UnRomantic Love หนีไม่พ้นใจ (เล่ห์ลวงจันทร์)
เขียนจันทร์ เดินทางกลับมาจากต่างประเทศเพื่อมารับพ่อที่กำลังเกษียณไปอยู่บ้าน

วันแรกที่กลับมาเธอก็พบผู้ชายปากร้าย แข็งกระด้าง มาตามหาพี่สาวของเธอ

ปากก็บอกตามหา แต่ทุกวันก็ยังวนเวียนอยู่กับเธอ ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไป

ทำไมผู้ชายนิสัยแบบนี้ คุมสถานบันเทิงใหญ่ จะเลี้ยงเด็กที่เขาบอกว่าเป็นลูกได้ดีเหรอ

แล้วทำไมถึงได้ยัดเยียดลูกให้เธอเลี้ยง ส่วนตัวเองก็ร่อนไปหาพี่สาวเธอแบบนี้เล่า

นายรักษ์ชาติ...นายมันผู้ชายยอดแย่ที่สุด

แล้วทำไมวันที่เธอมีปัญหาที่สุด คนแย่ๆ แบบเขากลับไม่ยอมทิ้งให้เธอเผชิญปัญหาคนเดียว

กลัวจะไม่มีเบ๊ไว้ให้ใช้ล่ะสิท่า...อย่าคิดว่าคนอย่างเธออ่านเกมเขาไม่ออก
Tags: เขียนจันทร์ รักษ์ชาติ จักรตรากูล กองพัน

ตอน: บทที่ 20 : เปลี่ยนไปแล้ว

บทที่ 20

เป็นเวลาเกือบสิบชั่วโมงที่มนุษย์รอบโต๊ะพนันโต๊ะพิเศษนี้เพิ่งจะได้มีโอกาสพัก วิกรานต์ในร่างผู้หญิงสวยมากเสน่ห์มองไล่หลังเสี่ยหลงที่ไหล่ลู่ตก หลังจากถูกเม็ดเงินมากมายยั่ว เขากับพ่อ และลูกน้องมือฉมังของพ่อที่ขนมาจากต่างประเทศ ผู้เชี่ยวชาญด้านการโกงในเกมพนันทุกรูปแบบยิ้มกริ่มตาม พวกเขาเล่นลูกล่อ ผลัดได้ผลัดเสีย ตาไหนเสี่ยหลงลงน้อย เขาก็จะให้เสี่ยหลงได้ แต่ถ้าตาไหนเสี่ยหลงลงหนัก กล้องวงจรปิดที่ติดในห้องที่เล่นอยู่นี้ก็จะทำงาน ภาพไพ่ในมือเสี่ยหลงจะส่งตรงสู่ลูกน้องพ่อ และเสียงจะรายงานตามเครื่องฟังจิ๋วที่ติดไว้ในจุดที่ไม่เป็นที่สังเกต

วิกรานต์ปฏิเสธที่จะเป็นหนึ่งในลูกมือพวกนั้น ใช้ดวงขึ้น และการสังเกตของตัวเอง หลายครั้งที่เขาตัดหน้าแผนการพ่อด้วยการปิดไพ่ในมือตัวเองก่อน

“แกนี่มันแย่งงานฉันจัง” ศรุณเอนหลังไขว่ห้างพูดด้วยท่าทีสบายอกสบายใจ ตอบรับปากรับงานนี้เขาก็ไม่คิดว่าเงินจะเทเข้ากระเป๋าอย่างมหาศาล เขาหักให้กับเกาะพานเพียงแค่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ถึงจะมีวิกรานต์มาแบ่งเม็ดเงินไปบ้าง ก็ไม่ทำให้เขาขาดทุน คนที่ขาดทุนงานนี้มีแค่เสี่ยหลง

“คนเรามันต้องแบ่งๆ กันสิ ผมเล่นของผมใช้ประสบการณ์ในการสังเกต ไม่เหมือนพ่อหรอก โกงเห็นๆ”

หนุ่มวัยดึก ผมน้อย ร่างเล็กหัวเราะขัน เขาเพิ่งทำให้เสี่ยหลงสูญเงินมากจำนวนหนึ่ง จากเวลาทั้งหมดที่เล่นกันมากว่าอาทิตย์ เงินที่เสี่ยหลงเสียไปก็พอจะซื้อเครื่องบินส่วนตัวสักลำได้

“มันอาชีพฉันโว้ย กว่าจะมีวันนี้ ฉันก็เป็นหมารองบ่อนมาตั้งเท่าไหร่ แม่แกไม่เคยรู้หรอก”

ลูกชายหน้าบึ้ง หลายปีก่อนตอนที่ลัลริกาย่างกรายเข้ามาในครอบครัวเดชอนันต์สิทธิ์ เขาที่ไม่เคยรู้ว่าตัวเองไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งกับเดชอนันต์สิทธิ์นั้นเกือบรับไม่ได้ ผู้ชายอายุยี่สิบไม่เคยรู้ตัวว่าพ่อที่เห็นกันทุกวันที่จริงเป็นพ่อเลี้ยง ในขณะที่พี่สะใภ้ดันกลายเป็นพี่สาวแท้ๆ และมาทำให้เขาต้องยอมรับความจริงเรื่องที่ว่า ‘พ่อ’ ตัวจริงเขานั้นเป็นผีพนันแค่ไหน

“วันนี้น่าจะเป็นวันสุดท้าย เรามาดีๆ กันเถอะน่า” ศรุณยื่นมืมาตบบ่าลูกชายในชุดผู้หญิง “แกเองก็ออกจะสวย”

“ผมเป็นผู้ชาย” วิกรานต์ตอบด้วยตาเบื่อโลก เคยคิดว่าการเป็นวิกรานต์มันทำให้เขามือขึ้นก็จริง แต่ก็ตายง่าย พอเขาเปลี่ยนตัวเองเป็นโรสเท่านั้น...พวกเฒ่าตัณหากลับก็น้ำลายหกลืมอาละวาดเมื่อตนขนเงินจำนวนมากของพวกเขามาเข้ากระเป๋า

“ครั้งนี้ฉันจะไม่เสียเงินอีกเด็ดขาด ร้อยล้าน ครั้งนี้ถ้าไม่ได้ฉันไม่กลับ” เสี่ยหลงเดินกลับเข้ามาด้วยเหรียญมากมาย

โดยที่เหรียญที่แลกมาในครั้งนี้ถึงกับเอาธากิตรับเหมาก่อสร้างเป็นตัวค้ำเงินจำนวนนี้ทั้งหมด!

“มาจบเกมสนุกๆ กันเถอะเสี่ย” ศรุณลอบยักคิ้วใส่ตาลูกชาย ผลในครั้งนี้กำลังลุล่วงผ่านไป เป้าหมายก็แค่...นำธากิตมาใส่มือรักษ์ชาติให้ได้

พวกเขาทำสำเร็จแล้ว


ประตูไม้เปิดออกยังไม่ทันสุด เขียนจันทร์ก็ถูกผลักให้กลับเข้ามาภายในห้องด้วยแรงมหาศาลของมือบอบบางนิ้วเรียวยาวของวาดตะวัน ที่นำทีมน้องๆ อีกสองคนให้ตามเข้ามาในห้อง พร้อมปิดประตูสนิท บรรยากาศอึมครึม ห้องมืดทึบ ไอเศร้าหมองกระจายตัวไปทั่วนั้นทำให้ภาพวิจิตรถึงกับทนไม่ไหวต้องไปเลิกม่านขึ้น แสงแดดสาดส่องเข้ามากระทบหน้าซีดขาว ขาดสีสัน ชีวิตชีวาของเขียนจันทร์

“อย่าให้พี่เห็นว่าเธอคิดทำอะไรโง่ๆ นะ” วาดตะวันกดไหล่น้องสาวให้นั่งบนที่นอน ก่อนจะยืนกอดอก สายตาสำรวจความรู้สึกบนหน้าเขียนจันทร์ที่มัน...ว่างเปล่า จนน่าใจหาย

“เขียนไม่โง่ ปัญญาอ่อนขนาดนั้นหรอกนะคะ เขียนรู้ว่าต้องทำยังไง” เขียนจันทร์พูดด้วยเสียงเหนื่อยหน่าย อยากหลุดให้พ้นสภาวะคล้ายจำเลยต้องคดีร้ายแรงนี้เต็มทน

“ตาแดงขนาดนี้ หน้าก็หมอง จะจัดการยังไง” วาดตะวันจับคางน้องสาวพลิกรูปหน้าไปมา พลางส่ายศีรษะ นิสัยนางแบบระดับท็อปในวงการเข้าสิง

“เขียนไม่ใส่ใจมันหรอกค่ะ”

“ไม่ได้นะ...เป็นสาวเป็นนางต้องสวยไว้ก่อน” วาดตะวันนั่งลงไขว่ห้างบนที่นอนน้องสาว “ภาพไปเอากล่องเครื่องสำอางในห้องพี่มา ส่วนพรึกเอากุญแจรถพี่ไปเอาชุดเดรสสั้นลายตารางที่แขวนไว้มาให้พี่ที”

ประกายพรึกรับกุญแจที่พี่คนโตโยนมาให้ ก่อนจะลากภาพวิจิตรที่ยังยืนทำหน้าเสียดายกับการโดนกันออกไปข้างนอก แต่ก็ต้องออกไปในท้ายที่สุด พร้อมกับปิดประตูให้เรียบร้อย

“รู้ไหมว่าพี่ขุนเขาเป็นห่วงเขียนมาก” แม้ใจจริงวาดตะวันจะไม่อยากยื่นมือเข้าช่วยสักเท่าไหร่ แต่ในเมื่อไม่มีใครสักคนที่มีความสุข เธอจะใจดำอยู่เฉยได้อย่างไร

น้องสาวพอรู้ตัวว่าวันนี้วาดตะวันมาแต่เช้าขนาดนี้เรื่องที่สนทนาจริงคงไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ภายนอกของเธอ หญิงสาวจึงเบือนหน้าหนี เก็บซ่อนอาการ และแววตาเศร้าไว้กับตัวไม่ให้ใครได้เห็น

“เราอย่าพูดเรื่องนั้นเลยนะคะ...เขียนอยากให้มันจบ เขียนเหนื่อย”

“พี่ก็อยากให้เขียนรู้อาการฝั่งนั้นไว้ ว่าพี่ขุนเขาไม่ได้สะใจ หัวเราะร่าสบายใจ แต่ในเมื่อเราคิดดีแล้วว่าจะจบ พี่จะไม่คะยั้นคะยออีก พี่เลือกความสุขน้องของพี่อยู่แล้ว ถ้าเขียนจะมีความสุขนับจากนี้ได้ พี่จะไม่ยุ่งอะไรอีก”

เขียนจันทร์ยิ้มออกในรอบหลายชั่วโมง อารมณ์แห้งแล้งในใจคล้ายมีน้ำเย็นราดลงให้ชุ่มฉ่ำ และสดชื่นขึ้น “ขอบคุณนะคะพี่วาด”

“แต่ถ้าสิ่งที่ทำอยู่ เขียนไม่ได้มีความสุข เขียนอย่าทรมานใจตัวเองต่อไปเลยนะ บางทีการให้อภัยกัน ลดทิฐิ มันจะทำให้เรามีความสุขมากกว่า” วาดตะวันถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยจนปัญญา ฝ่ายน้องสาวยังคงนั่งนิ่ง ไม่หือไม่อือ และเฉยยิ่งกว่าตอนบอกว่ารักษ์ชาติเป็นห่วงเสียอีก “เรื่องคุณชาย เขียนทำไปเพราะประชดหรือเปล่า”

“เขียนเหนื่อย ใครอยากจะทำอะไรกับชีวิตเขียน ก็เชิญเลย เขียนไม่อยากรบรากับใครแล้ว”

“ด้วยการให้หม่อมยายมาจัดการเรื่องหมั้นกับแต่งงานของเรากับคุณชายน่ะเหรอ...นั่นมันทั้งชีวิตของเขียนเลยนะ”

คนหมดอาลัยตายอยากเงยหน้ามองพี่สาว ก่อนจะหัวเราะอย่างหมดท่า ไหวไหล่ด้วยท่าทางสบายอกสบายใจ ทั้งที่ทำไปเพราะประชดตัวเองเท่านั้น

“อยู่กับคนดีๆ ชีวิตเขียนจะได้มีความสุข”

“เฮ้อ...ฉันล่ะเบื่อ” วาดตะวันฮึดฮัด อยู่กับเขียนจันทร์ไม่กี่นาทีก็นึกอยากบึ้มสมองกลวงๆ ของน้องสาวออกมาให้หมด จิตวิญญาณของน้องสาวที่หายไปจะได้กลับคืนร่างโดยเร็ว “ตอนนี้พี่ไม่รู้สึกว่าเธอมีความสุขอย่างปากว่าเลยนะ”

“คุณชายเป็นคนดี ไม่นานเขียนจะมีความสุข และจะมียิ่งกว่าเดิม คุณชายไม่เคยโกหก ไม่เคยปิดบังความลับกับเขียน เขาทำให้เขียนรู้สึกว่าตัวเองสำคัญ...เขียนไม่อยากรู้สึกหน้าโง่ อ่อนแอ ช่วยอะไรไม่ได้สักอย่างทั้งที่มันเป็นเรื่องของตัวเอง พี่วาดเข้าใจเขียนไหม”

เวลานี้เขียนจันทร์มีความสามารถในการควบคุมน้ำตามากขึ้น มันเพียงแค่เอ่อคลออยู่ในลูกแก้วสีดำ แต่เธอกลั้นไว้ได้เต็มกำลัง เกร็งลำคอจนบีบเกร็ง หายใจลำบาก แต่เมื่อผลของมันแลกกับการไม่ให้เธอดูอ่อนแอมากขึ้นในสายตาวาดตะวันมันก็คุ้ม

“เขียนคิดดีแล้วใช่ไหม”

“เขียนไม่รู้...รู้แค่ว่าการเดินหน้าต่อไป มันดีกว่าหันหลังกลับไปเพื่อเตรียมเสียน้ำตา”

“ยังมีเวลา ต่อให้ถึงวันแต่งงานแล้วเขียนอึดอัดใจ เขียนไม่ต้องพูด พี่ก็จะไม่มีวันให้งานนั้นเกิด หน้าตาในสังคมแลกกับความสุขในชีวิตครอบครัวไม่ได้หรอก”

“กว่าจะถึงวันนั้น เขียนคงจะต้องคิดมันให้ดีมากๆ จริงไหมคะ”

วาดตะวันผู้ไม่เคยมอบหัวใจให้ใครอย่างเต็มร้อยผินหน้ามองน้องอย่างกูรูผู้ช่ำชอง อย่างน้องในประสบการณ์ที่มากมายของเธอก็มีมากกว่าน้องสาว

“ถ้าเกี่ยวพันถึงชีวิตทั้งชีวิต แค่สมองอย่างเดียวไม่พอหรอกเขียน เธอต้องใช้หัวใจไตร่ตรองด้วย สิ่งที่ออกมาจากหัวใจมันจะออกมาเป็นคำว่าความสุข แต่ถ้าคำตอบหลุดออกมาจากสมอง มันจะเป็นแค่ความเหมาะสม เหมือนไม่ได้อึดอัดใจมากมาย แต่ก็ไม่ได้สุขล้น เข้าใจอารมณ์เวลาดื่มน้ำกร่อยไหม มันเป็นน้ำเปล่าที่ไม่ทำลายสุขภาพ แต่ก็ไม่เพิ่มคุณค่าแก่ร่างกาย”

“พี่เขียนได้ใช้คำแนะนำกับตัวเองไหมคะ”

วาดตะวันกระแอมไอ ดวงตากลมโตมองค้อนน้องสาวจอมยอกย้อน “พี่ไม่เคยคิดหยุดที่ใคร จะคิดมากทำไมให้ปวดหัว”

“แล้วให้คำปรึกษาอย่างผู้เชี่ยวชาญเชียวนะคะ...ที่แท้ก็มีประสบการณ์จีนแดง”

มะเหงกงามๆ เขกลงบนกระหม่อมเขียนจันทร์ หญิงสาวลูบบริเวณที่ถูกเขกป้อยๆ หน้าตายิ้มจางไม่ทันขยายกว้าง เสียงเคาะประตูห้องดังเพียงสองครั้ง และเปิดผัวะเข้ามาขัดช่วงเวลาปรับทุกข์ของสองพี่น้อง

“ตายแล้ว พระจันทร์ยิ้มแล้วสวยขึ้นมาเชียว พี่เขียนอย่าทำหน้าเป็นพระจันทร์โดนเมฆหมอกบังทัศนียภาพงามๆ อีกนะคะ”

ประกายพรึกทุ้งศอกใส่เอวน้องเล็กอย่างหมั่นไส้ เพราะพอทักปุ๊บหน้าตาเบิกบานใจของเขียนจันทร์ก็หายวับ เก็บซ่อนรอยยิ้มหลีกหนีจากสายตาสามคู่ทันที วาดตะวันถลึงตาดุใส่สองน้องนุ่งที่เข้ามาทำให้ห้องเสียบรรยากาศ

“เอาละ มาเปลี่ยนทัศนียภาพพระจันทร์ให้สดใสขึ้นดีกว่า ฝีมือพี่ระดับชั้นแนวหน้านะจ๊ะ” นางแบบสาวยกมุมปากขึ้น ดวงตามั่นใจเต็มเปี่ยม

คนอาการหมดอาลัยตายอยาก อกหักรักตุ๊ด เอ้ย รักคุด มักจะชอบเปลี่ยนแปลงตัวเอง ก็เพื่อให้ได้ทำอะไรใหม่ๆ ไม่จำเจ และเผลอกลับไปนึกถึงช่วงเวลาเดิมๆ พวกเธอเหล่าพี่น้องก็มีหน้าที่ช่วยเหลืออย่างเต็มที่เท่านั้น

เขียนจันทร์คิดถึงรักษ์ชาติน้อยลง...และทำให้รักษ์ชาติต้องคลั่ง คิดถึงเขียนจันทร์ให้มากขึ้น และความรู้สึกผิดพุ่งสูงทะลุยอดเขาเอเวอร์เรสต์ให้ได้

การทำให้น้องสาวเธอเสียใจ ค่าชดใช้คือต้องเจ็บ และจำให้มากขึ้น ที่ผ่านมานั้นเขียนจันทร์ก็เป็นน้องๆ โรโบคอป ผูกมิตรกับเดอะฮัคมากพอแล้ว ยังทำคนอดทน ถึกระดับนี้เสียใจได้ คนๆ นั้นย่อมไม่ธรรมดา

“เงยหน้าขึ้นเขียน ถ้าเธอไม่สวยขึ้น พี่ให้เหยียบเลย”

“จะสวยไปอวดใคร เขียนไม่เอาหรอก วันๆ ทำงานอยู่แต่ในออฟฟิศ”

วาดตะวันกดไหล่ และให้น้องอีกสองคนมาล้อมปิดทางออกของคนคิดเลี่ยงให้หมด “ไปอวดมนุษย์ที่ทำร้ายจิตใจเราไง เราสวยเราเชิด เราไม่เลือกเขาอีก เรามั่นใจ มีดีของเรา ไม่ต้องหงอให้ใคร” วาดตะวันดันคางเขียนจันทร์ให้เชิดขึ้น “สวยอย่างมีคุณค่า เป็นผู้หญิงที่ใครก็ต้องเสียดาย พี่จะให้เธอเป็นผู้หญิงประเภทนั้น”


ร่างระหงในวันนี้แปลกตาทุกคนในบ้าน หญิงสาววัยยี่สิบห้าดูสดใสด้วยการแต่งหน้าโทนส้ม ผมเคยเก็บรวบง่ายๆ เปลี่ยนทรงเป็นหยิกลอนใหญ่ ปล่อยยาวปะบ่า หรือจะชุดเดรสสั้น อวดขาเรียวงามก็สร้างความประหลาดใจเหลือคณา

“มีอะไรพิเศษหรือเปล่าเขียน” ดาวเดือนถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม มือถือแก้วกาแฟ สายตามองข่าวในจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ด้วยสายตาล้อเลียน

“เปล่านี่คะแม่ พี่วาดบังคับให้เขียนต้องทำ”

“ก็นึกว่านัดกับคุณขุนไว้ วันนี้มาแต่เช้าเลย เดินคุยอยู่กับพ่อของเราตรงสวนดอกไม้หน้าบ้าน”

ความสดใสบนใบหน้าลูกสาวหายวับ เขียนจันทร์แต่เดิมตั้งใจจะทานอาหารเช้าแล้วจึงออกไปทำงาน ตั้งใจจะไปทำงานเสียเดี๋ยวนี้

“แม่เขียนครับ” มือเล็กกระตุกเรียกสติหญิงสาว เขียนจันทร์ก้มมองเด็กชายผิวขาว แก้มแดงที่กำลังทำหน้าตาบ้องแบ๊วเงยขึ้นมามอง

“มาหาแม่เขียนเหรอครับ”

กองพันส่ายหัวดิก ปากบู้ กลอกตาขึ้นเมื่อคิดทบทวนถึงสิ่งที่รักษ์ชาติให้ตอบ “พ่อขุนบอกว่าขุนมาเป็นเพื่อนพ่อขุน...พวกเรามาหาแม่เขียนครับ”

“คนอะไรใช้ลูกบังหน้า” คุณวงเดือนเยื้องย่างมาจากชั้นบนของบ้าน น้ำเสียงกระทบกระเทียบไม่ถูกจริตกับบุคคลซึ่งถูกกล่าวถึง แต่มือกับกางออก ปากร้องเรียกหาลูกชายเขาหน้าตาเฉย “มานี่เร็วครับ ยายคิดถึงลูกขุนมากเลย”

การพบกันของผู้ใหญ่กับเด็กในรอบหลายสัปดาห์ทำให้เขียนจันทร์ยิ้มแก้มปริ การได้เห็นว่ากองพันไมได้รับผลกระทบใดๆ กับปัญหาระหว่างเธอกับรักษ์ชาติพอจะทำให้เขียนจันทร์เบาใจลง เธอไม่เคยคิดนำปัญหาลากไปให้กองพัน เด็กชายยังเด็ก ควรจะอยู่ในโลกสดใส และมีแต่ความรัก ส่วนผู้ใหญ่อย่างเธอจะขอเวลาจัดการปัญหาหัวใจนั้นเอง

กองพันเดินตามวงเดือนไปนั่งทานขนม เสียงเล็กเล่าเรื่องเจื้อยแจ้วอย่างเริงร่า แตกต่างจากวันแรกที่กองพันเหยียบย่างเข้ามาในจักรตรากูลอย่างกับหนังคนละม้วน วันนั้นกองพันเป็นเด็กที่เชื่อฟังคำสั่ง ทำตามคำสั่งไร้สาระของพ่อนิสัยเสีย ถึงต้องเก็บตัวเงียบไม่พูดจาอะไร ยิ่งนึกหน้าตาน่ามองของเขียนจันทร์ก็พลอยบูดบึ้ง เพิ่มคะแนนติดลบให้กับรักษ์ชาติไปอีกหนึ่ง คะแนนของรักษ์ชาติก็มีแต่ติดลบเลยขีดต่ำสุดไปไกลโขอยู่ดี

ภาพผู้ชายที่คุยกับบิดาเธอโดยมองภาพริมกระจกสูงในบ้านนั้นเธอเห็นรักษ์ชาติยิ้มแย้ม และคุยอย่างไม่ถือตัว ซึ่งเธอไม่ได้เห็นบ่อย ตั้งแต่เด็กรักษ์ชาติทำตัวหยิ่งกับพ่อเธอขนาดไหน ใครในครอบครัวบ้างที่จะไม่รู้

เขียนจันทร์ยืนทำใจอยู่กับที่ไม่ถึงห้านาที จึงเตือนให้ตัวเองกล้าไปเผชิญความจริง หญิงสาวยกมือสวัสดีบิดาอย่างที่ทำจนชิน ทักทายรักษ์ชาติเหมือนเขาเป็นแขกคนหนึ่งของบ้าน และตั้งหน้าจะขึ้นรถเพื่อขับออกไป ทำทุกอย่างให้ดูเป็นปกติที่สุด

“เดี๋ยวเขียน มานี่หน่อยลูก” ศิลปินเรียกรั้งไว้

กุญแจรถที่เสียบไขประตูเก็บเข้ากระเป๋า หญิงสาวรวบรวมแรงกายแรงใจ บอกให้ตัวเองทำตัวปกติให้ดีที่สุด ทั้งที่อยากเดินหนีรักษ์ชาติมากแค่ไหนก็ตาม

“มีอะไรคะพ่อ”

“พ่อจะบอกว่าลืมปิดแก๊ส พ่อกำลังต้มน้ำอยู่”

“เดี๋ยวเขียนไปให้” คนอยากชิ่งหนีถูกรั้งไว้

“แค่นี้พ่อทำเองได้” ศิลปินไม่อยู่รอให้เขียนจันทร์ถามว่าเรียกมาเพื่อที่ตนจะไปปิดแก๊สต้มน้ำนั้นจริงเท็จแค่ไหน แต่การมีคนตัวโตยืนล้วงกระเป๋าเหลือบตามองมายิ้มๆ นั้นทำไห้เขียนจันทร์ทำได้แค่เชิดหน้าใส่

“น่ารักขึ้นนะ”

พิลึกคน...เขียนจันทร์เม้มปาก เบือนหน้าหนี อารมณ์ภายในตีรวนจนเธอแยกแยะไม่ออก ขาสองข้างที่ควรจะเดินหนีไปให้ไกลก็ไม่กล้าพอ เธอกลัวว่าเขาจะรั้ง เขาจะหาว่าเธอขี้ขลาดเอา

“ฉันต้องน่ารักขึ้นเพื่อคุณชายค่ะ”

ร่องรอยในแววตาของรักษ์ชาติชะงักไป เขียนจันทร์ไม่พลาดที่จะสังเกต แต่รอยขุ่นข้องมันจางจนเธอเกือบจะไม่รู้ รักษ์ชาติก็กลับมายิ้มได้อย่างหน้าชื่นตาบาน แต่ไม่รู้ภายในกำลังอกตรมไหม..เธอต้องการให้เขารู้สึกอย่างหลัง

“สำหรับทุกเรื่องที่ผ่านมา...ผมขอโทษ”

“ผม?” เขียนจันทร์ทวนถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ร้อยปีร้อยชาติ นับตั้งแต่เธอจำความได้ กิริยาอาการของรักษ์ชาติไม่เคยอ่อนโยน และสรรพนามก็ช่างบาดหู ฉัน เธอ ตลอด ไม่เคยเรียกพลาด...บางทีเขาอาจจะพลาด สมองไม่ทันคิดเฉยๆ ก็ได้

“ผมขอโทษ”

ท่าทางร้ายกาจคล้ายวิญญาณร้ายหลุดจากร่างทำให้เขียนจันทร์ไม่มั่นใจว่าเธอกำลังพูดอยู่กับรักษ์ชาติในมาดไหน

...หรือเธอจะยังไม่ตื่นนอน

เขียนจันทร์ขมวดคิ้วกับตัวเอง โกรธที่เผลอคาดหวังจะได้พบรักษ์ชาติในแบบใหม่ ผู้ชายคนนี้เหมือนเธอไม่เคยรู้จัก บุคลิกแบบนี้จะไม่ทำร้ายเธอ...แต่เธอยังจำสิ่งที่ผ่านมาได้ชัดเจนยิ่งกว่า เขาร้ายกาจกับเธอเกินไป

“ฉันต้องไปทำงานแล้ว”

รักษ์ชาติพยักหน้ารับ ผายมือเปิดทางให้โดยไม่รั้งรอ มือไม่เอื้อมมากระชากแขนเธออย่างทุกครั้งที่เขาคิดไม่อยากให้เธอจากเขาไป เขียนจันทร์รู้สึกว่าเธอกำลังถูกผีหลอกแต่เช้า แววตาของเธอคงจะตื่นตะลึงจนอีกฝ่ายยิ่งยิ้มใส่ตาเธอกลับมามากขึ้น

“ไม่ไปเหรอครับ”

“ครับ?” เขียนจันทร์กลืนน้ำลายลงคออึกโต ขนคอขนแขนเริ่มลุกชันอย่างจริงจัง เขาแปลกประหลาด เหมือนเพิ่งค้นพบว่ามีดาวเคราะห์ดวงใหม่ในระบบสุริยจักรวาลนี้

“ผมจะเริ่มใหม่ในทุกๆ เรื่อง” รักษ์ชาติยืนห่างจากเขียนจันทร์ไปหนึ่งก้าว ไม่เข้ามาทำให้ขุ่นเคืองไม่วากรณีใดๆ

“ฉันคิดว่ามันไม่ทันแล้วค่ะ” ประตูบ้านเปิดต้อนรับแขกที่มาถึงแต่เช้า รถของบดินทร์ภัทรแล่นเข้ามาสู่สายตา เขียนจันทร์มองปฏิกิริยาของรักษ์ชาติว่าเป็นอย่างไร แต่เธอไม่พบอะไรนอกจากรอยยิ้ม ยิ้มที่ยังมองมาให้เธอ

“ไม่มีอะไรที่สายเกินไปนะครับ”

“ฉันไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า ฉันไม่รู้จักคุณ” เป็นหญิงสาวเองที่อารมณ์ไม่คงที่ รักษ์ชาติคนใหม่นี้ทำให้อารมณ์เธอรู้สึกแปรปรวนจนน่ากลัว เธอไม่รู้ว่าเขามาไม้ไหน จะทำร้ายใจเธออย่างไร

ใจที่เหนื่อยมามากของเธอมันไม่กล้าทุ่มเทในเวลานี้...มันยังกลัวการเจ็บปวด

“ผมรักคุณนะ”

คำๆ นี้เหมือนคำที่จุดประกายวาบในสมองของเขียนจันทร์ หญิงสาวต้องกำมือ เล็บจิกเนื้อตัวเองไว้ ไม่ให้หันกลับไปมองเขาทั้งที่เดินผ่านเขามาได้สามก้าวแล้ว

“คุณควรไปโรงพยาบาล ตรวจร่างกายให้ละเอียด ว่าคุณป่วยหรือเปล่านะคะ” เขียนจันทร์ไม่รีรอที่จะรีบเดินห่างจากรักษ์ชาติออกมา หูสองข้างที่ได้ยินคำบอกรักนุ่มหูน่าฟังเหมือนได้ทานสายไหมนั้น เป็นสิ่งเหลือเชื่อ แปลกประหลาด ยิ่งกว่าทุกเรื่องที่เธอเจอรักษ์ชาติในวันนี้

ผู้ชายคนนี้พูดคำว่ารักออกมาได้อย่างง่ายดาย นุ่มนวล ทั้งที่เธอต้องการจะฟังมาตลอด แต่เขากลับมาบอกในวันที่เธอเข็ดหลาบกับการอยู่ใกล้เขาแล้วอย่างนั้นเหรอ

นี่เขากลัวจะเสียเธอไป กลัวจะไม่มีใครให้กดขี่ข่มเหง ให้ลวงหลอกอย่างสาวหน้าโง่สินะ เขียนจันทร์ขับไล่ความรู้สึกอ่อนไหวให้หายไปจากสมองโดยเร็ว

เธอเหนื่อยเกินไปที่จะรับรู้ความเปลี่ยนแปลงของรักษ์ชาติ

“เป็นอะไรหรือเปล่าคะน้องเขียน”

“ฉันกำลังคิดว่าตัวเองละเมอเดินลงมาตรงนี้น่ะค่ะ”

บดินทร์ภัทรหัวเราะได้อย่างน่าฟังกลับมา สายตาลอบมองคนที่ยืนไกลออกไป แม้ฝ่ายนั้นจะไม่ได้หันมามอง แต่ความสนใจคงจะหยุดอยู่แถวๆ นี้

“น้องเขียนเอาจริงเหรอคะ”

“เรื่องอะไรคะ”

“เรื่องคุณขุน”

หญิงสาวหลบตา ไม่อยากจะนึกถึงเรื่องของรักษ์ชาตินัก แผลของเธอยังเป็นแผลสด มันคล้ายกับมือที่ถูกหนามทิ่มตำมาตลอด มือที่ชาเพราะฤทธิ์ยา หลอกตัวเองว่าชินชาไม่เจ็บ แต่สุดท้ายสักวันฤทธิ์ยาชาก็ต้องหมดลงอยู่ดี วันนี้มือข้างนั้นจึงไม่กล้ายื่นออกไปวางลงบนหนามแหลมอีก

“ถ้าฉันกลับไปอีก...ฉันคงเป็นพวกซาดิสต์ เจ็บแล้วไม่รู้จักจำ”

“พี่พร้อมจะช่วยน้องสาวของพี่เสมอนะคะ ในทุกๆ เรื่อง”

ความใจดี ความเข้าใจ และอยู่ด้วยแล้วสบายใจนั้น เขียนจันทร์รับรู้ได้มาตลอด ความรู้สึกนี้รักษ์ชาติไม่เคยสร้างให้ใจเธอรับรู้ได้เลย...บางครั้งมันคงจะดี หากเธอเปิดใจตัวเองให้มากขึ้น หลับตาให้กับความเจ็บปวดเก่าๆ

“คุณชายจะไม่เดือดร้อนใช่ไหมคะ...ถ้าคุณชายมีใคร เขาคนนั้นต้องมาทึ้งหัวฉันแน่ๆ”

บดินทร์ภัทรหลบตา เงยหน้ามองฟ้าใสไร้หมู่เมฆด้วยความรู้สึกคิดถึง “พี่แค่เคยมีเมื่อนานมากแล้ว ตอนนี้คนๆ นั้นเขามาทึ้งหัวน้องเขียนไม่ได้หรอกค่ะ พี่ไม่ปล่อยให้ใครมาทำร้ายน้องเขียนแน่นอน”

เขียนจันทร์ไม่กล้าเอ่ยปากถามว่า ‘เขาคนนั้น’ ของบดินทร์ภัทรป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง ยังมีชีวิต และลาลับไปบนฟ้าไกล แต่ไม่ว่าจะไกลแค่ไหน สายตาของบดินทร์ภัทรก็ยังทอประกายความคิดถึงออกมาไม่ปิดบัง

บางทีเธอไม่จำเป็นต้องเปิดใจใหม่เลย...เพราะท้ายที่สุดทั้งเธอและบดินทร์ภัทร อาจไม่มีพื้นที่ในหัวใจเผื่อใครได้อีก

เจ็บปวดทั้งที่รู้ว่ายังรัก...ในขณะที่เธอก็ยังขลาดเกินกว่าจะกลับไปในเส้นทางเดิม ที่มีคนเดิมๆ แบบเดิมรออยู่ เธอไม่เชื่อ ไม่เหลือความศรัทธาในตัวรักษ์ชาติ

...สิ่งที่เธอสูญเสียไปคือความเชื่อในตัวเขา เพราะเขาไม่เชื่อในตัวเธอก่อน ไม่เชื่อว่าเธอเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเขา ควรค่าพอในการรับรู้ทุกๆ เรื่อง


รถของเขียนจันทร์กับบดินทร์ภัทรออกไปจากบ้าน หน้าตาชายละมุนโลกสวยของรักษ์ชาติก็แปรเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ สันกรามขบแน่น จนขมับขึ้นเส้นเลือด ประกายพรึกชะโงกหน้าออกมาจากบ้านเพื่อติดตามผล

“แผนผมฉลุยไหมพี่ขุน”

เมื่อคืนกลางดึกรักษ์ชาติโทรมาถามเขาถึงวิธีการง้อเขียนจันทร์ เขาก็แนะด้วยวิธีสุดคลาสสิกที่สุดอย่างการเลียนแบบพระเอกเกาหลี พูดเพราะ อ่อนโยน จากการแอบสังเกตมาตลอดนั้น นายตำรวจหนุ่มคิดว่ารักษ์ชาติทำมันได้ไม่เลว

“แกเห็นเป็นไง” น้ำเสียงยะเยือกทำให้คนฟังหดคอหนี

“พี่ขุนเหมาะกับพระเอกเกาหลีดีนะพี่ ใจเย็น แสนดี”

“เขาบอกให้ฉันไปโรงพยาบาลตรวจร่างกายเนี่ยนะ” รักษ์ชาติยื่นขาไปเตะน้องชายของเขียนจันทร์ด้วยความหมั่นไส้ ประกายพรึกกระโดดหลบเหยงได้ทันฉิวเฉียด

“ทำบ่อยๆ เดี๋ยวมันก็เป็นนิสัย พี่เก็บเจ้าขุนเวอร์ชั่นน่ากลัวนี่ลงกล่องโยนใส่สะดือทะเลไปเลย ไม่อย่างนั้นพี่เขียนก็ไม่กลับมาหรอก พี่ร้ายกับทุกคนได้ แต่ห้ามร้ายกับพี่เขียน ผมน่ะมันทนได้ เพราะไม่ได้ตื่นเช้ามาต้องเจอ แต่พี่เขียนเขาจะทนได้เหรอ ตื่นมาต้องเจอกับหมาบ้าทุกวันทุกเวลา พี่ทำอะไรไว้มันก็ได้อย่างนั้นตอบกลับมานะพี่ขุน”

ประกายพรึกโยกเอวหลบบาทาของรุ่นพี่เตรียมทหารอย่างชำนาญด้วยโดนฝ่าเท้าใหญ่นี้มาแต่เด็ก เวลาไม่พอใจพ่อเจ้าประคุณมักจะประเคนเท้ายื่นเท้ายาวมาให้เสมอ

“ฉันมันเปลี่ยนยาก”

“แต่พี่ก็ทำได้นี่ ผมเห็นพี่พยายามแล้ว จากนี้พี่ก็แค่พยายามต่อ นึกถึงช่วงเวลาที่พี่บรรลุในเรื่องความร้ายกาจตอนเมื่อคืนนี้สิ เสียงร้องไห้ของพี่เขียนไม่ทำให้พี่คิดอะไรขึ้นมาบ้างเลยหรือไง”

เท้าที่อีกนิดจะยกสูงถึงยอดอกหยุดกลางคันหลังจากประกายพรึกพูดเร็วรี่จนจบในประโยคยาวแทบไม่หายใจหายคอ แต่ยังดีที่มันยั้งเท้ายกสูงนี้ไว้ได้ ประกายพรึกแตะเท้ารุ่นพี่เตรียมทหารให้กลับไปวางลงบนพื้น เขาน่ะไม่กลัวหรอกเรื่องการใช้กำลัง บู๊บุ๋นตนนั้นไม่เคยหวั่นเกรง เห็นจะยกเว้นคนอย่างรักษ์ชาติไว้คน ขืนไปเตะทีหนึ่ง ได้เจ็บตัวสะท้อนกลับมาอีกสามเท่า คนมันยอมให้มาแต่เกิด ลุกขึ้นมาปฏิวัติทำกร่างเห็นทีจะไม่รอด รักษ์ชาติเป็นมนุษย์น่ากลัว...เป็นไปได้ไม่ควรยื่นนิ้วเท้าไปโดนเงาเป็นดีที่สุด

“นายคิดว่าฉันจะทำได้เหรอ ฉันมองเขียนสวยขึ้น น่ารักขึ้น อยู่กับผู้ชายคนอื่น แล้วห้ามแสดงออกว่าหึงเนี่ยนะ”
“แล้วพี่จะใช้สิทธิ์อะไรไปหึงเขา พี่ขุนห้ามลืม พี่เขียนยังไม่ให้อภัยพี่”

รักษ์ชาติคิดตาม ความจริงที่ว่าเขาต้องเปลี่ยนตัวเองยังคงติดหน้าผากไม่จางไป “ฉันอยากจะเป็นผู้ชายที่เขียนเคียงข้างแล้วใครๆ ต่างต้องอิจฉา”

“พี่หวังในสิ่งที่ยากจริงๆ ให้คนอิจฉาที่พี่เขียนมีพี่เป็นแฟนเนี่ยนะ ให้อิจฉาพี่ที่ได้ผู้หญิงอย่างพี่เขียนเป็นแฟนยังง่ายกว่า”

คนโดนดูถูกเหล่มองน้องชายเขียนจันทร์ ประกายเปรี๊ยะฟาดฟันในอากาศ บอกชัดว่าขืนพูดอะไรทำนองนี้อีกทีเดียวประกายพรึกจบชีวิตแถวๆ นี้อย่างไม่ต้องสงสัย

“ฉันจะทำให้ได้ ไม่ใช่เพื่อคนอื่น แต่เพื่อเขียน”

ประกายพรึกยิ้มแป้น เห็นแสงรำไรจางๆ ออกมาจากร่างผู้ชายทะมึนเงามืดนี้ทีละนิด หวังว่าจากนี้รักษ์ชาติจะไม่ต้องโทรจิกเขากลางดึกเพื่อปรึกษาเรื่องทำนองนี้อีก...จริงๆ เขาจะให้คำปรึกษาที่ว่าไม่ทำให้สาวเสียใจอีกก็ได้ รักษ์ชาติก็เป็นอย่างเดิม เพียงแค่ใส่ใจพี่สาวเขาให้มากขึ้น แต่ในเมื่อแกล้งบอกให้เปลี่ยนตัวเองแล้วมันรุ่ง รักษ์ชาติคนใหม่นี้ก็น่าจะเก็บไว้นานๆ ถึงมันจะพบเจอได้เฉพาะเวลาอยู่ต่อหน้าเขียนจันทร์เพียงคนเดียวก็ตาม

“กิ๊วๆ อรุณสวัสดิ์หนุ่มเกาหลีหน้าโหด” ภาพวิจิตรที่แอบฟังมาแต่เริ่มส่งเสียงดังมาแซว ปรับบรรยากาศที่กำลังดีให้อยู่ในภาวะคลื่นลมพายุเข้า “ให้ตายยังไงฉันก็ไม่มีวันอิจฉาพี่เขียนหรอก ใครได้พี่ไปเป็นคู่ซวยตลอดศก คนอะไรร้ายเกิ๊น”

หนุ่มร้ายปั้นหน้านิ่ง ชี้นิ้วไปบนหน้าผากที่ยังปิดผ้าพันแผลไว้อย่างเคืองแค้น “บนนี้เธอยังไม่รับผิดชอบเลยนะ...ยังกล้ามาปากดีเรื่องฉันอีก คอยดูถ้าวันไหนฉันได้ยินว่าเธอกลับคำตัวเองเมื่อไหร่ ฉันจะเลาะฟันเธอออกมาให้หมามันขัดฟันเล่น”

“ไอ้พี่ขุนโหด ฉันจะภาวนาให้พี่เขียนหลุดพ้นคนอย่างพี่ขุนไปเจอสิ่งที่ดีกว่าศิวิไลซ์กว่าวันละร้อยล้านรอบเลย”

ประกายพรึกยกมือห้ามฝีปากน้องสาวจอมแสบ ขืนพูดอะไรที่มันเป็นความจริงกระแทกหน้ารักษ์ชาติมากกว่านี้ คนที่อยู่วิถีใกล้เท้ารักษ์ชาติอย่างเขาจะซวยเอา

“เก็บปาก เก็บฟันไว้กินข้าวเถอะภาพ พี่ขอล่ะ”

ภาพวิจิตรหน้าหงิก แต่ก็ยังมองรักษ์ชาติอย่างท้าทาย ยิ้มหวานเย้ยๆ ก่อนหมุนตัวกลับเข้าบ้าน ประกายพรึกถึงกับถอนหายใจด้วยฐานะคนกลางอันแสนน่าอึดอัด โชคดีที่เท้าคู่ใหญ่มาแล่นมาเตะป้าบใส่ก้นเขาอย่างที่ชอบทำเวลาโมโหภาพวิจิตร หรือเขา

“ฉันจะต้องคู่ควรกับเขียนจันทร์ให้ได้...ต้องทำให้ครอบครัวเขายอมรับด้วย จริงไหมพรึก”

นายตำรวจหนุ่มกลั้นยิ้มขำไว้จนปวดแก้ม แสร้งขรึมทั้งที่อยากพยักหน้าถี่ๆ “ถ้าฝืนตัวเองเกินไปนัก ผมว่า...”

“ฉันจะพยายาม อะไรที่ฉันไม่ดี ก็เตือนฉันได้ หลายๆ อย่างฉันอาจจะทำลงไปโดยไม่รู้ตัว”

“ผมเอาใจช่วยพี่ขุนเต็มที่นะครับ”

ช่วงนี้มันช่วงน้ำขึ้นจริงๆ ขออะไรรักษ์ชาติก็ให้มาหมด หวังว่าการเปลี่ยนแปลงของรักษ์ชาติครั้งนี้จะทำให้เขียนจันทร์รับรู้ได้ด้วยหัวใจตัวเอง...ว่าครั้งนี้รักษ์ชาติกำลังเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ

.......................................

คุณ ร้อยวจี เย่ๆ ให้ขุนหนึ่งแต้ม จากนี้จะติดลบกลบหนี้ยังไงก็รอดูต่อไป


คุณ konhin เขียนแบบใหม่ใจแข็งกว่าเดิม ให้ขุนได้พยายามขึ้นนะคะ อิอิ ที่ผ่านมาขุนทำตัวเองจริงๆ

คุณ ใบบัวน่ารัก จากนี้จะเริ่มเห็นอนาคตไหม อย่าเพิ่งหมดหวังกับพระเอกนิสัยเสียเลยนะคะ

คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ เขียนบวชเจ้าขุนร้องไห้ตายเลย ฮา จากนี้ช่วงเวลาเอาคืนค่ะ หุหุ

คุณ อัศวินนภา ปรบมือรัวๆ ค่ะ ขอบคุณที่พิจารณาพระเอกร้ายคนนี้ได้ดีมาก ตอนเขียนก็วางไว้นิสัยไว้แบบนั้น แต่เจ้าขุนดันออกมาร้ายไปนิด ฮา

ขอบคุณทุกความเห็น ทุกไลค์ และนักอ่านทุกท่านนะคะ ใครแค้นเคืองขุน จากนี้จะพามุมดีๆ มาให้พบเจอมากขึ้นค่า



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 มิ.ย. 2557, 17:11:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 มิ.ย. 2557, 17:11:19 น.

จำนวนการเข้าชม : 1816





<< บทที่ 19 : รู้ตัว   บทที่ 21 : ยาหยี? >>
ร้อยวจี 10 มิ.ย. 2557, 18:26:48 น.
รอนะคะ ตอนนี้ก็ยังสงสารนายขุนอยู่ เรียกว่าศึกนอกก็หนักศึกในก็หนัก เอาใจช่วยค่ะ


konhin 10 มิ.ย. 2557, 19:16:09 น.
พี่น้องเขียนได้เวลาเอาคืนนายขุนแล้วววว


อัศวินนภา 10 มิ.ย. 2557, 20:49:44 น.
พยายามเพื่อเขียนนะเจ้าขุน ร้ายๆเก็บไว้ใช้กับคนที่ไม่ดี ส่วนที่ดีๆ อ่อนโยนนะ ขุดมาใช้กับหนูเขียนเยอะๆ เดี๋ยวเขียนก็ซึมซับได้นะ


ใบบัวน่ารัก 10 มิ.ย. 2557, 21:57:10 น.
ยังมองไม่เห็นอนาตคเลยเห็นแต่นางทาสเขียนในเรือนท่านเจ้าขุน
และสีทนได้
พอเถอะ ไม่ต้องเป็นพระเอกแนวเกาหลีเลย เจ้าขุนทำให้วงการพระเอกเกาหลีเค้าเสื่อมเสีย
คุณเป็นไม่ได้หรอก เอาแนวพิศาลกะจำเลยรัก+ พระเอกแนวโจรป่าเถื่อน น่าจะดีพวก
ใช้แต่กำลัง ไม่ชัดเจน ปากกะการกระทำสวนทางกัน = เจ้าขุน


ผักหวาน 18 มิ.ย. 2557, 22:00:22 น.
สู้ๆๆ พี่ขุน ขุนดันทุรัง 555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account