ร้อยรักพรางตะวัน (Just To Love You)
ชีวิตและจิตใจของฉันเหมือนดั่ง..ตุ๊กตาแก้ว..
เปราะบาง..อ่อนแอแตกหักง่าย..
แต่มันจะยังอยู่ได้..ถ้ายังมีใครบางคนอยู่เคียงข้าง’
(อรณี)
‘หัวใจของผม..มีไว้เพื่อเธอ..
ดวงอาทิตย์เฉิดฉายที่ปลายฟ้า
ดวงนั้น..คงไม่มีวันตกลงมาถึงผม..’
(ภาณุ)
‘คนอย่างฉัน..ไม่เคยต้องง้อใคร..
ถึงจะวีน..เหวี่ยง..แรง..ร้าย..
แต่ยังไง..ฉันก็ยังรักเขา..’
(ชลดา)
‘ถ้าเลือกได้..สักครั้งในชีวิต
ผมไม่ต้องการ..อะไรเลย
นอกจากเธอ..ผู้เป็นดั่งรอยยิ้มของผม’
(ชัชพล)
เปราะบาง..อ่อนแอแตกหักง่าย..
แต่มันจะยังอยู่ได้..ถ้ายังมีใครบางคนอยู่เคียงข้าง’
(อรณี)
‘หัวใจของผม..มีไว้เพื่อเธอ..
ดวงอาทิตย์เฉิดฉายที่ปลายฟ้า
ดวงนั้น..คงไม่มีวันตกลงมาถึงผม..’
(ภาณุ)
‘คนอย่างฉัน..ไม่เคยต้องง้อใคร..
ถึงจะวีน..เหวี่ยง..แรง..ร้าย..
แต่ยังไง..ฉันก็ยังรักเขา..’
(ชลดา)
‘ถ้าเลือกได้..สักครั้งในชีวิต
ผมไม่ต้องการ..อะไรเลย
นอกจากเธอ..ผู้เป็นดั่งรอยยิ้มของผม’
(ชัชพล)
Tags: ร้อยรักพรางตะวัน,รักซึ้งๆ,รักโรแมนติก
ตอน: เรื่องบังเอิญ..ที่ไม่บังเอิญ..2
การจราจรบนเส้นทางมุ่งหน้าสู่ชลบุรีคับคั่งไปด้วยรถราที่หนาแน่นและแสนติดขัดเนื่องจากใกล้วันหยุดเทศกาลชลดาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายใบหน้างามที่เสริมแต่งแต้มเครื่องสำอางแพงระยิบเริ่มออกอาการหงุดหงิดไม่น้อยจนภาณินที่ทำหน้าที่คนขับรถจำเป็นด้วยความจำใจเพราะถูกบังคับต้องเหลือบตามองอย่างอ่อนใจ
“นี่มันกะจะติดถึงเช้าเลยรึไงอะไรนักหนาเนี่ยขนาดเดินทางใกล้ๆ ยังใช้เวลาขนาดนี้ทำไมไม่รู้จักนอนอยู่บ้านอยู่ช่องกันมั่งนะ ออกมาให้รถติดอยู่ได้” ชลดาสบถอย่างหัวเสีย
“นี่..ชลฉันว่าเธอน่ารำคาญกว่ารถที่ติดกันเป็นแถวยาวเหยียดอีกนะแล้วฉันก็ไม่ใช่เบ๊เธอเข้าใจไว้ด้วยนะ นี่ฉันอุตส่าห์ทิ้งร้านมาขับรถให้ยังไม่ว่าดีอีกถ้าจะหงุดหงิดฟาดหัวฟาดหางอีกฉันจะลงให้แกขับไปเองเลย”
ภาณิน..เจ้าของร้านดอกไม้เพื่อนสนิทของชลดาเอ่ยด้วยความหงุดหงิดไม่แพ้กัน เมื่อเห็นหน้าเพื่อนรักงอเป็นจวักชลดาฟังแล้วนึกหมั่นไส้สวนกลับทันทีทันใด
“ดีจ้ะ..ดีที่สุดเลย แม่เพื่อนรักสุดประเสริฐแต่จะดีกว่านี้ถ้าแกขับรถไปเฉยๆ ไม่พูดมาก”ชลดาสวนกลับทันควัน
“เออนี่ ว่าแต่แกน่ะ..มาถึงพัทยาแล้ว กะจะไปที่นั่นด้วยมั๊ย”
ภาณินชวนคุย สายตามองตรงไปข้างหน้าอย่างระมัดระวังในการขับขี่แต่คนฟังถึงกับนิ่งไปก่อนจะหันขวับมามองตาขวางถามด้วยน้ำเสียงขุ่น “ถามทำไม”
“ฉันก็แค่เห็นอีกนิดเดียวก็จะถึงที่นั่นแล้วถ้าแกอยากไป..ฉันจะไปเป็นเพื่อนแกเอง”
“เงียบไปเลย!! ถามอะไรโง่ๆ ฉันจะไม่ไปเหยียบที่นั่นอีก” ชลดาเสียงแข็งกร้าวทำเอาเพื่อนรักผู้หวังดีถึงกับหน้าเสีย
“ฉันก็แค่อยากให้แกกลับไปที่นั่นบ้าง..เขาอาจจะรอแกอยู่”
“ไม่!! ไม่มีวันน่ะ แกก็รู้..ถ้ารักกันจริงอย่าพูดเรื่องนี้อีกนะ ฉันกำลังพยายามลืมมันอยู่..ขอร้อง”
ชลดาเบือนหน้าออกนอกหน้าต่างซ่อนบางสิ่งบางอย่างที่กำลังเอ่อล้นดวงตายามนึกถึงความหลังเอาไว้อย่างแนบเนียนหากแต่น้ำเสียงสั่นเครือไม่ได้ช่วยปกปิดร่องรอยนั้นได้อย่างใจ ภาณินเริ่มรู้ตัวว่าสะกิดแผลลึกของเพื่อนจึงเสเปลี่ยนเรื่องโดยไม่ทันคิดว่าเรื่องใหม่ที่ได้ยินจะทำให้ชลดายิ่งเครียดหนักเข้าไปอีก
“เออนี่ว่าแต่แกดิ้นรนทิ้งงานไปพัทยาวันนี้เพราะเรื่องแฟนเก่าแกรึเปล่าฉันได้ยินจากน้องที่สั่งดอกไม้จากที่เดียวกันว่าส้มหล่นผู้กำกับชัชพลเหมาดอกไม้เกือบหมดร้านเอาไปเซอร์ไพรส์สาว..ว่างั้น”
“อะไรนะ!!..สาว? ใคร?”
ชลดาคาดคั้นเน้นหนักคำถามด้วยสายตากร้าวมือเรียวกำแน่นอย่างสะกดกลั้นอารมณ์จนภาณินหน้าเสีย “เออ..ฉันก็ได้ยินมาแบบนั้นแต่จริงๆเขาอาจจะสั่งดอกไม้เอาไว้เป็นแค่พร็อพประกอบฉากก็ได้นะแก..ใจเย็นๆอย่าเพิ่งหงุดหงิด
“เย็นไม่ไหวแล้ว!! ฉันจะโทรเลื่อนนัดไม่ไปดูแล้วที่เท่ออะไรนั่นน่ะแกพาฉันไปหาพี่ชัชเดี๋ยวนี้เลย”
ชลดาหมายมั่นมือเรียวคว้าโทรศัพท์มือถือควานหาเบอร์ปลายทางที่หมายจะยกเลิกยิ่งรีบร้อนลนลานก็ยิ่งหาไม่เจอจนหงุดหงิดหนักกว่าเดิม “หายไปไหนนะ..ไอ้เบอร์โทรเนี่ยยิ่งรีบยิ่งช้าสิน่า..นี่แก!!”
“อะไร๊!! เรียกซะตกใจหมดอยู่กันแค่สองคนเนี่ย!!”
ภาณินจอดรถเข้าข้างทางแทบไม่ทันด้วยความขุ่นเคืองกับอารมณ์เพื่อนรักที่เปลี่ยนไปมาราวกับหญิงวัยหมดประจำเดือนคนข้างกายที่กำลังหงุดหงิดถึงกับหัวทิ่มเพราะไม่ทันตั้งตัว
“นี่เจ็บนะ!! เบรกไม่ดูตาม้าตาเรือเลย มะรืนฉันต้องสัมภาษณ์รายการสดนักธุรกิจพันแปดร้อยล้านด้วยแกรู้จักมั๊ย คุณน่านฟ้า เจ้าของธุรกิจเรียลเอสเตสไม่รู้กี่โครงการหนำซ้ำยังเป็นสถาปนิกเนื้อหอมที่สุดของวงการ แกขับรถดีๆ สิ เดี๋ยวหนังหน้าเพื่อนไม่สวยแกตาย”
ชลดาเน้นเสียงสูงพร้อมทั้งคลำหน้าผากป้อยๆเรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มกลับคืนมาสู่ทั้งคู่ได้อีกครั้ง
“ขำอะไร..ยัยบ้า” ชลดาค้อนขวับวงใหญ่เมื่อเพื่อนรักหลุดขำท่าทางจริงจังของหล่อน
“เห็นแกหัวเราะได้แบบนี้ฉันก็สบายใจ แลกกับโดนด่าเล็กๆน้อยๆ ก็โอเคนะ”ชลดาพยักหน้ายิ้มแย้มให้เพื่อนรักโดยปราศจากท่าทางเย่อหยิ่งจองหองเช่นที่ใครต่อใครเห็น
อันที่จริง..ชลดาเป็นคนสวยจัด..
โลกสว่างไสวไปด้วยรอยยิ้มของหล่อนทุกครั้งที่ปรากฏดังที่มีใครบางคนเคยบอกไว้
แต่ใครจะรู้..รอยยิ้มนั้นจะจางหายไปกับกาลเวลาและ..
ความทรงจำอันแสนเลวร้ายในอดีต...
“เออนี่..ถ้าแกจะละทิฐิบ้างคงจะดีกว่านี้นะ เผื่ออะไรๆ ในชีวิตแกมันจะดีขึ้นมาบ้างโดยเฉพาะเรื่องผู้ชายที่แกทิ้งน่ะ”
“ฉันไม่ได้ทิ้ง..ฉันแค่สละสิทธิ์ชั่วคราวตอนนี้ฉันจะทวงเขาคืน” ชลดาหมายมั่นตาเป็นประกายไม่สนใจสีหน้าเอือมระอาของเพื่อนรัก
“แก..ฉันจะเตือนอะไรแกอย่างในฐานะเพื่อนที่หวังดีกับแกจริงๆ” ภาณินสีหน้าและน้ำเสียงจริงจังขึ้นจนชลดานิ่งไป “ว่ามา...”
“ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายปล่อยมืออีกฝ่ายไปก่อน..มันไม่มีวันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้หรอกนะ..เวลาเปลี่ยน..คนก็เปลี่ยนนะชล...แกคาดหวังไม่ได้หรอกว่าคนที่แกทิ้งเขา เขาจะยังรอแกเพราะรักแกผู้ชายน่ะลับหลังเราเขาก็เปลี่ยนแล้ว..หัดมองผู้ชายซะใหม่ แกไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ ฉันไม่อยากให้แกผิดหวังเพราะผู้ชายคนเดียวตลอดชีวิตนะ”
“ขอบใจ..แต่พี่ชัช..เขาดี”
ชลดาเผลอรำพึงถึงคนที่ยังอยู่ในความคิดตลอดเวลาภาณินส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยเตือนสติ “เขาดี..แต่แกทิ้งเขา..ผู้ชายดีๆที่ไหนเขาคงรอแกหรอก”
“เป็นศิราณีหรือไง..ฉันไม่ได้ขอความเห็นแต่ก็ขอบใจมากนะเพื่อน..บางครั้งฉันก็เหนื่อยแต่ชีวิตคนเราเลือกอะไรไม่ได้มากนักหรอก..ถ้าเลือกได้ฉันจะไม่ยอมเสียเขาไปตั้งแต่แรก”
แน่นอน..ถ้าหากหล่อนจะมีโอกาสเลือกแม้เพียงสักนิด..
ชัชพล..จะเป็นผู้ชายคนเดียวที่หล่อนอยากจะครอบครองเขาเอาไว้..
จะไม่ยอมปล่อยไป..โดยเฉพาะให้กับผู้หญิงอย่างอรณีที่เปรียบเสมือนคู่ปรับตลอดกาลของหล่อน..
ชลดาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายพร้อมกับกลั้นก้อนสะอื้นกลืนหายไป ไม่ให้เพื่อนรักสังเกตเห็น แต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาเรียวคมที่มองเพื่อนรักอย่างทะลุปรุโปร่งไปได้ภาณินลูบหลังไหล่ให้กำลังใจ ต่างคนต่างไม่มีคำพูดอะไรอีก นอกจากความเงียบ..
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
วิวสามร้อยหกสิบองศาของสตาร์บาร์..ร้านอาหารเปิดโล่งบนชั้นดาดฟ้าของโรงแรมเดอะมิวซ์ประดับประดาไปด้วยดอกไม้แสนสวยราวกับยกสวนดอกไม้ทั้งสวนมารวมกันอยู่ที่นี่
อรณีถึงกับตะลึงกับความสวยงามราวกับภาพฝันภายใต้ท้องฟ้าประดับดาวระยิบระยับชัชพลเฝ้ามองดวงหน้านวลสวยของคนข้างกายด้วยประกายตาระยับจนอดใจไม่ไหว
เพราะใกล้..จนหัวใจเต้นแรงเหมือนกำลังเคลื่อนไหวด้วยเสียงเพลงจังหวะเร้าใจ..โดยที่ไม่มีบทเพลงบรรเลงใด..
เพราะไกล..เมื่อมองสบตาแล้วพบเพียงความว่างเปล่าที่แสนเย็นชา..
อรณีเบือนหน้าหนีสายตาเขาทันทีที่เริ่มรู้สึกตัวว่าถูกจ้องมองเมื่อสัมผัสจากปลายนิ้วของเขาโอบเอวบางของหล่อนเอาไว้และดูเหมือนจะกระชับเข้าหาอ้อมอกอุ่นเข้าไปเรื่อยๆโดยที่เจ้าของเอวบางไม่ทันรู้ตัวเพราะมัวตกตะลึงกับสถานที่
“สวยจังเลยค่ะ.. แต่ทำไมไม่เห็นใครเลยคะแขกสักโต๊ะก็ไม่มี” อรณีไม่วายสงสัย
“อืม..ไม่รู้สิจ๊ะเขาคงอยากให้ที่นี่เป็นสถานที่พิเศษในวันพิเศษของเราอย่างนี้มากกว่ามั๊งอย่าสนใจเลยมาทางนี้เถอะจ้ะ..”
อรณีเดินตามแรงโอบกระชับไปอย่างลืมตัวทางเดินทอดยาวประดับประดาด้วยไฟทางเดินเล็กๆและดอกลิลลี่สีเหลืองและไฮเดรนเยียสีขาวแซมเหลืองตลอดระยะไปจนถึงโต๊ะอาหารที่ตั้งเด่นอยู่กลางร้านทำให้จุดอื่นด้อยไปถนัดตา
ชัชพลจัดแจงเลื่อนเก้าอี้ให้อย่างกระตือรือร้นอรณียิ้มส่งให้ก่อนจะนั่งลงอย่างมีจริต หญิงสาวถึงกับอึ้งไปเพราะรู้สึกถึงความพิเศษของดินเนอร์มื้อนี้ความรู้สึกประหลาดใจปนอึดอัดแล่นเข้ามาโดยเร็ว แต่ยังไม่ทันได้ถามข้อสงสัยเสียงเพลงทำนองคุ้นเคยก็บรรเลงขึ้นอย่างอ้อยอิ่งหวานแว่ว..
“feels like nobody ever touchedme..until you..touched me,…nobody, nobody…until you...”
“นี่มัน...”
“Until You… เหรอคะ?”
อรณีเอ่ยน้ำเสียงตื่นเต้นเมื่อได้ฟังเสียงคลอเพลงที่ชัชพลเริ่มร้องคลอทำนองหวานหูเบาๆ
“feelslike nobody ever touched me..until you..touched me,”
“ไม่เคยมีใครเข้าใจหัวใจของฉันได้เหมือนเธอ..”
“…nobody, nobody…until you...”
“...มีเพียงเธอนี่แหละที่ทำได้แบบนี้..เพียงเธอ..”
“เสียงเพราะจังเลยค่ะ ร้องไม่ตกคีย์แบบนี้เป็นนักร้องได้สบายเลยแล้วพี่ชัชรู้ได้ยังไงคะว่าอรชอบเพลงนี้” อรณีเลี่ยงสบตาชัชพลที่มองอย่างหวานเชื่อมเริ่มรู้สึกหนาวๆร้อนๆขึ้นมา จนรู้สึกได้ถึงอาการประหม่า
“พี่รู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับอร..เพลงที่ชอบ..ดอกไม้ที่ชอบ..ทุกสิ่งทุกอย่างที่อรชอบเพราะพี่รัก..”
“ลิลลี่สีเหลืองกับไฮเดรนเยียสีขาว..อรชอบมากจริงๆด้วยค่ะ พี่ชัชเก็บรายละเอียดเก่งมากอย่างนี้สาวที่ไหนไม่รักไม่หลงคะ”
อรณีตัดบทเปลี่ยนเรื่องด้วยสีหน้าแย้มยิ้มอ่อนหวานไม่ปล่อยให้เขาพูดต่อคำนั้นที่หล่อนจงใจไม่ฟังมันดวงหน้านวลสวยเหลือบมองกลุ่มดอกไม้เรียงรายรอบบริเวณอย่างจงใจหลบสายตา
“คงสาวแถวนี้มั๊งจ้ะ..พี่พยายามตั้งนานแล้วยังไม่ใจอ่อนสักที..อรคิดว่าไงจ้ะ”
ชัชพลไม่ปล่อยให้สถานการณ์ผ่านพ้นไปรีบเปิดประเด็นเข้าเรื่องทันทีจนอรณีถึงกับอึ้งและหน้าเสียเล็กน้อยสักพักดวงตากลมใสแสนสวยก็ยิ้มมองไปยังดอกไม้ทั้งหลายที่ประดับประดาอยู่
“ลิลลี่สีเหลือง และไฮเดรนเยีย..ดอกไม้สองชนิดมีความหมายต่างกันอย่างสิ้นเชิง..พี่ชัชทราบมั๊ยคะ”
“เหรอจ๊ะ...พี่ไม่สนใจความหมายของมันหรอกนอกจากได้เห็นอรมีความสุขจากความสวยงามน่ารักของมัน”คำพูดอ่อนหวานคลอเสียงบรรเลงเพลงแผ่วเบาราวกับภาพฝันหากเป็นคนอื่นอาจจะะเคลิ้มลอยแต่หล่อนกลับเฉไฉไปอีกเรื่องจนได้ “แต่สำหรับอร ดอกไม้ทุกชนิดมีความหมายลึกซึ้งแฝงอยู่ในตัวของมันเองค่ะ..ไม่ใช่มีแค่ความสวยงาม”
“หืม..” ชัชพลสนใจฟัง อรณีมองเหม่อไปทางดอกไม้แสนสวยอย่างลืมตัว
“ถ้าจะเปรียบดอกไม้สองชนิดนี้กับตัวอร..ลิลลี่สีเหลืองคือความรัก..ความห่วงใย..ความอบอุ่น..แต่สำหรับอรคงเป็นได้แค่ไฮเดรนเยียดอกเล็กๆที่ถึงจะสวยงามแต่ก็มีแค่หัวใจที่ด้านชาเท่านั้นค่ะ..อรขอโทษนะคะ.พี่ชัช” พูดจบอรณีก็ลุกพรวดก้าวออกไปโดยไม่ทันได้แตะต้องแม้แต่เครื่อมดื่มที่รินพร้อมเสิร์ฟแม้แต่น้อย
“อร!! เดี๋ยว..อร”
ชัชพลคว้าแขนอรณีไว้ได้ทันก่อนที่หญิงสาวจะก้าวพ้นประตูห้องอาหารสตาร์บาร์เข้าไปภายในตัวอาคารความรู้สึกน้อยใจแล่นมาเป็นสาย สิ่งที่เขาทำมันไร้ค่าเสียจนหล่อนคิดหลีกหนีหรือรคงต้องถามไถ่ให้รู้เรื่อง
“คุยกันก่อน..อร”
“ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้ค่ะแต่อรทานไม่ลงค่ะ พี่ชัช ขอตัวไปพักก่อนนะคะ” หญิงสาวสะบัดมืออกจากการเกาะกุมแต่ชัชพลยังคงไม่ยอมปล่อยทั้งยังบีบแขนหล่อนแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“พี่ไม่เข้าใจขอคำอธิบายหน่อยได้มั๊ยอร”
“ไม่ค่ะ..ไม่มีคำอธิบายบอกแล้วว่าอรมีเพียงแค่หัวใจที่ด้านชาและไม่พร้อมจะรักใคร พี่ชัชปล่อยอรเถอะนะคะ”อรณีเว้าวอน ดวงตากลมมีหยาดน้ำใสคลอหน่วย
“แต่..แต่ พี่”
ไม่ทันที่ชัชพลจะพูดอะไรต่อเสียงปรบมือก็ดังขึ้นทั้งอรณีและชัชพลหันไปทางที่มาของเสียงพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“คุณ!!”
ชัชพลปล่อยมือที่กำลังยื้อยุดทันทีที่เจ้าของเสียงปรบมือเดินตรงเข้าหากิริยาวางมาดเข้มและสายตาที่มองมาคมดุราวกับพญาเสือที่น่ายำเกรง อรณีเมื่อเห็นว่าเป็นใครก็ถึงกับหน้าเสียไปทันที
“ผมไม่ยักรู้ว่าเดี๋ยวนี้ผู้กำกับกับนักแสดงของผมมีการซักซ้อมต่อบทกันนอกรอบด้วยไหน..ขอผมดูบทหน่อยได้มั๊ยท่าทางจะตื่นเต้นฉากขอความรักเมื่อกี้ อลังการดี..ผมชอบ”
“เอ่อ..คือผมไม่ได้”
ชัชพลคิดแก้ตัวด้วยกลัวจะเดือดร้อนถึงอรณีเพราะรู้กิตติศัพท์ชายตรงหน้า หากแต่อรณีกลับขัดขึ้นอย่างไม่กลัวเกรง
“ท่านประธาน..มาทำไมคะอย่าบอกว่าจะมาควบคุมความประพฤติฉันทุกฝีก้าวหรอกนะ ฉันบอกแล้วว่า..ฉันไม่กลัวคุณ..ไม่เคยกลัว..และไม่คิดจะกลัวด้วย”
“ดี!! คุณไม่กลัวผม แต่มี ‘บางคน’ ของคุณกลัวผมแน่ ถ้ายังไม่เชื่อฟังทำตัวเป็นข่าวฉาวให้ราคาตกอีกละก็..ผมจะเด็ดปีกสวยๆของคุณนี่ไม่ใช่แค่ขู่นะ ระวังตัวไว้ให้ดี”
“คุณขู่ฉันเหรอ!! คุณปราณ!!”
อรณีตาวาวก้าวเข้าประชิดปราณอย่างเอาเรื่องร้อนถึงชัชพลต้องรีบคว้าแขนหล่อนไว้ก่อนที่จะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นปราณยิ้มเยาะท้าทายอย่างพึงพอใจเมื่อเห็นอาการปรอทแตกของหล่อนไม่ทันที่จะได้ต่อปากต่อคำ ใครบางคนก็ก้าวเข้ามาพร้อมกับอุทานด้วยความดีใจ
“คุณอา!!”
ปราณหันไปตามเสียงคุ้นเคยพร้อมปรับรอยยิ้มเป็นใจดีราวอัตโนมัติก้าวเข้าหาเสียงหวานที่เอ่ยเรียกเขาอย่างดีใจ“มาแล้วเหรอหลานสาวคนสวยของอา..เป็นไงบ้างเราพร้อมรึยังพรุ่งนี้”
“พร้อมแล้วค่ะ..สู้ๆค่ะ คุณอา”
เสียงหวานคุ้นหูเล็กๆ ชัชพลมองคนในอ้อมกอดปราณอย่างพิจารณาจนสาวน้อยรู้สึกตัว ในขณะเดียวกันคนที่เดินตามคนมาใหม่มาติดๆ ถึงกับตะลึงงันเมื่อสบเข้ากับดวงตาที่เต็มไปด้วยคำถามของคนคุ้นเคย
“ณุ...”
คำขานเรียกแผ่วเบากลืนหายไปในลำคอพร้อมอรณีที่กำลังตกตะลึงเมื่อเห็นความใกล้ชิดสนิทสนมของสองหนุ่มสาวคนมาใหม่ คคนานต์ยิ้มกว้างอย่างยินดีเมื่อพบกับอรณีหญิงสาวปล่อยมือจากปราณแล้วตรงเข้าหาหญิงสาวที่ยังคงยืนนิ่งอย่างมึนงง
“สวัสดีค่ะ..คุณอรณี..หนูคือคนที่แคสได้บทลูกสาวคุณในภาคสองค่ะยินดีที่รู้จักนะคะ..ส่วนคนนี้เขาคือ..คือ..”
คคนานต์ยิ้มเขินเอียงอายก่อนจะผายมือไปทางภาณุที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหลังอย่างอึ้งไม่หายไม่ทันที่หล่อนจะได้แนะนำเขาให้ทั้งสามคนรับรู้ ภาณุก็เอ่ยน้ำเสียงประหม่า
“สวัสดีครับ..ผม..ภาณุ..ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
*********************************************************************************
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ ^^
lovereason
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 มิ.ย. 2557, 01:09:33 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 มิ.ย. 2557, 01:09:33 น.
จำนวนการเข้าชม : 1320
<< เรื่องบังเอิญ..ที่ไม่บังเอิญ.. | ท้องฟ้าแปรปรวน..หัวใจรวนเร.. >> |