บ่วงรักนายพราน
เรื่องชุลมุน ซุ่มซ่าม เข้าใจผิดของธีรดากับจอมวายร้ายปารินทร์ เจ้าของคำจำกัดความ หล่อ สปอร์ต ใจดี รักหมา(ไม่น่ารอด) 'หากใครจะคิดว่าผมกำลังคบกับใคร ผมอยากให้ใครต่อใครคิดว่าผมคบกับคุณ'

การรู้สึกว่า 'ใช่' กับใครสักคนไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน ปารินทร์รู้สึกว่าธีรดา 'ใช่' สำหรับเขา แต่กลับพบในภายหลังว่าเธออาจเป็นผู้หญิงที่เข้ามาทำลายความรักของน้องสาว การเอาคืนในแบบชิงไหวชิงพริบที่ใช้ธุรกิจบังหน้าทั้งที่เป็นเรื่องของหัวใจล้วนๆ จึงเกิดขึ้น
Tags: ความรัก ภาคต่อ หวานรักพยัคฆ์ร้าย

ตอน: ตอนที่ 8

ตอนที่ 8

นุชรีรอให้ปารินทร์กลับไปก่อน แต่เพื่อความแน่ใจเธอเดินไปที่ประตูแล้วมองจนแน่ใจจึงกลับมาที่เตียงของศศิภาแล้วเอ่ยขึ้นทันทีว่า
“ฉันรู้แล้วนะศศิว่าผู้หญิงที่จ้องจะงาบพี่ปุ๊ของเธอเป็นใคร” พูดไปแล้วก็รอฟังเสียงกรี๊ด ศศิภากลับเงียบจนนุชรีต้องหันไปมอง คนเจ็บถอนใจก่อนจะพยักหน้าให้เธอพูดต่อ “ผู้หญิงคนนั้นชื่อธีรดา เป็นแฟนเก่าของพี่ปุ๊”
ศศิพยักหน้า อย่างน้อยข้อมูลใหม่ก็ทำให้เธอรู้ชื่อของผู้หญิงไร้ยางอายคนนั้น ส่วนที่เป็นอะไรกับปุราณมาก่อนนั้น เธอรู้แล้วและไม่อยากใส่ใจ ก็แค่แฟนเก่า
“พี่ปุ๊บอกฉันแล้ว”
“แล้วเธอจะทำยังไง เป็นแม่พระปล่อยผู้หญิงคนนั้นลอยนวลงั้นหรือ ฉันว่าไม่น่าเชื่อใจเท่าไหร่ ถึงพี่ปุ๊จะรักเธอแค่ไหน แต่ถ้ามีผู้หญิงอีกคนคอยยั่วให้ท่า อีกหน่อยเธอเองจะลำบาก” นุชรีเตือนเพื่อนที่ยังใจเย็นอยู่ได้
ศศิภายิ้มและเยือกเย็นขึ้น “ฉันมีทางออกแล้วนุช ส่วนผู้หญิงคนนั้น ฉันไม่ปล่อยเอาไว้แน่”
นุชรีส่ายหน้าที่ผ่านมาศศิภาเคยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเองที่ไหน เคยทำงานที่บริษัทพอเครียดก็เข้าโรงพยาบาลแล้ว
“ขอให้พี่สิงห์ช่วยสิ”
“ขอแน่ แต่ขอฉันทำอะไรสนุกๆ ก่อน คอยดูแล้วกัน”
นุชรีเห็นรอยยิ้มของเพื่อนแล้วชักอยากรู้ว่าคิดทำอะไร อยากรู้แต่ไม่อยากถาม เพราะถึงถามถ้าศศิภาไม่ตอบก็เท่านั้น เราเป็นเพื่อนกันมานานจนเธอรู้ดีว่าศศิภามีนิสัยยังไงและเจ้าคิดเจ้าแค้นขนาดไหน คนที่โชคร้ายไม่ใช่คนเจ็บในห้องนี้ แต่เป็นผู้หญิงที่ชื่อธีรดาต่างหาก

ธีรดามาถึงออฟฟิศของพาราลิสต์ในเวลาเดิม หวังไว้นิดๆ ว่าอาจได้พบมิสเตอร์พอลตอนเขามาถึง แต่กลับผิดหวังเมื่อเลขาของเขาบอกว่าเจ้านายมาถึงแล้ว ก่อนเลขาและผู้ขอเจรจาเสียอีก รู้แกวให้ได้ตลอดไปเลยนะ ยังดีที่เขามาทำงาน ไม่อย่างนั้นเธอคงมั่นใจได้เต็มร้อยว่ากำลังถูกหนีหน้า ถ้าเป็นอย่างนั้นเกมนี้จะไปมันได้ยังไงล่ะ
“วันนี้รับเป็นกาแฟหรือชาดีครับ”
“ชาแล้วกันค่ะ เมื่อวานกาแฟของคุณทำฉันตาค้าง กว่าจะหลับเกือบตี 1” นี่พูดจริง ไม่ได้พูดเอาฮาหวังไมตรีจากดิฐ เขาน่าจะเชื่อเธอได้ไม่ยาก แค่เห็นใต้ตาดำเหมือนหมีแพนด้าของเธอ
ดิฐหัวเราะอย่างคนอารมณ์ดี ส่วนคนอารมณ์ไม่ดีปล่อยให้อยู่ในห้องไปคนเดียวนั่นแหละ แม่บ้านนำชามาเสิร์ฟพร้อมเค้กหน้าตาหน้ากินมาก เธอต้องวิ่งกี่รอบเพื่อลดแคลลอรี่จากการกินเค้กชิ้นนี้เนี่ย
“วันนี้ผมแวะซื้อเค้กจ้าวประจำมาให้ ถ้ายังไงลองชิมดูครับ ผมให้กำลังใจ วันนี้มิสเตอร์พอลอาจจะอนุญาตให้คุณเข้าพบ”
“ขอให้จริงอย่างที่คุณพูดนะคะ” ธีรดายิ้มให้ดิฐ เธอสู้เต็มที่อยู่แล้ว
ดิฐกลับไปทำงานที่โต๊ะ แต่เพียงไม่นานก็ถูกเจ้านายโทรเรียกตัวเข้าไปพบ ธีรดามองประตูบานนั้นที่กั้นระหว่างเธอกับมิสเตอร์พอลอย่างชั่งใจ ประตูบานนั้นเหมือนคอยกวักเธอให้ไปหาแล้วเปิดมันออกเสียจริง ไม่ๆ เธอต้องเข้าไปอย่างสง่างาม เขาต้องเป็นคนเชิญเธอเข้าไปสิ

ธีรดาเงยหน้าขึ้นมาราวกับมีแรงดึงดูด นั่นใช่ภาพที่เห็นหรือแค่เป็นภาพลวงตาจากสมองที่ได้รับการพักผ่อนน้อยของเธอกันแน่ ยัยวิตามาทำอะไรที่นี่ แถมยังเดินอย่างมั่นใจมาหาดิฐเสียด้วย เธอรีบก้มหน้าลง แต่เงี่ยหูฟังเต็มที่
“ฉันกวินตามาขอพบมิสเตอร์พอล เลขาโทรมานัดไว้แล้ว” กวินตาแกล้งพูดเสียงดังราวกับจงใจให้ใครบางคนได้ยินชัดๆ
“ครับ มิสเตอร์พอลรอคุณอยู่ เชิญครับ”
“สักครู่นะคะ พอดีเจอเพื่อนเก่า ขอเวลา 5 นาทีคงไม่ช้าไปใช่ไหมคะ” กวินตาเดินตรงมาหาธีรดาที่โต๊ะรับแขกทันที ไม่รอฟังด้วยซ้ำว่าดิฐพูดว่ายังไง
“ย้ายที่ทำงานหรือไงยะยัยกวาง” กวินตาทักทายเสียงหยันๆ
ธีรดาเงยหน้าขึ้นมาจากแฟ้มงาน มันก็ต้องมีฟอร์มกันบ้าง ถึงเธอจะเห็นยัยวิตาอย่างกับแสงที่ทำให้โคตรแสบตามาตั้งแต่เข้าประตูออฟฟิศ แต่เรื่องอะไรต้องทำให้รู้ว่าสนใจ ว่าแต่มาทำอะไร
“ฉันมีเรื่องต้องจัดการ ไม่มีเวลามาต่อปากต่อคำกับเธอ” ธีรดาเอ่ยเสียงรำคาญ แต่ความสงสัยมันห้ามไม่ได้จริงๆ ให้ตายเถอะ “ว่าแต่เธอมาที่นี่ทำไม”
“ได้ข่าวว่าธารธีราถูกยกเลิกสัญญากับพาราลิสต์แล้วไม่ใช่หรือ ตำแหน่งคู่ค้าก็ว่างแล้วน่ะสิ บอกแค่นี้เธอคงรู้แล้วล่ะสิว่าฉันมาที่นี่ทำไม”
“ข่าวไวจริงนะ แต่ผิดย่ะ มิสเตอร์พอลยอมให้เธอพบงั้นเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิยะ เธอคิดว่าอยู่ๆ ฉันจะมาที่นี่ทำไมล่ะ ไปล่ะ ลูกค้าของฉันรออยู่” กวินตาหัวเราะเบาๆ ใกล้หู
ธีรดาแทบองค์แตก เธอกำมือแน่นมองประตูบานนั้นที่แสนยั่วใจ กวินตาเดินเข้าไปอย่างสง่างามโดยมีดิฐเปิดประตูให้ อีตามิสเตอร์พอลกำลังเล่นเกมอะไรอยู่กันแน่ ไม่ยอมให้เธอพบเพื่อเจรจา ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ผิดสัญญา แต่เรียกบริษัทคู่แข่งของธารธีรามาพบ จะให้คิดเป็นอื่นไปได้ยังไง มากไปแล้วนะ อย่างนี้ใครจะไปทนได้
หญิงสาวหลับตาถอนใจ มันเป็นแค่เกม ท่องไว้ๆ ใช่ๆ เธอมาถูกทางแล้ว แต่ทำไมต้องเป็นยัยวิตา ถ้าเป็นคนอื่นเธอจะไม่จี๊ดเข้าทรวงเท่านี้เลย เขารู้หรือว่าไม่รู้กันแน่นะ ว่าเธอแพ้ใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ยัยหักเหลี่ยมโหดนั่น
พอกันทีความสง่างาม ความอดทนของเธอหมดลงแล้ว!

ปุราณรีบขับรถมาหาศศิภาที่โรงพยาบาลเมื่อรู้ว่าเธอตกบันไดจากปารินทร์ที่มาหาเขาที่บ้านและถามเรื่องของธีรดา เขายืนกรานว่าไม่ได้มีใคร ระหว่างธีรดากับเขาเป็นเพียงพี่น้องกันเท่านั้น จากสีหน้าของปารินทร์ เขาไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยนั้นเชื่อในสิ่งที่เขาพูดไปมากน้อยแค่ไหน
ตลอดการเดินทางมาโรงพยาบาล ปุราณเอาแต่โทษตัวเองเพราะปารินทร์เล่าว่าสาเหตุที่เธอตกบันไดก็เพราะเหม่อ แล้วที่เธอเหม่อก็เพราะคิดถึงใครแน่ๆ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเขาเท่านั้น วันนั้นเขาไม่น่าพูดไม่ดีใส่เธอเลย
พอเปิดประตูเข้าไปในห้องที่ศศิภามารักษาตัว เขากลับพบว่าเธอตื่นนอนแล้วและกำลังนั่งอยู่บนเตียง หันหน้าไปมองหน้าต่างราวกับกำลังมองหาบางสิ่งจากภายนอก ร่างสูงเดินไปตรงหน้าแล้วนั่งลงข้างๆ ใบหน้าซีดเซียวเอียงซบลงบนไหล่หนาแล้วร้องไห้ออกมา ในที่สุดเขาก็มาเสียที
“พี่ขอโทษนะศศิเพราะพี่ใช่ไหมที่ทำให้ศศิใจลอยจนตกบันได”
“ไม่เป็นไรค่ะ เจ็บเสียบ้าง ศศิจะได้เข้าใจว่าความเจ็บมันเป็นยังไง แล้วก็ได้รู้ว่าพี่ปุ๊เป็นห่วงศศิขนาดไหน ถ้าไม่เกิดเรื่องพี่ปุ๊คงไม่มาหาใช่ไหมคะ” เธอตัดพ้อเขาด้วยความน้อยใจ ถึงจะเกลียดผู้หญิงคนนั้น แต่เธอยังคงรักปุราณมากมาย
แขนของปุราณโอบไหล่บางพลางถอนใจอย่างโมโหตัวเอง
“ไม่ใช่อย่างนั้น พี่ไม่อยากให้เราเป็นแบบนี้เลย ลืมทุกอย่างแล้วมาเริ่มต้นกันใหม่ดีกว่านะ เรายังรักกันใช่ไหม พี่ยังรักศศิเหมือนเดิม เชื่อเสียทีเถอะว่าพี่ไม่ได้มีใครอื่นเลย”
“ค่ะ ศศิเชื่อ เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะคะ ต่อไปศศิจะหนักแน่น ไม่ทำให้พี่ปุ๊ไม่สบายใจอีก” เรียวปากบางยิ้ม ทว่าดวงตากลับเจิดจ้ายิ่งกว่าแสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามา
“สัญญาแล้วนะ”
“ค่ะ ศศิสัญญาว่าจะเชื่อพี่ปุ๊” แต่ไม่เชื่อผู้หญิงคนไหนที่มาเข้าใกล้พี่ปุ๊อีก หญิงสาวคิดในใจ
ปุราณยิ้มกว้างดีใจที่เขากับศศิภากลับมาคืนดีกันได้ในที่สุด เธอยอมฟังและเชื่อใจเขา แค่นี้เองที่ทำให้เกิดความสุขมากมายในหัวของเขาสำหรับเช้าวันนี้ พยาบาลเข้ามาพอดี ปุราณเลยเดินไปนั่งที่โซฟานั่งมองคนรักยิ้มแย้มกับพยาบาล แล้วเพื่อเอาใจศศิภา เขาจะอยู่เป็นเพื่อนเธอทั้งวัน

ปารินทร์รู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ เขาให้เวลาธีรดา 15 นาที สำหรับการเปิดเกมครั้งใหม่ หากไม่มีเรื่องของศศิภาเข้ามาเกี่ยวข้องเขาคงเอ่ยได้เต็มปากว่านิยมชมชอบความใจสู้และอดทนของเธอ แต่มันจะไปสนุกอะไรหากว่าเธอจะมานั่งรอเขาเหมือนเดิม มันคงไม่ต่างจากการทำข้อสอบชุดเดิมที่รู้คำตอบอยู่แล้ว
เขาทำตามโน้ตที่เธอเขียนไว้ให้แล้วไงล่ะ... The word 'Best' is always there for the next start. ถ้าเธอยังอยากได้โอกาสสำหรับงานต่อไปที่จะทำให้ดีที่สุด ก็ต้องเริ่มจากการมีคู่แข่ง ส่วนคำพูดของปุราณ เขายังไม่แน่ใจ การที่ธีรดาหายไปในบ้านของว่าที่น้องเขยในคืนนั้น เป็นเรื่องที่ใช้คำว่า ‘ไม่มีอะไร’ คงยากที่จะเชื่อ
ปางไม้พลธนาเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เขาต้องหาบริษัทสำรองไว้หากว่าเกิดปัญหาซ้ำ ธุรกิจเป็นเรื่องหลัก ส่วนผลที่ตามมาเขาถือว่าเป็นกำไรเท่านั้น ทว่ายังไม่ถึง 10 นาทีด้วยซ้ำ เสียงของดิฐก็ดังมาจากหน้าห้องเสียแล้ว เรียวปากหนากดยิ้ม เมื่อเขาสามารถทำลายสมาธิของธีรดาได้ในที่สุด
“เข้าไปไม่ได้ครับคุณธีรดา”
กวินตามองไปที่ประตูอย่างหัวเสีย แต่มิสเตอร์พอลกลับไม่ได้เดือดร้อนใจยังคงยิ้มพอใจทั้งที่เธอกับเขายังคุยกันไม่ไปถึงไหน
“เกิดอะไรขึ้นดิฐ” ปารินทร์ถามขึ้น
ประตูเปิดออกในที่สุด แน่ละสิ มันไม่ได้ล็อค แค่ดิฐมาขวางไว้ทำให้ต้องออกแรงนิดหน่อยกว่าจะเข้ามาพบบุคคลสำคัญได้ กวินตาลุกขึ้นหันมามองคู่แค้นด้วยความโกรธสุดขีด ธีรดามองหามิสเตอร์พอล แต่ยัยวิตาดันยืนขวาง ผู้บุกรุกก้าวเท้าเข้าไป เมื่อเดินหน้าแล้วห้ามถอยหลังเพราะการมาที่นี่จะไม่มีประโยชน์อะไรอีก
กวินตาไม่ยอมถอย แต่ด้วยความว่องไวและแข็งแรงกว่าเพียงพริบตาเดียวมือที่กะคว้ามือธีรดายื้อไว้กลับวืด ผู้บุกรุกไปถึงเก้าอี้ที่มิสเตอร์พอลนั่งอยู่ในที่สุด ธีรดายกมือขึ้นกำลังจะไหว้และกล่าวขอโทษ ถ้าคนที่นั่งอยู่ไม่ใช่ผู้ชายที่เขย่าหัวใจของเธอเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน
“คุณ!”
ปารินทร์เลิกคิ้วมองธีรดาด้วยดวงตาที่แสนว่างเปล่า ราวกับว่าเราเพิ่งได้พบกันเป็นครั้งแรก ในขณะที่ผู้บุกรุกยืนแข็งจนจะกลายเป็นหินอยู่แล้ว กวินตาปรายตามองว่าที่คู่ค้าทางธุรกิจที่ทำเฉยๆ เธอเลยต่อว่าอย่างเหลือทนใส่คู่แค้นอย่างผู้ดี...สุดๆ
“เข้ามาทำไมคะคุณธีรดา นี่มันเวลาเจรจาธุรกิจของ พลธนา กับ พาราลิส ไม่ใช่เวลาของธารธีรา”
ธีรดาไม่คิดว่าเธอจะเดาถูก กวินตามาเจรจาธุรกิจแทนพ่อในนาม ‘พลธนา กรุ๊ป’ นี่เขาทำแบบนี้เพื่ออะไร
“ถูกต้อง นี่ไม่ใช่เวลาของคุณ เชิญออกไปได้แล้วครับ” ปารินทร์เอ่ยปรายตามองธีรดาราวกับว่าที่เธอทำนั้นเป็นความผิดพลาดอันใหญ่หลวง เกมนี้เขาชนะ
ธีรดากำมือแน่นพยายามท่องเลขหนึ่งถึงสิบในใจวนซ้ำๆ หลายอย่างเริ่มปะติดปะต่อ เขาไปที่ปางไม้เพื่อสำรวจ ก่อนส่งคนเข้ามาทำสัญญา ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้นใช่ไหม ก่อนหน้านี้ที่พบกันเขาคือตัวจริงหรือตัวปลอมกันแน่ คนที่ใจดี อ่อนโยน เข้าใจโลก หรือว่าเป็นจอมเจ้าเล่ห์และเลือดเย็น ถึงว่าวันก่อนทำมึนตึงใส่ เขารู้ว่าเธอเป็นใคร ในขณะที่เธอไม่รู้อะไรเลย หญิงสาวถอนใจอย่างยากเย็น รู้สึกหน้าชาด้วยความโกรธ ไม่ใช่ความอาย
“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ คุณมันคนหลายหน้า”
ความผิดหวังส่งประกายชัดจากดวงตาที่ปารินทร์สบมองอยู่ ก่อนที่ธีรดาจะเบือนหลบแล้วเดินออกไปจากห้อง โดยไม่ทำสิ่งที่ต้องการมาตลอด ปารินทร์มองตามยิ้มหยัน ทว่าบางสิ่งในตัวเขาไม่อาจยอมให้เธอจากไปง่ายๆ แบบนี้ได้
“เดี๋ยวผมกลับมา ดิฐดูแลทางนี้แทนด้วย”
ร่างสูงเดินเกมวิ่งตามร่างเพรียวที่เดินไหล่ตั้งออกไปทันที กวินตามองอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมมิสเตอร์พอลต้องตามธีรดาออกไปด้วย เพิ่งรู้จักกันไม่ใช่หรือ พอเธอลุกขึ้นจะตามไปเพื่อให้รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ นายเลขาของบอสใหญ่พาราลิสต์ดันมายืนขวาง เธอจึงจำต้องกลับมานั่งรอที่เดิม

ปารินทร์เดินตามมาจนทัน ธีรดากำลังเก็บโน้ตบุ๊ก มือหนาคว้ามือบางไว้หลวมๆ เธอมองเขาแล้วสะบัดมือออกทั้งโกรธทั้งน้อยใจ ทว่าเขายังคว้ามือเธอซ้ำแล้วดึงเบาๆให้เดินตาม ร่างเพรียวยื้อไว้ไม่ยอมให้เขาพาไปไหนเด็ดขาด ร่างสูงกว่าถอนใจยาวแล้วกระชากแรงๆ ทีเดียวร่างเพรียวก็ถลาตามเพราะไม่ทันได้ตั้งตัวว่าจะถูกดึงแรงขนาดนี้
“มาด้วยกันทางนี้”
“ปล่อย ฉันบอกให้ปล่อย” เธอสั่งเขาเสียงเรียบเป็นครั้งแรก
มีหรือที่ปารินทร์จะฟัง เขาดึงแขนพาธีรดาเข้ามายังห้องประชุม แล้วจัดการล็อคปิดประตูไม่ใช่กันเธออกไป แต่กันใครเข้ามาต่างหาก ธีรดาสะบัดมือออกแล้วกอดอกมองปารินทร์ว่าเขาจะมาไม้ไหนอีก คนถูกจ้องไม่สะทกสะท้านหาที่นั่งให้ตัวเองพลางปรายตาให้เธอนั่งลง หญิงสาวเดินไปนั่งอีกด้านของโต๊ะประชุมซึ่งไกลจากเขามากที่สุด เรื่องกวนโมโหเธอเก่งพอๆ กับธีมานั่นแหละ
“อยากพบผมไม่ใช่หรือ ตอนนี้ผมให้เวลาคุณ 10 นาที พูดธุระของคุณมา”
“คุณทำแบบนี้ทำไม สิ่งที่คุณทำ ต่อให้เด็กอมมือก็เข้าใจว่ามันเป็นการกลั่นแกล้ง การเลิกสัญญา โดยไม่เปิดโอกาสให้เจรจามันเลือดเย็นไปหรือเปล่าคะ” เธอข่มใจตอนนี้เป็นโอกาสของเธอแล้ว ส่วนเรื่องระหว่างเธอกับเขาเอาไว้ที่หลังได้ ตราบใดเขายังคือมิสเตอร์พอล เราคงได้พบกันอีกหลายครั้งแน่นอน
“ในโลกของคำว่าธุรกิจคุณต้องชินกับคำนั้นให้ได้ ตอนนี้คุณเหลือเวลาอีก 8 นาที”
“ฉันขอโอกาสสำหรับการหาสาเหตุและแก้ไขปัญหา จากที่คุณกล่าวอ้าง ธารธีราเพิ่งมีปัญหาเกินการยอมรับได้เป็นครั้งแรก ไม่ใช่ครั้งที่สอง การส่งไม้ครั้งแรก เปอร์เซ็นต์การผิดพลาดมีค่าเท่ากับค่าที่พาราลิสต์ยอมรับได้”
ปารินทร์แกล้งใช้นิ้วถูคางทำหน้าคิดหนัก ธีรดากัดริมฝีปากเมื่อกำลังลุ้นว่าเขาจะมีเล่ห์กลอื่นอีกไหม ข้อเท็จจริงที่เธอพูดไปสามารถสืบย้อนได้ แต่สำหรับคนเจ้าเล่ห์มีหรือจะไม่หาทางต้อนเธอด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง
“ก็ได้ ผมจะรับฟัง บอกข้อต่อรองของคุณมา”
คู่เจรจาลอบถอนใจ แต่ก็ไม่พ้นจากสายตาคมที่มองเธอไม่ได้คลาดอยู่ดี
“ในระหว่างนี้พาราลิสต์กับธารธีราจะยังเป็นคู่ค้า ยังไม่มีการยกเลิกสัญญา ทางเราจะส่งไม้ให้พาราลิสต์ในล็อตที่ 3 และลดราคาให้ 20 เปอร์เซ็นต์”
“แล้วไม้ที่ผมเสียเงินซื้อมา แต่ใช้ประโยชน์ไม่ได้ ล็อตแรก 5 เปอร์เซ็นต์ ล็อตสองอีก 12 เปอร์เซ็นต์ล่ะ คุณควรมีคำตอบให้ผม” เขาถามเป็นการเป็นงาน หากมาเพื่อเจรจาเธอต้องมีคำตอบให้กับเขา
“ทางธารธีราจะชดเชยค่าเสียหายสำหรับไม้ที่ไม่ได้คุณภาพค่ะ” ธีรดาพยายามไม่ขมวดคิ้ว ถ้าอ่านความคิดของปารินทร์ได้คงดีไม่น้อย คนอะไรทำหน้าไร้ความรู้สึกจนเธอเดาไม่ถูกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
“แล้วถ้าปัญหาเดิมเกิดขึ้นกับไม้ในล็อตที่สามล่ะ คุณคงไม่ว่าผมใจร้ายหากว่านอกจากยกเลิกการเป็นคู่ค้าแล้ว พาราลิสต์ยังต้องทำอย่างอื่นด้วย”
“ทำอะไร...คะ” หรือว่าจะฟ้องร้อง เสียเวลาเปล่าๆ ในเมื่อเขาเรียกร้องค่าเสียหายง่ายและเร็วกกว่า
“ผมให้เวลาคุณ 1 สัปดาห์สำหรับการหาคำตอบของความผิดปกติที่เกิดขึ้นจากไม้ของธารธีรา ถ้าไม่ได้ตามนี้ ผมจะลดการสั่งไม้เหลือครึ่งเดียวและในไม้ล็อตที่สามต้องมาถึงตามกำหนด แต่ถ้าคุณภาพผ่านแบบคาบเส้นอีก ผมจะรับไม้จากธารธีราแค่หนึ่งในสี่ของที่มีการสั่งตั้งแต่แรก”
“แล้วอีกสามส่วนล่ะคะ” ขอให้เป็นอย่างที่คิดเลย
“ผมจะรับไม้จากปางไม้พลธนา” ปารินทร์สังเกตสีหน้าของธีรดา เธอไม่ได้เสียดาย แต่กำลังโมโหเขามากกว่า “นี่แหละโลกของธุรกิจ ดูเหมือนว่าคู่แข็งของคุณเร็วกว่าคุณไปหนึ่งก้าวแล้ว”
ฟังอย่างนี้แล้วเธอยิ่งยอมไม่ได้ “แล้วถ้าธารธีราจัดการปัญหาได้ทั้งหมด”
“ผมจะพิจารณาเมื่อถึงเวลานั้น ครบ 10 นาทีที่ผมให้คุณแล้ว”
ปารินทร์ลุกขึ้นโดยไร้คำกล่าวลา เขาเดินไปที่ประตู มือจับลูกบิด
“เดี๋ยวค่ะคุณสิงห์...เอ่อ มิสเตอร์พอล”
“ผมคิดว่าเราหมดเรื่องเจรจาแล้วนะครับ” เขาหันกลับมาถามด้วยใบหน้าเรียบเฉย เช่นเดียวกับสายตาที่ว่างเปล่ายามสบมองดวงตาคู่นั้น
ธีรดาเป็นคนซื่อตรงต่อตัวเองเสมอมา การเปลี่ยนไปของปารินทร์ทำให้เธอไม่สบายใจ ธุรกิจทำให้เราฟาดกันได้เพื่อผลประโยชน์ แต่ความรู้สึกดีๆ หลังจากตัดคำว่าผลประโยชน์ออกไปมันควรคงอยู่ไม่ใช่หรือ
“ทำไมคุณถึงเย็นชาใส่ฉัน เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ”
ปารินทร์กดยิ้มที่มุมปาก ภาพที่เธอขับรถพาปุราณเข้าไปในบ้านแล้วหายไปด้วยกันทำให้เขาไม่อาจมีข้อแก้ตัวให้เธอได้อีก
“เราคงต้องเจอกันอีกหลายครั้ง ต่อไปเรื่องคงแดงออกมาเอง เมื่อถึงเวลานั้นผมคงไม่ต้องตอบคำถามของคุณเลย”
ประตูถูกเปิดพร้อมกับปารินทร์ที่ก้าวออกไป ทิ้งไว้เพียงความสงสัยที่ธีรดาได้รับไปเต็มๆ
“เล่นคำใบ้ 20 คำถามหรือเปล่าเนี่ย ใครจะไปรู้ว้า”
กรรม! เธอดันลืมถาม ถ้าไม้ล็อตที่สามมีปัญหาจนถูกยกเลิกสัญญาเขาจะทำอะไรต่อ พอจะตามไปถาม เขาก็เข้าห้องทำงานที่มียัยวิตานั่งรอไปแล้ว ป่วยการเข้าไปป่วนจนทำให้ความน่าเชื่อถือลดลงไปอีก เธอเก็บของแล้วยิ้มให้ดิฐ บอกขอโทษเขาแล้วเดินออกไปจากออฟฟิศของพาราลิสต์ ทุกอย่างต้องดีขึ้น คราวนี้เธอกับธีมาจะไม่ยอมพลาดอีก

หมออนุญาตศศิภาให้กลับบ้านได้ในวันต่อมา มีเพียงพลาสเตอร์แปะที่หน้าผากเพียงจุดเล็กๆ เท่านั้น ส่วนแขนขาแค่เป็นรอยช้ำอีกไม่กี่วันก็หาย ปุราณเป็นคนมารับคนรักในเวลาบ่ายมากแล้วกว่าจะถึงบ้านก็เกือบ 5 โมงพอดี เขาเอ่ยปากอย่างเกรงใจเมื่อต้องไปเคลียร์งานต่อ เธอไม่โกรธ ไม่งอนและยอมให้เขาไปแต่โดยดี ไม่นานนักนุชรีก็มาถึง หลังเลิกงานเธอรีบมาหาเพื่อนทันทีพร้อมของที่ถูกสั่งให้หามา
ศศิภารับของมาใส่กระเป๋า ใจของเธอร้อนเป็นไฟ การอยู่แต่ในบ้านไม่อาจช่วยดับไฟในใจของเธอได้ การไปจัดการปัญหาให้สิ้นซากต่างหากคือทางออก
“ขอบใจมาก เราไปกันเถอะ”
“แน่ใจนะศศิว่าจะทำแบบนี้”
“ถ้าเธอไม่แน่ใจก็ไม่ต้องไปกับฉัน แต่ถ้าเป็นเพื่อนฉันก็ตามฉันมา” ศศิภายื่นคำขาด แล้วเดินมารอที่รถ
นุชรีเดินตามมาแล้วเป็นฝ่ายขับรถให้ ถ้าให้คนขับรถไปด้วยเราคงทำ ‘งาน’ นี้ไม่สะดวก ศศิภายิ้มหยันนึกอยู่แล้วว่าอย่างไรเสียนุชรีก็ต้องตามมา ถ้าไม่ได้เธอมีหรือคนเรียนเกรดกลางๆ แบบนี้จะได้ทำงานดีๆ เป็นเลขาของปุราณ

นุชรีขับรถมาพาศศิภามาซุ่มรอเป้าหมายอยู่พักใหญ่ ฟ้าเริ่มมืดแล้ว ไฟส่องสว่างข้างทางเริ่มทำงาน ทางเข้าซอยไม่ค่อยพลุกพล่าน แต่ก็ไม่ถึงกับเปลี่ยว สองสาวช่วยกันสอดส่ายมองหาอย่างใจจดใจจ่อว่าเป้าหมายจะมาถึงบ้านเมื่อไหร่ รออยู่ไม่นานนักความหวังก็เป็นจริงเมื่อเป้าหมายกำลังเดินมาใกล้ถึงรถที่พวกเธอนั่งรออยู่
ธีรดาลงจากรถแท็กซี่ก่อนถึงบ้านตัวเองเพื่อแวะไปหาเพื่อนบ้านที่วันก่อนนำขนมมาให้ วันนี้เธอเลยแวะซื้อขนมมาตอบแทนบ้าง คุยกันอยู่พักหนึ่งเธอจึงขอตัวเดินกลับบ้านซึ่งห่างไปไม่ถึงร้อยเมตรเท่านั้น
การเดินทำให้ได้มีเวลาคิด วันนี้วีรชัยเดินทางไปปางไม้ธารธีราพร้อมทีมแล็บเพื่อประชุมร่วมกันหาจุดบกพร่อง แม้ว่าจะยังหาสาเหตุของความผิดปกติไม่พบ แต่การส่งไม้ล็อตต่อไปก็ต้องไม่พลาดเช่นกัน
จู่ๆประตูรถยนต์ที่จอดอยู่ก็เปิดผัวะออกมา ธีรดาสะดุ้งโหยงหยุดคิดเรื่องอื่นชั่วคราวแล้วหันมาสนใจคนไม่มีมารยาท ไม่เห็นหรือไงว่ามีคนเดินมา เกือบชนเข้าแล้วไหมล่ะ ดูสิ ลงมาจากรถแทนที่จะขอโทษกลับมาจ้องหน้า ผู้หญิงคนนี้เป็นใครเนี่ย
“ก็สวยดีนี่ สวยๆ อย่างนี้...ถึงว่า” ศศิภามองธีรดาตั้งแต่หัวจรดเท้า
ธีรดามั่นใจเต็มร้อยว่าไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้และผู้หญิงอีกคนที่มาด้วยกันแน่ อากาศร้อน สติเลอะเลือนเลยต้องมาหาเรื่องคนอื่นหรือไงยะ
“นี่คุณ ไม่รู้จักกันสักหน่อย มาพล่ามอะไร ฟังไม่รู้เรื่อง”
“เวลาเอาพี่ปุ๊ไปเคยถามบ้างไหมว่าฉันยอมหรือเปล่า แถมส่งทั้งข้อความ ทั้งภาพมาเยาะเย้ย”
เอ ถ้ามีชื่อของปุราณ ถ้างั้นก็ชักเกี่ยวกับเธอและคนใกล้ตัวแล้ว ธีรดามองผู้หญิงที่กล่าวอ้างและกล่าวหาเธออีกครั้ง เธอไม่เคยรู้ว่าแฟนของปุราณเป็นใคร เจอกันคราวก่อนที่มาถามเรื่องรูปก็ไม่ได้สนใจอยากรู้เสียด้วย
“คนรักของพี่ปุ๊งั้นเหรอ”
“ใช่ รู้ไว้เสียด้วยว่าผู้ชายคนนี้ฉันหวง” ยังไม่ทันขาดคำของเหลวในขวดแก้วก็ถูกสาดออกมาหาเป้าหมาย
ฟู่...!?!
ธีรดาเบี่ยงตัวหลบได้อย่างหวุดหวิด ของเหลวกลายเป็นฟองฟู่เมื่อสัมผัสกระเป๋า คิดจะหนีขึ้นรถงั้นเหรอ ไม่มีทาง ศศิภาถูกเหวี่ยงออกมานอกรถ หญิงสาวร้องกรี๊ดลั่นเมื่อถูกจับตัวกระแทกเข้ากับข้างรถ แถมมือทั้งสองยังถูกจับไพล่หลัง นุชรีคว้ารองเท้าขึ้นมาจะช่วยเพื่อน
“ศศิ!”
“เธอน่ะ ไม่ต้องเข้ามาช่วยเพื่อนเลยนะ” ธีรดาทันเห็นเลยคว้ากระเป๋าฟาดใส่คนสมรู้ร่วมคิดเข้าไปเต็มรัก แล้วใช้ประโยชน์จากเสียงแปดหลอดของตัวเองทันที “คุณคะช่วยโทรแจ้งตำรวจที ผู้หญิงสองนี้ต้องการทำร้ายฉันค่ะ”
พลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์พากันเข้ามาช่วยจับตัวนุชรีไว้ ส่วนศศิภาแค่ธีรดาคนเดียวก็จัดการได้แล้ว อยากรู้นักยัยสองคนนี้ได้เชื้อพิษสุนัขบ้ามาหรือไง ไม่ได้รู้จักเสียหน่อย เป็นแฟนพี่ปุ๊แล้วไง มีสิทธิ์อะไรเอาน้ำกรดมาสาด คอยดูนะมีกี่ข้อหาเธอจะประเคนให้เรียบแบบจัดหนัก

สถานีตำรวจคือทางออกของผู้ถูกกระทำและเป็นทางตันของผู้กระทำผิด ธีรดานั่งรออย่างสงบใจอยู่ด้านหนึ่ง ในขณะที่ศศิภากับนุชรีอยู่อีกด้านหนึ่ง ตำรวจนั่งรออยู่ตรงกลางเพื่อทำหน้าที่ แต่ว่าเจ้าทุกข์ขอเวลาสำหรับการแจ้งความ ในขณะที่ผู้ถูกกล่าวหาก็เอาแต่บอกว่าไม่ได้ทำอะไรผิด
ธีรดารู้ตัวเสมอว่ากำลังทำอะไรอยู่ ในฐานะผู้ถูกทำร้ายการแจ้งความทำได้ง่ายนิดเดียวเมื่อพยานบุคคลของเธอเพียบ แต่ที่ยังไม่แจ้งความก็เพราะรอใครคนหนึ่งอยู่ต่างหาก
ในเมื่อเธอเป็นฝ่ายขอเจรจามาตลอด วันนี้ถึงตาเขาบ้าง ต้องขอบคุณนามสกุลของยัยมือน้ำเดือด ไม่ใช่น้ำกรดที่เข้าใจตั้งแต่แรกเพราะเมื่อตรวจสอบแล้วมันคือไฮโดรเจนเปอร์ออกซ์ไซด์ (H2O2)หรือยาน้ำเดือดที่ใช้ล้างแผลที่มีหนองหรือเนื้อตาย ไม่อย่างนั้นข้อหาพยายามฆ่าได้ประเคนใส่ให้ยัยสองสาวตั้งแต่ 15 นาทีก่อนแล้ว
“พี่สิงห์ทางนี้ค่ะ” ศศิภาเรียกพี่ชายพลางวิ่งเข้าไปกอดแล้วร้องไห้
“เกิดอะไรขึ้นศศิ บอกพี่มาเดี๋ยวนี้”
“ถามฉันดีกว่าไหม ตอนนี้ฉันต่อจิกซอว์ที่คุณเปลี่ยนไปได้แล้ว ต้นเหตุมาจากยัยมือน้ำเดือดกับเพื่อนที่พากันหึงโหดนี่เองใช่ไหม”
ธีรดาแหวกเข้ามากลางวง ที่นั่งเฉยๆ โดยไม่พูดอะไรนี่ก็ถือว่าใจเย็นจนน้ำแข็งขั้วโลกยังหนาวแล้ว
“โอเค เราคงต้องคุยกัน”
ปารินทร์รู้ดีว่าคราวนี้น้องสาวของเขาเป็นคนผิด แล้วเพื่อให้การเจรจาเป็นไปด้วยดี ศศิภากับนุชรีต้องไม่อยู่ตรงนี้ มือหน้ายื่นไปคว้ามือบางแล้วจัดการพา(ลาก)เธอลงมาจากโรงพัก ในขณะที่ดิฐรับหน้าที่กันไม่ให้น้องสาวกับเพื่อนตามมา







แล้วจะมา up ต่อค่ะ



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 พ.ค. 2557, 09:48:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 พ.ค. 2557, 09:48:02 น.

จำนวนการเข้าชม : 1198





<< ตอนที่ 7   ตอนที่ 9 >>
แว่นใส 20 พ.ค. 2557, 16:20:09 น.
ช่างกล้าจริง ๆ


แล่นแต๊ 21 พ.ค. 2557, 15:15:27 น.
โอ๊ยยยย ยัยศศิไร้เหตุผลจริงๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account