หงส์ซ่อนลาย
เธอจะทำยังไง ในเมื่อรู้ว่าคนที่ฆ่าพี่ชายเธอ คือคนรักของเธอเอง
Tags: มาเฟีย ตบจุบ รักโรแมนติก ดรา่่มา
ตอน: บทที่ 9 ผู้ทรยศ (สนพ.เลิฟอีส)
ผู้ทรยศ
จีนานั่งอยู่บนโซฟา ปล่อยผมยาวสลวย เธอพยายามขจัดความหมกมุ่นภายในใจออกไปเสีย แต่ก็ทำไม่ได้ ในหัวใจเธอเต็มไปด้วยความคิดคำนึงถึงวาเลนติโน...รอยยิ้มของเขา รวมไปถึงอดีตที่น่าค้นหา เธอบอกไม่ถูกว่าเพราะอะไรเธอถึงได้สนใจเขานัก คน ๆ นั้นเป็นผู้ชายที่เงียบขรึม สุขุมและมีนัยน์ตาคมกริบโดยเฉพาะเวลาที่มองตรงมาที่เธอ รอยจูบของเขาเธอพยายามสลัดมันออก แต่ก็ไร้ผล...
หญิงสาวไม่เคยสนใจผู้ชายมาก่อน
เอาแต่เฝ้าคิดคำนึง ถามหาเหตุผลว่าเพราะอะไรถึงเป็นแบบนั้น เธอไม่เคยเจอผู้ชายอย่างเขามาก่อน ชายผู้มีใบหน้าหวานเหมือนผู้หญิง จีนาหน้าร้อนผ่าว...
“บ้าจัง...ไม่มีวันซะหรอก” เธอสะบัดศีรษะ
ไม่มีทางหรอกที่เธอจะงอนง้อใคร และไม่มีวันที่จะไปนึกชอบผู้ชายพรรค์นั้น เธอถอนหายใจยาวแล้วเดินไปที่แก้วน้ำที่วางอยู่บนชั้น โดยที่ไม่ทันได้สังเกตถึงพี่ชายที่เดินเข้าที่ประตู ลูซิโอมองเห็นเธอแล้วก็ยิ้มบาง ๆ
“เธอว่าใครบ้า ยังมีใครที่ทำตัวไม่เหมาะสมกับเธออยู่อีกหรือ”
จีนาหันมาทันที สายตาของเธอเปล่งประกายด้วยความยินดี
“พี่ลูซิโอ พี่กลับมาแล้วเหรอ”
“พี่เพิ่งเลิกประชุมน่ะ เป็นยังไงบ้างล่ะ ได้ข่าวว่าไปดินเนอร์กับนักธุรกิจชื่อดัง พังเสียไม่เป็นท่าเลยไม่ใช่หรือ” รอยยิ้มปรากฏอยู่ที่เรียวปาก
จีนาสะดุ้งตกในเล็กน้อย ใครนะที่ช่างมาฟ้องพี่เธอ
“มีใครมาฟ้องพี่เหรอคะ” เธอหยั่งเสียง
“เปล่า แต่ลุงของเขาโทรศัพท์มาหาพี่ เขาฟ้องเรื่องที่เธอเอาปืนไปจ่อศีรษะของหลานชายเขา แล้วก็ทิ้งให้นั่งอยู่คนเดียว”
“ไม่ใช่ที่ศีรษะซะหน่อย ที่ปลายคางต่างหาก” เธอย้อน
“แปลว่า...มันเป็นเรื่องจริงใช่ไหม”
เธอคอแข็งไปพักใหญ่
“เขาอยากมาแต๊ะอั๋งฉันก่อนทำไมล่ะ หนูบอกพี่แล้วว่าหนูไม่ชอบผู้ชายเจ้าชู้”
“พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่คราวหลังอย่าพกปืนไปทานข้าวนอกบ้าน พี่สั่งให้คนคุ้มกันไปพร้อมกับเธอด้วย เกิดอะไรขึ้นพวกเขาพร้อมที่จะคุ้มกันเธอไม่ใช่หรือ”
“ไม่มีใครป้องกันเรา ดีไปกว่าตัวเองหรอกค่ะ” เธอยิ้มหวาน
เสียงหัวเราะหึ ๆ ดังมาจากปากของพี่ชาย เขานั่งลงบนโซฟาเธอรินน้ำให้ลูซิโอ และนั่งบนโซฟาฝั่งตรงกันข้ามเพื่อรอคอยฟังว่าพี่ชายประชุมเรื่องอะไร
“วันนี้พี่มีประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าสาขาอิตาลีตอนเหนือ...รู้ไหมว่าพี่เลือกใคร” เขากระซิบเสียงต่ำ
“คงจะไม่ใช่อาแมนโดใช่ไหมคะ” เธอมองหน้าพี่ชายเหมือนจะรู้
“ใช่ พี่เลือกซานโซเน่ อาแมนโดไม่เหมาะสำหรับตำแหน่งนี้ ยังจำเรื่องบัญชีที่เธอเอามาให้พี่ดูได้ไหม พี่รู้ได้ทันที่ว่าเขาคิดไม่ซื่อ...หลังจากการประชุมเสร็จสิ้น เขาเดินมาถามพี่ถึงเหตุผลที่พี่ไม่เลือกเขา พี่จึงบอกว่าพี่ไม่ไว้ใจเขา...เขาหน้าซีดทีเดียว”
“อาแมนโดน่ะเหรอคะ”
“ใช่” ลูซิโอเอื้อมมือมายังเธอ “มานี่สิ”
จีนาลุกไปนั่งข้างเก้าอี้โซฟาแล้วมือเขาก็โน้มศีรษะเธอเข้ามาใกล้ หญิงสาวพิงแอบแผ่นอกแข็งแกร่งของพี่ชาย มันรู้สึกอบอุ่น...
“พี่ทำผิดต่อเธอไปหรือเปล่า ตั้งแต่พ่อตายไปพี่ก็ไม่ให้เธออยู่ห่างจากสายตา คอยให้คนคุ้มกันตามเธอไปทุกที่ ส่งเสียให้เธอเรียนสูง ๆ แถมยังฝึกยิงปืนให้เธอ จนมองเห็นผู้ชายเหมือนกันไปหมด” พี่ชายกระซิบแผ่ว
หญิงสาวยิ้มบาง ๆ สองมือโอบรอบเอวหนาไว้แน่น
“อย่าพูดอย่างนั้นเลยค่ะ...ถ้าหนูไม่มีพี่ชายสักคนหนูคงจะไม่มีวันนี้ ตั้งแต่วันที่เราเสียทั้งพ่อและแม่ หนูก็จะระหกระเหินไปตามยถากรรม ไม่มีคนพึ่งพาอาศัย พวกลูกน้องของเราขาดพี่ชายไปสักคนเขาจะอยู่กันได้อย่างไร กลุ่มมาเฟียมาลโซ ก็คงเป็นได้แค่ความฝัน”
เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังมาจากปากพี่ชาย
“นั่นสินะ เธอไม่คิดจะมีครอบครัวเลยหรือ”
“ไม่มีหรอกค่ะ หนูอยู่กับพี่ตลอดไป จะไม่ยอมห่างเลยทีเดียว”
“จริงหรือเปล่า”
จีนายิ้มละไม หอมแก้มพี่ชายที่เธอรักสุดหัวใจ ทั้งคู่โอบกอดกันแน่น....หญิงสาวหลับตา ในขณะที่ลูซิโอยกมือขึ้นลูบศีรษะของเธอเบา ๆ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเป็นกังวล สำหรับเขาแล้วน้องสาวคนนี้คือสิ่งที่มีค่าที่สุด แม้ว่ามาเฟียจะเป็นกลุ่มที่เลวร้ายสักแค่ไหน ทำธุรกิจที่แปดเปื้อนเต็มไปด้วยเลือด แต่จีนาคือคนที่เขาไม่อยากดึงเธอเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยเด็ดขาด
“จีนา...” เขากระซิบแผ่ว
“อะไรคะ”
“สัญญาสิ...ถ้าหากว่าพี่เป็นอะไรไป เธอจะต้องดำรงตำแหน่งแทนพี่ เป็นหัวหน้าของกลุ่มมาลโซ พี่จะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาแทนสายเลือดเดียวกันได้ รับปากสิ พี่จะได้นอนตายตาหลับ”
ประโยคที่เป็นการสั่งเสียนั้น ทำเอาจีนาเงยหน้ามองพี่ชายทันที
“ทำไมพี่พูดแบบนี้ล่ะคะ”
“พี่แค่พูดเผื่อไว้น่ะ อนาคตมาเฟียเป็นสิ่งที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ วันนี้หรืออาจจะเป็นวันพรุ่งนี้จะตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ศัตรูก็มีอยู่มากมาย พี่อาจจะโดยยิงเมื่อไหร่ก็ได้”
“ไม่ค่ะ ถ้าหนูยังมีปืนอยู่ ไม่ว่าใครหน้าไหนหนูก็จะไม่ยอมให้พี่ถูกยิง” เธอร้องเสียงดัง
“สัญญากับพี่ก่อนสิ”
“ไม่ค่ะ หนูไม่สัญญาอะไรทั้งนั้น” เธอเอ่ยเสียงดังฟังชัด “พี่จะต้องเป็นหัวหน้าแก็งค์มาเฟียมาลโซ จะเป็นคนอื่นไปไม่ได้เป็นอันขาด ไม่ว่าจะเป็นหนูหรือว่าใคร ๆ ก็ตาม พี่บอกเองไม่ใช่หรือคะ ว่าพี่จะดูแลหนูจะคอยปกป้องคุ้มครองไปจนกว่าหนูจะปลอดภัย พี่มาพูดเหมือนกับการสั่งเสียตัวเองแบบนี้ แล้วจะให้หนูคิดยังไงล่ะคะ”
ลูซิโอถอนหายใจยาว...ใบหน้ายิ้มบาง ๆ
“พี่จำคำพูดของตัวเองได้เสมอ”
“พี่พูดเองนะคะ ถ้าอย่างนั้นห้ามพี่ป่วยหรือตายเป็นอันขาด เพราะไม่อย่างนั้นหนูจะไม่ยอมให้อภัยแน่” เธอเอ่ยเสียงเฉียบขาด
“ได้ ตกลง พี่จะไม่ยอมป่วยหรือตายเป็นอันขาด...” ใบหน้าหล่อเหลายิ้มบาง ๆ
ไม่มีใครรู้เลยว่า ประโยคนั้น....จะเป็นคำพูดสุดท้ายระหว่างเธอและเขา
บนชั้นล่างของบาร์ดังไปด้วยเสียงเพลง ที่นี่เต็มไปด้วยแสงสี...และผู้หญิง ยาเสพติด อาแมนโดและลูกน้องเดินเข้ามาและหันไปมองผู้หญิงนัยน์ตาสีฟ้าอ่อน เส้นผมสีบลอนทองใส่ชุดนุ่งน้อยห่มน้อย กับผู้หญิงผมสีดำหน้าตาสวยหวาน เข้ามาคลอเคลียด้วยอีกสองคน ฝ่ามือลูบไล้ไปตามลำตัว แต่ทว่าเวลานี้อาแมนโดไม่สนใจที่จะเสวนาด้วย เขามาที่นี่เพราะต้องการพบใครบางคน แสงสีไฟนีออนและเสียงเพลงดังกระหึ่มทำให้เขาชำเลืองมองไปทางกลุ่มผู้ชายรูปร่างลำสั่น กำลังมองมาด้วยสายตาไม่เป็นมิตรนัก
อาแมนโดเหยียดยิ้ม นัยน์ตาวาว
เขาเดินตรงไปที่กลุ่มชายคนนั้น ผู้ชายหลายคนหันไปมองหน้ากัน แล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นมองหน้าอาแมนโดด้วยสายตาดูถูก ผู้ชายมีรอยสักที่ท้ายทอยเป็นรูปทาลันทูราปรายตามอง เรียวปากของเขามีรอยยิ้มเยาะ
“ฉันมาหาไคโร เขาอยู่หรือเปล่า”
ชายฉกรรจ์ทั้งสี่คนหันไปมองหน้ากันแล้วก็เหยียดยิ้ม
“ฉันว่าแกมาหาผิดที่แล้ว ที่นี่ไม่มีคนชื่อไคโรหรอก”
“แต่ฉันรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่ พวกแกไปบอกเขาว่าอาแมนโดมาหา...”
“เป็นตำรวจหรือไง นี่แกพกบัตรประจำตัวมาหรือเปล่า”
“ที่นี่เขาต้องใช้บัตรประจำตัวกันด้วยหรือ” อาแมนโดเหยียดยิ้ม
“ใครที่มาที่นี่ต้องจ่ายไม่ว่าแกจะเป็นใคร...ไม่ว่าแกจะเป็นตำรวจหรือว่าพ่อค้ายาเสพติด ว่าไงแกพอจะมีเงินหรือเปล่าล่ะ ถ้าไม่มีเชิญออกไปได้...ที่นี่ไม่มีใครรับไอ้ปอดแหกอย่างแกหรอก ฮะ ๆ” ชายฉกรรจ์พวกนั้นหัวเราะ
เพียงแค่อาแมนโดปรายตามองไปด้านหลัง มาเฟียที่ตามมาเบื้องหลังก็เข้าไปกระชากคอเสื้อคนที่พูดตะกี้เข้ามาตีเข่าแล้วก็ต่อยจนหน้าหงายล้มลงไปใส่โต๊ะจนแตกกระจายเกลื่อน แต่ยังไม่ทันจะหายงง...ผู้ชายคนเมื่อกี้ก็หยิบขวดบรั่นดีเหวี่ยงเข้ากระแทกศีรษะของเขาจนเลือดอาบล้มฟุบไปกับพื้น ผู้หญิงส่งเสียงกรี้ดดังลั่น พวกผู้ชายต่างก็หน้าซีดเผือดก้าวถอยหลังไม่รู้ตัว
“อา...ฉันเองก็ไม่อยากให้ที่นี่เปื้อนเลือดเหมือนกัน” อาแมนโดผายมือออก
“กะ...แก”
“ไปบอกไคโรซะ ว่าฉันมาพบเขาด่วน”
บนหน้าประตูห้องของชั้นสอง มาเฟียสองคนกำลังยืนเฝ้าอยู่หน้าห้อง สายตาคมราวกับเหยี่ยวมองดูอาแมนโดที่กำลังเดินมาพร้อมผู้คุ้มกันที่ด้านหลัง เขาเหยียดยิ้มน้อย ๆ ขณะที่ชายฉกรรจ์ทั้งสองเปิดประตูให้ ภายในห้องรับแขกมืดสลัว ภายในเต็มไปด้วยผู้หญิงหุ่นสวยราวกับนางแบบสองคน สายตายั่วยวนมองมาที่เขา อาแมนโดเพียงแต่ชำเลืองสายตามอง แต่คนที่หาตามหาเป็นชายรูปร่างไม่สูง เป็นชายวัยกลางคนผิวสีทองแดงที่นั่งอยู่ตรงกลาง เขาสวมชุดเสื้อคลุมสีเทา ปากคาบซิการ์ ภายในห้องเต็มไปด้วยควันขาว
“แกมาที่นี่ทำไม” ปากที่ยังคาบซิการ์พ่นควันบุหรี่ นัยน์ตาหรี่เล็ก “ฉันคิดว่าแก็งค์มาลโซ จะเลี้ยงดูแกให้สุขสบายเสียอีก”
“ฉันมาที่นี่เพื่อคุยธุรกิจ...ธุรกิจแบบที่ต้องพึ่งพาอาศัย”
เสียงหัวเราะดังก้องดังมาจากปากไคโร
“ธุรกิจ...ฮะ ๆ ยังมีธุรกิจอะไรที่เราจะพูดคุยกันเสียอีก”
“ก็ไม่แน่ ว่าแต่ฉันมาทั้งที แกจะไม่เชิญฉันนั่งเชียวหรือ”
ไคโรชำเลืองมองไปยังอาแมนโด แล้วก็พยักหน้าให้นั่งที่โซฟาด้านหน้า มือขวาโบกมือไล่สาว ๆ หุ่นนางแบบนุ่งเพียงกระโปรงสั้นเหนือเข่าทั้งสองคนให้เดินออกไปนอกประตู จากนั้นชายวัยกลางคนก็หรี่ตามองลูกน้องแก็งค์มาเฟียมาลโซ ผู้เคยเป็นทั้งอดีตศัตรูและคู่แข่งทางการค้า ได้ข่าวว่าหัวหน้าสาขาอิตาลีตอนเหนือถูกยิงตายไปและได้มีการเลือกหัวหน้าคนใหม่ขึ้นมาแทน
แต่น่าเสียดาย...ที่ธุรกิจมืดไม่เคยปราณีใคร
“ได้ข่าวว่าหัวหน้าแก็งค์มาเฟียมาลโซสาขาอิตาลีตอนเหนือถูกยิงตายไปไม่ใช่หรือ...” เสียงของเขาเหมือนยิ้มเยาะ “น่าเสียดาย ที่หัวหน้าคนใหม่ไม่ใช่แกอาแมนโด”
อาแมนโดนัยน์ตาวาววับ
“ระวังปากเอาไว้บ้าง”
“หึ ๆ ฉันเคยบอกแกแล้วไง ไม่มีใครเห็นอกเห็นใจแก...นอกจากตัวแกเอง แล้วเป็นยังไงล่ะ เขาเลือกเอาคนอื่นมาเป็นหัวหน้า แกมันเป็นแค่สุนัขรับใช้ อย่างมากก็แค่เห่า อย่างมากเขาก็แค่ซื้อปลอกคอให้แกเอาไว้ใช้งาน”
“สุนัขรับใช้อย่างมากก็แค่เห่า...แต่ฉันมีวิธีที่ดีกว่านั้น”
ไคโรเลิกคิ้ว หรี่ตามอง
“วิธี...อะไรล่ะ”
“ถ้าฉันเป็นหัวหน้าแก็งค์มาลโล...ไม่ใช่แค่สาขาอิตาลีตอนเหนือ แต่เป็นแก็งค์มาเฟียทั้งหมดลูกน้องนับพันของมันก็จะตกอยู่ภายใต้อำนาจฉัน ไม่ว่าจะเป็นการค้ายาเสพติด...หรือบ่อนการพนัน สุดท้ายแล้วก็ต้องตกเป็นของฉันแต่เพียงผู้เดียว”
ไคโรมีรอยยิ้มบริเวณริมฝีปาก เอาซิการ์ที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อยเคาะลงกับถาดแก้ว
“มันไม่ง่ายอย่างนั้นน่ะสิ”
“ง่ายดายยิ่งกว่าอะไรเสียอีก ถ้าเราร่วมมือกัน” อาแมนโดยิ้มเยาะ
ระหว่างที่ไคโรเอาซิการ์ตัวใหม่ขึ้นมาคาบไว้ อาแมนโดก็ติดไฟแชกให้กับชายวัยกลางคน หัวหน้าแก็งค์ดราโกชำเลืองมองเขาขณะคาบซิการ์เอาไว้และพ่นควันออกมาเป็นสีขาวยาวเหยียด เขารู้ว่านี่เป็นเกม...และเป็นเกมที่เขาจะต้องลงทุนเสี่ยง ถ้ามันสำเร็จโอกาสที่เขาจะได้รับผลกำไรจากการค้ายาเสพติดและบ่อนค้ายาเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว แต่หากว่าเกมนี้เขาล้มเหลวล่ะ
ใครจะกล้ารับประกัน...
“ฉันจะได้รับอะไรจากงานนี้”
“ทุกสิ่งทุกอย่างที่แกอยากจะได้”
“หึ ๆ แกนี่มันเลี้ยงไม่เชื่องจริง ๆ เลี้ยงงูเห่ามันยังดีกว่าแกซะอีก”
“โลกนี้มันเต็มไปด้วยธุรกิจ” อาแมนโดยิ้มเยาะ
ไคโรหัวเราะหึ ๆ พ่นควันซิการ์ออกมาเป็นทางยาว
“ฉันอยากจะได้กำไรจากการค้าครึ่งหนึ่ง แบ่งกันคนละครึ่งหารสองทั้งการค้ายาและบ่อนการพนัน ไม่รวมถึงผับบาร์...มันคงไม่มากไปใช่ไหมสำหรับคนที่จะมาเป็นหัวหน้าใหญ่แก็งค์มาลโซ”
“สามสิบ เจ็ดสิบ...ฉันให้แกได้แค่นี้”
มันไม่ง่ายนักเลยสำหรับอาแมนโดที่คลุกคลีกับวงการนี้มานานกว่าสิบปี นัยน์ตาของเขาคมวับราวกับตาเหยี่ยว การที่เขาเลือกไคโรเพราะเป็นแก็งค์มาเฟียดราโกที่เป็นคู่แข่งทางการค้า ย่อมมีความเคียดแค้นกับกลุ่มมาลโซมานาน แต่ถ้าเหตุผลการเจรจาไม่ประสบผลสำเร็จ มันก็แค่นั้น...
ไคโรขมวดคิ้วคิดหนัก
“คิดดูให้ดี...โอกาสนี้ไม่ได้หากันง่าย ๆ เงินจำนวนหลายล้านยูโรกำลังคอยแกอยู่ เงินจำนวนสามสิบแค่นี้ถือว่าเป็นกำไรที่หากันได้ไม่ง่ายนัก เลือกเอา...ว่าแกจะยอมร่วมมือกับฉันกำจัดลูซิโอ หรือจะยอมกินหุ้นส่วนเล็กน้อยกับการเป็นแก็งค์มาเฟียโง่ ๆ นี่”
“แกบังอาจนัก !”
ชายฉกรรจ์ข้างหลังไคโรตวาดลั่นด้วยความโกรธ พวกเขาชักปืนออกมาจ่อยิงไปที่อาแมนโด แต่ก็ยังช้ากว่ามาเฟียผู้คุ้มกันของชายหนุ่มที่จ่อยิงศีรษะของไคโรที่นั่งอยู่บนโซฟาในขณะที่ปืนจ่อที่ขมับขวาเลยทีเดียว ชายวัยกลางคนหน้านิ่วคิ้วขมวด เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ขุ่นมัว
“อา...ลูกน้องคุณนี่ไม่รู้จักกาลเทศะเอาเสียเลย” ชายที่มีรูปรอยสักอยู่ที่ท้ายทอยหยัดยิ้ม
ไคโรโบกมือให้ลูกน้องเอาปืนลง จึงทำให้เหตุการณ์สงบ
“ตกลงสามสิบเจ็ดสิบ” ชายวัยกลางคนเอ่ยอย่างหงุดหงิด “แผนการของแกเป็นยังไง”
อาแมนโดยิ้มละไม ไม่มีใครสังเกตเห็นว่ารอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความอำมหิตเพียงใด...
....ซานโซเน่ ชายวัยกลางคนที่มีผมขาวสีเทาเต็มศีรษะ สองวันมานี้เขาได้รับตำแหน่งหัวหน้าใหญ่สาขาอิตาลีตอนเหนือ อำนาจและการแก่งแย่งทุกอย่างที่เขาเผชิญมาสิบกว่าปี เห็นผลก็วันนี้...ร่างสูงใหญ่สวมชุดสูทรองเท้าหนังเดินไปที่รถสีดำยี่ห้อหรูคันหนึ่งที่จอดไว้หน้าตึก เขาเพิ่งเสร็จธุระจากการคุยเรื่องการค้ายาเสพติดกับลูกค้ารายใหญ่ เงินจำนวนมากมายที่เขาสรรหามาได้ กับส่วนแบ่งรายรับก็ทำให้เขาเป็นเจ้าพ่อรายใหญ่ของสาขาอิตาลีตอนเหนือ ที่ใคร ๆ ก็ต้องโค้งศีรษะให้อย่างนอบน้อม
“นายท่านจะไปไหนต่อครับ”
“ไปแก็งค์มาลโซ ไปพบหัวหน้าใหญ่ซะหน่อย ฉันมีเรื่องราวกับบอกเกี่ยวกับการค้าครั้งนี้”
“ให้คนคุ้มกันตามไปสักสองสามคนดีหรือเปล่าครับ”
“ไม่ต้อง” ซานโซเน่หัวเราะ “ต่อให้เป็นคู่อริ ก็ไม่มีทางกล้าหือ...ฉันเป็นถึงหัวหน้าสาขาแก็งค์มาลโซอิตาลีตอนเหนือเชียวนะ อา...ตำแหน่งใหม่นี่มันกินใจฉันจริง ๆ”
มือหนาที่จับพวงมาลัยที่ซ่อนอยู่ริมถนน สวมแว่นตาดำคอยมองไปยังรถยนต์สีดำยี่ห้อหรูของคนขับรถของซานโซเน่ ฝ่ามือกำเข้าหาพวงมาลัยแน่น ๆ รอยยิ้มผุดผาดขึ้นบนเรียวปากอย่างอำมหิต เมื่อรถยนต์ของซานโซเน่เคลื่อนออกสู่ท้องถนน รถคันนั้นก็เคลื่อนตามออกไปช้า ๆ
ซานโซเน่ชะงัก แล้วมองลงไปที่กระจกหลัง เห็นได้ชัดว่ามีรถยนต์คันหนึ่งตามมา
“นั่นอะไรน่ะ”
*****************************
เบลินญา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 พ.ค. 2557, 13:09:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 พ.ค. 2557, 13:09:18 น.
จำนวนการเข้าชม : 1182
<< บทที่ 6 ความแตกต่างระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง (สนพ.เลิฟอีส) | บทที่ 10 แขกที่ไม่ได้รับเชิญ >> |
เบลินญา 11 พ.ค. 2557, 15:46:41 น.
เป็นหัวหน้าได้ไม่กี่วัน...
เป็นหัวหน้าได้ไม่กี่วัน...