อ้อนรักเดิมพันหัวใจ (สนพ.กรีนมายด์)
เพราะการพบกันครั้งแรกเป็นเหตุการณ์ที่ไม่น่าประทับใจสำหรับ “ศันลิตา” หญิงสาวสวยน่ารักเจ้าของร้านหนังสือจึงทำให้เธอรู้สึกหมั่นไส้ “กฤตตะวัน” หนุ่มหล่อขี้เก๊กเจ้าแผนการ โดยไม่รู้ว่าเขาคือทายาทบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังแห่งหนึ่ง เพราะความจำเป็นทำให้กฤตตะวันต้องเข้ามาเป็นพนักงานขายในร้านหนังสือเพื่อแลกกับความช่วยเหลือบางอย่างจากศันลิตา เกมรักที่มีหัวใจเป็นเดิมพันจึงเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับความจริงซึ่งนำพาไปสู่อันตราย
“พูดแบบนี้แสดงว่าคุณไม่กล้าเดิมพันกับผม เพราะกลัวว่าจะหลงรักผมใช่มั้ยล่ะ” กฤตตะวันถามพลางมองสบตาหญิงสาวอย่างท้าทาย
“อย่างฉันเนี่ยนะต้องกลัวหลงรักคุณ รู้จักศันลิตาน้อยไปซะแล้ว ตกลงฉันรับเดิมพันกับคุณแต่ถ้าครบกำหนดสามเดือนแล้วคุณไม่สามารถทำให้ฉันพูดว่ารักคุณได้ ต่อไปคุณห้ามมายุ่งวุ่นวายกับฉันอีกนะ” ศันลิตาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ในขณะที่กฤตตะวันคลี่ยิ้มอย่างสมหวังดวงตาคู่คมเป็นประกายพราวระยับเมื่อโน้มใบหน้าคมเข้มลงมากระซิบเบาๆ ที่ข้างหูหญิงสาวอย่างใกล้ชิดว่า
“ตกลงตามนั้นและนับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปผมมีสิทธิ์ทำทุกอย่างเพื่อให้คุณหลงรักผมแล้วนะศันลิตา”
เดิมพันหัวใจครั้งนี้ใครจะแพ้ ใครจะชนะ ใครเจ้าเล่ห์กว่าใครในเกมรัก เชิญร่วมลุ้นไปกับพวกเขาใน “อ้อนรักเดิมพันหัวใจ” ค่ะ

ขอแจ้งให้นักอ่านทราบล่วงหน้าว่านิยายเรื่องนี้จะลงเนื้อเรื่องเพียงแค่ 60% เท่านั้น ไรเตอร์จะทยอยอัพให้อ่านวันละตอนนะคะ เนื่องจากนิยายได้รับการตีพิมพ์แล้วจะวางแผงในเดือนมิถุนายน 2257 นี้ค่ะ ใครสนใจสั่งจองได้ที่เว็บกรีนมายด์เลยนะคะ

Tags: รัก, กุ๊กกิ๊ก,โรแมนติก

ตอน: ตอนที่ 13

เช้าวันรุ่งขึ้นสิ่งที่วีณาคาดการณ์เอาไว้เมื่อวานก็เป็นความจริง เมื่อเรื่องที่มีผู้ชายสองคนเข้ามาชกต่อยกันเพื่อแย่งหญิงสาวสวยเจ้าของร้านหนังสือมุมสบายฯ ดังกระฉ่อนไปทั่วทั้งโครงการทาวน์เลิฟ แถมบรรดาขาเม้าท์ทั้งหลายยังวิพากษ์วิจารณ์และร่ำลือเสริมแต่งกันไปต่างๆ นานาอย่างสนุกปาก และเชื่อถือเป็นจริงเป็นจังเสียด้วย

ข่าวลือนี้ทำให้อักษราภัคหญิงสาวเจ้าของร้านสปากับจรัสรวีหญิงสาวเจ้าของร้านขนมไทยถึงกับต้องเดินมาสอบถามความจริงกับศันลิตาถึงร้านด้วยความเป็นห่วงกันเลยทีเดียว

“ไม่มีอะไรหรอกฟ้า เอย ขอบคุณนะที่เป็นห่วง คุณกฤตกับคุณโชคเค้าไม่ค่อยลงรอยกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยแล้วล่ะ พอมาเจอกันมันก็เลยเป็นเรื่องก็เท่านั้นเอง” ศันลิตาบอกกับสองสาว

“ข่าวลือเรื่องเสียๆ หายๆ นี่มันก็ไปไวเหลือเกินแป๊บเดียวคนรู้กันทั้งโครงการเลย แล้วเธอจะแก้ข่าวยังไงดีล่ะต้า” อักษราภัคถามด้วยท่าทางเห็นใจศันลิตา

“ความจริงพี่ต้าจะเอาเรื่องคนที่ปล่อยข่าวก็ได้นะคะเพราะว่าเค้าทำให้เราเสียหาย” จรัสรวีพูดขึ้นบ้าง

“ช่างมันเถอะข่าวลือแค่สามวันคนก็ลืมแล้วล่ะ ขี้เกียจไปตามแก้ข่าวหรือไปโรงพักแจ้งความเสียเวลาทำมาหากินเปล่าๆ” ศันลิตาพูดอย่างไม่อยากจะใส่ใจนัก เพราะหญิงสาวพอจะรู้อยู่แล้วว่าต้นตอปล่อยข่าวลือก็คือศิวพรหญิงสาวรุ่นพี่เจ้าของร้านซักรีดนั่นเอง

หลังจากอักษราภัคกับจรัสรวีกลับไปแล้วศันลิตาก็กำชับทุกคนในร้านว่าไม่ให้บอกเรื่องนี้กับกฤตตะวันโดยเด็ดขาดซึ่งทุกคนก็รับปากเป็นมั่นเหมาะ แต่ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะไม่ง่ายอย่างที่หญิงสาวคิด เพราะเมื่อกฤตตะวันขับรถเข้ามาจอดที่หน้าร้านตอนเย็นเธอก็เห็นศิวพรเดินปรี่เข้าไปพูดคุยกับชายหนุ่มทันที

เพียงครู่เดียวศันลิตาก็เห็นกฤตตะวันเดินหน้าขรึมเข้ามาในร้าน ก่อนจะมาคว้ามือเธอแล้วจูงเข้าไปนั่งคุยกันในห้องทำงานของหญิงสาวทันทีโดยไม่สนใจว่าศิริวรรณ ชัยพร และวีณาจะรู้สึกอย่างไรกับการกระทำของเขา

“ผมเสียใจที่เป็นต้นเหตุทำให้คุณต้องโดนข่าวลือเสียๆ หายๆ แบบนี้” กฤตตะวันบอกกับหญิงสาว

“ช่างเถอะคุณ ฉันไม่สนใจหรอก ข่าวลือแค่สามวันคนก็ลืมแล้ว เดี๋ยวก็มีข่าวใหม่มาให้เค้าเม้าท์กัน” ศันลิตาบอกด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆ

กฤตตะวันมองใบหน้าเนียนสวยของหญิงสาวอย่างรู้สึกทึ่งและประทับใจกับความเข้มแข็ง นิ่ง มีสติของอีกฝ่าย ทั้งที่โดนเอาไปร่ำลือแบบเสียๆ หายๆ แต่ศันลิตากลับไม่โวยวายเลยสักนิด เธอไม่เหมือนหญิงสาวคนอื่นที่เขาเคยรู้จักหรือพบเจอในวงสังคมไฮโซเลยจริงๆ

“แต่เมื่อกี๊คุณศิวพรเล่าให้ผมฟังว่า...”

“คุณอย่าไปเก็บเอาคำพูดของพี่พรมาใส่ใจเลยค่ะ ฉันบอกแล้วว่าข่าวลือมันก็คือข่าวลือมันไม่ใช่ความจริง แล้วฉันก็คิดว่าข่าวลือไม่สามารถทำให้คนตายได้ด้วย แต่ถ้ามัวพะวงกับข่าวลือจนไม่เป็นอันทำมาหากินสิอดตายแน่ ถ้าไม่มีอะไรแล้วคุณก็ออกไปทำงานเถอะค่ะ ฉันก็จะทำงานของฉันเหมือนกัน” ศันลิตาบอกชายหนุ่มก่อนจะเริ่มเปิดแฟ้มเอกสารและโน๊ตบุ๊กเพื่อเป็นการตัดบทสนทนา กฤตตะวันมองใบหน้าสวยที่กำลังก้มหน้าก้มตาดูเอกสารในแฟ้มอย่างตั้งอกตั้งใจแล้วได้ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องทำงานของหญิงสาว

“ก็พี่พรนั่นแหละค่ะคุณกฤตเจ้ากรมข่าวลือ คุณฟ้ากับคุณเอยยังบอกให้คุณต้าไปแจ้งความเลยค่ะ แต่คุณต้าบอกว่าขี้เกียจแล้วก็เสียเวลาทำมาหากินค่ะ” วีณาฟ้องกฤตตะวันหลังจากที่ชายหนุ่มเดินออกจากห้องทำงานของศันลิตาแล้วมายืนพูดคุยกับทุกคนด้วยสีหน้างกังวลใจ

“อย่าไปใส่ใจเลยค่ะคุณกฤต ก็อย่างที่ต้าบอกนั่นแหละเดี๋ยวพอมีข่าวใหม่มาคนก็เลิกพูดกันไปเองค่ะ” ศิริวรรณบอกพลางส่งยิ้มให้กฤตตะวัน

“ถ้างั้นก็ภาวนาขอให้มีข่าวใหม่เร็วๆ ก็แล้วกัน ข่าวลือเสียหายของต้าจะได้จบซะที” ชัยพรซึ่งเอ็นดูศันลิตาเหมือนน้องสาวคนหนึ่งก็อดที่จะพลอยเป็นกังวลใจไปด้วยไม่ได้เช่นกัน

เมื่อกลับไปถึงบ้านในตอนค่ำกฤตตะวันก็นำเรื่องศันลิตาไปปรึกษากับเกศวรางค์เพราะรู้สึกเป็นห่วงและอยากจะช่วยแก้ไขข่าวลือเสียหายให้หญิงสาว ถึงแม้ศันลิตาจะบอกว่าไม่เป็นไรและไม่ใส่ใจกับข่าวลือแต่เขาก็ยังอยากจะช่วยปกป้องเธอ

“หืม...ท่าทางนายเป็นห่วงต้าเค้ามากเลยนะนี่” เกศวรางค์กระเซ้าน้องชายเมื่อเห็นสีหน้าครุ่นคิดกังวลใจของเขาหลังจากที่เล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟัง

“โธ่! อย่ามัวแต่พูดเล่นสิครับพี่เกศ ช่วยผมคิดหน่อยว่าจะทำยังไง” กฤตตะวันบอกพี่สาวที่กำลังนั่งยิ้มระรื่นอยู่อย่างอ่อนใจ เกศวรางค์หัวเราะเบาๆ อย่างขบขันเมื่อเห็นสีหน้าที่กำลังเดือดเนื้อร้อนใจของน้องชายเพราะเรื่องผู้หญิงเป็นครั้งแรกซึ่งเธอไม่เคยเห็นมาก่อน

“ไม่เห็นจะยากอะไรเลย นายก็หาข่าวใหม่มากลบข่าวเก่าหรือไม่ทำข่าวลือให้มันเป็นจริงซะเลย เรื่องง่ายๆ แค่นี้คนฉลาดอย่างนายน่าจะคิดออกนะ”

กฤตตะวันนิ่งคิดตามที่พี่สาวบอกอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่รอยยิ้มจะปรากฏขึ้นบนริมฝีปากรูปกระจับของเขา ดวงตาเรียวรีที่ฉายแววกังวลมาตลอดช่วงเย็นเปลี่ยนเป็นประกายพราวระยับเมื่อคิดแผนการที่จะช่วยเหลือศันลิตาได้

“พี่เกศเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมขอยืมชุดราตรีพี่ซักชุดจะได้มั้ยครับ” ชายหนุ่มถาม

เกศวรางค์ชะงักมือที่กำลังตะไบเล็บแล้วเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคมเข้มของน้องชายทันที เมื่อเห็นสีหน้ากับรอยยิ้มของเขาหญิงสาวก็พยักหน้ายิ้มๆ พลางบอก

“เอาสินายอยากได้ชุดไหนก็มาเลือกไปเลย”

“ขอบคุณมากครับ ถ้างั้นผมไม่รบกวนพี่เกศแล้ว ราตรีสวัสดิ์ครับ” กฤตตะวันบอกพลางขยับลุกขึ้น เกศวรางค์พยักหน้าให้น้องชายพลาง

“อืม ราตรีสวัสดิ์ หวังว่าพรุ่งนี้นายคงช่วยแก้ข่าวให้ว่าที่น้องสะใภ้ของพี่ได้เรียบร้อยนะ”

ชายหนุ่มชะงักทันทีเมื่อได้ยินพี่สาวพูดคำว่า “ว่าที่น้องสะใภ้” ออกมาหน้าตาเฉยพลางทวนคำพี่สาว

“ว่าที่น้องสะใภ้เหรอครับ?”

“อือ หรือว่าจะให้เรียกว่าน้องสะใภ้เลยล่ะ เพราะพี่เชื่อว่าสถานะของเค้าคงจะเปลี่ยนแปลงในอนาคตอันใกล้นี้แล้วล่ะมั้ง หรือนายว่าไง”

กฤตตะวันหัวเราะกับคำถามของพี่สาวก่อนจะเดินออกไปจากห้องของเกศวรางค์โดยไม่ยอมตอบอะไร เมื่อเข้ามาอยู่ในห้องของตนเองตามลำพังแล้วชายหนุ่มก็กดโทรศัพท์ไปหาธนากรทันที

“ว่าไงนายกฤต วันนี้ข่าวนายดังไปทั้งโครงการทาวน์เลิฟเลยนะ” ธนากรพูดมาจากปลายสายด้วยน้ำเสียงขบขัน

“นี่ขนาดพี่เอสยังรู้เลยเหรอครับ” กฤตตะวันถามอย่างนึกขำคำพูดคนช่างไปไวยิ่งกว่าไฟลามทุ่งจริงๆ

“จะไม่รู้ได้ยังไงล่ะ ก็ป้าพัชรเลขาฯ ของพี่ กับป้าณีที่เป็นแม่บ้านเม้าท์กันให้แซ่ด” ธนากรตอบติดตลก ก่อนจะถามมาว่า “ ว่าแต่นายโทรมาตอนนี้มีอะไรรึเปล่า”

“มีสิครับ ผมอยากจะขอให้พี่เอสช่วยอะไรหน่อย” กฤตตะวันบอกคนทางปลายสายพร้อมด้วยรอยยิ้มและแววตาหมายมาด

วันต่อมาวีณาก็เดินหน้ามุ่ยเข้ามาในร้านแต่เช้า ทำให้ศันลิตาที่กำลังยืนพูดคุยอยู่ศิริวรรณถึงกับสบตากันด้วยความสงสัยก่อนที่หญิงสาวจะถามอีกฝ่ายว่า

“เป็นอะไรน่ะณาทำไมทำหน้ามู้ดดี้แต่เช้าเลย”

“ก็จะไม่ให้มู้ดดี้ได้ยังไงล่ะคะคุณต้า ก็เมื่อกี๊ตอนเดินเข้ามาที่ร้านณาเจอกับยัยย่าเอ๋เข้าพอดี” วีณาตอบพลางเดินเอากระเป๋าสะพายข้าไปเก็บไว้ในล็อกเกอร์ทางด้านหลังเคาเตอร์ของศิริวรรณ

ศันลิตาพยักหน้าเพราะรู้จักย่าเอ๋สาวชาวกระเหรี่ยงลูกน้องของน้ำรินหญิงสาวสวยเจ้าของร้านตำระเบิดเป็นอย่างดี ในขณะที่ศิริวรรณหัวเราะอย่างขบขันเพราะเป็นที่รู้กันดีว่าย่าเอ๋นี่แหละที่ทำให้ร้านตำระเบิดมีปัญหาทำอาหารให้ลูกค้าผิดเป็นประจำเนื่องจากคนรับเมนูพูดภาษาไทยไม่ชัดเจนนั่นเอง และการสื่อสารกับย่าเอ๋ก็สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับหลายๆ คนที่ได้พูดคุยด้วยเสมอ

“เจอย่าเอ๋แล้วทำไมเหรอจ๊ะ หรือว่าคุยกันไม่รู้เรื่องอีก”

“ปกติคุยไม่รู้เรื่องหรอกค่ะพี่วรรณ แต่วันนี้ยัยย่าเอ๋รู้เรื่องคุณต้าดีมากเม้าท์อย่างกับตัวเองอยู่ในเหตุการณ์ แถมยังถามโน่นถามนี่จนณารำคาญต้องรีบเดินหนีเข้ามานี่แหละค่ะ”

“ไม่ต้องหงุดหงิดหรอกณาเพราะพี่ก็เพิ่งจะถูกลุงชมกับพี่มงคลสัมภาษณ์มาเหมือนกัน เฮ้อ! เมื่อไหร่จะเลิกสนใจข่าวลือพวกนี้กันซะทีนะ” ชัยพรซึ่งเปิดประตูร้านเดินเข้ามาได้ยินวีณาบ่นพอดีพูดขึ้นด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่ายใจพอกัน ศันลิตาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะบอกกับทุกคนว่า

“ทนๆ กันหน่อยนะคะ วันนี้วันที่สองแล้ว เดี๋ยวพอครบสามวันเค้าก็เลิกเม้าท์กันเองแหละค่ะ”

“แหม คุณต้าก็ใจเย็นจังณาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคุณต้าถึงปล่อยไว้แบบนี้ ทีตอนยัยพี่พรติดเงินค่าหนังสือคุณต้ายังเดินไปทวงถึงร้านเลย แต่นี่เค้าเอาคุณต้าไปพูดเสียๆ หายๆ ทำไม่คุณต้ายังเฉยอยู่ล่ะค่ะ” วีณาถามอย่างไม่เข้าใจ

“คำพูดคนก็แค่ลมปากเดี๋ยวมันก็ผ่านไป ไม่มีใครดีหรือชั่วได้เพราะคำพูดของคนอื่น แต่เป็นเพราะการกระทำของเราเองต่างหาก เพราะฉะนั้นต้าเลยไม่ใส่ใจไงจ๊ะ แต่ถ้าจะมาเอาเปรียบกันเรื่องเงินศันลิตายอมไม่ได้” ท้ายประโยคศันลิตาพูดตลิดตลกก่อนจะหัวเราะเบาๆ เลยพลอยทำให้ทุกคนหัวเราะไปด้วย บรรยากาศขุ่นมัวเมื่อครู่เริ่มจางหายไปทุกคนจึงเริ่มทำงานตามหน้าที่ด้วยความสบายใจ

กฤตตะวันขับรถเข้ามาจอดที่หน้าร้านมุมสบายฯในตอนห้าโมงเย็นเศษๆ เหมือนเช่นทุกวัน จากนั้นชายหนุ่มก็ก้าวลงจากรถเดินไปเปิดประตูด้านหลังแล้วหยิบชุดราตรียาวสีม่วงอ่อนของเกศวรางค์ออกมา แล้วร่างสูงก็ก้าวยาวๆ ตรงไปทางร้านซักรีดของศิวพรทันที

“อุ๊ย! สวัสดีค่ะคุณกฤตตะวัน” ศิวพรกล่าวคำทักทายเสียงอ่อนเสียงหวานทันทีเมื่อเห็นร่างสูงของกฤตตะวันก้าวเข้ามาในร้าน ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยพลางทักทายอีกฝ่ายกลับ

“สวัสดีครับคุณศิวพร วันนี้พี่สาวผมฝากชุดมาซักรีดวันมะรืนผมจะมารับชุดนะครับ”

“ได้เลยค่ะ ขอบคุณนะคะที่มาใช้บริการร้านพร” ศิวพรเอื้อมมือมารับชุดราตรีไปจากมือชายหนุ่ม ก่อนจะถามเขาว่า “เดี๋ยวคุณกฤตจะไปช่วยงานร้านน้องต้าต่อเลยใช่มั้ยคะ”

“ใช่ครับ” กฤตตะวันพยักหน้าพลางยิ้มดวงตาคู่คมมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างรู้ทันว่าอีกฝ่ายกำลังคิดจะชวนเข้าประเด็นคุยเรื่องศันลิตาอย่างแน่นอน

“เมื่อวานคุณกฤตได้คุยกับต้าบ้างมั้ยคะ ต้าเป็นยังไงบ้างพรเป็นห่วงค่ะ แต่ว่างานยุ่งเลยยังไม่มีเวลาเดินไปถามข่าว” ศิวพรรัวคำถามมาเป็นชุดจนกฤตตะวันนึกขำในความอยากรู้อยากเห็นของอีกฝ่าย

“ขอบคุณที่คุณศิวพรเป็นห่วงครับ ต้าเค้าสบายใจดีแถมยังบอกอีกว่าไม่อยากจะใส่ใจกับพวกปากหอยปากปูให้เสียเวลาทำมาหากินด้วยนะครับ” กฤตตะวันตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ทำเอาคนฟังถึงกับสะอึกและอึ้งกับคำว่า “พวกปากหอยปากปู” ของเขาอยู่ครู่ใหญ่เลยทีเดียว

“อ๋อ เหรอคะถ้าต้าไม่คิดมากก็ดีแล้วล่ะค่ะ” ศิวพรพูดอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียงนัก

“แต่ผมไม่สบายใจเลยนะครับที่ต้าต้องมาโดนข่าวลือเสียๆ หายๆ แบบนี้ ถึงเค้าจะบอกว่าไม่ใส่ใจเพราะมันไม่ใช่ความจริงแต่ผมก็อดเป็นห่วงแฟนผมไม่ได้” กฤตตะวันพูดจบก็แกล้งถอนหายใจเบาๆ ในขณะที่ศิวพรหูผึ่งทันทีเมื่อได้ยินคำพูดท้ายประโยคของชายหนุ่ม

“แฟน หมายความว่ายังไงคะ คุณกฤตตะวันกับต้าเป็นแฟนกันเหรอคะ”

กฤตตะวันอมยิ้มทันทีดวงตาคู่คมฉายแววพอใจที่หญิงสาวตรงหน้าเริ่มก้าวไปตามแผนการของเขาโดยไม่รู้ตัว

“ใช่ครับเรากำลังคบกันอยู่ ผมถึงได้มาช่วยงานที่ร้านต้าไงครับเพราะว่าอยากอยู่ใกล้ชิดกับเค้าทุกวัน แต่ต้ายังไม่ได้บอกเรื่องที่เราคบกันให้ใครรู้เพราะว่าเค้าเขิน”

“ต้าโชคดีจังนะคะที่ได้แฟนหล่อแล้วก็รวยแบบคุณกฤตตะวัน” ศิวพรพูดด้วยน้ำเสียงอิจฉานิดๆ ในความโชคดีของศันลิตา

“ผมต้องรีบไปช่วยที่ร้านแล้วขอตัวก่อนนะครับ” กฤตตะวันบอกหญิงสาวก่อนจะหมุนตัวก้าวออกมาจากร้านซักรีดพร้อมด้วยรอยยิ้มอย่างพึงพอใจและมั่นใจว่าวันพรุ่งนี้จะต้องมีข่าวลือเรื่องใหม่เกิดขึ้นในทาวน์เลิฟอย่างแน่นอน เมื่อกฤตตะวันเดินเข้าไปในร้านก็พบว่าศันลิตากำลังยืนพูดคุยอยู่กับหญิงสาวอีกสองคน ศันลิตาแนะนำให้ทั้งสามคนได้รู้จักกัน

“คุณกฤตคะนี่ฟ้าเจ้าของร้านสปาเรือนอักษราภัค แล้วก็เอยเจ้าของร้านบุหงาหอมเทียนค่ะ ฟ้า เอย นี่คุณกฤตที่มาช่วยงานที่นี่จ้ะ”

“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณฟ้า คุณเอย” กฤตตะวันทักทายสองสาวอย่างสุภาพ

“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะคุณกฤต” สองสาวประสานเสียงพูดขึ้นพร้อมๆ กันพลางส่งยิ้มมาให้ชายหนุ่ม กฤตตะวันยิ้มตอบก่อนจะเดินเลี่ยงไปเพื่อให้หญิงสาวทั้งสามได้พูดคุยกันต่อตามสบาย

อักษราภัคกับจรัสรวียืนพูดคุยกับศันลิตาอยู่อีกครู่หนึ่งก็ขอตัวกลับโดยอักษราภัคจะเดินไปซื้อขนมที่ร้านของจรัสรวีก่อนแล้วจึงกลับร้านตนเอง เมื่อสองสาวเดินออกไปจากร้านแล้วศันลิตาก็รีบกลับเข้าไปทำงานต่อทันที

“เดี๋ยวผมขอตัวไปข้างนอกสักครู่นะครับพี่วรรณ” กฤตตะวันเดินเข้าไปบอกศิริวรรณ อีกฝ่ายพยักหน้าพลางมองตามร่างสูงของชายหนุ่มไปอย่างงุนงงเมื่อเห็นท่าทางเร่งรีบของเขา

ร่างสูงของกฤตตะวันก้าวยาวๆ จนกระทั่งมาทันอักษราภัคกับจรัสรวีบริเวณที่กลับรถข้างร้านมุมสบายฯ ชายหนุ่มจึงส่งเสียงเรียกทั้งสองสาวเบาๆ

“คุณฟ้า คุณเอยครับ”

อักษราภัคกับจรัสรีวีที่กำลังเดินคุยกันอยู่ชะงักพลางหันกลับมามองชายหนุ่มด้วยความแปลกใจที่เห็นเขาเดินตามพวกเธอมา

“คุณกฤตมีอะไรเหรอคะ” อักษราภัคถาม

“ผมมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณฟ้ากับคุณเอยหน่อยครับ” กฤตตะวันบอกสองสาว

“ขอความช่วยเหลือจากเอยกับพี่ฟ้าเรื่องอะไรเหรอคะคุณกฤต” จรัสรวีถามขึ้นบ้าง

กฤตตะวันยิ้มเล็กน้อยก่อนจะบอกสิ่งที่เขาต้องการขอความช่วยเหลือให้ทั้งสองสาวฟัง อักษราภัคกับจรัสรวีถึงกับเบิกตากว้างพลางมองหน้าชายหนุ่มอย่างเหลือเชื่อเมื่อได้รู้เรื่องที่เขาต้องการขอความช่วยเหลือจากพวกเธอ

“คุณกฤตจะให้เราสองคนช่วยแบบนี้จริงๆ เหรอคะ” อักษราภัคทวนถามอย่างไม่แน่ใจ

“ใช่ครับ” กฤตตะวันพยักหน้า

“ตกลงค่ะ เดี๋ยวเอยกับพี่ฟ้าจัดให้ คุณกฤตวางใจได้เลยเรื่องสนุกแบบนี้เอยชอบค่ะ” จรัสรวีตอบตกลงแทนอักษราภัคไปในตัวด้วย จากนั้นสองสาวก็ขอตัวเดินไปที่ร้านบุหงาหอมเทียน

“เอยจะช่วยคุณกฤตจริงๆ เหรอ” อักษราภัคถามจรัสรวีเมื่อเดินมาถึงร้านขนมไทยของหญิงสาวรุ่นน้อง จรัสรวีพยักหน้าทันที

“ช่วยจริงๆ สิคะ ก็เรารับปากคุณกฤตแล้วนี่คะ” จรัสรวีตอบ

“มันจะดีเหรอเอยถ้าเราทำแบบนั้น” อักษราภัคยังกังวล

“ดีสิคะพี่ฟ้า เอยว่าคุณกฤตเค้าต้องชอบพี่ต้าแน่นอนเลยค่ะ ไม่งั้นเค้าคงไม่ยอมลงทุนทำถึงขนาดนี้หรอก เพราะเขาจะต้องรับผิดชอบกับผลที่จะตามมาด้วย” จรัสรวีบอก อักษราภัคเลยได้แต่พยักหน้าพลางพูด

“เอาไงก็เอากัน”

“ถ้างั้นเราก็เริ่มงานของเรากันเลยดีกว่าค่ะ” จรัสรวีบอกพลางยิ้มกริ่มแล้วจูงมืออักษราภัคเดินเข้าไปในร้านตนเองพลางส่งเสียงเรียกหลานสาว

“ยัยพระพายอยู่ไหนมานี่เร็ว มีเรื่องจะเม้าท์ให้ฟัง”

แล้ววันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันที่ศันลิตาคิดว่าข่าวลือเรื่องของเธอน่าจะจางหายไปได้แล้ว แต่พอวีณาเดินเข้ามาในร้านหญิงสาวก็รู้ว่าเธอคิดผิดถนัด เพราะวีณามาเล่าให้ฟังว่าขณะนี้ใครต่อใครก็กำลังลือกันว่าศันลิตาเป็นแฟนกับกฤตตะวันทายาทบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ซึ่งมีเครือข่ายอยู่ทั่วประเทศ ชายหนุ่มจึงมาเป็นพนักงานชั่วคราวอยู่ที่ร้านมุมสบายฯ เพื่อที่ทั้งสองคนจะได้อยู่ใกล้ชิดกันตลอดเวลา

“อยากจะบ้าตาย! ใครปล่อยข่าวบ้าๆ แบบนี้กันนะ” ศันลิตาร้องออกมาอย่างหงุดหงิดใจเพราะวันนี้เธอต้องคอยหลีกเลี่ยงบรรดาลูกค้าทั้งหลายที่เข้ามาซื้อหนังสือในร้านซึ่งบางคนก็มาแสดงความยินดีที่เธอมีแฟนทั้งหล่อทั้งรวย แต่บางคนก็ทำตัวเป็นนักข่าวจ้องจะสัมภาษณ์ว่าเธอกับกฤตตะวันเป็นแฟนกันได้ยังไงตลอดทั้งวัน

“แปลกจัง ใครกันนะที่ปล่อยข่าวลือว่าต้ากับคุณกฤตเป็นแฟนกัน แถมรู้ลึกรู้ละเอียดซะด้วยว่าคุณกฤตเป็นใคร” ศิริวรรณตั้งข้อสังเกต

“อย่าให้รู้เชียวว่าใครปล่อยข่าวจะตามไปโวยให้หูแตกเลยคอยดู” พูดจบศันลิตาก็เดินปึงปังเข้าไปหลังร้านทันทีท่ามกลางสายตางุนงงของทุกคนกับท่าทางหงุดหงิดอารมณ์เสียของหญิงสาว เพราะเมื่อสองวันก่อนที่มีข่าวลือเรื่องที่กฤตตะวันกับศุภโชคมาชกต่อยกันเพื่อแย่งศันลิตาเจ้าตัวยังบอกกับทุกคนว่าไม่ใส่ใจ แต่พอวันนี้มีข่าวลือว่าศันลิตาเป็นแฟนกับกฤตตะวันเจ้าตัวกลับโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงเลยทีเดียว

เมื่อกฤตตะวันมาถึงร้านมุมสบายฯ ในตอนเย็นเขาก็บอกกับทุกคนว่าข่าวลือทั้งหมดนั้นเป็นแผนการของเขาเอง โดยชายหนุ่มเป็นคนบอกกับศิวพรเองว่าเขากับศันลิตาเป็นแฟนกันเพราะรู้ว่าหญิงสาวคนนั้นจะต้องนำข่าวนี้ไปเล่าให้คนอื่นฟังต่ออย่างแน่นอน นอกจากนั้นยังมีคนที่กฤตตะวันขอร้องให้ช่วยปล่อยข่าวนี้อีกสามคนคือธนากร อักษราภัค และจรัสรวี เพราะทั้งสามคนต่างก็เป็นแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ

ศันลิตาโกรธจนควันออกหูทันทีเมื่อได้รู้ความหญิงสาวลากแขนคนร่างสูงเจ้าแผนการให้เดินตามเธอเข้าไปในห้องทำงานอย่างไม่ปรานีปราศรัยแล้วเปิดฉากต่อว่าเขาทันที

“คุณต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ แผนการบ้าบออะไรของคุณไปปล่อยข่าวว่าคุณกับฉันแฟนกันนี่นะ!”

“ใจเย็นๆ สิคุณที่ผมทำแบบนี้ก็เพราะตั้งใจจะช่วยคุณนะ” กฤตตะวันบอกหญิงสาวอย่างใจเย็น

“มันช่วยได้ยังไงมิทราบ” ศันลิตาถามเสียงขุ่น ในขณะที่คนตอบยังคงตอบด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆ ตามเดิม

“ก็ช่วยกลบข่าวลือที่เสียหายกับคุณก่อนหน้านั้นไง”

“ฉันไม่เห็นว่ามันจะช่วยได้ตรงไหน คนเลิกลือข่าวนั้นแล้วก็มาลือข่าวนี้ต่อ แล้วมันจะช่วยให้ฉันหายเสียหายได้ยังไงกัน ยังไงฉันก็ยังเสียหายอยู่ดีที่มีข่าวลือว่าเป็นแฟนกับคุณ” ศันลิตาพูดอย่างเหลืออด รู้สึกหมั่นไส้คนหน้าหล่อที่ยังคงยืนหน้าตาเฉยทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่ตรงหน้าเธอเต็มประดา เขาคิดแผนการแล้วก็จัดการทุกอย่างเองโดยไม่ปรึกษาหารือหรือว่าขอความเห็นจากเธอเลยสักนิดว่าศันลิตาจะเห็นด้วยหรือไม่

“แล้วทำไมคุณต้องโกรธมากขนาดนี้ด้วย เมื่อสองวันก่อนมีข่าวลือแบบนั้นออกมาคุณยังบอกผมเองเลยว่าไม่ต้องใส่ใจ แล้วข่าวลือว่าคุณเป็นแฟนกับผมทำให้คุณเสียหายตรงไหนไม่ทราบ ผมไม่คู่ควรกับคุณรึไงคุณผู้หญิง” กฤตตะวันย้อนถามหญิงสาวกลับไปใบหน้าหล่อเหลาเริ่มบึ้งตึงเพราะคำพูดท้ายประโยคเมื่อครู่ของหญิงสาว ทั้งที่มีหญิงสาวตั้งมากมายอยากจะเป็นแฟนกับเขาแต่ผู้หญิงตรงหน้ากลับบอกว่ายังไงเธอก็เสียหายที่มีข่าวลือว่าเป็นแฟนกับเขา

“ก็มันเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ คุณคิดแค่ว่าจะเอาข่าวนี้มากลบข่าวลือก่อนหน้านั้นแล้วคุณไม่คิดถึงผลที่จะตามมาบ้างรึไง เพราะความจริงก็คือคุณกับฉันไม่ได้เป็นแฟนกันเราไม่ได้รักกัน ต่อไปพอฉันตรวจสอบบัญชีให้คุณเรียบร้อยคุณก็ไม่ต้องมาทำงานที่ร้านฉัน แล้วหลังจากนั้นฉันก็คงจะโดนข่าวลือว่าถูกคุณทิ้ง ทีนี้คุณคิดว่าฉันจะอายคนอื่นจะเสียหายแล้วก็ควรโกรธคุณมากมั้ยล่ะที่คุณทำแบบนี้” ศันลิตาร่ายยาวก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างเหนื่อยใจ

เมื่อได้ฟังคำอธิบายยืดยาวของศันลิตากฤตตะวันจึงเริ่มเข้าใจความคิดของหญิงสาวและนึกชื่นชมในความรอบคอบของเธอ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นอาจจะรับสมอ้างว่าเป็นแฟนกับเขาอย่างเต็มอกเต็มใจไปแล้ว แต่ผู้หญิงตรงหน้าเขาไม่ใช่ และนี่ก็คือเหตุผลที่ทำให้กฤตตะวันรู้สึกชอบศันลิตามากขึ้นเรื่อยๆ ผู้หญิงแบบนี่แหละที่เขาอยากได้มาเป็นแฟนชายหนุ่มบอกตัวเองอยู่ในใจพลางยิ้มก่อนจะพูดว่า

“ถ้างั้นเอาอย่างนี้ก็แล้วกันเพื่อไม่ให้คุณต้องอายต้องเสียหาย แล้วก็เพื่อให้ข่าวลือเป็นข่าวจริงเรามาเป็นแฟนกันจริงๆ เลยดีมั้ยคุณ”

ศันลิตาชะงักพลางมองใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มของคนตรงหน้าอย่างคาดไม่ถึงว่าเขาจะกล้าชวนเธอเป็นแฟนหน้าตาเฉยแบบนี้ ถึงแม้ว่าศุภโชคจะตามจีบเธอมานานหลายปีแต่เขาก็ไม่เคยพูดจาชวนศันลิตาเป็นแฟนดื้อๆ แบบกฤตตะวันเลยสักครั้ง

“จะบ้าเหรอ! แล้วทำไมฉันจะต้องเป็นแฟนกับคุณจริงๆ ด้วย” หญิงสาวว่าใบหน้าเนียนร้อนวูบวาบและขึ้นสีระเรื่อทันตา

“เพราะผมคิดว่าผมชอบคุณ” กฤตตะวันตอบทันที

“คุณคิดว่าคุณชอบฉันนี่นะ นี่คุณบอกชอบผู้หญิงง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ”

“ถ้าผมบอกชอบผู้หญิงง่ายๆ ป่านนี้ผมคงมีแฟนเป็นโหลแล้วมั้งคุณ” กฤตตะวันพูดก่อนจะทวนถามหญิงสาวอีกครั้ง “แล้วตกลงว่าคุณจะยอมเป็นแฟนกับผมรึเปล่า”

“คุณอย่ามาพูดเหมือนกำลังเจรจาซื้อขายที่ดินปลูกคอนโดฯ ได้มั้ย ที่คุณชวนฉันเป็นแฟนเพราะต้องการจะแกล้งคุณโชคล่ะสิฉันไม่ยอมร่วมมือกับคุณด้วยหรอก แล้วอีกอย่างหนึ่งนะฉันไม่ได้ชอบคุณซะหน่อยทำไมฉันต้องยอมเป็นแฟนกับคุณด้วย” ศันลิตาพูดเสียงขุ่น

คำพูดของศันลิตาที่บอกว่าเธอไม่ได้ชอบเขาทำให้กฤตตะวันเกิดความรู้สึกอยากจะเอาชนะอีกฝ่ายขึ้นมาทันที ถ้าคนอย่างนายกฤตตะวันไม่สามารถทำให้ผู้หญิงหลงรักได้ก็ให้มันรู้ไป ชายหนุ่มนิ่งคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่รอยยิ้มจะผุดขึ้นตรงมุมปากรูปกระจับ ดวงตาเรียวรีคู่คมฉายแววเจ้าเล่ห์เมื่อบอกกับหญิงสาวว่า

“ถ้าอย่างงั้นเอาอย่างนี้ดีมั้ยเรามาเดิมพันกันดีกว่า ถ้าผมสามารถทำให้คุณพูดคำว่ารักผมได้ภายในสามเดือนนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปคุณจะต้องยอมเป็นแฟนกับผมนะตกลงมั้ย”

“ทำไมฉันต้องรับเดิมพันบ้าๆ ของคุณด้วย” หญิงสาวถามอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมเธอจะต้องเอาหัวใจตัวเองมาเดิมพันกับผู้ชายเจ้าเล่ห์แต่หล่ออย่างร้ายกาจแบบเขาด้วย

“พูดแบบนี้แสดงว่าคุณไม่กล้าเดิมพันกับผมเพราะกลัวว่าจะหลงรักผมใช่มั้ยล่ะ” กฤตตะวันถามพลางมองสบตาหญิงสาวอย่างท้าทาย

“อย่างฉันเนี่ยนะต้องกลัวหลงรักคุณ รู้จักศันลิตาน้อยไปซะแล้วตกลงฉันรับเดิมพันกับคุณ แต่ถ้าครบกำหนดสามเดือนแล้วคุณไม่สามารถทำให้ฉันพูดว่ารักคุณได้ ต่อไปคุณห้ามมายุ่งวุ่นวายกับฉันอีกนะ” ศันลิตาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ในขณะที่กฤตตะวันคลี่ยิ้มอย่างสมหวังดวงตาคู่คมเป็นประกายพราวระยับเมื่อโน้มใบหน้าคมเข้มลงมากระซิบเบาๆ ที่ข้างหูหญิงสาวอย่างใกล้ชิด

“ตกลงตามนั้นและนับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปผมมีสิทธิ์ทำทุกอย่างเพื่อให้คุณหลงรักผมแล้วนะศันลิตา” พูดจบเขาก็ถือวิสาสะฝังจมูกโด่งเป็นสันลงบนแก้มนวลหอมละมุนชื่นใจโดยที่หญิงสาวไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว ก่อนจะรีบถอยห่างจากร่างระหงอย่างรวดเร็วเพื่อให้พ้นรัศมีการตอบโต้ของคนที่ถูกขโมยหอมแก้ม

ศันลิตาเบิกตากว้างเพราะความตกใจกับการกระทำของชายหนุ่ม หญิงสาวยกมือขึ้นจับแก้มตัวเองซึ่งขณะนี้ร้อนผ่าวไปทั้งหน้าเพราะสัมผัสแผ่วเบาใกล้ชิดเมื่อครู่ พลางโวยวายว่าเขากล้าดีอย่างไรมาหอมแก้มเธอแบบนี้ แล้วคนที่เพิ่งขโมยหอมแก้มสาวเจ้าก็ตอบได้อย่างหน้าตาเฉยว่านี่คือหนึ่งในวิธีการที่จะทำให้เธอหลงรักเขา

“วิธีการบ้าอะไรของคุณ แบบนี้คุณเอาเปรียบฉันชัดๆ” หญิงสาวต่อว่าอย่างเหลืออด

“ถ้าคุณกลัวเสียเปรียบจะหอมแก้มผมกลับคืนก็ได้นะเราจะได้เสมอกันไง” ว่าแล้วเขาก็ก้มตัวเอียงแก้มขาวที่มองเห็นไรหนวดบางๆ เขียวเป็นแนวมาให้หญิงสาวหอมกลับคืนอย่างเต็มอกเต็มใจทันที ศันลิตายกมือขึ้นดันแก้มคนเจ้าเล่ห์ออกห่างพลางดักคออีกฝ่ายอย่างรู้ทัน

“คุณไม่ต้องมาหลอกให้ฉันหอมแก้มคุณเลย แล้วต่อไปถ้าขืนคุณทำกับฉันแบบเมื่อกี๊นี้อีกฉันเอาคุณตายแน่” ศันลิตาลงท้ายประโยคด้วยคำขู่พร้อมแววตาขุ่นเขียว กฤตตะวันพยักหน้าหงึกหงักพร้อมทั้งรับปากว่าจะไม่ทำแบบเมื่อครู่นี้อีก แต่หญิงสาวพยักหน้าพอใจได้เพียงครู่เดียวก็แทบอยากจะหักคอหนุ่มจอมเจ้าเล่ห์ทิ้งเมื่อเขาพูดขึ้นว่า

“ผมสัญญาว่าจะไม่ขโมยหอมแก้มคุณอีก ถ้าคุณไม่เต็มใจ”



แก้วแสงจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 มิ.ย. 2557, 21:05:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 มิ.ย. 2557, 21:05:44 น.

จำนวนการเข้าชม : 1132





<< ตอนที่ 12   ตอนที่ 14 >>
ร้อยวจี 15 มิ.ย. 2557, 21:40:26 น.
อัยยะ พระเอกเราเจ้าเล่ห์มากค่ะ


yimyum 15 มิ.ย. 2557, 22:16:33 น.
โอ๊ยย!!! หนุกโพดดด ขโมยหอมถ้าไม่เต็มใจ 555


oolong 16 มิ.ย. 2557, 08:54:36 น.
พระเอกเจ้าเล่ห์แบบน่ารักๆดีค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account