทันที” คำตอบก็ยังเป็นการส่ายศีรษะ ทำให้คนถามยิ้มกว้าง เพียงเท่านี้จริงๆ ที่เขาต้องการ

ร่างผอมบางถูกพลิกให้กลับไปนอนราบกับเตียงนอนแสนนิ่มอีกครั้ง และครั้งนี้จะไม่มีการหยุดพักอีกแล้ว ทั้งสองคนจะเดินไปให้สุดทางพร้อมกัน ร่างกายจึงถูกปลุกเร้าอีกครั้ง และครั้งนี้ไฟเสน่หาก็ถูกโหมให้แรงและเร่าร้อนกว่าเดิมเป็นสิบเท่า

ริมฝีปากหนาเริ่มสำรวจสรีระของผู้ช่วยสาวอีกครั้ง และครั้งนี้ไม่มีพื้นที่ใดที่เขาไปไม่ถึง โดยเฉพาะจุดอ่อนไหวที่เมื่อถูกแตะต้องก็จะมีเสียงครวญครางตามมาทุกครั้ง เขาส่งเธอไปถึงปลายทางฝันถึงสองครั้ง และเมื่อรู้ว่าเธอพร้อมสำหรับเขาแล้ว แก่นกายความเป็นชายก็ล่วงล้ำเข้าไปในความเป็นหญิง แม้จะรู้สึกคับแน่นไปหมด หากก็ไม่ได้พบอุปสรรคใดๆ มาขัดขวางทางรัก ความเร่าร้อนภายในกายถูกส่งไปจนสุดทาง พร้อมกับเสียงกรี๊ดที่บ่งบอกถึงความสุขสม ร่างที่ถูกรุกจนหัวสั่นหัวคลอนเมื่อครู่เหลือเพียงหายใจหอบน้อยๆ

“มีความสุขไหม” หญิงสาวพยักหน้าอย่างอายๆ หากก็มีรอยกังวลฉายอยู่ในแววตา

“พี่อยากมีความสุขบ้าง พายช่วยพี่หน่อยนะ”

“แต่ว่า...”

“พี่จะได้รู้ไงว่าพายรักพี่บ้างหรือเปล่า รักพี่นะ รักเท่าที่พายจะรักได้” ร่างของพิจิกาถูกพลิกให้กลับขึ้นเป็นผู้นำทางอีกครั้ง แม้จะรู้สึกกังวลและเขินอาย แต่เธอก็อยากให้เขารับรู้ความรู้สึกของเธอ เพราะคืนนี้อาจจะเป็นค่ำคืนเดียวสำหรับเราก็ได้ และแล้วแม่สมิงสาวก็ทำให้เสือร้ายครวญครางด้วยความสุขสม


ค่ำคืนที่แสนเร่าร้อนจบลงด้วยความสุข หากพิจิกาก็ไม่อาจมั่นใจได้เลยว่าความสุขที่ตนได้รับนั้นมันจะจบลงเพียงเท่านี้หรือไม่ ด้วยวัยและความชำนาญในเกมส์รัก หญิงสาวมั่นใจว่าเขารู้แน่ๆ ว่าร่างกายของเธอเป็นอย่างไร เขาจะรับเรื่องนี้ได้หรือไม่ ถ้าไม่เธอก็คงต้องจากที่นี่ไปโดยเร็ว เพราะคงไม่อาจทนอยู่ต่อไปได้ คนขี้กังวลคงคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปมากกว่านี้ ถ้าไม่รู้สึกว่าวงแขนที่ผ่อนคลายอยู่กระชับเอวเธอแล้วรั้งเข้าหา

“ตื่นนานแล้วหรือครับ” ภูมิรพีถาม พร้อมกับหอมแก้มภรรยาหมาดๆ ของตน

“พี่ภูมิรู้ใช่ไหมคะว่าพาย...” ชายหนุ่มยกนิ้วแตะที่ริมฝีปากบาง ใช่! เขารู้ว่าเขาไม่ใช่คนแรกของเธอ ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับเขาแม้แต่น้อย เพราะเขาไม่เคยให้ความสำคัญกับไอ้เยื่อบางๆ นั่นมากไปกว่าความรู้สึกที่มีให้แก่กัน

“พี่ไม่รู้อะไรทั้งสิ้น นอกจากรับรู้ว่าตอนนี้พายเป็นเมียของพี่”

“แต่ว่า”

“ไม่มีแต่ครับ ตั้งแต่วันนี้ไม่มีผู้หญิงชื่อพิจิกาคนเดิมอีกแล้ว มีแต่ผู้หญิงที่ชื่อพิจิกาคนนี้ คนที่เป็นนายหญิงของที่นี่” คนตัวโตกว่ายืนยันอย่างหนักแน่น

“พี่ภูมิแน่ใจหรือคะ พายไม่ใช่ผู้หญิงที่ดี พายเคยเป็นของคนอื่นมาก่อน พี่ภูมิไม่รู้สึกรังเกียจพายบ้างหรือคะ”

“ทำไมชอบพูดให้ร้ายตัวเองอยู่เรื่อยเลย พี่จะโกรธถ้าพายยังว่าตัวเองแบบนี้ แล้วพี่จะโกรธถ้าอยู่ในอ้อมกอดของพี่ แล้วพายยังพูดถึงผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่สามีของพายคนนี้ คนเราทุกคนมีอดีต ถ้าจมอยู่กับอดีต ปัจจุบันและอนาคตจะดีได้ยังไง ที่สำคัญพี่จะไม่รั้งพายเอาไว้เลย ถ้าพายไม่มีใจให้กับพี่บ้าง” นายจงใจเน้นถามในคำถามสุดท้าย เพราะคำตอบมันจะบอกได้ว่าทุกสิ่งในอนาคตจะเดินไปในทิศทางใด

“พี่ภูมิ” พิจิกาโผเข้าหาอ้อมกอดแข็งแรง พอแล้วสำหรับวันนี้ วันข้างหน้าจะเป็นยังไงก็ช่าง ตั้งแต่วันนี้เธอจะทำทุกอย่างเพื่อเขา ทำตัวให้ดีที่สุดเพื่อให้คู่ควรกับเขา

“กอดพี่แน่นแบบนี้ เดี๋ยวทนไม่ไหว พี่รักพายอีกนะครับ” ได้ผลพิจิกาผละออกจากตัวเขา หันหลังให้ซ่อนความอายของตัวเอง ภูมิรพีรั้งตัวเธอเข้ามากอดไว้แนบอก

“พี่ภูมิรักพายได้ยังไงคะ พายไม่เห็นมีอะไรดีสักอย่าง สวยก็ไม่สวย เก่งก็ไม่เก่ง หนี้สินก็เยอะ แถมยังไม่รักนวลสงวนตัว ไม่รักษาสิ่งที่พึงรักษาของลูกผู้หญิงเอาไว้ และนี่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้พายอยากฆ่าตัวตายเพื่อล้างความผิดให้กับตัวเอง” พิจิกาบอกด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด ภูมิรพีจึงรัดวงแขนของตัวเองให้แน่นยิ่งขึ้น

“อย่าไปพูดถึงมันอีกเลยนะ ส่วนพี่รักพายได้ยังไง พี่ก็ไม่รู้ รู้แต่พี่อยากดูแลผู้หญิงคนนี้ พี่อยากเห็นผู้หญิงคนนี้มีความสุข แล้วพี่ก็ไม่ได้รักใครเพราะหน้าตาของเขาเสียหน่อย ส่วนเรื่องไม่เก่ง พี่ก็เก่งพอแล้วไม่ต้องให้พายมาเก่งแข่งกับพี่หรอก พายเคยได้ยินเรื่องด้ายแดงที่ผูกอยู่ที่ข้อมือของคนสองคนที่เป็นคู่กันไหม” คนในวงแขนส่ายหน้าไปมา

“ก็หมายความว่าต่อให้เราอยู่ไกลกันสักแค่ไหน ต่อให้เราต้องผ่านอะไรมามากมาย สุดท้ายคู่ของเราก็คือคนที่เรากับเขาถูกเชื่อมโยงด้วยด้ายสีแดงอย่างไรล่ะ เราไม่มีทางหนีกันพ้น และในทางกลับกันต่อให้รักกันแค่ไหน สุดท้ายถ้าไม่ใช่คู่กันเราก็ไม่มีทางได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้” พรหมลิขิตเป็นเรื่องที่พิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้ แต่เขาก็เชื่อว่าการที่เราได้มีโอกาสได้รู้จักใครสักคน พระพรหมท่านมีส่วนทำให้เป็นไป

“ถ้าเป็นแบบนั้นพี่ภูมิแน่ใจได้อย่างไรคะว่าเราคือคนที่เป็นคู่กัน”

“พี่ไม่รู้หรอก เราสองคนจึงต้องช่วยกันพิสูจน์อย่างไรล่ะ พี่เชื่อว่าถ้าเราสองคนทำสิ่งดีๆ ในทุกวันอย่างดีที่สุด เราก็จะมีความสุขตลอดไป ตอนนี้อยู่ที่พายแล้ว พร้อมจะเริ่มต้นชีวิตใหม่หรือเปล่า พร้อมที่จะรักใครสักคนหรือยัง”

“ไม่พร้อมที่จะรักใครค่ะ แต่รักไปแล้ว และก็ไม่รู้ว่ารักตั้งแต่เมื่อไหร่” แววตาที่สื่อให้รู้ว่าเธอรักใคร ก็ทำให้ภูมิรพียิ้มกว้าง อะไรจะสุขเท่าคนสองคนมีใจตรงกัน


รถจิ๊ปที่ตะเวนไปทั่วพื้นที่ในอาณาเขตของพนารักษ์ เลี้ยววนกลับมายังสำนักงานในเวลาเกือบเที่ยง เจ้านายและลูกน้องสาวกระโดดลงจากรถอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะเดินเคียงคู่กันเข้าไปในด้านใน

“นายค่ะ” กีรณาเรียกผู้เป็นนายที่กำลังจะเดินผ่านเข้าห้องทำงานตามความเคยชิน

“มีอะไรครับ”

“เอ่อ...คุณป่านแก้วรออยู่ด้านในค่ะ ณาแจ้งเธอแล้วนะคะว่านายไม่อยู่ แต่เธอไม่ยอมฟังอะไรเลย” กีรณารายงานเสียงอ่อย เพราะครั้งก่อนเธอก็โดนตำหนิเรื่องปล่อยให้แขกเข้าไปนั่งในห้องทำงานได้อย่างไร

“เดี๋ยวผมจัดการเอง” ภูมิรพีมองสีหน้าเจื่อนๆ ของลูกน้องก็ดุไม่ลง เพราะรู้ดีว่าบางทีคนของตนก็ทำอะไรไม่ได้ เมื่ออีกฝ่ายมีแม่นายคุ้มกะลาหัวอยู่

“งั้นพายขอรอด้านนอกนะคะ” พิจิกาเป็นอีกหนึ่งที่ขยาดเสียงกรี๊ดสิบแปดหลอดของหญิงสาวคนนั้น

“เข้าไปด้วยกัน มีเอกสารต้องเคลียร์อีกหลายฉบับ ระหว่างพี่รับรองแขก พายก็นั่งตรวจเอกสารให้พี่ไปพลางๆ แล้วกัน” หญิงสาวอ้าปากจะค้านอีกก็ต้องหุบปากทันควัน เมื่ออีกฝ่ายส่งสายตาคาดโทษมาให้ จึงถอนหายใจก่อนเดินตามนายเข้าไปต้อยๆ ท่ามกลางสายตาเห็นใจของเพื่อนร่วมงาน

“สวัสดีครับคุณป่าน มาหาผมถึงที่นี่มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ” เจ้าของห้องทักทายผู้มาเยือนด้วยน้ำเสียงปกติ

“สวัสดีค่ะพี่ภูมิ อย่างป่านต้องมีธุระด้วยหรือคะถึงจะมาหาพี่ภูมิได้” สาวสวยทำเสียงกระเง้ากระงอดดูน่ารัก แต่หญิงสาวอีกคนแอบย่นจมูกใส่

“เอ่อ...ดิฉันขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ” ในขณะนี้ป่านแก้วเข้าประชิด ‘นาย’ คล้องแขนนายขยับมาเบียดชิดอย่างออดอ้อน บุคคลที่สามเกรงว่าจะได้เห็นภาพอะไรที่มันอุจาดตากว่านั้น จึงรีบแสดงตัวก่อน

“ก็ไปสิยะ จะมายืนเซ่ออยู่ทำไม” ด้วยไม่อยากมีเรื่อง ผู้ช่วยสาวจึงเดินเลี่ยงไปที่โต๊ะนายอย่างที่ทำประจำ ยังไม่ทันได้นั่ง เสียงแหลมปี๊ดก็ดังขึ้นอีก

“นี่หล่อนรีบๆ หยิบเอกสารแล้วก็ออกไปซิย่ะ เจ้านายเขาจะคุยกัน มายืนสะเหร่ออยู่ได้”

“ขอโทษครับ ปกติพายทำงานในห้องนี้กับผม เธอคงออกไปไหนไม่ได้หรอกครับ เพราะผมสั่งงานเธอเอาไว้” ภูมิรพีพยายามเก็บอารมณ์กรุ่นๆ เอาไว้

“อ้าว! ทำไมเป็นแบบนั้นค่ะ ห้องทำงานเจ้านายน่าจะเป็นส่วนตัวนะคะ เขาก็ควรมีโต๊ะทำงานด้านนอกเหมือนคนอื่นๆ”

“พายเป็นผู้ช่วยผมครับ ต้องปรึกษางานกันตลอด นั่งด้านนอกคงไม่สะดวก ผมว่าเราอย่าไปใส่ใจเรื่องนั้นเลยครับ เข้าเรื่องของคุณป่านแก้วดีกว่า” ชายหนุ่มตัดบทอย่างสุภาพ

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ คุณป้ามักจะบ่นกับป่านว่าพี่ภูมิสนใจแต่งานไม่ค่อยดูแลตัวเอง ทำให้คุณป้าต้องคอยเป็นห่วงอยู่เรื่อย วันนี้ป่านเลยจะมาชวนพี่ภูมิไปทานข้าวด้วยกัน ป่านรู้จักร้านอร่อยๆ หลายร้านนะคะ ถ้าพี่ภูมิติดใจป่านยินดีเป็นสารถีพาไปทานทุกวันค่ะ” ป่านแก้วจำต้องละประเด็นของแม่ผู้ช่วยสาวออกไป เพราะไม่อยากทำให้ฝ่ายชายไม่พอใจ

“ขอบคุณคุณป่านมากนะครับที่เป็นห่วง แต่ช่วงนี้ผมงานยุ่งมาก คงไม่ค่อยสะดวก แล้วปกติคนสนิทของผมก็จะหิ้วปิ่นโตมาส่งทุกวัน บางวันผมก็ไปทานที่โรงครัว ไม่ก็กลับไปทานกับคุณแม่ คงไม่รบกวนเวลาของคุณป่านหรอกครับ” เจ้าของสวนส้มแอบผ่อนลมหายใจและเสหน้าไปมองศรีภรรยา ทันได้เห็นอีกฝ่ายอมยิ้มชอบใจ ก็โล่งใจที่ลมเพชรหึงยังไม่มาเยือน แบบนี้น่าจะพูดคุยกันรู้เรื่อง

“ไม่เป็นการรบกวนเลย เอาเป็นว่าวันนี้ป่านพาพี่ภูมิไปชิมก่อนดีกว่า แล้วพี่ภูมิค่อยตัดสินใจอีกที”

“เอ่อ...คือผมมีงานด่วนค้างอยู่”

“แต่นี่ใกล้เที่ยงแล้วนะคะ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง พี่ภูมิอย่าดื้อสิคะ ไม่ทานอะไรให้ตรงเวลา ป่วยไปงานก็ไม่เดินนะคะ” ว่าแล้วสาวเจ้าก็ฉุดดึงคนร่างใหญ่ให้เดินตาม ถ้าต้องการทำอะไรรุนแรงแค่กระตุกแขนร่างของป่านแก้วคงร่วงหล่นไปนั่งกับพื้น เมื่อทำเช่นนั้นไม่ได้ภูมิรพีจึงปล่อยให้ถูกลากออกไป แต่ก็ไม่วายหันกลับไปมองหน้าคนที่นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ ดูเหมือนเธอจะเข้าใจสถานการณ์ดี จึงพยักหน้าให้เขายอมทำตามใจป่านแก้ว


กี่ค่ำคืนแล้วที่เพลิงพิศวาสไม่เคยมอดไหม้ กลางวันตรากตรำงานหนักแค่ไหน ภูมิรพีก็ยังมีแรงเหลือมาปรนเปรอรักให้คนใกล้ใจ เสียงลมหายใจที่สอดประสานเปี่ยมไปด้วยความสุข หากเรื่องที่หนักใจก็ยังมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของป่านแก้ว หรือเรื่องความสัมพันธ์ของเราที่ยังต้องเก็บเป็นความลับตามคำขอของพิจิกา ซึ่งฝ่ายชายไม่เห็นด้วยสักนิด การปล่อยเวลาให้เนิ่นนานออกไปน่าจะมีผลเสียมากกว่า แต่คนที่อยู่อ้อมกอดใจแข็งยิ่งกว่าสิ่งใด

“พายจะปิดเรื่องของเราไปอีกนานแค่ไหน พี่ไม่อยากทำอะไรหลบๆ ซ่อนๆ แบบนี้เลย มันไม่ดีต่อตัวพายเองนะ” คนเป็นสามีเปรยหลังจากรสสวาทครั้งล่าสุดจบลง

“ก็พายบอกกับพี่ภูมิแล้วว่าเราไม่ควรทำแบบนี้อีก พี่ภูมิฟังพายบ้างหรือเปล่าคะ” คนร่างเล็กค้อนขวับ

“พี่ก็ไม่เห็นพายห้ามจริงๆ จังๆ สักทีนี่ เห็นให้ความร่วมมือทุกครั้ง”

“พี่ภูมิ” พิจิกาเรียกเสียงเขียว อีกฝ่ายแทนที่จะกลัวกลับหัวเราะร่วน

“เราทำอะไรให้มันถูกต้องเถอะนะพาย”

“แต่พายกลัวว่าความสุขของเราจะจบลงเพียงแค่นี้ พี่ภูมิก็รู้ว่าแม่นายอยากได้คุณป่านแก้วมาเป็นสะใภ้ ถ้าท่านรู้ว่าพาย...”

“ไม่ว่าช้าหรือเร็วท่านก็ต้องรู้ และไม่ว่ายังไงคุณป่านก็ไม่มีทางได้เป็นสะใภ้ของคุณแม่ พี่คิดว่าการที่คุณแม่ทราบเรื่องของเราเร็วเท่าไหร่ เรื่องของคุณป่านก็จะจบเร็วแค่นั้น” ภูมิรพีให้เหตุผล การที่เขายังทำตัวโสดทั้งๆ ที่ไม่โสดแล้วทางพฤตินัย ก็เปิดช่องให้ป่านแก้วเข้ามายุ่งวุ่นวายได้ตลอดเวลา เพราะมีมารดาคอยหนุนหลัง ซึ่งไม่ว่ายังไงมันก็ไม่มีทางเป็นไปได้ เขาจึงไม่อยากให้เธอมาเสียเวลามากไปกว่านี้

“พี่ภูมิจะบอกแม่นายว่ายังไงคะ”

“ก็บอกตรงๆ ว่าเรารักกัน เราอยากใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน”

“ถ้าแม่นายไม่อนุญาต เราจะทำยังไงคะ” เพราะรู้ว่าตนไม่คู่ควร พิจิกาจึงอดกังวลไม่ได้

“คุณแม่ไม่ใช่คนไม่มีเหตุผลนะ และท่านก็ไม่ได้มองคนจากสิ่งรอบข้างที่มี แต่ท่านให้ความสำคัญกับความดี ซึ่งพี่คิดว่าพายมีดีพอให้ท่านยอมรับ”

“แต่สิ่งที่พายทำในขณะนี้ อาจจะเป็นข้อเสียเดียวที่กลบความดีที่มีไว้จนหมด”

“เพราะเหตุนี้ไง พี่ถึงไม่อยากให้เรายื้อเรื่องนี้ต่อไปอีก เชื่อพี่เถอะนะ เราควรจัดการเรื่องของเราให้ถูกต้อง” พิจิกาสบตาคนเป็นสามี เธอนะหวาดหวั่นแน่ๆ แต่ดูอีกฝ่ายจะไม่หวั่นใจอะไรเลย ดูเหมือนจะมั่นใจว่าทุกอย่างจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

“ถ้าพี่ภูมิมั่นใจในเรื่องของเราแล้ว พายก็แล้วแต่พี่ภูมิค่ะ”

“แบบนี้สิถึงเรียกว่ารักกันจริง แต่เอ๊ะจะรักจริงหรือเปล่าน้า มันต้องพิสูจน์” เมื่อได้ข้อสรุปแล้วนายก็ปฏิบัติการพิสูจน์รักผู้ช่วยสาวอีกครั้ง



ปล. ชี้แจงนิดนึงนะคะ หรือเรียกง่ายๆ ว่าชิงแก้ตัวก่อนเลย 5555 (แก้ผ้าเอาหน้ารอด, แก้ตัวน้ำขุ่นคลั่กๆ) หลายคนคงสงสัยว่าพระนางไปรักกันตอนไหน...หนึ่งก็ไม่รู้...5555 จะบอกว่าเป็นช่วงเวลาที่ไม่ได้บรรยายถึงนั่นแหละค่ะที่พี่ภูมิถักทอสายใยรักอยู่ในใจ คือเรื่องของเรื่องมีหลายคนถามว่าทำไมหนึ่งไม่เขียนนิยายที่มีฉากโรมานซ์บ้าง ซึ่งก็ยอมรับตรงๆ ว่าตัวเองความสามารถไม่ถึงจริงๆ เขียนออกมาแล้วเหมือนจะตลกมากกว่าเร้าใจ...555 และมีคนแนะนำให้ลองเขียนต้นฉบับเล่มเล็กที่มีฉากรักส่งให้ทางสนพ.พิจารณาดู หนึ่งก็หันซ้ายแลขวาว่าพอจะมีเรื่องไหนมาปรับให้มีฉากรักได้บ้างก็มาสะดุดที่เรื่องนี้ ข้อจำกัดมันก็มีอยู่ที่จำนวนหน้าของต้นฉบับที่ทางสนพ.กำหนด ทำให้เรื่องมันต้องกระชับไม่สามารถลงรายละเอียดได้มากมาย หรือเพราะหนึ่งไม่มีความสามารถก็ไม่รู้ - -“ ครั้นพอเรียบเรียงเสร็จก็รู้สึกว่าเนื้อเรื่องมันธรรมดาไป ไม่กล้าส่งสนพ.อีก 5555 เนื่องจากช่วงนี้ถูกโฉลกกับแห้วเป็นพิเศษ ยังไงก็ช่วยติดตามกันพอขำๆ แล้วกันนะคะ อย่าเพิ่งถอดใจโบกมือลากันไปก่อน เพราะหนึ่งกำลังใจของท่านคือแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่ของนักหัดเขียนคนนี้ค่ะ ^____^



หนึ่งจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 พ.ค. 2557, 10:38:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 พ.ค. 2557, 10:38:51 น.

จำนวนการเข้าชม : 1472





<< บทที่ 7   บทที่ 9 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account