อ้อนรักเดิมพันหัวใจ (สนพ.กรีนมายด์)
เพราะการพบกันครั้งแรกเป็นเหตุการณ์ที่ไม่น่าประทับใจสำหรับ “ศันลิตา” หญิงสาวสวยน่ารักเจ้าของร้านหนังสือจึงทำให้เธอรู้สึกหมั่นไส้ “กฤตตะวัน” หนุ่มหล่อขี้เก๊กเจ้าแผนการ โดยไม่รู้ว่าเขาคือทายาทบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังแห่งหนึ่ง เพราะความจำเป็นทำให้กฤตตะวันต้องเข้ามาเป็นพนักงานขายในร้านหนังสือเพื่อแลกกับความช่วยเหลือบางอย่างจากศันลิตา เกมรักที่มีหัวใจเป็นเดิมพันจึงเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับความจริงซึ่งนำพาไปสู่อันตราย
“พูดแบบนี้แสดงว่าคุณไม่กล้าเดิมพันกับผม เพราะกลัวว่าจะหลงรักผมใช่มั้ยล่ะ” กฤตตะวันถามพลางมองสบตาหญิงสาวอย่างท้าทาย
“อย่างฉันเนี่ยนะต้องกลัวหลงรักคุณ รู้จักศันลิตาน้อยไปซะแล้ว ตกลงฉันรับเดิมพันกับคุณแต่ถ้าครบกำหนดสามเดือนแล้วคุณไม่สามารถทำให้ฉันพูดว่ารักคุณได้ ต่อไปคุณห้ามมายุ่งวุ่นวายกับฉันอีกนะ” ศันลิตาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ในขณะที่กฤตตะวันคลี่ยิ้มอย่างสมหวังดวงตาคู่คมเป็นประกายพราวระยับเมื่อโน้มใบหน้าคมเข้มลงมากระซิบเบาๆ ที่ข้างหูหญิงสาวอย่างใกล้ชิดว่า
“ตกลงตามนั้นและนับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปผมมีสิทธิ์ทำทุกอย่างเพื่อให้คุณหลงรักผมแล้วนะศันลิตา”
เดิมพันหัวใจครั้งนี้ใครจะแพ้ ใครจะชนะ ใครเจ้าเล่ห์กว่าใครในเกมรัก เชิญร่วมลุ้นไปกับพวกเขาใน “อ้อนรักเดิมพันหัวใจ” ค่ะ

ขอแจ้งให้นักอ่านทราบล่วงหน้าว่านิยายเรื่องนี้จะลงเนื้อเรื่องเพียงแค่ 60% เท่านั้น ไรเตอร์จะทยอยอัพให้อ่านวันละตอนนะคะ เนื่องจากนิยายได้รับการตีพิมพ์แล้วจะวางแผงในเดือนมิถุนายน 2257 นี้ค่ะ ใครสนใจสั่งจองได้ที่เว็บกรีนมายด์เลยนะคะ

Tags: รัก, กุ๊กกิ๊ก,โรแมนติก

ตอน: ตอนที่ 12

เช้าวันจันทร์คุณเกรียงไกรเดินทางไปบริษัทพร้อมกับกฤตตะวันและเกศวรางค์เพื่อเข้าประชุมคณะผู้บริหารเกี่ยวกับคดีคอนโดมิเนียมถล่มอีกครั้ง คณะผู้บริหารต่างก็มีมติตรงกันว่าจะต้องขอร้องให้ทางตำรวจเร่งปิดคดีนี้โดยเร็วที่สุด โดยให้คุณธาดาทนายความของบริษัทไปแจ้งกับทางตำรวจให้ตั้งรางวัลนำจับสรัชวิศวกรที่ดูแลโครงการกับอนันต์หัวหน้าคนงานก่อสร้างเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีให้ได้ในโทษฐานทุจริตจนทำให้บริษัทเกิดความเสียหายทั้งชื่อเสียงและทรัพย์สิน

หลังจากปิดประชุมในช่วงสายคุณเกรียงไกรกับเกศวรางค์ก็เดินทางออกจากบริษัทเพื่อไปดูการถ่ายทำโฆษณาคอนโดมิเนียมแห่งใหม่ของบริษัท ในขณะที่กฤตตะวันไปนั่งทำงานตามปกติเพราะมีเอกสารหลายอย่างที่เขาจะต้องเซ็นให้กับดนัย

ก๊อกๆๆ

เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นเบาๆ ในตอนสายสามโมงเศษ เมื่อกฤตตะวันเอ่ยปากอนุญาตประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามาโดยคุณเกริกเกียรติ

“อ้าว! คุณอามีธุระด่วนอะไรรึเปล่าครับ” ชายหนุ่มถามผู้เป็นอา

“เปล่าหรอก พอดีอาจะแวะมาถามกฤตเรื่องโครงการหมู่บ้านจัดสรรที่ขอนแก่นว่าคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว” คุณเกริกเกียรติตอบพลางทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของกฤตตะวัน

“ตอนนี้แบบแปลนบ้านก็คืบหน้าไปพอสมควรแล้วล่ะครับ ส่วนทางโน้นผมก็ให้คุณสุธีดูแลควบคุมเรื่องการถมที่อยู่ครับคุณอา”

“อืม ถ้างั้นไม่เกินปลายปีนี้ก็น่าจะเริ่มลงเสาเข็มได้แล้วสินะ”

“ใช่ครับ”

“ว่าแต่นั่นแฟ้มอะไรทำไมเยอแยะขนาดนั้น” คุณเกริกเกียรติถามด้วยสีหน้าสงสัยพลางชี้มือไปยังกองแฟ้มเอกสารที่กฤตตะวันให้ดนัยไปขอมาจากแผนกบัญชีซึ่งเขายังขนไปให้ศันลิตาไม่หมดจึงยังมีเหลือกองอยู่ในห้องทำงานของชายหนุ่มอีกจำนวนหนึ่ง

“เอกสารกับงบการเงินของบริษัทน่ะครับ” กฤตตะวันตอบ

“อ๋อ อาได้ข่าวอยู่เหมือนกันว่ากฤตให้ดนัยไปขอเอกสารจากแผนกบัญชีย้อนหลังมาห้าปี เอามาทำอะไรตั้งเยอะแยะขนาดนั้น”

“ไม่มีอะไรหรอกครับคุณอา ผมก็แค่อยากจะลองศึกษาหาความเรื่องบัญชีดูบ้างเท่านั้นเอง ก็เลยให้ดนัยไปขอเอกสารมานั่งดูว่าเค้าลงบัญชีกันยังไงบ้าง แต่เท่าที่ผมนั่งดูมาหลายวันก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่องเลยครับแถมปวดหัวอีกต่างหากผมก็เลยกองทิ้งเอาไว้อย่างนั้นก่อน” กฤตตะวันตอบด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆ ราวกับไม่ได้ใส่ใจกับเอกสารเหล่านั้นมากนัก

“ถ้าดูไม่รู้เรื่องก็อย่าไปเสียเวลาดูเลยเพราะกฤตก็มีงานต้องรับผิดชอบเยอะแยะอยู่แล้ว อย่าหักโหมมากนักเอาเวลาไปหาหลานสะใภ้ให้อาบ้าง” หนุ่มใหญ่บอกหลานชายยิ้มๆ ซึ่งกฤตตะวันก็หัวเราะเบาๆ กับคำแนะนำของผู้เป็นอา หลังจากพูดคุยกันอีกครู่หนึ่งคุณเกริกเกียรติจึงเอ่ยขอตัวไปคุยธุระที่แผนกจัดซื้อ ส่วนกฤตตะวันก็รีบก้มหน้าก้มตาทำงานของตนเองให้เสร็จเพื่อที่เขาจะได้รีบกลับทันทีที่ถึงเวลาเลิกงาน

หลังจากที่ครุ่นคิดแผนการหาทางเอาคืนกฤตตะวันมาทั้งคืนศุภโชคก็ตัดสินใจเดินทางมาที่ร้านมุมสบายฯ ในช่วงเกือบหกโมงเย็น พอก้าวเข้ามาในร้านชายหนุ่มก็เดินตรงไปทางกฤตตะวันซึ่งกำลังยืนจัดหนังสืออยู่ทันทีโดยไม่ได้ทักทายศิวรรณซึ่งนั่งอยู่ที่เคาเตอร์เหมือนเช่นทุกครั้ง

“ฉันจะมาซื้อหนังสือหลายเล่มนายช่วยหาให้หน่อยสิ” ศุภโชคออกคำสั่งทันทีที่เดินมาหยุดยืนอยู่ไม่ห่างจากกฤตตะวันมากนัก คนถูกออกคำสั่งชะงักมือที่กำลังจัดหนังสืออยู่พลางหันไปมองหน้าชายหนุ่มคู่ปรับเก่าก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยอย่างใจเย็นว่า

“นายจะเอาหนังสืออะไรบ้างล่ะ”

ศุภโชคยิ้มอย่างพอใจเมื่อได้ยินคำถามของกฤตตะวันก่อนจะร่ายยาวชื่อหนังสือให้กฤตตะวันฟังซึ่งมีทุกชนิด ทุกหมวดหมู่ และอยู่คนละทิศละทางก่อนจะย้ำว่า

“นายรีบหาให้ฉันภายในสิบห้านาทีด้วย เพราะว่าฉันต้องรีบไป”

วีณาซึ่งได้ยินศุภโชคสั่งกฤตตะวันอย่างชัดเจนรีบเดินไปหาศิริวรรณที่เคาเตอร์ทันทีพลางบอกหญิงสาวรุ่นพี่ว่าศุภโชคดูเหมือนจะจงใจมาหาเรื่องเพราะเขาสั่งให้กฤตตะวันหาหนังสือตั้งเยอะแยะภายในเวลาเพียงสิบห้านาทีเท่านั้น ศิริวรรณจึงให้วีณาไปบอกชัยพรว่าให้คอยระวังว่าชายหนุ่มทั้งสองคนจะมีเรื่องกันแล้วก็ให้รีบไปตามศันลิตาซึ่งขึ้นไปบนห้องที่ชั้นสี่ลงมาด้วย

“นายจะซื้อหนังสือไปทำไมตั้งเยอะแยะ ถ้าจะซื้อไปบริจาคทำไมไม่ไปสั่งจากโรงพิมพ์” กฤตตะวันถามขึ้นทันทีเมื่อฟังรายชื่อหนังสือที่ศุภโชคต้องการจบ

“ฉันจะเอาไปทำอะไรมันก็เป็นเรื่องของฉัน นายเป็นพนักงานขายมีหน้าที่ทำตามที่ลูกค้าสั่งไม่ต้องถาม” ศุภโชคย้อนกลับมาเสียงห้วน

“เอ่อ เดี๋ยวผมช่วยหาหนังสือให้คุณโชคแทนคุณกฤตดีกว่านะครับ คุณโชคจะเอาหนังสืออะไรบ้างครับ” ชัยพรรีบเดินเข้ามาถามทันทีที่วีณาไปกระซิบบอกเขาว่าให้ช่วยระวังสองหนุ่มจะทะเลาะกันด้วย แต่ยังไม่ทันที่ศุภโชคจะตอบอะไร ชัยพรก็ถูกคุณป้าสูงวัยท่านหนึ่งเรียกให้ไปช่วยหาหนังสือถักนิตติ้งเล่มใหม่ล่าสุดให้ เขามีท่าทางละล้าละหลังห่วงหน้าพะวงหลังจนกระทั่งกฤตตะวันต้องบอกเบาๆ ว่า

“พี่ชัยไปหาหนังสือให้คุณป้าเถอะครับ เดี๋ยวทางนี้ผมจัดการเอง”

ชัยพรมีท่าทางลังเลพลางมองหน้ากฤตตะวันอย่างเป็นห่วง แต่อีกฝ่ายพยักหน้าให้เป็นเชิงบอกว่าไม่ต้องห่วง ชัยพรจึงรีบเดินไปหาหนังสือให้หญิงสูงวัยทันที

“รีบไปหาหนังสือมาให้ฉันสิ ฉันรีบนะ” ศุภโชคออกคำสั่งอีกรอบ กฤตตะวันถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเดินไปหาหนังสือตามคำสั่งของศุภโชค

“นี่มันไม่ใช่หนังสือที่ฉันสั่งนี่” ศุภโชคโวยวายเสียงดังลั่นจนลูกค้าทุกคนที่อยู่ในร้านพากันหันมามองเขากับกฤตตะวันเป็นตาเดียวหลังจากเปิดดูกล่องหนังสือที่กฤตตะวันขึ้นไปยกลงมาจากชั้นสองทั้งกล่องเพราะหาหนังสือบนชั้นแล้วไม่มี

“ทำไมจะไม่ใช่ก็นายสั่งฉันว่าจะเอาหนังสือเล่มนี้เอง” กฤตตะวันแย้งเสียงเรียบพลางพยายามใจเย็นอย่างที่สุดเพราะเริ่มรู้ตัวแล้วว่าเขากำลังโดนศุภโชคกลั่นแกล้งอยู่

“ฉันบอกว่าจะเอาหนังสือเล่มนี้แต่เป็นเล่มก่อนหน้านี้ไม่ใช่เล่มใหม่ นายนี่เป็นพนักงานที่ใช้การไม่ได้เลย ลูกค้าสั่งอย่างแต่ไปเอาอีกอย่างมาให้ได้ยังไง ทำงานแย่มาก” ศุภโชคต่อว่ากฤตตะวันเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้เขารู้สึกอับอายคนอื่น

กฤตตะวันหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างรู้ทันเจตนาว่าศุภโชคต้องการทำให้เขาอับอายขายหน้า แต่ก่อนที่เขาจะตอบโต้อีกฝ่ายศันลิตาก็ก้าวยาวเข้ามายืนอยู่ข้างๆ กฤตตะวันพลางพูด

“ถ้าหนังสือไม่ถูกต้องตามที่ต้องการคุณก็ให้คุณกกฤตไปเอาเล่มใหม่มาให้สิคะคุณโชคไม่จำเป็นต้องโวยวายเสียงดังหรอกค่ะ เพราะมันจะทำให้ลูกค้าคนอื่นเค้าตกใจไปด้วย เดี๋ยวคุณช่วยไปเอาหนังสือเล่มใหม่มาให้คุณโชคทีนะคะ” ท้ายประโยคศันลิตาหันมาบอกกฤตตะวันเสียงอ่อนพลางมองสบตาเขาอย่างขอร้อง ชายหนุ่มพยักหน้าแล้วยกกล่องหนังสือขึ้นพลางพูดกับศุภโชค

“รอสักครู่”

กฤตตะวันยกกล่องหนังสือเดินกลับขึ้นไปบนชั้นสองเพื่อหาหนังสือมาเปลี่ยนให้ศุภโชคใหม่พลางบ่นพึมพำกับตัวเองด้วยดวงตาวาวโรจน์

“นายคิดจะใช้แผนงี่เง่าแบบเด็กๆ มาแกล้งฉันงั้นเหรอศุภโชคแล้วเราจะเห็นดีกัน”

ครู่หนึ่งกฤตตะวันก็เดินกลับลงมาพร้อมหนังสือกล่องใหม่ เขาเดินสวนทางกับศันลิตาซึ่งถูกลูกค้าเรียกให้ไปช่วยหาหนังสือให้พอดีเนื่องจากชัยพรกับวีณาไม่ว่างเพราะกำลังดูแลลูกค้าอยู่เช่นกัน หญิงสาวบอกกับเขาเบาๆ ว่า

“คุณใจเย็นหน่อยนะ ยังไงเราก็ต้องถือว่าลูกค้าคือพระจ้า”

ชายหนุ่มพยักหน้าพลางรับคำหญิงสาว เมื่อศันลิตาเดินผ่านไปแล้วกฤตตะวันจึงพึมพำกับตัวเองเบาๆ ด้วยแววตาหมายมาดว่า

“ลูกค้าคือพระเจ้าแน่นอน แต่ว่านายแกล้งคนผิดแล้วศุภโชค”

ศุภโชคยืนยิ้มกริ่มอย่างสะใจเมื่อเห็นกฤตตะวันยกกล่องหนังสือเดินมาโดยมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพร่างอยู่เต็มใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายเพราะเขาถูกกลั่นแกล้งให้ขึ้นไปยกหนังสือลงมาหลายกล่องและหลายรอบแล้ว

เมื่อยกกล่องหนังสือเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าศุภโชค กฤตตะวันก็วางกล่องลงบนพื้นพร้อมทั้งบอกให้อีกฝ่ายลองตรวจเช็คดูก่อน ศุภโชคยิ้มที่มุมปากขณะย่อตัวลงคุกเข่าข้างหนึ่งกับพื้นเพื่อเปิดดูหนังสือในกล่องพร้อมๆ กับที่กฤตตะวันเองก็ย่อตัวลงนั่งแล้วคว้าข้อมือของศุภโชคที่กำลังจะเปิดกล่องหนังสือเอาไว้พลางบีบเต็มแรง แต่ก่อนที่อีกฝ่ายจะได้ร้องโวยวายชายหนุ่มก็กระซิบเตือนด้วยน้ำเสียงราบเรียบทว่าเยือกเย็นในขณะที่ใบหน้าคมเข้มยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มว่า

“ถ้าขืนนายแหกปากร้องโวยวายนายได้เจ็บตัวมากกว่านี้แน่ เพราะว่าฉันสามารถหักข้อมือของนายได้ในพริบตาเดียวแบบสบายๆ เลย นี่เป็นการสั่งสอนที่นายบังอาจแกล้งฉันก่อน” ชายหุน่มปล่อยมือตนเองจากข้อมือของศุภโชคพลางขยับลุกขึ้นยืน

“เชิญนายตรวจดูหนังสือตามสบายนะขาดเหลืออะไรอีกก็บอกได้ แต่ถ้าครบแล้วเดี๋ยวฉันจะมาช่วยยกไปให้พี่วรรณคิดเงินที่เคาเตอร์เอง” พูดจบกฤตตะวันก็หมุนตัวเตรียมจะเดินไปต้อนรับลูกค้าที่กำลังเดินเข้ามาในร้าน แต่ศุภโชคกลับผุดลุกขึ้นยืนอย่างโกรธจัดพร้อมทั้งเรียกเขาเอาไว้

“เดี๋ยวก่อนไอ้กฤตตะวัน”

เมื่อกฤตตะวันหันกลับไปตามเสียงเรียกของอีกฝ่ายโดยไม่ทันระวังตัว ศุภโชคก็ปล่อยหมัดเข้าใส่ใบหน้าของเขาเต็มแรง

พลั่ก!!!

ใบหน้าของกฤตตะวันสะบัดไปตามแรงหมัดของอีกฝ่ายทันที พร้อมทั้งเสียงหวีดร้องอุทานด้วยความตกใจของลูกค้าภายในร้านว่าคนชกกัน

กฤตตะวันรู้สึกแสบบริเวณโหนกแก้มทางด้านซ้ายใต้ตาขึ้นมาทันทีเนื่องจากโดนหัวแหวนของศุภโชคขูดเป็นรอยยาวประมาณสองนิ้วและมีเลือดไหลซึมออกมาเล็กน้อย

ชายหนุ่มเกือบจะยกกำปั้นขึ้นซัดใส่ใบหน้าของอีกฝ่ายกลับไปแล้วถ้าหากว่าเขาไม่เหลือบไปเห็นว่าศันลิตากับคนอื่นๆ กำลังก้าวตรงมาทางเขากับศุภโชคเสียก่อน แต่ศุภโชคยังไม่รู้ตัวเนื่องจากยืนหันหลังอยู่ดังนั้นชายหนุ่มจึงยิ้มพลางพูดท้าทายอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเบาๆ ที่ได้ยินกันเพียงสองคนว่า

“นายมันก็ดีแต่ลอบกัด แน่จริงนายก็ชกฉันซึ่งๆ หน้าสิ”

“แกท้าฉันเหรอ!” ศุภโชคร้องขึ้นอย่างโกรธจัดก่อนจะเงื้อกำปั้นซัดหมัดเข้าใส่ใบหน้าของกฤตตะวันอีกครั้ง แล้วใบหน้าของกฤตตะวันก็สะบัดเช่นเดียวกับครั้งแรก เพียงแต่แตกต่างกันตรงที่ครั้งนี้ชายหนุ่มระวังตัวอยู่แล้วเขาจึงจงใจสะบัดหน้าก่อนที่หมัดของศุภโชคจะได้สัมผัสกับใบหน้าของเขา ดังนั้นจึงเท่ากับว่าศุภโชคชกลมแต่แน่นอนว่าจากภาพที่เห็นไม่มีใครเข้าใจแบบนั้น

“หยุดนะคุณโชค!” ศันลิตาร้องสั่งขึ้นด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดพลางก้าวเข้ามายืนบังร่างของกฤตตะวันอาไว้ พลางต่อว่าอีกฝ่าย “คุณอย่ามาทำตัวเป็นอันธพาลในร้านฉันนะ”

“คุณต้า...แต่หมอนี่มันแกล้งผมก่อนนะมัน...” ศุภโชคเถียงและพยายามจะเล่าว่ากฤตตะวันแกล้งเขาอย่างไรเมื่อครู่นี้แต่ก็ไม่มีโอกาสได้พูดเมื่อหญิงสาวชิงพูดขึ้นเสียก่อน

“แต่ที่ฉันเห็นก็คือคุณชกคุณกฤตก่อน แล้วคุณก็ยังจะชกซ้ำอีกครั้งโดยที่คุณกฤตยังไม่ได้ต่อสู้เลยนะคุณศุภโชค”

“ก็มันท้าผมนี่” ศุภโชคเถียงไม่เต็มเสียงนักเพราะเขาเป็นคนชกกฤตตะวันก่อนจริงๆ แต่ที่เขาจะชกซ้ำอีกครั้งหนึ่งก็เพราะถูกอีกฝ่ายท้าทายแถมครั้งที่สองเขายังชกลมอีกต่างหาก

“เฮ้อ! เอาล่ะๆ ฉันคิดว่าคุณควรกลับบ้านไปสงบสติอารมณ์ตัวเองก่อนดีกว่านะคุณศุภโชค”

“คุณต้า! นี่คุณไล่ผมเหรอ” ศุภโชคชัยโวยวายด้วยน้ำเสียงไม่พอใจที่ศันลิตาไล่เขาอย่างสุภาพ ในขณะที่ศิริวรรณ วีณา และชัยพรสบตากันด้วยความประหลาดใจและคาดไม่ถึง เพราะตลอดระยะเวลาหลายปีที่ศุภโชคตามจีบศันลิตามา ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะเบื่อหน่ายและรำคาญอีกฝ่ายมากมายขนาดไหนแต่ก็ไม่มีใครเคยเห็นศันลิตาเอ่ยปากไล่ศุภโชคตรงๆ แบบนี้เลยสักครั้ง อย่างมากศันลิตาก็แค่เดินหนีตัดความรำคาญไปสักพักเท่านั้นเอง

ส่วนกฤตตะวันนั้นหันไปแอบอมยิ้มอยู่คนเดียวอย่างพอใจที่แผนแก้เผ็ดของเขาสำเร็จเกินคาด ไม่เสียแรงที่เขายอมถูกศุภโชคชกหน้าเพราะได้ผลเกินคุ้มจริงๆ ตอนนี้เขากำลังเป็นพระเอกในขณะที่ศุภโชคกลายเป็นตัวร้ายไปแล้ว ศันลิตาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะพูดกับศุภโชคด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า

“ฉันไม่ได้ไล่คุณค่ะ แต่ฉันขอให้คุณกลับบ้านไปสงบสติอารมณ์ต่างหาก อย่ามาหาเรื่องในร้านฉันช่วยเห็นใจฉันแล้วก็ลูกค้าคนอื่นๆ ด้วย” เมื่อพูดกับศุภโชคจบหญิงสาวก็หันมาพูดกับกฤตตะวันว่า “หน้าคุณเป็นแผล เข้าไปหลังร้านก่อนเดี๋ยวฉันจะล้างแผลแล้วก็ใส่ยาให้”

กฤตตะวันพยักหน้าก่อนจะเดินตามหญิงสาวไปอย่างว่าง่าย ในขณะที่ศุภโชคพยายามร้องเรียกศันลิตาเอาไว้พลางทำท่าจะเดินตามหญิงสาวไป ชัยพรจับบ่าของเขาเอาไว้แล้วพูดจาขอร้องให้ศุภโชคกลับไปก่อนเช่นเดียวกับศิริวรรณ แต่ศุภโชคก็พยายามฟ้องทั้งสองคนว่ากฤตตะวันแกล้งตนเอง ชัยพรถอนหายใจเบาๆ พลางมองสบตาชายหนุ่มรุ่นน้องก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า

“ใครแกล้งใครก่อนคุณโชคกับคุณกฤตก็ต้องรู้อยู่แก่ใจตัวเองดี แต่ที่พวกผมเห็นก็คือคุณเป็นคนชกคุณกฤตก่อนนะครับคุณปฏิเสธไม่ได้เลย” คำพูดของชัยพรทำให้ศุภโชคต้องหลบตาอีกฝ่ายทันที เพราะความจริงแล้วเขาคือคนที่เริ่มต้นกลั่นแกล้งกฤตตะวันก่อนจึงเป็นเหตุให้ถูกอีกฝ่ายกลั่นแกล้งกลับคืน

“กลับไปก่อนนะคะคุณโชค ถือว่าพี่ขอร้องนะคะ...” ศิริวรรณขอร้องชายหนุ่มอีกครั้ง

ศุภโชคมองหน้าศิริวรรณกับชัยพรด้วยแววตาขุ่นเคืองก่อนจะเดินกระแทกเท้าออกไปจากร้าน ท่ามกลางความโล่งใจของศิริวรรณ ชัยพร และวีณาซึ่งพากันถอนหายใจคนละเฮือกสองเฮือกอย่างโล่งใจ ก่อนจะรีบพากันหันไปขอโทษขอโพยลูกค้าที่อยู่ในร้านเป็นการใหญ่

“สรุปว่าเดี๋ยวพวกเราต้องช่วยกันขนกล่องหนังสือพวกนี้ขึ้นไปเก็บใช่มั้ยคะเนี่ย” วีณาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ ซึ่งชัยพรกับศิริวรรณก็พยักหน้ารับอย่างเซ็งพอกัน

“พี่ชัยกับพี่วรรณว่าใครแกล้งกันก่อนคะระหว่างระหว่างคุณกฤตกับคุณโชค” วีณาถามชัยพรกับศิริวรรณ

“คุณโชคแกล้งคุณกฤตก่อน เรื่องสั่งหนังสือนั่นไง...” ศิริวรรณตอบ

“ใช่วรรณพูดถูก แต่คุณกฤตก็เอาคืนคุณโชคเหมือนกันนะเมื่อกี๊พี่เห็น” ชัยพรพูดขึ้น

“เห็นอะไรคะพี่ชัย” วีณาซักทันที ศิริวรรณเองก็รอฟังคำตอบอย่างสนใจเช่นกัน

ชัยพรเล่าให้สองสาวฟังว่าเขาเห็นกฤตตะวันบีบข้อมือศุภโชคโชคตอนที่สองหนุ่มนั่งลงตรวจหนังสือในกล่อง พอกฤตตะวันปล่อยข้อมือศุภโชคแล้วลุกขึ้นยืนจึงถูกอีกฝ่ายชกเพราะไม่ทันระวังตัว

“เฮ้อ! คนหนึ่งก็จอมโวยวายส่วนอีกคนก็เจ้าเล่ห์แสบพอกันเลย แต่คุณโชคเสียเปรียบเห็นๆ เพราะดันชกหน้าคุณกฤตก่อนแล้วคุณกฤตก็ไม่สู้ซะด้วย” ศิริวรรณพูดพลางส่ายหน้าอย่างระอาใจ

“เพราะคุณกฤตฉลาดไงถึงไม่ยอมสู้กับคุณโชค ตอนนี้ก็เลยได้คะแนนเห็นใจจากต้าไปเต็มๆ”

“วรรณก็ว่างั้นแหละค่ะคุณโชคตามเกมคุณกฤตไม่ทันจริงๆ” ศิริวรรณสรุปในที่สุด ก่อนที่วีณาจะพูดขึ้นว่า

“แต่ที่แน่ๆ ณาว่าพรุ่งนี้ร้านเราต้องได้เป็นหัวข้อสนทนาของขาเม้าท์เจ้าประจำแถวนี้แน่นอนค่ะ”

“พี่เห็นด้วยอย่างยิ่ง” ชัยพรสนับสนุนคำพูดของวีณาก่อนที่ทั้งสองคนจะช่วยกันยกกล่องหนังสือขึ้นไปเก็บบนชั้นสองตามเดิม

ศันลิตาเดินนำกฤตตะวันเข้ามาทางด้านหลังร้านแล้วบอกให้เขานั่งรอครู่หนึ่งก่อนจะวิ่งขึ้นบันไดเพื่อไปหยิบยาซึ่งอยู่ในตู้ยาบนชั้นสามลงมาทำแผลให้ชายหนุ่ม ครู่หนึ่งหญิงสาวบอกก็กลับลงมาพร้อมถาดซึ่งมีขวดแอลกอฮอล์ ยาใส่แผล สำลี และพาสเตอร์ ศันลิตาวางถาดลงบนโต๊ะพลางทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวข้างๆ กับกฤตตะวันเพื่อความสะดวกในการทำแผลให้ชายหนุ่ม

“แสบนิดนึงนะคุณ” หญิงสาวพูดเมื่อใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เตรียมทำความสะอาดบาดแผล กฤตตะวันพยักหน้าแล้วนั่งนิ่งๆ ในขณะที่ศันลิตาทำแผลให้ พลางแอบมองสำรวจใบหน้าเรียวเนียนสวยไร้ไล่ลงไปทีละส่วนตั้งแต่ดวงตากลมโตรับกับคิ้วโก่งเรียว จมูกเล็กโด่งรั้นซึ่งบ่งบอกนิสัยของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี และสุดท้ายก็คือริมฝีปากเรียวบางจิ้มลิ้มสีชมพูระเรื่อตามธรรมชาติของหญิงสาว ซึ่งกฤตตะวันอยากจะรู้นักว่ามันจะนุ่มนวลมากขนาดไหนถ้าหากเขาได้สัมผัสด้วยริมฝีปากตนเอง

“ทำไมคุณถึงปล่อยให้คุณโชคชกหน้าตั้งสองครั้ง ฉันว่าถ้าคุณจะป้องกันตัวจริงๆ คุณโชคก็คงไม่มีทางสู้กับคุณได้อยู่แล้ว” หญิงสาวถามขึ้นเมื่อเริ่มใช้สำลีชุบยาใส่แผลมาแตะลงบนบาดแผลของชายหนุ่มอย่างเบามือ

คำถามของศันลิตาทำให้กฤตตะวันหลุดออกจากภวังค์ความคิดของตัวเองชายหนุ่มอมยิ้มเล็กน้อยอย่างขบขันกับความคิดพลั้งเผลอไปไกลเมื่อครู่ของตนเองก่อนจะตอบคำถามหญิงสาว

“ก็คุณบอกว่าลูกค้าคือพระเจ้านี่ แล้วจะให้ผมไปทำอะไรหมอนั่นได้ยังไงกัน”

“เฮ้อ! ถึงฉันจะพูดอย่างนั้นก็จริง แต่ฉันก็ไม่ได้บอกให้คุณยืนอยู่เฉยๆ ปล่อยให้เค้าชกโดยไม่ป้องกันตัวซะหน่อย”

“ช่างเถอะผมถือคติว่า แพ้เป็นพระชนะเป็นมาร” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ ในลำคอพลางพูดอย่างอารมณ์ดี

“ฉันว่าคุณต่างหากที่เป็นมาร ส่วนคุณโชคน่ะเป็นเหยื่อ คุณนึกว่าฉันจะเชื่อเหรอว่าอยู่ดีๆ คุณโชคจะกล้าลุกขึ้นมาชกหน้าคุณก่อน เค้าไม่ใจกล้าบ้าบิ่นถึงขนาดนั้นหรอก ฉันว่าคนเจ้าเล่ห์อย่างคุณต้องทำอะไรคุณโชคสักอย่างแน่ๆ” ศันลิตาดักคอชายหนุ่มอย่างรู้ทัน

“โห! เรื่องอะไรคุณมาใส่ความผมแบบนี้ ไม่มีหลักฐานซักหน่อย” กฤตตะวันแกล้งโวยวาย

“ก็เพราะคุณเจ้าเล่ห์แล้วก็ชอบกวนประสาทคนไง ฉันรู้นิสัยคุณดีหรอกน่า”

“ถ้าคุณคิดว่าผมทำอะไรหมอนั่นก่อน แล้วทำไมคุณถึงเข้าข้างผมพาผมเข้ามาทำแผลล่ะ” กฤตตะวันถามริมฝีปากรูปกระจับของเขาแย้มยิ้มชวนมองในขณะที่สบตากับหญิงสาวนิ่ง

ศันลิตานั่งอึ้งไปครู่หนึ่งเมื่อประสานสายตากับดวงตาเรียวรีคู่คมสวยเป็นประกายพราวระยับของชายหนุ่มในระยะใกล้ หญิงสาวรีบแปะพลาสเตอร์บนใบหน้ากฤตตะวันแล้วขยับออกห่างจากร่างสูงทันที เพราะรู้สึกว่าขณะนี้เธอกับเขากำลังนั่งอยู่ใกล้ชิดกันในระยะอันตรายมากเกินไป

“ก็คุณมาถูกคนชกในร้านฉัน ฉันก็ต้องช่วยดูแลแล้วก็ทำแผลให้คุณสิ”

“หาเหตุผลที่มันดีกว่านี้หน่อยสิคุณ เอาแบบที่ผมฟังแล้วประทับใจหน่อย” ชายหนุ่มพูดพลางมองสบตาหญิงสาวอยู่ตลอดเวลา ศันลิตามองค้อนเขาอย่างหมั่นไส้พลางถาม

“คุณจะเอาเหตุผลประทับใจอะไรอีก”

“ก็เป็นต้นว่า คุณเป็นห่วงผมไงไม่ใช่เหรอศันลิตา” กฤตตะวันย้อนถามหญิงสาวเสียงนุ่ม

“ฉันพูดตอนไหนว่าฉันเป็นห่วงคุณ แล้วตกลงคุณไปแกล้งอะไรคุณโชคกันแน่บอกฉันมาซะดีๆ นะ”

ศันลิตาคาดคั้นถามในตอนท้ายประโยคเสียงเข้ม กฤตตะวันยอมบอกความจริงกับหญิงสาวส่วนหนึ่งซึ่งก็คือเรื่องที่เขาแกล้งบีบข้อมือศุภโชค แต่ชายหนุ่มไม่ยอมเล่าส่วนหลังที่เขาแกล้งยั่วให้อีกฝ่ายชกโดยไม่ยอมตอบโต้กลับเพื่อให้ทุกคนเห็นใจ ศันลิตาส่ายหน้าอย่างระอาใจพลางบ่น

“คุณนี่นอกจากจะกวนประสาทแล้วยังเจ้าเล่ห์แสนกลอีกนะ ฉันไม่แปลกใจแล้วล่ะว่าทำไมคุณโชคถึงได้กล้าบ้าบิ่นขนาดชกหน้าคุณได้เหลือเกินจริงๆ เลย”

“ก็หมอนั่นแกล้งให้ผมหาหนังสือนี่นา ผมก็ต้องเอาคืนบ้างสิคุณ” กฤตตะวันแย้ง

“ฉันรู้แล้วน่า เอาเถอะในเมื่อพวกคุณต่างคนต่างแกล้งกันก็ถือว่าเสมอกันแล้วนะ คราวหน้าคราวหลังคุณก็พยายามอดทนหน่อย อย่าเอาคืนกันจนถึงขนาดมีเรื่องชกต่อยกันแบบวันนี้อีกฉันไม่ชอบ” ศันลิตาบอก

“ได้ครับ รับรองว่าคราวหน้าคราวหลังผมจะไม่เอาคืนหมอนั่นอีกเด็ดขาดผมสัญญาคุณศันลิตาสุดที่รัก” ศันลิตาถลึงตาใส่ชายหนุ่มทันทีเมื่อได้ยินคำพูดท้ายประโยคของเขาพลางถามเสียงขุ่น

“ใครเป็นสุดที่รักของคุณ”

“ก็คุณไงเราเป็นแฟนกันคุณลืมแล้วเหรอ” ชายหนุ่มแกล้งแหย่คนที่กำลังมองเขาตาเขียวปั๊ดอย่างนึกสนุก

“ถ้าไม่อยากปากแตกเพิ่มกรุณาอย่าเรียกฉันแบบนั้นอีก เพราะว่าฉันกับคุณไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆ” พูดจบศันลิตาก็เดินยกถาดอุปกรณ์ทำแผลเดินกลับขึ้นไปเก็บข้างบนทันที ในขณะที่กฤตตะวันยืนมองตามร่างเพรียวระหงไปพลางหัวเราะอย่างขบขันอยู่คนเดียวกับท่าทางโกรธของหญิงสาว



แก้วแสงจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 มิ.ย. 2557, 22:03:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 มิ.ย. 2557, 22:03:59 น.

จำนวนการเข้าชม : 1138





<< ตอนที่ 11   ตอนที่ 13 >>
yimyum 14 มิ.ย. 2557, 23:30:23 น.
อ้าวๆๆ กฤตตะวันเจ้าเล่ห์ได้ใจมากกกค่ะ


ร้อยวจี 15 มิ.ย. 2557, 07:31:11 น.
อยากรู้ผลการตรวจบัญชีจังค่ะ (อย่าปล่อยคนชั่วลอยนวล)


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account