อุ่นไอรัก
ในชีวิตคนเราจะมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น...ที่ความรักจะวิ่งเข้าใส่ และทำให้ชีวิตของเราเปลี่ยนแปลงไปตามความรักนั้น...
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ 3 โลกกลมหรือพรหมลิขิต
สวัสดีคะพี่ๆนักอ่านทุกคน(ทั้งที่เข้ามาอ่านและเข้ามาแวะชม)
ขอโทษจริงๆค่ะที่เข้ามาอัพช้าเพราะไปต่างจังหวัดมา
คงไม่โกรธกันนะคะ
ฝากช่วยแนะนำติชมตอนที่ 3 ด้วยนะคะ
ขอบคุณคะ
-----------------------------------------------------
เสียงเรียกเข้าโทรศัทพ์ดังขึ้นขณะที่พีรวิชญ์กำลังเลี้ยวรถเข้าประตูหน้าคฤหาสน์พิชญานันท์ชายหนุ่มกดรับทันทีโดยไม่ได้สังเกตเบอร์ที่ปรากฏ
“สวัสดีครับ” ชายหนุ่มกรอกเสียงลงไป
“แหม! คุณพีททักกันอย่างกับเป็นคนอื่นคนไกลอย่างนี้มุกน้อยใจแล้วนะคะ” หญิงสาวนามว่าไข่มุกเอ่ยขึ้น
“เอ่อ…คุณมุกมีอะไรรึเปล่าครับ” พีรวิชญ์ทำท่านึกอยู่นานกว่าจะนึกออกว่าเสียงใสๆที่ตัดพ้ออยู่นี้เป็นใคร
“ขอบคุณนะคะสำหรับดอกไม้ช่อใหญ่แล้วก็สวยมากคะ” พูดพลางก้มดูดอกไม้ในอ้อมแขนที่จัดช่อไว้อย่างสวยงาม ”ส่งดอกไม้มาล่วงหน้าแบบนี้แล้วเจ้าของดอกไม้ละคะ อยู่ที่ไหนใกล้จะถึงบ้านมุกหรือยัง” ส่งเสียงไปตามสายพลางยกนาฬิกาเรือนสวยที่ข้อมือเล็กขึ้นมาดูซึ่งนี่ก็เลยเวลานัดไปมากชายหนุ่มน่าจะใกล้ถึง
“ไม่เป็นไรครับ ดีใจที่คุณมุกชอบ ดอกไม้สวยๆ ก็ต้องคู่กับคนสวยๆซิครับ” พูดหวานเอาใจพลางก้าวลงจากรถ
“คุณพีทหนะปากหวาน” หน้าแดงระเรื่อเมื่อเจอคำหวานของชายหนุ่ม “ว่าแต่คุณพีทใกล้จะถึงหรือยังคะ? เสียงหวานถามออกไป ก่อนจะฉุกคิดได้ว่า ส่งดอกไม้มาแทนตัวแบบนี้หวังว่าคงไม่ได้หมายถึงชายหนุ่มจะไม่มางานเลี้ยงวันเกิดเธอหรอกนะ
“คุณพีทลืมวันเกิดมุกรึเปล่าคะ? ” ส่งเสียงแปลกใจถามออกไป ถ้าส่งดอกไม้มาให้พร้อมกับการ์ดที่แนบคำอวยพรมา ก็แสดงว่าไม่ได้ลืมว่าวันนี้วันเกิดเธอ หรือว่าชายหนุ่มจะเลี่ยงไม่มา เธอน่าจะเดาได้ตั้งแต่เด็กที่ร้านดอกไม้มาขอพบและส่งไอ้เจ้าช่อดอกไม้แสนสวยนี้ให้ อารามดีใจที่ได้ดอกไม้ช่อโตจากชายหนุ่มทำให้ไม่ทันได้เฉลียวใจ คิดว่าอาจเป็นแซอรไพร์จากชายหนุ่ม
“ไม่ได้ลืมครับแต่เผอิญว่าวันนี้ผมติดธุระกับครอบครัวคงไปไม่ได้จริงๆ ยังไงผมต้องขอโทษคุณมุกด้วยนะครับ” เอ่ยปฏิเสธอย่างนุ่มนวล
“แหมเสียดายจังเลย นี่เพื่อนมุกแต่ละคนก็อยากจะเจอคุณพีทกันทั้งนั้นคะ” ทำเสียงเศร้าแล้วรีบอ้างถึงเพื่อนเธอเผื่อชายหนุ่มจะใจอ่อน
“อยากเจอผมทำไมกันครับผมไม่ใช่ดาราดังซะหน่อย”
“คุณพีทน่ะไม่รู้อะไร ดาราผู้ชายบางคนยังหล่อสู้คุณพีทไม่ได้เลย นี่บรรดาเพื่อนผู้หญิงมุกเขาอิจฉามุกกันจะแย่ทีได้มีโอกาสใกล้ชิดกับคุณพีท“ ไข่มุกทำเสียงชื่นชมชายหนุ่มและอดยิ้มภูมิใจกับตัวเองที่ได้เป็นคู่ควงคนล่าสุดของชายหนุ่ม
วันนี้เธอนัดเพื่อนในกลุ่มนางแบบด้วยกันมางานเลี้ยงฉลองวันเกิดที่บ้าน และเธอเองยังได้ป่าวประกาศไว้ก่อนหน้านี้อีกด้วยว่าจะเปิดตัวชายหนุ่มที่เธอกำลังคบหาดูใจอยู่ในขณะนี้
“ขอบคุณครับที่ชม แต่ยังไงผมต้องขอโทษคุณมุกจริงๆ ที่ไปงานวันเกิดไม่ได้ ฝากขอโทษเพื่อนๆ คุณมุกด้วยนะครับ” พีรวิชญ์ยืนยันอีกครั้ง
“คะไม่เป็นไร เดี๋ยวมุกจะบอกเพื่อนๆเอง อย่างนั้นแล้วมุกไม่รบกวนดีกว่า เผื่อว่าคุณพีทยังทำธุระไม่เสร็จ ไว้วันหลังค่อยนัดเจอเพื่อนมุกก็ได้คะ” ไข่มุกทำทีเข้าใจชายหนุ่มก่อนจะวางสายไป ด้วยไม่อยากเรียกร้องให้มากนักเพราะลำพังแค่นี้เพื่อนเธอต่างก็ไม่เชื่ออยู่แล้วว่าเธอกำลังคบกับ ’พีรวิชญ์’ หากรุกมากแล้วชายหนุ่มเกิดเบื่อหรือตีจากขึ้นมาก่อนที่จะได้เจอกับเพื่อนเธอ แบบนั้นมันเสียหน้ามากกว่ากันเยอะอดเปรี้ยวไว้กินหวานดีกว่า
“ไงจ๊ะเจ้าของงาน ได้เวลาตัดเค้กแล้วนะ แล้วไหนล่ะพระเอกของเธอจนป่านนี้แล้วยังไม่มาอีกหรอ” เอวิกาเพื่อนสาวคนสนิทเอ่ยถาม พลางแกว่งแก้วเครื่องดื่มในมือ
เพื่อนคนอื่นที่ไข่มุกได้ชวนมางานก็มากันเกือบครบขาดก็แต่ชายหนุ่มที่ไข่มุกอ้างว่าเป็น ‘แฟน’ ยังไม่ปรากฏแม้แต่เงาเห็นมีก็แต่เด็กร้านดอกไม้นำช่อดอกไม้ช่อใหญ่มาส่งเมื่อสักครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา
“สงสัยจะเป็นแค่ราคาคุยซะละมั้ง ” เพื่อนในกลุ่มซุบซิบพลางไม่เชื่อว่าไข่มุกจะคบหาอยู่กับ ‘พีรวิชญ์’ นักธุรกิจหนุ่มอนาคตไกลจริง อย่างมากก็คงเป็นได้แค่คู่ควงชั่วคราว
“ไม่ใช่ราคาคุยย่ะ “ ไข่มุกเสียงดังพลางส่งตาเขียวไปให้เพื่อน “แต่วันนี้คุณพีทเค้าติดธุระกับครอบครัวเลยปลีกตัวมาไม่ได้ รับรองคราวหน้าพวกเธอได้เจอคุณพีทแน่ๆ “ เอ่ยทิ้งท้ายไว้ก่อนจะสะบัดหน้าเดินเข้าไปในบ้านซึ่งตอนนี้หนุ่มสาวหลายคนกำลังสนุกกันสุดเหวี่ยง ปล่อยให้เพื่อนที่เหลือข้างนอกมองหน้ากันไปมาในความพื้นเสียของเจ้าของงาน
ทางด้านชายหนุ่มเมื่อวางสายจากหญิงสาวก็เดินฮัมเพลงเข้าบ้านอย่างอารมณ์ดีโดยไม่ได้สนใจกับงานเลี้ยงเล็กๆ นั่น
อันที่จริงระหว่างเขากับไข่มุกเคยเจอกันไม่กี่ครั้งตามงานอีเว้นท์ต่างๆ ที่ไข่มุกได้รับเชิญให้เป็นนางแบบ ส่วนเขาก็ได้รับเชิญเนื่องจากอยู่ในวงสังคมเดียวกันหรือบางงานก็จะเป็นการเปิดตัวสินค้าในเครือ ไข่มุกเป็นนางแบบชื่อดังที่ตอนนี้กำลังมาแรงเป็นที่กล่าวขวัญจากวงการนางแบบหลังจากที่เธอสลัดภาพนางแบบใสๆ มาเป็นสาวสวยสุดเซ็กซี่เมื่องานถ่ายแบบชุดล่าสุดที่มีการเปิดมากกว่าปิดนั้นออกวางแผงทำให้ยอดขายของหนังสือที่เธอขึ้นปกมีการสั่งซื้อมากเรียกว่าดังเป็นพลุแตกเลยก็ว่าได้กับการสลัดผ้าครั้งนี้
ด้วยรูปร่างและหุ่นที่ได้มาตราฐาน ทางบริษัทในเครือพิชญานันท์กรุ๊ป จึงได้ว่าจ้างให้ไข่มุกมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับชุดว่ายน้ำคอลเลคชั่นใหม่สำหรับซัมเมอร์ที่กำลังมาถึงนี้ ทำให้มีการเจอกันมากขึ้นกว่าเดิมและมีการควง
กันไปทานข้าวแค่ไม่กี่ครั้งไม่นึกว่าแค่นั้นจะทำให้หญิงสาวกล้าชวนเขาไปงานเลี้ยงที่มีแต่เพื่อนสนิทของเธอ
“พี่พีทมาแล้วคะคุณแม่” พันธิตราบอกมารดาหลังจากที่ได้ยินเสียงรถของพีรวิชญ์แล่นเข้ามาจอด “มาช้าจังเลยพี่พีท นึกว่าจะเบี้ยวนัดกันซะอีก” ทำหน้ายู่ขณะเดินออกมาที่หน้าประตูแล้วเดินกอดแขนพี่ชายเข้าไปในบ้าน
พีรวิชญ์ไม่ตอบนอกจากส่งยิ้มนิดๆ ที่มุมปากไปให้แล้วยกมือขยี้ผมที่ยาวของพันธิตราอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะถามบิดามารดา “ไปกันเลยมั้ยครับคุณพ่อคุณแม่”
“นั่งพักก่อนมั้ยลูกมาเหนื่อยๆ” คุณป่านแก้วถามเห็นว่าชายหนุ่มมีธุระด่วนที่จะต้องออกไปดูโรงงานที่นอกเมืองตั้งแต่เช้า
“ไม่เหนื่อยหรอกครับไปกันเลยก็ได้” พีรวิชญ์ตอบก่อนจะเดินเข้าไปหอมแก้มมารดาที่เป็นห่วงแล้วควงแขนพากันเดินไปขึ้นรถ
“โรงงานเป็นยังไงบ้างลูก” คุณพิพัฒน์เอ่ยถามขณะนั่งอยู่บนรถเมื่อเช้าชายหนุ่มโทรมาบอกว่าเครื่องจักรที่โรงงานมีปัญหาสายพานไม่ทำงานทางผู้จัดการโรงงานอยากให้ไปดูเผื่อว่าจะตัดสินใจว่าจะซ่อมหรือว่าจะสั่งซื้อตัว
ใหม่ดี
“ไม่มีอะไรแล้วครับ สายพานการผลิตบางตัวมีปัญหา บางทีเราอาจต้องสั่งเครื่องจักรตัวใหม่เข้ามาแทนตัวเก่าที่เริ่มมีปัญหาครับ”
“เปลี่ยนตัวใหม่ก็ดีลูก ตัวเก่านี่ก็ใช้มานานหลายสิบปี ปลดระวางหน่อยก็ดี” คุณพิพัฒน์นึกถึงเครื่องจักรตัวแรกที่เขาสั่งนำเข้ามาใช้ผลิตสินค้าของบริษัทที่เป็นรุ่นบุกเบิกรุ่นแรกและทำให้เขามีฐานะร่ำรวยมาจนถึงทุกวันนี้
“ครับ” พีรวิชญ์รับคำก่อนจะเป็นสารถีนำผู้โดยไปยังจุดหมายปลายทาง
ร้านอาหารกลิ่นแก้วกาหลงถูกซุกตัวอยู่ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่หลายชนิดกิ่งก้านของมันที่แตกยื่นออกมาช่วยปกคลุมความร้อนจากแสงอาทิตย์ที่ส่องกระทบพื้นดิน ทำให้บริเวณร้านไม่ร้อนอบอ้าวจนเกินไปแถมยังช่วยให้ บรรยากาศรอบร้าน ดูร่มรื่น ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ภายในร้านดูโปร่งโล่ง แต่งด้วยโคมไฟสีขาว เพิ่มความสบายตาด้วยกระจกใสรอบตัว หรือถ้าอยากชมบรรยากาศด้านนอก ก็สามารถเลือกนั่งได้ในโซน Open Air ที่จัดไว้อย่างน่านั่ง และเมื่อมีลมพัดมาเบาเบายังหอบเอาความหอมสดชื่นของดอกไม้นานาพันธ์ที่ปลูกไว้โดยรอบร้าน ทำให้ลูกค้าได้สูดอากาศที่บริสุทธ์ ที่นับวันจะหาได้ยากยิ่งสำหรับคนเมือง ตลอดจนทางเดินเข้าร้านยังมีน้ำตกจำลองเรียงชั้นลดหลั่นกันลงมาเรียกความสนใจจากผู้ที่เข้ามารับประทานอาหารได้ยิ่งนัก
“สวัสดีคะคุณพิพัฒน์…สวัสดีจ้าป่าน นึกว่าจะไม่ให้เกียรติมาที่ร้านซะอีก” คุณกาหลงเจ้าของร้านอาหารกลิ่นแก้วกาหลงเอ่ยทักทาย
“ยินดีด้วยนะจ๊ะ” คุณป่านแก้วเอ่ยพลางรับแจกันดอกไม้จากมือบุตรชายที่เธอเตรียมไว้แล้วยื่นให้คุณกาหลง
ร้านอาหารกลิ่นแก้วกาหลงเปิดบริการมาได้หลายปีและมีหลายสาขา แต่คุณป่านแก้วพึ่งทราบว่าเป็นร้านของคุณกาหลงเนื่องจากทั้งเธอและเพื่อนไม่ได้ติดต่อกันนาน หลังจากที่เจอกันโดยบังเอิญในงานเลี้ยงรุ่นที่ผ่านมาจึงทราบว่าเพื่อนมาเปิดสาขาใกล้ๆ บ้าน วันนี้โอกาศดีจึงชวนครอบครัวมาอุดหนุน
“ขอบใจจ้า” จากนั้นหันไปยื่นแจกันดอกไม้ให้เด็กเอาไปเก็บ “แค่เธอและครอบครัวมาแค่นี้ก็ดีใจแล้ว จะถือมาทำไมให้เมื่อยมือ” คุณกาหลงหันไปตำหนิเพื่อนอย่างไม่จริงจัง “นี่คงเป็นตาพีทกับหนูแพทใช่มั้ยจ๊ะ ไม่เจอกันนานหลายปีโตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันไปหมด” ก่อนจะถามถึงหนุ่มสาวที่ยืนอยู่ข้างหลัง
คุณกาหลงเคยเห็นพีรวิชญ์และพันธิตราตอนสมัยเป็นเด็กๆ อายุไม่กี่ขวบก่อนที่เธอจะแต่งงานแล้วย้ายตามสามีไปอยู่ต่างประเทศ และย้ายครอบครัวกลับมาตั้งรกรากที่เมืองไทยอย่างถาวรอีกครั้งหลังจากที่สามีเสียชีวิต
“ครับ/คะ” พีรวิชญ์และพันธิตรายกมือทำความเคารพคุณกาหลงเพื่อนของมารดาอีกครั้ง
“เชิญคุณพิพัฒน์กับเด็กๆ ข้างในเลยจ้า” คุณกาหลงเดินนำก่อนจะเลือกโต๊ะริมระเบียงที่อยู่โซนด้านนอกซึ่งสามารถมองเห็นบรรยากาศโดยรอบของร้านได้อย่างชัดเจน
“สั่งได้เลยเต็มที่นะจ๊ะมือนี้ฟรีจ้า” คุณกาหลงเอ่ย “ได้ยังไงกันจ๊ะของซื้อของขาย งานนี้ฉันมีเจ้าภาพมาเอง” คุณป่านแก้วรีบปฏิเสธเพื่อนพลางส่งสายตาไปยังพีรวิชญ์บอกเป็นนัยๆว่างานนี้ลูกเป็นเจ้าภาพนะจ๊ะ
“ตามใจเธอก็แล้วกัน อยากทานอะไรเป็นพิเศษสั่งได้เลยนะจ๊ะ” คุณกาหลงเอ่ยจากนั้นหันไปเรียกเด็กที่อยู่บริเวณนั้นมารับออเดอร์ “ขอตัวก่อนนะคะคุณพิพัฒน์ ป่าน ก่อนกลับให้เด็กที่ร้านไปเรียกนะ ”
“เชิญครับ” คุณพิพัฒน์อนุญาติ จากนั้นเจ้าของร้านอาหารกลิ่นแก้วกาหลงเดินตรงออกไปต้อนรับลูกกลุ่มอื่น
แม้จะอยากอยู่สนทนากับเพื่อนและครอบครัวต่อ แต่ด้วยมารยาทของเจ้าของร้านทำให้ไม่สามารถหยุดคุยกับ
ลูกค้าคนไหนได้นาน กาหลงจำต้องปลีกตัวไปดูแลลูกค้าโต๊ะอื่นต่อ
“มีอาหารแนะนำมั้ยจ๊ะหนู” เสียงทอดอย่างอ่อนหวานของคุณป่านแก้วเอ่ยถามพนักงาน
“มีปลากระพงนึ่งพริกมะนาว แกงเลียงผักรวม ไข่สะใภ้ทรงเครื่อง ปลารากกล้วยทอดใบมะกรูด ปลาอินทรีย์ทอดซอสเปรี้ยวหวาน ห่อหมกปลา แล้วก็ปูจ๋าคะ” พนักงานในร้านเอ่ยรายการอาหารที่ขึ้นชื่อของทางร้าน
“สั่งอะไรดีคะคุณแต่ละอย่างน่าทานทั้งนั้นเลยคะ พีท แพท แหนะสั่งอาหารเลยจ๊ะ”
“แพทขอไข่สะใภ้ทรงเครื่อง” ชื่อรายการอาหารแปลกดีพันธิตราคิด ไม่รู้ว่าหน้าตาออกมาจะเป็นยังไง จะน่าทานเหมือนชื่อรึเปล่าก็ไม่รู้ อย่างนี้ต้องลองสั่งมาดูก่อนก็แล้วกัน
“งั้นพีทว่าเราสั่งอาหารแนะนำดีมั้ยครับ” หันไปถามความเห็นผู้ให้กำเนิดทั้งสอง
“ก็ดีลูกสั่งมาเลย”คุณพิพัฒน์เอ่ยก่อนจะยกหน้าที่ในการสั่งอาหารให้กับลูกๆแล้วหันไปสนใจบริเวณร้าน
“ปลากระพงนึ่งพริกมะนาว แกงเลียงผักรวม ผัดผักรวมมิตร ต้มจืดไข่ยัดไส้ แล้วก็ข้าวเปล่าหนึ่งโถครับ” พีร
วิชญ์สั่งอาหาร “ปูจ๋าด้วยลูกคุณพ่อชอบ” คุณป่านแก้วสำทับอย่างคนที่รู้ใจกันมานาน
“ครับแม่ เพิ่มปูจ๋าด้วยนะน้อง” พีรวิชญ์หันไปสั่งอาหารเพิ่มเติมตามคำสั่งของมารดา จากนั้นพนักงานทวนรายการอีกครั้งก่อนจะขอตัว
“บรรยากาศดีจังเลยนะคะคุณพ่อ” พันธิตราซึ่งนั่งข้างคุณพิพัฒน์ชี้ชวนให้ดูบรรยากาศในร้าน ที่ตอนนี้อากาศกำลังดี มีลมพัดมาเป็นระยะๆ ก่อนจะสูดกลิ่นหอมของดอกไม้ที่ปลูกไว้โดยรอบเข้าไปเต็มปอด
พีรวิชญ์เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ปล่อยตัวตามสบาย แล้วกวาดตามองไปรอบร้าน บรรยากาศน่านั่งจริงๆ มองไปทางไหนก็เจอแต่ต้นไม้กับดอกไม้ที่ถูกจัดประดับตกแต่งไว้อย่างสวยงาม
โครงสร้างของร้านทำมาจากไม้ทั้งหมดเป็นแบบยกสูงคล้ายเรือนไทย จากทางเดินข้างล่างจะมีขั้นบันไดให้เดินขึ้นไปข้างบน และหากมองจากด้านบนลงมาบริเวณด้านล่างตรงส่วนที่จัดไว้เป็นสวนหย่อมจะเห็นสวนดอกไม้นานาชนิดแข่งกันชูช่ออวดความสวยของตัวเองในตอนกลางวัน หากเป็นตอนกลางคืนก็จะได้สูดกลิ่นหอมของดอกไม้เหล่านั้น
ท่ามกลางบรรยากาศดี อาหารอร่อย และดนตรีที่ขับกล่อมแสนจะไพเราะ ทำให้มื้อนี้ของครอบครัวพิชญานันท์อบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะ และความสุข เมื่อรู้สึกว่าอากาศเริ่มเย็น พันธิตราจึงซุกตัวเข้าไปในอ้อมกอดของบิดาราวกับเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ พีรวิชญ์เห็นแบบนั้นจึงเรียกพนักงานมาเก็บเงิน
หลังจากร่ำลากับคุณกาหลงและรับปากว่าจะมาเป็นลูกค้าประจำของร้าน ครอบครัวพิชญานันท์จึงขอตัวกลับทันที
“อิ่มจังตังค์อยู่ครบ คราวหลังเรามากันอีกนะคะคุณพ่อคุณแม่ อาหารอร่อย บรรยากาศดี ดนตรีเพราะ ที่สำคัญไม่ต้องออกเงินเองด้วย” เสียงหัวเราะเล็กๆ ของพันธิตราดังขึ้นหลังจากที่มื้อนี้พีรวิชญ์เป็นคนจ่าย
พีรวิชญ์ที่เดินกอดคอหญิงสาวอยู่อดไม่อยู่ต้องยกมือขยี้ผมยาวที่ปล่อยสยายเต็มแผ่นหลังด้วยความหมั่นไส้ในความเจ้าเล่ห์ของพันธิตรา
“โอ๊ย! ผมยุ่งหมดแล้ว” ร้องโอดโอยจากนั้นเบี่ยงตัวออกจากการกอดของชายหนุ่มวิ่งไปแทรกกลางระหว่าง
คุณพิพัฒน์กับคุณป่านแก้ว แล้วสอดแขนเรียวเล็กเข้าไปที่แขนของผู้ให้กำเนิดทั้งสองอย่างละข้าง
“แล้วแพทล่ะลูก เมื่อไหร่จะพาพ่อกับแม่มาเลี้ยงซักที พี่พีทเลี้ยงมาหลายมื้อแล้วนา นี่พ่อก็รออยู่” บิดาหันไปถามลูกสาวอย่างเอ็นดู
“โอ๊ย!ขูดเลือดกับปูนี่นาแบบนี้” ก่อนจะเอนศีรษะซบไหล่บิดาอย่างออดอ้อน “เดี๋ยวรอพี่พีทขึ้นเงินเดือนให้แพทก่อนนะ แล้วแพทจะมาเลี้ยงคืนทีหลัง” ก่อนจะโยนไปให้พีรวิชญ์
ที่จริงเธอเองก็มีเงินเดือนประจำอยู่แล้วจากเงินปันผลบริษัทและจากเงินเดือนในตำแหน่งแต่ที่พูดนี่ก็เพื่อจะแกล้งพี่ชายเท่านั้นเอง
ชายหนุ่มไม่ตอบอะไรนอกจากอาการยิ้มนิดๆ ที่มุมปากกับนิสัยช่างอ้อนของพันธิตรา ดีที่เธอเป็นเฉพาะกับคนภายในครอบครัวและคนที่สนิทกันเท่านั้น หากไปทำกิริยาแบบนี้กับคนอื่นคาดว่าคงถูกหมั่นไส้ในความไม่รู้จักโตเป็นแน่
“พ่อก็อยากเห็นนี่นา ว่าเลือดปูมันเป็นสีอะไร ใช่มั้ยแม่” คุณพิพัฒน์หันไปขอความเห็นคุณป่านแก้ว
“ใช่คะ” คุณป่านเอ่ยสนับสนุนอย่างอารมณ์ดีที่ได้แกล้งลูกสาว
“โห! ทุกคนรุมแพทนี่นา งอนล่ะ” กิริยาแสนงอนที่เจ้าตัวแกล้งทำนั้น เรียกเสียงหัวเราะจากคนทั้งสามได้เป็นอย่างดี จากนั้นทั้งหมดพากันขึ้นรถก่อนจะกลับไปยังคฤหาสน์พิชญานันท์
อีกมุมหนึ่งของกรุงเทพฯ
“เฮ้ย!แกดูผู้หญิงสองคนที่โต๊ะนั้นซิ สวยเป็นบ้าเลย” เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นพลางส่งสายตาให้เพื่อนในกลุ่มมองลงไปชั้นล่าง
“เออ!ว่ะ สวยจริงๆ อย่างนี้น่าเข้าไปทำความรู้จักเผื่อคืนนี้จะได้ไม่ต้องกลับไปนอนคนเดียว” ชายอีกคนกล่าวทำให้เพื่อนในกลุ่มหัวเราะอย่างเห็นขัน จากนั้นเดินลงไปเพื่อจะทำความรู้จักกับหญิงสาวทั้งสอง
เพียงขวัญและอัญชันชวนกันมานั่งฟังเพลงตามสไตล์สาวโสดซึ่งปกตินัดกันมาประจำอยู่แล้ว แล้วแแต่ว่าจะเป็นสถานที่แบบไหนปกติก็จะเป็นร้านอาหารหรือคอนโดของอัญชันเพื่อทำอาหารกินเองนานๆ ครั้งถึงจะเป็นร้านกึ่งผับแบบวันนี้ แต่วันนี้จะขาดไปก็คือพันธิตราที่มีนัดทานข้าวกับครอบครัวทำให้มาด้วยไม่ได้ แต่รายนั้นก็อดเสียดายไม่ได้เพราะอยากหาโอกาศมาร้านนี้หลายครั้งแล้ว ได้ยินแต่เสียงร่ำลือว่านักร้องที่นี่ร้องเพลงเพราะ
“สวัสดีครับขอนั่งด้วยคนได้มั้ยครับ ผมชื่อคมกฤษ ยินดีที่ได้รู้จักครับไม่ทราบว่าคุณ,,,” คมกฤษเอ่ยทักทายก่อนจะถามชื่อหญิงสาวทั้งสองเพื่อแสดงความรู้จัก
เพียงขวัญเงยหน้าขึ้นดูชายหนุ่มที่นั่งเก้าอี้ข้างๆ โดยไม่ได้รับเชิญ พลางลอบถอนหายใจกับชายหนุ่มตรงหน้าก่อนจะตีหน้าซื่อส่งยิ้มหวานไปให้
“สวัสดีคะ ยินดีที่ได้รู้จักคุณคมกฤษ หวังว่าคงไม่คิดว่ามันเป็นการเสียมารยาทนะคะถ้าจะบอกว่าเราต้องการความเป็นส่วนตัว” เสียงหวานปนรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ของเพียงขวัญถูกส่งออกมาพร้อมกับประโยคที่ไม่คิดจะรักษามารยาทใดๆ
อัญชันกลั้นหัวเราะเมื่อเห็นชายหนุ่มทำตาโตอ้าปากค้างพลางเอาเท้าเขี่ยใต้โต๊ะสะกิดขาเพียงขวัญดูชายหนุ่ม เธอเกรงว่าเพื่อนจะพูดแรงไปจึงส่งสายตาให้แต่กลับเป็นเพียงขวัญที่หันมาส่งสายตาว่าให้อยู่เฉยๆ พวกผู้ชายชอบเที่ยวกลางคืนก็มักเป็นแบบนี้ไม่ค่อยน่าไว้ใจ
“เอ่อ!!” คมกฤษชะงักไปทันทีอย่างไม่ทันตั้งตัวกับประโยคปฏิเสธของหญิงสาวก่อนถอยออกมาอย่างงง ๆ
“เฮ้ย!แกแรงไปป่าวเนี่ย”อัญชันมองตามชายหนุ่มที่เดินออกไปแต่ไม่วายถามเพราะถึงอย่างไรเธอเองก็ไม่อยากมีเรื่องกับพวกขี้เมาตามสถานที่แบบนี้มันดูปลอดภัยอีกอย่างพวกเธอก็มากันแค่สองคนหากมีเรื่องขึ้นมาจะลำบาก
“ไม่เป็นไรแกไม่ต้องไปสนใจ คงคิดว่าเราเป็นสาวน้อยไร้เดียงสาไม่ทันเกมส์ละซิ ชิส์” เพียงขวัญยักไหล่อย่างไม่เห็นความสำคัญ
มาเที่ยวตามสถานที่แบบนี้ร้อยทั้งร้อยส่วนใหญ่ผู้ชายมักคิดว่าผู้หญิงที่มาเที่ยวกลางคืนเป็นผู้หญิงที่ใจง่าย ไปต่อด้วยได้ง่ายๆ เหมือนที่มีคนเคยบอกไว้ ‘ความสัมพันธ์ชั่วคราว’ หรือบางคนอาจพัฒนาไปอย่างอื่นสุดแล้วแต่ว่าจะตกลงกันอย่างไร แต่ก็ไม่พ้นที่จะสนุกชั่วครั้งชั่วคราว
เธอเคยได้ยินเพื่อนสมัยเรียนบอกว่าหากต้องการ ‘กิ๊ก’ หรือ ‘คู่นอน’ ให้มาเที่ยวตามสถานที่แบบนี้รับรอบเจอชัวร์ เพราะต่างฝ่ายต่างไม่ผูกมัด แต่จะให้หวังถึงขนาดที่ว่าคนโสดต้องการหาคู่อยากได้เป็นพ่อของลูกหรือเป็นแม่ของลูกนั้นอย่างหวัง แต่ใช่ว่าจะเป็นแต่สถานที่อโคจรเท่านั้น บางครั้งสถานที่แบบนี้อาจทำให้เราได้เจอเพื่อนแท้ขึ้นมาก็ได้ใครจะรู้ แต่นั่นมันสำหรับคนอื่น แต่สำหรับพวกเธอแล้วยังไงสถานที่แบบนี้ก็เป็นได้แค่สถานที่พักผ่อนเอาไว้นัดเจอเฮฮาประสาเพื่อนสนิทเท่านั้น
“ฟังเพลงต่อเถอะเสียดายยายแพทไม่ได้มาด้วย นี่ถ้ามามันคงกรี๊ดนักร้องไปหลายตลบแหละ” แล้วก็หันไปร้องเพลงคลอกับนักร้องที่กำลังร้องเพลงโปรดอยู่ขณะนี้
เธอเห็นด้วยกับเพียงขวัญที่ว่ามาเที่ยวสถานที่แบบนี้อดไม่ได้หรอกที่จะต้องมีผู้ชายมาขอเบอร์มาเลี้ยงเครื่องดื่มหรืออะไรก็ได้ที่คิดว่าพวกเธอเป็นไก่ที่จะพาไปเชือดได้ง่ายๆ แต่น่าเสียดายลูกไม้ตื้นๆอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แบบนี้ไม่สามารถใช้กับพวกเธอได้หรอก ภูมิต้านทานของพวกเธอยังคงทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
“เฮ้ย! เป็นอะไรของแกไอ้คม ไปยังไม่ถึงห้านาที เดินคอตกกลับมาซะแล้วแสดงว่าถูกสาวโต๊ะนั้นปฏิเสธมารึไง เขาว่าไงวะแกถึงเดินมาหมดสภาพแบบนี้ ” เพื่อนในกลุ่มถาม
“ก็ใช่นะดิ” คมกฤษตอบเพื่อนอย่างไม่กลัวเสียหน้าพลางเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก่อนที่เพื่อนจะพากันหัวเราะ “เออขำกันเข้าไป ไม่เชื่อพวกแกลองดูสิรับรองได้ม้วนเสื่อกลับบ้านแทบไม่ทัน” คมกฤษท้าเพื่อนแล้วยกแก้วที่มีน้ำสีอำพันขึ้นจิบ เห็นสวยๆ แบบนั้นเชือดกันนิ่มๆแบบเอาให้เจ็บโดยไม่รู้ตัว สวยประหารจริงๆ ใครได้ไปเป็นแฟนคงคิดหนัก
“ได้!เดี๋ยวข้าจะลงไปแสดงให้ดูแล้วจะกลับมาพร้อมเบอร์โทรหรืออาจจะกลับมาพร้อมสาวสวยสองคนนั้นก็ได้โว้ย” ธันวาชายหนุ่มอีกคนที่มีดีกรีเป็นหนึ่งในห้าสิบหนุ่มหล่อในฝันที่มีการจัดอันดับของนิตยสารเอ่ยทิ้งท้ายก่อนจะลงไปที่โต๊ะนั้นอีกครั้ง
จะแค่ไหนกันเชียวกับแค่ผู้หญิงเที่ยวกลางคืนแค่ยื่นหน้าหล่อๆเข้าไป ปากหวานเอาใจอีกนิดหน่อยขี้คร้านจะวิ่งเข้ามาซบอกแทบไม่ทัน
“สวัสดีครับเพื่อมิตรภาพที่กำลังจะเกิดขึ้นผมขออนุญาตเลี้ยงเครื่องดื่มนะครับ” ก่อนจะยกมือส่งสัญญาณให้พนักงานเสิร์ฟ
“ขอบคุณคะ แต่ไม่เป็นไรดีกว่า พวกเราจ่ายกันเองได้คะ” อันชันปฏิเสธ มาอีกแล้วพวกผู้ชายบ้าพลัง
“ไม่รบกวนหรอกครับแค่นี้เอง ไม่ต้องเกรงใจ” ชายหนุ่มไม่สนใจคำปฏิเสธหันไปสั่งเครื่องดื่มกับพนักงาน ก่อนจะแนะนำตัวเอง “ผมธันวา แล้วคุณละครับชื่ออะไร? กันบ้าง” ชายหนุ่มส่งยิ้มที่คิดว่ามีเสน่ห์ที่สุดไปให้สาวคนไหนได้เห็นต่างก็ยอมสยบมาแล้ว
“ยินดีที่ได้รู้จักคะคุณธันวา พวกเราขอไม่แนะนำตัวนะคะ เพราะเราต้องการความเป็นส่วนตัว หวังว่าคุณคงเข้าใจ” เพียงขวัญเอ่ยปฏิเสธอย่างไม่คิดรักษาน้ำใจใดๆ ที่ชายหนุ่มยื่นให้ด้วยสีหน้าที่ไม่เก็บความรู้สึกว่าไม่พอใจแค่ใหน
เฮ้อ! วันนี้มันเป็นวันซวยอะไรของพวกเธอกะจะมานั่งฟังเพลงแบบสบายๆ แต่ก็ดันมีมารมาผจญจนได้เมื่อกี้ก็คนหนึ่งละมาแนะนำตัวไม่ทันไรก็ถอยร่นไม่เป็นขบวน แล้วนายนี่อีกคนทำทีมาเลี้ยงเครื่องดื่มเห็นว่าหน้าตาหล่อแล้วจะหลอกกันได้เหรอฝันไปเถอะ
“ไม่เข้าใจ ทำไมเอ็งไม่ชวนเอง ให้ข้าชวนทำไม” พีรวิชญ์ทำเสียงรำคาญเมื่อต่อลาภเซ้าซี้ถามถึงพันธิตราว่าออกมาด้วยรึเปล่าหลังจากที่ได้โทรไปชวนเขาให้ออกมานั่งดื่มด้วยกันแถมคะยั้นคะยอให้ชวนพันธิตรามาให้ได้
เมื่อช่วงค่ำหลังจากรับประทานอาหารเย็นพร้อมครอบครัวเสร็จแล้วต่อลาภโทรมาชวนให้เขาออกมานั่งฟังเพลงด้วยกัน เนื่องในโอกาศพิเศษที่เอกพงษ์เพื่อนสนิทอีกคนหนีภรรยามาเที่ยว ดูก็รู้ว่าเป็นการแซวของต่อลาภ ที่จริงแล้วคงหาเรื่องอยากมาเที่ยวมากกว่า แถมยังมีหน้าให้เขาพาพันธิตราออกมาด้วยให้ด้วยอีก
เรื่องอะไรเขาจะเปิดโอกาศให้อยากจีบก็หาโอกาศเองซิ แต่ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีของต่อลาภหรือเป็นโชคร้ายของพันธิตรากันแน่ ที่พอได้ยินว่าเขาจะออกไปข้างนอก ก็ขอตามมาด้วยเพราะเพื่อนสนิทของเธอออกมาฟังเพลงที่ร้านนี้พอดีก็เลยอยากจะขอตามมาด้วย ซึ่งเขาเองก็ไม่ขัดอย่างน้อยก็ไปที่เดียวกันกลับด้วยกัน
“เออ !อยู่หน้าร้านแล้ว เดี๋ยวเข้าไปแค่นี้แหละ” เก็บโทรศัทพ์ใส่กระเป๋าจากนั้นหันไปจับมือพันธิตราเข้าไปข้างในซึ่งเขาไม่ได้บอกต่อลาภว่าพาพันธิตรามาด้วยปล่อยให้เพื่อนกระวนกระวายเล่นอย่างนั้นแหล่ะถูกใจเขานัก โทษฐานที่บังอาจมาจีบน้องสาวคนเดียวของเขา
ภายในร้านตอนนี้คลาคล่ำไปด้วยนักเที่ยวราตรีจำนวนมาก โต๊ะเก้าอี้ที่มีให้บริการตอนนี้ถูกจับจองเต็มหมดทั้งชั้นหนึ่งและชั้นสอง เสียงเพลงเพราะกำลังถูกบรรเลงโดยนักร้องที่ถึงแม้จะไม่มืออาชีพแต่ก็เรียกได้สะกดคนฟังได้อยู่หมัด
“เฮ้! พีททางนี้” เสียงเรียกขอต่อลาภดังแข่งกับเสียงเพลงเมื่อเห็นพีรวิชญ์เดินมาพร้อมกับพันธิตรา
“สวัสดีคะพี่ต่อ พี่เอก ” พันธิตรายกมือไหว้เพื่อนสนิทของพี่ชายซึ่งเธอเองก็สนิทสนมและคุ้นเคยกับชายหนุ่มทั้งสองเป็นอย่างดี
“สวัสดีครับน้องแพท” ต่อลาภยิ้มทั้งปากและตาส่งไปให้เมื่อเห็นพันธิตรามาด้วย หนอย!!ไอ้เพื่อนตัวดีหลอกให้เขาเข้าใจว่าพันธิตราไม่ได้มาด้วยอย่างนี้มันน่านัก!! ฝากไว้ก่อนเถอะก่อนจะส่งสายตาไปยังพีรวิชญ์
พีรวิชญ์มองตอบมาอย่างรู้ทัน ทำไมนี่น้องสาวข้านะโว้ยอยากจีบก็หาโอกาศเองสิ
“สวัสดีครับน้องแพท วันนี้มาคุมไอ้พีทเหรอ” เอกพงษ์รับไหว้หญิงสาวก่อนจะเอ่ยแซวพีรวิชญ์
“เปล่าคะ เห็นว่ามาร้านนี้แพทก็เลยขอตามมาด้วยเพื่อนบอกว่าร้านนี้เพลงเพราะ” กวาดตามองไปรอบๆร้านเพราะจำได้ว่าเพื่อนสนิทของเธอโทรมาชวนให้มานั่งฟังเพลงที่ร้านนี้เหมือนกัน ป่านนี้คงนั่งอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่งนี้แหละ ไว้เดี๋ยวค่อยโทรหาดีกว่า
“เฮ้ย! วันนี้หนีเมียมาเที่ยวเหรอ” พีรวิชญ์หันไปแซวเอกพงษ์เพื่อนในกลุ่มอีกคนซึ่งตอนนี้แต่งงานมีครอบครัวไปก่อน
“ไม่ได้หนีโว้ย! วันนี้เมียข้าใจดีอนุญาตให้มาได้” เอกพงษ์ทำยักษ์ใส่เพื่อนนี่คงคิดว่าเขาหนีเมียมาเที่ยวละซิ ที่เขาออกมาได้ก็เพราะว่าภรรยาเขาไปสัมนาที่ต่างจังหวัดกับบริษัทคุณเธอจึงเอ่ยปากให้เขาออกมาสังสรรค์พบเจอกับเพื่อนฝูงได้ ปกติเธอก็ไม่เคยห้ามอยู่แล้วหากเขาจะมาเที่ยวแต่ด้วยความที่เขาแต่งงานมีครอบครัว ความรับผิดชอบก็มากขึ้น ให้มาเที่ยวเหมือนคนโสดเหมือนพวกนี้ก็คงไม่ดีแน่ แต่ถ้านานๆ ครั้งยังพอได้เหมือน
อย่างครั้งนี้
“เอ๊ะ! นั่นเพื่อนแพทนี่นา พี่พีทขอแพทไปทักเพื่อนก่อนนะเดี๋ยวมา” พันธิตรารีบบอกเมื่อเห็นโต๊ะของเพื่อนสนิทนั่งอยู่ไม่ไกล
“คนไหน โต๊ะไหน” พีรวิชญ์ถามพลางมองไปตามมือที่กำลังชี้
“โต๊ะโน้นไงคะ ที่มีผู้หญิงสองคนแล้วก็มีผู้ชายหนึ่งคน แต่เอ๊ะ! ใครอ่ะ ไม่เห็นคุ้นหน้าเลย” นิ่วหน้ามองเมื่อไม่คุ้นหน้าชายหนุ่มจะว่าเป็นแฟนเพื่อนก็ไม่น่าใช่เพราะสองคนนั้นเป็นเพื่อนสนิทกับเธอ หากมีหนุ่มคนไหนมาขายขนมจีบพวกเธอจะไม่ปิดบังและต้องพามาแนะนำให้รู้จัก แต่ดูเหมือนบรรยากาศในโต๊ะนั้นจะไม่ค่อยสดใสนัก หรือเพื่อนเธอจะเกิดเรื่อง
ทั้งสามหันไปดูโต๊ะที่ว่า พีรวิชญ์ชะงักทันทีกับโต๊ะที่น้องสาวบอกว่าเป็นเพื่อนนั่นมันหญิงสาวร่างเล็กนัยตาชวนฝันที่เขาเคยช่วยเหลือเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมานี่นา พีรวิชญ์ไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ใบหน้าของตัวเองกำลังระบายไปด้วยรอยยิ้ม กรุงเทพฯมันแคบหรือโลกกลมก็ไม่รู้ แล้วทำไมต้องดีใจขนาดนี้ด้วยกับการที่ได้เจอเธออีกครั้ง
ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ
กระแอมเรียกสติตัวเองหนึ่งครั้งก่อนให้ความเห็น “แฟนเพื่อนเรารึเปล่า” แล้วมองไปที่ชายหนุ่มมาดดีที่นั่งข้างๆ ไม่รู้หรอกว่าทั้งหมดคุยอะไรกันแต่สังเกตุได้จากหน้าของหญิงสาวทั้งสองเหมือนไม่อยากเสวนากับชายหนุ่มด้วยสักนิด
“ไม่ใช่แน่นอนคะ สองคนนั้นยังไม่มีแฟน พี่พีทไปเป็นเพื่อนแพทหน่อยสิ ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า” พันธิตราชวนเมื่อสังเกตุเห็นผู้ชายคนเดียวในโต๊ะทำหน้าเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่างหรือว่าเพื่อนเธอกำลังมีปัญหา หากว่าผู้ชายคนนั้นมีจุดประสงค์ร้ายนั่นหมายถึงว่าเพื่อนเธอไม่ปลอดภัย ถ้าหากมีใครเดินไปด้วยเธอยังพออุ่นใจ
“ไปซิ” พีรวิชญ์ซ่อนยิ้มไว้หลังจบประโยคคล้ายบอกเล่าของพันธิตรา ‘สองคนนั้นยังไม่มีแฟน’ ไม่รู้ทำไมพีรวิชญ์รู้สึกว่าเป็นเสียงแอ็คโค่ดังกลับไปกลับมาอยู่ในหูหรือว่าเขาจะคิดอะไรกับผู้หญิงที่เห็นหน้าแค่ครั้งเดียว อาจมีแฟนอยู่แล้วก็ได้ใครจะรู้ ยิ่งหน้าตาน่ารักอยู่ สงสัยงานนี้เขาจะเป็นเอามาก ก่อนจะรีบลุกเมื่อพันธิตรากระตุกแขนชายหนุ่มให้เดินไปด้วยกันจากนั้นจึงเดินไปที่โต๊ะของทั้งสองที่อยู่ถัดไปอีกประมาณสามสี่โต๊ะ
“อัน ขวัญ” พันธิตราส่งเสียงนำไปก่อนทำให้สมาชิกในโต๊ะมองผู้มาใหม่
“แพท”อัญชันและเพียงขวัญร้องเสียงดังดีใจที่เห็นเพื่อนเดินเข้ามาพร้อมชายหนุ่มหน้าตาดี
“ขอโทษนะคะคุณธันวาตอนนี้เพื่อนเรามากันครบแล้วคงไม่คบกวนคุณที่จะต้องมาอยู่เป็นเพื่อนแล้วหล่ะคะ”เพียงขวัญเอ่ยเป็นทำนองไล่ทำให้ธันวาถอยฉากออกมาทันทีโดยที่ยังไม่ได้รู้จักแม้แต่ชื่อ
ชายหนุ่มยักไหล่ก่อนจะเดินออกมาโดยไม่หันกลับไปมองข้างหลังก็แค่ผู้หญิงหน้าตาธรรมดาสองคนทำเป็นเล่นตัวรับรองคืนนี้เขาหาได้หน้าตาดีกว่านี้อีกเยอะ ว่าแต่ไอ้พวกนั้นจะหาว่าไร้ฝีมือรึเปล่า ไม่น่าไปท้าพวกมันไว้เลย ให้ตาย!!
“มีอะไรรึเปล่า”ถามทันทีที่ชายหนุ่มเดินออกไปซึ่งคงไม่สบอารมณ์นัก
“ไม่มีอะไรหรอก นายคนเมื่อกี้เขาตื้ออยากเลี้ยงเครื่องดื่มและคงจะอยากนั่งด้วย” อัญชันตอบพลางชะงักกับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆพันธิตราความจำเธอยังไม่สั้นเพราะฉะนั้นผู้ชายคนนี้ก็คือคนที่มีน้ำใจเคยเธอช่วยเข็นรถนี่นา
“คุณ” พันธิตราทำหน้าแปลกใจที่เห็นชายหนุ่มที่นี่แถมยังมากับพันธิตราเสียด้วย
“สองคนนี้รู้จักกันมาก่อนหรือคะ” พันธิตราถามอย่างงๆ พลางหันไปมองพีรวิชญสลับกับอัญชันโดยมีเพียงขวัญพยักหน้าหงึกหงักเป็นลูกคู่ ทำหน้าตาสงสัยเช่นเดียวกันว่าสองคนนี้ไปรู้จักกันได้ยังไง
“คุณคนนี้ไงขวัญที่เล่าให้ฟังวันก่อนที่บอกว่ามีคนมาช่วยเข็นรถให้อันไง” อันชันหันไปอธิบาย
“อ๋อ! คนที่แกบอกว่าหล่…” คำว่า ‘หล่อ’ ของเพียงขวัญหายเข้าไปในปากทันทีที่มือของอัญชันยกมือขึ้นปิดได้ทันก่อนที่เพียงขวัญจะหลุดอะไรออกมาให้ขายหน้าไปมากกว่านี้ โดยลืมไปเสียสนิทว่าหลังจากที่เธอเล่าเหตุการณ์ในวันนั้นให้เพียงขวัญฟังจบลง เธอได้ให้ความเห็นกับผู้ชายคนนั้นต่อยังไงบ้าง
อัญชัน เหลือบมองชายหนุ่มร่างสูงที่นั่งข้างๆ ว่าจะสงสัยที่เพียงขวัญพูดหรือไม่ ชายหนุ่มยังคงทำหน้าปกติเหมือนไม่รู้ว่าเพียงขวัญจะพูดว่าอะไร ไม่รู้ว่าเธออุปทานไปเองรึเปล่าที่เห็นมีมุมปากมีรอยยิ้มขันขึ้นมาอยู่แวบหนึ่งก่อนจะเลือนหายไปเมื่อเขม้นมองอีกครั้งกลับเห็นพีรวิชญ์ทำหน้าปกติ สงสัยเธอจะตาฝาด ยังไงเรื่องแบบนี้ก็ไม่สมควรพูดเพราะผู้ชายคนนี้ก็เป็นแฟนของพันธิตราเพื่อนที่เธอรักมากเสียด้วยสิ
“มีอะไรกันสองคนนี้ไม่บอกแพท” พันธิตราเอ่ยถามเมื่อเห็นพิรุธของเพื่อนสาว
“ไม่มีอะไรไว้เล่าให้ฟังวันหลังนะ” เพียงขวัญตอบกลั้นหัวเราะพลางหันไปถาม “แล้วนี่แพทมากับแฟนสองคนหรอนั่งด้วยกันมั๊ย”
“บ้าเหรอขวัญ นี่พี่ชายแพทเอง พี่พีท แฟนที่ไหนหล่ะ” หัวเราะอย่างขำในความคิดเพียงขวัญแล้วแนะนำเพื่อนให้รู้จักพี่ชาย
มีหลายคนเหมือนกันที่มักทักว่าเธอและพี่ชายเป็นแฟนกันเพราะทั้งสองหน้าตาไม่ค่อยเหมือนกันเท่าไหร่ พีรวิชญ์ออกไปทางคมเข้มเหมือนมารดาที่เป็นคนไทยแท้ส่วนพันธิตราออกไปทางหวานๆทางบิดาที่เป็นลูกคนจีน
“สวัสดีคะพี่พีท เรียกขวัญเฉยๆก็ได้คะ ส่วนนี่อัญชันหรือพี่จะเรียกอันก็ได้คะ” เพียงขวัญผู้มีมนุษย์สัมพันธ์ดีรีบเอ่ยแนะนำตัวเองก่อนจะแนะนำอัญชัน
“สวัสดีคะ เจอกันอีกแล้วนะคะแล้วก็ขอบคุณที่ช่วยเหลือวันก่อนคะ” อัญชันจำได้ว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นคนเดียวกันกับคนที่มีน้ำใจที่ช่วยเหลือเธอไว้
“ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ยิ้มกว้างถูกส่งออกไปทันทีดีใจที่หญิงสาวยังจำได้แต่ต้องเก๊กมาดขรึมเอ่ยถามก่อนที่จะมีใครจับกระแสความยินดีนี้ไว้ได้ “ว่าแต่นี่มากันแค่สองคนหรือครับ” พีรวิชญ์หันไปถามโดยไม่เจาะจงใคร
“คะ ขวัญเขาอยากฟังเพลงเพื่อนที่ทำงานแนะนำว่าร้านนี้บรรยากาศดีเพลงเพราะก็เลยชวนกันมาลองฟังคะ แล้วคุณพีทละคะมากันแค่สองคนเหมือนกันหรือคะ” อัญชันถามหลังจากที่เห็นพีรวิชญ์เดินมากับพันธิตราแค่สองคน
“เรียกพี่พีทเหมือนอย่างแพทก็ได้ครับ” พีรวิชญ์เอ่ยอนุญาต
“พี่มากับเพื่อนครับนั่งกันอยู่อีกฝั่ง” อัญชันและเพียงขวัญหันไปตามมือที่บอกว่านั่งอยู่ฝั่งไหน “ถ้าไม่รังเกียจไปนั่งด้วยกันก็ได้นะครับ แพทชวนเพื่อนไปนั่งที่โต๊ะพี่ก็ได้”
“เกรงใจเพื่อนพี่พีทคะเผื่ออยากนั่งเป็นการส่วนตัว”เพียงขวัญเอ่ยพลางทำท่าทีเกรงใจ
“ไม่เป็นไรนั่งด้วยกันหลายๆ คนจะได้สนุก คนกันเองทั้งนั้นครับ” พีรวิชญ์เอ่ย
อัญชันและเพียงขวัญมองหน้ากันอย่างตัดสินใจว่าจะไปร่วมโต๊ะด้วยหรือไม่ เพื่อให้เรื่องมันง่ายพันธิตราจึงตัดสินใจแทน
“ไปเหอะ นั่งอยู่สองคนไม่ปลอดภัยเดี๋ยวมีใครมาเกาะแกะอีก” พันธิตราให้เหตุผล จากนั้นหันไปเรียกเด็กเสิรฟ์ให้มาช่วยย้ายเพื่อไปสมทบกับโต๊ะของพี่ชาย
ไม่นานจากนั้นทั้งหมดก็ขึ้นมานั่งสมทบกับโต๊ะของชายหนุ่มด้วยความที่ต่างฝ่ายต่างเป็นคนอัธยาศัยดีเป็นทุนอยู่แล้วงานนี้ชายหนุ่มหญิงสาวทั้งหกคนจึงสนิทกันอย่างรวดเร็ว
ขอโทษจริงๆค่ะที่เข้ามาอัพช้าเพราะไปต่างจังหวัดมา
คงไม่โกรธกันนะคะ
ฝากช่วยแนะนำติชมตอนที่ 3 ด้วยนะคะ
ขอบคุณคะ
-----------------------------------------------------
เสียงเรียกเข้าโทรศัทพ์ดังขึ้นขณะที่พีรวิชญ์กำลังเลี้ยวรถเข้าประตูหน้าคฤหาสน์พิชญานันท์ชายหนุ่มกดรับทันทีโดยไม่ได้สังเกตเบอร์ที่ปรากฏ
“สวัสดีครับ” ชายหนุ่มกรอกเสียงลงไป
“แหม! คุณพีททักกันอย่างกับเป็นคนอื่นคนไกลอย่างนี้มุกน้อยใจแล้วนะคะ” หญิงสาวนามว่าไข่มุกเอ่ยขึ้น
“เอ่อ…คุณมุกมีอะไรรึเปล่าครับ” พีรวิชญ์ทำท่านึกอยู่นานกว่าจะนึกออกว่าเสียงใสๆที่ตัดพ้ออยู่นี้เป็นใคร
“ขอบคุณนะคะสำหรับดอกไม้ช่อใหญ่แล้วก็สวยมากคะ” พูดพลางก้มดูดอกไม้ในอ้อมแขนที่จัดช่อไว้อย่างสวยงาม ”ส่งดอกไม้มาล่วงหน้าแบบนี้แล้วเจ้าของดอกไม้ละคะ อยู่ที่ไหนใกล้จะถึงบ้านมุกหรือยัง” ส่งเสียงไปตามสายพลางยกนาฬิกาเรือนสวยที่ข้อมือเล็กขึ้นมาดูซึ่งนี่ก็เลยเวลานัดไปมากชายหนุ่มน่าจะใกล้ถึง
“ไม่เป็นไรครับ ดีใจที่คุณมุกชอบ ดอกไม้สวยๆ ก็ต้องคู่กับคนสวยๆซิครับ” พูดหวานเอาใจพลางก้าวลงจากรถ
“คุณพีทหนะปากหวาน” หน้าแดงระเรื่อเมื่อเจอคำหวานของชายหนุ่ม “ว่าแต่คุณพีทใกล้จะถึงหรือยังคะ? เสียงหวานถามออกไป ก่อนจะฉุกคิดได้ว่า ส่งดอกไม้มาแทนตัวแบบนี้หวังว่าคงไม่ได้หมายถึงชายหนุ่มจะไม่มางานเลี้ยงวันเกิดเธอหรอกนะ
“คุณพีทลืมวันเกิดมุกรึเปล่าคะ? ” ส่งเสียงแปลกใจถามออกไป ถ้าส่งดอกไม้มาให้พร้อมกับการ์ดที่แนบคำอวยพรมา ก็แสดงว่าไม่ได้ลืมว่าวันนี้วันเกิดเธอ หรือว่าชายหนุ่มจะเลี่ยงไม่มา เธอน่าจะเดาได้ตั้งแต่เด็กที่ร้านดอกไม้มาขอพบและส่งไอ้เจ้าช่อดอกไม้แสนสวยนี้ให้ อารามดีใจที่ได้ดอกไม้ช่อโตจากชายหนุ่มทำให้ไม่ทันได้เฉลียวใจ คิดว่าอาจเป็นแซอรไพร์จากชายหนุ่ม
“ไม่ได้ลืมครับแต่เผอิญว่าวันนี้ผมติดธุระกับครอบครัวคงไปไม่ได้จริงๆ ยังไงผมต้องขอโทษคุณมุกด้วยนะครับ” เอ่ยปฏิเสธอย่างนุ่มนวล
“แหมเสียดายจังเลย นี่เพื่อนมุกแต่ละคนก็อยากจะเจอคุณพีทกันทั้งนั้นคะ” ทำเสียงเศร้าแล้วรีบอ้างถึงเพื่อนเธอเผื่อชายหนุ่มจะใจอ่อน
“อยากเจอผมทำไมกันครับผมไม่ใช่ดาราดังซะหน่อย”
“คุณพีทน่ะไม่รู้อะไร ดาราผู้ชายบางคนยังหล่อสู้คุณพีทไม่ได้เลย นี่บรรดาเพื่อนผู้หญิงมุกเขาอิจฉามุกกันจะแย่ทีได้มีโอกาสใกล้ชิดกับคุณพีท“ ไข่มุกทำเสียงชื่นชมชายหนุ่มและอดยิ้มภูมิใจกับตัวเองที่ได้เป็นคู่ควงคนล่าสุดของชายหนุ่ม
วันนี้เธอนัดเพื่อนในกลุ่มนางแบบด้วยกันมางานเลี้ยงฉลองวันเกิดที่บ้าน และเธอเองยังได้ป่าวประกาศไว้ก่อนหน้านี้อีกด้วยว่าจะเปิดตัวชายหนุ่มที่เธอกำลังคบหาดูใจอยู่ในขณะนี้
“ขอบคุณครับที่ชม แต่ยังไงผมต้องขอโทษคุณมุกจริงๆ ที่ไปงานวันเกิดไม่ได้ ฝากขอโทษเพื่อนๆ คุณมุกด้วยนะครับ” พีรวิชญ์ยืนยันอีกครั้ง
“คะไม่เป็นไร เดี๋ยวมุกจะบอกเพื่อนๆเอง อย่างนั้นแล้วมุกไม่รบกวนดีกว่า เผื่อว่าคุณพีทยังทำธุระไม่เสร็จ ไว้วันหลังค่อยนัดเจอเพื่อนมุกก็ได้คะ” ไข่มุกทำทีเข้าใจชายหนุ่มก่อนจะวางสายไป ด้วยไม่อยากเรียกร้องให้มากนักเพราะลำพังแค่นี้เพื่อนเธอต่างก็ไม่เชื่ออยู่แล้วว่าเธอกำลังคบกับ ’พีรวิชญ์’ หากรุกมากแล้วชายหนุ่มเกิดเบื่อหรือตีจากขึ้นมาก่อนที่จะได้เจอกับเพื่อนเธอ แบบนั้นมันเสียหน้ามากกว่ากันเยอะอดเปรี้ยวไว้กินหวานดีกว่า
“ไงจ๊ะเจ้าของงาน ได้เวลาตัดเค้กแล้วนะ แล้วไหนล่ะพระเอกของเธอจนป่านนี้แล้วยังไม่มาอีกหรอ” เอวิกาเพื่อนสาวคนสนิทเอ่ยถาม พลางแกว่งแก้วเครื่องดื่มในมือ
เพื่อนคนอื่นที่ไข่มุกได้ชวนมางานก็มากันเกือบครบขาดก็แต่ชายหนุ่มที่ไข่มุกอ้างว่าเป็น ‘แฟน’ ยังไม่ปรากฏแม้แต่เงาเห็นมีก็แต่เด็กร้านดอกไม้นำช่อดอกไม้ช่อใหญ่มาส่งเมื่อสักครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา
“สงสัยจะเป็นแค่ราคาคุยซะละมั้ง ” เพื่อนในกลุ่มซุบซิบพลางไม่เชื่อว่าไข่มุกจะคบหาอยู่กับ ‘พีรวิชญ์’ นักธุรกิจหนุ่มอนาคตไกลจริง อย่างมากก็คงเป็นได้แค่คู่ควงชั่วคราว
“ไม่ใช่ราคาคุยย่ะ “ ไข่มุกเสียงดังพลางส่งตาเขียวไปให้เพื่อน “แต่วันนี้คุณพีทเค้าติดธุระกับครอบครัวเลยปลีกตัวมาไม่ได้ รับรองคราวหน้าพวกเธอได้เจอคุณพีทแน่ๆ “ เอ่ยทิ้งท้ายไว้ก่อนจะสะบัดหน้าเดินเข้าไปในบ้านซึ่งตอนนี้หนุ่มสาวหลายคนกำลังสนุกกันสุดเหวี่ยง ปล่อยให้เพื่อนที่เหลือข้างนอกมองหน้ากันไปมาในความพื้นเสียของเจ้าของงาน
ทางด้านชายหนุ่มเมื่อวางสายจากหญิงสาวก็เดินฮัมเพลงเข้าบ้านอย่างอารมณ์ดีโดยไม่ได้สนใจกับงานเลี้ยงเล็กๆ นั่น
อันที่จริงระหว่างเขากับไข่มุกเคยเจอกันไม่กี่ครั้งตามงานอีเว้นท์ต่างๆ ที่ไข่มุกได้รับเชิญให้เป็นนางแบบ ส่วนเขาก็ได้รับเชิญเนื่องจากอยู่ในวงสังคมเดียวกันหรือบางงานก็จะเป็นการเปิดตัวสินค้าในเครือ ไข่มุกเป็นนางแบบชื่อดังที่ตอนนี้กำลังมาแรงเป็นที่กล่าวขวัญจากวงการนางแบบหลังจากที่เธอสลัดภาพนางแบบใสๆ มาเป็นสาวสวยสุดเซ็กซี่เมื่องานถ่ายแบบชุดล่าสุดที่มีการเปิดมากกว่าปิดนั้นออกวางแผงทำให้ยอดขายของหนังสือที่เธอขึ้นปกมีการสั่งซื้อมากเรียกว่าดังเป็นพลุแตกเลยก็ว่าได้กับการสลัดผ้าครั้งนี้
ด้วยรูปร่างและหุ่นที่ได้มาตราฐาน ทางบริษัทในเครือพิชญานันท์กรุ๊ป จึงได้ว่าจ้างให้ไข่มุกมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับชุดว่ายน้ำคอลเลคชั่นใหม่สำหรับซัมเมอร์ที่กำลังมาถึงนี้ ทำให้มีการเจอกันมากขึ้นกว่าเดิมและมีการควง
กันไปทานข้าวแค่ไม่กี่ครั้งไม่นึกว่าแค่นั้นจะทำให้หญิงสาวกล้าชวนเขาไปงานเลี้ยงที่มีแต่เพื่อนสนิทของเธอ
“พี่พีทมาแล้วคะคุณแม่” พันธิตราบอกมารดาหลังจากที่ได้ยินเสียงรถของพีรวิชญ์แล่นเข้ามาจอด “มาช้าจังเลยพี่พีท นึกว่าจะเบี้ยวนัดกันซะอีก” ทำหน้ายู่ขณะเดินออกมาที่หน้าประตูแล้วเดินกอดแขนพี่ชายเข้าไปในบ้าน
พีรวิชญ์ไม่ตอบนอกจากส่งยิ้มนิดๆ ที่มุมปากไปให้แล้วยกมือขยี้ผมที่ยาวของพันธิตราอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะถามบิดามารดา “ไปกันเลยมั้ยครับคุณพ่อคุณแม่”
“นั่งพักก่อนมั้ยลูกมาเหนื่อยๆ” คุณป่านแก้วถามเห็นว่าชายหนุ่มมีธุระด่วนที่จะต้องออกไปดูโรงงานที่นอกเมืองตั้งแต่เช้า
“ไม่เหนื่อยหรอกครับไปกันเลยก็ได้” พีรวิชญ์ตอบก่อนจะเดินเข้าไปหอมแก้มมารดาที่เป็นห่วงแล้วควงแขนพากันเดินไปขึ้นรถ
“โรงงานเป็นยังไงบ้างลูก” คุณพิพัฒน์เอ่ยถามขณะนั่งอยู่บนรถเมื่อเช้าชายหนุ่มโทรมาบอกว่าเครื่องจักรที่โรงงานมีปัญหาสายพานไม่ทำงานทางผู้จัดการโรงงานอยากให้ไปดูเผื่อว่าจะตัดสินใจว่าจะซ่อมหรือว่าจะสั่งซื้อตัว
ใหม่ดี
“ไม่มีอะไรแล้วครับ สายพานการผลิตบางตัวมีปัญหา บางทีเราอาจต้องสั่งเครื่องจักรตัวใหม่เข้ามาแทนตัวเก่าที่เริ่มมีปัญหาครับ”
“เปลี่ยนตัวใหม่ก็ดีลูก ตัวเก่านี่ก็ใช้มานานหลายสิบปี ปลดระวางหน่อยก็ดี” คุณพิพัฒน์นึกถึงเครื่องจักรตัวแรกที่เขาสั่งนำเข้ามาใช้ผลิตสินค้าของบริษัทที่เป็นรุ่นบุกเบิกรุ่นแรกและทำให้เขามีฐานะร่ำรวยมาจนถึงทุกวันนี้
“ครับ” พีรวิชญ์รับคำก่อนจะเป็นสารถีนำผู้โดยไปยังจุดหมายปลายทาง
ร้านอาหารกลิ่นแก้วกาหลงถูกซุกตัวอยู่ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่หลายชนิดกิ่งก้านของมันที่แตกยื่นออกมาช่วยปกคลุมความร้อนจากแสงอาทิตย์ที่ส่องกระทบพื้นดิน ทำให้บริเวณร้านไม่ร้อนอบอ้าวจนเกินไปแถมยังช่วยให้ บรรยากาศรอบร้าน ดูร่มรื่น ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ภายในร้านดูโปร่งโล่ง แต่งด้วยโคมไฟสีขาว เพิ่มความสบายตาด้วยกระจกใสรอบตัว หรือถ้าอยากชมบรรยากาศด้านนอก ก็สามารถเลือกนั่งได้ในโซน Open Air ที่จัดไว้อย่างน่านั่ง และเมื่อมีลมพัดมาเบาเบายังหอบเอาความหอมสดชื่นของดอกไม้นานาพันธ์ที่ปลูกไว้โดยรอบร้าน ทำให้ลูกค้าได้สูดอากาศที่บริสุทธ์ ที่นับวันจะหาได้ยากยิ่งสำหรับคนเมือง ตลอดจนทางเดินเข้าร้านยังมีน้ำตกจำลองเรียงชั้นลดหลั่นกันลงมาเรียกความสนใจจากผู้ที่เข้ามารับประทานอาหารได้ยิ่งนัก
“สวัสดีคะคุณพิพัฒน์…สวัสดีจ้าป่าน นึกว่าจะไม่ให้เกียรติมาที่ร้านซะอีก” คุณกาหลงเจ้าของร้านอาหารกลิ่นแก้วกาหลงเอ่ยทักทาย
“ยินดีด้วยนะจ๊ะ” คุณป่านแก้วเอ่ยพลางรับแจกันดอกไม้จากมือบุตรชายที่เธอเตรียมไว้แล้วยื่นให้คุณกาหลง
ร้านอาหารกลิ่นแก้วกาหลงเปิดบริการมาได้หลายปีและมีหลายสาขา แต่คุณป่านแก้วพึ่งทราบว่าเป็นร้านของคุณกาหลงเนื่องจากทั้งเธอและเพื่อนไม่ได้ติดต่อกันนาน หลังจากที่เจอกันโดยบังเอิญในงานเลี้ยงรุ่นที่ผ่านมาจึงทราบว่าเพื่อนมาเปิดสาขาใกล้ๆ บ้าน วันนี้โอกาศดีจึงชวนครอบครัวมาอุดหนุน
“ขอบใจจ้า” จากนั้นหันไปยื่นแจกันดอกไม้ให้เด็กเอาไปเก็บ “แค่เธอและครอบครัวมาแค่นี้ก็ดีใจแล้ว จะถือมาทำไมให้เมื่อยมือ” คุณกาหลงหันไปตำหนิเพื่อนอย่างไม่จริงจัง “นี่คงเป็นตาพีทกับหนูแพทใช่มั้ยจ๊ะ ไม่เจอกันนานหลายปีโตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันไปหมด” ก่อนจะถามถึงหนุ่มสาวที่ยืนอยู่ข้างหลัง
คุณกาหลงเคยเห็นพีรวิชญ์และพันธิตราตอนสมัยเป็นเด็กๆ อายุไม่กี่ขวบก่อนที่เธอจะแต่งงานแล้วย้ายตามสามีไปอยู่ต่างประเทศ และย้ายครอบครัวกลับมาตั้งรกรากที่เมืองไทยอย่างถาวรอีกครั้งหลังจากที่สามีเสียชีวิต
“ครับ/คะ” พีรวิชญ์และพันธิตรายกมือทำความเคารพคุณกาหลงเพื่อนของมารดาอีกครั้ง
“เชิญคุณพิพัฒน์กับเด็กๆ ข้างในเลยจ้า” คุณกาหลงเดินนำก่อนจะเลือกโต๊ะริมระเบียงที่อยู่โซนด้านนอกซึ่งสามารถมองเห็นบรรยากาศโดยรอบของร้านได้อย่างชัดเจน
“สั่งได้เลยเต็มที่นะจ๊ะมือนี้ฟรีจ้า” คุณกาหลงเอ่ย “ได้ยังไงกันจ๊ะของซื้อของขาย งานนี้ฉันมีเจ้าภาพมาเอง” คุณป่านแก้วรีบปฏิเสธเพื่อนพลางส่งสายตาไปยังพีรวิชญ์บอกเป็นนัยๆว่างานนี้ลูกเป็นเจ้าภาพนะจ๊ะ
“ตามใจเธอก็แล้วกัน อยากทานอะไรเป็นพิเศษสั่งได้เลยนะจ๊ะ” คุณกาหลงเอ่ยจากนั้นหันไปเรียกเด็กที่อยู่บริเวณนั้นมารับออเดอร์ “ขอตัวก่อนนะคะคุณพิพัฒน์ ป่าน ก่อนกลับให้เด็กที่ร้านไปเรียกนะ ”
“เชิญครับ” คุณพิพัฒน์อนุญาติ จากนั้นเจ้าของร้านอาหารกลิ่นแก้วกาหลงเดินตรงออกไปต้อนรับลูกกลุ่มอื่น
แม้จะอยากอยู่สนทนากับเพื่อนและครอบครัวต่อ แต่ด้วยมารยาทของเจ้าของร้านทำให้ไม่สามารถหยุดคุยกับ
ลูกค้าคนไหนได้นาน กาหลงจำต้องปลีกตัวไปดูแลลูกค้าโต๊ะอื่นต่อ
“มีอาหารแนะนำมั้ยจ๊ะหนู” เสียงทอดอย่างอ่อนหวานของคุณป่านแก้วเอ่ยถามพนักงาน
“มีปลากระพงนึ่งพริกมะนาว แกงเลียงผักรวม ไข่สะใภ้ทรงเครื่อง ปลารากกล้วยทอดใบมะกรูด ปลาอินทรีย์ทอดซอสเปรี้ยวหวาน ห่อหมกปลา แล้วก็ปูจ๋าคะ” พนักงานในร้านเอ่ยรายการอาหารที่ขึ้นชื่อของทางร้าน
“สั่งอะไรดีคะคุณแต่ละอย่างน่าทานทั้งนั้นเลยคะ พีท แพท แหนะสั่งอาหารเลยจ๊ะ”
“แพทขอไข่สะใภ้ทรงเครื่อง” ชื่อรายการอาหารแปลกดีพันธิตราคิด ไม่รู้ว่าหน้าตาออกมาจะเป็นยังไง จะน่าทานเหมือนชื่อรึเปล่าก็ไม่รู้ อย่างนี้ต้องลองสั่งมาดูก่อนก็แล้วกัน
“งั้นพีทว่าเราสั่งอาหารแนะนำดีมั้ยครับ” หันไปถามความเห็นผู้ให้กำเนิดทั้งสอง
“ก็ดีลูกสั่งมาเลย”คุณพิพัฒน์เอ่ยก่อนจะยกหน้าที่ในการสั่งอาหารให้กับลูกๆแล้วหันไปสนใจบริเวณร้าน
“ปลากระพงนึ่งพริกมะนาว แกงเลียงผักรวม ผัดผักรวมมิตร ต้มจืดไข่ยัดไส้ แล้วก็ข้าวเปล่าหนึ่งโถครับ” พีร
วิชญ์สั่งอาหาร “ปูจ๋าด้วยลูกคุณพ่อชอบ” คุณป่านแก้วสำทับอย่างคนที่รู้ใจกันมานาน
“ครับแม่ เพิ่มปูจ๋าด้วยนะน้อง” พีรวิชญ์หันไปสั่งอาหารเพิ่มเติมตามคำสั่งของมารดา จากนั้นพนักงานทวนรายการอีกครั้งก่อนจะขอตัว
“บรรยากาศดีจังเลยนะคะคุณพ่อ” พันธิตราซึ่งนั่งข้างคุณพิพัฒน์ชี้ชวนให้ดูบรรยากาศในร้าน ที่ตอนนี้อากาศกำลังดี มีลมพัดมาเป็นระยะๆ ก่อนจะสูดกลิ่นหอมของดอกไม้ที่ปลูกไว้โดยรอบเข้าไปเต็มปอด
พีรวิชญ์เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ปล่อยตัวตามสบาย แล้วกวาดตามองไปรอบร้าน บรรยากาศน่านั่งจริงๆ มองไปทางไหนก็เจอแต่ต้นไม้กับดอกไม้ที่ถูกจัดประดับตกแต่งไว้อย่างสวยงาม
โครงสร้างของร้านทำมาจากไม้ทั้งหมดเป็นแบบยกสูงคล้ายเรือนไทย จากทางเดินข้างล่างจะมีขั้นบันไดให้เดินขึ้นไปข้างบน และหากมองจากด้านบนลงมาบริเวณด้านล่างตรงส่วนที่จัดไว้เป็นสวนหย่อมจะเห็นสวนดอกไม้นานาชนิดแข่งกันชูช่ออวดความสวยของตัวเองในตอนกลางวัน หากเป็นตอนกลางคืนก็จะได้สูดกลิ่นหอมของดอกไม้เหล่านั้น
ท่ามกลางบรรยากาศดี อาหารอร่อย และดนตรีที่ขับกล่อมแสนจะไพเราะ ทำให้มื้อนี้ของครอบครัวพิชญานันท์อบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะ และความสุข เมื่อรู้สึกว่าอากาศเริ่มเย็น พันธิตราจึงซุกตัวเข้าไปในอ้อมกอดของบิดาราวกับเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ พีรวิชญ์เห็นแบบนั้นจึงเรียกพนักงานมาเก็บเงิน
หลังจากร่ำลากับคุณกาหลงและรับปากว่าจะมาเป็นลูกค้าประจำของร้าน ครอบครัวพิชญานันท์จึงขอตัวกลับทันที
“อิ่มจังตังค์อยู่ครบ คราวหลังเรามากันอีกนะคะคุณพ่อคุณแม่ อาหารอร่อย บรรยากาศดี ดนตรีเพราะ ที่สำคัญไม่ต้องออกเงินเองด้วย” เสียงหัวเราะเล็กๆ ของพันธิตราดังขึ้นหลังจากที่มื้อนี้พีรวิชญ์เป็นคนจ่าย
พีรวิชญ์ที่เดินกอดคอหญิงสาวอยู่อดไม่อยู่ต้องยกมือขยี้ผมยาวที่ปล่อยสยายเต็มแผ่นหลังด้วยความหมั่นไส้ในความเจ้าเล่ห์ของพันธิตรา
“โอ๊ย! ผมยุ่งหมดแล้ว” ร้องโอดโอยจากนั้นเบี่ยงตัวออกจากการกอดของชายหนุ่มวิ่งไปแทรกกลางระหว่าง
คุณพิพัฒน์กับคุณป่านแก้ว แล้วสอดแขนเรียวเล็กเข้าไปที่แขนของผู้ให้กำเนิดทั้งสองอย่างละข้าง
“แล้วแพทล่ะลูก เมื่อไหร่จะพาพ่อกับแม่มาเลี้ยงซักที พี่พีทเลี้ยงมาหลายมื้อแล้วนา นี่พ่อก็รออยู่” บิดาหันไปถามลูกสาวอย่างเอ็นดู
“โอ๊ย!ขูดเลือดกับปูนี่นาแบบนี้” ก่อนจะเอนศีรษะซบไหล่บิดาอย่างออดอ้อน “เดี๋ยวรอพี่พีทขึ้นเงินเดือนให้แพทก่อนนะ แล้วแพทจะมาเลี้ยงคืนทีหลัง” ก่อนจะโยนไปให้พีรวิชญ์
ที่จริงเธอเองก็มีเงินเดือนประจำอยู่แล้วจากเงินปันผลบริษัทและจากเงินเดือนในตำแหน่งแต่ที่พูดนี่ก็เพื่อจะแกล้งพี่ชายเท่านั้นเอง
ชายหนุ่มไม่ตอบอะไรนอกจากอาการยิ้มนิดๆ ที่มุมปากกับนิสัยช่างอ้อนของพันธิตรา ดีที่เธอเป็นเฉพาะกับคนภายในครอบครัวและคนที่สนิทกันเท่านั้น หากไปทำกิริยาแบบนี้กับคนอื่นคาดว่าคงถูกหมั่นไส้ในความไม่รู้จักโตเป็นแน่
“พ่อก็อยากเห็นนี่นา ว่าเลือดปูมันเป็นสีอะไร ใช่มั้ยแม่” คุณพิพัฒน์หันไปขอความเห็นคุณป่านแก้ว
“ใช่คะ” คุณป่านเอ่ยสนับสนุนอย่างอารมณ์ดีที่ได้แกล้งลูกสาว
“โห! ทุกคนรุมแพทนี่นา งอนล่ะ” กิริยาแสนงอนที่เจ้าตัวแกล้งทำนั้น เรียกเสียงหัวเราะจากคนทั้งสามได้เป็นอย่างดี จากนั้นทั้งหมดพากันขึ้นรถก่อนจะกลับไปยังคฤหาสน์พิชญานันท์
อีกมุมหนึ่งของกรุงเทพฯ
“เฮ้ย!แกดูผู้หญิงสองคนที่โต๊ะนั้นซิ สวยเป็นบ้าเลย” เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นพลางส่งสายตาให้เพื่อนในกลุ่มมองลงไปชั้นล่าง
“เออ!ว่ะ สวยจริงๆ อย่างนี้น่าเข้าไปทำความรู้จักเผื่อคืนนี้จะได้ไม่ต้องกลับไปนอนคนเดียว” ชายอีกคนกล่าวทำให้เพื่อนในกลุ่มหัวเราะอย่างเห็นขัน จากนั้นเดินลงไปเพื่อจะทำความรู้จักกับหญิงสาวทั้งสอง
เพียงขวัญและอัญชันชวนกันมานั่งฟังเพลงตามสไตล์สาวโสดซึ่งปกตินัดกันมาประจำอยู่แล้ว แล้วแแต่ว่าจะเป็นสถานที่แบบไหนปกติก็จะเป็นร้านอาหารหรือคอนโดของอัญชันเพื่อทำอาหารกินเองนานๆ ครั้งถึงจะเป็นร้านกึ่งผับแบบวันนี้ แต่วันนี้จะขาดไปก็คือพันธิตราที่มีนัดทานข้าวกับครอบครัวทำให้มาด้วยไม่ได้ แต่รายนั้นก็อดเสียดายไม่ได้เพราะอยากหาโอกาศมาร้านนี้หลายครั้งแล้ว ได้ยินแต่เสียงร่ำลือว่านักร้องที่นี่ร้องเพลงเพราะ
“สวัสดีครับขอนั่งด้วยคนได้มั้ยครับ ผมชื่อคมกฤษ ยินดีที่ได้รู้จักครับไม่ทราบว่าคุณ,,,” คมกฤษเอ่ยทักทายก่อนจะถามชื่อหญิงสาวทั้งสองเพื่อแสดงความรู้จัก
เพียงขวัญเงยหน้าขึ้นดูชายหนุ่มที่นั่งเก้าอี้ข้างๆ โดยไม่ได้รับเชิญ พลางลอบถอนหายใจกับชายหนุ่มตรงหน้าก่อนจะตีหน้าซื่อส่งยิ้มหวานไปให้
“สวัสดีคะ ยินดีที่ได้รู้จักคุณคมกฤษ หวังว่าคงไม่คิดว่ามันเป็นการเสียมารยาทนะคะถ้าจะบอกว่าเราต้องการความเป็นส่วนตัว” เสียงหวานปนรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ของเพียงขวัญถูกส่งออกมาพร้อมกับประโยคที่ไม่คิดจะรักษามารยาทใดๆ
อัญชันกลั้นหัวเราะเมื่อเห็นชายหนุ่มทำตาโตอ้าปากค้างพลางเอาเท้าเขี่ยใต้โต๊ะสะกิดขาเพียงขวัญดูชายหนุ่ม เธอเกรงว่าเพื่อนจะพูดแรงไปจึงส่งสายตาให้แต่กลับเป็นเพียงขวัญที่หันมาส่งสายตาว่าให้อยู่เฉยๆ พวกผู้ชายชอบเที่ยวกลางคืนก็มักเป็นแบบนี้ไม่ค่อยน่าไว้ใจ
“เอ่อ!!” คมกฤษชะงักไปทันทีอย่างไม่ทันตั้งตัวกับประโยคปฏิเสธของหญิงสาวก่อนถอยออกมาอย่างงง ๆ
“เฮ้ย!แกแรงไปป่าวเนี่ย”อัญชันมองตามชายหนุ่มที่เดินออกไปแต่ไม่วายถามเพราะถึงอย่างไรเธอเองก็ไม่อยากมีเรื่องกับพวกขี้เมาตามสถานที่แบบนี้มันดูปลอดภัยอีกอย่างพวกเธอก็มากันแค่สองคนหากมีเรื่องขึ้นมาจะลำบาก
“ไม่เป็นไรแกไม่ต้องไปสนใจ คงคิดว่าเราเป็นสาวน้อยไร้เดียงสาไม่ทันเกมส์ละซิ ชิส์” เพียงขวัญยักไหล่อย่างไม่เห็นความสำคัญ
มาเที่ยวตามสถานที่แบบนี้ร้อยทั้งร้อยส่วนใหญ่ผู้ชายมักคิดว่าผู้หญิงที่มาเที่ยวกลางคืนเป็นผู้หญิงที่ใจง่าย ไปต่อด้วยได้ง่ายๆ เหมือนที่มีคนเคยบอกไว้ ‘ความสัมพันธ์ชั่วคราว’ หรือบางคนอาจพัฒนาไปอย่างอื่นสุดแล้วแต่ว่าจะตกลงกันอย่างไร แต่ก็ไม่พ้นที่จะสนุกชั่วครั้งชั่วคราว
เธอเคยได้ยินเพื่อนสมัยเรียนบอกว่าหากต้องการ ‘กิ๊ก’ หรือ ‘คู่นอน’ ให้มาเที่ยวตามสถานที่แบบนี้รับรอบเจอชัวร์ เพราะต่างฝ่ายต่างไม่ผูกมัด แต่จะให้หวังถึงขนาดที่ว่าคนโสดต้องการหาคู่อยากได้เป็นพ่อของลูกหรือเป็นแม่ของลูกนั้นอย่างหวัง แต่ใช่ว่าจะเป็นแต่สถานที่อโคจรเท่านั้น บางครั้งสถานที่แบบนี้อาจทำให้เราได้เจอเพื่อนแท้ขึ้นมาก็ได้ใครจะรู้ แต่นั่นมันสำหรับคนอื่น แต่สำหรับพวกเธอแล้วยังไงสถานที่แบบนี้ก็เป็นได้แค่สถานที่พักผ่อนเอาไว้นัดเจอเฮฮาประสาเพื่อนสนิทเท่านั้น
“ฟังเพลงต่อเถอะเสียดายยายแพทไม่ได้มาด้วย นี่ถ้ามามันคงกรี๊ดนักร้องไปหลายตลบแหละ” แล้วก็หันไปร้องเพลงคลอกับนักร้องที่กำลังร้องเพลงโปรดอยู่ขณะนี้
เธอเห็นด้วยกับเพียงขวัญที่ว่ามาเที่ยวสถานที่แบบนี้อดไม่ได้หรอกที่จะต้องมีผู้ชายมาขอเบอร์มาเลี้ยงเครื่องดื่มหรืออะไรก็ได้ที่คิดว่าพวกเธอเป็นไก่ที่จะพาไปเชือดได้ง่ายๆ แต่น่าเสียดายลูกไม้ตื้นๆอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แบบนี้ไม่สามารถใช้กับพวกเธอได้หรอก ภูมิต้านทานของพวกเธอยังคงทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
“เฮ้ย! เป็นอะไรของแกไอ้คม ไปยังไม่ถึงห้านาที เดินคอตกกลับมาซะแล้วแสดงว่าถูกสาวโต๊ะนั้นปฏิเสธมารึไง เขาว่าไงวะแกถึงเดินมาหมดสภาพแบบนี้ ” เพื่อนในกลุ่มถาม
“ก็ใช่นะดิ” คมกฤษตอบเพื่อนอย่างไม่กลัวเสียหน้าพลางเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก่อนที่เพื่อนจะพากันหัวเราะ “เออขำกันเข้าไป ไม่เชื่อพวกแกลองดูสิรับรองได้ม้วนเสื่อกลับบ้านแทบไม่ทัน” คมกฤษท้าเพื่อนแล้วยกแก้วที่มีน้ำสีอำพันขึ้นจิบ เห็นสวยๆ แบบนั้นเชือดกันนิ่มๆแบบเอาให้เจ็บโดยไม่รู้ตัว สวยประหารจริงๆ ใครได้ไปเป็นแฟนคงคิดหนัก
“ได้!เดี๋ยวข้าจะลงไปแสดงให้ดูแล้วจะกลับมาพร้อมเบอร์โทรหรืออาจจะกลับมาพร้อมสาวสวยสองคนนั้นก็ได้โว้ย” ธันวาชายหนุ่มอีกคนที่มีดีกรีเป็นหนึ่งในห้าสิบหนุ่มหล่อในฝันที่มีการจัดอันดับของนิตยสารเอ่ยทิ้งท้ายก่อนจะลงไปที่โต๊ะนั้นอีกครั้ง
จะแค่ไหนกันเชียวกับแค่ผู้หญิงเที่ยวกลางคืนแค่ยื่นหน้าหล่อๆเข้าไป ปากหวานเอาใจอีกนิดหน่อยขี้คร้านจะวิ่งเข้ามาซบอกแทบไม่ทัน
“สวัสดีครับเพื่อมิตรภาพที่กำลังจะเกิดขึ้นผมขออนุญาตเลี้ยงเครื่องดื่มนะครับ” ก่อนจะยกมือส่งสัญญาณให้พนักงานเสิร์ฟ
“ขอบคุณคะ แต่ไม่เป็นไรดีกว่า พวกเราจ่ายกันเองได้คะ” อันชันปฏิเสธ มาอีกแล้วพวกผู้ชายบ้าพลัง
“ไม่รบกวนหรอกครับแค่นี้เอง ไม่ต้องเกรงใจ” ชายหนุ่มไม่สนใจคำปฏิเสธหันไปสั่งเครื่องดื่มกับพนักงาน ก่อนจะแนะนำตัวเอง “ผมธันวา แล้วคุณละครับชื่ออะไร? กันบ้าง” ชายหนุ่มส่งยิ้มที่คิดว่ามีเสน่ห์ที่สุดไปให้สาวคนไหนได้เห็นต่างก็ยอมสยบมาแล้ว
“ยินดีที่ได้รู้จักคะคุณธันวา พวกเราขอไม่แนะนำตัวนะคะ เพราะเราต้องการความเป็นส่วนตัว หวังว่าคุณคงเข้าใจ” เพียงขวัญเอ่ยปฏิเสธอย่างไม่คิดรักษาน้ำใจใดๆ ที่ชายหนุ่มยื่นให้ด้วยสีหน้าที่ไม่เก็บความรู้สึกว่าไม่พอใจแค่ใหน
เฮ้อ! วันนี้มันเป็นวันซวยอะไรของพวกเธอกะจะมานั่งฟังเพลงแบบสบายๆ แต่ก็ดันมีมารมาผจญจนได้เมื่อกี้ก็คนหนึ่งละมาแนะนำตัวไม่ทันไรก็ถอยร่นไม่เป็นขบวน แล้วนายนี่อีกคนทำทีมาเลี้ยงเครื่องดื่มเห็นว่าหน้าตาหล่อแล้วจะหลอกกันได้เหรอฝันไปเถอะ
“ไม่เข้าใจ ทำไมเอ็งไม่ชวนเอง ให้ข้าชวนทำไม” พีรวิชญ์ทำเสียงรำคาญเมื่อต่อลาภเซ้าซี้ถามถึงพันธิตราว่าออกมาด้วยรึเปล่าหลังจากที่ได้โทรไปชวนเขาให้ออกมานั่งดื่มด้วยกันแถมคะยั้นคะยอให้ชวนพันธิตรามาให้ได้
เมื่อช่วงค่ำหลังจากรับประทานอาหารเย็นพร้อมครอบครัวเสร็จแล้วต่อลาภโทรมาชวนให้เขาออกมานั่งฟังเพลงด้วยกัน เนื่องในโอกาศพิเศษที่เอกพงษ์เพื่อนสนิทอีกคนหนีภรรยามาเที่ยว ดูก็รู้ว่าเป็นการแซวของต่อลาภ ที่จริงแล้วคงหาเรื่องอยากมาเที่ยวมากกว่า แถมยังมีหน้าให้เขาพาพันธิตราออกมาด้วยให้ด้วยอีก
เรื่องอะไรเขาจะเปิดโอกาศให้อยากจีบก็หาโอกาศเองซิ แต่ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีของต่อลาภหรือเป็นโชคร้ายของพันธิตรากันแน่ ที่พอได้ยินว่าเขาจะออกไปข้างนอก ก็ขอตามมาด้วยเพราะเพื่อนสนิทของเธอออกมาฟังเพลงที่ร้านนี้พอดีก็เลยอยากจะขอตามมาด้วย ซึ่งเขาเองก็ไม่ขัดอย่างน้อยก็ไปที่เดียวกันกลับด้วยกัน
“เออ !อยู่หน้าร้านแล้ว เดี๋ยวเข้าไปแค่นี้แหละ” เก็บโทรศัทพ์ใส่กระเป๋าจากนั้นหันไปจับมือพันธิตราเข้าไปข้างในซึ่งเขาไม่ได้บอกต่อลาภว่าพาพันธิตรามาด้วยปล่อยให้เพื่อนกระวนกระวายเล่นอย่างนั้นแหล่ะถูกใจเขานัก โทษฐานที่บังอาจมาจีบน้องสาวคนเดียวของเขา
ภายในร้านตอนนี้คลาคล่ำไปด้วยนักเที่ยวราตรีจำนวนมาก โต๊ะเก้าอี้ที่มีให้บริการตอนนี้ถูกจับจองเต็มหมดทั้งชั้นหนึ่งและชั้นสอง เสียงเพลงเพราะกำลังถูกบรรเลงโดยนักร้องที่ถึงแม้จะไม่มืออาชีพแต่ก็เรียกได้สะกดคนฟังได้อยู่หมัด
“เฮ้! พีททางนี้” เสียงเรียกขอต่อลาภดังแข่งกับเสียงเพลงเมื่อเห็นพีรวิชญ์เดินมาพร้อมกับพันธิตรา
“สวัสดีคะพี่ต่อ พี่เอก ” พันธิตรายกมือไหว้เพื่อนสนิทของพี่ชายซึ่งเธอเองก็สนิทสนมและคุ้นเคยกับชายหนุ่มทั้งสองเป็นอย่างดี
“สวัสดีครับน้องแพท” ต่อลาภยิ้มทั้งปากและตาส่งไปให้เมื่อเห็นพันธิตรามาด้วย หนอย!!ไอ้เพื่อนตัวดีหลอกให้เขาเข้าใจว่าพันธิตราไม่ได้มาด้วยอย่างนี้มันน่านัก!! ฝากไว้ก่อนเถอะก่อนจะส่งสายตาไปยังพีรวิชญ์
พีรวิชญ์มองตอบมาอย่างรู้ทัน ทำไมนี่น้องสาวข้านะโว้ยอยากจีบก็หาโอกาศเองสิ
“สวัสดีครับน้องแพท วันนี้มาคุมไอ้พีทเหรอ” เอกพงษ์รับไหว้หญิงสาวก่อนจะเอ่ยแซวพีรวิชญ์
“เปล่าคะ เห็นว่ามาร้านนี้แพทก็เลยขอตามมาด้วยเพื่อนบอกว่าร้านนี้เพลงเพราะ” กวาดตามองไปรอบๆร้านเพราะจำได้ว่าเพื่อนสนิทของเธอโทรมาชวนให้มานั่งฟังเพลงที่ร้านนี้เหมือนกัน ป่านนี้คงนั่งอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่งนี้แหละ ไว้เดี๋ยวค่อยโทรหาดีกว่า
“เฮ้ย! วันนี้หนีเมียมาเที่ยวเหรอ” พีรวิชญ์หันไปแซวเอกพงษ์เพื่อนในกลุ่มอีกคนซึ่งตอนนี้แต่งงานมีครอบครัวไปก่อน
“ไม่ได้หนีโว้ย! วันนี้เมียข้าใจดีอนุญาตให้มาได้” เอกพงษ์ทำยักษ์ใส่เพื่อนนี่คงคิดว่าเขาหนีเมียมาเที่ยวละซิ ที่เขาออกมาได้ก็เพราะว่าภรรยาเขาไปสัมนาที่ต่างจังหวัดกับบริษัทคุณเธอจึงเอ่ยปากให้เขาออกมาสังสรรค์พบเจอกับเพื่อนฝูงได้ ปกติเธอก็ไม่เคยห้ามอยู่แล้วหากเขาจะมาเที่ยวแต่ด้วยความที่เขาแต่งงานมีครอบครัว ความรับผิดชอบก็มากขึ้น ให้มาเที่ยวเหมือนคนโสดเหมือนพวกนี้ก็คงไม่ดีแน่ แต่ถ้านานๆ ครั้งยังพอได้เหมือน
อย่างครั้งนี้
“เอ๊ะ! นั่นเพื่อนแพทนี่นา พี่พีทขอแพทไปทักเพื่อนก่อนนะเดี๋ยวมา” พันธิตรารีบบอกเมื่อเห็นโต๊ะของเพื่อนสนิทนั่งอยู่ไม่ไกล
“คนไหน โต๊ะไหน” พีรวิชญ์ถามพลางมองไปตามมือที่กำลังชี้
“โต๊ะโน้นไงคะ ที่มีผู้หญิงสองคนแล้วก็มีผู้ชายหนึ่งคน แต่เอ๊ะ! ใครอ่ะ ไม่เห็นคุ้นหน้าเลย” นิ่วหน้ามองเมื่อไม่คุ้นหน้าชายหนุ่มจะว่าเป็นแฟนเพื่อนก็ไม่น่าใช่เพราะสองคนนั้นเป็นเพื่อนสนิทกับเธอ หากมีหนุ่มคนไหนมาขายขนมจีบพวกเธอจะไม่ปิดบังและต้องพามาแนะนำให้รู้จัก แต่ดูเหมือนบรรยากาศในโต๊ะนั้นจะไม่ค่อยสดใสนัก หรือเพื่อนเธอจะเกิดเรื่อง
ทั้งสามหันไปดูโต๊ะที่ว่า พีรวิชญ์ชะงักทันทีกับโต๊ะที่น้องสาวบอกว่าเป็นเพื่อนนั่นมันหญิงสาวร่างเล็กนัยตาชวนฝันที่เขาเคยช่วยเหลือเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมานี่นา พีรวิชญ์ไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ใบหน้าของตัวเองกำลังระบายไปด้วยรอยยิ้ม กรุงเทพฯมันแคบหรือโลกกลมก็ไม่รู้ แล้วทำไมต้องดีใจขนาดนี้ด้วยกับการที่ได้เจอเธออีกครั้ง
ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ
กระแอมเรียกสติตัวเองหนึ่งครั้งก่อนให้ความเห็น “แฟนเพื่อนเรารึเปล่า” แล้วมองไปที่ชายหนุ่มมาดดีที่นั่งข้างๆ ไม่รู้หรอกว่าทั้งหมดคุยอะไรกันแต่สังเกตุได้จากหน้าของหญิงสาวทั้งสองเหมือนไม่อยากเสวนากับชายหนุ่มด้วยสักนิด
“ไม่ใช่แน่นอนคะ สองคนนั้นยังไม่มีแฟน พี่พีทไปเป็นเพื่อนแพทหน่อยสิ ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า” พันธิตราชวนเมื่อสังเกตุเห็นผู้ชายคนเดียวในโต๊ะทำหน้าเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่างหรือว่าเพื่อนเธอกำลังมีปัญหา หากว่าผู้ชายคนนั้นมีจุดประสงค์ร้ายนั่นหมายถึงว่าเพื่อนเธอไม่ปลอดภัย ถ้าหากมีใครเดินไปด้วยเธอยังพออุ่นใจ
“ไปซิ” พีรวิชญ์ซ่อนยิ้มไว้หลังจบประโยคคล้ายบอกเล่าของพันธิตรา ‘สองคนนั้นยังไม่มีแฟน’ ไม่รู้ทำไมพีรวิชญ์รู้สึกว่าเป็นเสียงแอ็คโค่ดังกลับไปกลับมาอยู่ในหูหรือว่าเขาจะคิดอะไรกับผู้หญิงที่เห็นหน้าแค่ครั้งเดียว อาจมีแฟนอยู่แล้วก็ได้ใครจะรู้ ยิ่งหน้าตาน่ารักอยู่ สงสัยงานนี้เขาจะเป็นเอามาก ก่อนจะรีบลุกเมื่อพันธิตรากระตุกแขนชายหนุ่มให้เดินไปด้วยกันจากนั้นจึงเดินไปที่โต๊ะของทั้งสองที่อยู่ถัดไปอีกประมาณสามสี่โต๊ะ
“อัน ขวัญ” พันธิตราส่งเสียงนำไปก่อนทำให้สมาชิกในโต๊ะมองผู้มาใหม่
“แพท”อัญชันและเพียงขวัญร้องเสียงดังดีใจที่เห็นเพื่อนเดินเข้ามาพร้อมชายหนุ่มหน้าตาดี
“ขอโทษนะคะคุณธันวาตอนนี้เพื่อนเรามากันครบแล้วคงไม่คบกวนคุณที่จะต้องมาอยู่เป็นเพื่อนแล้วหล่ะคะ”เพียงขวัญเอ่ยเป็นทำนองไล่ทำให้ธันวาถอยฉากออกมาทันทีโดยที่ยังไม่ได้รู้จักแม้แต่ชื่อ
ชายหนุ่มยักไหล่ก่อนจะเดินออกมาโดยไม่หันกลับไปมองข้างหลังก็แค่ผู้หญิงหน้าตาธรรมดาสองคนทำเป็นเล่นตัวรับรองคืนนี้เขาหาได้หน้าตาดีกว่านี้อีกเยอะ ว่าแต่ไอ้พวกนั้นจะหาว่าไร้ฝีมือรึเปล่า ไม่น่าไปท้าพวกมันไว้เลย ให้ตาย!!
“มีอะไรรึเปล่า”ถามทันทีที่ชายหนุ่มเดินออกไปซึ่งคงไม่สบอารมณ์นัก
“ไม่มีอะไรหรอก นายคนเมื่อกี้เขาตื้ออยากเลี้ยงเครื่องดื่มและคงจะอยากนั่งด้วย” อัญชันตอบพลางชะงักกับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆพันธิตราความจำเธอยังไม่สั้นเพราะฉะนั้นผู้ชายคนนี้ก็คือคนที่มีน้ำใจเคยเธอช่วยเข็นรถนี่นา
“คุณ” พันธิตราทำหน้าแปลกใจที่เห็นชายหนุ่มที่นี่แถมยังมากับพันธิตราเสียด้วย
“สองคนนี้รู้จักกันมาก่อนหรือคะ” พันธิตราถามอย่างงๆ พลางหันไปมองพีรวิชญสลับกับอัญชันโดยมีเพียงขวัญพยักหน้าหงึกหงักเป็นลูกคู่ ทำหน้าตาสงสัยเช่นเดียวกันว่าสองคนนี้ไปรู้จักกันได้ยังไง
“คุณคนนี้ไงขวัญที่เล่าให้ฟังวันก่อนที่บอกว่ามีคนมาช่วยเข็นรถให้อันไง” อันชันหันไปอธิบาย
“อ๋อ! คนที่แกบอกว่าหล่…” คำว่า ‘หล่อ’ ของเพียงขวัญหายเข้าไปในปากทันทีที่มือของอัญชันยกมือขึ้นปิดได้ทันก่อนที่เพียงขวัญจะหลุดอะไรออกมาให้ขายหน้าไปมากกว่านี้ โดยลืมไปเสียสนิทว่าหลังจากที่เธอเล่าเหตุการณ์ในวันนั้นให้เพียงขวัญฟังจบลง เธอได้ให้ความเห็นกับผู้ชายคนนั้นต่อยังไงบ้าง
อัญชัน เหลือบมองชายหนุ่มร่างสูงที่นั่งข้างๆ ว่าจะสงสัยที่เพียงขวัญพูดหรือไม่ ชายหนุ่มยังคงทำหน้าปกติเหมือนไม่รู้ว่าเพียงขวัญจะพูดว่าอะไร ไม่รู้ว่าเธออุปทานไปเองรึเปล่าที่เห็นมีมุมปากมีรอยยิ้มขันขึ้นมาอยู่แวบหนึ่งก่อนจะเลือนหายไปเมื่อเขม้นมองอีกครั้งกลับเห็นพีรวิชญ์ทำหน้าปกติ สงสัยเธอจะตาฝาด ยังไงเรื่องแบบนี้ก็ไม่สมควรพูดเพราะผู้ชายคนนี้ก็เป็นแฟนของพันธิตราเพื่อนที่เธอรักมากเสียด้วยสิ
“มีอะไรกันสองคนนี้ไม่บอกแพท” พันธิตราเอ่ยถามเมื่อเห็นพิรุธของเพื่อนสาว
“ไม่มีอะไรไว้เล่าให้ฟังวันหลังนะ” เพียงขวัญตอบกลั้นหัวเราะพลางหันไปถาม “แล้วนี่แพทมากับแฟนสองคนหรอนั่งด้วยกันมั๊ย”
“บ้าเหรอขวัญ นี่พี่ชายแพทเอง พี่พีท แฟนที่ไหนหล่ะ” หัวเราะอย่างขำในความคิดเพียงขวัญแล้วแนะนำเพื่อนให้รู้จักพี่ชาย
มีหลายคนเหมือนกันที่มักทักว่าเธอและพี่ชายเป็นแฟนกันเพราะทั้งสองหน้าตาไม่ค่อยเหมือนกันเท่าไหร่ พีรวิชญ์ออกไปทางคมเข้มเหมือนมารดาที่เป็นคนไทยแท้ส่วนพันธิตราออกไปทางหวานๆทางบิดาที่เป็นลูกคนจีน
“สวัสดีคะพี่พีท เรียกขวัญเฉยๆก็ได้คะ ส่วนนี่อัญชันหรือพี่จะเรียกอันก็ได้คะ” เพียงขวัญผู้มีมนุษย์สัมพันธ์ดีรีบเอ่ยแนะนำตัวเองก่อนจะแนะนำอัญชัน
“สวัสดีคะ เจอกันอีกแล้วนะคะแล้วก็ขอบคุณที่ช่วยเหลือวันก่อนคะ” อัญชันจำได้ว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นคนเดียวกันกับคนที่มีน้ำใจที่ช่วยเหลือเธอไว้
“ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ยิ้มกว้างถูกส่งออกไปทันทีดีใจที่หญิงสาวยังจำได้แต่ต้องเก๊กมาดขรึมเอ่ยถามก่อนที่จะมีใครจับกระแสความยินดีนี้ไว้ได้ “ว่าแต่นี่มากันแค่สองคนหรือครับ” พีรวิชญ์หันไปถามโดยไม่เจาะจงใคร
“คะ ขวัญเขาอยากฟังเพลงเพื่อนที่ทำงานแนะนำว่าร้านนี้บรรยากาศดีเพลงเพราะก็เลยชวนกันมาลองฟังคะ แล้วคุณพีทละคะมากันแค่สองคนเหมือนกันหรือคะ” อัญชันถามหลังจากที่เห็นพีรวิชญ์เดินมากับพันธิตราแค่สองคน
“เรียกพี่พีทเหมือนอย่างแพทก็ได้ครับ” พีรวิชญ์เอ่ยอนุญาต
“พี่มากับเพื่อนครับนั่งกันอยู่อีกฝั่ง” อัญชันและเพียงขวัญหันไปตามมือที่บอกว่านั่งอยู่ฝั่งไหน “ถ้าไม่รังเกียจไปนั่งด้วยกันก็ได้นะครับ แพทชวนเพื่อนไปนั่งที่โต๊ะพี่ก็ได้”
“เกรงใจเพื่อนพี่พีทคะเผื่ออยากนั่งเป็นการส่วนตัว”เพียงขวัญเอ่ยพลางทำท่าทีเกรงใจ
“ไม่เป็นไรนั่งด้วยกันหลายๆ คนจะได้สนุก คนกันเองทั้งนั้นครับ” พีรวิชญ์เอ่ย
อัญชันและเพียงขวัญมองหน้ากันอย่างตัดสินใจว่าจะไปร่วมโต๊ะด้วยหรือไม่ เพื่อให้เรื่องมันง่ายพันธิตราจึงตัดสินใจแทน
“ไปเหอะ นั่งอยู่สองคนไม่ปลอดภัยเดี๋ยวมีใครมาเกาะแกะอีก” พันธิตราให้เหตุผล จากนั้นหันไปเรียกเด็กเสิรฟ์ให้มาช่วยย้ายเพื่อไปสมทบกับโต๊ะของพี่ชาย
ไม่นานจากนั้นทั้งหมดก็ขึ้นมานั่งสมทบกับโต๊ะของชายหนุ่มด้วยความที่ต่างฝ่ายต่างเป็นคนอัธยาศัยดีเป็นทุนอยู่แล้วงานนี้ชายหนุ่มหญิงสาวทั้งหกคนจึงสนิทกันอย่างรวดเร็ว

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 มิ.ย. 2554, 21:51:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 มิ.ย. 2554, 21:53:52 น.
จำนวนการเข้าชม : 1627
<< ตอนที่ 2 เจอกันครั้งแรก | ตอนที่ 4 ยอมรับหรือต่อต้าน (50%) >> |