สัญญารัก...ข้ามฟ้า (สนพ ดอกหญ้า 2000)
เอริน..ว่าที่มัคคุเทศก์คนใหม่วัย 25 ปี ที่โชคชะตานำพาให้พบกับใครบางคนที่แดนไกลในครั้งอดีต และต้องจากกันไป
ชานนท์..นักธุรกิจหนุ่มใหญ่วัย 35 ปี เขากำลังกลับมาตามหาอดีตที่หายไปหลังจากปล่อยเธอไปเมื่อหนึ่งปีก่อน พร้อมกับมาทวงสัญญารักที่จะทำให้เธอต้องจนมุม...อีกครั้ง
ชานนท์..นักธุรกิจหนุ่มใหญ่วัย 35 ปี เขากำลังกลับมาตามหาอดีตที่หายไปหลังจากปล่อยเธอไปเมื่อหนึ่งปีก่อน พร้อมกับมาทวงสัญญารักที่จะทำให้เธอต้องจนมุม...อีกครั้ง
Tags: สัญญารัก...ข้ามฟ้า , รักโรแมนติก , ซึ้งกินใจ
ตอน: การเดินทางอันแสนหวาน..และเค้าลางของความยุ่งยาก 2
การเดินทางอันแสนหวาน...
และเค้าลางของความยุ่งยาก 2
ท่ามกลางไอร้อนจากแสงอาทิตย์ยามบ่ายที่สาดส่องผ่านม่านสีขาวเนื้อดีเข้ามาภายในห้องชุดสุดหรูแอร์เย็นฉ่ำของคอนโดมิเนียมสูงระฟ้าแห่งหนึ่งในกรุงเทพ
ชายหนุ่มและหญิงสาวกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงแลกเปลี่ยนความสุขให้กันและกันอย่างไม่รู้เบื่อ แต่แล้วความสุขของกรณ์ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมีเสียงแผดร้องจากโทรศัพท์มือถือที่ตั้งอยู่บนโต๊ะหัวเตียงดังขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน สร้างความหงุดหงิดใจให้แก่กรณ์ไม่น้อย
“ครับแม่” เสียงตอบรับอ้อมแอ้ม เมื่อได้ยินเสียงปลายสายที่โทรมาคือมารดาของตน “เมื่อไหร่จะกลับ..ลูก”
น้ำเสียงห่วงหาอาทรจากมารดาทำเอาชายหนุ่มอึกอักไม่มีคำตอบเพราะสาวสวยที่อยู่แนบชิดกำลังซุกซนไปทั่วแผงอกหนาของเขาจนขนลุกเกรียวน้ำเสียงสั่นไหว
“เอ่อ..ขอเวลาหน่อยครับแม่ ผมยังไม่เสร็จธุระเลย มีอะไรรึเปล่าครับ” น้ำเสียงทุ้มแทบจะแหบพร่าของลูกชาย พิมพารู้ได้ในทันทีว่าเจ้าลูกชายตัวดีที่อยู่ปลายทางกำลังทำอะไรอยู่ หล่อนจึงรีบพูดธุระอย่างรวดเร็วเพื่อตัดความรำคาญใจ
“มีสิ เมื่อกี้เจ้าปื๊ดบ้านสวนแวะมาถามหาแก ท่าทางลุกลี้ลุกลนใหญ่ แม่ก็เลยบอกว่าแกมากรุงเทพไม่รู้เมื่อไหร่จะกลับ” เสียงปลายสายของมารดาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ทำเอากรณ์ถึงกับเลิกคิ้วอย่างสงสัย
“แล้วมาทำไม..หรือว่าดื้อให้เอาของอะไรมาให้แม่อีกล่ะ..จุ๊ จุ๊ อย่าเพิ่งซนนักสิ” น้ำเสียงสงสัยของเจ้าลูกชายตัวดีที่ถามอย่างชักจะสงสัยปนเสียงเอ็ดใครบางคนเบาๆ
พิมพากำลังจะเล่าในสิ่งที่วิตกกังวลอยู่ แต่แล้วคำสุดท้ายที่ลูกชายเหมือนพูดกับใครอื่นซึ่งก็คงไม่พ้นสาวคนใดคนหนึ่งในคอนโทรลของลูกชายอีกตามเคย หล่อนได้แต่ขมวดคิ้วอย่างเคืองขุ่นขัดใจ
“กรณ์..เลิกซะทีได้มั๊ยลูกเรื่องผู้หญิงน่ะ” พิมพาบ่นลูกชายด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย
กรณ์ก็รู้ตัวดีแต่ก็ยังไม่วาย อาจเพราะความที่เป็นหนุ่มหน้าตาดีทำให้มีผู้หญิงแวะเวียนผ่านเข้ามาไม่ซ้ำหน้าก็เป็นได้
“เอาน่า แม่ ผมก็เป็นของผมแบบนี้แหละ ว่าแต่เจ้าปื๊ดมาทำไมครับ” กรณ์ไม่วายสงสัยเรื่องลูกสมุนของเอรินที่อยู่ดีๆก็มาถามหาทั้งที่ร้อยวันพันปีก็ไม่ค่อยจะเจอกันเท่าใดนัก
“ก็..หนูเอรินเค้าสั่งให้ปื๊ดมันมาบอกแกว่าเค้าต้องพาลูกทัวร์ไปทริปที่เกาะแถวๆสุราษฏร์ประมาณสี่ห้าวันน่ะสิ เค้าติดต่อแกไม่ได้ก็เลยบอกฝากแม่มา” น้ำเสียงพิมพาดูจะเอ็นดูไม่น้อยยามเอ่ยถึงเอริน แต่พอลูกชายได้ฟังถึงกับทะลึ่งพรวดลุกขึ้นนั่งอย่างตกใจ
“แขกไหน..ใคร อะไรยังไงแม่ แล้วดื้อมันไปรับทัวร์เค้าได้ไง”
กรณ์ถึงกับหน้าตาตื่นทันทีที่รู้ว่าเอรินออกไปเป็นไกด์เองครั้งแรกโดยไม่บอกไม่กล่าว แถมเป็นทัวร์ทางทะเลที่ถึงแม้หญิงสาวจะเชี่ยวชาญเรื่องทะเลไม่เบา แต่เขาก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้
“เห็นว่าเป็นแขกคนไทยนะแต่อยู่เมืองนอก เจ้าปื๊ดบอกว่าเป็นญาติกับคุณมินน่ะ แต่ปื๊ดมันร้อนใจเป็นห่วงหนูเอริน เลยรีบมาบอกแก” พิมพาหยุดเล่าไปชั่วครู่พร้อมกระแอมไอออกมาเบาๆคล้ายไม่อยากจะเอ่ยถึงนัก เจ้าลูกชายเลยรีบคะยั้นคะยอมารดา
“เป็นญาติกับคุณมินก็ดีสิครับ ผมจะได้หายห่วงผมเคยเจอครอบครัวนี้ตอนงานแต่งเค้า น่ารักกันทุกคนเลย”
กรณ์ถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกด้วยอารมณ์ที่สุนทรีขึ้นเล็กน้อย ชายหนุ่มลูบไล้แก้มนวลใสที่แต่งแต้มเครื่องสำอางบางๆอย่างอารมณ์ดี พร้อมจูบเบาๆที่ริมฝีปากยั่วเย้าของสาวในอ้อมกอดไปเสียหนึ่งที แต่แล้วคำพูดต่อมาของมารดาก็ทำเอากรณ์นั่งไม่ติดรีบลุกพรวดขึ้นมาทันทีอีกครั้งอย่างตกใจ
“ดีตายเลย ไปกันแค่สองคนกับแขกน่ะ เห็นเจ้าปื๊ดบอกว่าเป็นหนุ่มใหญ่มาดแมนแอนด์แฮนซั่ม หล่อแล้วก็ดูดีมากด้วยนะ ท่าทางสนิทสนมกันน่าดู ทีแรกเจ้าปื๊ดมันยังเข้าใจว่าเป็นแฟนหนูเอรินซะอีก..เห็นจับมือถือแขนกันซะสนิทสนม”
“ฮ๊ะ!! อะไรนะ!! จับมือถือแขนกันด้วยเหรอ ผมจะรีบกลับเดี๋ยวนี้เลย แค่นี้ก่อนนะแม่ ยัยดื้อด้านนั่นมันน่าโดนตีจริงๆเลย” น้ำเสียงระล่ำระลักของเจ้าลูกชายที่พิมพาจับสังเกตได้หลังจากวางสายโทรศัพท์อย่างรีบร้อน หล่อนได้แต่ถอนใจออกมาบางเบา
“เฮ้อ..นี่ถ้าไม่ใช่หนูเอริน มันจะกระตือรือร้นขนาดนี้มั๊ยเนี่ย แล้วดูทำตัวเข้าเปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า ไม่รู้จักทำอะไรให้มันชัดเจนเกิดใครมาคว้าหนูเอรินไปก่อนคงได้ร้องไห้ตายแน่ลูกฉัน”
ส่วนทางด้านกรณ์ถึงกับหมดอารมณ์สานต่อกับสาวสวยกึ่งเปลือยตรงหน้า ชายหนุ่มรีบร้อนแต่งตัวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจนหญิงสาวที่ค้างอยู่บนเตียงนุ่มถึงกับมองด้วยสายตาหงุดหงิดขัดใจิ “นี่..เรื่องของเรายังคุยไม่จบเลยนะ จะรีบไปไหนระวังงานคุณจะเสร็จไม่ทันตามกำหนดนะ”
สาวสวยจ้องมองชายหนุ่มที่มองกระจกไปบรรจงหวีผมเผ้าให้เรียบร้อยไปด้วยอย่างลวกๆด้วยสายตาหมั่นไส้นิดๆ กรณ์หันมาสบตาหญิงสาวชั่วครู่ก่อนจะโยนกระเป๋าสตางค์ให้หล่อนรับมาถือไว้อย่างงงๆ แล้วชายหนุ่มจึงจัดการแถลงไขพร้อมทั้งเก็บกระเป๋าเดินทางเอาเสื้อผ้ายัดใส่ไปด้วยอย่างลวกๆเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
“เปิดกระเป๋าสิ เอาเงินมัดจำไปก่อน แล้วค่อยนัดเจอกันใหม่ อ้อ..แล้วก็ผมต้องการให้คุณเก็บงานให้เรียบร้อยภายในเวลาไม่เกินสองอาทิตย์นะ..โอเค๊”
ชายหนุ่มพูดเองเออเองเสร็จสรรพเรียบร้อยก็คว้ากระเป๋าเดินทางออกไปเลยโดยไม่หันมามองสาวสวยที่มองตามอย่างอึ้งไปเลยแม้แต่น้อย ทำเอามัณฑนากรสาวถึงกับมองตามชายหนุ่มจนลับสายตาไปอย่างโกรธขึ้ง
“ฮึ..คิดจะทิ้งกันง่ายๆรึไง รู้จักฉันน้อยไปซะแล้ว เอาสิฉันจะลากยาวงานคุณไปสักสองเดือนเลยเป็นไง อย่าเปิดมันเลยออฟฟิศทัวร์เนี่ย” หญิงสาวได้แต่บ่นงึมงำอย่างขัดใจก่อนจะลุกขึ้นเดินอ้อยอิ่งเข้าห้องน้ำไป...
......................................................................................................................................
พระอาทิตย์ยามบ่ายเริ่มจะคล้อยต่ำลงเรื่อยๆ ท่ามกลางแสงสีสวยนวลตาที่สาดส่องเข้ามาเล็กน้อยใต้ร่มไม้ใหญ่ไม่ไกลจากสระว่ายน้ำส่วนตัวของบ้านพักบนเนินเขาระดับพูลวิลล่า เอรินและชานนท์นั่งหย่อนขาลงไปในสระเคียงข้างกันซึมซับความฉ่ำเย็นของน้ำในสระว่ายน้ำสีฟ้าสะอาดตาอย่างสบายอารมณ์
“ขอโทษนะคะ เรื่องเรือยอร์ช” เอรินหน้าเศร้าอย่างผิดหวังเมื่อรู้ว่าไม่ได้เรือยอร์ชที่ไหว้วานจากลุงกองให้หาให้จากสมุย
“ไม่เป็นไร..เอาเป็นว่าเธอติดฉันไว้นะหนึ่งเรื่อง ทำไงได้ล่ะในเมื่อเค้าไม่ปล่อยเรือมาไกลขนาดนี้เราก็ไปสปีดโบ้ทเอาก็แล้วกัน”
ชานนท์เอ่ยอย่างเซ็งๆ แต่ก็ไม่ได้ต่อว่าอะไรเอรินนัก เพราะการได้เจอลุงกองเมื่อตอนลงจากเรือที่ท่าเรือตอนสาย ชายชราบอกเหตุผลให้ฟังแล้ว และชานนท์ก็รับฟังโดยไม่ติดใจอะไรเช่นกัน
“ค่ะ..พรุ่งนี้เช้าลุงให้เรามารอขึ้นเรือที่หน้าหาดเลยแล้วก็แถมคนขับเรือให้ด้วยหนึ่งคน ปกติไม่ได้หรอกรู้มั๊ยแต่นี่คุณเหมาทั้งลำลุงก็เลยใจดีแถมให้ค่ะ”
เอรินเล่ารายละเอียดคร่าวๆซึ่งชานนท์ก็รับฟังอย่างเพลิดเพลิน ขายาวเกี่ยวกระหวัดขาเรียวเล็กที่เคียงกันในสระน้ำอย่างหยอกเย้า เอรินถึงกับหน้าเหวอเหลียวมองชานนท์ด้วยสีหน้าตื่นตกใจ
“เธอเก่งกว่าที่คิดนะเอริน งานนี้เหมาะกับเธอดี.. ขอบใจนะ” ชานนท์ยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดี ทำเอาสาวน้อยแทบหัวใจละลายเมื่อได้จ้องมองรอยยิ้มนั้นของเขา “ฉันดีใจที่ได้รู้ว่าเธอขยันขันแข็งที่จะจัดการเรียนรู้และสู้งาน ฉันชอบนะ มันเหมาะกับฉันที่ทำงานโรงแรมดี”
ชานนท์จ้องหน้าหญิงสาวนิ่งด้วยดวงตาเป็นประกาย คำพูดชื่นชมที่ไม่ค่อยได้พูดบ่อยและคำพูดแฝงนัยของชานนท์ ทำเอาเจ้าตัวถึงกับขัดเขินที่จะพูดมันต่อหน้าสาวน้อย และเอรินที่ได้ยินดังนั้นถึงกับหน้าแดงนิ่งฟังอย่างตั้งใจ
ท่ามกลางสายลมพัทธยาที่พัดสลับกับลมประจำแต้มในช่วงเดือนพฤษภาคม ขาของชายหนุ่มและหญิงสาวยังคงเกี่ยวกระหวัดอย่างเย็นฉ่ำชื่นใจภายใต้สระว่ายน้ำแสนสวยของบ้านพักสุดหรูอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน...
“พรุ่งนี้ขอให้คุณไกด์มือใหม่พาลูกทัวร์คนแรกเดินทางท่องเที่ยวอย่างสวัสดิภาพนะ”
ชานนท์ยื่นมือให้เอรินจับคล้ายจะทำสัญญาต่อกัน เอรินได้แต่มองมือหนาของชายหนุ่มก่อนจะยื่นมือไปจับมือหนาอย่างขัดเขินเช่นกัน “พรุ่งนี้ขอให้ลูกทัวร์คนแรกไม่งอแงเอาแต่ใจกับคุณไกด์มือใหม่เช่นกันนะคะ”
ดวงตาเป็นประกายพร้อมรอยยิ้มกว้างของเอริน ชานนท์นึกหมั่นเขี้ยวอยากจะกอดรัดและประทับจูบลงบนปากชมพูนัก แต่เขาก็ต้องรออย่างใจเย็น ได้แต่ตอบรับหญิงสาวไปนิ่งๆ
“อืม”
***************************************
เช้าวันใหม่อันแสนสดใส เอรินยังคงนอนหลับคุดคู้อย่างมีความสุขในห้องพักที่อยู่ติดกันกับห้องของชานนท์ภายในวิลล่าหลังที่แยกโดดเดี่ยวบนเนินเขา ภาพของหญิงสาวภายใต้ผ้านวมผืนหนาหันหน้าหลับตาพริ้มมายังประตูที่ทอดยาวลงไปยังสระว่ายน้ำที่เชื่อมติดกันสองห้อง ทำเอาชานนท์ที่ขึ้นมาจากสระว่ายน้ำฝั่งห้องของเอรินได้แต่ยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“เอริน เอริน ตื่นได้แล้ว”
เสียงเคาะประตูกระจกดังเป็นระยะกว่าที่เอรินจะรู้สึกตัวก็ทำเอาชายหนุ่มยืนหนาวสั่นอยู่นอกห้องพร้อมผ้าขนหนูที่ปิดบังกางเกงว่ายน้ำเพียงตัวเดียว
“ค่า...ตื่นแล้ว อ๊ะ กี่โมงแล้วเนี่ย” หญิงสาวแทบจะหายง่วงเป็นปลิดทิ้งเมื่อหันไปมองนาฬิการิมผนังบ่งบอกเวลาหกโมงครึ่งซึ่งอีกไม่นานก็จะถึงเวลาที่นัดกับลุงกองไว้ที่หน้าหาดแล้ว
“คะ..คุณ ทำไมโป๊งี้ล่ะ ไปแต่งตัวสิคะ ฉันรีบนะ”
เอรินเปิดประตูห้องกระจกฝั่งตนแง้มบอกชายหนุ่มด้านนอกห้องที่กำลังยืนรอปากสั่นอยู่ ชานนท์ที่เห็นสภาพสาวน้อยในสภาพหัวกระเซิงหน้ายุ่งกลับไม่ฟังความใดๆผลักประตูกระจกอย่างถือวิสาสะเข้ามายืนอยู่กลางห้องสาวน้อย จนเอรินถึงกับโวยวาย “คุ๊ณ เข้ามาทำไม ไปอาบน้ำแต่งตัวเลยเดี๋ยวนี้”
เอรินรีบดันหลังเปลือยเปล่าของชายหนุ่มจะให้ออกไปด้วยใบหน้าแดงก่ำ แต่ชานนท์ขืนตัวไว้ก่อนจะหันกลับมาทำเนียนกอดสาวน้อยไว้แนบอกเปลือยเปล่าแทน
“แป๊บนึงนะเอริน ฉันหนาวมากเลย ยืนรอเธอจนสั่นไปหมดแล้ว ขอกอดให้หายหนาวหน่อย” ชานนท์โอบกอดเอรินแน่นในขณะที่หล่อนได้แต่โวยวายไม่ทันตั้งตัว
“แล้วจะรอทำไม๊ ทำไมไม่ว่ายกลับไปห้องคุณก่อนเล่า พอดีไม่สบายกันพอดี คุณกลับไปห้องอาบน้ำอุ่นซะจะได้หายหนาวนะ”
น้ำเสียงเบาแกมสั่นนิดๆของเอรินยามอยู่ในอ้อมกอดของเขาทำเอาชานนท์ยิ่งกอดกระชับหล่อนมากขึ้นไปอีก พร้อมกับพูดคำที่ทำเอาหัวใจสาวน้อยแทบลอยตามเขาไปเลย “ไม่เอา กอดเธออุ่นกว่า กอดกันอย่างนี้อุ่นไปถึงหัวใจเลยเธอรู้มั๊ย..เอริน”
หญิงสาวได้แต่ตะลึงตาโตแต่ก็พยักหน้าหงึกหงักในอ้อมอกชายหนุ่มอย่างขัดเขิน ไม่พูดอะไรต่อกลัวจะเข้าตัว แล้วเอรินก็คิดไม่ผิดเมื่อชานนท์ทิ้งประโยคชวนคิดไว้ให้หล่อนต้องคิดมากอีกตามเคย
“ถ้าได้อยู่ห้องเดียวกันทั้งคืนจะอุ่นขนาดไหนกันนะ..เอริน”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ ^___^
มีของมาฝากเพื่อนๆและแฟนเพจเล็กน้อยค่ะ
ตามลิงค์ด้านล่างนี้เลยนะคะ
https://www.facebook.com/Love.Reason.Niyay?ref=hl
ขอบคุณมากๆค่ะ
และเค้าลางของความยุ่งยาก 2
ท่ามกลางไอร้อนจากแสงอาทิตย์ยามบ่ายที่สาดส่องผ่านม่านสีขาวเนื้อดีเข้ามาภายในห้องชุดสุดหรูแอร์เย็นฉ่ำของคอนโดมิเนียมสูงระฟ้าแห่งหนึ่งในกรุงเทพ
ชายหนุ่มและหญิงสาวกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงแลกเปลี่ยนความสุขให้กันและกันอย่างไม่รู้เบื่อ แต่แล้วความสุขของกรณ์ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมีเสียงแผดร้องจากโทรศัพท์มือถือที่ตั้งอยู่บนโต๊ะหัวเตียงดังขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน สร้างความหงุดหงิดใจให้แก่กรณ์ไม่น้อย
“ครับแม่” เสียงตอบรับอ้อมแอ้ม เมื่อได้ยินเสียงปลายสายที่โทรมาคือมารดาของตน “เมื่อไหร่จะกลับ..ลูก”
น้ำเสียงห่วงหาอาทรจากมารดาทำเอาชายหนุ่มอึกอักไม่มีคำตอบเพราะสาวสวยที่อยู่แนบชิดกำลังซุกซนไปทั่วแผงอกหนาของเขาจนขนลุกเกรียวน้ำเสียงสั่นไหว
“เอ่อ..ขอเวลาหน่อยครับแม่ ผมยังไม่เสร็จธุระเลย มีอะไรรึเปล่าครับ” น้ำเสียงทุ้มแทบจะแหบพร่าของลูกชาย พิมพารู้ได้ในทันทีว่าเจ้าลูกชายตัวดีที่อยู่ปลายทางกำลังทำอะไรอยู่ หล่อนจึงรีบพูดธุระอย่างรวดเร็วเพื่อตัดความรำคาญใจ
“มีสิ เมื่อกี้เจ้าปื๊ดบ้านสวนแวะมาถามหาแก ท่าทางลุกลี้ลุกลนใหญ่ แม่ก็เลยบอกว่าแกมากรุงเทพไม่รู้เมื่อไหร่จะกลับ” เสียงปลายสายของมารดาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ทำเอากรณ์ถึงกับเลิกคิ้วอย่างสงสัย
“แล้วมาทำไม..หรือว่าดื้อให้เอาของอะไรมาให้แม่อีกล่ะ..จุ๊ จุ๊ อย่าเพิ่งซนนักสิ” น้ำเสียงสงสัยของเจ้าลูกชายตัวดีที่ถามอย่างชักจะสงสัยปนเสียงเอ็ดใครบางคนเบาๆ
พิมพากำลังจะเล่าในสิ่งที่วิตกกังวลอยู่ แต่แล้วคำสุดท้ายที่ลูกชายเหมือนพูดกับใครอื่นซึ่งก็คงไม่พ้นสาวคนใดคนหนึ่งในคอนโทรลของลูกชายอีกตามเคย หล่อนได้แต่ขมวดคิ้วอย่างเคืองขุ่นขัดใจ
“กรณ์..เลิกซะทีได้มั๊ยลูกเรื่องผู้หญิงน่ะ” พิมพาบ่นลูกชายด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย
กรณ์ก็รู้ตัวดีแต่ก็ยังไม่วาย อาจเพราะความที่เป็นหนุ่มหน้าตาดีทำให้มีผู้หญิงแวะเวียนผ่านเข้ามาไม่ซ้ำหน้าก็เป็นได้
“เอาน่า แม่ ผมก็เป็นของผมแบบนี้แหละ ว่าแต่เจ้าปื๊ดมาทำไมครับ” กรณ์ไม่วายสงสัยเรื่องลูกสมุนของเอรินที่อยู่ดีๆก็มาถามหาทั้งที่ร้อยวันพันปีก็ไม่ค่อยจะเจอกันเท่าใดนัก
“ก็..หนูเอรินเค้าสั่งให้ปื๊ดมันมาบอกแกว่าเค้าต้องพาลูกทัวร์ไปทริปที่เกาะแถวๆสุราษฏร์ประมาณสี่ห้าวันน่ะสิ เค้าติดต่อแกไม่ได้ก็เลยบอกฝากแม่มา” น้ำเสียงพิมพาดูจะเอ็นดูไม่น้อยยามเอ่ยถึงเอริน แต่พอลูกชายได้ฟังถึงกับทะลึ่งพรวดลุกขึ้นนั่งอย่างตกใจ
“แขกไหน..ใคร อะไรยังไงแม่ แล้วดื้อมันไปรับทัวร์เค้าได้ไง”
กรณ์ถึงกับหน้าตาตื่นทันทีที่รู้ว่าเอรินออกไปเป็นไกด์เองครั้งแรกโดยไม่บอกไม่กล่าว แถมเป็นทัวร์ทางทะเลที่ถึงแม้หญิงสาวจะเชี่ยวชาญเรื่องทะเลไม่เบา แต่เขาก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้
“เห็นว่าเป็นแขกคนไทยนะแต่อยู่เมืองนอก เจ้าปื๊ดบอกว่าเป็นญาติกับคุณมินน่ะ แต่ปื๊ดมันร้อนใจเป็นห่วงหนูเอริน เลยรีบมาบอกแก” พิมพาหยุดเล่าไปชั่วครู่พร้อมกระแอมไอออกมาเบาๆคล้ายไม่อยากจะเอ่ยถึงนัก เจ้าลูกชายเลยรีบคะยั้นคะยอมารดา
“เป็นญาติกับคุณมินก็ดีสิครับ ผมจะได้หายห่วงผมเคยเจอครอบครัวนี้ตอนงานแต่งเค้า น่ารักกันทุกคนเลย”
กรณ์ถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกด้วยอารมณ์ที่สุนทรีขึ้นเล็กน้อย ชายหนุ่มลูบไล้แก้มนวลใสที่แต่งแต้มเครื่องสำอางบางๆอย่างอารมณ์ดี พร้อมจูบเบาๆที่ริมฝีปากยั่วเย้าของสาวในอ้อมกอดไปเสียหนึ่งที แต่แล้วคำพูดต่อมาของมารดาก็ทำเอากรณ์นั่งไม่ติดรีบลุกพรวดขึ้นมาทันทีอีกครั้งอย่างตกใจ
“ดีตายเลย ไปกันแค่สองคนกับแขกน่ะ เห็นเจ้าปื๊ดบอกว่าเป็นหนุ่มใหญ่มาดแมนแอนด์แฮนซั่ม หล่อแล้วก็ดูดีมากด้วยนะ ท่าทางสนิทสนมกันน่าดู ทีแรกเจ้าปื๊ดมันยังเข้าใจว่าเป็นแฟนหนูเอรินซะอีก..เห็นจับมือถือแขนกันซะสนิทสนม”
“ฮ๊ะ!! อะไรนะ!! จับมือถือแขนกันด้วยเหรอ ผมจะรีบกลับเดี๋ยวนี้เลย แค่นี้ก่อนนะแม่ ยัยดื้อด้านนั่นมันน่าโดนตีจริงๆเลย” น้ำเสียงระล่ำระลักของเจ้าลูกชายที่พิมพาจับสังเกตได้หลังจากวางสายโทรศัพท์อย่างรีบร้อน หล่อนได้แต่ถอนใจออกมาบางเบา
“เฮ้อ..นี่ถ้าไม่ใช่หนูเอริน มันจะกระตือรือร้นขนาดนี้มั๊ยเนี่ย แล้วดูทำตัวเข้าเปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า ไม่รู้จักทำอะไรให้มันชัดเจนเกิดใครมาคว้าหนูเอรินไปก่อนคงได้ร้องไห้ตายแน่ลูกฉัน”
ส่วนทางด้านกรณ์ถึงกับหมดอารมณ์สานต่อกับสาวสวยกึ่งเปลือยตรงหน้า ชายหนุ่มรีบร้อนแต่งตัวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจนหญิงสาวที่ค้างอยู่บนเตียงนุ่มถึงกับมองด้วยสายตาหงุดหงิดขัดใจิ “นี่..เรื่องของเรายังคุยไม่จบเลยนะ จะรีบไปไหนระวังงานคุณจะเสร็จไม่ทันตามกำหนดนะ”
สาวสวยจ้องมองชายหนุ่มที่มองกระจกไปบรรจงหวีผมเผ้าให้เรียบร้อยไปด้วยอย่างลวกๆด้วยสายตาหมั่นไส้นิดๆ กรณ์หันมาสบตาหญิงสาวชั่วครู่ก่อนจะโยนกระเป๋าสตางค์ให้หล่อนรับมาถือไว้อย่างงงๆ แล้วชายหนุ่มจึงจัดการแถลงไขพร้อมทั้งเก็บกระเป๋าเดินทางเอาเสื้อผ้ายัดใส่ไปด้วยอย่างลวกๆเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
“เปิดกระเป๋าสิ เอาเงินมัดจำไปก่อน แล้วค่อยนัดเจอกันใหม่ อ้อ..แล้วก็ผมต้องการให้คุณเก็บงานให้เรียบร้อยภายในเวลาไม่เกินสองอาทิตย์นะ..โอเค๊”
ชายหนุ่มพูดเองเออเองเสร็จสรรพเรียบร้อยก็คว้ากระเป๋าเดินทางออกไปเลยโดยไม่หันมามองสาวสวยที่มองตามอย่างอึ้งไปเลยแม้แต่น้อย ทำเอามัณฑนากรสาวถึงกับมองตามชายหนุ่มจนลับสายตาไปอย่างโกรธขึ้ง
“ฮึ..คิดจะทิ้งกันง่ายๆรึไง รู้จักฉันน้อยไปซะแล้ว เอาสิฉันจะลากยาวงานคุณไปสักสองเดือนเลยเป็นไง อย่าเปิดมันเลยออฟฟิศทัวร์เนี่ย” หญิงสาวได้แต่บ่นงึมงำอย่างขัดใจก่อนจะลุกขึ้นเดินอ้อยอิ่งเข้าห้องน้ำไป...
......................................................................................................................................
พระอาทิตย์ยามบ่ายเริ่มจะคล้อยต่ำลงเรื่อยๆ ท่ามกลางแสงสีสวยนวลตาที่สาดส่องเข้ามาเล็กน้อยใต้ร่มไม้ใหญ่ไม่ไกลจากสระว่ายน้ำส่วนตัวของบ้านพักบนเนินเขาระดับพูลวิลล่า เอรินและชานนท์นั่งหย่อนขาลงไปในสระเคียงข้างกันซึมซับความฉ่ำเย็นของน้ำในสระว่ายน้ำสีฟ้าสะอาดตาอย่างสบายอารมณ์
“ขอโทษนะคะ เรื่องเรือยอร์ช” เอรินหน้าเศร้าอย่างผิดหวังเมื่อรู้ว่าไม่ได้เรือยอร์ชที่ไหว้วานจากลุงกองให้หาให้จากสมุย
“ไม่เป็นไร..เอาเป็นว่าเธอติดฉันไว้นะหนึ่งเรื่อง ทำไงได้ล่ะในเมื่อเค้าไม่ปล่อยเรือมาไกลขนาดนี้เราก็ไปสปีดโบ้ทเอาก็แล้วกัน”
ชานนท์เอ่ยอย่างเซ็งๆ แต่ก็ไม่ได้ต่อว่าอะไรเอรินนัก เพราะการได้เจอลุงกองเมื่อตอนลงจากเรือที่ท่าเรือตอนสาย ชายชราบอกเหตุผลให้ฟังแล้ว และชานนท์ก็รับฟังโดยไม่ติดใจอะไรเช่นกัน
“ค่ะ..พรุ่งนี้เช้าลุงให้เรามารอขึ้นเรือที่หน้าหาดเลยแล้วก็แถมคนขับเรือให้ด้วยหนึ่งคน ปกติไม่ได้หรอกรู้มั๊ยแต่นี่คุณเหมาทั้งลำลุงก็เลยใจดีแถมให้ค่ะ”
เอรินเล่ารายละเอียดคร่าวๆซึ่งชานนท์ก็รับฟังอย่างเพลิดเพลิน ขายาวเกี่ยวกระหวัดขาเรียวเล็กที่เคียงกันในสระน้ำอย่างหยอกเย้า เอรินถึงกับหน้าเหวอเหลียวมองชานนท์ด้วยสีหน้าตื่นตกใจ
“เธอเก่งกว่าที่คิดนะเอริน งานนี้เหมาะกับเธอดี.. ขอบใจนะ” ชานนท์ยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดี ทำเอาสาวน้อยแทบหัวใจละลายเมื่อได้จ้องมองรอยยิ้มนั้นของเขา “ฉันดีใจที่ได้รู้ว่าเธอขยันขันแข็งที่จะจัดการเรียนรู้และสู้งาน ฉันชอบนะ มันเหมาะกับฉันที่ทำงานโรงแรมดี”
ชานนท์จ้องหน้าหญิงสาวนิ่งด้วยดวงตาเป็นประกาย คำพูดชื่นชมที่ไม่ค่อยได้พูดบ่อยและคำพูดแฝงนัยของชานนท์ ทำเอาเจ้าตัวถึงกับขัดเขินที่จะพูดมันต่อหน้าสาวน้อย และเอรินที่ได้ยินดังนั้นถึงกับหน้าแดงนิ่งฟังอย่างตั้งใจ
ท่ามกลางสายลมพัทธยาที่พัดสลับกับลมประจำแต้มในช่วงเดือนพฤษภาคม ขาของชายหนุ่มและหญิงสาวยังคงเกี่ยวกระหวัดอย่างเย็นฉ่ำชื่นใจภายใต้สระว่ายน้ำแสนสวยของบ้านพักสุดหรูอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน...
“พรุ่งนี้ขอให้คุณไกด์มือใหม่พาลูกทัวร์คนแรกเดินทางท่องเที่ยวอย่างสวัสดิภาพนะ”
ชานนท์ยื่นมือให้เอรินจับคล้ายจะทำสัญญาต่อกัน เอรินได้แต่มองมือหนาของชายหนุ่มก่อนจะยื่นมือไปจับมือหนาอย่างขัดเขินเช่นกัน “พรุ่งนี้ขอให้ลูกทัวร์คนแรกไม่งอแงเอาแต่ใจกับคุณไกด์มือใหม่เช่นกันนะคะ”
ดวงตาเป็นประกายพร้อมรอยยิ้มกว้างของเอริน ชานนท์นึกหมั่นเขี้ยวอยากจะกอดรัดและประทับจูบลงบนปากชมพูนัก แต่เขาก็ต้องรออย่างใจเย็น ได้แต่ตอบรับหญิงสาวไปนิ่งๆ
“อืม”
***************************************
เช้าวันใหม่อันแสนสดใส เอรินยังคงนอนหลับคุดคู้อย่างมีความสุขในห้องพักที่อยู่ติดกันกับห้องของชานนท์ภายในวิลล่าหลังที่แยกโดดเดี่ยวบนเนินเขา ภาพของหญิงสาวภายใต้ผ้านวมผืนหนาหันหน้าหลับตาพริ้มมายังประตูที่ทอดยาวลงไปยังสระว่ายน้ำที่เชื่อมติดกันสองห้อง ทำเอาชานนท์ที่ขึ้นมาจากสระว่ายน้ำฝั่งห้องของเอรินได้แต่ยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“เอริน เอริน ตื่นได้แล้ว”
เสียงเคาะประตูกระจกดังเป็นระยะกว่าที่เอรินจะรู้สึกตัวก็ทำเอาชายหนุ่มยืนหนาวสั่นอยู่นอกห้องพร้อมผ้าขนหนูที่ปิดบังกางเกงว่ายน้ำเพียงตัวเดียว
“ค่า...ตื่นแล้ว อ๊ะ กี่โมงแล้วเนี่ย” หญิงสาวแทบจะหายง่วงเป็นปลิดทิ้งเมื่อหันไปมองนาฬิการิมผนังบ่งบอกเวลาหกโมงครึ่งซึ่งอีกไม่นานก็จะถึงเวลาที่นัดกับลุงกองไว้ที่หน้าหาดแล้ว
“คะ..คุณ ทำไมโป๊งี้ล่ะ ไปแต่งตัวสิคะ ฉันรีบนะ”
เอรินเปิดประตูห้องกระจกฝั่งตนแง้มบอกชายหนุ่มด้านนอกห้องที่กำลังยืนรอปากสั่นอยู่ ชานนท์ที่เห็นสภาพสาวน้อยในสภาพหัวกระเซิงหน้ายุ่งกลับไม่ฟังความใดๆผลักประตูกระจกอย่างถือวิสาสะเข้ามายืนอยู่กลางห้องสาวน้อย จนเอรินถึงกับโวยวาย “คุ๊ณ เข้ามาทำไม ไปอาบน้ำแต่งตัวเลยเดี๋ยวนี้”
เอรินรีบดันหลังเปลือยเปล่าของชายหนุ่มจะให้ออกไปด้วยใบหน้าแดงก่ำ แต่ชานนท์ขืนตัวไว้ก่อนจะหันกลับมาทำเนียนกอดสาวน้อยไว้แนบอกเปลือยเปล่าแทน
“แป๊บนึงนะเอริน ฉันหนาวมากเลย ยืนรอเธอจนสั่นไปหมดแล้ว ขอกอดให้หายหนาวหน่อย” ชานนท์โอบกอดเอรินแน่นในขณะที่หล่อนได้แต่โวยวายไม่ทันตั้งตัว
“แล้วจะรอทำไม๊ ทำไมไม่ว่ายกลับไปห้องคุณก่อนเล่า พอดีไม่สบายกันพอดี คุณกลับไปห้องอาบน้ำอุ่นซะจะได้หายหนาวนะ”
น้ำเสียงเบาแกมสั่นนิดๆของเอรินยามอยู่ในอ้อมกอดของเขาทำเอาชานนท์ยิ่งกอดกระชับหล่อนมากขึ้นไปอีก พร้อมกับพูดคำที่ทำเอาหัวใจสาวน้อยแทบลอยตามเขาไปเลย “ไม่เอา กอดเธออุ่นกว่า กอดกันอย่างนี้อุ่นไปถึงหัวใจเลยเธอรู้มั๊ย..เอริน”
หญิงสาวได้แต่ตะลึงตาโตแต่ก็พยักหน้าหงึกหงักในอ้อมอกชายหนุ่มอย่างขัดเขิน ไม่พูดอะไรต่อกลัวจะเข้าตัว แล้วเอรินก็คิดไม่ผิดเมื่อชานนท์ทิ้งประโยคชวนคิดไว้ให้หล่อนต้องคิดมากอีกตามเคย
“ถ้าได้อยู่ห้องเดียวกันทั้งคืนจะอุ่นขนาดไหนกันนะ..เอริน”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ ^___^
มีของมาฝากเพื่อนๆและแฟนเพจเล็กน้อยค่ะ
ตามลิงค์ด้านล่างนี้เลยนะคะ
https://www.facebook.com/Love.Reason.Niyay?ref=hl
ขอบคุณมากๆค่ะ
lovereason
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 พ.ค. 2557, 16:06:56 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 พ.ค. 2557, 16:06:56 น.
จำนวนการเข้าชม : 1391
<< การเดินทางอันแสนหวานและเค้าลางของความยุ่งยาก 1 | ตอนที่ 12 หนาวกาย..หนาวใจ >> |