บ่วงรักนายพราน
เรื่องชุลมุน ซุ่มซ่าม เข้าใจผิดของธีรดากับจอมวายร้ายปารินทร์ เจ้าของคำจำกัดความ หล่อ สปอร์ต ใจดี รักหมา(ไม่น่ารอด) 'หากใครจะคิดว่าผมกำลังคบกับใคร ผมอยากให้ใครต่อใครคิดว่าผมคบกับคุณ'
การรู้สึกว่า 'ใช่' กับใครสักคนไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน ปารินทร์รู้สึกว่าธีรดา 'ใช่' สำหรับเขา แต่กลับพบในภายหลังว่าเธออาจเป็นผู้หญิงที่เข้ามาทำลายความรักของน้องสาว การเอาคืนในแบบชิงไหวชิงพริบที่ใช้ธุรกิจบังหน้าทั้งที่เป็นเรื่องของหัวใจล้วนๆ จึงเกิดขึ้น
การรู้สึกว่า 'ใช่' กับใครสักคนไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน ปารินทร์รู้สึกว่าธีรดา 'ใช่' สำหรับเขา แต่กลับพบในภายหลังว่าเธออาจเป็นผู้หญิงที่เข้ามาทำลายความรักของน้องสาว การเอาคืนในแบบชิงไหวชิงพริบที่ใช้ธุรกิจบังหน้าทั้งที่เป็นเรื่องของหัวใจล้วนๆ จึงเกิดขึ้น
Tags: ความรัก ภาคต่อ หวานรักพยัคฆ์ร้าย
ตอน: ตอนที่ 6
ตอนที่ 6
ปารินทร์เดินเข้ามาในบ้านซึ่งปลูกแยกกันให้พี่น้องได้อยู่กันเป็นส่วนตัวพอดี เขายังไม่โทษว่าเป็นความผิดของใครทั้งนั้น การที่ศศิภาร้องไห้ต้องมีสาเหตุ เพียงแต่สาเหตุนั้นมาจากอะไร คนอย่างปุราณไม่น่าเป็นฝ่ายเดินจากถ้ารู้ว่าทำแบบนี้แล้วน้องสาวของเขาจะร้องไห้
“ทะเลาะอะไรกันศศิเสียงดังลั่น จนพี่ต้องเดินมาดูว่ามีอะไร”
“พี่ปุ๊มีคนอื่นแล้วค่ะพี่สิงห์” ศศิภาบอกพี่ชายเสียงสั่น
ปารินทร์พาน้องไปนั่งตรงสวนข้างบ้าน ส่วนเขานั่งที่บันไดทางลงไปยังสวนเล็กๆ เห็นของสวยๆ งามๆ เผื่อว่าน้องสาวจะดีขึ้นบ้าง
“เหลวไหล วันนี้พี่เพิ่งได้รับรายงานจากทิน..นักสืบน่ะ ปุราณไม่ได้มีใครอื่นเลย ส่วนข้อความที่ส่งมาจากคอมพิวเตอร์ก็ใช้ Application ที่รักษาเบอร์โทรศัพท์ให้เป็นความลับ (เช่น easy2crm) มันเลยตรวจสอบยากว่าใครเป็นคนส่ง เราต้องมั่นใจในคนของเราสิศศิ แล้วอยู่ดีๆ ทำไมถึงคิดแบบนั้น ถ้าไม่เชื่อใจกัน ต่อไปแต่งงานกันจะอยู่กันได้ยังไง” เขารักน้อง แต่ไม่อยากเข้าข้างตะพึดตะพือ บางทีอาการซึมเศร้าอาจจะกลับมาทำให้เวลาเจอปัญหาเลยเหมือนใหญ่เป็นภูเขา
“ศศิไม่ได้คิดไปเอง พี่สิงห์ดูรูปพวกนี้สิคะ” ศศิภาเช็ดน้ำตา ที่ผ่านเธออาจระแวงไปเอง แต่มันไม่ใช่ครั้งนี้
ปารินทร์รับรูปมาดู พอเห็นว่าผู้หญิงที่อยู่ในรูปกับปุราณ เขาอึ้งในวูบแรก แต่ไม่ได้คิดอะไรที่เลวร้ายไปกว่าอาจมีบางอย่างที่เข้าใจผิดกัน
“ไม่น่าเป็นไปได้ พี่คิดว่าอาจมีการเข้าใจผิดก็ได้นะศศิ”
“ถึงขนาดนี้แล้วพี่สิงห์ยังเข้าข้างพี่ปุ๊อีกหรือคะ ทั้งๆ ที่มีหลักฐาน” ศศิภาโวยวายพร้อมกับเปิดโทรศัพท์ให้พี่ชายดูรูปที่เคยได้รับมาก่อนหน้านี้
ปุราณมองรูปในมือกับรูปในมือถือของน้องสาวสลับกัน ทรงผมของผู้หญิงไม่เหมือนกัน ความสูงก็ต่างกัน และที่สำคัญรูปทั้งสองถ่ายในเวลาที่ต่างกันแน่นอน รูปที่มีธีรดาอยู่ด้วยนั้นปุราณยังสูงและผม ต่างจากรูปในมือถือที่ดูสูงและอ้วนขึ้น เขาสนใจรูปในมือถือมากกว่ารูปถ่ายว่าเป็นรูปจริงหรือว่าตัดต่อมากกว่า
“ผู้หญิงในรูปทั้ง 2 รูปไม่ใช่คนคนเดียวกัน เดี๋ยวพี่จะให้นักสืบช่วยตรวจรูปในมือถือของศศิว่าตัดต่อหรือเปล่า อย่าเพิ่งคิดว่าคนของเราไม่ดี พี่คิดว่ารอให้ใจเย็นกันทั้งคู่แล้วมาคุยกันดีๆ ดีกว่านะ”
ศศิภาคิดตามที่พี่ชายบอก เมื่อครู่เธอทั้งเสียใจและโมโหที่ปุราณหนีหน้าเลยระเบิดอารมณ์ออกไป แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าต่อให้ปุราณมีคนอื่นเธอก็ยังรักเขา ส่วนผู้หญิงหน้าด้านคนนั้นเธอยังมีพี่ชายช่วยจัดการให้
“ก็ได้ค่ะ แต่ถ้าผู้หญิงในรูปมีตัวตนจริงและกำลังจะแย่งพี่ปุ๊ไปจริงๆ พี่สิงห์ต้องจัดการให้ศศินะคะ”
“รอให้ความจริงเปิดเผยก่อนดีกว่า พี่ถึงจะบอกว่าได้ว่าควรทำยังไง”
ปารินทร์ยังไม่รับปากเพราะเรื่องจริงอาจไม่มีอะไรเลยก็ได้ การที่ปุราณประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุเพิ่ง 30 ต้นๆ ย่อมมีผู้หญิงมานิยมชมชอบ ถ้าปุราณไม่เล่นด้วยก็จบ ปัญหาพวกนี้เขาพบอยู่เรื่อยๆ บอกไปน้องสาวคงไม่อยากเข้าใจอีก เอาไว้ให้เรื่องราวชัดเจนกว่านี้ทั้งสองคนคงคุยกันเข้าใจได้เอง
ธีรดาทำงานอยู่ในออฟฟิศที่เพิ่งสร้างใหม่เมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากการเพิ่มธุรกิจท่องเที่ยว ส้ม องุ่นและไม้ ทำให้จำนวนพนักงานเพิ่มขึ้น ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าว่าพนักงานดูผ่อนคลายเวลาธีมาไม่อยู่ แต่พอหายไปหลายวันก็ถามถึงกันด้วยความคิดถึง นับว่าคูแฝดทำสำเร็จที่ทำให้คนรักและเกรงใจในเวลาเดียวกัน กำลังคิดอะไรเพลินๆ โทรศัพท์ดันส่งเสียงจนสะดุ้ง น่าเบื่อตัวเองจริงๆ ขนาดเสียงโทรศัพท์ตัวเองแท้ๆ ยังตกใจ แต่พอเห็นว่าใครหากลับน่าตกใจยิ่งกว่า ปุราณจะรู้ไหมว่าตั้งแต่วันที่ได้นามบัตรเธอก็รีบเมมเบอร์ของเขาลงโทรศัพท์ ทว่ากลับไม่กล้าโทรไป
“สวัสดีค่ะพี่ปุ๊” เธอทักทายเขา จนถึงตอนนี้เธอลืมเขาได้จริงๆ แล้วหรือยังนะ
“กวาง พี่มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย เรานัดเจอกันได้ไหม”
ชักแปลกๆ แฮะ การที่เราไม่ได้พบกันมา 8 ปี แล้วเขาโทรหาด้วยน้ำเสียงร้อนรน ซึ่งแน่ใจได้เลยว่าไม่ใช่ความคิดถึง มันหมายความว่ายังไง ช่างผิดเวลาจนน่าเสียดายหากว่าตอนนี้เธออยู่กรุงเทพฯ คงดีไม่น้อย
“คงไม่ได้คะพี่ปุ๊ กวางอยู่เชียงราย ตอนนี้กลับบ้านอีกหลายวันเลยค่ะกว่าจะกลับ พี่ปุ๊มีเรื่องสำคัญอะไรหรือเปล่าคะ คุยตอนนี้เลยก็ได้นะคะ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่จัดการเอง” ปุราณพูดจบก็รีบวางสายไป
ธีรดาขมวดคิ้วงงเสียยิ่งกว่าตอนที่เห็นว่าเขาโทรมา ให้นึกยังไงก็นึกไม่ออกจริงๆ ว่าเรามีอะไรต้องคุยกัน ในเมื่อตลอด 8 ปีที่ผ่านมาถ้าเราจะคุยกันคงคุยกันไปนานแล้ว แล้วจัดการอะไรล่ะ พูดๆ แล้วก็วาง อะไรของเขากันนะ
ปารินทร์เพิ่งขับรถออกมาหน้าบ้านของเจนจิราซึ่งอยู่ถัดจากจากบ้านของศศิภา เจนจิราเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา แม่ของเจนจิราเป็นน้องสาวของแม่เขาเอง เจ้าตัวมาเรียนที่กรุงเทพฯ แล้วก็เลยอยู่ยาวไม่กลับไปอยู่เชียงใหม่กับพ่อแม่ แต่ก็ไปเยี่ยมหากันทุกเดือน
‘พี่ฝากเจนดูแลศศิแทนสัก 2 วันนะ มีเรื่องสำคัญต้องไปจัดการ’ ปารินทร์เพิ่งบอกเจนจิราไปเมื่อครู่ ทำให้วันนี้และพรุ่งนี้คลินิกต้องปิด
‘ได้สิคะพี่สิงห์ แล้วถ้าพี่พิชมาหา พี่สิงห์จะให้เจนบอกว่ายังไงคะ’
คงมีเรื่องให้เกิดความเข้าใจกันไปเองหลายอย่างที่เขาเองไม่มาเสียเวลาอธิบาย พิชชากับเขาเป็นอะไรกัน นั่นสิ เขาเองยังไม่มีคำตอบด้วยซ้ำ
‘บอกว่าพี่ไปทำธุระสำคัญก็แล้วกัน แค่นี้พิชจะรู้เองว่าห้ามรบกวนเวลาของพี่’
การที่เขาไปหาธีรดาในครั้งนี้ก็เพื่อจะได้พูดเรื่องรูปที่ศศิภาได้รับ เธอเป็นคนเปิดเผยคงบอกอยู่แล้วว่าเป็นอะไรกับปุราณมาก่อน ต้องเกิดการเข้าใจผิดหรือกลั่นแกล้งกันแน่นอน เท่าที่เขารู้สึกได้ผู้หญิงคนนี้จริงใจและเปิดเผย เพราะฉะนั้นเขาไม่เชื่อว่าใครเลวร้ายเพียงเพราะรูปใบเดียวแน่นอน
ปารินทร์นึกเสียดายที่เขาไม่ได้ขอเบอร์ของธีรดาจากเจนจิรา เธอให้เบอร์ไว้ตอนที่บานชื่นยังรักษาอยู่ที่นั้น แต่คงไม่เป็นไรถือเสียว่าเขาไปเซอร์ไพรส์ แต่เธออาจไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะเขาบอกแล้วว่าจะมาลอยกระทงด้วยกัน สิ่งที่เขาทำอยู่คงเรียกได้ว่าชอบ ถึงได้พยายามหาเวลามาอยู่ใกล้ๆ เพื่อให้รู้จักเธอมากกว่านี้
วันนั้นเขาขับรถเลยผ่านไปเลยก็ได้ แต่เพราะความบ้าไม่เหมือนใครของเธอที่ต้องการช่วยหมาแค่ตัวเดียว ทำให้เขาจอดรถและมองเธออย่างเอาใจช่วย ทว่าแค่ใจคงช่วยอะไรไม่ได้เขาถึงได้วิ่งเข้าไปช่วยเธอก่อนจะถูกรถชน เขาถูกใจใครยาก แต่ถ้าถูกใจแล้วก็จะถูกใจอยู่อย่างนั้น
8 โมงกว่า ปารินทร์เดินทางมาถึงสนามบินเชียงราย เขามีกระเป๋าเดินทางใบเล็กกับกล้องอีกตัวเท่านั้น บางทีเขาอาจจะต้องหารถเช่าเพื่อเดินทางไปที่ปางไม้ธารธีรา
เมื่อเดินออกมาด้านนอกเขามองหาบริษัทรถเช่าที่อาจอยู่ใกล้ๆ สนามบิน พลันสายตาก็เห็นว่าที่น้องเขย น่าแปลกที่ปุราณเดินทางมาที่นี่ เป็นไปได้ว่าอาจเป็นเครื่องบินลำเดียวกัน เขาเดินตามไปเพื่อถามไถ่ แต่กลับต้องรีบหันหน้าหลบเมื่อธีรดาเดินมาปุราณ
สองคนนี้นัดกันอย่างนั้นหรือ?
ทั้งสองคนทักทายกันอย่างสนิทสนม ปุราณยิ้ม แต่ธีรดายิ้มกว้างกว่า ดูเหมือนไม่สนใจใครอีกแล้วในโลก หัวใจที่เบิกบานไหวยวบกลายเป็นโกรธกรุ่นแทนน้องสาว เขาลอบมองทั้งสองคนเดินตามกันไป และสุดท้ายปุราณเข้าไปนั่งในรถของธีรดา รถขับออกไป ในขณะที่ปารินทร์รู้สึกผิดหวังและเสียดาย
“ผมให้โอกาสคุณสำหรับการอธิบาย แต่คุณทำให้โอกาสนั้นหมดลงเองธีรดา”
เรียวปากหนายิ้มเหยียด สองคนนี้เป็นอะไรกันมาก่อน จากภาพที่เห็นสองคนนั้นคงไม่ใช่แค่เพื่อนกันธรรมดาแน่ เขาต้องการได้คำตอบ โทรศัพท์ถูกดึงออกมาใช้งาน
“ผมต้องการพบคุณวันนี้ตอน 11 โมงตรง” ปารินทร์วางสายจากทินแล้วเดินกลับไปในท่าอากาศยาน ปลายทางของเขาไม่ใช่ที่นี่ แต่เป็นที่เดิมที่เพิ่งจากมาต่างหาก
ส่วนปุราณมาหาธีรดาทำไมนั้น อีกไม่นานเขาคงได้รู้ อย่างน้อยการมาครั้งนี้ก็ไม่เสียเปล่า รูปภาพไม่ได้ตัดต่อ ปุราณกับธีรดารู้จักกันจริง แต่รู้จักกันระดับไหน เขาไม่อยากคาดเดา ความชอบช่างแสนสั้นพอๆ กับตอนที่มันเริ่มขึ้นในหัวใจ
ปุราณมาหาศศิภาที่บ้าน หลายวันที่ได้คิดทบทวน เมื่อเปรียบเทียบระหว่างความรักที่ยังอยู่กับการปล่อยให้เข้าใจผิด เขาเลือกเดินหน้าต่อไปด้วยความรักที่ยังมีให้ศศิภาเพราะเธอเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่อยู่เคียงข้างเขา
3 ปีก่อนที่เขาพบเธอหลังจากโสดมาเกือบปีและกำลังล้มเหลวจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คืนหนึ่งที่นั่งหมดอาลัยตายอยากในงานแต่งงานของเพื่อน เธอเดินมาทักทายเขาและชวนคุยจนทำให้ความเศร้าหายไปชั่วครู่ หลังจากนั้นเธอก็ติดต่อมาเพื่อบอกว่ามีธนาคารที่อาจปล่อยกู้ให้ เธอคอยเป็นธุระทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองเลยสักนิด
ทว่ากาลเวลาผ่านไปจากวันนั้นจนถึงวันนี้ 3 ปีแล้ว เขารักเธอเพราะความดี แต่กาลเวลาเช่นกันที่ทำให้เกิดความหึงหวงและระแวง ปารินทร์บอกเขาแล้วว่าต้องใจเย็นให้มากเนื่องจากศศิภายังไม่หายจากอาการซึมเศร้า การที่พ่อแม่แยกทางกันทำให้เธอเสียใจจนบางครั้งเก็บกด ไม่มีคำว่าตรงกลาง การดีใจหรือเสียใจของเธอมักสุดโต่งจนต้องใช้ความเข้าใจอย่างยิ่งยวดเพื่อที่จะไม่โกรธในสิ่งที่เธอทำ
“มาทำไมหรือคะ พี่ปุ๊ไม่อยากคุยกับศศิแล้วก็ไม่ควรมาที่นี่อีก” ศศิภาเอ่ยขึ้นอย่างน้อยใจ น้ำตาเริ่มรื้นขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นหน้าคนรัก
ร่างสูงนั่งลงข้างๆ คว้ามือบางมาจับไว้ เขายิ้มให้เธอเหมือนที่เคยยิ้มให้มาตลอด 3 ปี
“เรามาคุยกันดีๆ เถอะนะศศิ อีกไม่กี่เดือนเราก็จะแต่งงานกันแล้ว ทำไมเราต้องมาทะเลากันเพราะคนอื่นด้วยล่ะ เข้าใจที่พี่พูดไหม”
“ไม่เข้าใจค่ะ ถ้าเราจะแต่งงานกันอยู่แล้ว ทำไมพี่ปุ๊ถึงนอกใจศศิ ศศิไม่ดีตรงไหน หรือว่าผู้หญิงคนนั้นมันมีดีอะไรถึงได้ทำให้พี่ปุ๊เปลี่ยนไป”
เขาลอบถอนใจ พยายามคิดว่าเธอเป็นอย่างนี้เพราะอาการซึมเศร้า แปลกจริง เธอไม่ได้อาการดีขึ้นไปมากแล้วหรือ อยู่ๆ ทำไมถึงกลับมาเป็นอย่างนี้อีก
“พี่ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย”
“ถ้างั้นบอกมาสิคะว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ไม่เอาคำตอบว่าเป็นรุ่นน้องนะคะ มันฟังไม่ขึ้น”
รูปถ่ายจากโทรศัพท์มือถือถูกยื่นให้ปุราณ เพื่อนของนุชรีเป็นแอร์ เธอจำปุราณได้ถึงได้ถ่ายรูปนี้แล้วส่งมาให้เธอดู ต่อไปจะได้ตาสว่างเสียที
“แต่มันเป็นเรื่องจริง” ปุราณโกรธที่ถูกตามแบบนี้ “พี่จะเล่าให้ศศิฟัง ถ้าฟังแล้วจะได้เข้าใจว่าทุกคนมีอดีตเสมอ ก่อนที่พี่จะมาพบศศิแล้วรักกันอย่างในตอนนี้ พี่เคยมีแฟนมาก่อน...หลายคน หนึ่งในนั้นก็คือผู้หญิงที่ศศิเห็นในรูป แต่พี่ยืนยันได้ว่าเราสองคนไม่ได้ติดต่อกันมานานแล้ว”
การที่เขาไปหาธีรดาก็เพื่อถามถึงรูปใบนี้ เธอยืนกรานปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนส่งรูปมาให้ศศิภาและไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขากำลังจะแต่งงาน หลังจากพบกันสุดท้ายเราไม่ได้ติดต่อกันอีกเลยเพราะเรายังรักกันอยู่ ณ เวลานั้น การไม่รับรู้เรื่องของกันและกันเป็นทางออกที่ดีที่สุด
“แฟนเก่า! แล้วพี่ปุ๊ไปหาแฟนเก่าที่ไม่ได้ติดต่อกันมานานทำไมคะ ทั้งที่เราทะเลาะกัน ศศิยังเชื่อพี่ปุ๊ได้อีกหรือเปล่า8t”
ปุราณถอนใจเป็นรอบที่สาม เขาอดทนได้แค่เท่านี้สำหรับการไม่เชื่อใจ แม้กระทั่งอธิบายก็ยังไม่ยอมฟัง เขาอาจไม่ดีพอสำหรับศศิภาก็ได้
“ไม่ว่าพี่พูดยังไง ศศิก็จะไม่เชื่อใช่ไหม”
“บอกมาสิคะว่าพี่ไปหานังนั่นทำไม”
“ถ้าพูดแล้วศศิจะเชื่อหรือเปล่าว่าพี่ไปเพื่อให้แน่ใจว่าแฟนเก่าไม่ได้มีความหมายกับเราสองคน” ปุราณถอนใจ “ช่างเถอะ ถ้าคิดว่าพี่โกหกเราก็ไม่ต้องคุยกันต่อแล้ว”
มือหนาปล่อยมือบางลุกขึ้นแล้วยืน ก้มหน้าลงมองว่าที่เจ้าสาวที่ไม่มั่นใจในตัวของเขาเลย
“พี่ปุ๊จะเลิกกับศศิหรือคะ เพราะนังนั่นใช่ไหม”
“ไม่ใช่เพราะใครทั้งนั้น แต่เพราะพี่กับศศิเท่านั้น พี่ไม่เคยคิดจะเลิกกับศศิ แต่ในระหว่างนี้เราคุยกันน้อยลงเถอะ เผื่อว่าการห่างกันสักพักเราจะบอกตัวเองได้ว่าตอนนี้ที่เป็นอยู่เรายังรักกันอยู่หรือเปล่า”
ร่างสูงเบือนหน้าหันหลังให้กำลังจะเดินจากไปอีกครั้ง ศศิภาลุกขึ้นรีบวิ่งตามไปคว้ามือของเขามาจับไว้
“พี่ปุ๊...” น้ำตาของหญิงสาวไหลรินเมื่อเขาพูดเหมือนว่าเราจะเลิกกัน “แล้วงานแต่งงานของเรา”
มือหนาบีบมือบางเบาๆ เขาเจ็บปวดที่เห็นน้ำตาของคนรัก แต่เจ็บปวดไม่เท่าที่เธอไม่ยอมเชื่อใจกัน
“เราจะไม่พูดถึงจนกว่าทุกอย่างระหว่างพี่กับศศิจะกลับมาเหมือนเดิม”
มือบางถูกปลดออก ศศิภาทรุดลงนั่งแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้อ แต่ถึงกระนั้นเขายังคงเดินต่อ ไม่ถึงอึดใจก็ขับรถออกไป ปารินทร์เดินมาตามเสียงน้องสาว ถึงได้เห็นว่าร้องไห้หมดสภาพอยู่กับพื้นหญ้า หัวใจของเขาคนเป็นพี่แสนร้าวราน
“ร้องไห้ทำไมศศิ ทะเลาะอะไรกันอีก เมื่อตอนหัวค่ำพี่เห็นปุราณมาหา ไม่ได้ปรับความเข้าใจกันหรอกหรือ”
“เราอาจไม่ได้แต่งงานกันแล้วก็ได้ค่ะพี่สิงห์” ศศิภากอดพี่ชายเอาไว้แน่นราวกับเขาเป็นที่พึ่งสุดท้าย
“เล่าให้พี่ฟังสิว่าคุยอะไรกัน บางทีมันอาจจะไม่ร้ายแรงถึงขนาดนั้นก็ได้นะศศิ”
ศศิภาเช็ดน้ำตา ดวงตาของผู้หญิงแสนเศร้าพลันเปลี่ยนไปเป็นเย็นชาเมื่อรู้แล้วว่าการยอมแพ้ย่อมหมายถึงการไม่มีงานแต่งงาน เธอยอมไม่ได้ เธอรักปุราณเกินกว่าจะเห็นเขากับผู้หญิงอื่น
“ศศิอยากพบผู้หญิงคนนั้นแล้วตบให้สาแก่ใจในความเลวของมัน ถ้าไม่มีมันพี่ปุ๊คงไม่พูดเรื่องงานแต่งที่อาจไม่มีของเรา”
ปารินทร์ไม่ได้คล้อยตามน้องสาวไปเสียหมด แต่ถ้าไม่เห็นว่าปุราณไปธีรดา เขาคงปฏิเสธได้ทันทีว่าสิ่งที่น้องสาวคิดไปเองนั้นเป็นเรื่องไม่จริง
“แยกทีละประเด็นนะศศิ ประเด็นแรกศศิยังเชื่อมั่นในตัวคนรักอยู่ไหม กับอีกประเด็น ผู้หญิงคนนั้นทำให้ปุราณเปลี่ยน เขาเปลี่ยนไปเอง หรือว่าศศิเองก็เปลี่ยน”
“ศศิไม่ได้เป็นฝ่ายนอกใจ”
“ปัญหามันไม่ได้มาจากตรงนั้น ถ้าพี่ทำให้ผู้หญิงคนนั้นออกไป แล้วปุราณกับศศิจะยังเหมือนเดิมอยู่ไหม หรือว่าจริงๆ แล้วถึงไม่มีผู้หญิงคนนั้น ปุราณกับศศิก็ยังเป็นอย่างนี้ คนที่ไม่เชื่อใจกลายเป็นน้องสาวของพี่” ปารินทร์ชี้จุดสำคัญที่น้องสาวกำลังมองข้ามไป ถ้ารักกันแล้ว ต่อให้มีคนจ้องทำลายความสัมพันธ์ก็ไม่มีความหมาย ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคนสองคนไม่ใช่หรือ
ศศิภาเริ่มคล้อยตามพี่ชาย เธอไม่เคยเป็นผู้หญิงช่างระแวงมาก่อน จนกระทั่งไปเห็นว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายที่เพิ่งเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่ แต่เขาเป็นผู้ชายที่ประสบความสำเร็จและเป็นที่หมายปองของผู้หญิงหลายคนในคืนหนึ่งซึ่งเราไปงานเลี้ยงด้วยกัน เธอไปเข้าห้องน้ำ ผู้หญิง 3 คนยืนคุยกันเรื่องปุราณ พวกนั้นอยากได้ปุราณ ทั้งที่รู้ว่าเขามีแฟนแล้ว
“มันยากที่จะเชื่อใจนี่คะพี่สิงห์”
“พี่อยากให้ศศิใช้เวลาทบทวนอย่างที่ปุราณบอก ส่วนเรื่องผู้หญิงคนนั้นพี่จะจัดการให้เอง”
“จัดการยังไงคะ” ศศิภาถาม ถ้าพี่ชายออกปากช่วย เธอคงสบายใจได้แน่นอน
“ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของศศิกับปุราณ ว่ายังไง ยังจะไปอาละวาดให้ได้คำตอบที่พี่คิดว่าต่อให้ปุราณหรือใครก็ตามคงไม่มีคำตอบให้ศศิตอนนี้หรอก”
น้องสาวเขยิบมากอดพี่ชาย ตอนพ่อกับแม่เลิกกัน แล้วเราต้องอยู่กับพ่อ พี่ชายทำหน้าที่พ่อได้มากกว่าพ่อแท้ๆ ที่ทำแต่งานจนแทบไม่ได้พบหน้ากันเสียด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นไม่ว่าอะไรที่เธออยากได้ พี่สิงห์จะหามาให้ และใครทำให้เธอเสียใจ พี่สิงห์ก็ต้องทำให้ใครคนนั้นเสียใจยิ่งกว่า
“ศศิรักพี่ปุ๊ ต่อให้มีหรือไม่มีผู้หญิงคนนั้น ศศิก็ยังรัก ส่วนพี่ปุ๊ ศศิไม่แน่ใจ”
ปารินทร์ถอนใจ เขามองไม่เห็นภาพครอบครัวสุขสันต์ของน้องสาวกับปุราณเลยสักนิด หากว่าศศิภายังเอาแต่ใช้อารมณ์
“เราต้องรอ ในเรื่องของความรัก ใจร้อนก็มีแต่พัง เข้าใจไหม”
ศศิภาพยักหน้าเห็นด้วยกับพี่ชาย แต่ตลอดชีวิตที่ผ่านมาของเธอไม่เคยมีคำว่าผิดหวังเพราะฉะนั้นปุราณต้องแต่งงานกับเธอ ส่วนผู้หญิงคนนั้นพี่ชายต้องจัดการให้อย่างแน่นอน มีแต่คนที่รักเธอ ส่วนผู้หญิงคนนั้นรอเจอฝันร้ายได้เลย ปารินทร์ก้มหน้าลงมองน้องสาว บางทีนอกจากจัดการธีรดากับปุราณแล้วเขาควรจัดการน้องสาวของตัวเองด้วยกระมัง
3 สัปดาห์ต่อมา ธีรดาได้เลื่อยเฝือกออกไปจากแขนเรียบร้อย ธีมากับเธอสลับงานกันให้กลับมาเหมือนเดิม รายนั้นทำหน้าเหมือนอยากอยู่กรุงเทพฯ ต่อ แน่ล่ะสิได้อยู่ใกล้แฟนใครจะไม่ชอบ อาทิตย์หน้าดาวิกาจะเดินทางไปเล่นคอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่น มั่นใจได้เลยว่าคู่แฝดของเธอคงไปให้กำลังใจแฟนถึงขอบเวที เป็นทั้งแฟนและแฟนคลับ ทุ่มทุนสร้างขนาดนี้พ่อของสาวของคงใจอ่อนยอมยกลูกสาวให้แต่งงานด้วยแน่ๆ
ธีรดามาทำงานได้ 3 วันก็ได้รับการ์ดเชิญจากลุงกานต์ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงลงทุนแต่งตัวสวยหรูตั้งแต่หัววัน ลุงกานต์เป็นเพื่อนรักของพ่อ เวลาไปเชียงรายทีไรลุงกานต์กับพ่อมักนัดเจอกันทุกทีเป็นอย่างนี้มาหลายสิบปีแล้ว หญิงสาวนั่งรถแท็กซี่ไปงานเลี้ยงฉลองคอนโดโครงการใหม่ของลุงกานต์ ข้อห้ามเรื่องขับรถยังไม่ถึง 3 เดือนเพราะฉะนั้นยังต้องพึ่งบริการรถแท็กซี่หรือบางครั้งรถของบริษัทต่อไป อีก 3 สัปดาห์เธอคงได้หายอึดอัดเสียที
“พี่สั่งดอกไม้ให้แล้วนะคะ เด็กคงไปส่งทันเวลาที่คุณกวางไปถึงพอดี” วิภาโทรมาบอกนายสาว
“ขอบคุณค่ะพี่วิภา ถ้าไม่มีพี่สงสัยกวางคงเหมือนขาดมือขวา”
ไม่ถึง 10 นาทีธีรดามาถึงงาน เธอคิดถูกแล้วที่วันนี้แต่ตัวหรูหราด้วยชุดแซคสีฟ้าอ่อน ถ้าใส่สีดำมีหวังไม่เข้าพวก ลุงกานต์ยืนคุยอยู่กับกลุ่มนักธุรกิจที่เธอไม่รู้จักอยู่ตรงหน้างาน แต่พอเห็นเธอก็เดินมาหาแล้วกอดอย่างเอ็นดู
“ขอบใจที่มานะหนูกวาง พ่อสบายดีหรือเปล่า”
“สบายดีค่ะลุงกานต์ วันก่อนคุยโทรศัพท์กันพอรู้ว่ากวางจะมางานนี้ พ่อยังบอกใหญ่เลยว่าถ้าลงมากรุงเทพฯจะนัดเจอกันสักที ไม่ได้รวมกลุ่มกันนานแล้ว” เธอเล่าตามที่พ่อฝากบอกมาทุกคำพร้อมกับส่งดอกไม้ที่ได้มาจากเด็กส่งดอกไม้สดๆ ร้อนๆ ให้เจ้าของงาน
ลุงกานต์รับดอกไม้มาแล้วยิ้มกว้าง “ก็ดีน่ะสิ มีแต่คนถามหาทั้งนั้น”
“เดี๋ยวกวางเข้าไปในงานก่อนนะคะ ลุงกานต์จะได้รับแขกต่อ”
เธอยกมือไหว้เพื่อนของพ่ออีกรอบ ก่อนจะเดินเข้าไปในงานที่ดูหรูอู้ฟู่จริงๆ มีเวทีเล็กๆ ตรงสระน้ำ ทีมงานกำลังนัดคิวกันอยู่หลังเวลาที เธอเดินผ่านไปโดยไม่ทันเห็นว่าพิชชายืนอยู่ตรงนั้น แล้วเพียงไม่นานนักร่างสูงใหญ่ของชายอีกคนก็เดินมาบริเวณนี้เช่นกัน นักเปียโนสาวรีบเข้ามากอดแขนแสดงความเป็นเจ้าของทันที
“ดีใจจังค่ะ ที่สิงห์มางานนี้ อยากมาให้กำลังใจพิชใช่ไหมล่ะคะ”
ปารินทร์ยังคงมองหา พอเห็นคนสำคัญของพิชชาเดินมาจึงรีบบอก
“ผู้จัดการส่วนตัวของพิชมาแล้ว เดี๋ยวพี่จะรอดูการแสดงของพิชก็แล้วกันนะ”
“ก็ได้ค่ะ เสร็จงานแล้วเราไปดินเนอร์กันต่อนะคะ” พิชชายังยื้อแขนไว้ แต่จำต้องปล่อยเมื่อผู้จัดการส่วนตัวบอกว่าใกล้ได้เวลาแล้ว ไม่อยากให้เกิดความผิดพลาด
“รีบไปเถอะ” ปารินทร์เอ่ยก่อนจะเดินต่อไป สายตาคู่นั้นมองเหมือนหาอะไรหรือใครสักคนอยู่
พิชชาเม้มปากรู้สึกไม่พอใจ แต่โวยวายไม่ได้เพราะงานนี้มีนักข่าว กานต์เป็นนักธุรกิจชื่อดังและยังมีอิทธิพลมากในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทว่าพอมองตามปารินทร์ก็ให้นึกน้อยใจ โทรไปไม่รับสาย หรือหากรับสายก็มักติดประชุมอยู่ เราเป็นคู่หมายที่ผู้ใหญ่หมายมั่นให้เป็นคู่กันมาตั้งแต่เด็ก แต่ทำไมระหว่างเราไม่มีอะไรคืบหน้าเลย
ธีรดาเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ จะว่าไปแล้วเธออาจไม่เหมาะกับงานสังคมโฮโซแบบนี้เท่าไหร่ ถ้าเป็นงานเลี้ยงแถวบ้านที่เชียงรายป่านนี้เมาท์แตกกันคอแห้งไปแล้ว แต่ให้ตายเถอะ เธอเวียนหัวชะมัด แต่ละคนมางานนี้เพื่อคุยเรื่องธุรกิจเท่านั้น ในหมู่นักธุรกิจเหล่านั้นมีใบหน้าของใครคนหนึ่งรวมอยู่ด้วย แต่เพียงพริบตาเขาคนนั้นก็หันหน้าไป
“ใช่หรือเปล่านะ”
เพื่อที่จะได้ไม่ต้องสงสัยอีกต่อไป หญิงสาวเดินไปยังร่างสูงที่กำลังจะเดินต่อไป มือบางยื่นไปสะกิดเบาๆ ที่หลัง เขาหันกลับมา เรียวปากบางยิ้มเมื่อได้พบคนที่รอจะพบ...มานาน ดวงตาของเขามองเธออย่างแปลกใจ ไม่อยากเข้าข้างตัวเองว่าอาจหมายถึงว่าดีใจด้วย เขาไม่พูดอะไร จนเธอเป็นฝ่ายทักทายเขาก่อน
“นึกแล้วว่าต้องใช่ ยังจำกันได้ไหมคะคุณสิงห์ ไม่ได้เจอกันนานเลย”
ใบหน้าของปารินทร์เรียบเฉย นึกอยู่แล้วว่าเขาต้องจำคนไม่ผิด เธอลงมาจากรถแท็กซี่และรับดอกไม้จากเด็กส่ง แล้วเดินมาที่งานนี้เช่นเดียวกับเขา ชุดแซคสีฟ้าช่างเหมาะกับร่างเพรียวระหงและความเป็นตัวของตัวเองทำให้เขาไม่อาจลงโทษเธอด้วยความคิดต่ำๆ ได้เต็มร้อย
“คุณมางานนี้เหมือนกันเหรอ”
“ค่ะ ลุงกานต์ ฉันหมายถึง คุณกานต์เกียรติน่ะค่ะเป็นเพื่อนของพ่อฉัน แล้วยังเป็นลูกค้าบริษัทของครอบครัวฉันด้วย แล้วคุณล่ะคะ” เธอถาม รู้สึกแปลกนิดๆ ที่เขาทำตัวเป็นทางการเหมือนครั้งแรกที่พบกัน ช่างต่างจากตอนเราอยู่ที่ปางไม้ด้วยกัน ถึงจะแค่ 2 วันก็ตาม ดวงตาที่มองมาดูแข็งกระด้าง กินกาแฟเยอะจนตาค้างหรือเปล่าน่ะ
ภาพของธีรดาที่มารับปุราณแล้วนั่งรถไปด้วยกันยังคงวนเวียนอยู่ในสมองของปารินทร์ เขาควรถามออกไปไหม เธอเป็นผู้หญิงร้ายกาจที่ส่งข้อความมาหาน้องสาวของเขาหรือเปล่า ถ้าเธอวางแผนมาได้ถึงขนาดนี้การถามคงไม่สร้างประโยชน์อะไร หลักฐานเท่านั้นที่เขาต้องการเพื่อจัดการเธอให้ออกไปจากปุราณและศศิภา
“มีคนรู้จัก ผมขอตัว”
ธีรดาเป็นฝ่ายหน้าชาเสียเองเมื่อเห็นปารินทร์มองผ่านเธอไปยังชายซึ่งอยู่ด้านหลัง ราวกับการที่เธอเข้ามาทักนั้นทำให้เขาเสียเวลาอย่างไรอย่างนั้น อะไรของเขา(วะ) อยู่ดีๆ ก็มาทำมึนตึงใส่ สัญญาว่าจะไปลอยกระทงด้วยก็ไม่ไป หัวใจของนักธุรกิจนี่ช่างเย็นชาจนเธออยากตะโกนว่าวางฟอร์มไปเพื่ออะไรกัน แน่ล่ะ เธอคงไม่โง่ทำเรื่องแบบนั้น
“กวาง...”
ใครอีกล่ะนี่ ธีรดาหันหน้ามาตามเสียงเรียกเบาๆ แถมยังอัพเกรดสนิทสนมขนาดเรียกชื่อเล่น แต่พอเห็นว่าใครเป็นคนเรียกก็ยิ้มแหยๆ พี่ปุ๊คงไม่รู้หรอกว่าถูกบ่นในใจไปไม่น้อย
“พี่ปุ๊ มางานนี้เพราะเป็นคนวางแผนการตลาดให้ลุงกานต์ใช่ไหมคะ กวางเห็นจากโบรชัวร์ ไม่รู้กวางมัวไปทำอะไรอยู่เลยไม่รู้ว่าพี่ดังขนาดไหนในวงการอสังหาริมทรัพย์”
ปุราณยิ้มกว้างหลังจากคราวก่อนที่ได้เจอกันนอกจากเรื่องรูปภาพแล้ว เราได้ยังคุยเพื่อปรับความเข้าใจกัน ทำให้การพบกันคราวนี้เขาหรือเธอต่างไม่ต้องหลบเพราะมีอดีตที่ค้างคาใจ
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก”
ถ้าไม่ได้ศศิภาป่านนี้เขาจะเป็นยังไงบ้างไม่รู้ ผ่านมานานขนาดนี้แล้วหายโกรธเขาหรือยังนะ เขาไม่น่าใจร้อนพูดไปแบบนั้นเลย ปุราณถอนใจเมื่อคิดถึงคำพูดตัวเอง มือบางยื่นไปตบไหล่คนเคยรักเบาๆ พร้อมกับยิ้มให้ สายตาคมปราบที่มองเธอไม่เคยคลาดเริ่มกัดฟันกรอด
“ถอนใจทำไมน่ะพี่ปุ๊ หรือว่ามีปัญหาอะไร คราวก่อนที่มาหาก็ถามแต่เรื่องรูป คราวนี้มีปัญหาอะไรบอกกวางได้นะคะ” ในฐานะน้องสาว เธอต่อคำพูดนี้ใจ เพื่อย้ำกับตัวเองและไม่อยากให้ปุราณรู้สึกผิดที่เคยทำให้เธอเสียใจเพราะความหูเบาในคราวนั้น
“ไม่มีอะไรหรอก เดี๋ยวพี่ไปหาคุณกานต์ก่อนนะ”
ธีรดาพยักหน้ายกมือข้างหนึ่งขึ้นมาแล้วตบลงที่อกตัวเองเบาๆ อย่างที่เคยทำให้ปู่รหัส สู้ๆ นี่แหละโค๊ดลับของเรา ปุราณยิ้มตอบเมื่อเขาก็จำได้เหมือนกัน หญิงสาวถอนใจพลางยิ้มกว้าง บางทีการได้พบกันเพื่อพูดความในใจก็ดีเหมือนกัน ไม่รู้เธอปิดปั้นการรับรู้เรื่องราวของเขาตลอด 8 ปีที่ผ่านมาเพื่อให้ตัวเองเจ็บทำไมสิน่า
“ผู้หญิงเดี๋ยวนี้แปลกนะ ศีลธรรมไม่มีกันแล้ว!”
เสียงคุ้นๆ ของใครคนหนึ่งดังอยู่ใกล้ๆ ทักทายกันแบบนี้แจกหมัดให้น่าจะสะใจท่านผู้ชมมากกว่าละมั้ง
ปารินทร์เดินเข้ามาในบ้านซึ่งปลูกแยกกันให้พี่น้องได้อยู่กันเป็นส่วนตัวพอดี เขายังไม่โทษว่าเป็นความผิดของใครทั้งนั้น การที่ศศิภาร้องไห้ต้องมีสาเหตุ เพียงแต่สาเหตุนั้นมาจากอะไร คนอย่างปุราณไม่น่าเป็นฝ่ายเดินจากถ้ารู้ว่าทำแบบนี้แล้วน้องสาวของเขาจะร้องไห้
“ทะเลาะอะไรกันศศิเสียงดังลั่น จนพี่ต้องเดินมาดูว่ามีอะไร”
“พี่ปุ๊มีคนอื่นแล้วค่ะพี่สิงห์” ศศิภาบอกพี่ชายเสียงสั่น
ปารินทร์พาน้องไปนั่งตรงสวนข้างบ้าน ส่วนเขานั่งที่บันไดทางลงไปยังสวนเล็กๆ เห็นของสวยๆ งามๆ เผื่อว่าน้องสาวจะดีขึ้นบ้าง
“เหลวไหล วันนี้พี่เพิ่งได้รับรายงานจากทิน..นักสืบน่ะ ปุราณไม่ได้มีใครอื่นเลย ส่วนข้อความที่ส่งมาจากคอมพิวเตอร์ก็ใช้ Application ที่รักษาเบอร์โทรศัพท์ให้เป็นความลับ (เช่น easy2crm) มันเลยตรวจสอบยากว่าใครเป็นคนส่ง เราต้องมั่นใจในคนของเราสิศศิ แล้วอยู่ดีๆ ทำไมถึงคิดแบบนั้น ถ้าไม่เชื่อใจกัน ต่อไปแต่งงานกันจะอยู่กันได้ยังไง” เขารักน้อง แต่ไม่อยากเข้าข้างตะพึดตะพือ บางทีอาการซึมเศร้าอาจจะกลับมาทำให้เวลาเจอปัญหาเลยเหมือนใหญ่เป็นภูเขา
“ศศิไม่ได้คิดไปเอง พี่สิงห์ดูรูปพวกนี้สิคะ” ศศิภาเช็ดน้ำตา ที่ผ่านเธออาจระแวงไปเอง แต่มันไม่ใช่ครั้งนี้
ปารินทร์รับรูปมาดู พอเห็นว่าผู้หญิงที่อยู่ในรูปกับปุราณ เขาอึ้งในวูบแรก แต่ไม่ได้คิดอะไรที่เลวร้ายไปกว่าอาจมีบางอย่างที่เข้าใจผิดกัน
“ไม่น่าเป็นไปได้ พี่คิดว่าอาจมีการเข้าใจผิดก็ได้นะศศิ”
“ถึงขนาดนี้แล้วพี่สิงห์ยังเข้าข้างพี่ปุ๊อีกหรือคะ ทั้งๆ ที่มีหลักฐาน” ศศิภาโวยวายพร้อมกับเปิดโทรศัพท์ให้พี่ชายดูรูปที่เคยได้รับมาก่อนหน้านี้
ปุราณมองรูปในมือกับรูปในมือถือของน้องสาวสลับกัน ทรงผมของผู้หญิงไม่เหมือนกัน ความสูงก็ต่างกัน และที่สำคัญรูปทั้งสองถ่ายในเวลาที่ต่างกันแน่นอน รูปที่มีธีรดาอยู่ด้วยนั้นปุราณยังสูงและผม ต่างจากรูปในมือถือที่ดูสูงและอ้วนขึ้น เขาสนใจรูปในมือถือมากกว่ารูปถ่ายว่าเป็นรูปจริงหรือว่าตัดต่อมากกว่า
“ผู้หญิงในรูปทั้ง 2 รูปไม่ใช่คนคนเดียวกัน เดี๋ยวพี่จะให้นักสืบช่วยตรวจรูปในมือถือของศศิว่าตัดต่อหรือเปล่า อย่าเพิ่งคิดว่าคนของเราไม่ดี พี่คิดว่ารอให้ใจเย็นกันทั้งคู่แล้วมาคุยกันดีๆ ดีกว่านะ”
ศศิภาคิดตามที่พี่ชายบอก เมื่อครู่เธอทั้งเสียใจและโมโหที่ปุราณหนีหน้าเลยระเบิดอารมณ์ออกไป แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าต่อให้ปุราณมีคนอื่นเธอก็ยังรักเขา ส่วนผู้หญิงหน้าด้านคนนั้นเธอยังมีพี่ชายช่วยจัดการให้
“ก็ได้ค่ะ แต่ถ้าผู้หญิงในรูปมีตัวตนจริงและกำลังจะแย่งพี่ปุ๊ไปจริงๆ พี่สิงห์ต้องจัดการให้ศศินะคะ”
“รอให้ความจริงเปิดเผยก่อนดีกว่า พี่ถึงจะบอกว่าได้ว่าควรทำยังไง”
ปารินทร์ยังไม่รับปากเพราะเรื่องจริงอาจไม่มีอะไรเลยก็ได้ การที่ปุราณประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุเพิ่ง 30 ต้นๆ ย่อมมีผู้หญิงมานิยมชมชอบ ถ้าปุราณไม่เล่นด้วยก็จบ ปัญหาพวกนี้เขาพบอยู่เรื่อยๆ บอกไปน้องสาวคงไม่อยากเข้าใจอีก เอาไว้ให้เรื่องราวชัดเจนกว่านี้ทั้งสองคนคงคุยกันเข้าใจได้เอง
ธีรดาทำงานอยู่ในออฟฟิศที่เพิ่งสร้างใหม่เมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากการเพิ่มธุรกิจท่องเที่ยว ส้ม องุ่นและไม้ ทำให้จำนวนพนักงานเพิ่มขึ้น ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าว่าพนักงานดูผ่อนคลายเวลาธีมาไม่อยู่ แต่พอหายไปหลายวันก็ถามถึงกันด้วยความคิดถึง นับว่าคูแฝดทำสำเร็จที่ทำให้คนรักและเกรงใจในเวลาเดียวกัน กำลังคิดอะไรเพลินๆ โทรศัพท์ดันส่งเสียงจนสะดุ้ง น่าเบื่อตัวเองจริงๆ ขนาดเสียงโทรศัพท์ตัวเองแท้ๆ ยังตกใจ แต่พอเห็นว่าใครหากลับน่าตกใจยิ่งกว่า ปุราณจะรู้ไหมว่าตั้งแต่วันที่ได้นามบัตรเธอก็รีบเมมเบอร์ของเขาลงโทรศัพท์ ทว่ากลับไม่กล้าโทรไป
“สวัสดีค่ะพี่ปุ๊” เธอทักทายเขา จนถึงตอนนี้เธอลืมเขาได้จริงๆ แล้วหรือยังนะ
“กวาง พี่มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย เรานัดเจอกันได้ไหม”
ชักแปลกๆ แฮะ การที่เราไม่ได้พบกันมา 8 ปี แล้วเขาโทรหาด้วยน้ำเสียงร้อนรน ซึ่งแน่ใจได้เลยว่าไม่ใช่ความคิดถึง มันหมายความว่ายังไง ช่างผิดเวลาจนน่าเสียดายหากว่าตอนนี้เธออยู่กรุงเทพฯ คงดีไม่น้อย
“คงไม่ได้คะพี่ปุ๊ กวางอยู่เชียงราย ตอนนี้กลับบ้านอีกหลายวันเลยค่ะกว่าจะกลับ พี่ปุ๊มีเรื่องสำคัญอะไรหรือเปล่าคะ คุยตอนนี้เลยก็ได้นะคะ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่จัดการเอง” ปุราณพูดจบก็รีบวางสายไป
ธีรดาขมวดคิ้วงงเสียยิ่งกว่าตอนที่เห็นว่าเขาโทรมา ให้นึกยังไงก็นึกไม่ออกจริงๆ ว่าเรามีอะไรต้องคุยกัน ในเมื่อตลอด 8 ปีที่ผ่านมาถ้าเราจะคุยกันคงคุยกันไปนานแล้ว แล้วจัดการอะไรล่ะ พูดๆ แล้วก็วาง อะไรของเขากันนะ
ปารินทร์เพิ่งขับรถออกมาหน้าบ้านของเจนจิราซึ่งอยู่ถัดจากจากบ้านของศศิภา เจนจิราเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา แม่ของเจนจิราเป็นน้องสาวของแม่เขาเอง เจ้าตัวมาเรียนที่กรุงเทพฯ แล้วก็เลยอยู่ยาวไม่กลับไปอยู่เชียงใหม่กับพ่อแม่ แต่ก็ไปเยี่ยมหากันทุกเดือน
‘พี่ฝากเจนดูแลศศิแทนสัก 2 วันนะ มีเรื่องสำคัญต้องไปจัดการ’ ปารินทร์เพิ่งบอกเจนจิราไปเมื่อครู่ ทำให้วันนี้และพรุ่งนี้คลินิกต้องปิด
‘ได้สิคะพี่สิงห์ แล้วถ้าพี่พิชมาหา พี่สิงห์จะให้เจนบอกว่ายังไงคะ’
คงมีเรื่องให้เกิดความเข้าใจกันไปเองหลายอย่างที่เขาเองไม่มาเสียเวลาอธิบาย พิชชากับเขาเป็นอะไรกัน นั่นสิ เขาเองยังไม่มีคำตอบด้วยซ้ำ
‘บอกว่าพี่ไปทำธุระสำคัญก็แล้วกัน แค่นี้พิชจะรู้เองว่าห้ามรบกวนเวลาของพี่’
การที่เขาไปหาธีรดาในครั้งนี้ก็เพื่อจะได้พูดเรื่องรูปที่ศศิภาได้รับ เธอเป็นคนเปิดเผยคงบอกอยู่แล้วว่าเป็นอะไรกับปุราณมาก่อน ต้องเกิดการเข้าใจผิดหรือกลั่นแกล้งกันแน่นอน เท่าที่เขารู้สึกได้ผู้หญิงคนนี้จริงใจและเปิดเผย เพราะฉะนั้นเขาไม่เชื่อว่าใครเลวร้ายเพียงเพราะรูปใบเดียวแน่นอน
ปารินทร์นึกเสียดายที่เขาไม่ได้ขอเบอร์ของธีรดาจากเจนจิรา เธอให้เบอร์ไว้ตอนที่บานชื่นยังรักษาอยู่ที่นั้น แต่คงไม่เป็นไรถือเสียว่าเขาไปเซอร์ไพรส์ แต่เธออาจไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะเขาบอกแล้วว่าจะมาลอยกระทงด้วยกัน สิ่งที่เขาทำอยู่คงเรียกได้ว่าชอบ ถึงได้พยายามหาเวลามาอยู่ใกล้ๆ เพื่อให้รู้จักเธอมากกว่านี้
วันนั้นเขาขับรถเลยผ่านไปเลยก็ได้ แต่เพราะความบ้าไม่เหมือนใครของเธอที่ต้องการช่วยหมาแค่ตัวเดียว ทำให้เขาจอดรถและมองเธออย่างเอาใจช่วย ทว่าแค่ใจคงช่วยอะไรไม่ได้เขาถึงได้วิ่งเข้าไปช่วยเธอก่อนจะถูกรถชน เขาถูกใจใครยาก แต่ถ้าถูกใจแล้วก็จะถูกใจอยู่อย่างนั้น
8 โมงกว่า ปารินทร์เดินทางมาถึงสนามบินเชียงราย เขามีกระเป๋าเดินทางใบเล็กกับกล้องอีกตัวเท่านั้น บางทีเขาอาจจะต้องหารถเช่าเพื่อเดินทางไปที่ปางไม้ธารธีรา
เมื่อเดินออกมาด้านนอกเขามองหาบริษัทรถเช่าที่อาจอยู่ใกล้ๆ สนามบิน พลันสายตาก็เห็นว่าที่น้องเขย น่าแปลกที่ปุราณเดินทางมาที่นี่ เป็นไปได้ว่าอาจเป็นเครื่องบินลำเดียวกัน เขาเดินตามไปเพื่อถามไถ่ แต่กลับต้องรีบหันหน้าหลบเมื่อธีรดาเดินมาปุราณ
สองคนนี้นัดกันอย่างนั้นหรือ?
ทั้งสองคนทักทายกันอย่างสนิทสนม ปุราณยิ้ม แต่ธีรดายิ้มกว้างกว่า ดูเหมือนไม่สนใจใครอีกแล้วในโลก หัวใจที่เบิกบานไหวยวบกลายเป็นโกรธกรุ่นแทนน้องสาว เขาลอบมองทั้งสองคนเดินตามกันไป และสุดท้ายปุราณเข้าไปนั่งในรถของธีรดา รถขับออกไป ในขณะที่ปารินทร์รู้สึกผิดหวังและเสียดาย
“ผมให้โอกาสคุณสำหรับการอธิบาย แต่คุณทำให้โอกาสนั้นหมดลงเองธีรดา”
เรียวปากหนายิ้มเหยียด สองคนนี้เป็นอะไรกันมาก่อน จากภาพที่เห็นสองคนนั้นคงไม่ใช่แค่เพื่อนกันธรรมดาแน่ เขาต้องการได้คำตอบ โทรศัพท์ถูกดึงออกมาใช้งาน
“ผมต้องการพบคุณวันนี้ตอน 11 โมงตรง” ปารินทร์วางสายจากทินแล้วเดินกลับไปในท่าอากาศยาน ปลายทางของเขาไม่ใช่ที่นี่ แต่เป็นที่เดิมที่เพิ่งจากมาต่างหาก
ส่วนปุราณมาหาธีรดาทำไมนั้น อีกไม่นานเขาคงได้รู้ อย่างน้อยการมาครั้งนี้ก็ไม่เสียเปล่า รูปภาพไม่ได้ตัดต่อ ปุราณกับธีรดารู้จักกันจริง แต่รู้จักกันระดับไหน เขาไม่อยากคาดเดา ความชอบช่างแสนสั้นพอๆ กับตอนที่มันเริ่มขึ้นในหัวใจ
ปุราณมาหาศศิภาที่บ้าน หลายวันที่ได้คิดทบทวน เมื่อเปรียบเทียบระหว่างความรักที่ยังอยู่กับการปล่อยให้เข้าใจผิด เขาเลือกเดินหน้าต่อไปด้วยความรักที่ยังมีให้ศศิภาเพราะเธอเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่อยู่เคียงข้างเขา
3 ปีก่อนที่เขาพบเธอหลังจากโสดมาเกือบปีและกำลังล้มเหลวจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คืนหนึ่งที่นั่งหมดอาลัยตายอยากในงานแต่งงานของเพื่อน เธอเดินมาทักทายเขาและชวนคุยจนทำให้ความเศร้าหายไปชั่วครู่ หลังจากนั้นเธอก็ติดต่อมาเพื่อบอกว่ามีธนาคารที่อาจปล่อยกู้ให้ เธอคอยเป็นธุระทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองเลยสักนิด
ทว่ากาลเวลาผ่านไปจากวันนั้นจนถึงวันนี้ 3 ปีแล้ว เขารักเธอเพราะความดี แต่กาลเวลาเช่นกันที่ทำให้เกิดความหึงหวงและระแวง ปารินทร์บอกเขาแล้วว่าต้องใจเย็นให้มากเนื่องจากศศิภายังไม่หายจากอาการซึมเศร้า การที่พ่อแม่แยกทางกันทำให้เธอเสียใจจนบางครั้งเก็บกด ไม่มีคำว่าตรงกลาง การดีใจหรือเสียใจของเธอมักสุดโต่งจนต้องใช้ความเข้าใจอย่างยิ่งยวดเพื่อที่จะไม่โกรธในสิ่งที่เธอทำ
“มาทำไมหรือคะ พี่ปุ๊ไม่อยากคุยกับศศิแล้วก็ไม่ควรมาที่นี่อีก” ศศิภาเอ่ยขึ้นอย่างน้อยใจ น้ำตาเริ่มรื้นขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นหน้าคนรัก
ร่างสูงนั่งลงข้างๆ คว้ามือบางมาจับไว้ เขายิ้มให้เธอเหมือนที่เคยยิ้มให้มาตลอด 3 ปี
“เรามาคุยกันดีๆ เถอะนะศศิ อีกไม่กี่เดือนเราก็จะแต่งงานกันแล้ว ทำไมเราต้องมาทะเลากันเพราะคนอื่นด้วยล่ะ เข้าใจที่พี่พูดไหม”
“ไม่เข้าใจค่ะ ถ้าเราจะแต่งงานกันอยู่แล้ว ทำไมพี่ปุ๊ถึงนอกใจศศิ ศศิไม่ดีตรงไหน หรือว่าผู้หญิงคนนั้นมันมีดีอะไรถึงได้ทำให้พี่ปุ๊เปลี่ยนไป”
เขาลอบถอนใจ พยายามคิดว่าเธอเป็นอย่างนี้เพราะอาการซึมเศร้า แปลกจริง เธอไม่ได้อาการดีขึ้นไปมากแล้วหรือ อยู่ๆ ทำไมถึงกลับมาเป็นอย่างนี้อีก
“พี่ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย”
“ถ้างั้นบอกมาสิคะว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ไม่เอาคำตอบว่าเป็นรุ่นน้องนะคะ มันฟังไม่ขึ้น”
รูปถ่ายจากโทรศัพท์มือถือถูกยื่นให้ปุราณ เพื่อนของนุชรีเป็นแอร์ เธอจำปุราณได้ถึงได้ถ่ายรูปนี้แล้วส่งมาให้เธอดู ต่อไปจะได้ตาสว่างเสียที
“แต่มันเป็นเรื่องจริง” ปุราณโกรธที่ถูกตามแบบนี้ “พี่จะเล่าให้ศศิฟัง ถ้าฟังแล้วจะได้เข้าใจว่าทุกคนมีอดีตเสมอ ก่อนที่พี่จะมาพบศศิแล้วรักกันอย่างในตอนนี้ พี่เคยมีแฟนมาก่อน...หลายคน หนึ่งในนั้นก็คือผู้หญิงที่ศศิเห็นในรูป แต่พี่ยืนยันได้ว่าเราสองคนไม่ได้ติดต่อกันมานานแล้ว”
การที่เขาไปหาธีรดาก็เพื่อถามถึงรูปใบนี้ เธอยืนกรานปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนส่งรูปมาให้ศศิภาและไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขากำลังจะแต่งงาน หลังจากพบกันสุดท้ายเราไม่ได้ติดต่อกันอีกเลยเพราะเรายังรักกันอยู่ ณ เวลานั้น การไม่รับรู้เรื่องของกันและกันเป็นทางออกที่ดีที่สุด
“แฟนเก่า! แล้วพี่ปุ๊ไปหาแฟนเก่าที่ไม่ได้ติดต่อกันมานานทำไมคะ ทั้งที่เราทะเลาะกัน ศศิยังเชื่อพี่ปุ๊ได้อีกหรือเปล่า8t”
ปุราณถอนใจเป็นรอบที่สาม เขาอดทนได้แค่เท่านี้สำหรับการไม่เชื่อใจ แม้กระทั่งอธิบายก็ยังไม่ยอมฟัง เขาอาจไม่ดีพอสำหรับศศิภาก็ได้
“ไม่ว่าพี่พูดยังไง ศศิก็จะไม่เชื่อใช่ไหม”
“บอกมาสิคะว่าพี่ไปหานังนั่นทำไม”
“ถ้าพูดแล้วศศิจะเชื่อหรือเปล่าว่าพี่ไปเพื่อให้แน่ใจว่าแฟนเก่าไม่ได้มีความหมายกับเราสองคน” ปุราณถอนใจ “ช่างเถอะ ถ้าคิดว่าพี่โกหกเราก็ไม่ต้องคุยกันต่อแล้ว”
มือหนาปล่อยมือบางลุกขึ้นแล้วยืน ก้มหน้าลงมองว่าที่เจ้าสาวที่ไม่มั่นใจในตัวของเขาเลย
“พี่ปุ๊จะเลิกกับศศิหรือคะ เพราะนังนั่นใช่ไหม”
“ไม่ใช่เพราะใครทั้งนั้น แต่เพราะพี่กับศศิเท่านั้น พี่ไม่เคยคิดจะเลิกกับศศิ แต่ในระหว่างนี้เราคุยกันน้อยลงเถอะ เผื่อว่าการห่างกันสักพักเราจะบอกตัวเองได้ว่าตอนนี้ที่เป็นอยู่เรายังรักกันอยู่หรือเปล่า”
ร่างสูงเบือนหน้าหันหลังให้กำลังจะเดินจากไปอีกครั้ง ศศิภาลุกขึ้นรีบวิ่งตามไปคว้ามือของเขามาจับไว้
“พี่ปุ๊...” น้ำตาของหญิงสาวไหลรินเมื่อเขาพูดเหมือนว่าเราจะเลิกกัน “แล้วงานแต่งงานของเรา”
มือหนาบีบมือบางเบาๆ เขาเจ็บปวดที่เห็นน้ำตาของคนรัก แต่เจ็บปวดไม่เท่าที่เธอไม่ยอมเชื่อใจกัน
“เราจะไม่พูดถึงจนกว่าทุกอย่างระหว่างพี่กับศศิจะกลับมาเหมือนเดิม”
มือบางถูกปลดออก ศศิภาทรุดลงนั่งแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้อ แต่ถึงกระนั้นเขายังคงเดินต่อ ไม่ถึงอึดใจก็ขับรถออกไป ปารินทร์เดินมาตามเสียงน้องสาว ถึงได้เห็นว่าร้องไห้หมดสภาพอยู่กับพื้นหญ้า หัวใจของเขาคนเป็นพี่แสนร้าวราน
“ร้องไห้ทำไมศศิ ทะเลาะอะไรกันอีก เมื่อตอนหัวค่ำพี่เห็นปุราณมาหา ไม่ได้ปรับความเข้าใจกันหรอกหรือ”
“เราอาจไม่ได้แต่งงานกันแล้วก็ได้ค่ะพี่สิงห์” ศศิภากอดพี่ชายเอาไว้แน่นราวกับเขาเป็นที่พึ่งสุดท้าย
“เล่าให้พี่ฟังสิว่าคุยอะไรกัน บางทีมันอาจจะไม่ร้ายแรงถึงขนาดนั้นก็ได้นะศศิ”
ศศิภาเช็ดน้ำตา ดวงตาของผู้หญิงแสนเศร้าพลันเปลี่ยนไปเป็นเย็นชาเมื่อรู้แล้วว่าการยอมแพ้ย่อมหมายถึงการไม่มีงานแต่งงาน เธอยอมไม่ได้ เธอรักปุราณเกินกว่าจะเห็นเขากับผู้หญิงอื่น
“ศศิอยากพบผู้หญิงคนนั้นแล้วตบให้สาแก่ใจในความเลวของมัน ถ้าไม่มีมันพี่ปุ๊คงไม่พูดเรื่องงานแต่งที่อาจไม่มีของเรา”
ปารินทร์ไม่ได้คล้อยตามน้องสาวไปเสียหมด แต่ถ้าไม่เห็นว่าปุราณไปธีรดา เขาคงปฏิเสธได้ทันทีว่าสิ่งที่น้องสาวคิดไปเองนั้นเป็นเรื่องไม่จริง
“แยกทีละประเด็นนะศศิ ประเด็นแรกศศิยังเชื่อมั่นในตัวคนรักอยู่ไหม กับอีกประเด็น ผู้หญิงคนนั้นทำให้ปุราณเปลี่ยน เขาเปลี่ยนไปเอง หรือว่าศศิเองก็เปลี่ยน”
“ศศิไม่ได้เป็นฝ่ายนอกใจ”
“ปัญหามันไม่ได้มาจากตรงนั้น ถ้าพี่ทำให้ผู้หญิงคนนั้นออกไป แล้วปุราณกับศศิจะยังเหมือนเดิมอยู่ไหม หรือว่าจริงๆ แล้วถึงไม่มีผู้หญิงคนนั้น ปุราณกับศศิก็ยังเป็นอย่างนี้ คนที่ไม่เชื่อใจกลายเป็นน้องสาวของพี่” ปารินทร์ชี้จุดสำคัญที่น้องสาวกำลังมองข้ามไป ถ้ารักกันแล้ว ต่อให้มีคนจ้องทำลายความสัมพันธ์ก็ไม่มีความหมาย ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคนสองคนไม่ใช่หรือ
ศศิภาเริ่มคล้อยตามพี่ชาย เธอไม่เคยเป็นผู้หญิงช่างระแวงมาก่อน จนกระทั่งไปเห็นว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายที่เพิ่งเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่ แต่เขาเป็นผู้ชายที่ประสบความสำเร็จและเป็นที่หมายปองของผู้หญิงหลายคนในคืนหนึ่งซึ่งเราไปงานเลี้ยงด้วยกัน เธอไปเข้าห้องน้ำ ผู้หญิง 3 คนยืนคุยกันเรื่องปุราณ พวกนั้นอยากได้ปุราณ ทั้งที่รู้ว่าเขามีแฟนแล้ว
“มันยากที่จะเชื่อใจนี่คะพี่สิงห์”
“พี่อยากให้ศศิใช้เวลาทบทวนอย่างที่ปุราณบอก ส่วนเรื่องผู้หญิงคนนั้นพี่จะจัดการให้เอง”
“จัดการยังไงคะ” ศศิภาถาม ถ้าพี่ชายออกปากช่วย เธอคงสบายใจได้แน่นอน
“ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของศศิกับปุราณ ว่ายังไง ยังจะไปอาละวาดให้ได้คำตอบที่พี่คิดว่าต่อให้ปุราณหรือใครก็ตามคงไม่มีคำตอบให้ศศิตอนนี้หรอก”
น้องสาวเขยิบมากอดพี่ชาย ตอนพ่อกับแม่เลิกกัน แล้วเราต้องอยู่กับพ่อ พี่ชายทำหน้าที่พ่อได้มากกว่าพ่อแท้ๆ ที่ทำแต่งานจนแทบไม่ได้พบหน้ากันเสียด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นไม่ว่าอะไรที่เธออยากได้ พี่สิงห์จะหามาให้ และใครทำให้เธอเสียใจ พี่สิงห์ก็ต้องทำให้ใครคนนั้นเสียใจยิ่งกว่า
“ศศิรักพี่ปุ๊ ต่อให้มีหรือไม่มีผู้หญิงคนนั้น ศศิก็ยังรัก ส่วนพี่ปุ๊ ศศิไม่แน่ใจ”
ปารินทร์ถอนใจ เขามองไม่เห็นภาพครอบครัวสุขสันต์ของน้องสาวกับปุราณเลยสักนิด หากว่าศศิภายังเอาแต่ใช้อารมณ์
“เราต้องรอ ในเรื่องของความรัก ใจร้อนก็มีแต่พัง เข้าใจไหม”
ศศิภาพยักหน้าเห็นด้วยกับพี่ชาย แต่ตลอดชีวิตที่ผ่านมาของเธอไม่เคยมีคำว่าผิดหวังเพราะฉะนั้นปุราณต้องแต่งงานกับเธอ ส่วนผู้หญิงคนนั้นพี่ชายต้องจัดการให้อย่างแน่นอน มีแต่คนที่รักเธอ ส่วนผู้หญิงคนนั้นรอเจอฝันร้ายได้เลย ปารินทร์ก้มหน้าลงมองน้องสาว บางทีนอกจากจัดการธีรดากับปุราณแล้วเขาควรจัดการน้องสาวของตัวเองด้วยกระมัง
3 สัปดาห์ต่อมา ธีรดาได้เลื่อยเฝือกออกไปจากแขนเรียบร้อย ธีมากับเธอสลับงานกันให้กลับมาเหมือนเดิม รายนั้นทำหน้าเหมือนอยากอยู่กรุงเทพฯ ต่อ แน่ล่ะสิได้อยู่ใกล้แฟนใครจะไม่ชอบ อาทิตย์หน้าดาวิกาจะเดินทางไปเล่นคอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่น มั่นใจได้เลยว่าคู่แฝดของเธอคงไปให้กำลังใจแฟนถึงขอบเวที เป็นทั้งแฟนและแฟนคลับ ทุ่มทุนสร้างขนาดนี้พ่อของสาวของคงใจอ่อนยอมยกลูกสาวให้แต่งงานด้วยแน่ๆ
ธีรดามาทำงานได้ 3 วันก็ได้รับการ์ดเชิญจากลุงกานต์ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงลงทุนแต่งตัวสวยหรูตั้งแต่หัววัน ลุงกานต์เป็นเพื่อนรักของพ่อ เวลาไปเชียงรายทีไรลุงกานต์กับพ่อมักนัดเจอกันทุกทีเป็นอย่างนี้มาหลายสิบปีแล้ว หญิงสาวนั่งรถแท็กซี่ไปงานเลี้ยงฉลองคอนโดโครงการใหม่ของลุงกานต์ ข้อห้ามเรื่องขับรถยังไม่ถึง 3 เดือนเพราะฉะนั้นยังต้องพึ่งบริการรถแท็กซี่หรือบางครั้งรถของบริษัทต่อไป อีก 3 สัปดาห์เธอคงได้หายอึดอัดเสียที
“พี่สั่งดอกไม้ให้แล้วนะคะ เด็กคงไปส่งทันเวลาที่คุณกวางไปถึงพอดี” วิภาโทรมาบอกนายสาว
“ขอบคุณค่ะพี่วิภา ถ้าไม่มีพี่สงสัยกวางคงเหมือนขาดมือขวา”
ไม่ถึง 10 นาทีธีรดามาถึงงาน เธอคิดถูกแล้วที่วันนี้แต่ตัวหรูหราด้วยชุดแซคสีฟ้าอ่อน ถ้าใส่สีดำมีหวังไม่เข้าพวก ลุงกานต์ยืนคุยอยู่กับกลุ่มนักธุรกิจที่เธอไม่รู้จักอยู่ตรงหน้างาน แต่พอเห็นเธอก็เดินมาหาแล้วกอดอย่างเอ็นดู
“ขอบใจที่มานะหนูกวาง พ่อสบายดีหรือเปล่า”
“สบายดีค่ะลุงกานต์ วันก่อนคุยโทรศัพท์กันพอรู้ว่ากวางจะมางานนี้ พ่อยังบอกใหญ่เลยว่าถ้าลงมากรุงเทพฯจะนัดเจอกันสักที ไม่ได้รวมกลุ่มกันนานแล้ว” เธอเล่าตามที่พ่อฝากบอกมาทุกคำพร้อมกับส่งดอกไม้ที่ได้มาจากเด็กส่งดอกไม้สดๆ ร้อนๆ ให้เจ้าของงาน
ลุงกานต์รับดอกไม้มาแล้วยิ้มกว้าง “ก็ดีน่ะสิ มีแต่คนถามหาทั้งนั้น”
“เดี๋ยวกวางเข้าไปในงานก่อนนะคะ ลุงกานต์จะได้รับแขกต่อ”
เธอยกมือไหว้เพื่อนของพ่ออีกรอบ ก่อนจะเดินเข้าไปในงานที่ดูหรูอู้ฟู่จริงๆ มีเวทีเล็กๆ ตรงสระน้ำ ทีมงานกำลังนัดคิวกันอยู่หลังเวลาที เธอเดินผ่านไปโดยไม่ทันเห็นว่าพิชชายืนอยู่ตรงนั้น แล้วเพียงไม่นานนักร่างสูงใหญ่ของชายอีกคนก็เดินมาบริเวณนี้เช่นกัน นักเปียโนสาวรีบเข้ามากอดแขนแสดงความเป็นเจ้าของทันที
“ดีใจจังค่ะ ที่สิงห์มางานนี้ อยากมาให้กำลังใจพิชใช่ไหมล่ะคะ”
ปารินทร์ยังคงมองหา พอเห็นคนสำคัญของพิชชาเดินมาจึงรีบบอก
“ผู้จัดการส่วนตัวของพิชมาแล้ว เดี๋ยวพี่จะรอดูการแสดงของพิชก็แล้วกันนะ”
“ก็ได้ค่ะ เสร็จงานแล้วเราไปดินเนอร์กันต่อนะคะ” พิชชายังยื้อแขนไว้ แต่จำต้องปล่อยเมื่อผู้จัดการส่วนตัวบอกว่าใกล้ได้เวลาแล้ว ไม่อยากให้เกิดความผิดพลาด
“รีบไปเถอะ” ปารินทร์เอ่ยก่อนจะเดินต่อไป สายตาคู่นั้นมองเหมือนหาอะไรหรือใครสักคนอยู่
พิชชาเม้มปากรู้สึกไม่พอใจ แต่โวยวายไม่ได้เพราะงานนี้มีนักข่าว กานต์เป็นนักธุรกิจชื่อดังและยังมีอิทธิพลมากในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทว่าพอมองตามปารินทร์ก็ให้นึกน้อยใจ โทรไปไม่รับสาย หรือหากรับสายก็มักติดประชุมอยู่ เราเป็นคู่หมายที่ผู้ใหญ่หมายมั่นให้เป็นคู่กันมาตั้งแต่เด็ก แต่ทำไมระหว่างเราไม่มีอะไรคืบหน้าเลย
ธีรดาเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ จะว่าไปแล้วเธออาจไม่เหมาะกับงานสังคมโฮโซแบบนี้เท่าไหร่ ถ้าเป็นงานเลี้ยงแถวบ้านที่เชียงรายป่านนี้เมาท์แตกกันคอแห้งไปแล้ว แต่ให้ตายเถอะ เธอเวียนหัวชะมัด แต่ละคนมางานนี้เพื่อคุยเรื่องธุรกิจเท่านั้น ในหมู่นักธุรกิจเหล่านั้นมีใบหน้าของใครคนหนึ่งรวมอยู่ด้วย แต่เพียงพริบตาเขาคนนั้นก็หันหน้าไป
“ใช่หรือเปล่านะ”
เพื่อที่จะได้ไม่ต้องสงสัยอีกต่อไป หญิงสาวเดินไปยังร่างสูงที่กำลังจะเดินต่อไป มือบางยื่นไปสะกิดเบาๆ ที่หลัง เขาหันกลับมา เรียวปากบางยิ้มเมื่อได้พบคนที่รอจะพบ...มานาน ดวงตาของเขามองเธออย่างแปลกใจ ไม่อยากเข้าข้างตัวเองว่าอาจหมายถึงว่าดีใจด้วย เขาไม่พูดอะไร จนเธอเป็นฝ่ายทักทายเขาก่อน
“นึกแล้วว่าต้องใช่ ยังจำกันได้ไหมคะคุณสิงห์ ไม่ได้เจอกันนานเลย”
ใบหน้าของปารินทร์เรียบเฉย นึกอยู่แล้วว่าเขาต้องจำคนไม่ผิด เธอลงมาจากรถแท็กซี่และรับดอกไม้จากเด็กส่ง แล้วเดินมาที่งานนี้เช่นเดียวกับเขา ชุดแซคสีฟ้าช่างเหมาะกับร่างเพรียวระหงและความเป็นตัวของตัวเองทำให้เขาไม่อาจลงโทษเธอด้วยความคิดต่ำๆ ได้เต็มร้อย
“คุณมางานนี้เหมือนกันเหรอ”
“ค่ะ ลุงกานต์ ฉันหมายถึง คุณกานต์เกียรติน่ะค่ะเป็นเพื่อนของพ่อฉัน แล้วยังเป็นลูกค้าบริษัทของครอบครัวฉันด้วย แล้วคุณล่ะคะ” เธอถาม รู้สึกแปลกนิดๆ ที่เขาทำตัวเป็นทางการเหมือนครั้งแรกที่พบกัน ช่างต่างจากตอนเราอยู่ที่ปางไม้ด้วยกัน ถึงจะแค่ 2 วันก็ตาม ดวงตาที่มองมาดูแข็งกระด้าง กินกาแฟเยอะจนตาค้างหรือเปล่าน่ะ
ภาพของธีรดาที่มารับปุราณแล้วนั่งรถไปด้วยกันยังคงวนเวียนอยู่ในสมองของปารินทร์ เขาควรถามออกไปไหม เธอเป็นผู้หญิงร้ายกาจที่ส่งข้อความมาหาน้องสาวของเขาหรือเปล่า ถ้าเธอวางแผนมาได้ถึงขนาดนี้การถามคงไม่สร้างประโยชน์อะไร หลักฐานเท่านั้นที่เขาต้องการเพื่อจัดการเธอให้ออกไปจากปุราณและศศิภา
“มีคนรู้จัก ผมขอตัว”
ธีรดาเป็นฝ่ายหน้าชาเสียเองเมื่อเห็นปารินทร์มองผ่านเธอไปยังชายซึ่งอยู่ด้านหลัง ราวกับการที่เธอเข้ามาทักนั้นทำให้เขาเสียเวลาอย่างไรอย่างนั้น อะไรของเขา(วะ) อยู่ดีๆ ก็มาทำมึนตึงใส่ สัญญาว่าจะไปลอยกระทงด้วยก็ไม่ไป หัวใจของนักธุรกิจนี่ช่างเย็นชาจนเธออยากตะโกนว่าวางฟอร์มไปเพื่ออะไรกัน แน่ล่ะ เธอคงไม่โง่ทำเรื่องแบบนั้น
“กวาง...”
ใครอีกล่ะนี่ ธีรดาหันหน้ามาตามเสียงเรียกเบาๆ แถมยังอัพเกรดสนิทสนมขนาดเรียกชื่อเล่น แต่พอเห็นว่าใครเป็นคนเรียกก็ยิ้มแหยๆ พี่ปุ๊คงไม่รู้หรอกว่าถูกบ่นในใจไปไม่น้อย
“พี่ปุ๊ มางานนี้เพราะเป็นคนวางแผนการตลาดให้ลุงกานต์ใช่ไหมคะ กวางเห็นจากโบรชัวร์ ไม่รู้กวางมัวไปทำอะไรอยู่เลยไม่รู้ว่าพี่ดังขนาดไหนในวงการอสังหาริมทรัพย์”
ปุราณยิ้มกว้างหลังจากคราวก่อนที่ได้เจอกันนอกจากเรื่องรูปภาพแล้ว เราได้ยังคุยเพื่อปรับความเข้าใจกัน ทำให้การพบกันคราวนี้เขาหรือเธอต่างไม่ต้องหลบเพราะมีอดีตที่ค้างคาใจ
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก”
ถ้าไม่ได้ศศิภาป่านนี้เขาจะเป็นยังไงบ้างไม่รู้ ผ่านมานานขนาดนี้แล้วหายโกรธเขาหรือยังนะ เขาไม่น่าใจร้อนพูดไปแบบนั้นเลย ปุราณถอนใจเมื่อคิดถึงคำพูดตัวเอง มือบางยื่นไปตบไหล่คนเคยรักเบาๆ พร้อมกับยิ้มให้ สายตาคมปราบที่มองเธอไม่เคยคลาดเริ่มกัดฟันกรอด
“ถอนใจทำไมน่ะพี่ปุ๊ หรือว่ามีปัญหาอะไร คราวก่อนที่มาหาก็ถามแต่เรื่องรูป คราวนี้มีปัญหาอะไรบอกกวางได้นะคะ” ในฐานะน้องสาว เธอต่อคำพูดนี้ใจ เพื่อย้ำกับตัวเองและไม่อยากให้ปุราณรู้สึกผิดที่เคยทำให้เธอเสียใจเพราะความหูเบาในคราวนั้น
“ไม่มีอะไรหรอก เดี๋ยวพี่ไปหาคุณกานต์ก่อนนะ”
ธีรดาพยักหน้ายกมือข้างหนึ่งขึ้นมาแล้วตบลงที่อกตัวเองเบาๆ อย่างที่เคยทำให้ปู่รหัส สู้ๆ นี่แหละโค๊ดลับของเรา ปุราณยิ้มตอบเมื่อเขาก็จำได้เหมือนกัน หญิงสาวถอนใจพลางยิ้มกว้าง บางทีการได้พบกันเพื่อพูดความในใจก็ดีเหมือนกัน ไม่รู้เธอปิดปั้นการรับรู้เรื่องราวของเขาตลอด 8 ปีที่ผ่านมาเพื่อให้ตัวเองเจ็บทำไมสิน่า
“ผู้หญิงเดี๋ยวนี้แปลกนะ ศีลธรรมไม่มีกันแล้ว!”
เสียงคุ้นๆ ของใครคนหนึ่งดังอยู่ใกล้ๆ ทักทายกันแบบนี้แจกหมัดให้น่าจะสะใจท่านผู้ชมมากกว่าละมั้ง
บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 พ.ค. 2557, 09:48:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 พ.ค. 2557, 09:48:39 น.
จำนวนการเข้าชม : 1258
<< ตอนที่ 5...100% | ตอนที่ 7 >> |