ตั้งแต่วันที่ฉันตามหาเธอ
หญิงสาวจากเมืองกรุง ย้ายมาจังหวัดเชียงรายเพื่อทำงานที่เธอชอบ แม้ชีวิตเธอจะน่าเบื่อในบางช่วง แต่เธอยังมีร้านหนังสือของลุงรัญที่คอยทำให้เธอหายเหงา หนังสือหลายเล่มมีเรื่องราวความเป็นมา ชีวิตของเธอเดินทางตามตัวหนังสือจนเธอได้อ่านหนังสือของ ริชาร์ด บาค เรื่อง
"โจนาธาน ลิฟวิงสตัน นางนวล" หนังสือเล่มเล็กๆทำให้เธอได้พบกับบทกวีที่เขียนในเศษกระดาษ สอดไว้อย่างเรียบร้อย และบทกวีบทนั้นทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไป
Tags: ตามหาความรัก บทกวี

ตอน: ๑


เจนฤทัยไม่ได้กลับมาที่บ้านเช่าในทันทีตามที่ตั้งใจไว้ เธอยังมีเจ้าฟู แมวเหมียวสีเทาตัวอ้วนอุ้ยอ้ายที่อาจหิวจนไส้กิ่ว ทั้งยังกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกับเธอไม่ได้เสียด้วย เธอเลยต้องแวะตลาดเพื่อซื้ออาหารเม็ดให้เจ้าฟูก่อนกลับบ้านตามแผนเดิม
ทันทีที่เธอมาถึงประตูหน้าบ้าน เสียงเจ้าฟูร้องประท้วงก็เริ่มดังขึ้นมาจากใน พอประตูเปิดมันก็เข้ามาพันแข้งพันขาออดอ้อนสารพัดโดยไม่ยอมให้เธอได้นั่งพักหายใจ
“รู้แล้วๆ”เธอแพ้การออดอ้อนของเจ้าฟูทุกครั้ง และมันคงรู้ดีว่ามันเอาชนะเธอได้ด้วยวิธีนี้เมื่อมันต้องการบางอย่าง

นับตั้งแต่เลือกเดินทางจากบ้านที่กรุงเทพมาทำงานต่างจังหวัดจนได้มาอยู่เชียงราย นับจากวันนั้นถึงวันนี้ก็เกือบสามปีแล้วที่เธอทำงานในจังหวัดที่อยู่เหนือสุดของประเทศ ทุกอย่างที่นี่ไม่วุ่นวายเหมือนเมืองใหญ่ที่เธอเคยอยู่ก็จริง แต่ก็ไม่ได้ครบครัน เธอต้องใช้เวลาปรับตัวอยู่ระยะหนึ่ง มูลนิธิที่เธอทำงานด้วยช่วยจัดหาหอพักให้ เป็นหอพักใกล้กับที่ทำงาน แม้จะคับแคบแต่สะดวกสบาย แต่ด้วยตัวเธอนั้นคิดอยากมีสวนหย่อมหน้าบ้านมาตลอดเพราะบ้านที่กรุงเทพของเธอเป็นเพียงตึกแถวสองชั้น ไม่มีพื้นที่ทำสวนใดเลยนอกจากตรงระเบียงซึ่งเอื้อสำหรับการปลูกกล้วยไม้แล้วแขวนไว้ตรงราวเท่านั้น พอมาอยู่เชียงราย เธอเลยพยายามทดแทนสิ่งที่ตัวเธอไม่เคยได้มีด้วยการทำงานหนักขึ้น เธอยอมทำงานพิเศษเพิ่มขึ้นอีกสามชั่วโมงในตอนเย็นวันจันทร์ถึงศุกร์และครึ่งวันบ่ายวันเสาร์อาทิตย์ งานของเธอในตอนนั้นคืองานสอนพิเศษภาษาอังกฤษให้เด็กมัธยมในโรงเรียนกวดวิชาใกล้กับหอพักที่เธออยู่
เจนฤทัยใช้เวลาหนึ่งปีในการปรับตัวกับชีวิตแบบใหม่และสังคมใหม่ หลังจากขวบปีแรกที่เธอทำงานหนัก ในที่สุดเธอก็สามารถเช่าบ้านเช่าหลังเล็กๆที่เธออยู่ตอนนี้ได้ เธอมีสวนหน้าบ้าน มีชั้นหนังสือรอบห้องนั่งเล่น เงินเดือนจากมูลนิธิที่เธอทำงานแม้ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนักในหนึ่งปีแต่ถ้ารวมกับค่าสอนพิเศษแล้วแม้จะไม่มากมายนัก แต่ถ้ารู้จักใช้รู้จักเก็บก็อยู่ได้สบายๆ

“กินเยอะไปแล้วฟู”
เจ้าฟูยังไม่หยุดกิน หญิงสาวเดินผ่านมันไปยังมินิบาร์ที่ตั้งบนชั้นใกล้อ่างล้างจาน น้ำเย็นในขวดพอจะช่วยดับกระหายคลายเหนื่อยได้บ้าง ขณะรินน้ำแก้วที่สอง สายตาของเธอยังมองไปที่เจ้าแมวอ้วนขนสีเทาอมดำที่กำลังจัดการมื้อเย็นของมันอย่างเอร็ดอร่อย นอกจากเธอจะมีบ้านหลังเล็กๆกับสวนหย่อมแล้ว ตอนนี้เธอยังมีแมวอ้วนตัวนี้อยู่เป็นเพื่อนด้วยทุกคืน
เดิมทีเจ้าฟูเป็นแมวจรจัดที่คนในมูลนิธิช่วยเหลือสัตว์ที่เธอทำงานอยู่เก็บมาจากตลาด มันได้รับดูแลรักษาโรค ฉีดวัคซีน เลี้ยงดูจนแข็งแรงและมีขนฟูสวยงามไม่ต่างจากแมวบ้านที่มีเจ้าของดูแลอย่างดี แต่เจ้าฟูเป็นตัวโปรดในมูลนิธิได้ไม่นานนักเพราะเพื่อนชาวอังกฤษที่ทำงานในมูลนิธิรับไปเลี้ยงเอง สาเหตุมาจากทางมูลนิธิมีพื้นที่ไม่เพียงพอที่จะรองรับสัตว์ไร้เจ้าของที่ถูกนำเข้ามาใหม่ซึ่งมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานหลังจากนั้นเจ้าแมวอ้วนตัวนี้ถูกส่งต่อมาให้เธอเมื่อเพื่อนชาวต่างชาติต้องไปทำงานที่สำนักงานใหญ่ในออสเตรเลีย

หลังจากมื้อเย็นง่ายๆ เจนฤทัยเดินกลับมาหยิบกระเป๋าสะพายที่วางไว้บนโต๊ะญี่ปุ่นกลางบ้านแล้วพาร่างกายที่สุดแสนจะเพลียของตัวเองเข้าไปในห้อง สัมภาระที่มีติดตัวทุกอย่างถูกวางกองลงบนโต๊ะวางกระจกที่เธอนั่งแต่งหน้าในทุกเช้าวันทำงาน พอเสียบปลั๊กชาร์จโทรศัพท์มือถือและเช็คเฟซบุ๊คอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็หยิบผ้าขนหนูแล้วพาตัวเองออกไปอาบน้ำที่ห้องน้ำข้างนอก เธอมักบ่นกับตัวเองบ่อยๆเรื่องห้องน้ำ เธออยากให้บ้านหลังนี้มีห้องน้ำในห้องนอนด้วย ซึ่งแน่นอนว่าเธอต้องเพิ่มเงินเช่าบ้านหลังใหญ่กว่านี้ ซึ่งเกินกำลังผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเธอ
น้ำเย็นจากฝักบัวช่วยไล่ความอ่อนเพลียที่สะสมมาตลอดทั้งวันได้เหมือนทุกครั้ง ยิ่งเวลาน้ำจากฝักบัวรดลงบนผมยาวของเธอจนเปียกชุ่ม เธอยิ่งสดชื่นและมีชีวิตชีวา

ในที่สุดเจนฤทัยก็ได้ทอดกายลงบนเตียงนุ่มๆของเธอหลังจากนั่งเป่าผมกับพัดลมอยู่นาน ที่นอนแสนสบายแทบจะทำให้เธอหลับในทันทีที่ร่างผอมบางของเธอสัมผัสกับฟูกหอมๆและนุ่ม แต่แล้วหนังสือโจนาธาน ลิฟวิงสตันบนโต๊ะวางโคมไฟข้างหัวเตียงก็ชักชวนให้เธอเลื่อนเวลานอนไปอีกสักพัก
หนังสือเล่มบาง สีกระดาษเป็นสีน้ำตาลแบบเก่าๆในมือของเธอมีกลิ่นหอมลึกลับ กลิ่นของหนังสือดึงดูดเธอได้เสมอ เธอเริ่มทำความรู้จักกับโจนาธานผ่านถ้อยคำของริชาร์ด บาค ทีละน้อย เจ้านางนวลกำลังบินอย่างมุมานะ เธอเองเริ่มรู้สึกอยากบินบ้าง จมูกของเธอสัมผัสได้ถึงกลิ่นน้ำทะเล เธอไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหนังสือเล่มนี้ถึงมีคนอ่านมากมาย หลังจากได้รู้จักโจนาธานแล้ว เธอก็ได้รู้กับเชียงและปลื้มในตัวนกนางนวลอีกหลายตัว นกนางนวลทั้งหลายให้อะไรกับเธอมากมาย ทั้งข้อคิดและความรู้สึกดีๆ พอรู้ตัวอีกที นางนวลทั้งหลายก็นำทางเธอโบยบินมาจนถึงหน้าสุดท้ายพร้อมกับตัวเลขบนหน้าปัดนาฬิกาบอกเวลาตีสอง ซึ่งล่วงเลยเวลานอนปกติของเธอมาหลายเกือบสามชั่วโมงแล้ว
วิชาการบินของโจนาธานจบลงพร้อมรอยยิ้มในหัวใจของเธอ หญิงสาวค่อยๆพลิกไปยังหน้าสุดท้าย ในตอนนั้นเองที่กระดาษแผ่นเล็กสีกลมกลืนกับหน้ากระดาษแผ่นหนึ่งร่วงลงมาบนอกของเธอ
“ลุงรัญเขียนอะไรไว้ล่ะเนี่ย”เธอพึมพำขณะหยิบกระดาษแผ่นนั้นมาอ่าน ข้อความในนั้นคล้ายบทกลอน เขียนด้วยลายมือหวัดๆ แต่ก็พออ่านออก

ในสิ่งที่เรายังไม่พบ
เราอาจจะค้นพบ
บางอย่าง
ไม่มีสิ่งใดควรถูกมองข้าม
ก่อนจะพินิจพิจารณา

การค้นพบทุกสิ่ง
ล้วนเริ่มต้น
จากความสงสัย
และความว่างเปล่า

ขอบคุณมาก โจนาธาน ลิฟวิงสตัน

เจนฤทัยจะอ่านข้อความในกระดาษอีกรอบ มันเป็นกลอนที่แปลกแตกต่างจากกลอนที่เธอเคยอ่านในหนังสือแบบเรียน ดูแล้วคล้ายคำคมยาวๆที่ถูกตัดเป็นท่อนๆ แม้เธอจะอ่านหนังสือมาเยอะ แต่เธอไม่ค่อยได้พบกลอนแบบนี้เลย อย่างมากสุดก็กลอนยาวๆที่ไม่ค่อยคล้องจองกันในหนังสือของโทลคีนที่เหล่าฮอบบิท เอลฟ์และคนแคระ หรือแม้แต่มนุษย์เอามาร้องเป็นเพลง ซึ่งมันก็มีอารมณ์เป็นเพลงมากกว่ากลอนจริงๆ แม้กลอนในกระดาษจะไม่ได้เข้าใจยากอะไร แต่การอ่านมันต้องใช้พลังงานสมองที่เริ่มง่วงของเธอในการตีความ ด้วยสภาพของเธอตอนนี้ เธอไม่อยากจะตีความอะไรเพิ่มอีก กระดาษแผ่นเล็กๆเลยถูกสอดเก็บที่เดิม หลังจากเลิกงานพรุ่งนี้แล้ว เธอแค่เอาหนังสือไปคืนแล้วขอคำตอบจากลุงรัญเกี่ยวกับสิ่งที่ลุงเขียนในกระดาษแผ่นนั้นเพื่อเป็นความรู้เพิ่มเติมให้ตัวเอง ทุกอย่างที่เธอกำลังคิดตอนนี้ก็จะจบลงอย่างง่ายๆ เธอแค่อยากรู้ว่ากลอนแบบนี้เขาเรียกว่ากลอนอะไรเท่านั้น คืนนี้ในฝันของเธอขอให้มีแค่เรื่องของนกนางนวลที่ชื่อ โจนาธานเท่านั้นก็พอ


แม้จะนอนดึกกว่าทุกครั้ง แต่เจนฤทัยยังไปทำงานทันเวลาในตอนเช้า การจราจรที่ค่อนข้างคึกคักของช่วงเด็กๆไปโรงเรียนไม่ได้เป็นปัญหากับเธอมากนัก คงเป็นเพราะเธอยังมีเวลาเหลือเฟือหลังจากอาบน้ำแต่งหน้าก่อนไปทำงาน เจนฤทัยไม่ใช่คนชอบแต่งหน้าเท่าไหร่นัก แค่ตบแป้งบางๆแล้วทาลิปสติกมันสีชมพูอ่อนที่เธอชอบ แค่นั้นเธอก็คิดว่ามันเพียงพอสำหรับการออกไปทำงาน ไม่จำเป็นต้องเติมอะไรบนหน้าตัวเองอีก อีกอย่าง งานของเธอก็ไม่ได้ต้องการหน้าสวยๆมาเป็นส่วนหนึ่งของงานด้วย เว้นแต่กองเอกสารจะชมเธอว่าสวยได้ นั่นถึงจะทำให้เธอแต่งหน้าเพิ่มขึ้นกว่าที่เคยทำทุกวัน
งานที่สำนักงานตั้งแต่เช้าจรดบ่ายเต็มไปด้วยงานเอกสาร วนนี้ทีมลงพื้นที่พึ่งสรุปงานมาให้ เธอเลยต้องกรอกเอกสารประวัติของสัตว์ที่ทีมลงพื้นที่ไปช่วยเหลือและนำมาดูแล นอกจากนั้นยังมีข้อมูลของสัตว์ที่มีเจ้าของใหม่รับไปเลี้ยง ซึ่งทางมูลนิธิต้องคอยจับตาดูพฤติกรรมของสัตว์เหล่านั้นเมื่ออยู่ในการดูแลของเจ้าของใหม่ เอกสารบนโต๊ะของเธอเลยกองโตไม่ใช่ย่อยเมื่อเทียบกับวันก่อนๆ

“เจน เธอดูมึนๆนะ”เสียงใสๆดังมาจากโต๊ะตรงข้ามกับโต๊ะทำงานของเธอ เจนฤทัยเงยหน้าจากกองเอกสารก่อนจะส่งยิ้มเนือยๆให้เจ้าของเสียง
“ว่าไงไทล่า”
สาวน้อยผมทองยิ้มให้ ไทล่าเป็นลูกสาวของไมเคิล หัวหน้าของเธอและทุกคนในสำนักงานเขตเชียงราย ครอบครัวของไมเคิลเป็นชาวออสเตรเลียที่ย้ายมาอยู่ไทยได้หลายปีแล้ว หลายปีเสียจนลูกสาวสามคนพูดไทยได้คล่องปรื๋อ ทั้งยังอ่านเขียนภาษาไทยได้อีกด้วย ไทล่าที่เป็นพี่สาวคนโตอาสามาช่วยงานในมูลนิธิอย่างเต็มตัวในช่วงเดียวกันกับที่เธอย้ายมา ด้วยบุคลิกร่าเริงและเข้าคนง่ายของไทล่าและตัวเธอเองทำให้พวกเธอสนิทกันอย่างรวดเร็วราว
“ดูเหมือนเธอจะไม่ได้นอนเลยนะ ไปเที่ยวมาใช่ไหมล่ะ รู้นะ”
เจนฤทัยหัวเราะนิดหนึ่ง “เปล่า แค่นอนดึกน่ะ”
“แล้วทำอะไรดึกๆ ดูซีรีย์ที่ฉันให้ไปรึ”
เจนฤทัยเอามือเท้าคาง ตามองไปที่สาวน้อยที่กำลังเดินมาหยุดตรงหน้าโต๊ะทำงานของเธอ “เธอเคยเห็นฉันดูซีรี่ย์ดึกขนาดนั้นด้วยเรอะ ปกติก็มีแต่เธอคนเดียวนะที่เป็นแบบนั้น”
ไทล่าหัวเราะ “โอเคๆ กาแฟหน่อยไหม พอดีจะออกไปข้างนอกก็เลยแวะมาถาม”
“ก็ดีนะ ขอบคุณมาก”
“เดี๋ยววันนี้ไทล่าเลี้ยงเอง”
ดวงตาสีเขียวที่มีแววสดใสตลอดเวลาของไทล่ามองเธออีกแวบหนึ่งก่อนเจ้าตัวจะเดินไปหยิบกระเป๋าแล้วออกไปจากสำนักงาน
พอไทล่าออกไปแล้ว เจนฤทัยเอนหลังพิงพนัก ถอนหายใจไล่ความเหนื่อยและง่วงออกไปจากตัวเอง เธอเหลือบไปมองกระเป๋าสะพายก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบมาวางบนตัก โจนาธานสงบนิ่งอยู่ในนั้น เธอเอาโจนาธานออกมาจากกระเป๋า วางไว้บนโต๊ะ ถ้าหากไทล่าไม่มาคุยกับเธอ ป่านนี้เธอคงลืมไปแล้วว่าเธอจะต้องเอาหนังสือไปคืนและถามเรื่องกลอนบทนั้นกับลุงรัญ
สำนักงานเงียบเชียบ ทีมลงพื้นที่ที่มักจะอยู่กันแถวนี้ออกไปข้างนอกกันหมด พวกที่อยู่ห้องชั้นบนก็เงียบเหมือนกัน เจนฤทัยมองไปรอบๆก่อนจะกลับมาหยุดที่หนังสือตรงหน้า เธอค่อยๆหยิบมันขึ้นมาเปิดอ่านอย่างผ่านๆ เธอเปิดไปเรื่อยๆจนถึงหน้าสุดท้ายที่กระดาษแผ่นนั้นสอดอยู่ หญิงสาวหยิบมันออกมาอ่านอีกรอบ อย่างไรเสีย วันนี้เธอก็ต้องไปหาลุงรัญให้ได้ เธอบอกตัวเองขณะสอดกระดาษแผ่นนั้นกลับที่เดิม

ไทล่ากลับมาอีกครั้งพร้อมกาแฟเย็น สาวน้อยส่งกาแฟมาให้เธอก่อนจะถือของตัวเองกลับไปที่โต๊ะทำงาน
“วันนี้ทุกคนนัดกันไปเดอะ แคท เจนจะไปไหม”
เจนฤทัยมองไปยังเจ้าของเสียงใสๆที่นั่งโต๊ะฝั่งตรงข้าม ดวงตาสีเขียวของไทล่ามองมาที่เธอเหมือนอยากรู้คำตอบเดี๋ยวนั้น มันไม่ใช่สายตาบีบบังคับคาดคั้น แต่เป็นแววตาขอร้อง ตาสีเขียวนั้นมีแววใสซื่อและออดอ้อนราวกับแววตาของเด็กที่อ้อนขอขนมหรือขออนุญาตออกไปเล่นข้างนอก
“เธออยากไปจริงๆใช่ไหมไทล่า”
“ถ้าเธอไป”
เจนฤทัยถีบเก้าอี้สำนักงานที่นั่งให้พาเธอไหลไปใกล้หน้าต่างข้างหลังเธอ ในขณะเดียวกัน สายตาของเธอมองไปที่เพื่อนสนิทต่างวัยซึ่งกำลังรอคำตอบ
“อืม...ฉันมีธุระตอนเย็นอยู่สองสามอย่าง พวกเขานัดกันกี่โมงล่ะ”
“หกโมงเย็น วันนี้อังเคิลวีจะทำบาร์บีคิวกันมั้ง”
“ออ...อย่างนั้นหรอกรึ” พอพูดถึงบาร์บีคิวของลุงวีผู้เป็นเจ้าของร้านเดอะแคทแล้ว เธอเองก็ไม่ได้กินเลยนับตั้งแต่คืนวันสิ้นปี นับๆก็สามสี่เดือนแล้ว
ลุงวีจะทำบาร์บีคิวเฉพาะในโอกาสพิเศษเท่านั้น นั่นแสดงว่าวันนี้ที่ทุกคนไปเดอะแคท คงเพราะมีอะไรพิเศษๆเป็นแน่
“สรุปจะไปไหมพี่เจน”ไทล่าลากเสียงออดอ้อน กระพริบตาปริบๆ
“ไม่ต้องลงทุนทำขนาดนั้นก็ได้ เอ้า!! ไป...ก็ไป”
สาวน้อยออกอาการดีใจสุดขีด แน่ล่ะ ถ้าเจนฤทัยไม่ตกลงใจไปด้วย คงได้มีคนคนแถวนี้นอนแกร่วดูโทรทัศน์อยู่ที่บ้านแน่
“แล้วเธอจะไปยังไง ไทล่า พ่อเธอคงไม่ให้เธออยู่จนดึกแน่”
“ถ้าไปกับเจน พ่อไม่ว่าอยู่ละ”
“ย่ะ...งั้นเธอต้องไปส่งฉันทำธุระก่อนนะ”
ไทล่าชู้นิ้วโป้งให้เธอพร้อมรอยยิ้ม
“ไม่มีปัญหา”
เจนฤทัยยิ้มให้สาวน้อยผมทองก่อนจะกลับมาทำงาน เวลาเลิกงานกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ


ไทล่าเดินข้ามโต๊ะมาอีกครั้งขณะที่เจนยังง่วนอยู่กับเอกสารชุดสุดท้าย พอเสร็จเธอรีบคว้ากระเป๋าสะพาย ไทล่ายิ้มให้เมื่อการรอคอยของตัวเองสิ้นสุดลง
“พี่เจนจะไปไหนก่อน”
“ร้านหนังสือ”
ไทล่ารับหมวกกันน๊อกของสำนักงานที่เจนส่งมาให้พร้อมกับมองด้วยแววตาเบื่อๆ “ร้านหนังสืออีกแล้ว”
“ทำไม ก็ชั้นชอบอ่ะ”
ไทล่าหัวเราะขณะก้าวขาขึ้นซ้อนท้าย เจนหยิบหมวกกันน๊อกของตัวเองมาสวมก่อนจะสตาร์ทรถ“นานๆทีจะเห็นเธอใส่กางเกงยีนส์”
“เพราะรู้ว่าวันนี้จะได้ซ้อนรถเธอไง”
เจนฤทัยหัวเราะกับคำพูดสดใสของสาวน้อยเพื่อนร่วมงานก่อนจะขี่รถออกไปสู่ถนนที่เริ่มแน่นขนัดไปด้วยรถรับส่งนักเรียนและคนที่พึ่งเลิกงาน

ลุงรัญยิ้มแย้มให้สองสาวทันทีที่ผ่านประตูเข้าไป เจนฤทัยหยิบหนังสือที่อ่านจบแล้ววางบนเคาน์เตอร์ ปล่อยให้ไทล่าเดินดูหนังสือคนเดียว
หญิงสาวหันกลับมามองเจ้าของร้านหนังสือเช่าและโจนาธานที่สงบอยู่บนโต๊ะ เจนเปิดไปยังหน้าสุดท้ายที่มีกระดาษสอดอยู่แล้วหยิบออกมาให้ลุงรัญดู
“กลอนนี่ลุงเป็นคนเขียนใช่ไหมคะ พอดีเจนไม่คุ้นกับฉันทลักษณ์ของมันเลย มันไม่เหมือนกับที่เคยเรียนมา”
“หนูเจนรู้จักคำว่าบทกวีใช่ไหม”
“รู้จักค่ะ พวกกาพย์ กลอน ทั้งหลาย”
ลุงรัญยิ้มอย่างใจดีเหมือนทุกครั้ง “นี่เค้าเรียกกลอนเปล่า มันก็เป็นบทกวีประเภทหนึ่งเหมือนกัน”
“มันเหมือนคำคมที่ยาวหรือว่าการบ่นมากกว่านะเจนว่า”
ลุงรัญหัวเราะชอบใจ “จะว่าอย่างนั้นก็ได้”
เจนสอดกระดาษเก็บที่เดิม “เจนไม่คุ้นกับกลอนแบบนี้”
“มันยังไม่เป็นที่นิยมนักในบ้านเรา และไม่มีในแบบเรียนภาษาไทยด้วย”
“ทำไมล่ะคะ”คำถามยังอัดอยู่เต็มหัวของหญิงสาว เจ้าของร้านขายหนังสือยิ้มให้เธอ
“ลุงคิดว่าคงเป็นเพราะมันจำยากและไม่ใช่รูปแบบฉันทลักษณ์ของไทย บทกวีแบบนี้ได้รับความนิยมหลากหลายกว่าในหมู่บ้านเมืองฝรั่งเค้านู่น”
หญิงสาวถึงบางอ้อในที่สุด แม้เธอจะไม่เคยอ่านงานแปลประเภทนี้ แต่มันก็ผ่านตาบ้างนานๆครั้ง
“งานเขียนแบบนี้ของนักเขียนไทยก็พึ่งมีของซะการีย์ยา อมตยา ที่เพิ่งได้รางวัลซีไรต์ไปเมื่อไม่นานมานี้ ถ้าไม่มีใครเช่าไป คงจะอยู่แถวชั้นซ้ายสุด”ลุงรัญอธิบายต่อพร้อมกับชี้บอก
เจนฤทัยมองลุงเจ้าของร้านหนังสือกับชั้นหนังสือสลับกัน เธอยอมรับตามตรงว่าเธอไม่รู้จักนักเขียนชื่อนี้เลยเพราะเธอไม่ได้เป็นแฟนหนังสือซีไรต์ที่เหนียวแน่นนัก เธอเลือกอ่านเพียงบางเล่มที่เธอชอบเท่านั้น โลกของการอ่านยังกว้างใหญ่เหลือเกิน
“เจนไม่รู้จักนักเขียนชื่อนี้”เธอสารภาพ
“ลองเอาไปอ่านดูซิ เล่มนี้ลุงไม่คิดค่าเช่า”
“อย่าเลยค่ะ หนังสือเช่าก็คือหนังสือเช่า เดี๋ยวเจนลองเช่าไปอ่านก็ได้”
ลุงรัญรีบโบกมือห้าม “คุณสันพึ่งจะเอาหนังสือเล่มนี้มาให้อีกเล่มเมื่อคืน หนูเจนเอาไปอ่านเลย เดี๋ยวลุงเอาอีกเล่มมาใส่แทน นี่เจ้าโอก็ขนมาให้อีกหลายเล่ม ยังไม่ได้ทำอะไรกับหนังสือพวกนั้นเลย”
หญิงสาวยิ้ม เธอได้ยินชื่อผู้ชายสองคนนี้จากลุงรัญบ่อยมาก แต่ที่เธอเคยเจอในร้านคือโอ แม้จะไม่เคยคุยกัน แต่เธอก็รู้จักจากการบอกของลุงรัญ ส่วนรายแรกเธอยังไม่เคยเจอสักครั้งแม้ลุงเจ้าของร้านหนังสือจะเอ่ยถึงอยู่บ่อยๆ
“ก็ได้ค่ะ เจนจะเอาไปอ่านก็ได้”เจนฤทัยยอมตอบตกลงหลังจากนิ่งคิดอยู่นาน “แล้วสรุป กระดาษแผ่นนั้น ลุงเป็นคนเขียนใช่ไหมคะ”
ลุงรัญหัวเราะ “ไม่ใช่ลุงหรอก ลุงเองก็ไม่รู้ว่าใครเขียน”
“อ้าว!!!”หญิงสาวนิ่งไปครู่ “แปลว่าลุงก็พึ่งรู้ใช่ไหมว่ามีกระดาษแผ่นนี้อยู่”
“สำหรับเล่มนี้...ใช่!! ลุงพึ่งรู้ว่ามีในเล่มนี้ด้วย”
“ลุงหมายความว่า...”
“มันไม่ได้มีแค่แผ่นนี้แผ่นเดียวน่ะซิ”ลุงรัญตอบพลางยิ้มแล้วก้มลงค้นใต้เคาน์เตอร์ก่อนจะหยิบสมุดบันทึกเล่มเล็กขนาดเท่าพ๊อกเกตบุ๊คขึ้นมาวางบนโต๊ะ “ลุงเก็บบทอื่นๆไว้ในนี้” ลุงเจ้าของร้านหนังสือเลื่อนสมุดให้หญิงสาว เจนฤทัยหยิบสมุดเล่มนั้นมาเปิดดู
“แต่ละหน้า ลุงใช้แม๊กเย็บกระดาษที่มีข้อความเอาไว้และเขียนชื่อหนังสือที่ลุงเจอกระดาษ”
“ลุงรัญเก็บไว้หมดเลยหรือคะ”
“คิดว่านะ”คุณลุงตอบยิ้มๆ “ลุงชอบเอามาอ่านเวลาว่างๆ”
“ทำไมคะ”
“ลุงอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงของคนเขียน ลองเอาไปอ่านดูซิ ลุงให้ยืม แต่ต้องเอามาคืนนะ”
หญิงสาวลังเลอยู่นานเพราะมันเป็นของหวงของลุงรัญ แต่พอแกคะยั้นคะยอให้เอาไปลองอ่านดู ในที่สุดเธอก็ยอมแพ้และรับมันมา สรุปแล้วเธอได้หนังสือกวีสองเล่มมาอ่านโดยไม่เสียเงิน
“ไทล่า ยืมหนังสืออะไรไหม”เจนหันไปถามลูกสาวของหัวหน้าที่กำลังเดินดูหนังสือต่างประเทศอยู่แถวประตูทางเข้า สาวน้อยหันมา ตาสีเขียวเหมือนสีน้ำทะเลของเธอมองมาอย่างออดอ้อนพร้อมกับอวดหนังสือเล่มหนึ่ง
“เอามาซิ เล่มนี้ฉันจ่ายค่ายืมให้”
ไทล่าเดินถือหนังสือมาวางบนเคาน์เตอร์ รอยยิ้มเด็กทะเล้นเจือบนใบหน้า
“Thank you”
เจนหัวเราะนิดหนึ่ง “Your welcome”
ลุงรัญรับหนังสือมาใส่ถุงให้ก่อนจะจดรายการยืมลงในสมุดบนโต๊ะ
“คืนนี้ไปร้านแคทกันใช่ไหม”ชายชราถามทั้งๆที่ยังจดรายการอยู่
“ใช่แล้ว มิสเตอร์ รู้ได้ยังไงคะว่าเราจะไปกัน พี่เจนบอกหรอ”
“ป่าวหรอก ลุงกับเจ้าของร้านเดอะแคทเป็นเพื่อนกัน วันนี้ลุงวีก็มาชวนลุงไปเหมือนกัน”
“ไปซิ ไป สนุกดี”ไทล่าถือโอกาสชวนคนไปร่วมสนุกด้วยอีกคน
เจนฤทัยที่รู้อะไรดีอยู่ก่อนแล้วไม่ได้พูดอะไร เธอรู้ดีว่าลุงรัญไม่ค่อยชอบออกจากบ้านเท่าไหร่ตั้งแต่ปีที่แล้ว ทั้งๆที่เมื่อก่อนลุงรัญเคยไปอยู่ที่ร้านลุงวีแทบทุกคืน แม้จะอยากรู้สาเหตุ แต่เจนฤทัยไม่เคยคิดจะถามสักครั้ง ลุงรัญที่เธอเห็นอยู่ในตอนนี้ดูมีความสุขดีและนั่นคืออีกสิ่งที่ทำให้เธอมีรอยยิ้มได้
“พี่เจนมีธุระอีกไม่ใช่หรอ”
“อ้อ!! อืม พี่ต้องเข้าบ้านไปให้อาหารเจ้าฟูก่อน แล้วถึงจะไปได้”
“งั้นไปเถอะ ใกล้เวลานัดแล้ว”
เจนฤทัยยิ้มให้ลุงรัญที่มองมาที่พวกเธอพร้อมรอยยิ้ม “เจนไปก่อนนะคะ”
“ขับรถขับราดีๆนะ แล้วอย่าดื่มเยอะล่ะ”
“ค่ะ ขอบคุณสำหรับหนังสือนะคะ”
ชายชราขยับแว่น สีหน้ามีความสุขของแกมีรอยยิ้มตรงมุมปาก หากไม่มีหนุ่มสาวเหล่านี้แล้ว แกคงจินตนาการชีวิตช่วงบั้นปลายของแกตอนนี้ไม่ออกเหมือนกัน



สันติภาพวัฒนะ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 พ.ค. 2557, 20:35:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 พ.ค. 2557, 20:35:02 น.

จำนวนการเข้าชม : 859





<< บทกวีคั่น ๑   บทกวีคั่น ๒ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account