ไฟรักรัญจวน โดย ภคพร (วางแผงแล้ว)
ซีรีย์นี้ชื่อว่า 5 อสูรคอนเนอร์ค่ะ พระนางเป็นคนธรรมดานะคะ
แต่ฉายาอสูรนี่ได้มาเพราะบุคลิกเฉพาะตัว
สำหรับเรื่องแรกที่จะเปิดตัวคือ
“รัตติกาลรัญจวน”’ เป็นภาคของแวมไพร์นะคะ เรื่องนี้เขียนจบแล้วค่ะ อยู่ในขั้นตอนรีไรท์
ยังไม่ได้ส่งที่ไหน ดังนั้นเลยจะเอามาลงให้อ่าน 70% ก่อนนะคะ

สำหรับ 5 อสูร มีฉายาอะไรบ้าง ขอแนะนำก่อนให้เป็นน้ำจิ้มดังนี้ค่ะ

แวมไพร์
บรุษลึกลับที่ไม่เคยปรากฏโฉมต่อหน้าสื่อ
ชายหนุ่มคือจักรพรรติเงาผู้กุมอำนาจอยู่เบื้องหลังอาณาจักรคอนเนอร์อย่างเงียบๆ
ปมในอดีตทำให้เขาปิดตัวเองและไม่เคยเปิดหัวใจให้ใครเลย

ฟินิกซ์
เพลย์บอยเจ้าเสน่ห์ ผู้สดใสเจิดจ้าราวกับเทพอพอลโล่ เขารักอิสระ เกลียดพันธะ สาวสวยสำหรับเขาคือคนที่เอาไว้ควงเล่น ส่วนคนขี้เหร่แต่มีสมองเอาไว้ช่วยทำงาน แล้วถ้าทั้งสวยและมีสมองล่ะทำยังไง? อย่าหวังเลยว่าจะชายตามอง นั่นน่ะตัวอันตรายชัดๆ

มังกรน้ำแข็ง
ชายหนุ่มผู้งามสง่าราวประติมากรรม เขาเงียบขรึมเย็นชาจนดูเหมือนไร้หัวใจ
แต่เพื่อความรักแล้วผู้ชายคนนี้พร้อมจะเปลี่ยนเป็นเพลิงกัลป์
เพื่อแผดเผาอุปสรรคตรงหน้าให้มอดไหม้

ไลแคนท์
สายเลือดนอกคอกของตระกูลคอนเนอร์ เจ้าของคาสิโนและธุรกิจด้านมืดหลากหลาย
คนว่าเขาเป็นอสูรร้าย แต่ภายในใจอสูรตนี้กลับเต็มไปด้วยความอ้างว้าง
ที่หยั่งรากลึกสุดจะหยั่ง

คราเครน
หญิงสาวหนึ่งเดียวในห้าอสูร เจ้าหล่อนงดงาม เก่งกาจ ฉลาดเฉลียว
สิ่งที่คำนึงถึงมีเพียงอำนาจและเงินตราเท่านั้น
ความรักน่ะหรือ? อารมณ์ไร้ประโยชน์แบบนั้นโยนทิ้งมันไปได้เลย


คำโปรย รัตติกาลรัญจวน



สิ่งที่ “น้ำงาม” รู้เกี่ยวกับเจ้านายคนใหม่คือเขาชื่อ “เควิน โคฮาคุ คอนเนอร์”



หนุ่มลูกครึ่งอเมริกันญี่ปุ่นคนนี้เป็นนักธุรกิจมากความสามารถ

แต่กลับเก็บตัวอยู่ในคฤหาสน์ตลอดเวลา

เขาไม่เคยเปิดเผยโฉมหน้าต่อหน้าสาธารณชนเลย

จนสื่อพากันขนานนามว่า “แวมไพร์”



ใครๆ ก็ว่าปีศาจร้ายตนนี้ไร้หัวใจ

แต่สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าน้ำงามกลับกลายเป็นชายหนุ่มรูปงามนัยน์ตาโศก



ดวงตาสีอำพันของเขาดูดกลืนจิตวิญญาณของเธอเข้าไปตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น

น้ำงามหลงรักเควินหมดหัวใจ โดยไม่รู้เลยว่าสำหรับเขาแล้วนี่เป็นเพียงแค่เกม

เธอคือของขวัญที่ญาติตัวแสบส่งมาให้เล่นฆ่าเวลาเท่านั้น



“ถ้าเควินรักน้ำงาม เขาจะแพ้”



ชายหนุ่มเกลียดความพ่ายแพ้

แต่สิ่งที่ชิงชังยิ่งกว่าคือการถูกทรยศ

เขาจะทำเช่นไรเมื่อรู้ว่าคนที่กำลังเผลอมอบใจให้เป็นสปาย


อ่านแล้วถูกใจรบกวนกดไลค์แฟนเพจให้ด้วยนะคะ https://www.facebook.com/nomekaa


Tags: โรแมนติก ดราม่าเบาๆ โรมานซ์นิดๆ พยาบาลสาว นักธุรกิจหนุ่ม แวมไพร์ โรคแพ้แดด

ตอน: บทที่ 10 ช็อกโกแลต

บทที่ 10 ช็อกโกแลต

หลังจากดินเนอร์ใต้แสงดาวอันน่าประทับใจ ก็ได้เวลาที่ต้องจับเข่าคุยกันเรื่องความสัมพันธ์เสียที เควินยังคงคิดว่าเขาไม่อาจรักใครได้อย่างลึกซึ้ง แต่ก็ไม่อาจตัดใจปล่อยน้ำงามไปได้ ดังนั้นก็เลยเลือกที่จะพูดสิ่งที่อยู่ในใจอย่างตรงไปตรงมา

ชายหนุ่มพาหญิงสาวมาที่ห้องนอน พอเห็นเตียงนอนสีดำขนาดใหญ่น้ำงามก็ถอยห่างจากตัวเขาในทันที

“ทำไมมองผมแบบนั้น นี่แสดงว่าไม่ไว้ใจกันเลยใช่ไหม” เควินตัดพ้อ

“ระวังเอาไว้ก่อนค่ะ ขนาดคนป่วยคุณยังทำได้ลงคอ”

น้ำงามกอดตัวเองอย่างหวนแหน คฤหาสน์หลังนี้ออกจะกว้าง มีที่ให้นั่งคุยตั้งมากมาย แต่เขาก็ยังเลือกห้องนอน มองอย่างไรก็มีเจตนาแอบแฝงชัดๆ

“ใจร้าย ไหนบอกว่าจะงดชำระความผมแล้วไง” ชายหนุ่มตีหน้าเศร้า

เมื่อคำพูดไม่ได้ผลก็ต้องอาศัยฝีมือการแสดงเข้าช่วย บัดนี้ดวงตาสีอำพันเต็มไปด้วยแววหม่นหมอง ส่งผลให้สาวงามที่อยู่ข้างกาย ใจอ่อนและอ่อนใจไปพร้อมๆ กัน

“ฉันไม่ชำระความ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ลืมนี่คะ”

น้ำงามไม่ยอมสบตาด้วย เธอพยายามใจแข็งกับเขาสุดชีวิต

“ผมว่าคุณไม่ได้ติดไวรัสหวัดอย่างเดียวแล้วล่ะ ติดไวรัสใจร้ายด้วย”

“ฉันเป็นอย่างนี้มาตั้งนานแล้วต่างหากค่ะ” โต้เสร็จ น้ำงามก็ตัดสินใจเปลี่ยนเรื่อง “คุณมีอะไรจะพูดไม่ใช่หรือคะ รีบพูดมาเถอะค่ะ”

เควินพยักหน้ารับแล้วผายมือไปที่ผนัง มองตามไปก็เห็นกำแพงว่างเปล่าไม่มีอะไรน่าสนใจจนเกือบเผลอเข้าใจว่าเขากำลังอวดลายวอลเปเปอร์

หญิงสาวหันมาสบตาด้วยอย่างงงงัน แล้วก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อผนังว่างเปล่าตรงหน้าแยกตัวออกจากกัน เผยให้เห็นห้องลับขนาดสี่คูณสี่เมตร ภายในเต็มไปด้วยข้าวของ ทั้งกล่องกระดาษ หีบใส่ของ กับอะไรต่อมิอะไรก็ไม่รู้อีกจิปาถะกองเต็มไปหมด

“ขอต้อนรับเข้าสู่ห้องเก็บสมบัติของผม” ชายหนุ่มว่า

เควินเรียกอย่างนั้นเพราะเขาเอาไว้เก็บของสำคัญ ถึงจะไร้ระเบียบสักหน่อย แต่ทุกอย่างในที่นี้ล้วนมีค่าในแง่ความทรงจำ

ชายหนุ่มจูงมือหญิงสาวเข้าไปแล้วมาหยุดยืนอยู่ที่ผนังทางฝั่งซ้าย ตรงนั้นมีรูปใบใหญ่ติดอยู่ มันเป็นภาพของหญิงสาวชาวญี่ปุ่นหน้าตาสะสวยในชุดกิโมโน มองแวบเดียวน้ำงามก็เห็นความคล้ายคลึงระหว่างเควินกับเธอคนนี้

“คุณแม่ของคุณหรือคะ”

“ใช่ครับ รูปของแม่ ถ่ายเอาไว้ก่อนท่านเสียชีวิตสักสองปีเห็นจะได้”

“สวยจังนะคะ ดูเป็นคนใจดีมากเลย” แววตาอ่อนโยนของสตรีในภาพดูเด่นสะดุดตาไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าความสวยของเธอเลย

“ใช่ แม่ผมใจดีมาก ความใจดีของท่านเป็นเรื่องหนึ่งในไม่กี่อย่างที่ผมจำได้”

สายตาของเควินเริ่มเหม่อลอยราวกับจะย้อนกลับไปยังอดีต รอยยิ้มของแม่ พิธีศพกับภาพแม่อยู่คอยพยาบาลเขาข้างเตียงคือสามสิ่งที่เควินจำได้แม่นยำ ส่วนที่เหลือค่อนข้างรางเลือน แม้จะมีข้อมูลเกี่ยวกับท่านจากการบอกเล่าของมามิ แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะนึกไม่ออก

น้ำงามไม่เอ่ยอะไร เธอบีบมือเขาเอาไว้แน่นขึ้น หญิงสาวรู้สึกได้ถึงความเศร้า เลยอยากช่วยบรรเทามัน ถึงจะแบกรับแทนไม่ได้แต่ก็อยากให้รู้ว่าไม่ได้อยู่เพียงลำพัง แรงบีบทำให้เควินเบือนสายตาจากภาพถ่ายมาที่น้ำงาม

“คุณทำให้ผมเริ่มเข้าใจว่าทำไมพ่อถึงรักแม่ได้มากมายขนาดนั้น และมันคือเหตุผลที่ทำให้ผมไม่อยากรักคุณ”

หญิงสาวไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะบอกเลยสักนิด กระนั้นก็ไม่เร่งเร้าเอาคำตอบ เธอมองชายหนุ่มด้วยสายตาอ่อนโยน แล้วรอให้เขาเป็นคนเฉลยความจริงให้ได้รู้

เรื่องราวเกี่ยวกับผู้ให้กำเนิดค่อยๆ พรั่งพรูออกมาจากปากของเควิน ชายหนุ่มบอกว่าแม้แม่จะตายไปเกือบยี่สิบปีแล้วแต่พ่อก็ยังไม่เคยลืมเธอ เขาเล่าเรื่องพ่อผู้เข้มแข็งต้องหลั่งน้ำตาเพราะความรัก เล่าเรื่องที่เขาไม่อยากเป็นอย่างท่าน

“ผมไม่อยากรักคุณแต่ก็เห็นแก่ตัวเกินกว่าจะปล่อยคุณไป ผมมันเลวใช่ไหม”

“ไม่เลยค่ะ นี่ไม่ได้เรียกว่าเลว” น้ำงามเอ่ยอย่างหนักแน่น “คุณแค่กลัวเท่านั้น”

‘กลัว’ คำนี้ฟังดูค่อนข้างน่าขันสำหรับเควิน ชายหนุ่มเป็นพวกหยิ่งทระนงในศักดิ์ศรี เขาไม่มีวันยอมรับว่าขลาดกลัวต่อสิ่งใดง่ายๆ ทว่าเมื่อมันหลุดออกมาจากปากน้ำงาม ชายหนุ่มกลับไม่รู้สึกถึงการเหยียดหยาม เขามองเห็นแค่ความเห็นอกเห็นใจและห่วงใยเท่านั้น

“คุณพูดถูก ผมเป็นคนขี้ขลาดในเรื่องของความรักและคงจะไม่กล้ารักใครไปชั่วชีวิต”

“ไม่แน่หรอกค่ะ คุณไม่เคยได้ยินหรือไงว่าความแน่นอนคือความไม่แน่นอน”

“ถ้าผมจะบอกว่าเป็นความไม่แน่นอนที่มีเปอร์เซ็นต์ต่ำมากๆ ล่ะคุณจะทำยังไง”

“หมายความว่ายังไงคะ”

“ผมอยากจะคบกับคุณ ภายใต้เงื่อนไขที่คุณคงไม่ชอบใจนัก”

สำหรับเควินมันมีเรื่องยากที่เดียวที่จะเอ่ยคำว่าคบกันออกมาได้ ชั่วชีวิตเขารู้จักแต่คู่นอนแบบข้ามคืนเท่านั้น เลยรู้ตัวดีว่าไม่เหมาะจะมีสัมพันธ์อย่างนี้กับใคร แต่เขาก็เลือกที่จะขอคบกับเธอ ด้วยเหตุผลว่าหลงใหลเกินกว่าจะยอมปล่อยเธอไปโดยง่าย

“ว่ามาค่ะ”

น้ำงามภาวนาขออย่าให้เขาคิดจะเอาเงินฟาดหัวเธออีก ไม่อย่างนั้นคงได้โกรธกันอีกแน่

เควินสูดลมหายใจเพื่อรวบรวมความคิด ก่อนจะวางมือลงบนไหล่บอบบาง

“ผมให้สัญญาไม่ได้ว่าถ้าเราคบกันแล้วผมจะไม่แตะต้องคุณ ผมเป็นผู้ชายธรรมดามีอารมณ์ความรู้สึกหวังว่าคุณคงเข้าใจ”

“ฉันเข้าใจค่ะ”

“ต่อไปเป็นประเด็นสำคัญ นั่นคือต่อให้ผมมีอะไรกับคุณแล้ว ผมก็ไม่สามารถรับประกันเรื่องการแต่งงานหรือการสร้างครอบครัวด้วยได้ คุณรู้ใช่ไหมว่าผมเป็นคนที่ไม่เหมือนใคร”

ชายหนุ่มเว้นช่วงคำพูด พอน้ำงามพยักหน้ารับเขาก็เอ่ยต่อ

“นอกจากจะแพ้แสงแล้ว ผมยังมีโลกส่วนตัวสูง เวลาทำงานอาจจะหมกมุ่นจนไม่สนใจคุณเลย ที่สำคัญคือต่อให้คุณรักผมมากมายผมก็ไม่มั่นใจว่าจะตอบแทนความรู้สึกของคุณได้ คุณอาจจะต้องรอคอยความรักจากผมไปทั้งชีวิตโดยที่ไม่ได้รับมันเลย”

น้ำงามอ้าปากจะพูดแต่นิ้วมือเรียวยื่นมาแตะริมฝีปากของเธอก่อน

“อย่าเพิ่งต่อว่าผมเลยนะ ผมสัญญาว่าจะไม่บังคับใจคุณ ถ้าคุณไม่ต้องการอยู่กับอนาคตที่เลื่อนลอยผมก็ยินดีที่จะปล่อยคุณไป เพราะสิ่งที่ผมให้ได้มีเพียงเท่านี้จริงๆ”

เควินจบการสนทนาด้วยการย้ำว่าให้น้ำงามคิดให้ดี ต่อจากนั้นบรรยากาศระหว่างสองหนุ่มสาวก็มีแต่ความเงียบ ชายหนุ่มจูงมือพาหญิงสาวกลับไปส่งที่ห้อง จากนั้นก็ก้มลงจูบที่หน้าผากเนียนแทนการบอกราตรีสวัสดิ์

“ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคุณ” เควินเอ่ยทิ้งท้าย

น้ำงามรับคำเบาๆ แล้วปิดประตูไม้บานหนาลง หญิงสาวพิงตัวกับผนังห้องแล้วหลับตานึกถึงสีหน้าของเควินขณะที่สารภาพความในใจกับเธอ

เควินรู้ตัวดีว่ากลัวความรัก แต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่รู้คือท่าทีของตัวเองที่แสดงออกมา การที่เราอยากอยู่ร่วมกับใครสักคนและมีเพียงคนคนนั้นแค่คนเดียว แค่นี้มันก็เรียกว่าความรักแล้วไม่ใช่หรือ

‘เขาไม่ได้รักไม่เป็น แต่ไม่รู้จักความรักต่างหาก’

ชายหนุ่มจำเป็นจะต้องมีใครสักคนหนึ่ง ที่รักเขามากพอที่จะมอบความรักแบบไม่มีเงื่อนไขให้ น้ำงามเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี แต่กลับไม่มั่นใจเลยแม้แต่น้อย ว่าจะมีคุณสมบัติครบถ้วนพอ ที่จะยืนอยู่เคียงข้างเขา



ตั้งแต่เควินยื่นข้อเสนอมาให้ตัดสินใจ ชายหนุ่มก็ทำตัวดีโดยการรับประทานอาหารที่เตรียมเอาไว้ให้จนหมด โดยไม่มีการต่อรองใดๆ ทั้งยังไม่เคยมาเร่งเร้าขอคำตอบจากน้ำงาม สองหนุ่มสาวมองภาพของกันและกันผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยม โดยไม่พูดคุยกันเลยตลอดสามวัน

เควินอยู่อย่างอดทนจนกระทั่งล่วงเข้ามาในวันที่สี่ เขาก็พ่ายต่อการรอคอย ในที่สุดก็ต้องแพ้ใจตัวเอง เป็นฝ่ายติดต่อไปหาน้ำงามก่อน

“ผมอยากได้ยินเสียงคุณ” เสียงอ้อนๆ ดังมาจากลำโพง พร้อมภาพประกอบที่เจ้าตัวหันมาทำตาใสใส่กล้อง น้ำงามเลยอดยิ้มออกมาไม่ได้

“ฉันกำลังพูดอยู่ค่ะ”

“ผมอยากได้ยินอีกนี่”

“คุณอยากฟังอะไรล่ะคะ”

“ผม...” เควินอยากบอกว่าอยากได้ยินคำว่าตกลง แต่ก็เปลี่ยนใจพูดเรื่องอื่น “...อะไรก็ได้ที่คุณอยากบอก”

“ระยะนี้คุณทำตัวน่ารักมากค่ะ ถ้าฉันเป็นคุณครูคงปั๊มดาวให้เต็มสมุดพก”

“น่ารักแล้วรักไหม” ชายหนุ่มหยอด ใจก็หวังผลอยู่ไม่น้อย

“ให้เวลาฉันอีกนิดนะคะ ตอนนี้ฉันยัง...”

น้ำงามรู้ตัวดีว่าปล่อยให้เขารอมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ตราบใดที่คำตอบในใจยังไม่กระจ่างชัดเธอก็ไม่อยากด่วนตัดสิน

“ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ”

เควินทำน้ำเสียงให้ฟังดูเหมือนมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วคาดหวังในคำตอบเป็นอย่างมาก

คุยกันอีกพักหนึ่งเควินก็บอกว่าพรุ่งนี้เขาจะไม่อยู่ไม่ต้องมานั่งเฝ้าหน้าจอก็ได้ พอถามว่าไปไหน ชายหนุ่มก็บอกว่าไปที่เมืองอเล็กซานเดรียซึ่งอยู่ติดกัน เท่าที่ทราบมาเควินแทบจะไม่เคยเยื้องกรายออกนอกคฤหาสน์เลย เขายอมออกไปแบบนี้แสดงว่าคงมีธุระสำคัญ

น้ำงามไม่ได้ซักไซ้ไล่เลียงเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัว หญิงสาวอวยพรให้เขาเดินทางปลอดภัย เสร็จแล้วก็วางสายโดยไม่รู้เลยว่าสถานที่ที่เควินต้องไปในวันพรุ่งนี้คือสถานที่แห่งความเศร้า



ย่างเข้าสู่กลางเดือนกุมภาพันธ์แล้ว ใกล้เข้าสู่ปลายหน้าหนาวมากขึ้นทุกที หิมะจึงตกน้อยลงและอากาศอบอุ่นขึ้นมาหลายองศา

น้ำงามเห็นว่าวันนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ก็เลยตัดสินใจใช้ชีวิตในตอนกลางวันบ้าง หญิงสาวนอนหลับเอาแรงจนถึงสิบโมงเช้า จากนั้นจึงค่อยออกไปข้างนอก ที่ศูนย์สวัสดิการเหมือนกำลังจัดงานกันอยู่ พอเดินเข้าไปก็เห็นว่ากำลังเตรียมการสำหรับวันวาเลนไทน์

อีกสองวันจะถึงวันแห่งความรักแล้ว คนโสดอย่างน้ำงามไม่ค่อยตื่นเต้นกับเทศกาลนี้สักเท่าไร เลยลืมมันไปเสียสนิท

“ถ้าว่างก็มานะนีน่า คุณพลาดงานปีใหม่ไปรอบหนึ่งแล้ว หนนี้พลาดอีกจะเสียดาย” จอร์จที่กำลังสาละวนอยู่กับการตกแต่งสถานที่ตะโกนชวน

“ถ้าไม่ติดอะไรฉันมาเข้าร่วมแน่ค่ะ”

หลังจากตอบรับ มิเชลภรรยาของจอร์จก็เช้ามากระซิบบอก

“ปีนี้หนุ่มโสดมากันเยอะ พวกทนายกับพวกระดับหัวกะทิของคอนเนอร์ก็มากัน ถ้ายังไม่มีแฟนรับประกันว่าได้คู่เดตแน่จ้ะ”

คฤหาสน์ไวท์คิงแห่งนี้มีการจัดกิจกรรมสันทนาการให้ลูกจ้างอยู่บ่อยๆ เรียกว่ามีปาร์ตี้กันทุกเดือนก็ว่าได้ แต่ถึงจะใจดีแค่ไหนก็มีกฎเคร่งครัดว่าห้ามคนนอกเข้าร่วม ยกเว้นว่าคนคนนั้นจะทำงานให้กับบริษัทคอนเนอร์ น้ำงามเพิ่งได้รู้จากปากคำมิเชลว่าที่จริงแล้วที่นี่เป็นเหมือนองค์กรขนาดกลางเลยทีเดียว

อาณาจักรแห่งนี้ไม่ได้มีแค่พวกลูกจ้างที่รับผิดชอบงานในบ้านกับพวกหน่วยรักษาความปลอดภัยดังที่เข้าใจ แต่ยังมีพนักงานบริษัททำงานในหลายๆ รูปแบบด้วย แค่เลขานุการส่วนตัวของโทมัสคอนเนอร์กับทนายความและผู้ช่วยของคนพวกนั้นก็มีอยู่เกินครึ่งโหลแล้ว ที่น้ำงามไม่เคยเจอเพราะเธอใช้ชีวิตแบบสลับกลางวันกับกลางคืนมาตลอด

“พวกหนุ่มๆ อยากเห็นพยาบาลคนใหม่ ที่เขาลือกันว่าสวยนักสวยหนา มากเลยนะรู้ไหม”

“มีพยาบาลเข้าใหม่หรือคะ”

น้ำงามทำท่าสงสัยว่าเหตุใดเธอจึงไม่รับรู้เรื่องนี้เลย

“โธ่! สาวน้อย ก็หมายถึงเธอต่างหาก” มิเชลส่ายหน้าอย่างระอา

น้ำงามเป็นคนหน้าตาดีแต่ไม่ค่อยจะรู้ตัวเองนัก หญิงสาวมีกรอบหน้ารูปหัวใจ ริมฝีปากอิ่ม ดวงตาสีนิลคมสวย ถึงใบหน้าจะปราศจากเครื่องสำอางก็ยังดูมีเสน่ห์

“ถ้าอย่างนั้นหนุ่มๆ คนผิดหวังแย่เลยค่ะ” หญิงสาวหัวเราะให้กับข่าวลือ

น้ำงามอยู่คุยกับมิเชลพักหนึ่งแล้วค่อยไปรับประทานอาหาร ระหว่างนั้นก็มีเสียงประกาศบอกว่านอกจากจะมีปาร์ตี้วาเลนไทน์แล้วยังมีสอนทำเค้กกับช็อกโกแลตให้ผู้ที่สนใจด้วย น้ำงามพอทำขนมง่ายๆ ได้ก็เลยไปขอรายละเอียด

การสอนทำเค้กกับช็อกโกแลตจะเริ่มในตอนเย็น แต่น้ำงามบังเอิญเข้าไปถามตอนพวกในครัวกำลังเตรียมของเพื่อทดลองทำพอดี คนสอนเป็นแม่ครัวมือใหม่ชื่อโจแอนนา หญิงสาวเห็นน้ำงามสนใจเลยชวนให้มาเป็นลูกศิษย์คนแรก จะได้คอมเมนต์การสอนของเธอไปด้วย

“ด้วยความยินดีค่ะ” น้ำงามตอบรับ

“เลือกมาเลยว่าอยากทำอะไร ช็อกโกแลตหรือเค้กดี”

“ช็อกโกแลตดีกว่าค่ะ เก็บเอาไว้ได้นานดี ถ้าทำออกมาดีอาจจะซื้อของมาลองทำเองแล้วส่งไปให้ที่บ้าน”

น้ำงามนึกถึงครอบครัวขึ้นมา นานแล้วที่เธอไม่ได้ให้ของขวัญคนที่บ้านในเทศกาลนี้

“นอกจากคนในครอบครัว นีน่าอยากให้ช็อกโกแลตใครอีกไหม” โจแอนนาถาม

จบประโยคภาพของเควินวาบเข้ามาในใจทันที

“ก็มีอยู่นะคะแต่...ไม่รู้ว่าเขาจะชอบหรือเปล่า”

“ชอบไม่ชอบไม่ใช่ประเด็นหรอก มันอยู่ที่ตรงนี้” โจแอนนาเอามือชี้ไปที่ตำแหน่งหัวใจ “ถึงจะทำออกมาห่วยแต่ความรู้สึกมันส่งผ่านกันได้นะ”

“แต่ถ้าเป็นไปได้ขอแบบกินได้โดยไม่มีปัญหาก็ดีค่ะ คงแย่ถ้าทำให้ใครป่วย”

น้ำงามยังลังเลที่จะให้ช็อกโกแลตเควิน เพราะไม่แน่ใจว่าจะทำออกมาได้ดีไหม เกิดพลาดทำเขาอาหารเป็นพิษขึ้นมางานนี้มีหวังเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ได้มีแต่เกลิคเท่านั้นที่จะเล่นงานเธอ มามิเองก็ด้วย

“ไว้ใจได้เลย ฉันจะช่วยกำกับเอง” เชฟสาวยิ้มกว้าง

โจแอนนาหยิบแฟ้มเล่มใหญ่ออกมาวางให้น้ำงามเลือกว่าอยากลองทำช็อกโกแลตแบบไหน แค่อย่างง่ายๆ ที่หญิงสาวคัดสรรมาก็เกือบยี่สิบแบบแล้ว คนที่ไม่มีความรู้อย่างน้ำงามเลยยิ่งเลือกไม่ถูกเข้าไปกันใหญ่

“ถ้าตัดสินใจไม่ได้ก็เริ่มจากส่วนผสมที่ชอบก่อนเป็นอย่างแรกสิ”

หญิงสาวเปิดหน้าส่วนผสมที่มีอยู่ในครัวให้ดู เสร็จแล้วก็กล่าวเสริมว่า

“คนเรามีรสนิยมการกินที่ไม่เหมือนกัน ถ้าคนที่เธอจะให้ช็อกโกแลตไม่ชอบหวานก็ลดน้ำตาลและวัตถุดิบรสหวาน ถ้ารู้ว่าชอบอะไรเป็นพิเศษก็จะใส่ลงไปด้วย”

น้ำงามแทบไม่รู้รสนิยมความชอบของเควินเลย แต่เคยเห็นเขากินของหวานอยู่บ้าง แสดงว่าพอทานได้ไม่เหมือนบางคนที่ไม่ชอบเอาเลย

“ปัญหาคือเขาเป็นคนกินยากนี่สิคะ ไม่รู้จริงๆ ว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร”

“เขาเป็นคนยังไงล่ะ บอกมาได้นะ พวกเชฟอย่างเราเดานิสัยส่วนตัวกับนิสัยการกินของคนเก่ง”

“ค่อนข้างดื้อค่ะ เรื่องมาก เอาแต่ใจ เผด็จการ แต่จริงๆ แล้วขี้เหงา”

น้ำงามตอบตามตรงโดยไม่รู้สักนิดว่านี่คือการล้วงข้อมูล ในครัวแห่งนี้มีเชฟรุ่นพี่ของโจแอนนาแอบชอบพยาบาลสาวอยู่ ก็เลยไหว้วานให้มาถามว่ามีคนรักหรือยัง

‘มีแฟนแล้วแน่ๆ กินแห้วไปแล้วกันนะแซม’ โจแอนนาพึมพำในใจอย่างเสียดายแทนรุ่นพี่

แม่ครัวตัวร้ายตัดสินใจแกล้งหนุ่มในดวงใจของน้ำงามด้วยการให้คำแนะนำแบบผิดๆ

“คนแบบนี้มักจะชอบหวานจัดนะรู้ไหม”

“แน่ใจหรือคะ ฉันว่าไม่น่าใช่นะ”

“แน่ใจสิ เอาชื่อเชฟมือโปรเป็นประกันเลย ลองทำตามสูตรฉันดูนะ รับรองว่าเขาต้องปลื้มแน่”

น้ำงามหลงเชื่อเลยไม่ระแวง สุดท้ายเลยได้ช็อกโกแลตรูปหัวใจสอดไส้อัลมอนด์ รสชาติหวานบาดไส้มาหนึ่งกล่อง



หญิงสาวหอบช็อกโกแลตกลับมาที่คฤหาสน์รัตติกาลในตอนเย็น กลับถึงห้องได้สักพักมามิก็โทรศัพท์มาชวนไปจิบชา ท่าทางคงมีเรื่องอยากคุยด้วย

มามิต้อนรับขับสู้น้ำงามอย่างดีเหมือนเคย สักพักก็เปิดประเด็นเข้าสู่การสนทนาที่ต้องการด้วยการถามน้ำงามว่ารู้จักเกอิชาไหม

“เคยได้ยินชื่อค่ะ เป็นอาชีพให้ความบันเทิงกับผู้คนใช่ไหมคะ”

“ถูกต้องทีเดียว แต่ส่วนใหญ่มักจะคิดว่าเกอิชาเป็นโสเภณี หนูคิดว่ายังไงล่ะ”

“จริงๆ แล้วเกอิชาจะเป็นอะไรก็ไม่สำคัญหรอกค่ะ ตราบใดที่ยังประกอบอาชีพสุจริตหนูก็ไม่คิดดูถูก”

“หนูพูดอย่างนี้เพราะฉันเป็นคนญี่ปุ่นหรือเปล่า” มามิถามตามตรง

“ไม่หรอกค่ะ ต่อให้คนชาติอื่นถามหนูก็จะตอบแบบนี้ จริงๆ แล้วหนูค่อนข้างชื่นชมคนที่เป็นเกอิชานะคะ พวกเธอดูลึกลับแล้วก็มีเสน่ห์”

น้ำงามเคยไปเที่ยวญี่ปุ่นกับครอบครัว ก็เลยพอจะมีความรู้เรื่องนี้มาบ้าง ใช่ว่าทุกคนจะเป็นเกอิชาได้ นอกจากความสวยและพรสวรรค์แล้วยังต้องมีความอดทนเป็นเลิศด้วย คนที่เป็นเกอิชาจะถูกจับมาฝึกหัดให้เรียนรู้ศิลปะรอบด้านตั้งแต่ยังเด็ก ถ้าใจไม่รักคงทนไม่ไหว

“ฉันดีใจนะที่มีคนที่มีความคิดอย่างหนูอยู่บนโลก เสียดายที่คนอื่นเขาไม่คิดกันแบบนั้น” ดวงตาของมามิแฝงเอาไว้ด้วยความเศร้า

“คุณมามิเคยเป็นเกอิชาหรือคะ”

“ไม่ใช่ฉันหรอก ฉันมีวาสนาได้เป็นแค่ไมโกะเท่านั้น คุณพี่...ฉันหมายถึงคุณแม่ของคุณหนูโคฮาคุต่างหากที่เป็นเกอิชา”

นี่เป็นครั้งแรกเลยที่น้ำงามได้ยินมามิเรียกชื่อญี่ปุ่นของเควิน ปกติเธอจะเรียกเขาว่ามาสเตอร์เคและไม่ยอมพูดเรื่องเกี่ยวกับชายหนุ่มเลย

น้ำงามเริ่มเข้าใจว่ามามิต้องการบอกอะไรบางอย่าง แต่เนื่องจากเห็นหญิงสาวนิ่งไป เธอเลยกระตุ้นด้วยการถามคำถาม

“ไมโกะคืออะไรคะ”

“ไมโกะคือเด็กที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้าสำนักเพื่อเป็นเกอิชาในอนาคต จะต้องเข้ารับการฝึกหัดและคอยติดตามรับใช้เกอิชารุ่นพี่ คนที่ฉันต้องรับใช้ก็คือคุณพี่อายากะ คุณแม่ของคุณหนูโคฮาคุ”

มามิเล่าเรื่องราวในอดีตของเธออย่างละเอียด ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเจือความขมขื่นเมื่อเอ่ยถึงชีวิตในวัยเด็ก เธอเป็นเด็กกำพร้า ครอบครัวของอายากะจึงรับเธอมาอุปการะพร้อมเด็กผู้หญิงวัยเดียวกันอีกหลายคน แม้จะไม่อดอยากแต่ก็ไม่ค่อยได้รับความรักเท่าที่ควร คนเดียวที่เป็นเหมือนครอบครัวของเธอจริงๆ คืออายากะ

อายากะเกิดในครอบครัวเก่าแก่ที่สืบทอดวิชาชีพการเป็นเกอิชามาจากรุ่นสู่รุ่น เธอเป็นคนที่มีความสามารถมาก ไม่ว่าจะทำอะไรก็สมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง เรียกว่าเป็นดาวเด่นเลยก็ว่าได้ มามิเคยเฝ้าฝันว่าจะเป็นอย่างนั้นบ้าง แต่คุณพี่กลับบอกว่าอย่าตามรอยเธอจะดีกว่า ยิ่งโด่งดังมากเท่าไรก็ยิ่งมีอิสระน้อยลงเท่านั้น

เกอิชาสามารถแต่งงานได้แต่ต้องเลิกทำอาชีพนี้ในทันที ส่วนใหญ่จึงมักจะแต่งงานกันตอนอายุมากแล้ว คุณพี่อายากะเลยต้องทำงานต่อไปทั้งที่มีสัญญาใจกับคนรักอยู่

คนรักของอายากะเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยที่เกิดในครอบครัวร่ำรวย เขาสัญญาว่าเมื่อเรียนจบแล้วจะมาแต่งงานด้วย แต่ท้ายที่สุดแล้วเรื่องกลับไม่เป็นเช่นนั้น ชายหนุ่มหมั้นหมายกับหญิงสาวที่มีฐานะเสมอกัน ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่เลิกติดต่อกับคุณพี่ เขาอ้างว่าทำไปเพราะครอบครัวบีบบังคับ เพราะฉะนั้นจะรับผิดชอบด้วยการเลี้ยงดูอายากะในฐานะภรรยาอีกคนหนึ่ง

อายากะเสียใจมาก ตอนนั้นเองที่เธอได้พบกับโทมัส คอนเนอร์ พ่อของเควิน เขาหลงรักหญิงสาวตั้งแต่แรกเห็นและปรารถนาจะได้เธอมาครอบครอง

เขายื่นข้อเสนอซื้อตัวอายากะด้วยเงินจำนวนมหาศาล โทมัส ยอมรับว่าที่บ้านมีภรรยาอีกสามคน แต่ถ้าเธอยอมไปอยู่กับเขา เขาจะจดทะเบียนสมรสด้วย หญิงสาวจะกลายเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ใช่อนุภรรยาอย่างที่เข้าใจ

ตอนนั้นหัวใจของอายากะกำลังแหลกสลาย เธอเลยประชดชีวิตด้วยการแต่งงานกับคนแก่ที่มีอายุมากกว่าถึงสี่สิบปี เพื่อจะได้หนีอดีตมาอยู่ในประเทศเสรี สถานที่ที่คนรักเก่าไม่มีวันติดตามมาทำร้ายหัวใจเธอได้อีก

อายากะขอร้องให้มามิไปด้วยกัน เธอปรารถนาให้เด็กสาวที่รักเหมือนน้อง ได้มีอนาคตที่ดีกว่าเธอ มามิตกลงตามมาด้วยความเต็มใจ ต่อให้คุณพี่ไม่ขอร้องเธอก็จะอ้อนวอนขอตามมาอยู่แล้ว

“คุณพี่อายากะให้ชีวิตใหม่กับฉัน ส่งเสียให้เรียน มอบอิสระให้ อเมริกาสำหรับฉันแล้วคือโลกในฝันอันแสนงดงาม แต่สำหรับคุณพี่มันคือกรงขังที่เต็มไปด้วยความริษยา”

ยิ่งอายากะเป็นที่รักมากเท่าไรก็ยิ่งเป็นที่ชิงชังมากเท่านั้น ทุกครั้งที่สามีไม่อยู่เธอจะถูกแดกดันกลั่นแกล้ง แต่อายากะผู้แสนดีก็ไม่เคยปริปากบ่นหรือฟ้องสามีเลยสักครั้ง เวลามามิโมโหแทนเธอมักจะปลอบให้ใจเย็นแล้วเอ่ยว่านี่คือชีวิตที่เธอเลือกเอง

ความสุขหนึ่งเดียวในชีวิตของอายากะที่มามิสังเกตเห็นได้ชัดคือลูกน้อย ไม่ว่าเด็กคนนี้จะเกิดมาเพราะอะไรก็ตาม คนเป็นแม่ก็รักแกหมดจิตหมดใจ

“คุณหนูโคฮาคุเองก็รับรู้ว่าคุณแม่รักตัวเองมาก เพราะฉะนั้นก็เลยเศร้าทุกครั้งที่คนดูถูกว่าแม่เป็นโสเภณีขายตัวเพื่อเงิน คุณหนูไม่ชอบการโต้เถียง แต่ก็เคยไปมีเรื่องทะเลาะวิวาทจนบาดเจ็บ เพราะไม่อยากให้ใครพูดเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับคุณแม่”

มามิถ่ายทอดเรื่องราวแสนเศร้าออกมาได้อย่างกินใจจนน้ำตาคนฟังแทบไหลตาม น้ำงามมองเห็นภาพเควินในวัยเด็กกำลังโต้เถียงกับเด็กอื่นเพื่อปกป้องเกียรติของมารดา

“คุณหนูโคฮาคุที่น่าสงสาร” มามิยกชายเสื้อขึ้นมาซับน้ำตา

สีหน้าของหญิงสาวบ่งบอกว่าสิ่งที่เล่ามายังไม่ได้เสี้ยวของความจริงอันโหดร้ายที่ต้องเผชิญ

น้ำงามไม่รู้จะแสดงความเห็นใจอย่างไรดี เลยยื่นมือไปกุมมือมามิเอาไว้ เมื่อกลั้นน้ำตาได้อีกฝ่ายก็ส่งยิ้มให้เธอ

“หนูรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงเล่าเรื่องนี้ให้หนูฟัง”

“ไม่ทราบค่ะ” น้ำงามเดาไม่ถูกเลย รู้แต่มันไม่ใช่การระบายแน่

“วันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของคุณพี่อายากะ คุณหนูโคฮาคุเลยไปเยี่ยมหลุมฝังศพของคุณแม่ จะกี่ปีต่อกี่ปี คุณหนูก็ไม่เคยทำใจรับความสูญเสียได้เลย กลับมาทีไรก็จะเก็บตัวเงียบไม่กินไม่นอนติดกันหลายวัน”

เรื่องแม่ส่งผลกระทบกับเควินมากกว่าที่ใครหลายคนคิด บนโลกนี้มีไม่กี่สิ่งเท่านั้นที่เขาให้ความสำคัญ ดังนั้นเมื่อทุ่มใจให้กับอะไรแล้วก็มักจะยึดติดอยู่กับมันอย่างเหนียวแน่น ทุกครั้งที่กลับมาจากหลุมศพมารดาเขาจะงดทำกิจกรรมทุกอย่าง สั่งห้ามใครรบกวนเอาแต่อยู่ในห้องสี่เหลี่ยม สามวันบ้าง เจ็ดวันบ้าง แล้วแต่ว่าจะหายจากความเศร้าเมื่อไร

“เราควรจะทำอย่างไรกันดีคะ มีอะไรที่หนูพอช่วยได้ไหม” น้ำงามปรึกษา

หญิงสาวก็เป็นห่วงเควินไม่แพ้มามิ ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันมาร์กมาเตือนเธอให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ช่วงสัปดาห์ที่สามของปลายเดือนกุมภาพันธ์เอาไว้ พอถามว่าทำไม ชายหนุ่มก็บอกว่ามันเป็นเทศกาลน้ำเกลือ เควินมักจะเป็นโรคเบื่ออาหารและไม่สบายในช่วงนี้

‘ที่แท้เรื่องทุกอย่างก็มีที่มาที่ไปอย่างนี้นี่เอง’

“ฉันทำอะไรไม่ได้หรอก แต่หนูไม่แน่” มามิยิ้มอย่างมีแผนการ

“คุณมามิคิดว่าหนูทำอะไรได้หรือคะ บอกมาเลยค่ะหนูยินดีช่วย”

“ฉันบอกแน่จ้ะ แต่ขอเตือนเอาไว้ก่อนนะว่าแผนการนี้เสี่ยงมาก มาสเตอร์เคอาจจะโมโหแล้วไล่หนูออกจากบ้านนี้เลยก็ได้”

มามิกลับมาเรียกแทนตัวชายหนุ่มเหมือนเดิมอีกครั้ง หญิงสาวทำหน้าเป็นจริงเป็นจัง ก่อนที่จะเริ่มบรรยายแผนการอย่างเคร่งเครียด

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

สวัสดีท้ายตอนค่ะ มาส่งเสียงดังๆ ว่าน้องสาวโน้มน้าวออกจากโรงพยาบาลแล้วค่า กรี๊ด วี้ด ดีใจ น้ำตาไหลพราก เพราะเหมือนตัวเองได้ปลดแอกด้วย ไปนอนเฝ้านางมา 12 คืนค่ะ ป่วยตามไปสามรอบ

รอบแรกกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ฉี่เป็นเลือด บอกคนป่วย พี่ลงไปหาหมอแป๊บนะ ตรวจเสร็จ นอนอืดให้ยาทางเส้นเลือดเรียบร้อยแล้วกลับมานอนเฝ้าต่อ

สามวันต่อมาอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบทุเลา พอเริ่มจะแข็งแรง ดันนอนน้อย เลยเจ็บคอซะงั้น แต่ก็รอดชีวิตมาได้โดยไม่พึ่งยา อาศัยซดน้ำจับเลี้ยงที่ท่านแม่ขนมาให้เป็นกระติกค่ะ

ป่วยรอบสุดท้ายตอนใกล้วันที่น้องสาวจะออกจากโรงพยาบาล ปวดท้องประจับเดือน ไข้ทับระดูเล่นงานค่ะท่าน เดี้ยงไปสองวัน แต่ก็ยังปฏิบัติหน้าที่นอนเฝ้าคนป่วยได้อย่างดีเยี่ยม พอพานางกลับบ้านเรียบร้อยแล้วก็สลบหนึ่งคืน จากนั้นก็ฟื้นคืนชีพมาอย่างสดชื่นดังที่เห็นค่า

รู้สึกได้ว่าเดี๋ยนถึกมาก มีคนบอกปีชงเลยป่วยบ่อย แต่ส่วนตัวคิดว่าโชคดีมากกว่าที่ป่วยไม่นาน แล้วก็ไม่หนักอย่างน้องสาวด้วย (น้องสาวเบญจเพสพอดีค่ะ) ผลจากการไปนอนโรงพยาบาลนานๆ ไม่ได้ทำงานก็ทำให้เรากระหายในการปั่นงานมาก ไฟท่วมค่ะ รู้สึกได้กำไรชีวิตจากการป่วยเบาๆ นอกจากนี้ยังได้เดินเล่นในโรงพยาบาลบิ้วอารมณ์เขียนหมดครามอีก เลิศค่ะ

พบกันตอนหน้านะคะทุกท่าน ถ้าไฟท่วมพอ อีกสองสามวันจะลงหมอครามให้ได้อ่านค่า ^O^




นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 พ.ค. 2557, 12:52:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 พ.ค. 2557, 12:52:28 น.

จำนวนการเข้าชม : 1625





<< บทที่ 9 ใต้แสงดาว   บทที่ 11 วันครบรอบ >>
pkka 13 พ.ค. 2557, 14:37:32 น.
หวาน ไม่กล้านึกเลยเวลาได้ลองชิม


Sukhumvit66 13 พ.ค. 2557, 17:57:04 น.
กลัวมาสเตอร์เคอาละวาดจริงเบย..


ไม้เอก 13 พ.ค. 2557, 19:37:00 น.
อยู่รู้แผนการของมามิจังเลย ^^


คิมหันตุ์ 13 พ.ค. 2557, 22:07:07 น.
โอฮาคุ น่าสงสารแฮะ


นักอ่านเหนียวหนึบ 13 พ.ค. 2557, 23:45:31 น.
คาดว่า ไฟน่าจะท่วมพอ แถวบ้านเค้ารถดับเพลิงวิ่งกันคึกคักเบย 555

เอๆๆๆๆ มามิ หวังดี ประสงค์อัลไลกันแน่คะ!!! จะให้ไล่ออกจากบ้านเชียวเหรอ


goldensun 14 พ.ค. 2557, 16:01:45 น.
เควินแฟร์ดี บอกความรู้สึกตรงๆ ให้ตัดสินใจเอง แถมน้ำงามยังมองออกอีก
มามิจะให้น้ำงามทำอะไร ดูแล้ว ท่าทางเต็มใจทำตามแน่ แล้วชอคโกแลตจะช่วยได้มั้ย


Zephyr 18 พ.ค. 2557, 00:13:57 น.
มามิ มา แปลกๆนะ แผนนางต้องล้ำลึก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account