UnRomantic Love หนีไม่พ้นใจ (เล่ห์ลวงจันทร์)
เขียนจันทร์ เดินทางกลับมาจากต่างประเทศเพื่อมารับพ่อที่กำลังเกษียณไปอยู่บ้าน

วันแรกที่กลับมาเธอก็พบผู้ชายปากร้าย แข็งกระด้าง มาตามหาพี่สาวของเธอ

ปากก็บอกตามหา แต่ทุกวันก็ยังวนเวียนอยู่กับเธอ ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไป

ทำไมผู้ชายนิสัยแบบนี้ คุมสถานบันเทิงใหญ่ จะเลี้ยงเด็กที่เขาบอกว่าเป็นลูกได้ดีเหรอ

แล้วทำไมถึงได้ยัดเยียดลูกให้เธอเลี้ยง ส่วนตัวเองก็ร่อนไปหาพี่สาวเธอแบบนี้เล่า

นายรักษ์ชาติ...นายมันผู้ชายยอดแย่ที่สุด

แล้วทำไมวันที่เธอมีปัญหาที่สุด คนแย่ๆ แบบเขากลับไม่ยอมทิ้งให้เธอเผชิญปัญหาคนเดียว

กลัวจะไม่มีเบ๊ไว้ให้ใช้ล่ะสิท่า...อย่าคิดว่าคนอย่างเธออ่านเกมเขาไม่ออก
Tags: เขียนจันทร์ รักษ์ชาติ จักรตรากูล กองพัน

ตอน: บทที่ 8 : สร้างข่าว

บทที่ 8

“เดี๋ยวเจอกันที่งานนะคะ ไปเลยค่ะลุงสง่า” เขียนจันทร์ยกมือให้ลุงสง่าคนขับรถประจำตัวของมารดาเคลื่อนไปทันทีหลังจากที่เห็นรถคันที่เธอจำได้ว่าเป็นของเสี่ยหลงมาจอดหน้าบ้าน และเธอค่อนข้างมั่นใจว่าวันนี้เสี่ยหลงต้องได้เจอพ่อเธอที่เดินเคียงข้างแม่

ร่างระหงบนส้นเข็มสามนิ้วเดินไปยิ้มเย้ยใส่หลังรถที่กำลังขับตามรถในบ้านไปโดยไม่ทันสังเกตเธอ เขียนจันทร์หัวเราะหึ เธอไม่รู้ว่าการกระทำในครั้งนี้เท่ากับการประกาศศึกไหม แต่เธอไม่คิดคบเสี่ยหลงที่มีเรื่องไม่ดีพอกตัวเป็นภูเขาเด็ดขาด

ร่างในชุดเดรสยาวผ้าลื่นสีฟ้า เว้าไหล่ และลำคอระหงสวมมีจี้คอเพชรรูปพระจันทร์เสี้ยวหลายกะรัตประดับดูโดดเด่นยามยืนเฉยๆ เครื่องหน้าละมุนทุกอย่างลงตัวดูน่าจับตาเพิ่มยามลงเครื่องสำอางแต้มลงไปไม่มากไม่น้อยเกินไป ผมที่ยาวปล่อยเคลียร์หลังถูกขมวดไว้กลางศีรษะปักปิ่นเพชรสีแดง ข้างแก้มปล่อยปอยผมดัดลอนลงมาปอยเล็กๆ ความงามนั้นทำคนมาใหม่ชะงักงัน

ปกติเพราะตนเคยพบแต่สภาพเขียนจันทร์เรียบๆ ธรรมดา เวลาที่เขียนจันทร์กลับไทยไม่ถึงเดือนนั้นก็ไม่เคยออกงานสังคมสักครั้งจึงไม่มีเหตุให้ต้องแต่ง

“ไปเรียกเลขามาสิ” รถแวนสีเทาฟิล์มดำเปิดประตูไฟฟ้าออกมาพร้อมคำสั่งเสียงเรียบ รักษ์ชาติมองสภาพใหม่ของเขียนจันทร์แบบกราดผ่านๆ ทั้งที่อยากทิ้งสายตาไว้ตามทรวดทรงที่ออกจะชัดเจนเกินไป ชายหนุ่มนึกในใจว่าทำไมเขาถึงไม่เคยรู้ว่าอีกฝ่ายจะซ่อนรูปไม่น้อย นึกแล้วอารมณ์ในอกมันพาลๆ อย่างไรชอบกล

“เรียกทำไมคะ แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่”

“ไปงานเปิดโรงแรมไง หรือเธอสมองเสื่อม ไปกับฉันนี่แหละ ช่วยชาติประหยัดน้ำมัน คนอนุรักษ์โลกอย่างเธอน่าจะยินดี”

เหตุผลแถเอาสีข้างรับผลกระทบนั้นฟังอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น เขียนจันทร์เท้าสะเอวเก็บอาการไม่อยู่ ตอนนี้เขาแกล้งเธอนิดๆ หน่อยๆ เธอก็ไม่ยอมอยู่เป็นฝ่ายรับอย่างเดียวแน่

“เลิกมาหาเรื่องแกล้งฉันได้แล้ว ฉันจะไปเอง ขับเองได้ ฉันไม่ชอบนั่งรถที่คนอื่นขับ”

“ดามลงจากรถมานั่ง ให้คุณเขาขับหน่อย”

เขียนจันทร์ได้ยินคนสั่งการนั่งไขว่ห้างเอนหลังสบาย แต่ดวงตาพราวระยับด้วยความขบขัน และกวนประสาท หญิงสาวก็ได้แต่มองค้อนหน้าคว่ำ ผ่อนลมหายใจด่าทิ้งทวนก่อนเดินเชิดตรงกลับไปประจำการที่รถสปอร์ตของตัวเอง

“เกรียน! หัวก็ไม่ได้เกรียน แต่เอาแต่ใจ กวน อย่างกับเด็ก”

“ตอนเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร โรงเรียนนายร้อยฉันต้องหัวเกรียนนะ” รักษ์ชาติตะโกนตอบโต้กับคนว่าทิ้งท้ายให้เจ็บใจ เจ็บใจแต่ปากเขากลับยิ้มขำ เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะจากลูกน้องคนสนิททั้งสองรักษ์ชาติก็หาที่พาลใส่ได้ “ตลกอะไร ฉันเกรียนให้พวกนายขำเรอะ ขำนักก็ขำอย่าหยุด จนกว่าจะถึงที่งานค่อยหยุดขำ ขำต่อไป ปฏิบัติ!”


รถสปอร์ตสีขาวจอดไม่ทันดับเครื่อง ร่างของนราก็อุดปากเปิดประตูรถวิ่งเข้าไปในตัวตึก เขียนจันทร์นึกขอโทษเลขาสาวในใจ เธอก็แค่ต้องขับรถเร็วกว่าปกติหนีรถโรคจิตเบื้องหลังที่เดี๋ยวเปิดไฟไล่ อีกเดี๋ยวก็บีบแตรก่อกวน แต่ไม่ยอมขับแซง เธอเพิ่งจะมาสลัดหลุดเมื่อยี่สิบนาทีก่อนมาถึงโรงแรมเท่านั้น แต่นราต้องทำหน้าผะอืดผะอม เวียนศีรษะ และยกยาดมขึ้นมาสูดใต้จมูกอยู่หลายครั้ง

นิสัยเสพติดความเร็วของเธอมันเริ่มมาตั้งแต่เธอมีพระจันทร์ตอนเด็กๆ ไว้ขี่เล่น และแข่งจริงจัง ทั้งแข่งเพื่อความสวยงาม กระโดดสิ่งกีดขวาง หรือที่เธอกับพระจันทร์ทำได้ดีที่สุดคือวิ่งแข่งม้า การเรียนสัตวแพทย์ของเธอก็มีแรงบันดาลใจมาจากพระจันทร์ เรียนเพื่อให้หายคิดถึงม้าเพื่อนรักของเธอ

เขียนจันทร์ทอดสายตามองโรงแรมรูปแบบแปลกตาเบื้องหน้าอย่างสนใจ การออกแบบตามศิลปะตะวันตกเริ่มตั้งแต่ประตูสีขาวหินอ่อนสลักลวดลาย เบื้องหน้ามีลานน้ำพุขนาดใหญ่ พร้อมเทพีถือคบเพลิงขนาดย่อมตรงกลาง หญิงสาวเก็บรายละเอียดของโรงแรมแห่งนี้ด้วยความประทับใจ เธอเคยไปตามโรงแรมของจักรตรากูลมา แต่จะเน้นความเป็นไทย ไม่ก็เรียบง่าย แต่ขึ้นชื่อเรื่องการบริการเป็นหนึ่ง แต่ที่นี่ดึงดูดคนได้ตั้งแต่ภายนอก เปรียบเป็นคนก็คงสวยตั้งแต่รูปภายนอก เขียนจันทร์เดินเข้ามาภายในที่มีพนักงานยืนรอต้อนรับ นราที่เพิ่งหายคลื่นเหียนก็ปรากฏตัว มาส่งบัตรเชิญเข้างาน เมื่อเธอผ่านเข้ามา ศิลปะแบบไทยจึงเผยให้เธอเห็น ทั้งผ้าไหมที่แขวนตามผนัง และลายไทยบนกำแพง เป็นการไม่ยัดเยียดอย่างที่เธอเคยเห็นตามบางโรงแรมที่รูปปั้น ต้นไม้ตั้งระเกะระกะหาความงามของทัศนียภาพแทบไม่พบ

“คุณเขียนจันทร์ใช่ไหมคะ” ผู้หญิงคนหนึ่งเดินตรงรี่เข้ามาทักเธอ เขียนจันทร์สังเกตว่าคนตรงหน้านั้นที่สวมไข่มุกบนคอ หน้าตาสะสวย และมีรอยยิ้มพิมพ์เก๋ บนตัวสวมผ้าไหมสีน้ำเงินรูปทรงตัดเข้ารูปดูสวยเย็นตา

“ค่ะ”

“พี่ชื่อลัลริกา เดชอนันต์สิทธิ์ค่ะ เรียกพี่เบนก็ได้ ได้ข่าวว่าว่าที่หัวเรือใหญ่ของทางจักรตรากูลกลับมา พี่ก็เลยอยากมาทักทาย” นามสกุลที่มาของอักษรย่อดีเอสทำให้เขียนจันทร์รู้สึกชื่นชมทางสายตาไม่ปิดบัง ยกมือพนมไหว้ทั้งที่พบกันครั้งแรกโดยไม่ตะขิดตะขวง เท่าที่เห็นลัลริกาน่าจะเป็นพี่เธออยู่หลายปี

“ที่นี่สวยมากนะคะ”

“โป้งได้ยินคงจะยิ้มแก้มปริ พี่เห็นคุณแม่ของน้องเขียนมาด้วย มากับใครเหรอคะ” ลัลริกาพูดถึงสามีด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะวกกลับมายังเรื่องที่เธอสงสัย

“พ่อของเขียนน่ะค่ะ ท่านไม่ชอบออกสื่อเท่าไหร่”

ลัลริกาส่งเสียงประหลาดใจ เธอมั่นใจว่าประวัติที่ได้รู้มานั้นคือคุณดาวเดือนหย่ากับสามีไปได้สิบห้าปีแล้ว แต่ลูกสาวออกมาตอบเองแบบนั้นคงจะเป็นเรื่องจริง...หากไม่ใช่เสี่ยหลงอย่างที่เธอเคยได้ข่าวมาก็ถือว่าดี

เสี่ยหลงไม่ใช่นักธุรกิจมือสะอาด ถึงสามีของเธอกับครอบครัวจักรตรากูลจะทำธุรกิจแบบเดียวกัน แต่ทางจักรตรากูลเป็นธุรกิจต้นแบบ ถึงโรงแรมจะไม่ได้สวยทันสมัยเท่ากับของทางดีเอส แต่ชื่อเสียงที่สั่งสมมานานตั้งแต่ประเทศไทยเริ่มมีธุรกิจโรงแรม และบริการดีไม่มีตกนั้นทำให้ลูกค้ายังยึดแน่น และครองตลาดในไทยได้เป็นอันดับต้นๆ เธอก็ไม่นึกอยากให้ธุรกิจดีๆ แบบนี้ต้องมาถูกคนเลวสูบเลือดเนื้อจนหมดไป

นักเล่นหุ้นสาวที่ควบตำแหน่งภรรยาของนักธุรกิจอนาคตไกลผายมือเชิญแขกไปยังห้องบอลรูมจัดงาน เขียนจันทร์ที่ในอนาคตอันใกล้ต้องแข็งแกร่งพอจะนำพาธุรกิจครอบครัวไปให้ไกลอย่างผู้เป็นแม่ทำไว้ ทำให้ลัลริกาอยากเกาะติดเพื่อดูการก้าวไปข้างหน้า เธอไม่ชอบเล่นเกมธุรกิจสกปรก จึงไม่เคยมองนักธุรกิจมือสะอาดเป็นศัตรู เรื่องแบบนี้แค่ดูแลของตัวเองให้ดีที่สุดไม่ไประรานใคร โรงแรมของตัวเองก็จะอยู่รอด อย่างที่จักรตรากูลทำมาตลอด

“สวัสดีครับคุณลัลริกา” น้ำเสียงห้าวไม่ได้มาแค่เสียง แต่ยังปรากฏข้างกายเขียนจันทร์ และโอบเอวเล็กไว้ข้างกายเป็นการประกาศสถานะกรายๆ ให้สังคมรับรู้ ลัลริกามองสถานการณ์ตรงหน้าก่อนจะพยักหน้าให้แขกผู้มาใหม่ อดไม่ได้ที่จะยิ้มมากกว่าเดิม

“ดีใจที่คุณขุนมาได้นะคะ ไม่รู้มาก่อนว่าคุณขุนรู้จักกับน้องเขียนด้วยนะคะ” ลัลริกาเห็นคนทำหน้ามึนตรงกลางแล้วนึกสงสาร ต้องรีบอธิบาย “คุณขุนเขามาช่วยดีเอสในเรื่องพวกบาร์ในโรงแรมน่ะค่ะ ที่นี่คุณขุนก็เป็นคนดูแลเรื่องสถานบันเทิงทั้งหมด ยี่ห้อโอดามาแปะในโรงแรมเราด้วย คนก็เข้ามาเพิ่มแล้วค่ะ”

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ผมกลัวจะมีคนไม่เข้ามาเพราะชื่อโอดาด้วยมากกว่า”

ลัลริกามองภาพสนิทสนมตรงหน้าแล้ววางใจ เพราะในวงการนี้ใครๆ ก็รู้ว่ารักษ์ชาติยืนคนละขั้วกับเสี่ยหลง ในตอนนี้เสี่ยหลงที่กำลังเทียวไล้เทียวส่งดาวเดือนอยู่นั้นก็น่าจะมีถอยบ้าง

“ไม่หรอกค่ะ โอดาเป็นสถานบันเทิงชั้นหรู ไม่ใช่ใครก็เข้ามาได้ ยังไงก็เดินชมโรงแรมเราได้ตามสะดวกเลยนะคะน้องเขียน พี่หวังว่าสักวันพวกเราจะได้ร่วมธุรกิจด้วยกัน”

เขียนจันทร์รู้สึกตัวเองเป็นคนตัวเล็กที่ไม่ได้รู้เรื่องแวดวงธุรกิจนี้นัก หญิงสาวนึกพลางถอนใจ “ฉันรู้สึกเป็นเด็กน้อย ไม่รู้อะไรสักอย่าง”

“คิดมากทำไม ของแบบนี้ต้องเรียนไปนานๆ เธอเองยังต้องเรียนรู้อะไรอีกเยอะ แต่ไม่ต้องเรียนมากๆ ก็ได้ ฉันกลัวว่าเธอจะมองโลกเปลี่ยนไป มีเธอสักคนบนโลกนี้ โลกจะได้น่าอยู่ขึ้น”

ดวงตาซื่อ ไร้ความร้ายกาจมองตอบอย่างไม่รู้จะสรรหาคำใดมาตอบให้เขา เธอรู้สึกว่ามันคล้ายว่าที่รักษ์ชาติพูดมาจะเป็นคำชม และคำชมนั้นก็ชมว่าเธอทำให้โลกใบนี้น่าอยู่ขึ้น เธอไปทำแบบนั้นเมื่อไหร่กัน แต่คิดได้ไม่เท่าไหร่ เอวที่ถูกบีบน้ำหนักมือลงไปอย่างจงใจก็พานให้เลือดบนหน้าสูบฉีดมากกว่าเดิม เธอเพิ่งรู้ตัวว่าปล่อยให้รักษ์ชาติถึงเนื้อถึงตัวอีกแล้ว เขาจะแกล้งเธอไปถึงไหน

“ฉันไม่ให้คุณแกล้งนะ” เขียนจันทร์แตะแขนหนา เอี้ยวหน้ามาพูดเข่นเขี้ยว ทำให้เธอยิ่งดูตัวเล็ก และจมไปในอ้อมกอด เสียงเจรจานั้นไม่ไปถึงหูเลขานุการิณีของเขียนจันทร์ และลูกน้องคนสนิททั้งสองของรักษ์ชาติ ทั้งสามคนที่มองอยู่ห่างออกไปจึงคิดว่าทั้งคู่กำลังแสดงความรักต่อกัน

“ไม่ได้แกล้ง ฉันกำลังจะพาเธอไปเรียนรู้สังคมที่แท้จริง แค่เธอยิ้มสวยๆ ให้กล้อง ย้ำแค่กล้องก็พอ ทุกอย่างจะผ่านไปได้สวยงาม อย่าดื้อใส่ นี่คือสิ่งที่ฉันจะช่วยแม่เธอได้”

“ฉันไม่เข้าใจ”

รักษ์ชาติติดยิ้มตรงมุมปาก มองสบตากันคล้ายว่ากำลังซึ้งเสียเต็มประดา แต่มีความเอ็นดูแทรกผ่านในนั้น ซึ่งเขียนจันทร์ไม่ได้รู้สึกถึงมัน

“เธอนี่มันโง่จริงๆ เอาเถอะ ยิ้มเข้าไว้ก็พอ” รักษ์ชาติใช้นิ้วโป้งนิ้วชี้แตะมุมปากนุ่ม แล้วดันนิ้วยกขึ้นบังคับให้ริมฝีปากอีกฝ่ายต้องยิ้ม เมื่อเห็นท่าทีปัดป้อง ส่ายหน้าหนี ทำหน้างอ ชายหนุ่มยิ่งรู้สึกเพลิดเพลินอย่างบอกไม่ถูก เขาแอบเห็นกล้องหลายตัวของนักข่าวแอบถ่ายมาพักหนึ่งแล้ว ตอนนี้ก็แค่รอตอบสัมภาษณ์

“ฉันจะตอบทุกอย่างเอง”

เขียนจันทร์มองรักษ์ชาติอย่างระแวง แต่แรงเธอยามถูกโอบพาเดินไปในห้องจัดเลี้ยงนั้นช่างยากเย็น ยามกล้องหลายๆ ตัวจับภาพคู่ และไมค์จ่อคำถามมากมาย เขียนจันทร์ก็เพิ่งรู้สึกตัว ว่าเธอโง่อย่างที่รักษ์ชาติชอบกรอกหู สมองของเธอขาวโพลน ให้เธอตอบคำถามสุนัข แมว ช้าง ม้า วัว กระบือยังจะง่ายกว่าคำถามที่ว่า

“ทั้งสองมาด้วยกันอย่างนี้เปิดตัวว่าคบกันใช่ไหมคะ”

“ครับ” คำตอบรับนั้นเขียนจันทร์อยากดูดเสียง แล้วเอาไปโยนทิ้งนอกโลก หน้าของเธอคงกล้ำกลืนเหมือนถูกบังคับฝืนให้ฆ่าอะไรสักอย่างทั้งที่ไม่เต็มใจ รักษ์ชาติจึงเอียงหน้ามากระซิบเสียงเข้ม ทั้งที่ปากแต้มยิ้ม และนักข่าวก็ไม่พลาดช็อตเด็ดเก็บทุกภาพไป

“ถ้ามองฉันหวานซึ้งกลับมาไม่ได้ ก็ฝึกจนกว่าจะได้ต่อหน้ากล้องนักข่าวนี่แหละ”

เขามันโรคจิต...เขียนจันทร์บริภาษเขายับในความคิด แต่ไม่กล้าหักหน้านักเลงโตอย่างเขา ยิ่งเธอมาอยู่ในกำมือแบบนี้ ปกติเธอเคยหนีเขารอดที่ไหน ยังไงมันก็น่าจะมีประโยชน์ในเรื่องเสี่ยหลงจริง แต่เธอไม่เข้าใจอย่าง ทำไมไม่เป็นพี่วาด เขาใช้พี่วาดออกงานจะไม่สบายใจกับเขากว่าเหรอ

หญิงสาวหยุดคิด รีบเงยหน้าไปยิ้มใส่ตาเขาหลังจากเขาเพิ่งตอบอะไรสักอย่างแก่นักข่าวไปแต่เธอไม่ทันฟัง รู้สึกแค่ว่าขืนเธอยิ้มหวานใส่ตาเขาช้ากว่านี้ มือที่โอบเอวเธอมันจะเลื่อนต่ำลงไปถึงส่วนต้องห้ามจนเธอปรี๊ดแตก หน้าไม่สวยแน่ๆ

รักษ์ชาติอึ้งกับยิ้มหวานหยด ดวงตาใสซื่อมีรอยจริงใจของอีกฝ่ายที่มองสบกันมา หูเกิดบอดชั่วขณะ ถ้าไม่มีมือนุ่มมาแตะแขนสะกิด แล้วเอียงหน้ามากระซิบบอกเขาอาจจะจ้องหน้าเนียนนั้นต่อไปได้อย่างไม่รู้ตัว

“นักข่าวเขาถามคุณว่าคุณมาร่วมธุรกิจกับดีเอสได้ยังไง แล้วกับทางจักรตรากูลล่ะ”

“ผมกับพี่โป้งเรารู้จักเป็นการส่วนตัวครับ ส่วนเรื่องร่วมงานกับจักรตรากูลผมคงต้องขอปรึกษาคุณเขียนก่อน ว่าอยากได้คนร่วมงานชั่วคราว หรือตลอดไป”

“ตอนนี้ขอชั่วคราวก่อนดีกว่าค่ะ จักรตรากูลยังไม่เคยมองยาวถึงเรื่องหุ้นส่วน” เขียนจันทร์ตอบแทรก ดับฝันที่พานให้คนฟังจินตนาการกันเตลิด หญิงสาวเลิกคิ้วกวนใส่หน้าดุที่เกือบแยกเขี้ยวอยู่รอมร่อ ก่อนขอตัวนักข่าว เดินตัวติดกับนราไปยังบิดามารดาที่นั่งอยู่ในโต๊ะหนึ่ง...กับเสี่ยหลง โชคดีที่พอเธอนั่งเสร็จ ลัลริกาก็ตรงดิ่งมานั่งเสริมทัพให้เธอราวกับนกรู้ และอีกคนที่ทำให้เสี่ยหลงไม่กล้าส่งประกายตาอาฆาตใส่พ่อเธออย่างโจ่งแจ้งก็เดินมานั่งข้างเธออย่างถือวิสาสะ โอบไหล่เธอไว้ ปรายตามองเสี่ยทางหางตา

“รู้จักว่าที่พ่อตาแม่ยายของผมแล้วสินะครับเสี่ยหลง”

เขียนจันทร์เม้มปากแน่น ไม่ให้แสดงท่าทีมีพิรุธจนคนจับได้ว่านี่คือเรื่องโกหก เธอเหลือบมองพ่อแม่ก็พบว่าพวกท่านสงบนิ่งพอ มีส่งคำถามมาทางสายตายามที่เสี่ยหลงกำลังใกล้สติแตก

“อะไรกันครับคุณดาว ทำไมผมไม่เคยรู้เรื่อง...” หลงอ้าปากค้าง ยามมองมายังหน้าของรักษ์ชาติแล้วรู้สึกโกรธจนหัวแทบระเบิด

“อย่างที่คุณขุนเขาว่ามานั่นแหละค่ะ ทุกอย่างคือเรื่องจริง รวมทั้งเรื่องธุรกิจโรงแรมของดีเอสกับจักรตรากูล เราจะเป็นพันธมิตรต่อกัน” ลัลริกาช่วยออกตัวในเรื่องนี้อีกคน เธออยากกำจัดเสี่ยหลงไปให้พ้นวงโคจรธุรกิจนี้มานาน เพราะฝ่ายนั้นก็เคยวางแผนจะแย่งชิงพื้นที่ที่ดีเอสเตรียมจะซื้อสร้างโรงแรมดีเอสเมื่อสามปีก่อน เพื่อจะสร้างสถานอาบอบนวด

แต่เดิมจักรตรากูลไม่ค่อยมีมิตร หรือศัตรู ทำธุรกิจไม่เลือกข้าง และอยู่อย่างสงบสันโดษมาตลอด เน้นพึ่งพาตนเอง ไม่เคยมีหุ้นส่วน วันนี้มีคนหวังผลประโยชน์เข้ามาเกาะแกะ เขียนจันทร์มองออกว่าเสี่ยหลงต้องหวังอะไรจากจักรตรากูล ส่วนลัลริกาก็คงเป็นเรื่องของทางธุรกิจ แต่หากมันจะทำให้จักรตรากูลปลอดภัยมากขึ้น เธอยินดีรับความช่วยเหลือจากลัลริกาบ้าง มันทำให้เธอสบายใจกว่าความสัมพันธ์หลอกที่รักษ์ชาติป่าวประกาศไปทั่วในยามนี้จริงๆ

“ผมขอไปคุยกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นก่อนนะครับ” หลงมีท่าทีฟึดฟัดไม่พอใจอยู่มากก่อนจากไป บรรยากาศบนโต๊ะจึงเข้าสู่ความเงียบ ลัลริกาแตะไหล่เด็กรุ่นน้องที่กำลังจะก้าวมาในวงการนี้ด้วยความเข้าใจ หยิบนามบัตรของเธอส่งให้เขียนจันทร์ไปเก็บไว้

“เรื่องพันธมิตรพี่พูดจริง ดีเอสมีโปรเจ็กต์ใหม่ๆ อีกมาก ถ้าน้องเขียนสนใจ พี่ก็ยินดีนะคะ”

รักษ์ชาติยิ้มรู้ทันให้ลัลริกาซึ่งอีกฝ่ายไม่แสดงท่าทีกลัว กลับยิ้มตอบก่อนเดินเฉิดฉายไปหาสามีที่กำลังรับหน้าแขก เขียนจันทร์ถอนหายใจหลังจากพายุบนโต๊ะสงบ เธอรู้สึกพลังงานในวันนี้มันถูกใช้ไปพอสมควร

“เรื่องวุ่นวายจบแล้วใช่ไหมคะ” เขียนจันทร์ละคำว่า ‘เสี่ยหลง’ มาพูดในใจ และเธอก็อยากจะร้องไห้เมื่อท่าทีสบายของคนข้างกายเธอนั้นตอบอย่างสบายๆ แต่ช่างทำร้ายจิตใจเธอยิ่งยวด

“เด็กน้อยเอ๋ย เรื่องนี้มันเพิ่งเริ่มต้น”

แล้วเรื่องการแสดงนี่อีก รักษ์ชาติน่าจะรู้ว่าเธอไม่ชอบหลอกลวงใคร การแสดงของเธอก็ไม่ได้เรื่อง แต่เมื่อได้เริ่ม ซ้ำร้ายยังไม่ใช่การเล่นละครเด็ก ละครสัตว์ให้ลิงดู นี่คือชีวิตจริง และเธอต้องผ่านมันไปให้ได้

กับเขา...แค่ชั่วคราวเท่านั้น ไม่ใช่ตลอดไป


นรามองหน้าเจ้านายสาวที่ครุ่นคิดเก็บงำมาตลอดด้วยความไม่สบายใจ กว่าเขียนจันทร์จะปลีกตัวและกลับมาได้นั้น คนทั้งงานก็รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายเธอกับคุณรักษ์ชาติกันหมด

ขนาดรถที่ชอบขับเองยังยอมให้เธอขับให้แทน แล้วตัวเองนั่งกอดอกมองไปข้างนอก นราไม่รู้ว่าเธอจะละลาบละล้วงอะไรไปไหม แต่ว่าการทำให้เจ้านายไม่กังวลไปตลอดน่าจะถือเป็นหน้าที่เธอบ้าง

“คุณลัลริกาน่ารักดีนะคะ ไม่ถือตัว”

เขียนจันทร์กะพริบตาเรียกสติ เขยิบตัวให้ตรง และเริ่มขจัดปัญหาวุ่นวายในหัวออกไป “จริงสิ คุณเบนเขาแค่ช่วยคุณวสุธรทำธุรกิจหรือเปล่าคะ ทำไมรู้สึกคุ้นๆ หน้า เหมือนเคยเห็นข่าวตอนฉันอยู่ต่างประเทศ”

“คุณลัลริกาเป็นนักเล่นหุ้นค่ะ หุ้นที่เธอซื้อสภาพล่อแล่ๆ ผ่านไปสักพักไม่เคยมีอันไหนล้มเลยนะคะ เธอซื้อแล้วก็ขาย อันไหนถูกชะตาก็จะอยู่ยาว เธอมองตลาดเก่งค่ะ มีสัมภาษณ์ตามนิตยสารธุรกิจหลายฉบับ แล้วก็ได้รับรางวัลนักธุรกิจหญิงยอดเยี่ยมมาหลายสถาบันค่ะ”

“เธอประวัติสะอาดใช่ไหมคะ” เขียนจันทร์กลัวสุดก็ในเรื่องนี้ การจะผูกมิตรกับใครในวงการธุรกิจ หวังเรื่องมิตรภาพคงยาก ทุกคนล้วนมองตัวเงิน และผลประโยชน์ที่ห้อยติดเบื้องหลังมากันทั้งนั้น จักรตรากูลมีแต่คนในครอบครัวเป็นคนดูแล หุ้นมีแต่จะมีแค่คนในครอบครัวที่ถือ แต่ไม่ได้เข้าตลาด บริษัทไม่เป็นมหาชน

เป็นธุรกิจที่ท่านทวดของเธอวางรากฐานไว้อย่างรัดกุม และปลอดภัยมาตลอดเพื่อป้องกันการเปลี่ยนมือเจ้าของ หรือการถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ถือหุ้นคนอื่น

“มือสะอาดค่ะ คุณวสุธรถือว่าสนิทกับคุณรักษ์ชาติมากด้วยนะคะ คนจากตระกูลนี้ยังไม่มีอะไรด่างพร้อยหรอกค่ะ”

“คงต้องดูกันไปอีกหน่อย” เขียนจันทร์ตอบอย่างปลดปลง คิดสภาพชีวิตหลังจากนี้เธอคงเหนื่อยแสนเหนื่อย ตัวเองเคยแต่วิ่งไล่ล่าหาหนอนเรืองแสงที่นิวซีแลนด์ หรือไปญี่ปุ่นเพื่อดูการเลี้ยงหมูคุโรบุตะ ไม่ค่อยสันทัดในวงการธุรกิจนี้นัก แต่หากเธอไม่ทำ พี่น้องเธอที่เหลือก็จะไม่มีใครทำ

แต่จากสภาพวันนี้แล้วนั้น เขียนจันทร์ก็รู้สึกว่าเส้นทางของเธอนอกจากไม่ง่ายแล้ว ยังน่าจะมีหลุมมีบ่อขรุขระให้เธอต้องเดินปัดเป๋ไม่เข้าทางเรียบอีกนาน เรื่องของรักษ์ชาติยิ่งแล้วใหญ่ นั่นเป็นเรื่องที่เธอหาทางเลี่ยง หาทางลงไม่เจอ

เขียนจันทร์ให้นราพักในบ้านเธอเป็นการชั่วคราว เพราะจะได้ไม่ต้องวุ่นวายขับไปส่งหลายที่ ประตูวังเปิดรอต้อนรับ เขียนจันทร์เห็นท้ายรถแวนที่พ่อกับแม่นั่งมาเพิ่งจะดับไฟท้ายรถ เขียนจันทร์พอจะรับรู้สภาพของอารมณ์มารดาที่อยากรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตั้งแต่จากในงานแล้ว และเธอก็ถ่วงเวลามาได้จนถึงแค่ตอนนี้เท่านั้น

“อยากทานอะไรก็บอกป้าสายได้เลยนะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้” สาวชุดเดรสยาวสีฟ้าลงมายืนบนพื้น ก็ถูกสายตากดดันของดาวเดือนจ้องเขม็งมาบังคับให้ต้องเดินตาม เขียนจันทร์แตะแขนพ่อกระซิบบอกเรื่องด่วน “เขียนเตรียมชุดนอนห้องให้พ่อแล้ว พ่อไปพักได้เลยนะคะ”

“เรื่องวันนี้พ่อไม่สบายใจเลยนะเขียน”

“เขียนเองก็เหนื่อยค่ะ แต่เราถอยไม่ได้ ถ้าเขียนรู้สึกว่าเรื่องของพ่อกับแม่ยากเกินไป เขียนอาจจะหยุด เขียนยึดถือความสุขของพ่อกับแม่เป็นหลักนะคะ”

หญิงสาวยิ้มทิ้งท้ายก่อนจะเดินตามมารดาเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ ที่เป็นวังสืบทอดมาแต่รุ่นทวด ตระกูลนี้ส่วนใหญ่จะมีแต่ผู้หญิงเป็นคนนำตระกูล ตอนที่ประกายพรึกเกิดมานั้นหม่อมยายถึงกับคร่ำครวญหลายวันติดด้วยความดีใจที่ตระกูลจะมีผู้สืบทอดต่อเสียที

ภายในห้องทำงานของคุณดาวเดือนมีคุณวงเดือนนั่งรออยู่หลังโต๊ะตัวใหญ่ก่อนหน้าแล้ว คุณดาวเดือนยืนอยู่ข้างๆ เขียนจันทร์สูดหายใจเข้าปอดลึก เดินหลังตรงเข้ามานั่งเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานอย่างรักษากิริยา

“อยากรู้เรื่องไหนก่อนคะ”

“พ่อของลูก”

“พ่อของลูกขุน”

เสียงที่เปล่งออกมาพร้อมกันของผู้ใหญ่ทั้งสองถามถึงประเด็นหลักของวันนี้ด้วยกันทั้งคู่ เขียนจันทร์สบตาทั้งสองคู่ที่มีแววตำหนิติเตียนมาด้วยความเข้าใจ แต่พวกท่านคงจะไม่ได้เข้าใจเจตนารมณ์ของเธอสักเท่าไหร่ มือบางจึงวางประสานกันบนโต๊ะ บีบฝ่ามือตัวเองไม่ให้หวาดหวั่นกับการนั่งบรรยายความจริงที่เกิดขึ้น

“ทุกอย่างเป็นวิธีกำจัดเสี่ยหลง เขียนไม่ยอมให้ครอบครัวเรายุ่งกับเขาเด็ดขาด” เห็นสีหน้าของผู้ใหญ่ยังมีท่าทีคัดค้าน เขียนจันทร์จึงอธิบายต่ออย่างใจเย็น “เขียนวางแผนเรื่องให้พ่อมาวันนี้เองค่ะ ถ้าแม่ไม่พอใจในเรื่องนี้ เขียนต้องขออภัย ส่วนเรื่องผลพลอยได้อะไรจากเหตุการณ์นี้นั้น แม่ก็อย่าได้ใส่ใจเลยค่ะถ้าแม่จะเป็นทุกข์มากกว่า เขียนจะพยายามไม่ทำให้แม่อึดอัดในเรื่องทำนองนี้อีก เขียนขอโทษค่ะแม่”

การสารภาพความจริงไปเปลาะหนึ่งทำให้คนได้รับผลโดยตรงในเรื่องนี้อย่างคุณดาวเดือนเบือนหน้าหนีซ่อนประกายตาที่แท้จริงในดวงตาไว้ ปล่อยให้ลูกสาวถูกซักจากผู้เป็นแม่ต่อ และขอยืนทำหน้าที่เป็นเพียงผู้ฟัง

“จะช่วยเรื่องเสี่ยหลงได้ยังไง แล้วพ่อของลูกขุนล่ะ ยายรักลูกเขา แต่ยายไม่ถูกขี้หน้ากับพ่อเลยนะ แล้วข่าวที่มีคนโทรเข้าบ้านเราจนยายต้องถอดสายโทรศัพท์ออกอีก เขียนกับเขาไปคบกันตั้งแต่เมื่อไหร่”

ข้อนี้เป็นข้อที่เธออยากจะเลี่ยงตอบมาที่สุด...

“ทุกอย่างเป็นการแสดงค่ะ เขียนกับคุณขุนเราไม่ถูกกัน เกลียดขี้หน้าเลยก็ว่าได้ สิ่งที่สื่อได้ไปมีแค่การทำให้สมจริง เขียนจำเป็นต้องรับความช่วยเหลือเรื่องอิทธิพลของเขา เราเลือกคุณขุนที่อยู่คนละข้างกับเสี่ยหลง เสี่ยหลงจะต้องเป็นคนถอย แต่ถ้ายังไม่ เขียนจะหาวิธีอื่นมาไล่เขาอีก”

“เขียนจงเกลียดจงชังอะไรกับเสี่ยหลงเขานัก ยายว่า...”

“หม่อมยายรู้ไหมคะว่าเขียนเกือบโดนปลาฉลามเขมือบตอนไปซ้อมดำน้ำวันก่อนหน้าที่งานจะเปิด หม่อมยายก็รู้ว่าที่จริงเขียนต้องลงว่าย ถ้าไม่เกิดข้อผิดพลาดตอนซ้อม มีคนมาตีหัวเด็กที่ดูแลสายออกซิเจน โชคดีที่เขียนเอาตัวรอดมาได้ คนภายในสืบไปสืบมาจึงรู้ว่าเป็นฝีมือของเสี่ยหลงที่อยากได้ที่ของคุณโชติรสตรงนั้นจนตัวสั่น วันงานจริงที่เห็นว่าเป็นการแสดงว่าถูกแทง หม่อมยายก็เห็นใช่ไหมคะ นั่นเป็นเรื่องจริง แต่คดีพวกนี้เสี่ยหลงใช้เส้นสายนิดหน่อยก็ปิดปาก รอดได้ง่ายอยู่แล้ว”

ความจริงที่เธอรับรู้ถูกเปิดเผย เธอสามารถทำให้หม่อมยายที่ลังเลที่จะเกลียดเสี่ยหลงแสดงอาการเกลียดชัดเจนในแววตาได้ วงเดือนตบโต๊ะเสียงดังด้วยความกรุ่นโกรธ อยากจะเอาเรื่องกับเสี่ยหลงขึ้นมาทันที

“ไม้หนักใช้กับเขาไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าเขายังมายุ่มย่ามกับแม่อีก เขียนจะหาวิธีการใหม่จริงๆ เขียนรู้ว่าเขาจะต้องหวังอะไรสักอย่างของโรงแรมเรา แม่รู้ไหมคะว่าเสี่ยหลงเขาต้องการอะไร”

“เขามาชวนพวกเราร่วมลงทุนในธุรกิจโรงแรมของเขา”

“แม่ให้เขียนเผชิญเรื่องทุกอย่างด้วยตัวเองได้ไหมคะ” หญิงสาวตัดสินใจได้แล้ว “เขียนไม่อยากให้เสี่ยหลงพบกับแม่อีก”

“ลูกก็รู้ว่ามันไม่ง่าย เสี่ยหลงเป็นคนอันตราย...”

“เราเป็นนักธุรกิจมือสะอาดไม่มีเขี้ยวเล็บ เราทำทุกอย่างตรงไปตรงมาเสมอ หม่อมยายเคยสอนเขียนมาแบบนั้น และเขียนก็ยังยึดมั่นจุดประสงค์ของจักรตรากูลไม่มีวันแปรเปลี่ยน แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะหามิตรมาปกป้องเราไม่ได้นี่คะ ในเกมธุรกิจต่อให้เราอยู่เฉยๆ เรื่องก็จะวิ่งเข้ามาหาได้ ทั้งความแปรปรวนทางเศรษฐกิจโลก หรือคน เขียนเชื่อว่าทางเรามีมิตรดี ศัตรูของศัตรูจะคือมิตรที่ดีของเรา พวกเขาจะช่วยเราได้”

“ยายอนุญาต ให้แม่เราไปพักต่างประเทศสักเดือนสองเดือน เขียนว่ามันจะพอกับระยะเวลาที่เขียนจะจัดการเรื่องเสี่ยหลงได้ไหม ยายจะให้อำนาจทั้งหมดในบริษัทกับเขียน ยายรู้มาว่าเขียนเข้าใจการทำงานของบริษัทจักรตรากูลทั้งหมดแล้ว”

“คุณแม่คะ...ดาวไม่เห็นด้วย”

เขียนจันทร์รู้ว่ายังไงเสีย การเจรจาระหว่างมารดาและหม่อมยายในครั้งนี้ ผู้ชนะจะยังเป็นหม่อมยายของเธอไม่มีเปลี่ยน

………………………………………………………………..

คุณ ร้อยวจี เรื่องนี้อาจไม่ได้พบดอกไม้ร้อยช่อนะคะ ยาขมชนิดนี้พอลงท้องแล้วอาจจะหวาน

คุณ ใบบัวน่ารัก ยังค่ะ อายุสี่ขวบ เดี๋ยวมีบอกไว้ว่าทำไมยังไม่ส่งลูกเข้าโรงเรียนตอนต่อๆ ไปค่ะ

คุณ ameerah ให้กรี๊ดได้เต็มที่ค่ะ เดี๋ยวจะมีมุมไม่น่ารักของขุนโผล่มาอีก

ส่วนข้อความเฟสตอบที่หน้านั้นแล้วนะคะ ลืมรีพลาย

ขอบคุณทุกความเห็น ทุกไลค์ และนักอ่านเงาทุกท่านค่ะ ตอนนี้มีตัวละครจากเรื่องเก่าโผล่มา ไม่รู้ว่าลืมกันไปแล้วยังเอ่ย



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 พ.ค. 2557, 06:11:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 พ.ค. 2557, 06:11:38 น.

จำนวนการเข้าชม : 1864





<< บทที่ 7 : เปลี่ยนรูปแบบการก่อกวน   บทที่ 9 : เหตุเกิดในวันเกิด >>
ใบบัวน่ารัก 28 พ.ค. 2557, 06:57:41 น.
เป็นเจ้าของธุรกิจ น่ากลัวจัง
ไหนจะคู่แข่งอีก น่ากลัวเขียนจะไม่ไหว


ร้อยวจี 28 พ.ค. 2557, 08:11:37 น.
หวานไม่มากแต่โอเคค่ะ มีดีเอสมาเกี่ยวด้วยน่าสนุก รออ่านตอนต่อไปค่ะ


ameerah 28 พ.ค. 2557, 08:26:40 น.
มาทำให้ฟินกะพี่ขุนอีกแล้ว แต่จะรออ่านมุมที่ไม่น่ารักนะคะ ว่าจะทำให้หมั่นไส้รึป่าว ^^


อัศวินนภา 28 พ.ค. 2557, 11:59:04 น.
วันนี้ลูกขุนไม่มา


นักอ่านเหนียวหนึบ 28 พ.ค. 2557, 23:07:33 น.
สงสารหนูเขียน แทนที่จะได้เพาะพันธุ์หมูคุโรบุตะ กลับต้องมานั่งแท่นบริหาร ฉีกยิ้มใส่สื่อ อัลไลก็ไม่รุ้ววว นายรักชาด ก็ห้าวเกิ๊นนนน คนเค้าออกจะบอบบาง น่าทะนุถนอมม


ผักหวาน 16 มิ.ย. 2557, 22:15:44 น.
น้องเขียนจ๋า รู้รึเปล่าอีตาคุณขุนน่ะ น่าทุบมากๆ 5555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account