บ่วงรักนายพราน
เรื่องชุลมุน ซุ่มซ่าม เข้าใจผิดของธีรดากับจอมวายร้ายปารินทร์ เจ้าของคำจำกัดความ หล่อ สปอร์ต ใจดี รักหมา(ไม่น่ารอด) 'หากใครจะคิดว่าผมกำลังคบกับใคร ผมอยากให้ใครต่อใครคิดว่าผมคบกับคุณ'

การรู้สึกว่า 'ใช่' กับใครสักคนไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน ปารินทร์รู้สึกว่าธีรดา 'ใช่' สำหรับเขา แต่กลับพบในภายหลังว่าเธออาจเป็นผู้หญิงที่เข้ามาทำลายความรักของน้องสาว การเอาคืนในแบบชิงไหวชิงพริบที่ใช้ธุรกิจบังหน้าทั้งที่เป็นเรื่องของหัวใจล้วนๆ จึงเกิดขึ้น
Tags: ความรัก ภาคต่อ หวานรักพยัคฆ์ร้าย

ตอน: ตอนที่ 11

ตอนที่ 11

ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป ธีรดาไม่ได้ทำงานแทนธีมาเพราะเจ้าตัวโทรมาบอกตลอดอยู่แล้วว่าอยากให้ทำอะไรในระหว่างที่ทำตัวหายเข้ากรุงเทพฯไป ส่วนเธอก็โทรสั่งงานที่ออฟฟิศกรุงเทพฯ ก่อนมาจัดงานเรื่องขนไม้ที่นี่เธอเคลียร์งานไปจนหมดแล้ว ทำให้ไม่เกิดผลกระทบอะไรหากว่าจะไม่อยู่ออฟฟิศสัก 3-4 วัน
สถานการณ์โดยรวมยังดูปกติ ไม่สามารถบอกได้ว่าใครเป็นคนลงมือสับเปลี่ยนไม้ แต่ที่แน่ๆ ต้องเป็นคนใน คนขับรถทั้งหมดถูกสืบประวัติจนกระทั่งเหลือตัวเลือกที่น่าสงสัยอยู่ 4 คนจากทั้งหมด 15 คน และ 3 ใน 4 คนถูกมอบหมายให้ขับรถส่งไม้ไปส่งปลายทางในเย็นวันนี้
ยังเหลือเวลาว่างอีกชั่วโมงกว่าๆ ธีรดาปั่นจักรยานไปที่ท้ายปางไม้เพื่อไปหามุมสงบ ไหนๆ ก็ปั้นหน้าเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรมาทั้งวัน เธอนั่งมองปางไม้ธารธีราจากบนหน้าผาของแม่ เราซึ่งหมายถึงเธอกับธีมาจะประคับประคองให้ทุกอย่างผ่านไปได้ เธอนอนลงมองฟ้าที่แดดร่มใกล้เวลาเย็นเต็มที พอสบายใจแล้วจึงลุกขึ้นจะลงไปสู้กับปัญหาต่อ ทว่าพอเห็นก้อนหินที่ถูกอัดเข้าไปในช่องที่เก็บกล่องแห่งความทรงจำก็อดคิดถึงปารินทร์ขึ้นมาไม่ได้
“เอาแหวนไปคืนเจ้าของเสียดีไหมนะ”
เธอลองขยับก้อนหิน แต่มันแน่นจนเธอดึงมันออกมาไม่ได้ ตอนที่ปารินทร์ยัดก้อนหินก้อนนี้เข้ามาในช่องคิดบ้างไหมเนี่ยว่าเธออาจดึงมันไม่ออก หลังจากพยายามจนเจ็บมือเธอเลยเลิกล้มความตั้งใจรีบเดินลงไปข้างล่าง เอาไว้วันไหนว่างๆ ค่อยให้ธีมาช่วยดึงออกก็แล้วกัน
พอลงมาถึงข้างล่างลุงสอนก็ขับรถมารอพอดีเพราะเห็นจักรยานของเธอจอดอยู่ ธีรดาไสจักรยานมาที่กระบะท้าย ลุงสอนช่วยยกขึ้นไปไว้บนกระบะ ก่อนที่ทั้งสองคนจะเข้าไปในนั่งในรถด้วยกัน
“ไม้กำลังจะเดินทางแล้วครับ”
“ค่ะ ถ้างั้นเราเริ่มทำตามแผนได้เลยค่ะ ”
แผนแรกเธอกับลุงสอนต้องทำทีเข้าเมืองเพื่อให้คนร้ายชะล่าใจ แผนที่สองปล่อยให้รถบรรทุกออกไปจากปางไม้โดยตรวจตามปกติเท่านั้น ส่วนแผนที่สามธีมาจะเป็นคนสานต่อ มีเธอเป็นกองหลัง คืนนี้เราจะจับคนร้ายด้วยกันโดยมีตำรวจช่วยอย่างแข็งขัน

ธีมาและตำรวจพร้อมแล้วเช่นกัน หน้าจอไอแพดกำลังตามสัญญาณ GPS ซึ่งติดไว้ที่รถบรรทุกทั้ง 3 คันไป คราวนี้ขนไม้ระยะทางไม่ไกลนักจากเชียงรายไปเชียงใหม่ตามออเดอร์ที่ได้รับ โดยวิ่งเส้นทางสายหลักคนของตำรวจและคนของปางไม้ที่ไว้ใจได้กระจายเป็นจุดไปตามเส้นทางที่รถบรรทุกต้องผ่าน ตลอดชั่วโมงที่ผ่านมายังไม่มีอะไรผิดปกติ รถบรรทุกยังวิ่งเป็นขบวนตามกันไป ธีมาภาวนาให้มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เขาอยากให้ตำรวจจับคนร้ายได้เหมือนกับธีรดาเหมือนกัน
ผ่านไปอีกชั่วโมงการเดินทางยังคงปกติ จนกระทั่งผ่านเขตของเชียงรายจะเข้าเชียงใหม่ รถเริ่มออกนอกเส้นทาง ธีมาและตำรวจรีบตามไป ทุกคนเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ แต่น่าแปลกรถสองคันแรกเลือกที่จะจอดส่วนอีกคันกลับเลี้ยวไปทางที่สามารถกลับเข้าสู่ทางหลักได้
“ว่าไงกวาง” ธีมารับสายจากคู่แฝด
“รถคันท้ายสุดมันไปอีกทาง ให้ตามไปไหม” ธีรดาถาม
“ตาม แต่อย่าใกล้มากนะ เดี๋ยวเสือตามไปสมทบถ้าเสร็จเรื่องทางนี้แล้ว”
ลุงสอนขับรถตามรถคันหลังสุดที่แยกออกมาตามคำสั่ง ในรถของเขานอกจากธีรดาแล้วยังมีตำรวจนอกเครื่องแบบอีก 2 นาย
ทางฝั่งของธีมากับวิรัตน์และตำรวจอีก 3 นายพากันลงจากรถที่จอดค่อนข้างห่างเพื่อไม่ให้คนร้ายไหวตัวทัน น่าแปลกที่หลังจากรออยู่แล้วใช้กล้องส่องกลับเห็นเพียงคนขับรถลงมาจากรถ ไม่มีรถที่จะมารับไม้หรือจาก GPS ไม่พบการเปิดประตูท้ายรถแต่อย่างใด วิรัตน์สั่งให้ตำรวจทั้ง 3 นายลงจากรถแล้วเดินไปล้อมรถบรรทุกทั้งสองคันไว้ ธีมาตามวิรัตน์ไปพร้อมปืนเผื่อว่าจวนตัวต้องใช้ขึ้นมา
คนขับรถทั้งสองคันกำลังเดินออกจากป่าละเมาะข้างทาง เจ้าหน้าตำรวจเข้าล้อมไว้ทันที
“หยุด! ยกมือขึ้น”
“จับผมทำไมครับคุณตำรวจ” คนขับรถบรรทุกพากันหน้าตาตื่นละล่ำละลักถามเสียงสั่นไม่ได้มีทีท่าว่าจะหลบหนี
ธีมากับวิรัตน์มองหน้ากันเองเมื่อรู้สึกว่ามันชักแปลกๆ ไม่เข้าเค้าเสียแล้ว
“จอดรถแถวๆ นี้ทำไม” วิรัตน์ถาม
“ผมปวดฉี่น่ะสิครับ”
“แล้วทำไมอีกคันต้องจอดตาม”
“ผมก็จอดตามรถหัวขบวนน่ะสิครับคุณตำรวจ แล้วก็ปวดฉี่เหมือนกัน”
ตำรวจที่เข้าไปในป่าละเมาะวิ่งออกมาแล้วรีบกระซิบรายงานวิรัตน์ซึ่งทำหน้าเหมือนถูกหวยกิน ธีมาขมวดคิ้วใส่เพื่อนตำรวจที่เข้ามาพูดให้ได้ยินใกล้ๆ
“แย่แล้วไอ้เสือ รีบตามกวางไปเร็ว เราตามมาผิดคันแล้ว”
สองหนุ่มและตำรวจอีกหนึ่งนายวิ่งตามกันไปที่รถ ส่วนตำรวจที่เหลือได้รับคำสั่งให้พาคนขับรถทั้งสองคนพร้อมของกลางไปที่โรงพักก่อนเพราะเป็นไปได้ว่าคนขับรถทั้ง 3 คนอาจสมรู้ร่วมคิดกันก็ได้ จึงจำเป็นต้องสอบสวน
ธีมารีบโทรหาธีรดาใจเริ่มไม่ดีเพราะแทนที่เขาจะเป็นคนเสี่ยงหาตัวคนร้ายมาให้ คู่แฝดกลับเสี่ยงแบบไม่ได้ตั้งใจเสียเอง สัญญาณ GPS บ่งบอกว่ารถบรรทุกคันที่สามยังคงวิ่งไม่หยุด ซึ่งน่าเบาใจได้ว่ายังไม่เกิดการปะทะในระหว่างนี้ เสียงรอสัญญาณดังอยู่หลายครั้งกว่าปลายสายจะรับ ธีมาใจร้อนเป็นไฟแล้วตอนนี้
“มีอะไรเสือ”
“รถสองคันแรกไม่ใช่เป้าหมาย ทางนั้นมีความผิดปกติหรือเปล่า” ธีมาเปิดเสียงให้ตำรวจได้ยินด้วย
“คิดว่านะ แทนที่รถจะวิ่งเข้าเส้นทางสายหลัก มันกลับวิ่งลึกขึ้นมาเส้นทางที่ไม่ค่อยมีรถวิ่ง แถมสองข้างทางยังเต็มไปด้วยป่า” จู่ๆ รถที่วิ่งนำก็ชะลอแล้วเบนล้อออกนอกเส้นทางเข้าไปอีก “โอ๊ะ! มันเลี้ยวแล้ว”
“ตามไปห่างๆ อย่าทำอะไรจนกว่าเสือจะไปถึงนะกวาง เข้าใจไหมว่ามันอันตราย” เขาย้ำเสียงเข้ม สิ่งที่เหมือนกันของเราสองคนนั่นคือความกล้าได้กล้าเสีย
“รู้แล้วน่า ตามมาไวๆ ด้วย” ธีรดารีบวางสายเมื่อทางเริ่มขรุขระ
ตำรวจที่มาด้วยกันสั่งให้ลุงสอนดับไฟหน้ารถแล้วค่อยๆ ขับไปเพราะเกรงว่าเป้าหมายจะรู้ตัวพร้อมกับโทรไปรายงานวิรัตน์ รถบรรทุกยังคงขับต่อไปและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดในบริเวณใกล้ๆ ทางออกเสียด้วย แสดงว่าสิ่งที่สงสัยว่ามีการสับเปลี่ยนไม้ระหว่างทางเป็นเรื่องจริง ไม่ถึง 5 นาทีต่อมารถบรรทุกก็จอด
“ลุงสอนจอดรถห่างๆ ไว้ก่อนค่ะ กวางมันแปลกๆ แล้วล่ะ”
“นั่นสิครับ มีรถอีกคนมาจอดรอ น่าจะใช่แล้วล่ะครับ” ตำรวจที่มาด้วยกันชี้ไปยังแสงไฟที่เห็นกะพริบเหมือนเป็นสัญญาณอยู่ในป่าด้านใน
“รีบลงจากรถก่อนดีกว่าครับ เราจะค่อยๆ เข้าไปใกล้แล้วรอจนมันลงมือหลักฐานจะได้คาหนังคาเขา” ตำรวจอีกคนแนะนำ
ทั้งหมดลงจากรถแล้วเดินเงียบกริบโดยมีปลายทางเป็นแสงไฟของรถสองคันที่กำลังทำเรื่องผิดกฎหมาย ธีรดาจับปืนที่เตรียมมาเพื่อเรียกความอุ่นใจพร้อมกับปิดเสียงของโทรศัพท์แล้วเปิดเป็นระบบสั่นแทน

คนขับรถรีบลงไปหารถที่บรรทุกที่มาจอดรอ ความเงียบทำให้บรรยากาศโดยรอบชวนหลอน ทว่าแสงไฟจากรถทำให้ความหลอนหายไป แล้วเมื่อคิดถึงเงินที่จะได้หากขายไม้ได้ด้วยแล้ว ความกล้ายิ่งบังเกิด ทว่าถึงแม้จะเห็นเพียงแสงไฟจากรถที่ตามมาตอนเลี้ยวเข้า แต่เชิดก็ไม่อาจมองข้ามได้ แล้วยิ่งติดต่อไอ้พานกับไอ้ตู่ไม่ได้ยิ่งทำให้ไม่น่าวางใจ
“ผมคิดว่ามีคนตามเรามา เอายังไงดีลูกพี่”
เทพยิ้มเหี้ยม นึกแล้วสักวันคนของปางไม้ต้องสงสัย แต่แหลมมาเมื่อไหร่ ได้ตายเป็นผีเฝ้าป่าเมื่อนั้น เงินดีๆ แบบนี้ใครบ้างอยากให้หลุดมือไป
“แบ่งคนสิวะ มึงสองคนไปตามหาคน ส่วนที่เหลือมาช่วยกันขนไม้”
ตำรวจส่องกล้องอินฟราเรดดูจึงเห็นว่าคนร้ายมี 5 คน ตอนนี้ 3 คนกำลังทำการขนไม้ลงจากรถบรรทุกที่เพิ่งขับเข้ามา ส่วน 2 คนที่เหลือกำลังมาทางที่รถของปางไม้จอดแอบอยู่ ธีรดาฟังรายงานของตำรวจแล้วรีบโทรหาธีมา
“เสือ พวกมันกำลังขนไม้”
“ตามมาแล้ว อย่าทำอะไรนะกวาง หาที่ซ่อน ไม่ต้องไปบุกเดี่ยวให้มันยิงใส่เอาล่ะ” ธีมาย้ำอีกที เขากลัวใจคู่แฝดพอๆ กับที่กลัวใจตัวเอง เวลาคับขันทีไรไม่มีเสียหละที่ยอมหลบอยู่ข้างหลง
“จะพยายาม”
ธีรดารีบเก็บโทรศัพท์แล้วเปลี่ยนมาถือปืนไว้รอ ตำรวจปรายตามองมาเหมือนอยากถามว่ายิงเป็นจริงๆ หรือเปล่า เธอยิ้มเหี้ยมๆ ให้ เรื่องแบบนี้เธอไม่เป็นสิแปลก ตอนเรียนเธอน่ะนักยิงปืนของมหา’ลัย แม้ว่าจะไม่เคยได้ที่หนึ่ง แต่ก็ไม่เคยได้เกินจากที่สามเหมือนกัน
“มันมากันแล้วครับ” ลุงสอนกระซิบเมื่อเอาหูแนบกับพื้นแล้วได้ยินเสียงเดินใกล้เข้ามา
ลุงสอนกับตำรวจนายหนึ่งแยกไปเพื่อจัดการคนร้ายที่กำลังขนไม้ ส่วนธีรดากับตำรวจอีกนายรอจัดการคนร้ายที่กำลังใกล้เข้ามา เสียงเดินเงียบกริบมากก็จริงหากจ้องดีๆ ก็จะเห็นเป็นเงาตะคุ่มของคนร้ายได้ไม่ยาก ธีรดาหมอบลงเช่นเดียวกับตำรวจ แต่ปืนยังคงเล็งและรอเวลาจนกว่าทางลุงสอนจะเข้าโจมตี ด้วยกำลังคนที่น้อยกว่าควรรอให้ตำรวจทางฝั่งธีมามาสมทบ
“อยู่ตรงนี้หรือเปล่าวะ ถ้าอยู่ก็ออกมาถ้ายังไม่อยากตาย” คนร้ายส่งเสียงนำเมื่อส่องไฟฉายกราดหาอยู่เป็นนานสองนานยังไม่พบเจ้าของรถที่จอดแอบไกลออกมา เมื่อรอไม่ไหวเลยเปลี่ยนวิธียิงปืนขึ้นฟ้า
“ปัง ปัง”
“ไอ้เวร ยิงทำไมวะ อยากให้พ่อมึงมาลากเข้าตารางหรือไง หาไปสิมันต้องอยู่กันแถวๆ นี้แหละ”
เทพและคนที่เหลือชะงักมือ พอเห็นว่าคนของเขาเองก็รีบทำงานต่อ ตำรวจกับลุงสอนเดินแยกกันเพื่อตีตลบ ในระหว่างรอกำลังเสริมจากธีมา ทว่าพื้นที่เต็มไปด้วยใบไม้แห้งและไม้แห้งยามเดินเหยียบจึงเกิดเสียง
แกร๊บ...
เทพได้ยินเสียงคว้าปืนจากบั้นเอวยิงออกไปตามทิศทางที่ได้ยินเสียงไม้หัก ถ้าไม่มีใครก็ดีไป แต่ถ้าใช่จะได้ฆ่าทิ้งให้หมด
“ปัง ปัง ปัง”
ลุงสอนยิงสวนเช่นเดียวกับตำรวจที่ไม่รอให้ถูกโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว ไอ้สองคนอีกด้านมองหน้ากันเลิกลั่ก
“ใครยิงปืนวะ”
“คนของปางไม้มา รีบกลับมาที่รถแล้วขับหนีไปเร็วๆ เข้าโว้ย” เทพตะโกนสั่งท่ามกลางเสียงปืนระงมพลางกระโดดหลบหนีตายเช่นกัน
“ฝันไปเถอะว่าจะหนี” ธีรดาคำรามอยู่ในลำคอแล้วเปิดฉากโจมไอ้สองคนที่กะมาเก็บเธอกับตำรวจที่อยู่ด้วยกัน
เกิดการปะทะกันสองด้านอย่างเลี่ยงไม่ได้ ธีรดาแยกกับตำรวจแล้วช่วยกันยิงไม่ให้ไอ้สองคนกลับไปสมทบกับพวกของมันได้ ตำรวจกับลุงสอนวิ่งแล้วหลบกระสุนกันอุตลุด ลุงสอนรู้สึกเจ็บแปลบๆ ที่โคนแขนแต่ฝืนไว้ ตำรวจยิงไปที่ยางรถทั้งสองคันโดยใช้แสงจากไฟหน้าที่พวกมันเปิดทิ้งไว้ คนร้ายเห็นท่าไม่ดีรีบขึ้นไปบนรถทั้งสองคันเพื่อขับหนี แต่รถกลับเอนโย้ไปด้านหนึ่งเพราะยางถูกยิงจนระเบิด ลูกน้องขอเทพตะโกนบอกลูกพี่เสียงหลง
“ยากแตก เราหนีไม่ได้แล้วพี่เทพ”
“ถ้างั้นเก็บไอ้พวกแส่ก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน”
ทั้งหมดกระโดดลงจากรถแล้วเป่าปากให้เสียง ในเมื่อหนีไม่ได้ก็ฆ่าไอ้พวกที่ตามมาให้เรียบ คนเป็นปากสว่าง คนตายปากเงียบ ถ้าตายเรียบก็แค่ฝัง หลังจากนั้นค่อยสลายตัว
ธีรดารู้สึกถึงแรงสั่นระรัวที่กระเป๋ากางเกง แต่ตอนนี้เธอไม่ว่างพอจะรับโทรศัพท์ได้ ไอ้เชิดเห็นเธอแล้วมันกำลังเล็งปืน เช่นเดียวกับที่เธอเล็งปืนใส่มัน แล้วในวินาทีต่อมานั้นเธอก็ยิงออกไปแล้วกลิ้งตัวหลบ ห่ากระสุนชุดใหญ่จู่โจมจนเธอร้อนวูบตรงแก้ม พร้อมๆ กับเสียงปืนที่ดังก้องไปทั้งแนวป่า
“หยุด! นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยกมือขึ้นให้หมด”
ตำรวจตะโกนใส่พร้อมๆ กับห่ากระสุนที่ส่งไปไม่เช่นนั้นคนบริสุทธิ์อาจตายก่อนคนทำผิดกฎหมาย ธีมามองหาคู่แฝดพร้อมกับกราดยิงใส่คนร้าย ไม่ได้กะให้ตาย แค่ยิ่งกลับมาไม่ได้เป็นพอ
เทพเห็นท่าไม่ดีรีบวิ่งหนีเข้าป่า ตำรวจวิ่งตามไปพร้อมกันสองนาย ไม่นานนักก็เกิดเสียงปืนยิงโต้กันดังสนั่น ธีมาจัดการไอ้เชิดจนได้ มันดิ้นขัดขืนจนเขาต้องแจกหมัดจนสลบไปก่อน
“เดี๋ยวฉันเคลียร์ทางนี้เองไอ้รัตน์”
วิรัตน์พยักหน้ารีบตามเข้าไปช่วยลูกน้อง ธีมาวิ่งเข้าไปในแนวป่าด้านข้างพลางตะโกนเรียกหาเพราะมั่นใจว่าธีรดาต้องทำตามที่สั่ง
“กวางอยู่ไหน ให้เสียงด้วย”
ธีรดาได้ยินเสียงธีมากำลังจะตอบ แต่คนร้ายที่เหลืออีกคนกำลังเล็งไปที่คู่แฝดเลยยิงปืนไปทางคนร้ายแทน ธีมาได้ยินเสียงปืนรีบวิ่งไปทางนั้น คราวนี้ธีรดามั่นใจรีบให้เสียง
“มันไปทางนั้นแล้วเสือ”
คราวนี้ธีมาวิ่งตามสุดกำลังพร้อมกับยิงปืนไล่หลัง เสียงปืนจากทั้งสองฝั่งดังระรัวราวกับใครมาจุดพลุเล่นในป่า คนร้ายวิ่งหนีและยิงสวนกลับ อารามรีบร้อนเลยสะดุดล้มแต่ก็ตะเกียกตะกายจะลุกขึ้น ธีมายิงใส่จนล้มลง ธีรดาวิ่งมาสมทบคู่แฝดที่ยิงซ้ำจนคนร้ายนอนกับพื้นร้องโอดโอยกุมโคนขากับแขนบิดตัวไปมาอย่างเจ็บปวด
เสียงปืนอีกฟากเงียบไปแล้วเช่นกัน ธีมาลากคนร้ายออกมาตรงถนนลูกรัง วิรัตน์ให้เสียงว่าเคลียร์แล้ว ตำรวจช่วยกันรวบรวมคนร้ายมารวมกันก่อนจะใส่กุญแจมือแล้วพาขึ้นรถ สองคู่แฝดถอนใจโล่งอกเมื่อจับคนร้ายได้เสียที
“บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าเพิ่งบุก” ธีมาตะโกนใส่หูธีรดา เมื่อกี้ตอนตามหาไม่เจอเขาแทบบ้า ช่างไม่รู้เลยว่าถ้าเป็นอะไรขึ้นมาเขาจะเป็นยังไง พ่ออีกล่ะ
ธีรดายิ้มให้พลางตบบ่าของธีมา รู้หรอกว่าห่วง แต่ไม่คิดว่าจะห่วงขนาดนี้ ปลื้มใจจังแฮะ แต่เธอมีเหตุผลที่ต้องเสี่ยงนี่นา ไม่ใช่อยู่ๆ บ้าเลือดไปยิงกับคนร้ายสักหน่อย
“ก็พวกมันจะยิงกวางกับลุงสอนนี่ แถมยังจะหนี เป็นเสือจะหนีอย่างเดียวไหมล่ะ”
“เออ ไม่เถียงแล้วเพราะมันจริง แต่ต่อไปอย่างทำแบบนี้ เป็นห่วง”
นี่แหละธีมาที่ธีรดารู้จักมาตลอดอายุของเธอ ใครว่าเธอไม่กลัวล่ะ หญิงสาวขยับมากอดพี่ชาย 1 นาทีอย่างขวัญเสีย ที่ยังไม่กรี๊ดลั่นก็แทบงงตัวเองอยู่แล้ว ธีมาหัวเราะเสียงทุ่มใกล้หูพลางกอดตอบแล้วโยกตัวเบาๆ ให้น้องสาวที่ไม่ค่อยรับว่าเป็นน้องหายกลัว นานๆ ทีหรอกที่เราจะกอดกันสักที
ธีรดายิ้มเขินๆ แล้วคลายกอด ขอบคุณตัวเองที่ไม่ร้องไห้ออกมา ตอนนี้ค่อยหายกลัวกลับมาเป็นสาวมั่นคนเดิมได้หน่อย ธีมาบีบมือคู่แฝดเบาๆ แล้วปล่อยเพื่อไปจัดการเรื่องคนร้ายต่อกับวิรัตน์
“แกอีกแล้วหรือไอ้เทพ คราวก่อนเมาในเวลางานไล่ออกไปคงไม่เข้าใจเหตุผลสินะ เลยยังกลับมาทำเรื่องชั่วๆ ได้อีก ไอ้รัตน์คราวนี้มีกี่ข้อหาก็จัดไปหนักๆ จะได้รู้ผิดรู้ถูกเสียที”
“พ่อเลี้ยงผมสำนึกผิดแล้ว ต่อไปจะไม่ทำอีก” เทพยกมือไหว้เช่นเดียวกับลูกน้องอีก 3 และไอ้เชิดคนขับรถที่คงได้แผลไปพร้อมกับเข้าคุก
ธีมาถอนใจใหญ่ คราวนายเวียงก็พูดอย่างนี้พอถูกจับได้ ทีตอนทำเรื่องชั่วๆ ทำไมไม่คิดบ้างว่าสักวันก็ต้องถูกจับ พอถูกจับก็มาขอให้ยกโทษให้
“เบื่อจะฟังแล้ว ไปกับตำรวจแล้วรับโทษตามกฎหมายเสียเถอะ ข้างนอกคุกคงไม่เหมาะกับคนแยกผิดแยกถูกไม่ได้อย่างพวกแก”
เทพและผู้สมรู้ร่วมคิดพากันฮึดฮัดเพราะไม่อยากติดคุก แต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้เพราะถูกใส่กุญแจมือและตำรวจก็มีตั้ง 3 แล้วยังลุงสอนและสองพี่น้องเจ้าของปางไม้อีก หนีอย่างไรก็ไม่รอด ตำรวจขับรถพาคนร้ายไปโรงพักสองนาย ส่วนวิรัตน์อยู่ตรวจของกลางก่อน
พอช่วยกันตรวจสอบก็พบไม้ที่ถูกนำลงมาจากรถบรรทุกของปางไม้ ส่วนไม้ที่นำมาสอดไส้เป็นไม้ที่เกรดต่ำแถมยังราคาถูก ถ้าดูเผินๆ เนื้อไม้แทบไม่ต่างกัน ถ้านำไม้ที่สับเปลี่ยนไปขายจะได้เงินหลายหมื่นจากการลงทุนเพียงไม่กี่พัน ทุกอย่างถูกคลี่คลายเมื่อจับตัวไอ้เทพซึ่งเป็นคนงานเก่า แต่ถูกธีมาไล่ออกไปเมื่อ 4 เดือนก่อนและพวกได้ในที่สุด
ธีรดากับธีมาเดินทางมาที่สถานีตำรวจตอนเกือบตี 3 ส่วนของกลางกำลังตามมาคงมาถึงตอนรุ่งสางพอดีเพราะต้องเปลี่ยนยาง ส่วนลูกค้าธีมาจะโทรไปขอเลื่อนส่งไม้หนึ่งวันจากเหตุสุดวิสัย วิรัตน์เล่าว่าพอถูกจับแล้วสอบสวนโดยมีหลักฐานแน่นหนาเทพจึงยอมรับสารภาพว่าทำไปเพราะต้องการแก้แค้นและต้องการเงิน จึงนำไม้เกรดต่ำมาเปลี่ยนกับไม้มีมีราคาของปางไม้ แล้วก็เอาไม้ไปขายหลังจากนั้นนำเงินมาแบ่งกัน
ฟ้าสางพอดีตอนที่สองพี่น้องเดินทางกลับมาที่ปางไม้ธารธีราในสภาพอิดโรยหลังจากไม่ได้นอนมาทั้งคืน คนร้ายถูกจับ ได้ไม้คืนมาและได้รู้ว่าต้องหาคนขับรถใหม่อีก 7 คนรวด หลังจากมีการซัดทอดกันเองว่ามีใครเกี่ยวข้องในคดีลักทรัพย์ครั้งนี้บ้าง

ธีมาสลบเหมือดหมดแรงเมื่อหัวถึงหมอน แต่ธีรดากลับรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วขอให้วิราวัณขับรถไปส่งที่สนามบิน วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการส่งรายงาน ระหว่างรอขึ้นเครื่องเธอโทรหาวีรชัยเพื่อเล่าถึงการจับกุมของตำรวจพร้อมกับแฟ็กซ์เอกสารที่พอส่งได้ไปให้ก่อน ส่วนเอกสารที่เหลือจะไปถึงพร้อมกับเธอไม่เกินเที่ยงของวันนี้ เธอหลับมาตลอดการเดินทางจนกระทั่งมาถึงดอนเมือง
กว่าจะฝ่าการจราจรมาถึงออฟฟิศได้ก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายโมง วีรชัยมานั่งรอนายสาวอยู่แล้ว พอธีรดามาถึงงานที่ทำรอและเว้นไว้เพื่อใส่มูลสำคัญจึงได้เดินหน้าต่อ
“ข้อมูลทุกอย่างอยู่ในนี้พร้อมรายงานที่กวางได้มาจากตำรวจ คุณวีรชัยช่วยรวบรวมแล้วส่งให้มิสเตอร์พอลด้วยนะคะ ภายในวันนี้” หญิงสาวสั่งงานเสียงเพลีย หน้าซีดเพราะหิวข้าว
“ได้ครับคุณกวาง”
“ฝากด้วยนะคะ กวางขอไปพักก่อน หมดแรงแล้วจริงๆ”
วิภารีบหาข้าวกลางวันให้ธีรดาที่ดูเหนื่อยล้า พอกินข้าวเสร็จก็ขอพักห้ามใครรบกวนเป็นเวลา 2 ชั่วโมง ขอละเมิดกฎหน่อยเถอะ เธอแทบจะล้มทั้งยืนอยู่แล้ว พอตัวถึงโซฟานุ่ม หัวได้สัมผัสหมอน หญิงสาวก็หลับไปทันที คราวนี้หมดเรื่องเสียทีนะ

รายงานเสร็จเรียบร้อยในชั่วโมงต่อมา วีรชัยอ่านทวนซ้ำไปซ้ำมาและส่งเมลให้ทนายความช่วยดูว่ามีอะไรที่พาดพึงถึงแล้วเกิดผลเสียต่อบริษัท เมื่อแก้ไขเรียบร้อยตามคำแนะนำก็รีบปริ๊นออกมาเพื่อให้ธีรดาเซ็นเป็นอันเสร็จสามารถส่งไปยังพาราลิสต์ได้
“คุณกวางไม่อยู่แล้วค่ะคุณวีรชัย” วิภาบอกหน้าตาไม่สู้ดีเท่าไหร่
“ไปไหนล่ะ มีเอกสารสำคัญต้องให้เซ็นเสียด้วยสิ”
“ออกไปแล้วค่ะ ไม่รู้รีบไปไหน ทั้งๆ ที่บอกว่าอยากพัก พอโทรไปกลับติดต่อไม่ได้”
วีรชัยคิดหนักเพราะหากธีรดาไม่เซ็นเอกสารฉบับนี้ก็ถือว่าไม่สมบูรณ์ เลขากับผู้จัดการนั่งปรึกษากันพลางโทรหานายสาวไปด้วย แต่ให้โทรอย่างไรก็ไม่ติด
“ส่งไปก่อนแล้วกันค่ะคุณวีรชัย เดี๋ยวเอกสารตัวจริงค่อยตามไปพรุ่งนี้ก็ไม่น่าจะเป็นอะไรหรอกมั้งคะ”
วีรชัยส่งเมลแนบเอกสารแบบ PDF ไฟล์ไปให้เลขาของมิสเตอร์พอล แต่ผ่านไป 10 นาทีกลับไม่มีเมลตอบกลับมาว่าได้รับเอกสารแล้ว เขาเลยโทรหาดิฐเพื่อความแน่ใจว่าเอกสารถึงมิสเตอร์พอลแล้ว
“มิสเตอร์พอลไม่อยู่ครับคุณวีรชัย ผมก็กำลังโทรตามอยู่เหมือนกัน ถ้ายังไงผมจะรีบส่งให้นะครับถ้าติดต่อบอสได้แล้ว” ดิฐรับปากก่อนวางสายไป
วีรชัยปวดหัวจี๊ด วิภารีบไปหายามาให้เมื่อปัญหาจบแต่เหมือนยังไม่จบ ธีรดาหายไปไหน เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะขาดความรับผิดชอบในช่วงเวลาสำคัญ อีกทั้งมิสเตอร์พอลยังติดต่อไม่ได้เหมือนกันอีก หวังว่าดิฐจะส่งเอกสารให้ถึงมือของเขาได้ภายในวันนี้ ไม่อย่างนั้นปัญหาใหญ่แน่

50 นาทีก่อนหน้านั้น...
ธีรดาฝืนความเพลียและความง่วงเดินออกมาจากออฟฟิศเพื่อมาหากวินตา เปล่านะ เธอกับยัยยนี่ไม่ได้พิศวาสกันถึงขนาดนัดกินกาแฟยามบ่าย เพียงแค่คำพูดของกวินต่างหากที่ทำให้เธอไม่อาจนิ่งนอนใจได้ จู่ๆ มาบอกว่า
...มีเรื่องสำคัญ ไม่แน่ว่าธารธีราอาจเสียตำแหน่งคู่ค้าให้พาราลิสต์
ที่มานี่ไม่ได้กลัว แค่อยากรู้ว่ายัยนั่นจะมาไม้ไหนอีกเท่านั้น กวินตามานั่งรออยู่ตรงร้านกาแฟใกล้ๆ กับออฟฟิศของธีรดา พอเห็นว่าคู่แค้นมาแล้วก็รีบทำหน้ายิ้มยินดีที่ธีรดามาตามนัด คนพึ่งมาถึงเบ้ปาก
“รีบๆ พูดมาฉันเหนื่อย ถ้าไม่สำคัญจริงๆ ล่ะคอยดู”
“ถ้าไม่สำคัญจริงจะโทรหาคนที่ไม่ได้อยากคุยด้วยสักนิดทำไมล่ะ แล้วจะกินอะไร น้ำเปล่า กาแฟ น้ำอัดลม หรือนอกจากนี้”
ธีรดาหรี่ตามองอดีตเพื่อน ไม่ว่ากวินตามากระบวนท่าไหนเธอรู้ทันหมดนั่นแหละ อยากเอาใจล่ะสิ คนที่จะหลุดจากตำแหน่งคู่ค้าของพาราลิสต์ไม่ใช่ธารธีราหรอก แต่เป็นพลธนาต่างหาก หลุด...ทั้งที่ยังไม่ได้รับตำแหน่งด้วยซ้ำละมั้ง
“พูดธุระของเธอมาเถอะ ฉันอยากฟังให้จบจะได้กลับ เห็นไหมว่าหน้าฉันโทรมเพราะไม่ได้นอน แค่ตอนนี้ก็แทบจะหลับกลางอากาศได้อยู่แล้ว”
“ฉันอยากคุยกับเธอเรื่องพาราลิสต์” กวินตาบอกตามตรง
“คุยผิดคนแล้วมั้ง ฉันไม่ใช่มิสเตอร์พอลสักหน่อย” เรียวปากบางยิ้มหยัน “นึกแล้วว่าคนที่กลัวน่ะเธอ ไม่ใช่ฉัน”
กวินตาถอนใจยาว หลังจากได้คุยกับมิสเตอร์พอลเมื่อวานทำให้เธอคิดได้ว่าการมาประนีประนอมกับธีรดาเพื่อที่เราจะ win-win ด้วยกันน่าจะง่ายกว่าการโน้มน้าวผู้ชายคนนั้น
“ถึงมิสเตอร์พอลจะไม่พูดออกมาตรงๆ แต่ฉันก็รู้สึกได้ว่าเขารู้ว่าบริษัทของเราเป็นคู่แข่งกัน ถ้าเขายกเลิกสัญญากับธารธีรา แล้วมาเป็นคู่ค้ากับพลธนาคงดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
“ก็ไม่ผิดนี่” นี่แสดงว่าปารินทร์ยอมทำตามคำขอของเธอหรือเปล่านะ ถึงทำให้กวินตาต้องบากหน้ามาขอให้เธอช่วย
“จะฟังจนจบแล้วค่อยพูดได้ไหม”
“อ่ะๆ พูดต่อสิ ฟังนานๆ ฉันง่วง” กาแฟมาเสิร์ฟพอดี ถึงไม่ได้สั่ง แต่กวินตาจัดให้เธอก็ไม่ขอขัดแล้วกัน
“ฉันเลยอยากขอให้เธอพูดกับมิสเตอร์พอลว่าถ้าธารธีธาไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขได้ บริษัทที่เหมาะสมคือพลธนา” กวินตากลั้นใจพูดออกมา
ถ้าพลธนาได้เป็นคู่ค้า การทำให้กาวิต้าเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของทีมออกแบบในพาราลิสต์ก็ไม่น่ายาก การขอร้องธีรดาไม่ใช่สิ่งที่เธอคิดว่าตลอดชีวิตนี้ต้องมาทำเลยให้ตายเถอะ ถ้าไม่ใช่บริษัทพาราลิสต์เธอคงไม่มีทางลงทุนยอมเสียศักดิ์ศรีขนาดนี้หรอก
ธีรดาเกือบอึ้ง กวินตาทำได้ถึงขนาดนี้เชียว การที่เรารู้จักกันมานาน เธอมั่นใจและคิดว่ามองไปพลาดว่าไอ้ที่ยัยนี่ทำมาก็แค่ละครฉากหนึ่งเท่านั้นเอง
“เมาหรือเปล่าเนี่ย ธารธีรายังไม่ได้ถูกยกเลิกสัญญาสักหน่อย ไม้ล็อตต่อไปจะมีการส่งตามจำนวนปกติ ไม่มีการลดหรือถูกยกเลิก”
คนตีหน้าเศร้าสายตาเปลี่ยนเป็นค้อนใส่ได้ในพริบตาเดียว ธีรดาหัวเราะอยู่ในใจนั่นไงเธอมองพลาดไปเสียที่ไหน ต้องบอกไหมว่าแอ๊บยังไม่เนียน
“อ้าว! ไหนว่าธารธีราถูกพาราลิสต์ยกเลิกสัญญาแล้วไงล่ะ” กวินตาแหวลั่น
“เธอคิดไปเองคนเดียวน่ะสิ แค่นี้ใช่ไหมที่อยากพูด”
“ทำไมไม่บอกแต่แรก เสียเวลาที่สุด แล้ววันนั้นเธอไปหามิสเตอร์พอลทำไมถ้าไม่เกิดปัญหาถูกยกเลิกสัญญา” กวินตาหาเรื่องใส่กลับ ไหนๆ เสียหน้าไปแล้วก็ต้องเอาคืนให้หายหมั่นไส้
“เข้าคำว่า ‘เกือบ’ ไหมยัยวิตา แล้วตอนนี้ธารธีรากับพาราลิสต์น่ะแน่นปึ้ก พวกบริษัทที่อยากเข้ามาแทรกก็ปากแห้งคอยไปอีกนานเลยล่ะ” ธีรดาหัวเราะเสียงใส คุ้มกับที่ต้องอดนอนมาดูละครฉากสำคัญจริงๆ
“หยุดเลยนะ กาแฟแก้วนั้นฉันจ่ายเงิน เธอห้ามกินต่อ”
ธีรดายื่นแก้วกาแฟคืนให้อย่างไม่เสียดาย “โอเค ฉันไปล่ะ ง่วงนอนชะมัด ทีหลังหัดพูดอะไรที่สั้นๆ และได้ใจความกว่านี้หน่อยนะ”
กวินตาฟังแล้วปี๊ด แต่จะองค์ลงกรี๊ดลั่นร้านก็ใช่ที ได้แต่มองธีรดาเดินออกไปจากร้านด้วยความแค้นใจสุดๆ เธอไม่น่าเข้าใจอะไรพลาด ทำไมตอนนี้เหตุการณ์กลับตาลปัตร พาราลิสต์กับธารธีรากลับมาซึ้ปี้ก เธอก็หมดสิทธิ์แทรกแซงน่ะสิ ไม่ยอม แต่ยังไม่รู้ว่าต้องทำยังไง มันต้องมีหนทางสิน่า
ธีรดาเดินยังไม่ทันพ้นจากหน้าร้านอยู่ๆ เด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักก็เดินมากอดขาแล้วร้องไห้
“เป็นอะไรหรือคะหนู ร้องไห้ทำไม”
“หนูหลงกับแม่ พี่สาวช่วยหาแม่ให้หนูที” เด็กน้อยบอกเสียงสะอื้น
“ก็ได้จ้ะ หนูหาแม่ไม่เจอตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วก็ตรงไหน บางทีแม่อาจจะไปหาหนูแถวๆ นั้นก็ได้นะ” ธีรดามองไปทั่วบริเวณที่ยืนอยู่ หากทะลุซอยไปก็จะเป็นห้างสรรพสินค้า แต่ถ้าไปทางซ้ายก็ออฟฟิศของเธอ หากไปทางขวาก็จะเป็นอาคารพาณิชย์ที่ชั้นล่างดัดแปลงเป็นร้านอาหาร ร้านขายน้ำเป็นส่วนใหญ่
“ตรงโน้นค่ะ” เด็กน้อยชี้ไปตรงทางเดินที่สามารถนำไปสู่ห้างสรรพสินค้า
ธีรดาดูนาฬิกาที่ข้อมือเห็นว่ายังพอมีเวลาพาเด็กไปหาแม่ แล้วกลับมาออฟฟิศเซ็นเอกสารที่วีรชัยน่าจะทำเสร็จพอดีจึงจับมือหนูน้อยเดินเข้าไปในซอย กวินตาหันมามองเห็นพอดีเลยเบ้ปาก...ยัยนี่ ใจดีจนน่ารำคาญ ทีกับเพื่อนล่ะใจดำจนน่าโมโห!



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 พ.ค. 2557, 09:30:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 พ.ค. 2557, 09:30:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 1348





<< ตอนที่ 10   ตอนที่ 12 >>
แว่นใส 29 พ.ค. 2557, 22:25:18 น.
น่าสงสัย


กาซะลองพลัดถิ่น 30 พ.ค. 2557, 04:44:02 น.
เอาเด็กมาเป็นนกต่อ ใครจะทำร้ายเธออีกล่ะนี่ แล้วจะมีแรงสู้ได้ไหม เหนื่อยซะขนาดนี้
ลุ้น ๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account