เงารักเงาใจ
เมื่อ...



เขาและเธอต้องใช้ชีวิตคู่โดยปราศจากความรัก





และ…



เขา ชายหนุ่มผู้ที่เคยพึงพอใจผู้หญิงอีกคนแต่กลับ

ต้องแต่งงานกับผู้หญิงอีกคน





ส่วน…

เธอ หญิงสาวผู้ชอกช้ำจากความรัก

และใช้การแต่งงานกับผู้ชายอีกคนเพื่อตัดใจจากคนรักเก่า





แต่…

จะเป็นเช่นไรเมื่อคนที่เขาพยายามลืมกลับจำ

และ...คนที่เป็นรักแรกของเธอต้องการจะรื้อฟื้น





เรามาช่วยกันลุ้นกับพวกเขาสองคนว่า

จะสามารถฟันฝ่า อุปสรรคไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่

ใน นิยายรักดราม่า

เงารักเงาใจ

(เปลี่ยนชื่อจากสุดรักจากใจ)




Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: เงารักเงาใจ ตอนที่ 1 50 เปอร์เซ็นต์




ตอนที่ 1



ในห้องๆ หนึ่ง ถูกจัดไว้สำหรับเป็นห้องแต่งตัวเจ้าสาว ค่ำคืนนี้คงจะมีผู้หญิงมากมายที่กำลังอิจฉาเธอกับการเป็นเจ้าสาวของภาคดนัย อภิมหาบวรทรัพย์ ทายาทร้อยล้านของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์



ร่างเล็กหุ่นนางแบบยังคงนั่งหน้าเศร้าอยู่บนเตียงนอนใหญ่หลังจากเพิ่งผ่านการแต่งหน้าจากช่างสาวประเภทสอง สายตาเหม่อลอย สีหน้าไร้แววของคนกำลังมีความสุข ความจริงวินาทีนี้เธอควรจะมีความสุขมากกว่าใคร สองมือเล็กกำเข้าหากัน แววตาที่กำลังวิตกกับอะไรบางอย่างกระทั่งเสียงของช่างแต่งหน้าดังขึ้น



“อุ้ย ตายแล้ว คุณปรางค์ ยังไม่รีบแต่งตัวอีกหรือฮะ งานใกล้จะเริ่มแล้วนะฮะ”



สุปรางวดีชะงักมองคนถามตาละห้อย ไม่นานเธอก็ถูกช่างคนเดิมลากให้ไปแต่งตัว “ไม่เอานะฮะ เวลานี้คุณปรางค์ควรจะอยู่ในชุดเจ้าสาวเรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่ยังอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำนี่” ช่างแต่งหน้าประเภทสองดันสุปรางวดีเข้าไปในห้องน้ำ หยิบชุดเจ้าสาวมาให้เธอ ปากยังกำชับ



“รีบแต่งตัวนะฮะ เจ๊จะรออยู่ด้านนอก เสร็จแล้วรีบออกมาเลยนะฮะ” สิ้นคำพูดของช่างแต่งหน้า ประตูห้องน้ำก็ปิดทันที สุปรางวดียืนกอดชุดเจ้าสาวในมือ มองตัวเองในกระจกเห็นใบหน้าและแววตายังคงวิตกกังวลอยู่



ในขณะห้องอีกฝั่งเป็นห้องไว้สำหรับเจ้าบ่าว สูทสีขาวถูกมือหนาสวมใส่เป็นลำดับสุดท้าย ภาคดนัย อภิมหาบวรทรัพย์ยืนดูความเรียบร้อยของตัวเองหน้ากระจกบานเท่าความสูงของเขา โดยมีสายตาของเลขาหนุ่มคอยดูความเรียบร้อยอีกคน



“น่าเสียดายจริงๆ นี่ถ้างานแต่งนี้ไม่มีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยว ผมจะคิดว่ามันเป็นงานแต่งที่สมบูรณ์แบบและดูดีที่สุด” สกลเอ่ย



“ก็ไม่ต้องคิดสิคุณสกล ลืมๆ มันไปซะบ้าง คิดแต่บางเรื่องที่ควรจะจำ” ภาคดนัยหันมาตอบสีหน้าราบเรียบไม่สะทกสะท้าน



สกลส่ายหน้าให้คนตอบเดินมาหยิบเนกไทให้เจ้านาย ในใจมีคำถามมากมายที่อยากจะถามแต่จนป่านนี้สกลก็ยังไม่กล้าพอ แม้ว่าตนจะทำงานกับภาคดนัยหลายปี ได้เห็นว่าเจ้านายหนุ่มของเขาเป็นนักธุรกิจไฟแรงและบ้างาน ที่สำคัญเขาไม่เคยเห็นเจ้านายของเขาจะทุ่มเทให้กับเรื่องไหนเท่ากับเรื่องนี้ถึงขนาดยอมแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้รัก อย่าว่าแต่รักเลยแม้แต่เจอหน้ากันก็ยังไม่เคยเลย มีแต่จะรู้จักชื่อเสียงเรียงนามกันผ่านคนรอบตัว



“บอกตรงๆ นะครับว่าผมทึ่งในการตัดสินใจที่เสียสละของบอสจริงๆ เพื่องานบอสยอมลงทุนแต่งงานกับลูกสาวของผู้ร่วมหุ้น”

“แล้วคุณมีความคิดเห็นยังไงกับเรื่องนี้” ภาคดนัยถามซ้ำสีหน้าแน่นิ่ง รอฟังคำตอบจากเลขาของเขา



“ผมไม่มีความคิดเห็นครับ เท่าที่ผมสืบประวัติของคุณบวรกับลูกสาว ครอบครัวนี้ไม่มีเรื่องราวอะไรให้เสื่อมเสีย คุณบวรเป็นนักลงทุน ธุรกิจอีกหลายแห่งในกรุงเทพก็มีเขาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ด้วยอีกหลายที่”



“งั้นที่ผมตัดสินใจแต่งงานกับลูกสาวของคุณบวรก็เป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดสินะ เพราะยังไงกำไรก็ลอยมาเห็นๆ”



สกลอ้าปากค้าง แล้วยิ้มแหยงๆ ไม่รู้จะหาคำพูดอะไรมาเอ่ยกับเจ้านายเขา แต่สกลก็เข้าใจว่าที่ภาคดนัยมีนิสัยแบบนี้เป็นผลมาจากถูกสอนให้เป็นแบบนั้น จากผู้เป็นบิดาท่านบอสคนก่อนผู้ล่าลับไปแล้ว



ใกล้ถึงเวลาที่เจ้าบ่าวจะต้องลงไปต้อนรับแขกในงานแล้ว สกลจึงทำหน้าที่เปิดประตูให้เจ้านายหนุ่ม ฝีเท้าหนาเดินสาวมาถึงประตูที่ลูกน้องเปิดคาไว้ก่อนจะนึกขึ้นได้เอ่ยกับสกล “สกล พรุ่งนี้ตอนบ่ายผมจะเข้าโรงงาน ว่าจะเข้าไปตรวจสินค้าด้วยมือของผมเองก่อนจะกระจายส่งให้ลูกค้าตามออเดอร์ ยังไงคุณไปช่วยเช็คของกับผมด้วย อ้อ แล้วก็โทรไปหาคุณวิวัฒน์ให้เขาไปรอพบผมที่นั่นด้วย ผมมีธุระจะคุยกับเขา”

“ได้ครับ ผมจะรีบจัดการแต่ว่าพรุ่งนี้วันหยุดนี่ครับ เอ บอสไม่พาภรรยาไปเที่ยวไหนหรือครับ เพิ่งแต่งงานกันน่าจะอยากมีเวลาอยู่ด้วยกันมากกว่า” สกลว่านัยน์ตาแพรวพราว แต่ฟังเจ้านายเขาตอบแล้วหนักใจแทน



“เรื่องพาภรรยาไปเที่ยว วันไหนก็พาไปได้ ไม่จำเป็นต้องไปพรุ่งนี้” คนตอบหน้าตาเฉยราวกับไม่เข้าใจคำพูดของลูกน้อง สกลเกาหัวเดินตามหลังมาถึงจนถึงลิฟต์ กดลิฟต์รอสักพัก



“ผมทึ่งในตัวบอสจริงๆ หน้าตาเจ้าสาวก็ยังไม่เคยเจอ แถมไปคุยธุระกับคุณบวร แค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ได้ลูกสาวของเขามาเป็นเจ้าสาว บอกตามตรงว่าผมตามบอสไม่ทันจริงๆ”



ภาคดนัยสบตาเลขาแต่ไม่ตอบอะไรจนลิฟต์เปิดถึงก้าวเข้าไป สกลทำหน้าอยากรู้แต่ก็ก้าวตามหลังเข้าลิฟต์ไปอีกคน ขณะที่ลิฟต์กำลังจะปิดเสียงแหบๆ ก็ดังขึ้น



“เดี๋ยวฮะ รอด้วยฮะ” เสียงนั้นปรากฏร่างของกระเทย สกลกดลิฟต์ค้างไว้ก่อนจะมองกระเทยที่กำลังพาร่างหนึ่งมาด้วย





ชุดเกาะอกหรูสีขาวฝั่งเพชรเม็ดเล็กๆ เต็มชุด กระโปรงบานปิดเท้าจนต้องมีคนช่วยถือท้ายกระโปรง สกลมองตาค้างก่อนจะปรายตามองที่เจ้านายของตนเองเห็นยืนมองด้วยสายตาแปลกๆ เช่นกัน ฝ่ายภาคดนัยก็กำลังมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยแววตาแน่นิ่ง เลื่อนมองไปเรื่อยๆ กระทั่งจบลงที่เครื่องเพชรที่เธอสวมอยู่ สุปรางวดีก็มองภาคดนัยแวบหนึ่งก่อนจะหันไปมองทางอื่น



“เออ ขอเข้าไปด้วยนะฮะ” กระเทยคนเดิมบอก



ภาคดนัยกับสกลขยับถอยหลังให้คนมาใหม่ได้เข้ามาก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิด สุปรางวดียืนข้างหน้าภาคดนัยไม่ได้เอะใจเลยสักนิดว่าผู้ชายในสูทขาวดูดีคนนั้นคือเจ้าบ่าวของเธอ ในทางกลับกันคนที่ยืนตัวตรงข้างหลังเธอกลับรู้ตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นเครื่องเพชรชุดนั้นว่าผู้หญิงในชุดเจ้าสาวคนนี้คือสุปรางวดี ชัยชนะวัตร



ในลิฟต์ไม่มีใครพูดอะไรเลย สกลได้แต่สะกิดเจ้านายของเขาด้วยสายตา ดนัยภาคยังคงทำปั้นหน้านิ่งรอจนกระทั่งลิฟต์เปิดออก ช่างแต่งหน้าประเภทสองช่วยถือชายกระโปรง สุปรางวดีเดินออกจากลิฟต์เพื่อไปที่งานแต่ไม่ทันจะเดินเข้างานร่างของเธอก็เหมือนถูกดึงจากอะไรสักอย่าง มารู้อีกทีก็ตอนที่เธอตกไปอยู่ในอ้อมแขนของผู้ชายคนนั้นแล้ว ใบหน้าเรียวรูปไข่เอียงข้างเห็นเป็นผู้ชายในชุดขาวคนนั้น



“คุณ” สุปรางวดีพยายามจะแกะมือของเขาออกในทันที แต่เหมือนพลังมือของเธอจะน้อยไป ส่วนช่างแต่งหน้ากระเทยทำหน้าตาตื่นหมายจะเข้ามาแทรกแซงแต่ถูกสกลจับล๊อกคอแล้วลากออกไป ฝ่ายสุปรางวดียิ่งตกใจเมื่อเห็นคนของเธอถูกลากออกไปแล้ว หันมาถามผู้ชายที่กำลังกอดเธอน้ำเสียงดุๆ



“ปล่อยฉันนะคะ คุณมาทำแบบนี้กับฉันทำไม เราไม่รู้จักกัน อีกอย่างตอนนี้ฉันกำลังจะเข้าประตูวิวาห์ ฉันต้องไปหาเจ้าบ่าวของฉันเพราะเขากำลังรอฉันอยู่ ถ้าคุณเป็นแขกฝ่ายเจ้าบ่าวที่มางานแต่งงานของฉัน คุณก็ไม่ควรเสียมารยาทกับฉันแบบนี้”



“ใครว่าผมเสียมารยาท ถ้าคุณคือ สุปรางวดี ชัยชนะวัตร ผมก็มีสิทธิ์ในตัวคุณเต็มร้อย”



“สิทธิ์ สิทธิ์อะไร” สุปรางวดีเหมือนยังไม่เข้าใจ แม้แต่สายตาที่เธอมองเขาก็ยังไม่ไว้ใจ



ภาคดนัยหันไปมองซ้ายขวาเห็นแขกเริ่มมากันเยอะแล้วจึงไม่อยากเสียเวลา หากไม่เช่นนั้นเขาก็อยากจะแกล้งเธออยู่อีกสักพัก ชักอยากรู้ว่าผู้หญิงสวยคนนี้จะทำเช่นไรเมื่อถูกจู่โจมโดยชายแปลกหน้า ชายหนุ่มถอนหายใจไม่ลืมเอ่ยบางประโยคออกมา



“ถ้าคุณคือสุปรางวดี ชัยชนะวัตร คุณก็คือเจ้าสาวของผม ทีนี้คุณคงไม่คิดว่าผมเป็นโรคจิตใช่ไหม”



สุปรางวดีอ้าปากค้างเพราะนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเรื่องราวมันจะเป็นแบบนี้ ผู้ชายคนนี้ที่แท้ก็คือเจ้าบ่าวของเธอ ใบหน้าหวานเอียงหน้าหนี ตอบเสียงอ่อน “ฉันไม่ได้พูดซะหน่อยว่าคุณเป็นโรคจิต คุณคิดเองเออเอง” อีกฝ่ายโน้มหน้าลงมากระซิบข้างหู



“ไม่พูดแต่ผมรู้ว่าในใจคุณคิด”



สุปรางวดีหันกลับมา จังหวะนั้นเองจมูกโด่งๆ ของเขาก็เตะหน้าผากของเธอ หญิงสาวเบิกตากว้างพอๆ กับภาคดนัยที่เขาไม่มีความรู้สึกสั่นไหวแบบนี้มาก่อน เสียงชัตเตอร์ดังขึ้นจนคนทั้งสองต้องหันไปมองแล้วต่างก็ผละออกจากกันโดยเร็ว



สุปรางวดีรู้สึกหน้าร้อนวาบ หัวใจของเธอกำลังสั่นไหวกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น อดีตที่ผ่านมาบอกเธอว่าไม่ควรมอบหัวใจให้ใครอีกเพราะสักวันเธอจะต้องพบเจอกับความเจ็บปวดเหมือนอย่างที่เธอถูกคนรักหักหลังด้วยการไปแต่งงานกับผู้หญิงอื่นเพราะเงิน เธอจึงปักใจเชื่ออย่างสนิทใจว่าเงินสามารถซื้อความรักคนได้



ส่วนภาคดนัย เขาก็ได้แต่ยืนนิ่งให้ช่างภาพถ่ายรูป เอียงหน้ามองหญิงสาวที่อยู่ในชุดเจ้าสาวสวยสง่าคนนี้ น่าแปลก ผู้หญิงที่มีพร้อมอย่างสุปรางวดี ชัยชนะวัตรจะไม่มีคนรักและน่าแปลกที่คนอย่างเธอยอมแต่งงานกับเขาคนที่เธอไม่เคยได้เจอหน้าหรือรู้จักกันมาก่อน



เสียงชัตเตอร์ยังคงดังต่อเนื่อง แขกที่มางานต่างโฟกัสมาที่คู่บ่าวสาวเป็นจุดเดียว สายตาคมมองมาที่หญิงสาวก่อนจะยื่นมือไปหวังให้เธอแสดงบทบาทของการเป็นเจ้าสาวให้ดีที่สุด สุปรางวดีเข้าใจจึงยื่นมือไปจับมือหนาก่อนจะถูกเขาพาเดินเข้าไปในงานด้วยกัน



บทเพลงแสนหวานบรรเลงขึ้นเมื่อเห็นคู่บ่าวสาวเดินเข้ามา สองร่างเด่นสง่าท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่กำลังจับตามองมาอย่างชื่นชม ภาคดนัยกับสุปรางวดีก็ทำหน้าที่คู่บ่าวสาวเดินไปทักทายแขกที่โต๊ะเกือบทุกโต๊ะ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มจนไม่รู้ว่านั่นคือการแสแสร้งหรือแค่บทบาทหนึ่งที่ควรมีประดับไว้ในงานวิวาห์เท่านั้น



บวรกำลังนั่งอยู่โต๊ะเดียวกับพิสมัย อดปลื้มปิติไม่ได้ที่ได้เห็นลูกสาวที่รักเป็นฝังเป็นฝา เพราะเป็นกังวลกับเรื่องเดิมว่าสุปรางวดีจะไม่สามารถตัดใจจากผู้ชายที่เธอรัก แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดีเมื่อบวรได้หาผู้ชายที่ดีที่สุดให้สุปรางวดีผู้เป็นที่รักของเขา



“ต้องขอบคุณคุณบวรจริงๆ ที่ยกลูกสาวที่น่ารักอย่างหนูปรางค์ให้กับหลานชายดิฉัน ดนัยหลานของดิฉันช่างเป็นผู้ชายที่น่าอิจฉาที่สุด” พิศสมัยว่าพร้อมทั้งชมว่าสุปรางวดีว่าเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อม ฝ่ายบวรเองก็ไม่แพ้กัน



“ทางผมต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณพิศสมัยกับหลานชายที่เอ็นดูและรักลูกปรางค์ของผม ผมเลี้ยงแกมาโดยไม่ยอมมีเมียใหม่เพราะกลัวว่าแกจะเป็นเด็กมีปัญหา ผมยอมทำทุกอย่างเพื่อให้แกมีความสุขและลืมเรื่องราวที่แสนเจ็บปวด วันนี้ผมหมดห่วงแล้วจริงๆ ขอบคุณที่ให้สิ่งดีๆ กับลูกสาวของผม”



“ไม่จริงหรอกค่ะ ตระกูลของดิฉันต่างหากที่ควรจะเป็นฝ่ายขอบคุณคุณบวร เพราะคุณบวรทำให้เราสามารถยืนอยู่ในสังคมได้โดยไม่ถูกใครประณาม หาว่าเป็นตระกูลกาลกินี” พิศสมัยว่า สีหน้าไม่ค่อยสบายใจนัก บวรจับมือพิศสมัยเพื่อปลอบใจ



“ผมไม่เคยตัดสินใครที่คำพูดคนอื่น ผมเป็นเพื่อนและทำธุรกิจกับคุณพินิจมานานรู้เห็นถึงนิสัยใจคอว่าเป็นยังไง ถึงคุณพินิจจะถูกสังคมพูดในทางเสื่อมเสีย ผมก็ไม่เชื่อว่าคุณพินิจจะทำอย่างนั้น”



พิศสมัยยิ้มออกมา หยิบแก้วไวน์ขึ้นมาดื่มแล้วยิ้มให้บวร เอ่ยน้ำเสียงตลก

“ขอบคุณกันไปขอบคุณกันมาไม่จบไม่สิ้น ดิฉันว่าเรามาคุยเรื่องโครงการของเราที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้าต่อดีกว่านะคะ” พิศสมัยว่า ฝ่ายบวรได้แต่ยิ้ม





รถเบนคันหรูสีดำมืดจอดอยู่ริมฟุตบาต เจ้าของคนขับในชุดสูทสีดำทั้งชุดลงจากรถข้างๆ ก่อนจะมองไปยังสถานที่จัดงานซึ่งเป็นโรงแรมระดับติดดาวในเครืออภิมหาบวรทรัพย์ ผู้ที่เคยเป็นคู่แข่งคนสำคัญทางธุรกิจของเขา ประตูรถข้างคนขับเปิดออกโดยเจ้าของร่างงามในชุดราตรีสีฟ้าอ่อน ใบหน้าสวยหวานแต่ดวงตาเศร้า เธอคือธิดารัตน์ สิริชาติสกุล ภรรยาของเพชรกล้า สิริชาติสกุล



เพชรกล้าหันหลังมามองผู้หญิงที่เขาพามาด้วย แววตาเฉยชาและดูเกลียดชังเธอเป็นที่สุด เพราะผู้หญิงคนนี้ทำให้ความรักของเขาถูกซื้อด้วยเงิน ศักดิ์ศรีของเขามันหมดสิ้นลงตั้งแต่พ่อแม่ของเธอยัดเหยียดเงินจำนวนมากเพื่อแลกให้เขาแต่งงานกับเธอ แต่อะไรคงไม่สำคัญเท่ากับการที่เขาจะสามารถปลดหนี้สินให้กับครอบครัวตัวเอง



“อย่าเพิ่งหลงดีใจว่าที่ผมพาคุณออกงานสังคมเพราะผมอยากประกาศให้สังคมรู้ว่าคุณคือเมีย ต่อให้คนทั้งโลกรู้ว่าคุณเป็นเมียผม ผมก็ไม่มีทางเลิกรักสุปรางวดี ในเมื่อพ่อแม่ของคุณใช้หนี้สินของครอบครัวผมบังคับผมให้แต่งงานกับคุณ คุณก็จะได้แค่ใบทะเบียนสมรสแค่ใบเดียว อย่าหวังว่าคุณจะได้ตัวและหัวใจของผมเพราะคุณก็รู้ว่าผมรักแต่สุปรางวดีคนเดียวเท่านั้น”



คำพูดนั้นเน้นย้ำอยู่ทุกครั้ง และธิดารัตน์ฟังแล้วก็เจ็บแทบทุกครั้งแต่ยังคงฝืนยิ้ม เธอตกหลุมรักผู้ชายคนนี้มานานแล้วเพราะเพชรกล้าเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย เขาเป็นเดือนที่สาวๆ ทุกคนหมายปองรวมทั้งเธอด้วย เมื่อได้รู้ว่าครอบครัวของเขาเป็นหนี้ธนาคารของพ่อแม่เธอ หญิงสาวจึงอยากช่วยเหลือแต่ไม่คิดเลยว่าบิดามารดาของเธอจะใช้เรื่องแต่งงานกับเธอมาเป็นข้อต่อรองในการปลดหนี้ให้กับครอบครัวเขา



“คุณไม่ต้องย้ำก็ได้ เพราะฉันรู้ว่าคุณไม่เคยรักฉัน แม้แต่ความรู้สึกดีๆ คุณก็ไม่มีให้ ฉันเข้าใจและพร้อมที่จะอยู่ในส่วนของฉัน ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของคุณ”



“ก็ดี แต่ถ้าคุณพร้อมที่จะหย่ากับผมเมื่อไร ก็บอกมาได้เลย ผมรอเวลาที่ตัวเองจะเป็นอิสระทุกวินาที” เพชรกล้าเอ่ยจบก็เดินเข้างาน ไม่สนใจผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาของเขา

ธิดารัตน์ยืนทำใจอยู่สักพัก นึกคิดเสมอว่าสักวันเธอจะสามารถทำให้เพชรกล้ายอมรับในตัวเธอแม้มันจะยากเย็นแค่ไหนก็ตาม



ในงานทุกคนกำลังยิ้มให้กับคู่บ่าวสาวหลังจากถูกพิธีกรเชิญให้ขึ้นมาเอ่ยบนเวที สองร่างเดินเกี่ยวแขนกันขึ้นมาก่อนจะถูกพิธีกรถามขึ้น



“ถามเจ้าบ่าวก่อนเลยนะครับว่าประทับใจอะไรในตัวเจ้าสาวของคุณ” ภาคดนัยรับไมล์ลอยมาจากพิธีกร หันมาสบตาสุปรางวดี สายตาที่เลื่อนลอยไร้ความรู้สึกผิดกับคำพูดที่เขาเอ่ยออกมา “ถ้าถามว่าผมประทับใจอะไรในตัวเจ้าสาวของผม ขอบอกเลยนะครับว่าผมเองก็ตอบไม่ได้ ผมรู้แค่ว่าผู้หญิงคนนี้ทำให้ผมได้คิดถึงเรื่องแต่งงาน สำหรับผมแล้วเธอเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อม คู่ควรและมีค่ากับผม” สิ้นคำพูดของภาคดนัย เสียงปรบมือก็ดังไปทั่วงาน มีเพียงเพชรกล้าคนเดียวที่ไม่ได้ปรบมือยินดีไปกับคำพูดสรรเสริญของเจ้าบ่าวกลับรู้สึกเกลียดขี้หน้าภาคดนัยด้วยซ้ำ ภาคดนัยยื่นไมล์ให้พิธีกร



“ปรบมืออีกครั้งให้กับคำพูดแสนดูดีของเจ้าบ่าวครับ แหม เจ้าบ่าวตอบไม่ได้ว่ารู้สึกประทับใจอะไรในตัวเจ้าสาวแต่บอกว่าเจ้าสาวเพียบพร้อม คู่ควรและมีค่ากับเขามาก ช่างน่าปราบปลื้มใจแทนเจ้าสาวจริงๆ เลยนะครับ เอาละครับเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาฟังคำพูดของเจ้าสาวต่อเลยนะครับ เจ้าสาวครับ คุณพร้อมไหมที่จะฝากชีวิตทั้งชีวิตของคุณให้กับผู้ชายคนนี้ คนที่ยืนอยู่ข้างๆ คุณ คนที่คุณยอมตกลงเป็นเจ้าสาวให้เขา คำถามอาจจะยาวไปสักนิดนะครับแต่ตอบสั้นๆ ก็ได้ครับ ไม่ว่ากัน” พิธีกรมีขำส่งท้ายประโยคก่อนจะยื่นไมล์ลอยให้เจ้าสาว



สุปรางวดีรับมาถือ มองหน้าภาคดนัยแวบหนึ่งก่อนจะหันหน้ามองแขกในงานที่ต่างกำลังลุ้นกับคำตอบของเธอ แล้วสายตาหวานก็แน่นิ่งมองตรงไปที่ศูนย์กลางของห้อง เห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังยืนมองเธออยู่ หัวใจที่ว่าเข้มแข็งในตอนนี้แค่เพียงได้เห็นหน้าเขา หัวใจของเธอก็สั่นไหวขึ้นอีกครั้ง มือเล็กกำไมล์แน่น สีหน้าดูไม่สู้ดี ภาคดนัยลอบเห็นอาการที่แสดงความวิตกของเธอจึงดึงร่างเล็กเข้ามาโอบไว้ เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้สุปรางวดีเริ่มมีสติ หายใจเข้าลึกๆ แล้วเอ่ย



“ต่อจากนี้ไป ไม่ว่าชีวิตของฉันจะสุขหรือทุกข์ ไม่ว่าจะต้องเจอกับอะไรที่นักหนาแค่ไหน ฉันก็จะขอฝากตัวและหัวใจของฉันให้กับผู้ชายคนนี้ คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉัน คนที่กำลังโอบกอดฉันด้วยมือที่แสนอบอุ่น เพราะฉันเชื่อค่ะว่าเขาจะไม่ทอดทิ้งฉัน จะไม่ทำให้ฉันเสียใจและเสียน้ำตา”



เสียงปรบมือดังขึ้น สุปรางวดียิ้มเศร้าไม่มีใครรู้ว่าเธอรู้สึกอย่างไรในตอนนี้ แม้แต่เพชรกล้าที่กำลังยืนมองเธอด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าคมก้มหน้านิ่งแล้วหันหลังเดินจากไปคิดว่าสุปรางวดีตัดใจจากเขาได้แล้ว สุปรางวดีน้ำตาไหลจนถูกพิธีกรแซว



“แหม ช่างเป็นอะไรที่น่าประทับใจจริงๆ ไม่เช่นนั้นเจ้าสาวของเราคงไม่เสียน้ำตา ขอให้แขกผู้มีเกียรติทุกท่านร่วมดื่มเฉลิมฉลองให้กับคู่บ่าวสาวของเราในค่ำคืนนี้ด้วยครับ” ไวน์ขาวสองแก้วถูกเอามามอบให้คู่บ่าวสาว ภาคดนัยชนแก้วกับสุปรางวดีก่อนทั้งสองจะไขว้มือเธอแล้วดื่มไวน์ไปจนหมดแก้ว



“เอาละครับแล้ววินาทีที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง ได้เวลาที่คู่บ่าวสาวจะมอบแหวนให้แก่กัน ขอเชิญคู่บ่าวสาวหยิบแหวนขึ้นมาแล้วสวมมอบให้แก่กันบนเวทีนี้ได้เลยครับ” พิธีกรเอ่ยจบ



กรงแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 มิ.ย. 2557, 13:20:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 มิ.ย. 2557, 02:15:57 น.

จำนวนการเข้าชม : 1197





<< บทนำ ต่อ   เงารักเงาใจ ตอนที่ 1 100 เปอร์เซ็นต์ >>
Zephyr 15 มิ.ย. 2557, 19:05:13 น.
เปิดเรื่องก็แรงแล้วค่ะ อิอิ ดีค่ะเรื่องเดินเร็วดี เราชอบ
แต่นี่ 25 % ยาวขนาดนี้ เต็ม100 คงยาวกว่านี้?
5555 ถูกใจคนอ่านชอบยาวๆๆๆ


กรงแก้ว 16 มิ.ย. 2557, 02:13:50 น.
ดีใจที่ชอบนะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account