กรุ่นรักเคียงธารา
กรุ่นรักเคียงธารา โดย พายุ

เป็นหนึ่งในงานซีรีย์ชุด "พฤกษาธาราสวาท"
ซึ่งมีสี่เรื่องราว สี่ภาคด้วยกัน

เรื่องกรุ่นรักเคียงธารา เป็นเรื่องเกี่ยวกับ การอนุรักษ์ผืนป่าต้นน้ำภาคเหนือครับ
ส่วนอีกสามเรื่องได้แก่...
มหานทีแห่งรัก โดย แอล เป็นเรื่องราวการอนุรักษ์แม่น้ำโขงและเรื่องราวการผันน้ำเข้ามาใช้การเกษตร (ภาคอีสาน)
ปลูกรักริมใจ โดย พิมพ์ชนก เป็นเรื่องราวของสองหนุ่มสาวหัวใจอนุรักษ์ต้นไม้กับการพยายามสร้างธรรมชาติบนพื้นที่เมืองหลวง (ภาคกลาง)
ทะเลรักล้อมดาว โดย ชุติวรรณ เรื่องราวการอนุรักษ์ผืนป่าชายเลน กับท้องทะเล (ภาคใต้)

มาร่วมกันเป็นกำลังใจให้แปดคนสี่คู่ ที่มีหัวใจอนุรักษ์ธรรมชาติเช่นเดียวกันได้ในงานชุดนี้ครับ

****

กรุ่นรักเคียงธารา โดย พายุ

เป็นเรื่องราวของนักพัฒนาสาว ที่เดินทางสู่จังหวัดชิดขอบชายแดน กับผืนป่าที่มีมนตร์ขลังของเรื่องราวความเชื่อที่ถูกผนวกกันอย่างลงตัว

สาวเมืองกรุงอย่าง ธาราริน จะสามารถนำเอาแนวคิดสมัยใหม่ เข้าไปใช้ในหมู่บ้านกลางป่าใหญ่ ที่มีหลักความเชื่อที่แปลกแตกต่างจากคนทั่วไปหากจุดมุ่งหมายคืออนุรักษ์ผืนป่าให้ลูกให้หลานได้หรือไม่

ชีวิตของเธอจะเป็นอย่างไร ติดตามและเอาใจช่วยนักพัฒนาสาวคนนี้ได้ใน...กรุ่นรัก เคียงธารา
Tags: อนุรักษ์ ผืนป่า แนวความคิด หลักเศรษฐกิจพอเพียง ความเชื่อ มนตร์ขลังของผืนป่ากว้าง

ตอน: ตอนที่ ๐๒ งานพัฒนา

ตอนที่ ๒

ดูเหมือนความโชคร้ายของหญิงสาวจะไม่โหดร้ายจนเกินไป เพราะขณะที่นักพัฒนาสาวกำลังปลงใจกับของที่เสียไป พร้อมกับหันมาปลอบกันแทนการตีโพยตีพายให้คนอื่นช่วยเหลือ ทุกอย่างกลับตาลปัตรเมื่อกระเป๋าคล้องไหล่ของธารารินซึ่งทำจากผลิตภัณฑ์ผักตบชวาที่เธอเพิ่งซื้อมาจากกลุ่มอาชีพหัตถกรรมในตัวจังหวัดเมื่อเดือนก่อนได้เดินทางมาอยู่ตรงหน้าของเธออีกครั้งหนึ่ง

ด้วยมือของชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งจัดว่าสูงสมสัดส่วน ใบหน้านั้นคมคายเป็นจุดเด่นให้บรรดาสาวแก่แม่หม้ายมองตามจนตาเป็นมัน หญิงสาวยอมรับว่าเห็นครั้งแรกก็นึกชื่นชมเขาอย่างคนทั่วไปเหมือนกัน จะติดอยู่ว่าเวลานี้เธอกำลังตกใจปนกับอาการดีใจที่ของของเธอได้กลับมาอีกครั้ง

ชายคนนั้นผู้อยู่ในชุดอย่างสุภาพชนทั่วไปจุดยิ้มอบอุ่นเมื่อหญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองของในมือเขาอย่างดีใจ

“ของคุณใช่ไหมครับ”

“เอ่อ...ค่ะ”

ธารารินจุดยิ้มขึ้นมาได้เมื่อเห็นกระเป๋าของตัวเอง

เมื่อนาทีก่อน ชายหนุ่มยืนซื้อของอยู่ห่างจากจุดที่หญิงสาวทั้งสองถูกกระชากกระเป๋าไม่ไกลนัก ครั้งเห็นเหตุการณ์เขาไม่ได้นิ่งนอนใจ วิ่งตามชายวัยรุ่นคนนั้นจนสามารถจับตัวได้และนำกระเป๋ากลับมาคืนเจ้าของได้ในที่สุด

ก่อนปล่อยตัวไป ชายวัยรุ่นคนนั้นถูกเขาอัดไปเสียน่วมเพราะมันไม่ยอมคืนให้ง่ายๆ

ธารารินเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มคนนั้นด้วยประกายตาขอบคุณ ก่อนจะเอื้อมมือรับกระเป๋ามาตรวจเช็ค เมื่อเห็นว่าของทุกอย่างยังอยู่ครบเธอจึงเอ่ยขอบคุณเขา

ฝ่ายเจ้าหนุ่มยิ้มกริ่ม มองสาวผิวขาวงามละเอียดอย่างตะลึงในความงดงามของเธอ หญิงสาวตรงหน้าไม่ใช่คนในพื้นถิ่นนี้แน่นอน เพราะมีหลายส่วนที่แตกต่างกันจนประกอบเป็นความงามที่แม้แต่ชายหนุ่มอย่างเขาต้องหยุดมอง

นั่นยิ่งทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างไม่เป็นจังหวะเมื่อสองหูสดับเสียงหวานหยดจากหญิงสาวยามกล่าวขอบคุณ

จนกระทั่งเสียงกระแอมของอริมาที่ดังแทรกขึ้นถึงได้ทำให้หลุดออกจากภวังค์

“ขอบคุณนะคะ คุณ”

“ศิลาครับ เรียกชื่อเล่นว่าหินก็ได้ฮะ” เขาชิงแนะนำตัวเมื่อหันไปทางสาวสวยอีกคนที่ยืนอยู่ด้วยสีหน้าไม่ไว้วางใจในตัวเขามากนัก

แต่ก็ต้องหน้าเจื่อนเมื่ออริมาขู่ฟ่อเสียงดัง

“ฉันไม่ได้อยากจะรู้ชื่อของนายและน้องสาวของฉันก็ไม่ได้อยากจะรู้ด้วย ใช่ไหมธาร”

หันไปทางหญิงสาวเป็นเชิงให้สาวรุ่นน้องเห็นควรด้วย

ฝ่ายศิลากลับจุดยิ้มเมื่อได้ยินอริมาเรียกสาวสวยอีกคนว่าธาร

“คุณชื่อธารหรือครับ แหม...ชื่อเพราะน่าฟังจัง”

“ค่ะ...” ธารารินยิ้มให้กับผู้มีพระคุณของเธอ “ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”

“ยินดีอย่างมากมายครับพ้ม”

เจ้าหนุ่มยืดตัวตรง แล้วไล่สายตาไปมองหญิงสาวอีกคนที่ทำท่าไม่พอใจคว้าแขนสาวรุ่นน้องแล้วพาไปยังจักรยานคะยั้นคะยอให้ขับออกไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด

เจ้าหนุ่มนามศิลามองตามแล้วยิ้มอบอุ่น รอยยิ้มของหญิงสาวชื่อธารตราตรึงหัวใจนับตั้งแต่แรกเห็น

ชายหนุ่มพึมชื่อนั้นซ้ำไปซ้ำมาอย่างพกเพ้อ หัวใจนั้นยืนยัน เขากำลังหลงเสน่ห์หญิงสาวชื่อธารเข้าเสียแล้ว



เดินทางมาถึงบ้านพักข้าราชการแล้วอริมามิวายบ่นถึงเรื่องที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะสายตาของชายหนุ่มคนนั้นที่ดูกรุ่มกริ่มเจ้าชู้ อย่างที่เธอสัมผัสได้ว่าคนประเภทนี้ไม่น่าไว้วางใจเอาเสียเลย

“แต่เขาช่วยนำของมาคืนธารนี่คะ” ธารารินเถียง ถึงจะมีความโชคร้ายแต่ก็ยังดีที่มีชายหนุ่มคนนั้นช่วยนำกระเป๋ากลับมาคืนให้เธอได้

เธอเห็นความมีน้ำใจในตัวของเขา พอๆ กับกำลังชั่งน้ำหนักระหว่างความมีน้ำใจกับความไม่น่าไว้ใจจากปากของอริมาว่าสิ่งไหนหนักเบากว่ากัน

“ผู้ชายบนโลกใบนี้ไว้ใจไม่ได้สักคนค่ะ รู้จักกันแค่ผิวเผินเราดูไม่ออกหรอกนะคะว่าคนไหนจริงใจกับเราด้วยใจจริงๆ ยิ่งสมัยนี้ด้วยแล้วดูข้างนอกแมนทั้งแท่ง แต่บางทีอาจจะเป็นพวกกินกันเองก็ได้นะคะ”

“พี่อบหมายถึงพวกชอบเพศเดียวกันหรือเกย์นั่นหรือคะ”

“ใช่ค่ะ บางทีนะคะ อีตานั่นอาจจะเป็นเกย์ก็ได้”

“เดี๋ยวนี้วัฒนธรรมแบบนั้นเข้ามาถึงที่นี่แล้วหรือคะ” ดวงตาคู่สวยเบิกมองอีกฝ่ายแล้วยิ้มขำ

เธอกำลังขำกับความคิดแบบตีตนไปก่อนไข้ของอริมา

“โอ้ย ของพรรค์นี้มันมีมานานแล้วค่ะ ยิ่งสมัยนี้เทคโน้เทคโนมันก้าวล้ำไปไกลมาก ยิ่งทำให้พวกนี้เปิดเผยตัวตนกันมากขึ้น พี่ขอเตือนนะคะน้องธาร อย่าไปไว้ใจใครมากนัก เพราะบางคนอาจจะไม่จริงใจกับเราเท่ากับตัวเราก็ได้”

“แล้วพี่อบล่ะคะเป็นอย่างไร”

เธอหัวเราะเมื่อเห็นอีกฝ่ายอ้าปากค้างยามเห็นเธอถามอย่างยากที่จะหาคำไหนมาแก้ต่างได้ทัน

จวบจนสาวรุ่นพี่หุบปากลงแล้วกลืนน้ำลายนั่นแหละ ธารารินถึงได้ยิ้มอีกครั้ง

“พี่ขอย้ำเตือนน้องธารอีกครั้งนะคะว่าพี่จริงใจกับน้องม๊ากมากค่ะ พี่เห็นน้องครั้งแรกก็รู้สึกชอบ ยิ่งเป็นคนที่พี่สีฟ้าฝากฝังด้วยแล้วพี่อบคนนี้ยิ่งยินดีให้ความดูแลน้องสาวอย่างน้องธารอย่างดีที่สุดค่ะ”

“แน่ใจนะคะว่าไม่ได้เป็นคำสั่งของใครอีก”

“ด้วยหัวใจค่ะที่พี่ทำ รับรองว่าไม่ได้เป็นเพราะคำสั่งจากใคร”

“สัญญานะคะว่าพี่อบจะไม่โกหกธาร เพราะสิ่งที่ธารเกลียดที่สุดคือการโกหกหลอกลวง”

“เชื่อพี่เถอะค่ะว่าพี่จริงใจต่อน้องสาวคนนี้อย่างมากมาย”

รอยยิ้มจริงใจจุดขึ้นบนริมฝีปากสวยได้รูปของอริมา สาวสวยผู้กำลังย่างขาอายุเข้าเลขสามในอีกไม่ถึงปีพร้อมกับชูนิ้วประหนึ่งกล่าวคำปฏิญาณและให้สัญญากับสาวรุ่นน้องจากเมืองกรุง

ฝ่ายธารารินรับรู้ซึ่งความจริงใจที่แผ่มาจากอริมา แม้ว่าส่วนหนึ่งเธอจะนึกหวั่นกลัวว่าอีกฝ่ายจะโกหก หากเมื่อมองเข้าไปในแววตานั้นแล้วเธอกลับเชื่อในสิ่งที่ฉายออกมา

เพราะแววตาเป็นหน้าต่างสู่หัวใจ

อริมาไม่ได้โกหกเธออย่างที่ปากพูดและหัวใจได้กระทำ



ครั้งซื้อของและนำมาไว้ที่รถเรียบร้อยแล้ว ศิลาจึงเข้าไปประจำที่คนขับพร้อมกับนั่งรอใครอีกคนซึ่งแยกออกไปซื้อของอีกด้าน จนกระทั่งเขาคนนั้นเดินกลับมา ก่อนจะถามถึงความพร้อมของศิลา หากชายหนุ่มผู้มาใหม่กลับแปลกใจเอียงหน้ามองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจในคำตอบที่มีแต่ความเงียบนั้น

ศิลายังคงยิ้มแล้วทำสีหน้าแววตาราวกับคนเพ้อฝัน

“นายหิน...นี่นายเป็นอะไร”

ฝ่ามือของเจ้าหนุ่มวางลงบนหัวไหล่ของอีกฝ่ายจนสะดุ้ง

“อ่ะ....เอ่อ...หัวหน้า อะ...อะไรครับ”

“นายเป็นอะไร ฉันเห็นนายนั่งยิ้มตั้งแต่มาถึง เรียกยังไงก็ไม่เออออ...”

“ผมหรือครับ แหะ...แหะ”

เจ้าตัวยิ้มเจื่อน มองไปยังของหลังรถซึ่งบางส่วนได้จากชายหนุ่มผู้มาใหม่หรือเขาเรียกว่าหัวหน้า ก่อนจะหันกลับมามองคนถามอีกครั้ง

“หัวหน้าได้ของมาครบไหมครับ”

“อืม...ของฉันครบ แล้วนายล่ะได้ครบไหม”

“ครับ ครบตามจำนวน ไม่ขาดไม่เกินครับพ้ม”

“ถ้าอย่างนั้นก็กลับกันเถอะ เดี๋ยวต้องเข้าป่าต่ออีก”

ชายหนุ่มผู้นั่งเบาะข้างกับรถจิ๊ปซึ่งศิลาเป็นคนขับนั้นคือหัวหน้าของเขา ซึ่งเป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ของหน่วยพิทักษ์ป่าต้นน้ำลำน้ำยม เขามีชื่อว่า ภูตะวัน สัญธิมา เจ้าหน้าที่ป่าไม้หนุ่มอนาคตไกล ผู้ก้าวเข้ามาประจำการเพื่อดูแลป่าต้นน้ำลำน้ำยมให้เป็นหนึ่งในแม่น้ำสายหลักของประเทศ

ถือว่าเป็นงานหนักอยู่พอสมควรกับช่วงระยะเวลาช่วงหลังนี้ในการดูแลป่าต้นน้ำให้อุดมสมบูรณ์ เป็นสายธารหลักและเป็นป่าแม่ของแผ่นดินไทย เพราะยุคสมัยนี้มีการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้กันอย่างอึกทึกคึกโครม ทั้งลักลอบทำไร่เลื่อนลอยอย่างไม่เกรงซึ่งกฎหมายบ้านเมือง

ภูตะวันและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ รวมไปถึงหน่วยงานอื่นจึงเข้าไปให้ความรู้กับชาวบ้านให้รู้ถึงผลเสียที่จะตามมาอย่างมากมายเมื่อป่าต้นน้ำถูกทำลาย

ซึ่งดูเหมือนว่าในช่วงระยะหลังๆ นี้ภัยพิบัติธรรมชาติเหมือนจะเริ่มเอาคืนกับชาวบ้านในบางส่วน บางกลุ่ม ซึ่งมันร้ายแรงมากมายนักยามทวีความรุนแรงขึ้นทุกๆ ปี

ชาวบ้านส่วนใหญ่ซึ่งอาศัยอยู่กับป่าและไม่รู้เรื่องอะไรด้วยต่างก็ต้องเดือดร้อนไปกับกลุ่มคนบางคนที่กระทำอย่างเห็นแก่ตัวมากกว่าส่วนรวม

ทั้งไฟป่า ทั้งหมอกควันอันเกิดจากการเผาป่าและความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทั้งน้ำป่า ดินถล่มในช่วงฤดูฝน เพราะพื้นที่ภูเขาไม่มีต้นไม้ดูดซับน้ำ ทั้งความแห้งแล้งจนขาดน้ำทำการเกษตรในช่วงฤดูปลูกผักปลูกข้าว รวมไปถึงความยากแค้นแสนเข็ญในช่วงระยะหลังมานี้

ปัญหาทั้งหมดเกิดขึ้นจากน้ำมือของมนุษย์ที่เห็นแก่ตัว ทำร้ายธรรมชาติ ทำลายป่าไม้ จนเมื่อวันหนึ่งถึงจุดที่ธรรมชาติต้องเอาคืน มันก็ไม่ได้ให้ความอาทรต่อมนุษย์อย่างที่มนุษย์เคยทำกับมันไม่

ยังดีที่ป่าต้นน้ำยม บนสันภูผีปันน้ำใกล้กับหมู่บ้านผาตะวันยังเป็นพื้นที่ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์อยู่เกือบหกสิบเปอร์เซ็นต์ แต่กระนั้นสี่สิบเปอร์เซ็นต์ที่หายไปก็สร้างความเจ็บปวดให้กับพี่น้องชาวบ้านอยู่เกือบทุกปี

สิ่งที่เด่นชัดสุดคือปัญหาหมอกควันในช่วงฤดูแล้งที่สร้างความเดือดร้อนไปทั่วทั้งอำเภอเล็กๆ แห่งนี้ และน้ำป่าที่ไหลหลากทุกๆ ปีในช่วงฤดูฝน

รวมไปถึงนายทุนที่เริ่มเดินทางเข้าไปในพื้นที่เพราะเห็นเป็นทำเลเหมาะสมในการสร้างรีสอร์ตที่พักต้อนรับนักท่องเที่ยวซึ่งกำลังหลั่งไหลเข้ามา ซึ่งมีความน่าสนใจอยู่หลายอย่าง ทั้งน้ำตก ทั้งวัฒนธรรมอันอ่อนช้อยงดงามและอื่นๆ อีกมากมายที่เมืองเล็กๆ แห่งนี้พร้อมจะนำเสนออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

ตลอดเส้นทางการเดินทางสู่หน่วยพิทักษ์ป่าต้นน้ำ ภูตะวันเห็นศิลาเอาแต่ยิ้ม สร้างความแปลกใจให้กับชายหนุ่มเป็นหนักหนา วันนี้หลังจากที่แยกกันลูกน้องที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทในเวลาเดียวกันไปเจออะไรมากันแน่ถึงทำให้เกิดอาการราวกับคนเพ้อคลั่งไปได้

เจ้าหนุ่มได้แต่ส่ายหน้า ละทิ้งความสงสัยนั้นเอาไว้ในใจเพราะรู้ถึงถามไปก็ยังไม่ได้รับความจริงจากปากของศิลาจนกว่าเจ้าตัวจะเป็นฝ่ายเปิดปากออกมาเอง

รถจิ๊ปคันเก่าสมบุกสมบันไปยังสถานที่ต่างๆ ตามแต่เจ้าของสั่งการ ทั้งขึ้นเขา ลงห้วย ได้พาสองหนุ่มแห่งหน่วยพิทักษ์ป่าต้นน้ำลำน้ำยมมาถึงยังหน่วยงานซึ่งตั้งอยู่บนเทือกเขาสูงใหญ่ทางทิศตะวันออกของตัวอำเภอเล็กๆ สถานที่แห่งนี้ยังคงมีต้นไม้ยืนต้นสูงชะลูด ความหนาแน่นของผืนป่าอันเขียวขจีนี่เองที่ยังช่วยให้มีสายน้ำหล่อเลี้ยงผู้คนทั้งอำเภออยู่ตลอดชั่วนาตาปี

แต่ก็น่าใจหายเมื่อนับวันปริมาณของสายน้ำนั้นลดลงทุกปี

รถคันนั้นจอดสนิทที่หน้าหน่วยงาน ก่อนทั้งสองหนุ่มจะลงจากรถพร้อมช่วยกันขนของ โดยมีอีกหนึ่งหนุ่มในชุดปรายเวทเข้ามาช่วยขนของอีกคนหนึ่ง

ทั้งสามขนของเข้าไปไว้สำนักงาน อีกส่วนหนึ่งศิลาได้นำกลับไปยังเรือนพักด้านหลัง ซึ่งส่วนนี้เป็นพวกข้าวสารอาหารแห้งในการเป็นเสบียงทุกครั้งที่เจ้าหน้าที่ต้องเดินเท้าเข้าป่าไปอ้างแรมหลายวัน

เช่นเดียวกับอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ภูตะวัน ศิลาและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ กำลังจะเดินเท้าเข้าป่าเพื่อตรวจเช็คพื้นที่สีเขียวติดชายแดนร่วมกับเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นอาสาสมัครทหารพรานตระเวนไปตามสันเทือกเขาในเขตรับผิดชอบ

ร่วมสัปดาห์นั่นแหละ พวกเขาถึงได้กลับมาอีกครั้ง



การทำงานกับสถานที่แห่งใหม่ของธาราริน ถิ่นเมฆา เริ่มตั้งแต่การเรียนรู้งานไปตามสถานที่ต่างๆ โดยมีอริมาคอยช่วยเหลือและแนะนำการทำงาน ซึ่งหนีไม่พ้นหลักการดำเนินงานพัฒนาผลิตภัณฑ์ของกลุ่มอาชีพต่างๆ รวมไปถึงการต่อยอดสินค้า O-TOP ของชาวบ้านในเขตรับผิดชอบของอริมาและธาราริน

สาวจากกรุงเทพฯ มีความสุขกับการทำงาน ทั้งการลงพื้นที่ไปรู้จัก พูดคุย ทักทายกลุ่มชาวบ้านทั้งชายทั้งหญิง ได้ใกล้ชิดกับพี่น้องชาวชนบท นั่นยิ่งทำให้เธอประทับใจกับความมีน้ำใสใจจริงของชาวบ้าน

เธอได้เรียนรู้และเรียนทำผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติจากชาวบ้านจนเป็นงาน ก่อนจะนำงานเหล่านั้นมาคิดและต่อยอดให้ทุกอย่างยั่งยืนโดยไม่เสียรูปของเอกลักษณ์ที่เคยเป็นมา

ด้วยเพราะเป็นคนเรียนรู้งานได้รวดเร็ว เพียงหนึ่งเดือนแรกธารารินก็สามารถเดินสายประสานงานกับกลุ่มต่างๆ ของตำบลที่รับผิดชอบด้วยตัวเอง เธอเก่งทั้งการเป็นนักพูดและนักพัฒนาจนผู้ใหญ่หลายคนนึกชื่นชม

ศักยภาพของหญิงสาวที่มีมากมาย ทั้งความที่เธอทุ่มเทกับการทำงานโดยไม่หวังซึ่งสิ่งตอบแทนเป็นคำตอบกับใครหลายๆ คนอย่างดีว่าเธอไม่ได้เข้ามาในกระแสงานราชการด้านนี้ด้วยการฝากฝังจากใคร แต่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความสามารถของตัวเธอเองล้วนๆ

ซึ่งสิ่งเหล่านี้นี่เองที่ทำให้ใครบางคนเกิดความไม่พอใจ ทั้งนึกริษยาการทำงานของเธอโดยมักนำหญิงสาวไปนินทาลับหลังอยู่เสมอ

อริมาเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เข้าข้างสาวกรุงเทพฯ จึงมักนำสิ่งที่เธอเห็นและได้ยินมาตักเตือนธารารินอยู่บ่อยครั้ง

หากหญิงสาวกลับมองหน้าพี่เลี้ยงพร้อมกับพูดด้วยเหตุผลในส่วนของเธอ

“เราเป็นข้าราชการนะคะพี่อบ บทบาทหน้าที่นั้นก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ มีเกียรติ พี่อบจะให้ธารละวางหน้าที่ ไม่ทำงานซึ่งมีเกียรติกับธารอย่างนั้นหรือคะ”

“พี่ก็แค่อยากจะให้ธารห่างๆ กับการทำงานบ้าง”

อริมาทอดถอนใจ เธอทำหน้าที่อธิบายให้กับสาวรุ่นน้องฟังถึงเรื่องการทำงานของธารารินที่ถึงแม้จะทำตามหน้าที่และตามไฟฝันของตนเอง หากบางครั้งมันกลับไปขัดหูขัดตาใครบางคนเข้าอย่างไม่ตั้งใจเหมือนในขณะนี้

ใครบางคนเหล่านั้นต่างนำการทำงานของธารารินไปนินทาหาว่าทำเกินหน้าเกินตาพวกเขา

“พี่เกรงว่าคนอื่นเขาจะมองเราอย่างไม่เป็นมิตร เพราะเท่าที่ดู น้องธารก็รู้ใช่ไหมคะว่าใครบ้างที่แสดงท่าทางเหล่านั้น”

“ธารรู้ค่ะพี่ ใครจะทำหรือไม่ทำก็ช่างเขาสิคะ ธารไม่สนใจหรอกค่ะ ธารแค่ทำตามหน้าที่ของธาร ทำในสิ่งที่ธารรัก เป็นตัวแทนขององค์พ่อหลวงพัฒนาพี่น้อง พัฒนาหมู่บ้านและชุมชนให้ยั่งยืนนะคะ”

“ไม่มีใครทำงานเกินหน้าที่แบบน้องหรอกนะ”

“มันไม่ได้เกินหรอกค่ะพี่อบ แบบนี้ธารยังมองว่ามันน้อยไปเสียด้วยซ้ำ ดูอย่างหัวหน้าสิคะ พี่เทพทำงานทุกอย่างด้วยตัวเอง น้อยครั้งนักจะใช้พวกเราทั้งที่ท่านเป็นหัวหน้า”

หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองสาวรุ่นพี่ซึ่งยืนอยู่อีกมุมหนึ่งด้วยสีหน้าหนักใจ

“พี่อบรู้ไหมคะ พระเจ้าอยู่หัวของเราท่านทำงานเป็นตัวอย่างให้แก่พวกเราอย่างมากมาย ตั้งแต่เกิดมาและได้รู้ว่าธารเป็นอีกหนึ่งธุลีที่รองพระบาทของพระองค์นั้น ธารก็เห็นท่านและพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ทรงตรากตรำทำงานเพื่อปวงชนชาวไทยมาอย่างไม่ทรงหยุดพักและทดท้อเลยนะคะ งานทั้งหมดถ้าเอามาวางเรียงกันแล้วมันมากมายอย่างที่หาสุดไม่ได้จริงๆ”

“เฮ้อ...”

มาจนถึงจุดนี้อริมาได้แต่ส่ายหน้า เธอซึ่งอยู่ตรงจุดนี้มาก่อนหลายปีย่อมรู้ดีว่าเป็นอย่างไร เธอปรับตัวจนสามารถเข้ากับใครหลายๆ คนได้ แต่ก้าวแรกของธารารินดูเหมือนจะไปขัดหูขัดตาใครบางคนเข้าอย่างจังเพราะบุคคลเหล่านั้นมีอุปนิสัยที่ตรงกันข้ามกับไฟในตัวของสาวจากเมืองกรุง ยิ่งพวกเขามองธารารินเป็นเด็กฝาก เด็กเส้น ความรู้สึกปิดกั้นการเปิดรับก็ยิ่งเพิ่มเป็นสองเท่า

ยิ่งเหตุผลที่เธอได้รับฟังจากธารารินที่ยึดความแน่วแน่ในการทำงานตามรอยพระบาทองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ด้วยแล้วเธอจึงรู้สึกกล้ำกลืนและเหมือนว่าการอธิบายครั้งนี้จะเป็นเรื่องยากไปโดยปริยาย

“พี่เพียงไม่อยากให้น้องธารถูกพวกป้าๆ ลุงๆ เขามองในแง่การทำงานข้ามหน้าข้ามตาพวกเขานี่”

“พี่อบคะ” หญิงสาวลุกจากที่พร้อมกับเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าอริมาพร้อมกับเอื้อมกุมมือของอีกฝ่ายเอาไว้

ส่งมอบความอบอุ่น ความไว้วางใจผ่านการสัมผัสและสายตาอันจริงใจ

“จะกลัวทำไมล่ะคะในเมื่อเราทำดีและธารก็คิดว่าธารไม่ได้ทำงานข้ามหน้าข้ามตาใครเลยนะคะ ธารแค่ทำในสิ่งที่ธารรับผิดชอบ ทำในงานที่ธารรัก ใครจะมองจะว่ายังไงอย่าได้สนใจเลยค่ะเพราะเราทำเพื่อคนอื่น ไม่ใช่แค่ตัวของเรา ใช่ไหมคะพี่”

รอยยิ้มของอริมาค่อยๆ คลี่คลายขึ้นทีละน้อย ดวงตาคู่สวยทอประกายซึ่งกำลังใจที่เริ่มเดินขึ้นมาอีกครั้ง

หญิงสาวใจชื่นขึ้นมาเป็นกองที่ได้พบเจอและรู้จักน้องสาวผู้มีอุดมการณ์ไม่ต่างกัน

อุดมการณ์ของการเป็นนักพัฒนา....และตามรอยองค์พ่อหลวงแม่หลวงของปวงชนชาวไทย

ไกลออกมาไม่มากนัก มีใครบางคนแอบยืนฟังการสนทนาของทั้งสองด้วยสีหน้าไม่พอใจ ด้วยเพราะส่วนหนึ่งแล้วเธอไม่ค่อยชอบธารารินตั้งแต่รู้ว่าเด็กสาวเป็นเด็กเส้นที่ถูกส่งมา ยิ่งการทำงานเกินหน้าเกินตาด้วยแล้วทำให้หญิงกลางคนคนนี้เป็นฝ่ายจุดไฟใส่ความอีกฝ่ายจนใครหลายๆ คนที่ร่วมงานกันมองธารารินไปในทางไม่ดี

หล่อนจุดยิ้มหยัน แลหางตามองทั้งสองสาวยามกุมมือกัน เมื่อแผนการบางอย่างไหลแล่นมาให้ได้คิด

เรื่องนี้คงไม่ยากสำหรับหล่อนนัก...



แม้จะเป็นวันหยุด หากธารารินกลับไม่ได้ละเว้นจากการทำงาน ช่วงสายของวันนั้นหญิงสาวได้เดินทางไปยังกลุ่มหัตถกรรมแห่งหนึ่งในตำบลที่เธอรับผิดชอบ

กลุ่มแม่บ้านแห่งนี้ทำไม้กวาดดอกหญ้าประดิษฐ์ด้ามด้วยลวดลายสานสวยงาม ถือเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของสินค้าในตัวอำเภอเลยทีเดียว ซึ่งหญิงสาวเห็นสมควรจะพัฒนาและต่อยอดให้เป็นสินค้า O-TOP ระดับจังหวัด เพราะความน่าสนใจของลวดลายที่สามารถทำให้ไม้กวาดธรรมดาด้ามหนึ่งกลายเป็นของตกแต่งบ้านได้อย่างน่าอัศจรรย์

งานนี้เธอจึงเข้ามาดูแลด้วยตัวเอง พร้อมกับค้นหาข้อมูลในการช่วยเหลือกลุ่มแม่บ้าน ให้รายละเอียดการดำเนินงานต่างๆ ซึ่งลำดับแรกที่เธอจะต้องทำคือทำความสนิทสนมกับกลุ่มชาวบ้านและเข้าไปคลุกคลีกับพวกเขา

แม้จะเป็นเวลานอกราชการก็ตาม หากธารารินกลับไม่คิดเกี่ยงงอนหาว่านอกหน้าที่ นั่นเพราะถือว่าจะวันไหนเธอก็ยังเป็นข้ารับใช้ของพระราชา สานต่องานขององค์พ่อหลวงทุกวันนับตั้งแต่ก้าวเข้ามารับใช้งานราชการ

ที่ใต้ถุนเรือนของประธานกลุ่มแม่บ้านบ้านดอกหญ้า ซึ่งให้สถานที่ในการผลิตไม้กวาดของกลุ่มชาวบ้าน ส่วนมากจะเป็นกลุ่มแม่บ้านที่ว่างเว้นจากการทำงานมารวมตัวกันเพื่อประดิษฐ์ไม้กวาดขาย นำเงินตรงจุดนั้นมาต่อยอดกลุ่มและจุนเจือในครอบครัว

ธารารินจอดมอเตอร์ไซค์คู่ชีพซึ่งเพิ่งซื้อมาเมื่ออาทิตย์ก่อนหน้าเรือนหลังนั้น แล้วเดินเข้าไปหาชาวบ้านด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

หญิงสาวยกมือไหว้อย่างนอบน้อม แล้วขยับเข้าไปนั่งข้างๆ หญิงกลางคนที่กำลังจัดดอกหญ้าแห้งเพื่อจะมัดเป็นไม้กวาด

“อ้าว...วันนี้มาเที่ยวหรือคะ”

ประธานสตรีสูงวัยเดินลงจากเรือนและทักอย่างทันทีเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่จากอำเภอเดินทางมาด้วยตัวเอง ซึ่งช่วงหลังๆ นี่เองที่มักจะเห็นสาวสวยจากเมืองกรุงคนนี้มาดูแลกลุ่มอาชีพเกือบทุกวัน ทั้งที่ก่อนหน้านั้นแทบจะไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนเข้ามาดูแลงานเลย

ถือว่าเป็นการดีสำหรับกลุ่มชาวบ้าน ที่ได้สตรีวัยสาวคนนี้มาช่วยแนะนำในหลายๆ ด้าน

“หนูมาทั้งเที่ยวและทำงานค่ะ...” เจ้าตัวบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“แหมๆ ดีจริงๆ อ้อ...แล้วทานข้าวทานปลามาหรือยังจ๊ะ”

“เรียบร้อยแล้วค่ะ...ป้าคะวันนี้หนูมีเอกสารข้อมูลแนะนำการสานลายใหม่ๆ มาด้วยค่ะ มาดูสิคะเผื่อจะได้ช่วยกันพัฒนางาน”

สาวจากเมืองกรุงไม่พูดเปล่าเธอแกะแฟ้มเอกสาร ก่อนจะดึงกระดาษสีขาวที่มีข้อมูลและภาพพิมพ์ลงในนั้นออกมาวางตรงหน้าพร้อมกับเรียกประธานสตรีเข้าไปดู พร้อมกับแนะนำในเรื่องต่างๆ อย่างพร้อมสรรพ

ซึ่งสมาชิกหลายคนต่างก็ยินดีและเห็นด้วย นั่นเพราะเห็นว่าแต่ละลายที่ธารารินหามาไม่ได้ยากจนเกินไป พวกเขาสามารถนำมาสานและต่อยอดทำได้

หลายเสียงกล่าวขอบคุณ สีหน้าของแต่ละคนแสดงความยินดีออกมาอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้รับการชี้แนะช่องทางใหม่ๆ

“ทำหลายๆ ลายก็ดีนะ จะได้มีหลายตัวเลือกให้ลูกค้า” สตรีวัยกลางคนกล่าวอย่างยิ้มแย้ม

“ใช่ๆ นอกจากไม้กวาดแล้ว ยังสามารถทำอย่างอื่นก็ได้ด้วย กล่องใส่กระดาษชำระ ตะกร้าถือและกระเป๋า ดีจริงๆ นะคะที่พัฒนากรจากอำเภอมาดูแลอย่างใกล้ชิดแบบนี้”

ประธารสตรีสูงวัยเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

ฝ่ายธารารินก็ยิ้มอย่างมีความสุข หญิงสาวดีใจที่ได้ทำงานร่วมกับกลุ่มชาวบ้าน ทั้งยังได้ใกล้ชิดกับกลุ่มบุคคลที่มีน้ำใจไมตรีอย่างมากมาย

ทุกคนแสดงความจริงใจออกมาจากเนื้อแท้ของหัวใจ หาได้เสแสร้งเหมือนคนบางกลุ่มที่เธอเคยเจอมาในเมืองหลวงอย่างตรงกันข้ามกันเลยทีเดียว

นี่สินะ บ้านนอกอย่างแท้จริง บ้านนอกที่มีแต่ความสุขสงบ ไม่เร่งรีบ วุ่นวายเหมือนอย่างเมืองกรุงที่เธอเคยอยู่

สาวจากเมืองกรุงทอดสายตามองผ่านใต้ถุนเรือนที่มีกลุ่มสตรีทำกิจกรรมร่วมกัน แม้จะเป็นกลุ่มเล็กๆ หากพวกเขาก็มารวมตัวกันด้วยหัวใจและจุดหมายเดียวกัน ธารารินนึกชื่นชมถึงความตั้งใจ ซึ่งแม้คราวแรกจะไม่มีใครสนับสนุนเป็นเพียงรวมตัวกันกลุ่มเล็กๆ แต่พวกเขากลับไม่ทดท้อที่จะละวางทิ้งงานที่รักไป

ผ่านกลุ่มสตรีทั้งหลายเป็นบรรดาแปลงผักของเจ้าของบ้านที่ปลูกและจัดอย่างเป็นสัดส่วน พืชผักสีเขียวแบบปลอดสารพิษออกรอการเก็บไปปรุงเป็นอาหาร ไกลออกไปอีกเป็นทุ่งนาแล้งที่มีกองฟางกองห่างๆ กันออกไป กับตอซังข้าวสีเหลืองทอดนอนอาบแสงแดดยามสายวันนั้น

ไกลออกไปอีกของทิวทุ่งอันสุดลูกหูลูกตา มีหมู่ทิวไม้ทีเขียวซ่อนตัวเรียงรายเป็นฉากประกอบอย่างลงตัว พร้อมถูกตัดฉากด้วยภูเขาสูงวางตัวลดหลั่นสลับกันทอดยาวเป็นกำแพงธรรมชาติอันงดงาม

เขาสูงเหล่านั้นกำลังนอนหลับอยู่ภายใต้การโอบกอดของทิวเมฆสีขาวรูปร่างต่างๆ กัน กับบรรยากาศเย็นสบายไม่ร้อนจนเกินไปทั้งที่พระอาทิตย์ยกตัวขึ้นเหนือหัวแล้ว

เช่นเดียวกับสายลมหนาวที่ยังพัดอยู่ผะแผ่วเย็นสบาย



หลังจากเสร็จกิจจากกลุ่มชาวบ้านแล้วธารารินจึงได้มีเวลาขับมอเตอร์ไซค์ไปยังวัดประจำอำเภอซึ่งชาวบ้านต่างเคารพนับถือว่าเป็นวัดที่มีความศักดิ์สิทธิ์เพราะอยู่คู่บ้านคู่เมืองมาตั้งแต่โบราณกาล

ธารารินลงจากรถแล้วก้าวเข้าไปในวัด พร้อมกับรู้สึกใจชื่นขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว หัวใจที่มีแต่เรื่องราวต่างๆ อันวุ่นวายเสมือนถูกขับออกไปนอกเขตขัณทสีมาแห่งนี้เสียหมดสิ้น

กระแสความเย็น เมตตาแผ่มาจากดวงเนตรของรูปตัวแทนองค์สัมมาอนุตระพระพุทธเจ้า สาวจากเมืองกรุงทรุดกายลงนั่งกับพื้นพรมที่ปูลาดทั่วทั้งอุโบสถหลังนั้นพร้อมกับพนมมือระหว่างอกแล้วก้มลงกราบด้วยท่วงท่างดงาม ก่อนเธอจะขยับมานั่งขัดสมาธิตามหัวใจสั่งการแน่วแน่ว่าจะขอนั่งทำสมาธิถวายแด่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าและบิดามารดา

นักพัฒนาสาวจากเมืองกรุงใช้เวลาร่วมหนึ่งชั่วโมงกับการเดินเล่นอยู่ในวัดแห่งนั้น โดยมีกล้องถ่ายภาพของเธอช่วยในการเก็บภาพความทรงจำและความงดงามอันเป็นเอกลักษณ์ของศิลปะพื้นบ้าน ก่อนเธอจะเดินทางกลับที่พักพร้อมกับค้นหางานในการพัฒนาต่อไป

โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าอีกไม่กี่วันข้างหน้า งานที่เธออุตส่าห์ตั้งใจทำและค้นหามาทั้งหมดจะถูกวางลงที่เดิมอย่างน่าเสียดาย



เช้าวันทำงาน...

ในขณะที่อริมาเดินทางมาถึงห้องในช่วงเช้าของวันนั้น ยังไม่ทันวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะเสียด้วยช้ำ ข้อมือบางของหญิงสาวก็ถูกจากใครบางคนจับยึดแล้วลากออกจากห้องนั้นไปอย่างรวดเร็ว

พี่เลี้ยงสาวของธารารินดูเหมือนจะตกใจไม่น้อยกับความกะทันหันนั้น ยิ่งเห็นคนที่ลากเธอมาด้วยแล้วเธอก็ยิ่งแปลกใจ เพราะปกติเขาคนนี้ไม่แม้จะกรายใกล้มาพูดคุยกับเธอ

“ป้าพร!!”

ทั้งสองหญิงต่างวัยมาหยุดหลบมุมอยู่ที่หลังอาคารสำนักงาน ก่อนสาวใหญ่วัยใกล้เกษียรจะใช้สายตาอันคมกล้าจิกมองเพื่อนร่วมงานรุ่นลูกอย่างดูถูกดูแคลน

สายตานั้นอริมาย่อมมองออกว่าหญิงสูงวัยคนนี้ต้องการอะไร เพราะเธอนั้นพบเจออยู่บ่อยครั้งนับตั้งแต่เข้ามารับผิดชอบงานในอำเภอบ้านเกิด

หลายครั้งที่เธอนึกแปลกใจ เหตุใดคนบ้านเดียวกัน อำเภอเดียวกันอย่างป้าคนนี้ถึงได้ตั้งแง่กับเธออย่างกับเป็นนอกไม่น่าไว้ใจ ตราบจนได้ทำงานร่วมกันนานๆ เข้า หญิงสาวจึงได้รู้ซึ่งอุปนิสัยของหญิงกลางคนคนนี้ว่าเป็นอย่างไร

นอกจากมีจิตคิดริษยาคนอื่นแล้ว ป้าพรยังเป็นคนไม่สนใจในคำพูดของตัวเองและไม่สนแม้แต่ใจของคนฟัง

คำพูดคำจานั้นไม่น่าฟังเอาเสียเลย ขนาดเป็นผู้หลักผู้ใหญ่แท้ๆ ยังทำตัวไม่เหมาะสมให้คนอื่นเคารพนับถือ

“ฉันมีเรื่องจะเตือนหล่อน อริมา”

ดวงตาคู่สวยของอริมาเบิกมองหญิงใกล้เกษียรงานอย่างไม่เข้าใจ

นับครั้งได้ที่เธอจะได้ฟังคำเตือนจากป้าพร เพราะแต่ละครั้งจะเป็นไปในทางส่อเสียดและเสียดสีเธอเสียมากกว่า

“อะ...อะไร หรือคะ”

“เรื่องนังเด็กเส้นคนนั้นน่ะ ถ้าหล่อนไม่อยากเดือดร้อนก็อย่าไปใกล้ชิดกับมันนัก อย่าสนใจมันเลยยิ่งดี” สาวสูงวัยเอ่ยด้วยน้ำเสียงหยามเหยียด “หล่อนก็เห็นนี่ว่าคนอื่นในที่นี้ต่างเกลียดพวกเด็กฝากเด็กเส้นกันขนาดไหน อย่าลืมสิว่าหล่อนเป็นคนอำเภอนี้ ยังไงก็ต้องอยู่ที่นี่ ชั้นว่านะยังไงก็ต้องได้ทำงานกับพวกชั้นไปอีกหลายปีเลยทีเดียว แต่นังเด็กนั่นอีกไม่กี่เดือนเชื่อสิผู้หลักผู้ใหญ่ในกรมฯ ก็คงจะมีคำสั่งย้ายให้มันไปที่อื่น ทีนี้แล้วหล่อนก็จะเดียวดาย ไม่มีใครเพราะไปตั้งแง่กับคนที่นี่ เชื่อชั้นสิอริมา อย่าได้สร้างกระแสเป็นคนรักการรักงานกับนังเด็กนั่นเลย มันช่วยอะไรหล่อนไม่ได้หรอกนะ”

หลังพ่นคำไม่สมกับเป็นผู้หลักผู้ใหญ่แล้ว ป้าพรก็สะบัดตูดออกจากตรงนั้นไปอย่างอารมณ์ดี

ฝ่ายอริมาได้แต่อึ้งและตกใจในคำพูดไม่สนโลกของหญิงวัยกลางคน ไม่คิดว่าในเช้าของวันนี้เธอจะได้พบกับคำพูดที่ไร้ซึ่งความเอื้ออาทรต่อเพื่อนมนุษย์จากหญิงคนนี้

นั่นยิ่งทำให้หญิงสาวแบ่งแยกความรู้สึกที่มีต่อบุคคลรอบข้างได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น

โดยเฉพาะป้าพรที่เพิ่งเดินจากไปด้วยสีหน้าแววตาเยาะหยัน



พายุ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 มิ.ย. 2557, 19:39:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 มิ.ย. 2557, 19:39:45 น.

จำนวนการเข้าชม : 1061





<< ตอนที่ ๐๑ นักพัฒนาสาวหัวใจแกร่ง   ตอนที่ ๐๓ ลูกชายหัวหน้า >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account