ร้อยรักพรางตะวัน (Just To Love You)
ชีวิตและจิตใจของฉันเหมือนดั่ง..ตุ๊กตาแก้ว..
เปราะบาง..อ่อนแอแตกหักง่าย..
แต่มันจะยังอยู่ได้..ถ้ายังมีใครบางคนอยู่เคียงข้าง’
(อรณี)

‘หัวใจของผม..มีไว้เพื่อเธอ..
ดวงอาทิตย์เฉิดฉายที่ปลายฟ้า
ดวงนั้น..คงไม่มีวันตกลงมาถึงผม..’
(ภาณุ)

‘คนอย่างฉัน..ไม่เคยต้องง้อใคร..
ถึงจะวีน..เหวี่ยง..แรง..ร้าย..
แต่ยังไง..ฉันก็ยังรักเขา..’
(ชลดา)

‘ถ้าเลือกได้..สักครั้งในชีวิต
ผมไม่ต้องการ..อะไรเลย
นอกจากเธอ..ผู้เป็นดั่งรอยยิ้มของผม’
(ชัชพล)

Tags: ร้อยรักพรางตะวัน,รักซึ้งๆ,รักโรแมนติก

ตอน: เรื่องบังเอิญ..ที่ไม่บังเอิญ..


เรื่องบังเอิญ...ที่ไม่บังเอิญ..


สายลมพัดพลิ้วแรงจนเส้นผมที่เซ็ททรงสวยปลิวสไวยุ่งเหยิงผิดรูปผิดทรงท่ามกลางบรรยากาศเป็นใจของอาทิตย์ที่กำลังจะพ้นขอบฟ้าลงทุกขณะ แต่บรรยากาศของคู่รักที่ควรจะหวานชื่นท่ามกลางบรรยากาศงดงามกลับไม่เป็นไปอย่างที่คิดเมื่อใบหน้านวลสวยแตะแต้มเครื่องสำอางบางเบางอง้ำไปด้วยความไม่พอใจทำให้ชายหนุ่มที่กำลังจ้องมองดวงตาสวยซึ้งอดที่จะกระเซ้าไม่ได้

“เป็นอะไร..ทำหน้าสวยๆหน่อยสิครับ...เรากำลังอินเลิฟกันอยู่นะ”

“อินเลิฟบ้านนายสิ..ลมแรงขนาดนี้ผมเผ้ายุ่งเหยิงเสียทรงน่ารำคาญชะมัด..ฉันจะถ่ายใหม่”อรณีจ้องตอบดวงตาวาวขุ่นเคือง

“ไม่เอาน่า กลั้นใจเล่นให้จบๆไปตะวันจะตกดินแล้วมัวแต่ยึกยักเดี๋ยวได้มาถ่ายซ่อมวันหลังมีวีนอีก ผมก็ไม่อยากกอดพี่หลายเทคนักหรอก..กลัวหน้ามืดตบผมล่ะยุ่งเลยเดี๋ยวเป็นข่าว”

“จะได้เป็นข่าวเพราะปากดีอย่างนี้ไงเล่าจะโดนตบไม่รู้ตัว”

อรณีแสร้งยิ้มในหน้า ไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจเดียดฉันท์แต่อย่างใดแต่กิริยาที่ไม่เป็นธรรมชาติปรากฏผ่านสายตาคนนั่งหลังจอมอนิเตอร์ที่นังคงเฝ้ามองอย่างลุ้นๆในขณะที่แสงอาทิตย์กำลังจะลาลับของฟ้าลงไปเรื่อยๆ ในที่สุดชัชพลก็ทนไม่ได้

“เทค!!!”

“คุณเป็นอะไรของคุณ..อรณี!!อินเนอร์น่ะไปไหนหมด ยิ้มหวานๆซี้งๆจิกหมอนให้เหมาะกับเป็นซีนโปรโมทหน่อยสิ!!นี่อะไรกอดกันแล้วทำตัวเกร็งแข็งยังกับท่อนไม้ !! หน้าตาก็ถมึงทึงเหมือนกับโกรธกันมาสักสิบปี ทำตาหยาดเยิ้มแบบรักใคร่ดูดดื่มน่ะทำเป็นมั๊ย!! คุณด้วยนะ ศรุต!! ผมรู้ว่าคุณก็เชี่ยวทำเป็นยืนตัวเกร็งอยู่ได้น่ารำคาญจริง”

ชัชพลเท้าสะเอวยืนจังก้าอยู่ที่เก้าอี้สนามหน้าจอมอนิเตอร์พร้อมเอ็ดคู่รักหนุ่มสาวต่างวัยในจอเสียงดังสนั่นรอบตัวราวกับหยุดเคลื่อนไหวต่างพากันมองไปทางอรณีที่ยังคงตีสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะถอนหายใจเฮือกเป็นตาเดียว

“ขอโทษค่ะพี่ชัช..อรขอใหม่อีกรอบนึง..เจ้!!”

อรณีตะโกนเรียกแสงสุรีย์ด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ผู้จัดการสาวแว่นสาละวนคว้าอุปกรณ์แต่งสวยพร้อมช่างหน้าผมคู่ใจเข้าไปจัดแจงอย่างเร็วรี่ในขณะที่ศรุตยืนยิ้มขำอยู่ข้างกายหลังจากผละออกห่างหญิงสาวที่ดูจะหงุดหงิดพอตัวเพราะถูกเอ็ด

“หน้าไม่สวยเลยที่รัก..ท่าทางพรุ่งนี้เราได้มาถ่ายซ่อมฉากนี้กันอีกแน่ๆงบคงบานตะไทคราวนี้สงสัยพี่อรคนสวยจะโดนท่านประธานเรียกเข้าห้องเย็นอีกแน่โทษฐานไม่ตั้งใจทำงาน”

"นี่!! อยากให้งานเสร็จจริงๆรึเปล่าเนี่ย กัดฉันได้ตลอดสิ”

อรณีบ่นอุบน้ำเสียงหงุดหงิดเหลือประมาณ ชัชพลได้แต่มองอยู่ห่างๆไม่แสดงอาการใดเพราะผู้คนผ่านไปมาพากันหันมาให้ความสนใจกองถ่ายพอสมควร

+++++++++++++++++++++++++++++++++++

แสงไฟระยิบทั่วบริเวณเมื่อมองจากชั้นเกือบบนสุดของโรงแรมเดอะมิวส์โรงแรมหรูระดับห้าดาวริมหาดจอมเทียน ที่สว่างไสวในเมืองไม่เคยหลับพัทยา...สวรรค์ของนักเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลกที่สักครั้งหรือหลายครั้งผู้คนต่างต้องการมาเยือนและสัมผัสกลิ่นอายชายทะเลที่ชื่อเสียงติดอันดับโลก

ภาณุในเครื่องแต่งกายชุดเดิมปลายแขนเสื้อเชิ๊ตตลบพับต่ำกว่าศอกนิดหนึ่งมองเหม่อออกไปริมระเบียงอย่างครุ่นคิด เรื่องที่คุยกับมารดาของน่านฟ้ายังติดอยู่ในใจจนไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้แม้ว่าจะพยายามมากเพียงใดก็ตามจนต้องออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ริมระเบียงเพื่อผ่อนคลาย

“ไอ้ณุ..เสื้อผ้าชุดใหม่หามาให้แล้ว วางอยู่บนโซฟา ตามสบายนะ” น่านฟ้าสั่งความ ภาณุเพียงตอบรับสั้นๆอย่างเคย “อืม...ขอบใจ”

“ฉันนัดเพื่อนไว้ ไปด้วยกันมั๊ยวะ”

“ไม่ล่ะตามสบายนายเถอะ” ภาณุตอบโดยไม่ละสายตาจากท้องทะเลกว้าง

“โอเค..พรุ่งนี้เช้าเจ็ดโมงเจอกันล็อบบี้”

น่านฟ้าตบบ่าเพื่อนรักที่ยังคงยืนนิ่งเฉยอย่างเหม่อลอยทำเอาภาณุถึงกับสะดุ้ง แต่พอเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้จึงเดินตามเข้ามาติดๆ “เดี๋ยว..ฉันมีเรื่องจะถามนาย”

น่านฟ้าชะงักฝีเท้าทันทีก่อนที่จะเปิดประตูห้องออกไปคิ้วเข้มคมของหนุ่มลูกครี่งขมวดมุ่นด้วยความสงสัยในท่าทีของเพื่อนรักที่ดูกระอักกระอ่วนอย่างไรพิกล

“มีอะไรวะ..เห็นหน้านิ่วคิ้วขมวดตั้งแต่เย็นแล้วแม่ฉันพูดอะไรให้ไม่สบายใจรึเปล่า หรือว่าช็อคที่จะต้องเทียวไปเทียวมากับเฟสสามที่นี่โทษทีพอดีเจอเพื่อนก็เลยไม่ทันได้อยู่ฟังด้วย แต่โชคดีว่ะ เฟสสามขึ้นทีสามตึกเลยนายนี่สุดยอด”

“แม่นายบอกว่าจะยกหุ้นในคอนโดมิเนียมเฟสใหม่ที่เพิ่งไปดูที่กันเมื่อเย็นให้บางส่วนถ้าโครงการสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี แต่มันไม่จำเป็นฉันก็ทำไปตามหน้าที่ถ้าท่านต้องการให้ทำอะไรฉันก็พร้อมจะทำอย่างสุดความสามารถเพราะท่านอุตส่าห์ไว้ใจ..แต่”

“แต่อะไรวะ”น่านฟ้าสนใจท่าทางที่ดูเหมือนเนือยๆ ของเพื่อนรักทั้งที่ควรจะดีใจมากกว่าด้วยซ้ำ แต่เหตุไฉนภาณุจึงมีท่าทางเหมือนกับคนแบกโลก

“จะดีซะกว่าที่ฉันจะทำงานเต็มความสามารถแล้วได้ผลตอบแทนเป็นเงินเดือนหรือโบนัสเพิ่มขึ้นเรื่องหุ้นนั่นไม่คิดอยากได้เลยสักนิดเพราะฉันไม่ใช่ลูก หลาน ญาติทางไหนก็ไม่ใช่สักนิดมันคงไม่เหมาะกรณีถ้าเกิดมีอะไรแล้วฉันเป็นคนนอก”

ภาณุถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่นึกหนักใจกับท่าทีของมารดาเพื่อนรักไม่น้อย เมื่อนึกไปถึงคำพูดที่คุยกันเมื่อเย็นแล้วยิ่งรู้สึกแปลก

“แม่อยากตอบแทนณุที่ช่วยเหลือน่านมาตลอดแม่เอ็นดูรักณุเหมือนลูกหลาน เห็นกันมาแต่มัธยมแม่รักณุเหมือนลูกชายแท้ๆ จริงๆนะ อยากช่วยให้เราตั้งตัวได้เร็วๆจะได้ช่วยดูแลกิจการงานให้น่านกับน้องด้วย ไม่รู้ว่าณุรู้จักน้องรึยังลูก...น้องสาวของน่านน่ะแกเพิ่งจบไฮสกูลมาจากเมืองนอก”

คำพูดอ่อนโยนแสดงออกผ่านคำพูดและการกระทำของมารดาเพื่อนรักที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ดีเก่าทุกกระเบียดนิ้วทำให้เขาค่อนข้างเกร็งทุกครั้งยามเผชิญหน้ากันตามลำพัง แล้วยังจะคำพูดแปลกๆที่ฟังดูแล้วสะดุดใจพิกลนั่นอีก

“เอ่อ..เพิ่งรู้จักกันครับเจอกันที่ออฟฟิศเมื่อวันก่อนคุณนางมาหาน่านครับ”

“นั่นล่ะน้องชื่อนางนะลูก..คคนานต์ แม่อยากให้ทำความรู้จักกันไว้จ้ะ ช่วยพิจารณาน้องไว้สักคนนะเอ่อ..แม่เห็นณุยังไม่มีใครเผื่ออีกหน่อยมีอะไรแม่จะได้มีคนดูแลฝากผีฝากไข้”

ภาณุยิ้มรับแต่คำตอบแบ่งรับแบ่งสู้“เอ่อ..คุณนางเก่ง..ผมคงไม่มีอะไรจะต้องช่วยเธอหรอกครับ แล้วอีกอย่างผมยังไม่คิดมีใครตอนนี้”

“เหรอจ้ะ..เสียดายจัง อันที่จริงแม่อยากให้น้องจบปริญญาก่อนค่อยกลับมาแต่นี่กลับมาเยี่ยมบ้านแค่ไม่กี่วัน ไปแคสติ้งเป็นนักแสดงเฉยเลยจ้ะ แถมได้บทนำภาคต่อด้วยนะแม่ล่ะพูดไม่ออกได้แต่เป็นห่วง อยากให้น้องสานต่องานธุรกิจครอบครัวกับใครสักคนที่แม่สามารถวางใจได้จ้ะ”

มารดาน่านฟ้าเอ่ยคล้ายจะฝากฝังลูกสาวกับเขากลายๆซึ่งนั่นเป็นเหตุให้ภาณุต้องคิดหนัก วัยอย่างเขาสมควรกับการมีครอบครัวไม่ใช่น้อยไม่แปลกที่จะฝากฝังลูกสาวให้พิจารณา

แต่หัวใจคนเรานั้น..บางครั้งก็เล่นตลก

การจะรักใครสักคน...ใช่ว่าหัวใจจะบังคับได้ถึงแม้จะรู้ว่าคนที่หวังนั้นเกินเอื้อม

ภาณุได้แต่ทอดถอนใจมองเหม่อไปในทะเลกว้างไกล มืดมิด..สุดลูกหูลูกตา ท่ามกลางสายลมกรรโชกแรงสลับเบาเป็นระยะมีเพียงเสียงคลื่นซัดสาดหาดทรายที่เป็นสัญญาณของการเคลื่อนไหวของธรรมชาติรอบกายนานพอสำหรับใครบางคนที่ออกอาการหงุดหงิดอยู่หน้าประตูห้องพักของเขาหลังจากกดกริ่งเรียกอยู่หลายครั้งคนในห้องก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะออกมาเปิดสักที

++++++++++++++++++++++++++++++++++

อรณีนั่งหน้ามุ่ยอยู่หน้ากระจกฟังตารางงานคร่าวๆจากผู้จัดการสาวแว่นหนาที่กำลังสาธยายเป็นฉากๆแต่มีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้คนฟังถึงกับสะดุดทันทีที่ฟังจบ

“อะไรนะ!!..พรุ่งนี้ช่วงเช้าต้องยกเลิกคิวก่อนเพราะบทไม่พร้อมต้องแก้ใหม่..อะไรกันเนี่ยเจ้แค่บทช้ายังมาไม่ถึงมืออรนี่มันก็ไม่เป็นมืออาชีพจะแย่แล้วนะ อรมีเวลาแค่ไม่เกินสามวันสำหรับพัทยาก็รู้นี่”

อรณีหัวขวับมาทันทีที่ฟังจบแสงสุรีย์ขยับแว่นหนาตามความเคยชินก่อนจะกระแอมเบาๆขัดเสียก่อนที่นักแสดงสาวจะทันได้พูดอะไรออกมาอีก

“ก็รู้..แต่จะทำไงได้ล่ะ ในเมื่อบทไม่โอเคคุณชัชไม่ให้ผ่านก็ต้องแก้ใหม่ แล้วทีนี้คิวนักแสดงเลยรวนไหนจะยังประกาศกรมอุตุว่าพรุ่งนี้อาจจะมีพายุฝนฟ้าคะนองอีก กรรมจริงๆไม่รู้จะยกกองมั๊ยหรือมาถ่ายอินดอร์แทน”

“อินดอร์ฉากไหนอย่าบอกนะว่าฉาก...”

“โอ๊ย!! อย่าเพิ่งคิดไปเอง ไปกินข้าวกันดีกว่าห้องอาหารบรรยากาศดีมากเลยนะรีแล็กซ์จ้ะ สูดหายใจลึกๆ โอ เค๊”

แสงสุรีย์รีบขัดจังหวะด้วยความรำคาญเวลาอรณีจะวีนขึ้นมาใครก็เอาไม่อยู่แม้แต่หล่อน ต้องรีบตัดบทกลัวเรื่องจะยาวซึ่งก็ไม่ทำให้นักแสดงสาวหายคลางแคลงใจมือเรียวหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาค้นหาเบอร์เคยคุ้นหมายจะสอบถามแต่โดนผู้จัดการสาวคว้าไปซะก่อน

“ก็ได้..อรจะกิน กิน กินให้หายหงุดหงิดเลยไม่ต้องมาห้ามด้วย”

พูดจบก็ลุกขึ้นคว้ากระเป๋าสะพายใบหรูเตรียมออกนอกห้องทันทีทำเอาแสงสุรีย์ที่ยังเคลียร์เอกสารไม่แล้วเสร็จรีบเก็บแทบไม่ทันทันทีที่ประตูหน้าห้องเปิดออก อรณีถึงกับงงเมื่อพบใครบางคนยืนอยู่หน้าห้อง

"พี่ชัช"

“พี่มาชวนอรไปดินเนอร์...ไปด้วยกันนะ”

ชัชพลในชุดลำลองแต่ดูภูมิฐานสมวัยยืนยิ้มอยู่หน้าห้องพร้อมดอกกุหลาบสีแดงสดช่อโตยื่นให้กลิ่นหอมของดอกไม้ทำให้หญิงสาวที่ยังงุนงงโปรยยิ้มเล็กน้อยรับมาถือไว้ก่อนจะสูดดมกลิ่นความหอมอย่างพอใจแล้วส่งต่อให้ผู้จัดการสาวที่ยืนนิ่งค้างอยู่ด้านหลังรับช่วงต่อไป

“เอาไปจัดแจกันให้ด้วยเจ้”

“ได้ค่ะ” แสงสุรีย์รับคำสั้นๆแล้วเดินย้อนกลับเข้าไปในห้องทิ้งให้อรณีและชัชพลเผชิญหน้ากันตามลำพัง “ตามจริงเราน่าจะไปกินข้าวกันทั้งทีมงานแล้วนี่พวกเขาอยู่ไหนกันคะ”

อรณีเสเปลี่ยนเรื่องไม่อยากไปสองคนตามลำพังกับชายหนุ่มที่กำลังตกเป็นข่าวกับหล่อนไม่แพ้คู่รักหลอกๆต่างวัยอย่างศรุต

“เด็กๆพักอีกที่หนึ่งไม่ใช่ที่นี่ที่นี่สำหรับนักแสดงจ้ะ ก็มีอร ศรุต แล้วก็นางเอกใหม่ที่เล่นภาคต่อกับนักแสดงรุ่นใหญ่อีกไม่กี่คนเท่านั้นแหละพักที่นี่ แต่ทุกคนขอฟรีสไตล์น่ะเห็นว่าบางคนจะไปท่องราตรีกันนะ”

“อ๋อ..มีแต่อรที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยงั้นกินที่ห้องอาหารของโรงแรมก็แล้วกันนะคะ อรไม่ชอบวุ่นวาย”

อรณียิ้มน้อยๆเมื่อไม่เห็นทางปฏิเสธจึงได้แต่เดินนำไปอย่างเงียบๆ ชัชพลเร่งฝีเท้าเดินมาจนทันกันแสงสุรีย์ได้แต่มองตามหลังทั้งคู่ไปอย่างนึกเป็นห่วงอรณีลึกๆ เมื่อนึกไปถึงเรื่องที่ปราณคาดโทษเอาไว้เมื่อวาน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“พี่ณุ”

หญิงสาวในชุดเดรสสั้นแขนกุดสีฟ้ายืนยิ้มหวานอยู่หน้าห้องทันทีที่ประตูห้องของภาณุเปิดออกชายหนุ่มในเครื่องแต่งกายชุดเดิมเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจ เมื่อพบสาวน้อยตรงหน้า

“คุณนาง!!”

“ไม่ต้องตกใจค่ะคุณแม่บอกนางว่าพี่ณุมา พรุ่งนี้นางมีคิวถ่ายนอกสถานที่ที่นี่ค่ะก็เลยกะมาค้างที่โรงแรมเรา พอดีเลยค่ะ แม่บอกพี่ณุ พี่น่านมาพอดี ดีใจจังค่ะ”คคนานต์ยิ้มหวานตาเป็นประกายชวนคุยเจื้อยแจ้ว

“แล้ว..มีอะไรกับพี่รึเปล่าครับ”ภาณุยิ้มเล็กน้อย เอ็นดูสาวน้อยตรงหน้าไม่เบาด้วยความน่ารักสดใสของหล่อน

“มาชวนพี่ณุไปทานข้าวค่ะพี่น่านไปกับเพื่อนแล้ว ฝากนางให้ดูแลพี่ณุค่ะ นะคะ..ไปทานข้าวกัน ที่ห้องอาหารของเราก็ได้แบบเปิดโล่งวิวสวยมากค่ะ นะคะ” คคนานต์คะยั้นคะยอ

“แต่พี่ยังชุดเดิมไม่ได้อาบน้ำเลยทำยังไงดี” ภาณุยิ้มเขินเล็กน้อย ทำเอาสาวน้อยตื่นเต้นเอ่ยอย่างยินดีด้วยดวงตาเป็นประกาย“ไม่ต้องเลยค่ะไปชุดนี้แหละ..นะคะ”

“ก็ได้ครับ” คำตอบรับสั้นๆพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นของชายหนุ่มตรงหน้าทำให้คคนานต์ถึงกับยิ้มไม่หุบเดินแกมวิ่งตามเขาไปติดๆทันที

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่า ^____^



lovereason
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 พ.ค. 2557, 21:56:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 พ.ค. 2557, 21:56:55 น.

จำนวนการเข้าชม : 1357





<< ตอนที่ 9 ชั่วโมงต้องมนต์...2   เรื่องบังเอิญ..ที่ไม่บังเอิญ..2 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account