บ่วงรักนายพราน
เรื่องชุลมุน ซุ่มซ่าม เข้าใจผิดของธีรดากับจอมวายร้ายปารินทร์ เจ้าของคำจำกัดความ หล่อ สปอร์ต ใจดี รักหมา(ไม่น่ารอด) 'หากใครจะคิดว่าผมกำลังคบกับใคร ผมอยากให้ใครต่อใครคิดว่าผมคบกับคุณ'

การรู้สึกว่า 'ใช่' กับใครสักคนไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน ปารินทร์รู้สึกว่าธีรดา 'ใช่' สำหรับเขา แต่กลับพบในภายหลังว่าเธออาจเป็นผู้หญิงที่เข้ามาทำลายความรักของน้องสาว การเอาคืนในแบบชิงไหวชิงพริบที่ใช้ธุรกิจบังหน้าทั้งที่เป็นเรื่องของหัวใจล้วนๆ จึงเกิดขึ้น
Tags: ความรัก ภาคต่อ หวานรักพยัคฆ์ร้าย

ตอน: ตอนที่ 7

ตอนที่ 7

วันนี้เป็นวันอะไร ทำไมมีแต่คนชอบเข้ามาทักจากข้างหลัง ไหนว่าเจอคนรู้จัก แล้วที่นี้กลับมาทำไม ธีรดาเม้มปากกรอกตาอย่างหมั้นไส้นิดๆ ก่อนจะหันไปสบตาคนทำให้รู้สึกโมโหได้เพียงแค่วินาทีเดียว
“คุณพูดกับฉันหรือคะคุณสิงห์” เธอแกล้งรวนใส่โทษฐานที่เขาผิดสัญญาและมองข้ามเธอไปเมื่อกี้นี้เลย
“คุณรู้จักผู้ชายคนนั้นเหรอ” ปารินทร์มองไปยังผู้ชายที่กำลังคุยกับกานต์เกียรติ ใบหน้าของปุราณยิ้มแย้มและชวนฝันมากพอให้ผู้หญิงแถวๆ นี้พร้อมกระโจนลงกองไฟที่เรียกว่าไร้ศีลธรรมหรือเปล่านะ
“ใช่ค่ะ”
“สนิทกันไหม” เขาถามต่อพยายามไม่แสดงความสนใจต่อคำตอบที่รอคอยจากปากของเธอ
ธีรดาหรี่ตามองหน้าปารินทร์อย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก เมื่อครู่เขาทำเหมือนแค่คนรู้จัก พูดเป็นทางการกับเธอ แล้วตอนนี้นึกได้ว่าเราน่าจะสนิทกันพอสมควรหรือไงถึงได้มาถามเรื่องส่วนตัว
“ทำไมฉันต้องตอบด้วย มันเป็นเรื่องส่วนตัวค่ะ” เธอยิ้มอยู่ในใจ อยากทำมึนใส่เธอนัก ไม่รู้เสียแล้วว่าเธอน่ะเกรียนได้มากกว่าที่เขาคิด “ไหนๆ คุณก็มีเวลาคุยกับฉันแล้ว ถ้างั้นฉันขอถามอะไรคุณสักคำถามจะได้ไหมคะ”
ปารินทร์หรี่ใส่เจ้าของยิ้มสวยที่ดูเจ้าเล่ห์จนอยากแนบปากเข้าไปชิดแล้วถามว่าเธอกำลังคิดอะไร บ้าไปแล้ว นี่เขาคิดบ้าอะไร เธอคนนี้อาจเป็นผู้หญิงที่ทำให้งานแต่งงานของศศิภาล่มก็ได้ แม่มดชัดๆ
“ได้ ถ้าผมตอบได้”
“คุณไปที่สนามบินเชียงรายประมาณเดือนก่อนหรือเปล่า วันที่ตรงกับวันลอยกระทงน่ะ”
เขาเลิกคิ้วสบตาคนถามอยากรู้ว่าเธอเห็นอะไร วันนั้นในสายตาของเธอไม่ได้มีแต่ปุราณหรอกหรือ
“เปล่า ถามทำไม หรือว่าคุณไปรอผมที่นั่น”
ธีรดาหัวเราะเบาๆ “ไม่ใช่สักหน่อย ทำไมฉันต้องไปรอคุณด้วยล่ะ ขอตัวนะคะ มีคนรู้จักเหมือนกัน”
เธอรีบเดินห่างออกมาจากปารินทร์ ไม่อย่างงั้นถูกจ้องนานๆ ได้ความลับแตก วันนั้นเธอมาที่สนามบินเพื่อรอใครก็จริง แต่ไม่ใช่ปุราณ เขาโทรมาหาเธอระหว่างเดินทาง เรื่องร้อนใจของเขาทำให้เธอต้องเจียดเวลาไปคุยด้วยเป็นชั่วโมงก่อนที่จะกลับมาส่งเขาที่สนามบิน เธอรอใครคนนั้นจนกระทั่งเที่ยงวันถึงได้เดินทางกลับปางไม้ ลุงสอนคงสงสัยว่าให้ขับรถมาทำไม ทั้งที่สุดท้ายไม่ได้มารับใครกลับไปปางไม้สักคน

เกือบ 3 ทุ่มธีรดาเดินมารอรถแท็กซี่กลับบ้าน ทั้งที่มีคนขอไปส่ง แต่ไม่เอาล่ะ ถ้าต้องกลับพร้อมนักธุรกิจที่อยากคุยธุรกิจต่อขนาดใกล้ถึงเวลาเข้านอนแล้ว เธอน่าจะได้กลับตั้งแต่ตอน 2 ทุ่ม ถ้าจะไม่มีการแสดงของพิชชา...นักเปียโนที่เพิ่งไปชนะการประกวดที่ต่างประเทศ ลุงกานต์นึกครึ้มใจอยากเต้นรำเลยกวักมือเรียกให้เธอไปเป็นคู่ให้ ไหนๆ ลูกสาวของเขาก็เดินทางไปต่างประเทศ แถมคุณป้าก็จากไปนานแล้ว ลุงกานต์เลยบอกแขกในงานว่าเธอเหมือนลูกสาวอีกคน
ดูเหมือนพิชชาจะสนิทกับปารินทร์มาก คุยอะไรกันก็ไม่รู้ดูขวางหูขวางตาชอบกล สงสัยกลับปางไม้คราวหน้าเธอน่าเอาแหวนรุ่นในกล่องสมบัติของเธอมาคืนเขา ไม่ต้องรอถึง 10 ปีหรอก จากกันไม่ถึงเดือนทำมามึนตึงใส่ มันน่าตะโกนใส่ให้ปวดหูชะมัด
แล้วนั่นใช่ปุราณหรือเปล่านะ ทำไมเดินเซแซดๆ อย่างกันคนเมาแบบนั้น ธีรดายืนคิดอยู่วินาทีหนึ่งว่าควรเอาตัวเองไปยุ่งกับเขาอีกหรือเปล่า ช่วยไม่ได้ถ้าเขาไม่อยู่ในสภาพนั้นเธอคงไม่สนใจหรอก เขาเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถแล้ว แต่หน้ากลับแหงนพิงเบาะ แถมยังร้องไห้อีกต่างหาก
“พี่ปุ๊ขับรถไหวหรือเปล่าคะ ทำไมถึงกินเหล้าเสียเยอะ เมื่อก่อนไม่ได้เป็นอย่างนี้นี่นา ยกเว้นตอนอกหัก” ไม่อยากพูดว่าตอนนั้นที่เขาอกหักจากเธอก็เมาปลิ้นแล้วร้องไห้น้ำตาไหลพรากแบบนี้แหละ
“สงสัยพี่กำลังอกหักอีกแล้วกวาง”
“ขับรถไหวไหมคะ”
“ไหวสิ” ปุราณยิ้มทั้งน้ำตาพลางเสียงกุญแจเข้าไปในช่อง แต่เสียบเท่าไหร่ก็ไม่เข้าช่องเสียบเสียที
ธีรดามองแล้วส่ายหน้า อืม...อาการหนักกว่าตอนนั้นด้วยละมั้ง ทำไมยังไงดีนะ
“แค่เสียบกุญแจยังทำไม่ได้เลยพี่ปุ๊ ออกมาค่ะ ไปนั่งเบาะโน้น เดี๋ยวกวางขับรถไปส่งที่บ้านให้แล้วกัน ยังอยู่ที่เดิมหรือเปล่าคะ”
ปุราณพยักหน้ายอมเดินออกมาจากรถแล้วไปนั่งเบาะข้างคนขับแต่โดยดี ธีรดาช่วยรัดเข็มขัดนิรภัยให้เขาและตัวเอง แล้วจัดการสตาร์ตรถ พอเสียงรถทำงานเบาๆ เธอจึงปิดประตูแล้วขับออกไป ภาวนาอยู่ในใจว่าขอให้อย่าให้เจอแต่คนขับรถดีๆ วันนี้เธอขับรถคนอื่นเพราะฉะนั้นห้ามเกิดเรื่องเด็ดขาด
ดิฐมองมองรถของปุราณที่เพิ่งแล่นออกไปพร้อมกับหันหน้ากลับไปมองนายที่มองรถคนนั้นอยู่เช่นกัน เขาถูกสั่งให้จอรถอยู่ตรงนี้ บอสนั่งอยู่เบาะหลังเอาแต่มองไปที่ทางเดินซึ่งผู้หญิงคนนั้นเดินออกมาจนพบปุราณ
“จะกลับบ้านเลยไหมครับ”
“ตามรถคันนั้นไป” ปารินทร์สั่งเสียงเรียบ
ดิฐสตาร์ตรถแล้วขับตามรถของปุราณไปตามคำสั่ง ปารินทร์ยังคงนิ่งเงียบ แต่สายตาไม่ได้คลาดไปจากรถที่ผู้หญิงคนนั้นเป็นผู้ขับ มือหนากำแน่นทั้งสองข้าง มีแต่คำถามว่าทำไมและทำไม การที่จะกล่าวหาใครสักคนควรมีหลักฐานใช่ไหม ธีรดาจะรู้ตัวหรือไม่ว่าเธอกำลังนำทางเขาไปเพื่อให้พบหลักฐานนั้น ทำไมต้องเป็นผู้หญิงคนนี้...ทำไม

ตึ้ง...โครม!
เจนจิราวิ่งมาตามเสียงที่ได้ยินในเวลา 4 ทุ่มกว่าๆ สาวใช้ที่อยู่บนบ้านกำลังส่งเสียงกรีดร้องแล้ววิ่งออกมาหาเธอราวกับต้องการขอความช่วยเหลือ เธอวิ่งตามสาวใช้เข้าไปในบ้านที่ไฟเปิดไว้เพียงบางดวงเพราะศศิภาเข้านอนก่อน 3 ทุ่มเสมอ ทว่าเมื่อเดินผ่านห้องรับแขกเข้าไปจนถึงบันไดของบ้าน แม่บ้านกำลังช่วยกันประคองศศิภาขึ้น ที่หน้าผากของคนเจ็บมีเหลือไหลโชก
“พี่ศศิ!”
คนเจ็บถูกอุ้มไปยังรถที่เจนจิราสั่งให้คนขับรถไปขับมาจอดรอหน้าบ้าน ร่างของศศิภาถูกพาเข้าไปในรถโดยหัวหนุนอยู่บนตักของเจนจิรา ทว่าถึงเจ็บปวดแค่ไหนคนเจ็บก็ยังไม่ยอมปล่อยมือจากโทรศัพท์ เจนจิรารีบโทรหาปารินทร์ทันที

เกือบชั่วโมงแล้วหลังจากธีรดาขับรถของปุราณเข้าไปในบ้านของเขา ปารินทร์ยังคงนั่งรออยู่อย่างนั้นอยากรู้ว่าเธอจะออกมาจากบ้านตอนไหน ตี 1 ตี 3 หรือว่าเวลาเช้า ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ เขานึกไม่ออกแล้วว่าจะหาข้อแก้ตัวให้เธอได้ยังไง มือหนาเลื่อนไปจับที่ปลดล็อคประตู เธอไม่ควรทำแบบนี้ ทำไมไม่มองหาผู้ชายที่ยังไม่มีเจ้าของ ที่เขาพูดไปเธอไม่ฉุกคิดบ้างเลยใช่ไหม ในความโกรธเขายอมรับกับตัวเองว่าผิดหวังและเสียดาย หากเธอเดินออกมาจากบ้านของปุราณในตอนนี้เขาจะถามและให้โอกาสเธอตอบ
“โทรศัพท์ดังครับ” ดิฐบอกบอสที่คงไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์จริงๆ ถึงปล่อยให้มันดังอยู่เป็นนาน
ปารินทร์กดรับไม่ดูด้วยซ้ำว่าใครโทรมา ทว่าพอวางสายสายตาเหม่อลอยก็ดูมีจุดหมายขึ้นมาทันที
“ออกรถ ไปโรงพยาบาล...เดี๋ยวนี้”
“แล้วไม่รอดูแล้วหรือครับว่าเธอจะออกมาจากบ้านของคุณปุราณหรือเปล่า”
ปารินทร์มองไปที่หน้าบ้านของปุราณอีกครั้ง นับถึง 3 อย่างช้าๆ ในใจทว่าความหวังเขาของเขาไม่อาจสมหวังได้ เธอยังคงไม่ได้ออกมา
“ไม่ ไปได้แล้ว”
ดิฐขับรถออกไปจากบริเวณนั้นทันที ไม่แม้แต่ถามนายว่ามาจอดรถรอผู้หญิงคนนั้นเพื่ออะไร น้อยครั้งที่ปารินทร์จะทำอะไรตามใจตัวเอง การเป็นลูกชายคนโตของบ้านทำให้ต้องรับหน้าที่ทุกอย่างจากบิดาผู้ล่วงลับ อีกทั้งการที่ศศิภาไม่สามารถแบ่งเบางานในมือได้ ยิ่งทำให้ทุกลมหายใจเต็มไปด้วยงานที่ไม่เคยมีวันหยุด จนกระทั่งหลายสัปดาห์ก่อนที่อยู่ๆ ปารินทร์ยอมหยุดงานเพื่อเดินทางไปต่างจังหวัด ทว่าตอนนี้ทุกอย่างได้กลับมาเหมือนเดิมแล้ว

ข่าวร้ายรอธีรดาอยู่บนโต๊ะทำงานในวันจันทร์ต่อมา โดยมีวีรชัยนั่งรออยู่ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก เธอนั่งลงมองมาร์เก็ตติ้งระดับเซียนใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ตั้งแต่ทำงานด้วยกันมาเธอไม่เคยเห็นเขาเป็นอย่างนี้มาก่อน รายงานร้อนๆ ที่เพิ่งปริ้นจากเมล์ถูกยื่นให้เธอได้อ่าน ยังอ่านไม่ทันจบด้วยซ้ำ เช้าอันสดใสก็กลายเป็นมืดครึ้มที่ตามมาด้วยฟ้าผ่าลงกลางหัวของเธอกับวีรชัย
“ยกเลิกสัญญา กวางอ่านผิดไปหรือเปล่าคะ”
วีรชัยถอนใจเฮือก “ไม่ผิดหรอกครับ นี่ครับเอกสารอีกชุดที่ทางพาราลิสต์ส่งมาให้ ไม้ของเรามีปัญหามากกว่าเปอร์เซ็นต์การยอมรับได้ ในครั้งแรกมีไม้ผิดสเปคจากการสุ่มตรวจไป 5 เปอร์เซ็นต์ซึ่งพอดีกับการยอมรับได้ แต่ในครั้งต่อมาผิดสเปคไปถึง 12 เปอร์เซ็นต์ครับ”
เขาไม่ได้นิ่งนอนใจได้แจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งแรกให้ทั้งธีรดาและธีมารับทราบแล้ว สองพี่น้องต่างช่วยกันแก้ปัญหาและสั่งให้ตรวจคุณภาพไม้จนมั่นใจ แต่ไม้ผิดสเปคกลับมากกว่าเดิมไปได้อย่างไร
“น่าแปลกมาก จากปัญหาในการส่งครั้งแรก ทางเราได้มีร่วมกันแก้ปัญหาและเฝ้าระวังสินค้าจนถึงโกดังของลูกค้าแล้วนี่คะ”
“ครับ ที่น่าสงสัยคือจากการตรวจสอบไม้จากธารธีราทุกอย่างปกติสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อไม้ถึงโกดังของลูกค้าและหลังจากนั้นหนึ่งวัน ผลการตรวจกลับเกิดความผิดปกติ”
“ทางเซลส์ได้ไปนำไม้ที่มีปัญหามาหรือยัง” ถ้าตรวจสอบไม้ก็ต้องรู้ได้ทันทีว่าปัญหามาจากอะไร อยู่ๆ ไม้จะขึ้นปลวกเพียงชั่วข้ามคืนไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด
“เรียบร้อยแล้วครับ ทางเรากำลังตรวจ แต่จากแล็บของพาราลิสต์พบว่าไม้ของเราเกิดปัญหาปลวกและเกิดการบิดงอ ทั้งๆ ที่ผลการตรวจจากปางไม้เปอร์เซ็นต์ความชื้นได้ตามมาตรฐาน และในครั้งที่ 2 ที่มีการความชื่นต่ำกว่า 15 เปอร์เซ็นต์ การเกิดปัญหาบิดงอและปลวกไม่มีทางเป็นไปได้”
ใช่! ไม่มีทางเป็นไปได้ แต่มันเป็นไปแล้ว ทำไม? เพราะอะไร?
“แล้วสภาพโกดังเก็บไม้ของพาราลิสต์มีส่วนต่อการคุณภาพของไม้ได้หรือเปล่าคะ”
“เบื้องต้นไม่น่ามีผลครับ ที่นั่นควบคุมอุณหภูมิและความชื้นอย่างดี ที่สำคัญไม้จากบริษัทอื่นที่ส่งมาก่อนหน้านี้ก็อยู่ในสภาพเรียบร้อยดี ไม่มีปัญหาอย่างไม้ของธารธีราเลยครับ” วีรชัยพูดไปถอนใจไป ตั้งแต่ทำงานที่นี่มาเขาไม่เคยปัญหาที่ไม่รู้ที่มาอย่างนี้มาก่อนเลย ก่อนหน้านี้ก็มีปัญหาบิดงอ หรือ ปลวกบ้าง แต่พอตรวจสอบก็พบว่าการจัดเก็บไม่เหมาะสม หรือแย่สุดก็อาจมีความชื้นเกินในไม้บางท่อนเท่านั้น
“แล้วมันเพราะอะไรกันนะ” ธีรดาขมวดคิ้วคิดหนัก มีผลก็ต้องมีเหตุสิ คงต้องเริ่มจากการเจรจา “คุณวีรชัยเดินทางไปที่พาราลิสต์และนำเสนอข้อเท็จจริงทางกาตรวจสอบของเราโดยเร็วที่สุด ส่วนการตรวจสอบเชิงลึกกวางจะให้ผู้เชี่ยวชาญมาช่วยค่ะ ในเรื่องการชดเชยความเสียหายเพื่อไม่ให้เลิกสัญญาเราขอเจรจาหลังการตรวจสอบ”
“ครับ คุณกวาง”
วีรชัยรีบไปทำตามที่ได้รับคำสั่งทันที ธีรดานั่งคิดถึงความเป็นไปได้ ปัจจัยของปัญหาไม้มีเรื่องความชื้น แต่แก้ปัญหาได้ด้วยการอบไล่ความชื้นออกไป ส่วนเรื่องปลวก ไม้ที่ส่งให้มีการแช่สารกันปลวกให้อย่างดี เธอมั่นใจธีมาไม่มีทางพลาด แต่ยังไงก็ต้องโทรหาเผื่อว่าทางนั้นจะได้ตรวจสอบกระบวนการ ส่วนทางเธอตรวจสอบหลักฐานและเจรจา
ธีมาฟังปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างตั้งใจ ไม่ตีโพยตีพาย แต่พยายามคิดตาม เขากับคู่แฝดมั่นใจว่ากระบวนไม่น่ามีปัญหาเพราะผลแล็บบ่งชี้ด้วยตัวมันเองว่าก่อนไม้ถึงมือลูกค้า ไม้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ แต่อย่างไรเสียธารธีราก็ต้องรับผิดชอบเนื่องจากตามสัญญากำหนดว่าภายใน 15 วันไม้ต้องอยู่ในสภาพที่ดีสำหรับนำไปแปรรูปต่อ ส่วนเรื่องโกดังเขาเคยไปที่นั่นแล้วก่อนเซ็นสัญญา โกดังของพาราลิสต์ดีกว่าของธารธีราด้วยซ้ำ
“ไหวไหมกวาง ให้ขึ้นไปช่วยกันไหม” ธีมาเอ่ย ปกติแล้วเขากับคู่แฝดจะไม่ก้าวก่ายงานกันยกเว้นในเคสหนักหนาสาหัสเท่านั้น เพื่อที่จะได้ไม่เกิดความอึดอัด
“ไม่เป็นไรหรอกเสือ กวางยังรับมือได้ ก็ว่ากันไปตามผลการตรวจสอบ”
ธีรดาวางสายยกแล้วมือขึ้นมารองคาง งานนี้ธารธีราเสียชื่อเสียง พาราลิสต์เสียเงินและเสียไม้ การเจเราจาคงไม่ง่าย แต่อาจไม่ยากก็ได้ถ้ามิสเตอร์พอลยอมให้โอกาสธารธีราได้อธิบายและเจรจา งานนี้ต้องใช้ไสยศาสตร์ช่วยอีกแรงแล้วละมั้ง หญิงสาวยกมือขึ้นมาพนม
สาธุ...ลูกช้างจะถวายผลไม้เลยถ้าคราวนี้การเจรจาลุล่วงไปด้วยดี เพี้ยง!

ธีรดาอ่านผลแล็บของธารธีรา ผลการตรวจสอบให้ผลเช่นเดียวกับพาราลิสต์ ค่าความชื่นเกินสเปค แถมไม้ยังไม่ได้แช่สารกันปลวก เป็นไปได้ยังไง ถ้าไม้ไม่กี่ท่อนก็พอเป็นไปได้ว่าอาจเกิดความสะเพร่าของคนงาน แต่ 12 เปอร์เซ็นต์นี่เท่ากับไม้ 180 ท่อนเชียวนะ ไม่มีทางเป็นไปได้ว่าจะเกิดความผิดพลาดได้ถึงขนาดนั้น ข่าวร้ายมาพร้อมวีรชัยในเวลาบ่าย 3 โมง
“ทางพาราลิสต์ไม่ต้องการเจรจาครับ ทุกอย่างอยู่ในสัญญาแล้วว่าหากมีการผิดพลาดในครั้งที่สอง ทางพาราลิสต์สามารถทบกวนการเป็นคู่สัญญาได้”
ไม่ใช่แล้ว ครั้งแรกต้องไม่นับสิ ในเมื่อยังไม่เกิดการทำผิดสัญญา ต้องเริ่มนับจากไม้ล็อต 2 ต่างหาก สงสัยเธอต้องเพิ่มของบนเมื่อกี้แล้วละมั้ง เฮ้อ
“ถ้างั้นกวางจะไปเอง ขอเอกสารทั้งหมดด้วยค่ะ กวางจะอ่านให้ละเอียด”
วีรชัยรีบจัดการหาเอกสารทั้งหมดให้ธีรดารวมทั้งสัญญาระหว่างพาราลิสต์กับธารธีรา วิภาได้รับมอบหมายให้นัดกับเลขาของมิสเตอร์พอล แต่ไม่ถึง 5 นาทีข้าวร้ายก็มาอีกระลอก
“คุณดิฐแจ้งว่าพรุ่งนี้มิสเตอร์พอลอยู่ที่บริษัท แต่ไม่ว่างตลอดทั้งวันค่ะ ส่วนวันพฤหัสฯ กับวันศุกร์ต้องเรียนถามก่อนค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
ธีรดากัดฟันกรอดๆ รู้ได้แบบไม่ต้องถามให้เสียอารมณ์ งานนี้พาราลิสต์จงใจปิดทางไม่ให้ธารธีราเจรจา ก็ได้ เธอมันพวกสู้ตายอยู่แล้ว ไม่ให้พบก็ต้องหาทางพบให้ได้ เธอมั่นใจว่าการผิดสัญญายังไม่ได้เกิดขึ้นอย่างที่พาราลิสต์อ้างถึง ถ้าครั้งต่อไปมีปัญหาไม้ผิดสเปคต่างหากพาราลิสต์ถึงจะขอยกเลิกสัญญาได้ อยากเจอตัวชะมัดอีตามิสเตอร์พอลเนี่ย ทำแบบนี้อย่าหวังเลยว่าเธอจะยอม ฮึ่ย!

9 โมงตรง ธีรดาพร้อมแล้วสำหรับการมาถึงออฟฟิศของพาราลิสต์ในวันนี้ เธอมีเอกสารรายงานที่รวบรวมข้อมูลและสิ่งที่คู่เจรจาสมควรได้อ่านพร้อมแฟ้มการตรวจสอบ หากว่าการมาในวันนี้ได้เข้าพบเพื่อเจรจา ออฟฟิศของพาราลิสต์อยู่บนตึกใจกลางเมืองชั้น 22 เมื่อออกมาจากลิฟต์เธอแจ้งประชาสัมพันธ์ว่าต้องการพบเลขาของมิสเตอร์พอล
มีการโทรถามก่อนที่เธอจะได้รับอนุญาตเข้าไปในภายออฟฟิศที่หรูหราและโดดเด่นด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่แปลกแต่ใช้งานได้ สมกับเป็นบริษัทส่งออกเฟอร์นิเจอร์จากไม้จริงๆ
ผู้ชายในสูทสีเข้มยืนรอเธออยู่พร้อมกับผายมือไปยังชุดรับแขกใกล้ๆ กัน เดาได้ไม่ยากว่าเขานี่แหละเลขาของอีตาพอลจอมโหด
“ดิฉัน ธีรดา จากธารธีรา กรุ๊ป ต้องการขอพบมิสเตอร์พอลค่ะ” เธอบอกคุณเลขาดิฐพร้อมกับยิ้มให้
“มิสเตอร์พอลไม่ว่างครับ วันนี้คงไม่พบใครนอกจากที่รับนัดไว้แล้ว ขอโทษด้วยครับ” ดิฐตอบอย่างสุภาพ
“ไม่เป็นไรคะ” ธีรดายิ้มกว้าง
คำว่าไม่เป็นไรไม่ได้หมายถึงการเดินจากไป เธอไม่ได้เตรียมข้อมูลมาค่อนคืนเพื่อมาฟังคำปฏิเสธเพียงประโยคเดียวแล้วกลับสักหน่อย ธีรดาเปิดกระเป๋าถือแล้วหยิบโน้ตบุ๊กออกมา แถมยังถามเขาว่าที่นี่มีไวแลสแลนฟรีหรือเปล่า เพราะถ้าไม่มีเธอยังมีแผนสอง...แอร์การ์ด
“คุณจะทำอะไรหรือครับ” ดิฐเห็นอยู่แล้วว่าธีรดาคงไม่กลับไปง่ายๆ แต่การเปิดโน้ตบุ๊กนี่คงไม่ได้หมายความว่า...
“ฉันขอพบมิสเตอร์พอลของคุณตอนไหนก็ได้ที่เขาว่าง ขอเวลาเพียง 10 นาทีเท่านั้น แค่รออยู่ตรงนี้คงไม่ทำให้เกิดความลำบากใจต่อคุณนะ อ้อ แล้วเพื่อไม่ให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ฉันขอทำงานรอไปด้วยนะคะ คุณคงไม่ว่าใช่ไหมคะ”
“เกรงว่าจะลำบากใจครับ” ดิฐอ้ำอึ้งตอบ
ถ้าบอสรู้มีหวังหงุดหงิดไปทั้งวัน การประเมินของมิสเตอร์พอลคงผิดพลาดเสียแล้ว การสั่งให้เขามาบอกปฏิเสธเธอคงไม่ได้ผล
“ขอโทษจริงๆ ค่ะ แต่ฉันคงลำบากใจยิ่งกว่าถ้าไม่ได้ชี้แจงอะไรเลย”
“ถ้างั้นผมจะให้แม่บ้านนำกาแฟกับของว่างมาให้แล้วกันนะครับ” ดิฐเปลี่ยนใจก็เขาไม่สามารถเปลี่ยนใจธีรดาได้นี่ ใครอยากให้เธอกลับก็คงต้องจัดการเอง น่าแปลกแล้ววันก่อนให้เขาขับรถตามผู้หญิงคนนี้ทำไม พอวันนี้มาหาถึงที่กลับไม่ยอมให้พบเสียอย่างนั้น
ธีรดาแอบถอนใจโล่งอก นึกว่าดิฐจะโทรเรียก รปภ ให้มาลากเธออกไป แต่นอกจากไม่ไล่แล้วไม่ถึง 5 นาทียังมีกาแฟกับของว่างเสิร์ฟ เยี่ยมเลยอย่างนี้เธอรอได้ทั้งวันนั่นแหละ เอาสิมิสเตอร์พอล หลบได้ก็หลบไป

ผ่านไป 2 ชั่วโมง ธีรดายังคงนั่งรออยู่ที่โต๊ะรับแขก ดูเธอไม่เดือดเนื้อร้อนใจสำหรับการปฏิเสธไม่ให้พบ แต่นั่งทำงานไปเงียบๆ โดยไม่รบกวนการทำงานของดิฐแม้แต่น้อย เลขาหนุ่มรู้สึกไม่ชอบเลยที่เขาต้องเป็นคนโกหก วันนี้นายมีนัดเดียวและประชุมในตอนบ่ายเท่านั้น หากจะให้ธีรดาพบย่อมเป็นไปได้ แต่กลับไม่ยอมให้พบ
เขาเดินผ่านธีรดาไปยังห้องของนายพร้อมเอกสารที่ฝั่งโรงงานเพิ่งส่งเข้ามา ปารินทร์นั่งทำงานของเขาอย่างเงียบๆ ข้างๆ มีเอกสารที่คลังสินค้าส่งมาให้เมื่อวาน จนเป็นเหตุให้ธีรดาต้องมาที่นี่ในวันนี้ แฟ้มถูกวางข้างๆ แต่ดิฐยังไม่เดินออกไป
“คุณธีรดายังรออยู่ครับ ผมคิดว่า...”
ปารินทร์ละสายตาจากหน้าจอโน้ตบุ๊ก ปรายตามองเลขาที่ทำงานใกล้ชิดและอยู่กับพาราลิสต์มานานพอที่จะรู้ว่าสิ่งใดสามารถกวนใจเขาได้มากที่สุด
“เรื่องนี้ผมคิดเองได้ เชิญออกไปได้แล้ว อ้อ เอกสารนั่นนำไปให้ฝ่ายการตลาดด้วย”
ดิฐหยิบเอกสารมาเปิดดู ปกติแล้วบอสจะให้เขาคอยตรวจทานอีกครั้งว่าเซ็นครบหรือเปล่า ทว่าคราวนี้เอกสารที่เห็นกลับไม่ผ่านเขามาก่อนที่ปารินทร์จะได้เซ็นเพราะคนเซ็นกับคนทำเป็นคนเดียวกัน
“ไหนว่าจบแล้วไงครับ”
“ไปทำตามที่สั่งด้วยเดี๋ยวนี้” ปารินทร์สั่งเสียงเฉียบ
ดิฐปิดแฟ้มแล้วเดินออกไปด้วยความสงสัย ยามเดินผ่านโต๊ะรับแขกที่ธีรดากำลังทำงานก็ยิ่งแปลกใจ นายทำแบบนี้เพื่ออะไร
“ไม่ทราบว่ามิสเตอร์พอลพอมีเวลาว่างบ้างหรือยังคะคุณดิฐ” ธีรดาเงยหน้าขึ้นมาถามพอดี
“ยังครับ ผมคิดว่าคุณน่าจะกลับไปก่อน”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันรอได้” เธอยิ้มให้ดิฐแล้วก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองต่อไป
ดิฐมองธีรดาอีกครั้งพลางส่ายหน้า เขาอาจจะคิดมากไปเอง ถึงไม้เสียหายไปบ้าง แต่ส่วนที่ดียังทำให้เกิดประโยชน์ได้ ในโลกของธุรกิจมีแต่คำว่าได้ประโยชน์เท่านั้น

ธีรดาหายไปจากโต๊ะรับแขกเพื่อหาอะไรกินในตอนกลางวันและกลับมาก่อนบ่ายโมง ไม่น่าเชื่อว่าตลอดทั้งวันมิสเตอร์พอลจะไม่ออกมาจากห้อง หรือไม่ในห้องของเขาอาจมีทางออกอื่นที่ไม่ผ่านมาทางนี้ก็ได้ แน่เลยใครจะไปทนอุดอู้อยู่ในห้องได้ตลอดทั้งวัน
ดิฐกลับมาที่โต๊ะตอนบ่ายโมงตรง เธอไม่ทันเห็นว่าเขาเข้ามาทางไหน ที่แน่ๆ ไม่ใช่ทางเดียวกับประตูที่เธอเพิ่งเดินเข้ามาแน่ๆ เธอยิ้มให้เขาแล้วทำงานต่อ ต่างคนต่างทำงานจนกระทั่งบ่าย 2 โมงเขาก็เดินไปยังห้องที่หากเธอเปิดประตูเข้าไปจะได้พบมิสเตอร์พอลทันที แต่ไม่ล่ะ เธอไม่ยอมเสียทีตามเกมของเขาหรอก นี่มันอาจเป็นแค่การทดสอบหรือการยั่วโมโหเท่านั้น
ปารินทร์นั่งดูแบบที่ทีมออกแบบเพิ่งส่งมาให้ แม้จะไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่นัก ต้นเหตุของการไม่มีสมาธิก็มาจากผู้หญิงดื้อรั้นนอกห้องนั่นไง จนป่านนี้แล้วยังไม่ยอมกลับไปอีก ดิฐเข้ามาแล้ววางแฟ้มที่โต๊ะ แต่ยังไม่ยอมเดินออกไปจนผู้เป็นนายเงยหน้าขึ้นมาถาม
“มีอะไรอีกล่ะดิฐ”
“อีก 30 นาทีบอสมีประชุมนะครับ” ดิฐเตือนตามหน้าที่
“อืม รู้แล้ว ฝากบอกคุณธีรดาด้วยว่าวันนี้ให้กลับไปได้แล้ว ผมไม่มีเวลาว่างพอที่จะคุยด้วย” เขาบอกเธอแล้วว่าไม่ใช่วันนี้ แต่ก็ยังจะมา ไม่รู้หรือว่าใครกันแน่ที่ลำบาก
“ผมบอกแล้วครับ แต่เธอยืนยันว่าจะคอย”
“ถ้างั้นเลิกประชุมแล้ว ผมจะกลับบ้านเลย ถ้าคุณธีรดาอยากรอก็ให้รอไป ผมไม่ได้อนุญาตให้เข้าพบก็น่าจะรู้กติกา ไปบอกเธอตามนี้” ปารินทร์สั่ง รู้อยู่แล้วว่าผลที่ตามมาจะเป็นตรงกันข้าม
“ได้ครับ ไม่เคยรู้มาก่อนว่าบอสใจแข็งกับผู้หญิงถึงขนาดนี้ ถึงจะผิด แต่เธอมาเพื่อเจรจาและรับผิดชอบนะครับ” ดิฐเอ่ย รู้ดีอีกเดี๋ยวคงได้ลุกเป็นไฟ แล้วหลังจากนั้นเขาก็แค่รีบเผ่นออกไปไง
ปารินทร์หันมามองเลขาของตัวเองที่ดันไปเข้าข้างธีรดาทั้งที่พบกันไม่ถึง 7 ชั่วโมงด้วยซ้ำ
“คิดว่าผมไม่รู้หรือว่าคุณธีรดามาเพื่ออะไร ช่างเถอะ พูดไป คนใจอ่อนอย่างคุณคงไม่เข้าใจ ออกไปได้แล้ว”
ใครว่าเขาจะไม่เจรจาล่ะ เพียงแต่ว่ายังไม่ยอมให้เกิดการเจรจาง่ายๆ เท่านั้นเอง หากธีรดาต้องการพบมิสเตอร์พอลต้องใช้ความพยายามมากกว่านี้

5 โมงเย็น ธีรดายังอยู่ที่เดิม การที่เธอมาอยู่ที่นี่ทั้งวันไม่ได้หมายความว่างานในส่วนของธารธีราหยุดชะงัก ทุกอย่างยังดำเนินไปเพียงแต่เธอย้ายที่ทำงานชั่วคราวเท่านั้น ส่วนเอกสารที่ต้องเซ็น หากไม่เร่งด่วนเธอจะเข้าไปเซ็นให้ แต่ถ้าเร่งด่วนวิภาจะเอามาให้ที่บ้าน เธอรู้เกมของมิสเตอร์พอลแล้ว ถ้าเธอยอมวางมือเมื่อไหร่ การเจรจาไม่เกิดขึ้นแน่ ถ้าอยากทดสอบด้วยการทำแบบนี้ เธอไม่หวั่นอยู่แล้ว แต่เมื่อถึงเวลาเลิกงานก็คงต้องกลับ
ดิฐยังคงนั่งรอไม่มีทีท่าว่าจะกลับไปก่อน แน่ล่ะ ใครจะยอมให้ใครไม่รู้มานั่งหัวโด่ต่อในออฟฟิศทั้งคืนได้ ถ้าพรุ่งนี้เธอมาอีกแล้วเขาไม่ยอมให้เข้า เธอพร้อมจะนั่งอยู่ตรงหน้าออฟฟิศนั่นแหละ
“ขอฉันเขียนโน้ตถึงมิสเตอร์พอลได้ไหมคะคุณดิฐ”
“ได้รับ ผมจะส่งให้ถึงมือบอสให้” ดิฐรับปากแข็งขันแถมยังมายืนรอโน้ตที่ธีรดากำลังลงมือเขียน
“ขอบคุณค่ะ”
เธอส่งโน้ตที่พับไว้อย่างดีให้ดิฐก่อนจะเก็บของที่ขนมาอย่างกับรู้ว่าต้องมาปักหลักที่นี่ทั้งวัน ดิฐช่วยเก็บสายอะแดปเตอร์โน้ตบุ๊กให้ ทำไมเจ้านายกับลูกน้องถึงนิสัยต่างกันคนละเรื่องแบบนี้ก็ไม่รู้ เธอเดินออกมาจากออฟฟิศในเวลา 5 โมงนิดๆ แท็กซี่จอดรับทันทีที่เธอโบก รถแท็กซี่ขับออกไป โดยผู้โดยสารไม่รู้ว่ามีรถคนหนึ่งขับตามมาจนกระทั่งถึงบ้าน รถคันนั้นก็ขับจากไป

ปารินทร์มาเยี่ยมศศิภาที่โรงพยาบาล ตลอดทั้งวันไม่มีแม้แต่เงาของปุราณ เขาอยากคิดว่าธีรดากับปุราณอาจนัดพบกัน แต่ตลอดทั้งวันธีรดาอยู่กับเขา แสดงว่าศศิภาไม่ได้โทรบอกคนรักเลยหรือว่าตัวเองเจ็บจนเข้าโรงพยาบาล เมื่อถามนุชรีในระหว่างที่น้องสาวหลับถึงได้รู้ว่าศศิภาห้ามไม่ให้บอกปุราณ เจ้าตัวเองก็ไม่บอกเช่นกัน พรุ่งนี้เขาจะเป็นคนไปบอกปุราณด้วยตัวเองก็แล้วกัน
ปารินทร์อยู่คุยเป็นเพื่อนศศิภาอยู่ครู่หนึ่งหลังจากเธอตื่น ไม่มีการโวยวายหรือตีโพยตีพายแม้แต่น้อย น่าแปลกที่เป็นอย่างนี้ ที่บอกว่าเหม่อจนเดินตกบันได เรื่องราวมีแค่นั้นจริงๆ น่ะหรือ
“ต่อไปจะขึ้นลงบันไดก็ระวังหน่อยรู้ไหม” ปารินทร์เตือนน้องสาวเป็นรอบที่ 3 ตั้งแต่นั่งคุยกันมาเกือบครึ่งชั่วโมง
“ค่ะพี่สิงห์ เดี๋ยวศศิอยู่กับนุชได้ค่ะ พี่สิงห์เหนื่อยมาทั้งวันแล้วก็ไปพักเถอะนะคะ”
ปารินทร์พยักหน้าเมื่อเห็นว่าเกือบ 2 ทุ่มแล้ว คนป่วยคนได้พักเช่นกัน เขาก้มหน้าลงมาหอมหน้าผากน้องสาวเบาๆ ตอนที่รู้ว่าศศิภาตกบันไดเขาคิดในแง่ร้ายมากมาย แต่พอหมอบอกว่าแค่หัวแตกเท่านั้น เขายิ่งกว่าโล่งใจ เราเหลืออยู่กันแค่นี้ ถึงเธอจะทำอะไรผิดไปบ้าง เขาก็พร้อมให้อภัยและเปลี่ยนนิสัยให้ยอมรับคนอื่นมากขึ้น



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 พ.ค. 2557, 10:12:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 พ.ค. 2557, 10:12:17 น.

จำนวนการเข้าชม : 1300





<< ตอนที่ 6    ตอนที่ 8 >>
แล่นแต๊ 15 พ.ค. 2557, 10:59:20 น.
สงสารนางเอก


แว่นใส 15 พ.ค. 2557, 11:45:02 น.
เข้าใจผิด


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account