ป่าอาถรรพ์
-------
Tags: ป่าอาถรรพ์

ตอน: ป่าอาถรรพ์

ป่าอาถรรพ์
เขียนโดย อโศกสิน


ณ วิทยาลัย คณะศึกษาป่า (นามสมมุติ) จะมีการสำรวจป่าทุกปี โดยให้ผู้ที่สำรวจป่าต้องเขียนบรรยายมาส่งให้อาจารย์ ซึ่งในปีนี้คณะสำรวจป่าได้แก่แก็งของผม โดยแก็งของผมมีทั้งหมด4คนรวมผม
ไอ่อาร์ม โต้ นิก พวกมันคือเพื่อนสนิทที่สุดของผม เราจะไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดเวลา และการไปสำรวจป่าครั้งนี้ พวกผมก็ได้ไปด้วยกันตามที่คาดไว้ ซึ่งป่าที่พวกผมจะไปสำรวจครั้งนี้มีว่าชื่อ ป่าวังวน (นามสมมุติ) โดยอาจารย์ให้พวกเรา ออกเดินสำรวจป่าเป็นเวลา 7 วันโดยนับตั่งแต่วันที่ 7 ตุลาคม ซึ่งพวกผมจะออกเดินทางวันที่5 ตุลาคม เพื่อเดินทางให้ไปถึงป่านั้นก่อน อาจารย์ย้ำว่าห้ามจ้างไกด์นำทางเด็ดขาด แต่พวกผมได้จากไกด์นำทางมาแล้ว เขามีนามว่า ติ๊ก ไกด์คนนี้พึ่งเป็นไกด์ฝึกงานใหม่ผมจึงจำเป็นต้องจ้างเขา เพราะไกด์ที่มีประสบการณ์ครูได้บอกกับไกด์นั้นหมดแล้ว ว่าห้ามให้นักเรียนมาจ้างเด็ดขาด
วันนี้วันที่ 4 แล้วสินะ พุ่งนี้ก็ต้องออกเดินทางแล้ว ผมคิดเล่นๆขณะนอนอยู่ในห้อง และลุกเดินไปเก็บของ ผมเป็นคนเก็บของคนสุดท้าย เพราะเพื่อนๆของผมได้เก็บกันตั่งแต่ ตอนเช้าแล้ว ขณะที่ผมกำลังเก็บของใส่กระเป๋า มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาว่า อย่าไปที่ป่านั่นเด็ดขาด ซึ่งเสียงนั่นเหมือนเสียงของคุณตาของผม ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว ผมจึงรีบหันหลังไปมองแต่ไม่พบใคร ผมคิดว่าผมคงหูฟาด ผมจึงเก็บของต่อไป
“ เจมส์ ลูก อาร์มมาหาลูกนะ ” เสียงแม่เรียกผม
“ เดี๋ยว ผมลงไปครับ ” ผมตอบกลับไป
ประมาณ 10 นาที ผมก็ลงมาหาเพื่อนของผม
“ มีไรว่ะ” ผมถามอาร์ม
“ กูรู้สึกไม่ดีเลยหว่ะ กับการสำรวจป่าครั้งนี้ ” อาร์ม ตอบกลับมา
“ เอาน่า เพื่อน มันไม่มีอะไรหรอก 7วันเองนะ ” ผมตอบ
“ กูว่าวันนี้วันนี้กูจะมานอนบ้านมึงหว่ะ ” อาร์มพูดลอยๆ
“ ได้สิ ยกกระเป๋ามาเลย ” ผมพูดพร้อมเดินนำไป
ตลอดทั้งคืน อาร์ม ไม่พูดกับผมเลย ทั้งที่ผมชวนเขาพูดตั้งหลายครั้ง แต่เขากลับสายหน้าและพยักหน้าเท่านั้น ผมจึงแปลกใจ เลยโทรถามไอ่โต้ โต้บอกว่า อาร์มไม่คุยกับมันมา 2-3 วันแล้ว ผมรู้สึกใจไม่ดี จึงจะไปถามอาร์ม แต่ปรากฏอาร์มได้นอนได้แล้ว ผมไม่อยากจะรบกวน จึงรีบนอนไปเหมือนกัน
วันรุ่งขึ้น ผมตื่นนอนประมาณ 8 โมง ผมหันไปดูอาร์ม ปรากฏว่าอาร์มหายไปกับ กระเป๋าสัมภาระแล้ว ผมคิดว่าเขาจะไปจุดที่นัดกันไว้ตอน9โมง โดยที่เขาไม่ปลุกผม ผมจึงรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ผมก็รีบไปที่จุดนัดหมาย ผมมาถึงประมาน 8.50 น. แล้ว ปรากฏทุกคนอยู่กันครบ และมีสีหน้าที่แจ่มใส ยกเว้นอาร์มเท่านั้น ที่ไม่ยิ้มและไม่พูดอะไรเลย ไม่นานรถตู้ VIP ก็ได้มาถึง ผมจึงวิ่งขึ้นก่อนพวกนั้น เพื่อที่จะได้ไปนั่งเบาะหลังสุด รถตู้คันนี้ มี3แถว แถวละ3 ที่นั่ง ไม่มีปัญหาสำหรับ พวกเราทั้ง4คน
ขณะเดินทางเดินทางไกด์ที่ชื่อติ๊กได้บรรยายกาศเกี่ยวกับป่าวังวัน ที่พวกผมกำลังจะไปสำรวจนี้ บรรยายไปเรื่อยๆ แต่พวกผมก็ไม่ได้ฟังแต่อย่างไร จนกระทั่งมาถึงประโยคที่ว่า ป่าต้องห้าม ไกด์เล่าต่อว่า ตนยังไม่เคยมาเป็นไกด์นำทางที่ป่านี่เลย เพราะส่วนมากเขาจะเลี่ยงไม่มาป่านี้กัน ผมจึงถามไปว่า “ทำไมหล่ะครับ’’ ‘’เพราะมันมีป่าต้องห้ามไงหล่ะ ป่านี้มีคนเข้าไปแล้วไม่เคยรอดออกมาแม้แต่คนเดียว มีคนเคยเข้าป่านี้ 3คณะ และ 3 คณะ ได้หายสาบสูญไปพร้อมกับไกด์ทั้ง3คน ซึ่งเมื่อเดือนก่อน เราได้พบร่างของทั้ง3คณะ มีทั้งหมด10 คน แต่ไม่พบไกด์ นำทาง ทางกรมป่าไม้ ได้สันนิฐานว่า อาจเป็นไกด์พาหลงป่า แต่สภาพของผู้เดินทาง มีรอยฉีก ผลกหนัง ออกไปทั้งตัว’’ ไกด์บรรยาย พอไกด์เล่าจบ พวกผมก็เงียบกันจนไม่ปริปากเลยทีเดียว จนกระทั่ง เวลาตกเย็น พวกเรามาถึงที่พัก และได้บอกกับไกด์ว่า จะขอออกเดินทางก่อน 1 วัน คือเริ่มเดินทางพรุ่งนี้ พวกผมนอนตรงห้องโถงเล็กๆห้องหนึ่ง พอพวกผมกินข้าว อาบน้ำ เสร็จ พวกผมก็นอนทันที ตกดึกผมสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางคัน เพราะไม่ยินเสียงคนเคาะประตู แต่ผมไม่ออกไม่เปิด เพราะอยากให้รู้ว่าทุกคนนอนหมดแล้ว เสียงเคาะประตูดังขึ้นทุกๆ1นาที และเริ่มเคาะถี่มากขึ้น ผมทนไม่ได้ จึงโฟนไปว่า ‘’ใครครับ คนกำลังจะหลับจะนอน’’ จากนั้นจนถึงรุ่งสางก็ไม่มีเสียงเคาะประตู
วันรุ่งขึ้นมาถึง พวกผมอาบน้ำแต่งตัว เก็บของเรียบร้อย ในเวลา10.00น. ผมเดินออกไปจากห้อง ปรากฏไกด์ได้มานั่งรออยู่แล้ว “น้องจะนอนที่โน้น หรือจะกลับที่นอนที่นี่” ไกด์ถาม ‘นอนโน้นครับ” นิกตอบอย่างรวดเร็ว จากนั้นไกด์ก็พาเดินเข้าไปในป่าลึกขึ้น ลึกจนพวกผมไม่สามารถหาทางออกได้ ระหว่างทางไกด์นิ่งเงียบ มีแต่เสียงพวกผมที่คุยกันดังมาก พอตกเย็น พวกผมกลางเต็นท์ ก่อนกางเต็นท์ ไกด์บอกว่าห้ามเข้าในป่าหวงห้ามเด็ดขาด แต่อยู่ดีๆไกด์ก็วิ่งเข้าไปในป่าอย่างไร้สาเหตุ
ตอนนี้เวลาเป็นเวลา 21.00น. แล้ว ไกด์ยังไม่กลับมาเลย เป็นเพราะอะไรกันนะ ผมครุ่นคิดในใจ แต่ไอ่นิก เพื่อนของผม มันเตรียม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมา มันแบ่งให้พวกเรา ในคืนนั้นเราจึงไม่อดตายกัน กลางดึกมาถึงพวกเรายังไม่ได้นอน เพราะครุ่นเขียนรายงานในการสำรวจป่าวันแรกกัน มันเป็นอะไรที่ยากมากเพราะระหว่างทางที่เดินป่า พวกผมเอาแต่คุยกัน จึงต้องเขียนมั่วแบบมีหลักการกันก่อน หลังจากนั้นพวกเราจึงนอนกัน คืนนั้นผมและอาร์มนอนไม่หลับ ผมจึงชวนเขาออกมาข้างนอก เราคุยกันเล่นไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไป ตี1กว่าๆ ผมและอาร์มกำลังจะนอน แต่ไกด์นำทางของเราวิ่งมาจากทางไหนก็ไม่รู้ และบอกให้ผมปลุกทุกคนให้ตื่นขึ้น พอทุกคนตื่นมา แล้วผมก็ก่อไฟ “ไกด์ไปไหนมาครับ” โต้ถาม ทุกคนเงียบไปสักพัก “เอาละ ฉันคงต้องเล่าเรื่องทุกอย่างให้พวกนายฟังสินะ” ไกด์พูดแล้วดื่มแก้วหนึ่ง “คือ รู้มั๊ยที่ฉันวิ่งเข้าไปในป่าเพราะอะไร เพราะมีวิญญาณตนหนึ่งสิงร่างฉันให้วิ่งเข้าไป ถ้าถามว่าเพื่ออะไร ป่าแห่งนี้เป็น เป็นป่าตัวตายตัวแทน ที่ฉันออกมาได้เพราะดวงวิญญาณของน้องสาวของฉันช่วยฉันและบอกให้ ให้ฉันพาพวกเธอออกไป ภายในคืนนี้” พวกเราทุกคนหัวเราะดังลั่น “บ้าหรอครับ ถ้าคุณจะไปคุณก็ไปคนเดียวเถอะครับ พวกผมจะรีบสำรวจและรีบออกไป” นิกพูดเสร็จ ก็ขำต่อ ไกด์มีสีหน้าที่ไม่พอใจ แล้วเดินออกจากป่าแห่งนี้ ก่อนที่จะออกไป ไกด์ได้ทิ้งแผนที่ไว้ให้เรา1 ฉบับ ผมได้เปิดแผนที่ฉบับ ปรากฏว่าแผนที่นี้เป็นแผนที่ทางเข้า-ออก ของป่าเขตหวงห้าม “งั้นพวกเราไปนอนกันก่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที” ผมสรุป จากนั้นเพื่อนๆก็พากันไปเข้านอน โดยหารู้ไม่ว่า ยิ้มรอยยิ้มของใครบางคนกำลังยิ้มด้วยความสะใจ
เช้าวันรุ่งขึ้น พวกผมตื่นมา และทำภารกิจของตัวเองกันเสร็จ จึงออกเดินเข้าไปในป่าหวงห้าม เพราะ ความอยากรู้อยากเห็นของพวกผม โดยนำทางจากแผนที่ที่ไกด์นำมาให้ แล้วเดินออกจากป่าไป ตั่งแต่เมื่อคืน แต่ทว่ายิ่งเดินมาลึกเท่าไหร่ บริเวณในป่าเริ่มจะมืดครึ้ม เพราะ
ทัศนวิสัยที่ไม่ค่อยจะดีนัก พวกผมพักเที่ยงใต้ต้นไม้ต้นใหญ่ต้นหนึ่ง ก่อนที่จะกินข้าว ไอ่อาร์มได้เก็บแผนที่ ไว้ใต้ต้นไม้ ขณะที่พวกผมกำลังกินข้าว ได้เกิดลมแรงมากจนทำให้ของทุกอย่างที่เตรียมปลิวไปหมด ไม่เหลืออะไรสักอย่าง “แผนที่” ผมตะโกนสู้กับเสียงลม แต่ทว่า แผนที่นั้นได้ปลิวหายไปเรียบร้อย ณ ตอนนี้พวกเราไม่เหลืออะไรแล้ว จะเหลือก็เพียง ของที่ติดตัวเท่านั้น ตอนนี้สายตาทุกคนรวมทั้งผม ได้จ้องมาที่ เพื่อนของผมที่ชื่ออาร์ม “กูขอโทษ กูไม่นึกว่ามันจะเป็นแบบนี้” อาร์มพูด “เอาเถอะหว่ะ ขอโทษไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา เรามาหาทางออกกันดีกว่า” โต้พุดอย่างหัวเสีย เพราะตอนนี้พวกเราเดินเข้าป่ามาลึกเต็มที่แล้ว พอพูดเสร็จได้ไม่นาน ฝนก็เทลงมาอย่างไม่มีสาเหตุ พวกเราจึงวิ่งไปข้างเรื่อยๆ จนกระทั่งไปเจอถ้ำถ้ำหนึ่ง พวกเราได้เข้าไปหลบฝนอยู่ในนั้น แล้วรอให้ฝนหยุด ‘เหมือนในหนังเลย ที่หลงป่าแล้วมาหลบฝนอยู่ในถ้ำ’ ผมนึกขึ้นมาเล่นๆ พวกเราให้ฝนหยุดตกจนเวลาล่วงเลยมาถึงตอนเย็น พวกเราได้ออกจากถ้ำ แต่ทว่ามีบางสิ่งบางอย่างปรากฏหน้าต่อพวกเรา โต้ได้เรียกเขา เขาหันมากับสภาพหน้าตาหน้าเละ เหมือนโดนฟันอะไรสักอย่าง นิ้วมือถูกฟันออกทั้งหมด ขาขาดออกจากกัน ผมสันนิฐานได้เลยว่าเป็นผี แต่ทุกคนไม่ขยับ กลั้นหายใจ ยกเว้นโต้ที่พึ่งวิญญาณตนนั้น “แกต้องไปอยู่กับฉัน” วิญญาณหญิงสาวแล้วคว้าตัว โต้ออกไป นั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้เรารู้ว่าทำไมไกด์จึงให้เราออกจากป่า “เราต้องรีบออกจากป่านี้ให้เร็วที่สุด” นิกพูด “แล้วไอ่โต้หล่ะ” อาร์มถามบ้าง “อย่าพึ่งมาหาเรื่องกันตอนนี้ได้ป่ะ แต่ตอนนี้พวกมึงดูก่อน ว่าตอนนี้มันกี่โมงแล้ว ขืนออกไปก็ตายกันหมดหว่ะ ไหนจะสัตว์ป่า” ผมพยายามพูดให้นิกและอาร์มเข้าใจ “กูไม่รู้ละ ขืนอยู่นิ่งก็ตายกันพอดี พวกมึงไม่ไปกูไปเอง” ว่าแล้วนิกก็เดินออกจากพวกผมไป ผมกำลังจะไปห้ามเขา แต่ที่ปรากฏตรงหน้าคือ นิกกำลังเผชิญหน้ากับวิญญาณตนหนึ่ง อาร์มได้วิ่งเข้าไปช่วยเพื่อน แต่ไม่ประสบผมสำเร็จ นิกโดนวิญญาณโยนกระแทกกับก้อนหินถึง2-3ครั้ง ทำให้นิกไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ “รายต่อไปคือพวกแก” วิญญาณตนนั้นหันมาบอก พร้อมกับเดินเข้ามา โดยผมและอาร์มไม่สามารถทำอะไรได้เลย ทันใดนั้น อาร์มได้เดินเข้าไปหาวิญญาณตนนั้น แล้วหยิบเอาพระจากสร้อยคอของตนเองขึ้นมาแล้วขว้างไปที่ วิญญาณตนนั้น ทำให้วิญญาณตนนั้น หายไปพร้อมกับพระ “รอดแบบเส้นยาแดงฝ่าแปด เลยหล่ะ” อาร์มพูด “ฉันเคยได้ยินชื่อป่านี้ เลยลองหยิบพระ มาด้วย เพราะชื่อป่ามันก็ยังไงๆแล้ว แล้วไม่ค่อยมีคนมาสำรวจด้วย” อาร์มพูดราวกับจะเดาใจผมได้ ผมเพียงแค่ยิ้มเจื่อนๆให้เขา ผมและอาร์ม ได้ไปหาฟืนมาก่อไฟ เพื่อจะนอนคืนนี้ เราตกลงกันว่าจะนอนในถ้ำนั่นก่อน เวลาราว2ทุ่มกว่าๆ พวกผมก่อไฟแล้วรีบตอนแต่หัวค่ำ โดยสลับกันเฝ้าเวรไว้ เวลาผ่านไปจนถึง00.00 ผมได้รับหน้าที่เฝ้าเวร ผมก็ทำหน้าที่ของผมปกติ จนมาถึงเวลา02.25 ผมต้องปลุกอาร์มขึ้น แล้วมองไปที่หน้าปากถ้ำ ปรากฏว่า วิญญาณนับ100 เดินเข้าแถวเพื่ออะไรสักหนึ่ง ผมสบตากับอาร์ม แล้วผมก็เดินไปกลั้นหายใจ และพยายามเดินให้เงียบที่สุด ผมเดินไปถึงหน้าปากถ้ำ สิ่งที่ผมเห็น ร่างของ นิกและโต้ กำลังถูกวิญญาณชำแหระ แล้วแจกจ่ายให้วิญญาณทุกดวงกินกัน ผมเผลอมาเฮือกหนึ่ง แต่วิญญาณไม่สนใจผม ผมจึงกลั้นหายใจต่อ แล้วเดินเข้าไปในปากถ้ำอย่าเงียบๆ แล้วรอให้ถึงรุ่งเช้า
รุ่งเช้ามาถึงผมกับอาร์ม ได้เดินหาทางออกกันตั่งแต่เช้า จนถึงตอนบ่าย2โมง แต่ทว่ายิ่งเดินเท่าไร ก็วนกลับมาที่เดิมทุกๆครั้ง ผมกับอาร์มนั่งพัก ปรากฏมีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามา ที่ที่ผมกับอาร์มอยู่ “น้องครับ จะไปไหนครับ” ผมถาม “หนูเป็นน้องพี่ไกด์ที่นำทางพี่มาค่ะ เขาให้เอาแผนที่มาให้พี่และพี่รีบออกไปจากที่นี่” หญิงสาวพูด แล้วยื่นแผนที่ให้ผม ก่อนที่จะหายตัวไปอย่างลึกลับ “มันอะไรกันหว่ะ” อาร์มพูดด้วยความตื่นตระหนก ผมเปิดดูแผนที่ปรากฏในแผนที่สิ่งของเล็กๆอยู่2ชิ้น และมีคำอธิบายว่า ถ้าเจอสิ่งที่ไม่ใช่คน ให้นำตระกุดอันนี้ ถือไว้ในมือ คำเตือน ถ้าอย่าทำหล่นตกพื้นเด็ดขาด ไม่เช่นนั้น พวกเจ้าจะกลายเป็นเหมือนพวกมัน ผมอ่านจบก็หยิบตระกุดให้อาร์ม1อัน ก่อนที่จะพากันเดินตามแผนที่ ออกไปจากป่านี้ ผมกับอาร์มเดินไปได้สักพัก ปรากฏว่า ท้องฟ้ามืดอย่างผิดปกติ ผมกับอาร์มจึงรีบวิ่งให้ไปถึงทางออกให้เร็วที่สุด แต่ทว่ายิ่งวิ่งได้ไปไกลเท่าไร เงาทะมึนดำก็ปรากฏอยู่ตรงข้างทางมากขึ้นเรื่อยๆ ผมและอาร์มไม่ได้สนใจสิ่งนั้น วิ่งต่อไปเรื่อยๆ แต่สิ่งที่ทำให้ผมและอาร์มวิ่งต่อไปไม่ได้คือ อาร์มทำตระกุดหลุดออกจากมือ ตอนนี้ใบหน้าของอาร์มซีดหมดแล้ว ผมจึงเอาตระกุดของผมให้อาร์มถือ พออาร์มถือตระกุดของผม จากหน้าที่ซีด ผิวที่แห้ง กลับกลายมาเป็นอาร์มคนเดิมแล้ว แต่ผมในตอนนี้กำลังตกเป็นเป้าหมายของเหล่าดวงวิญญาณทุกดวงในตอนนี้ ที่นี้อาร์มเป็นคนวิ่งนำผมบ้าง ผมได้แต่วิ่งตามอาร์มไป แต่ทว่าสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือ หญิงสาวที่นำตระกุดมาให้ผม เธอให้พวกผมหยุดวิ่ง และหยุดหนี “พวกเธอว่าพวกเธออะไรลงไป” หญิงสาวพูด “เอาเถอะ แต่ยังไงฉันจะได้จะช่วยพวกเธออกไปจากที่นี่เอง หลบไปอยู่ข้างหลังฉัน แล้วโยนตระกุดทิ้งไปให้ไกลที่สุด เพราะฉันเป็นวิญญาณ ไม่สามารถอยู่ใกล้ตระกุดได้” หญิงสาว อาร์มจึงโยนตระกุดไปให้ไกลที่สุด สิ่งที่ปรากฏข้างหน้าของผมคือ หญิงสาวได้ต่อสู้กับดวงวิญญาณนับ10ตน ผมสบตากับอาร์ม ก่อนที่จะหยิบตระกุดที่ทิ้งไปหยิบขึ้นมาแล้วขว้างไปที่ฝูงเหล่าวิญญาณ ฝูงนั้น วิญญาณหญิงสาวรู้ตัวจึงรีบเบี่ยงตัวหลบ ทำให้ตระกุดโดนดวงวิญญาณ10ตัว อย่างจัง ทำให้ดวงวิญญาณพวกนั้นหายไป
วิญญาณหญิงสาวมองหน้าผม สิ่งที่ผมเห็นคือ เธอกำลังสลายไปต่อหน้าต่อตาของผมและอาร์ม หญิงสาวได้บอกครั้งสุดท้ายไว้ว่า รีบออกไปจากสถานที่ให้เร็วที่สุด ก่อนที่ดวงวิญญาณของเธอจะสลายไป ผมกับอาร์มวิ่งกันอย่างไม่คิดชีวิต ผมกับอาร์มวิ่งไปเรื่อยๆ ......... เรื่อยๆ
.......เรื่อยๆ ..........เรื่อยๆ วิ่งไปจนไม่ได้สังเกตว่ามีดวงวิญญาณอยู่ข้าหน้า2ดวง อาร์มผู้ที่วิ่งนำหน้าวิ่งไป แต่ไปหยุดตรงหน้าดวงวิญญาณ อาร์มจึงโดนดวงวิญญาณ บีบคอ แล้วขว้างอาร์มไปกระแทกกับหินก้อนใหญ่ก้อนนั้น ที่นิกโดนกระแทก แต่โชคดีที่อาร์มตั้งสติก่อนได้ จึงโดนกระแทกไม่มากนัก คราวนี้ ดวงวิญญาณตนนั้นมุ่งหน้ามาหาผม วิ่งไปเข้าไปให้ โดนตัวมันลูก เสียงคุณตาของผมปรากฏเป็นครั้งที่2 หลังจากได้ยินครั้งแรกที่บ้านของผม วิ่งเข้าไปลูก วิ่งไปชนตัวมัน แล้วเอาพระที่สร้อยลูกฟาดใส่ตัวมัน เสียงคุณตาลอยเข้ามาอีกครั้ง ผมจึงวิ่งเข้าไป แล้วดึงเอาพระจากสร้อยคอผม แล้วฟาดไปที่วิญญาณตนนั้นอย่างจัง ทำให้วิญญาณตนนั้นสลายไป “ทางออกอยู่ตรงนั้น”ผมตะโกนบอกอาร์ม ผมและอาร์มรีบวิ่งไปที่ทางออกนั้นทันที รอดตายแล้ว อาร์มคิด ผมและอาร์มวิ่งออกถึงทางออกแล้ว สิ่งปรากฏตรงหน้า ป่าไม้อย่างธรรมชาติ ที่คณะสำรวจป่าจะมาสำรวจได้ แต่ป่าข้างในคือป่าอาภรรพ์ ผมกับอาร์มสบตากันก่อนที่จะเดินออกไปป่าวังวน
THE END



อโศกสิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 พ.ค. 2557, 09:45:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 พ.ค. 2557, 09:45:40 น.

จำนวนการเข้าชม : 1128





อโศกสิน 7 มิ.ย. 2557, 22:46:45 น.
ติดตามเรื่องต่อไปของอโศกสิน ได้เร็วๆนี้นะครับ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account