แก้วขวัญวันรัก
เรื่องราวของสี่สาวพี่น้องที่ต้องตามล่าหาแฟนให้ได้ภายในสามเดือน ก่อนที่จะถูกจับคลุมถุงชนกับเจ้าบ่าวที่ไม่เคยเห็นหน้า ดังนั้นภารกิจ และปฏิบัติการลับของการตามหาแฟนจึงเริ่มข้น
แต่ติดปัญหาที่แก้ไม่ตกนั่นคือ

คนหนึ่ง ขี้เหวี่ยงขี้วีน คบกับผู้ชายได้ไม่เกินหนึ่งวัน ผู้ชายคนนั้นต้องหนีเปิง เจ้าของฉายา
“สวยเหวี่ยงวีน”

คนหนึ่ง ซุ่มซ่ามจอมโก๊ะ เจ้าของฉายา “สาวโก๊ะมหาวิบัติ”

คนหนึ่ง ด้านชาต่อความรัก ไร้ความรู้สึกกลับความรัก เจ้าของฉายา “ดอกไม้น้ำแข็งไร้อารมณ์”

และอีกคนหนึ่ง สาวสวยหมดเท่ แต่ใจเธอคือหญิงแท้ แต่กลัวการมีความรัก เจ้าของฉายา
“เจ้าสาวกลัวฝน”

Tags: สี่สาว รักแท้ ความรัก การตามหา

ตอน: 12 ปองรัก ปองร้าย

12
ปองรัก ปองร้าย (ไม่ใช่ปองศักดิ์นะจ๊ะ 555)




“กรี๊ด!!!” เสียงกรีดร้องดังไปทั่วบ้าน แก้วกัลยาที่พึ่งอาบน้ำเสร็จหยิบเสื้อคลุมและเปิดประตูห้องวิ่งออกมา เช่นเดียวกับวันวิวาห์ที่ตกใจไม่แพ้กันที่อยู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งดังมาจากห้องตรงข้าม แก้วกัลยาหันมองหน้าวันวิวาห์และรีบวิ่งไปพลักประตูให้เปิดออก โชคดีที่พวกเขามีกฎในบ้านว่าถ้าอยู่บ้านห้อมล็อคประตูห้องนอน กันว่าถ้ามีเหตุฉุกเฉินจะได้วิ่งเข้าไปช่วยทันไม่ต้องมาพังประตูแบบในละคร ดังนั้นแก้วกัลยาจึงเปิดประตูเข้าไปได้ง่าย ๆ และภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือรักจิรากำลังระบายโทสะด้วยการขย้ำขยำตุ๊กตาเน่าที่เป็นตุ๊กตาตัวโปรดที่เจ้าตัวตั้งชื่อให้ว่า ตัวบวม และดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้สนใจบุคคลสองคนที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องและมองหน้ากันด้วยสีหน้างุนงงสุด ๆ

“ไอ้บ้า ฉันเกลียดแก นี่แน่ะ นี่แน่ะ ไปตายซะ” เจ้าตัวยังคงไม่สน ผ่านมาสามวันแล้วอารมณ์ที่ค้างจากวันนั้นยังไม่ยอมกลับสู่สภาพกลับยิ่งปะทุโกรธมากขึ้น ยิ่งเห็นหน้ากวน ๆ ของเขาเธอก็ยิ่งโมโห คิดว่าลางานไปวันหนึ่งจะทำให้เธอหายโมโหและอารมณ์ดีขึ้น แต่มันกลับไม่ได้ช่วยอะไรเลย

“สิ่งผิดพลาดที่สุดของฉันคือไปคบกับเธอ และฉันยอมผิดพลาดแค่ครั้งเดียว คิดว่าฉันอยากคบกับนายหรือไง ไอ้ชีกอ ไอหัวงู ไอ้ ไอ้ กรี๊ด!!!!” รักจิรากรี๊ดอีกครั้ง สองสาวที่ยืนอยู่หน้าประตูรีบเอามืออุดหู เกิดมาพวกเธอยังไม่เคยเห็นรักจิรากรี๊ดแบบนี้สักครั้ง
“แกเป็นบ้าอะไรไอ้รัก ชาวบ้านชาวช่องเขาแตกตื่นกันหมดแล้ว ร้องยังกะโดนขมขื่น” เหมือนสติสตางค์ที่หายไปจะค่อย ๆ กลับคืนมาครบ รักจิราหอบอย่างเหนื่อยหลังจากใช้พลังงานหมดไปตั้งแต่เช้า ดวงตาสวยแกร่งมองไปที่ญาติผู้พี่ทั้งสอง

“ตัวมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ก็มาทันเห็นแกเป็นบ้านั้นแหละ ตกลงหายบ้าหรือยัง” รักจิราไม่ตอบเดินดันพี่สาวทั้งสองออกจากห้อง และปิดประตูเลือกที่จะไม่ตอบคำถาม เพราะตั้งแต่เธอเริ่มทำงานหน้าที่ใหม่ เธอยังไม่เคยเลาให้แก้วกัลยา และวันวิวาห์ฟังเลยว่าเจ้านายคนใหม่ของเธอคืออัสนี ขืนเล่าให้ฟังแก้วกัลยาต้องขุดเรื่องเก่า ๆ มาพูด เธอรับไม่ได้หรอก



หลังจากสภาพจิตใจเริ่มเป็นปกติลง รักจิราก็เดินหน้าบึ้งลงจากห้อง เช้านี้แก้วกัลยาเป็นคนไปซื้อข้าวต้มจากร้านหน้าหมาล้านมา เพราะน้ำเต้าหู ชา กาแฟ ไม่สามารถให้พลังงานในการทำงานใหม่ของเธอได้ เธอพึ่งรู้ว่าการเป็นผู้ตัดการส่วนตัวศิลปินมันไม่ได้ง่ายเลย โดยเฉพาะศิลปินชื่อดังอย่างคีตภัทร คีตภัทรถูกสั่งห้ามไม่ให้ขับรถเองหนึ่งเดือน หลังจากขับรถผิดกฎจราจร รวมถึงเมาแล้วขับ โชคดีที่ข่าวปิดเงียบลงได้ ไม่อย่างนั้นคงได้ลงหน้าหนึ่ง ทำให้เธอต้องเป็นผู้ไปรับไปส่งคีตภัทรในช่วงที่รถโดยบริษัทยึดไว้ เธอคิดไว้แล้วว่าหน้าที่ผู้จัดการส่วนตัวต้องไปธรรมดา เพราะเธอต้องคอยเคลียร์คิว ที่สำคัญการที่คีตภัทรจะต้องให้สัมภาษณ์หรือออกรายการเธอต้องตรวจสอบคำถามเหล่านั้นก่อน เพื่อกันคำถามที่ไม่เหมาะสมไม่อนุญาต และยังมีมีมากมายที่ไม่สามารถอธิบายได้ที่เธอต้องรับผิดชอบ

เคร้ง!!!

แก้วกัลยาที่เหม่อลอยสะดุ้งอย่างตกใจเมื่ออยู่ ๆ รักจิราก็ของขึ้นวางแก้วน้ำกระแทกเสียงดังใบหน้าบูดบึ้งอีกครั้ง และขยับปากเหมือนเข่นเขี้ยว

“ไอ้บ้าเอ๊ย!!!”

“ไอ้รักแกเป็นบ้าอะไรตั้งแต่เช้าแล้ว ไม่สิตั้งแต่สองสามวันก่อนแล้ว กลับมาถึงก็ตะโกนเสียงดังยังกับคนบ้า ทำเสียงปึงปังในห้อง และเช้านี้แกยังไม่พาลทำให้บรรยากาศที่ไม่ดีอยู่แล้วยิ่งแย่อีก” แก้วกัลยาเอ่ย เธอเองก็สังเกตเห็นได้ว่าสองสามวันก่อนหลังจากกลับมาจากทำงานในช่วงค่ำ ๆ รักจิราก็มีท่าทีแปลกไป แต่ยังไม่บ้าคลั่งเท่าวันนี้

“ไม่มี แค่ไปเจอคนบ้า ๆ ปากหมา ปากเสีย น่าแค้นที่เค้าไม่ต่อยมันให้แรง ๆ เอาให้กินข้าวต้มไม่ได้สักสามสี่วัน หงุดหงิด น่าโมโห” รักจิราไม่พูดเปล่า ดวงตาเริ่มลุงเป็นไฟอีกครั้ง มือกำช้อนแน่นจนช้อนที่กำอยู่บิดงอ วันวิวาห์มองและเอ่ยขึ้น

“คนบ้า ๆ ที่ว่า ใช่สายฟ้าไหม” รักจิราหันไปมองวันวิวาห์ ที่โดนอ่านใจออก

“ตัวรู้ได้ไงเจ๊วัน”

“อาการแกเคยเป็นแบบนี้หรอไง เคยกรีดร้องเป็นคนบ้าหรือไง นอกจากเรื่องไอ้สายฟ้า แกไม่เคยเป็น ถ้าอย่างนั้นก็เป็นอย่างที่วันบอกสินะ แกเจอกับไอ้สายฟ้ามา พรหมลิขิต อุบ..แค่ก แค่ก” รักจิราตักข่าวต้มยัดใส่ปากของแก้วกัลยาทันทีที่แก้วกัลยาตั้งใจจะล้อเธอ

“ไม่ใช่สักหน่อย ก็แค่เจอคนบ้ามันพูดจากวนโมโห ตัวไม่ต้องมาสนเค้าหรอกเจ๊แก้ว เค้าว่าตัวนั่นแหละไปถึงไหนแล้ว ช่วงนี้ดูยุ่ง ๆ” แก้วกัลยาทำหน้าเฉไฉไม่สนใจคำถาม และไม่ตอบด้วย ถ้าเกิดเล่าว่าตอนนี้แผนเธอที่วางไว้กำลังจะแห้ว มีหวังเสียหน้า และโดยรักจิราทับถม

“เอ่อ...จริงสิ พวกเราไม่ได้ไปกินข้าวนอกบ้านนานแล้วนะ ครั้งสุดท้ายก็สามสี่เดือนก่อน เราไปกินข้าวนอกบ้านไหม วันนี้ฉันเสร็จงานแล้ว ว่าไงวัน” แก้วกัลยาถามความเห็นสมาชิกทั้งสองของบ้าน วันวิวาห์พยักหน้ารับ เพราะตัวเองยังไงก็ได้อยู่แล้ว แต่เหลืออีกคนที่ยังนั่งหน้าหักหน้างอเป็นปลาทู

“รัก รัก ไอ้รัก” ไม่ตะโกนเปล่ามือเรียวยังยื่นไปหยิกแขนรักจิรา จนเจ้าตัวสะดุ้ง

“โอ๊ย!!! เจ๊ทำอะไรของเจ๊”

“ฉันถามแล้วแกไม่ตอบ มัวแต่ทำหน้าหักอยู่นั่นแหละ ตกลงว่าวันนี้จะไปกินข้าวนอกบ้านไหม” รักจิราพยักหน้า

“เอาสิ ช่วงนี้เซ็ง ๆ ไปข้างนอกบ้างอาจจะช่วยให้เค้าอารมณ์ดีขึ้น จะไปกี่โมงล่ะ จะไปร้านไหน”

“สักสองทุ่มละกัน นั่งกินริมแม่น้ำจะได้ได้บรรยากาศ ไปร้านประจำพวกเรานั่นแหละ น่าเสียดายที่ขวัญไม่อยู่ ถ้าอย่างนั้นวันให้ไอ้รักยืมรถละกัน จะได้มีรถขับไป ส่วนวันไปกับฉัน เดี๋ยวขากลับจะแวะไปรับที่โรงพยาบาล จะได้ไม่ยุ่งยาก” วันวิวาห์พยักหน้าหยิบกุญแจรถของตัวเองให้กับรักจิรา

“งั้นเจ๊ไปก่อนนะเจอกันที่ร้าน” แก้วกัลยาลุกขึ้นเดินออกพร้อมกับวันวิวาห์

“วัน เดี๋ยวขอแวะไปรับคนก่อนได้ไหม พอดีผ่านทาง แล้วจะแวะไปส่ง” วันวิวาห์พยักหน้าและหยิบไอแพดขึ้นมาเปิดดูข่าวในวันนี้ รถขับมาจอดลงที่หน้าคอนโดแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ห่างจากหมู่บ้านของพวกเธอสักเท่าไหร่ ประตูหลังเปิดออกพร้อมกับผู้ชายคนหนึ่งที่แก้วกัลยาต้องมรับเดินก้าวขึ้นมา

“คิดว่าจะสาย” แก้วกัลยาเอ่ย คีตภัทรยิ้ม

“ผมไม่สายทุกวันหรอกครับคุณแก้ว แล้ว...” เขามองผู้หญิงอีกคนที่นั่งอยู่ข้างแก้วกัลยา ใบหน้าสวยที่มองเห็นเพียงด้านข้างดูคุ้นตามาก จนแก้วกัลป์ยาสังเกตเห็นสายตาของคีตภัทรที่แสดงความอยากรู้จัดผ่านกระจกหลัง เธอก็ยิ้มและหันไปสะกิดเรียกวันวิวาห์ที่เคยหน้าขึ้นจากไอแพด

“วัน ฉันมีคนจะแนะนำให้รู้จัก” วันวิวาห์พยักหน้า และหันไปมองผู้ชายที่นั่งอยู่ด้านหลัง ใบหน้าคุ้นตา และวันวิวาห์กำพยายามนึกว่าเคยเจอที่นี่

“นี่คีตะ น้องร้องที่ฉันต้องมาดูแล คีตะนี่ลูกพี่ลูกน้องของฉัน วันวิวาห์” คีตภัทรยิ้มขึ้นมาทันที เพราะเธอคือผู้หญิงที่ช่วยเขาเมื่อหลายวันก่อน ใบหน้าสวยยังติดตรึงอยู่ในความคิดของเขาเสมอ เธอสวยดึงดูดใจ ดวงตาคมกริบที่แฝงความเย็นชาไว้ทำให้เขาอยากจะเข้าไปสัมผัสเนื้อแท้ของจิตใจ

“เราเคยเจอกันคุณจำได้ไหม ผมคีตะที่คุณช่วยผมตอนหนีแฟนคลับไว้”

“ฉันไม่ได้ช่วย คุณลากฉันขึ้นรถมาโดยที่ฉันไม่ได้รับอนุญาต” ในที่สุดหลังจากที่มองเขามาได้สักพักก็นึกออก และคำพูดที่เรียบเฉยคล้ายไม่ได้คิดอะไรทำเอาเขาจุก แต่ใบหน้าสวยหวานดังผู้หญิงก็บังคงรอยยิ้มเอาไว้

“โธ่...ยังไงผมก็ถือว่าคุณช่วยผม ผมไม่คิดว่าคุณจะเป็นลูกพี่ลูกน้องกับคุณแก้ว ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณวันวิวาห์ ผมเรียกคุณว่าคุณวันเหมือนกับคุณแก้วแล้วกันนะครับ” วันวิวาห์ไม่ตอบและหันกลับไปสนใจไอแพด

“คุณวันทำงานอะไรครับ” เขาเพียรถามแต่เธอไม่ตอบ แก้วกัลยาอยากจะหัวเราะ เธอมองออกสายตาของคีตภัทรนักร้องหนุ่มชื่อดังที่มีมาดของความน่ารัก อบอุ่น ขี้เล่น และอารมณ์ดี ซึ่งมันไม่ใช่แค่การสร้างภาพให้ดูดี แต่มันคือเนื้อแท้ หลังจากได้ทำงานมาร่วมสัปดาห์ เธอจึงพบว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนดีมากคนหนึ่ง ไม่หยิ่ง ไม่ถือตัว และเป็นผู้ชายที่แสดงออกทางสายตาอย่างชัดเจนว่ากำลังสนใจวันวิวาห์

“วันเป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาลวรรณเวศย์” ดูเหมือนคีตภัทรจะนิ่งไป และก็กลับมายิ้มอีกครั้ง

“คิดไว้แล้วเชียว สวย ๆ นิ่ง ๆ ใจดีแบบคุณต้องเป็นหมอ”

“ถึงแล้ววัน” วันวิวาห์ไม่ได้สนใจเสียงของคีตภัทร คีตภัทรเดินลงจากรถเพื่อจะไปนั่งด้านหน้าแทนวันวิวาห์ เขาดึงประตูเปิดออกก่อนที่วันวิวาห์จะจับประตูเปิดออกเสียอีก วันวิวาห์มองผู้ชายที่มีรอยยิ้มดุจแสงอาทิตย์ เขาเป็นผู้ชายที่มีออร่าของความมีชีวิตชีวา รอบ ๆ กายเขาดูเหมือนจะมีแต่ความสุข

“ครั้งนี้ถือว่าเรารู้จักกันแล้วนะครับคุณวัน” เขาเอ่ย วันวิวาห์มองเขาและกำลังจะเดินไป แต่เขาก็เรียกเธอไว้ก่อน
“คุณวันครับ” วันวิวาห์ยังคงแสดงท่าทีเฉยเมย เขายื่นผ้าเช็ดหน้าผืนสีขาวปากลายดอกไม้ที่มุมผ้าเช็ดหน้าปีกอักษรย่อ ...W.S... เอาไว้ มันคือตัวย่อชื่อและนามสกุลของเจ้าของผ้า

“ครั้งก่อนผมไม่ได้คืนให้คุณ ผมซักให้เรียบร้อยแล้ว รับรองสะอาด” วันวิวาห์มองผ้าเช็ดหน้าในมือของเขาที่ยืนมาให้สลับกับมองหน้าเขาไปมา และเอ่ยขึ้น

“เก็บไว้เถอะค่ะ เผื่อคุณหัวแตกอีก” และวันวิวาห์ก็เดินเข้าไปในโรงพยาบาล รอยยิ้มยังคงปรากฏ เขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่เย็นชา แสดงท่าทีเว้นระยะห่างกับเขาขนาดนี้ คีตภัทรมองผ้าเช็ดหน้าและเก็บใส่กระเป๋าเสื้อไว้ตามเดิมและเดินขึ้นรถนั่งที่ตำแหน่งข้างคนขับแทนวันวิวาห์ กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากน้ำหอมของเธอยังอวลอยู่บางเบา

“สนใจวันหรอ” แก้วกัลยาถาม

“ครับ ผมไม่เคยเจอผู้หญิงแบบคุณวัน เธอน่าสนใจ” คีตภัทรตอบอย่างสุภาพกลับไป

“สนใจแค่ชั่วคราวหรือยังไง” แก้วกัลยายังซักไม่เลิก

“ไม่รู้สิครับ ผมยังตอบไม่ได้ แต่ผมรู้ว่าคุณวันมีบางอย่างที่น่าสนใจ” เขาตอบอย่างไม่ลังเลหรือปิดบัง แก้วกัลป์ยาพยักหน้ารับ และขับรถมุ่งตรงสู่สตูดิโอสำหรับถ่ายแบบในวันนี้

“เรื่องแบร์เป็นยังไงบ้างครับ” คีตภัทรหันไปถามแก้วกัลยาที่กำลังจะเปิดประตูลง แก้วกัลยารู้ว่าคีตภัทรกำลังถามเรื่อง แบร์ บัณฑิตา คลาวด์ ชัยวัฒนา นักร้องสาวหน้าใสที่กำลังมีชื่อเสียงไม่แพ้กัน นักร้องสาวที่มีภาพลักษณ์ดีมาตลอดแต่กลับตกเป็นประเด็นว่าเข้าไปข้องเกี่ยวกับยาเสพติด และตอนนี้ข้าวของบัณฑิตากำลังกลายเป็นข่าวคึกโครม ซึ่งแก้วกัลยาก็เข้าใจว่าทำไมคีตภัทรถึงถามถึง สองคนเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ช่วงมาเก็บตัวเป็นนักร้อง จนมีเรื่องขึ้น ซึ่งเขาก็พึ่งรู้เมื่อคืน แต่ถูกต้นสังกัดสั่งห้ามไม่ให้ออกจากบ้าน และไม่ให้สัมภาษณ์ใด ๆ

“เมื่อวานฉันโทรไปคุยกับคุณเพชรมาแล้ว แบร์โดนกักตัวอยู่ที่โรงพัก ตอนนี้เรากำลังรอผลตรวจ”

“แล้วเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นครับ”

“ฉันเองก็ไม่รู้แน่ชัด เมื่อคืนหลังจากเสร็จงานเจ๊ลูกพีชบอกว่าให้แบร์กลับบ้านเอง เพราะมีธุระด่วน รู้อีกทีแบร์ก็อยู่ในข่าวทีวีแล้ว เห็นว่าแบร์ไปผับที่เขากำลังมั่วยากันอยู่ ตำรวจไปเจอน้องแบร์ในห้องน้ำ น้องแบร์มีสภาพแย่มาก และผลตรวจฉี่ของน้องแบร์ยังเป็นสีม่วง”

“ผมไม่อยากจะเชื่อ”

“ใช่ไม่อยากจะเชื่อ ตอนนี้ต้นสังกัดกำลังวุ่นวายกันใหญ่เลย คิดว่าอีกไม่กี่วันก็คงจะแถลงข่าวใหญ่อีกที ตอนนี้พวกนายก็อาจจะโดนเพ่งเล็งไปด้วย” แก้วกัลยาเอ่ย พลางนึกไปถึงเพทายที่เธอพึ่งโทรคุยด้วยเมื่อคืนหลังรู้เรื่องจากมินตราที่โทรมาตอนตีสาม เธอเองก็รีบต่อสายหาเพทาย ตอนแรกเธอคิดว่าเขาจะไม่รับ แต่ปรากฏว่าเขารับ เธอคุยกับเขาสักพักก่อนจะวางสายไป




งานวันนี้เป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะนักข่าวพากันมาดักรอสัมภาษณ์คีตภัทรที่ถือว่าเป็นเพื่อนที่ใกล้ชิดกับบัณฑิตาที่สุด แต่ทางบริษัทโทรมาสั่งแล้วว่างดการให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับบัณฑิตา วันนี้คีตภัทรมีงานหลายที่ เธอต้องทางทางเลี่ยงนักข่าว การทำงานก็เป็นไปอย่างทุลักทุเล เพราะนักข่าวพยายามจะขอเข้ามาในกองถ่าย และคืนนี้งานขึ้นคอนเสิร์ตเป็นงานสุดท้ายของวันก่อนที่แก้วกัลยาจะต้องพาคีตภัทรไปส่ง แก้วกัลยามองคีตภัทรที่ร้องเพลงอยู่บนเวที คีตภัทรเป็นนักร้องหนุ่มที่มีเสน่ห์มากไม่ใช่แค่หน้าตาที่หวานเหมือนผู้หญิง แต่เสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์ฟังแล้วตรึงใจ เธอไม่แปลกใจที่เขาจะกลายเป็นขวัญใจมหาชนในระยะเวลาอันรวดเร็ว บวกกับนิสัยที่นอบน้อม เขายกมือไหว้ตั้งแต่คนยกฉากไปจนถึงเจ้าของงาน ตอนแรกเขาก็ยกมือไหว้เธอ แต่เอสั่งห้ามไว้แม้เธอจะอายุมากกว่าเขาสี่ปี แต่เธอก็ไม่พิสมัยให้ใครมายกมือไหว้ราวกับเธอเป็นผู้สูงอายุ แต่สุดท้ายรวมแล้วเธอก็รู้ว่าการกระทำของเขามันออกมาจากใจล้วน ๆ พอมองเห็นใบหน้ายิ้มราวแสงอาทิตย์ทำให้เธอนึกถึงใบหน้าของญาติผู้น้องอย่างวันวิวาห์ขึ้นมา ในหัวกำลังคิดอะไรบางอย่าง

“คุณแก้วครับมีคนฝากของมาให้คุณคีตะครับ” แก้วกัลยาหันไปมองทีมงาคนหนึ่งที่เดินถือกล้องพัสดุสีขาวมาให้เธอ แก้วกัลยารับไว้ และมองกล่องในมือสลับกับนักร้องหนุ่ม ช่วงนี้เธอรู้สึกว่าที่บริษัทเกิดเรื่องบ่อย อย่างน้อยก่อนของจะไปถึงมือคีตภัทรเธอควรจะตรวจสอบก่อน และแก้วกัลยาก็เปิดกล่องออก ภายในกล่องไม่ได้มีอะไรนอกจากกระดาษแผ่นหนึ่งที่ผับไว้ แก้วกัลยาวางกลองลงที่เก้าอี้ และเปิดกระดาษออกดู

...ยกเลิกงานทั้งหมดไปซะ ถ้าไม่อยากตาย...

แก้วกัลยายืนนิ่งมองข้อความที่พิมพ์จากคอมพิวเตอร์ ก่อนจะกดโทรศัพท์โทรหาเพทาย แต่เพทายกลับปิดเครื่อง แก้วกัลยาทำหน้าคิดหนัก เธอไม่รู้ว่าข้อความนี้เป็นแค่คนโรคจิตส่งมาคู่เล่น ๆ หรือมีคนคิดจะปองร้ายจริง ๆ เพราะจดหมายแบบนี้เธอได้รับมาสามฉบับแล้ว และเธอก็เป็นคนเก็บไว้ เธอลองโทรไปปรึกษาเพทาย เพทายกลับบอกว่าอาจจะเป็นพวกแฟนคลับโรคจิต เพราะแต่ก่อนก็มีคนส่งข้อความประมาณนี้มา ทำให้พวกเขาแต่ตื่นหาการ์ดให้คีตภัทรล้อมตัวคีตภัทรยิ่งกว่านายกเสียอีก แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไร แต่ลางสังหรณ์บางอย่างของเธอกำลังบอกเธอว่านี่มันไม่ใช่เรื่องปกติ แก้วกัลยาไล่ความคิดน่าปวดหัวทิ้งและมองการแสดงบนเวทีต่อ

“เหนื่อยมาก นักข่าวพวกนี้ไม่มีอะไรทำกันหรือไงมาดักรอ” แก้วกัลยาเอ่ยหลังจากกันตัวคีตภัทรออกมาจนถึงรถได้สำเร็จ ใบหน้าของแก้วกัลยากำลังเก็บกั้นอารมณ์ที่พวยพุ่มไว้อย่างรุนแรง

“ผมก็เข้าใจเขาอยากได้ข่าว มันอาชีพเขานี่ครับ”

“แต่นี่มันเกือบทำให้กองถ่ายทำงานไม่ได้ แถมมาดักหน้าทางเข้างานคอนเสิร์ตจนนายเกือบขึ้นเวทีไม่ทัน มันน่าโมโหนัก นี่ถ้าฉันไม่เห็นแก่ว่านายเป็นนักร้องดังล่ะก็ ฉันวีนแตกไปแล้ว” คีตภัทรมองและยิ้มกับท่าทีของแก้วกัลยา ตัวเขาเป็นคนโดนรุมเขายังไม่โมโหเท่าแก้วกัลยาเลย

“โชคดีที่งานของนายหมดแค่ทุ่มหนึ่ง ไม่อย่างนั้นฉันได้ตายก่อนแน่ จริงสิ ตั้งแต่เช้านายกินข้าวไปแค่นิดเดียวเอง ไปด้วยกันไหม” เขาทำหน้าไม่มั่นใจ ยิ่งนักข่าวจับตาอยู่

“วันไปด้วยนะ” พอได้บินว่าวันวิวาห์ไปด้วยจากที่กำลังจะปฏิเสธ เขารีบตอบรับในทันที

“ไปครับ แต่ว่าถ้าผมไปคนต้องจำได้แน่”

“เดี๋ยวก่อนถึงฉันแปลงโฉมให้ รับรองไม่มีใครจำได้ นี่เกือบจะหนึ่งทุ่มแล้ว เดี๋ยวเราแวะไปรับวันเลย จะบอกให้นะจะจีบวันมันไม่ง่ายเลย วันน่ะเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้เรียกว่าเย็นชานะ แต่ด้านชา”

“หมายความว่ายังไงครับ”

“นายก็เห็นสวย ๆ แบบวันหาผู้ชายได้ไม่ยาก แต่ทำไมวันถึงโสดมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่ให้ว่าไม่มีคนจีบหรอกนะ แต่ยังไม่มีใครเข้าถึงความรู้สึกของวันได้ ถ้าคิดจะจีบขอให้เตรียมใจไว้ด้วย จะได้ไม่ผิดหวัง”

“แล้วทำไมคุณวันเธอถึงเป็นอย่างนั้นครับ”

“เรื่องในครอบครัว อยากรู้คงต้องหาความจริงเอาเอง” แก้วกัลยาเอ่ย และมองไปที่กระจกหลังเริ่มเห็นอะไรบางอย่างแปลก ๆ รถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งกำลังขับตามรถของเธอมาตั้งแต่ออกมาจากงานคอนเสิร์ตแล้ว ตอนแรกเธอคิดว่าเธอคิดไปเอง แต่นี่ถนนตอนนี้รถมีอยู่น้อยมาก เรียกว่าโล่งเลยก็ว่าได้ แต่ทำไมมอเตอร์ไซค์คันนั้นไม่ยอมขับแซง

“มีคนขับตามเรามาใช่ไหมครับ” แก้วกัลยาพยักหน้า

“ผมสังเกตเห็นได้สักพักแล้วครับ คุณแก้วว่าเป็นคนร้าย หรือนักข่าว”

“ไม่รู้สิ แต่ที่แน่ ๆ คงไม่ใช่คนดี เพราะในมือไอ้คนซ้อนมันถือปืน” แก้วกัลยาพูดและเริ่มเหยียบคันเร่ง เพื่อขับหนีเมื่อเห็นว่าคนข้างหลังยกปืนขึ้นมา และโชคร้ายที่ถนนสายที่เธอใช้เป็นถนนเขตเลี่ยงชานเมือง และเป็นช่วงที่เรียกว่ารถน้อยมาก ทางที่ดีต้องรีบขับหนีให้พ้นจากแถวนี้ไปในเขตที่มีรถวิ่งเยอะ พวกมันน่าจะไม่กล้าลงมือ หลังจากทิ้งห่างมาได้สักพักจนใกล้จะเข้าสู่เขตตัวเมือง เธอคิดว่าคนร้ายคงไม่กล้ายิงแล้ว เพราะแถวนี้มีร้านค้า มีตลาดเล็ก ๆ มีร้านค้าตามข้างทาง แม้จะไม่เข้าถึงตัวเมืองที่มีรถติดยาวเหยียด แต่แถวนี้ก็ย่านชุมชน แต่เธอคิดผิดเมื่อ

ปัง!!!

เสียงปืนดังขึ้นพุ่งใส่กระจก แน่นอนว่าเธอรอบคอบพอที่จะเลือกรถที่มันกันกระสุนได้ แก้วกัลยาพยายามขับหนีการไล่ลา และข้อความในจดหมายขู่ก็แล่นเข้ามาในความคิด ไม่ต้องคิดอะไรอีกแล้ว ไอ้คนร้ายที่ว่ามันเริ่มลงมือตามที่ขู่แล้ว แก้วกัลยาพยายามขับสลัดหนีให้พ้น เกิดมาในชีวิตไม่เคยต้องขับรถวิ่งหนีกระสุนมาก่อน

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย คีตะนายโทรหาคุณเพชรเดี๋ยวนี้เลย” คีตภัทรพยักหน้า และ

“กรี๊ด!!!” แก้วกัลยาร้องเสียงดัง คีตภัทรเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์มองภาพตรงหน้า เมื่อเห็นรถสิบล้อกำลังขับเลี้ยวออกมา แก้วกัลยาพยายามเหยียบเบรก และลดความเร็ว แต่เบรกกับไม่ทำงาน เสี้ยววินาทีก่อนที่รถจะพุ่งเข้าชนรถสิบล้อคันนั้น แก้วกัลยาตัดสินใจหักหัวรถออก รถจึงพุ่งเข้าชนต้นไม้ข้างทาง ระบบเซฟตี้ทำงาน แต่ผลจากแรงอักกระแทกก็ทำให้แก้วกัลยาและคีตภัทรสลบไป


วันวิวาห์มองนาฬิกาที่ตอนนี้เกือบจะสองทุ่มแล้ว แต่แก้วกัลยายังไม่มาสักที เมื่อกดโทรออกสายก็ไม่มีใครรับ จนแก้วกัลยาอดเป็นห่วงไม่ได้ ปกติถ้าจะมาช้าแก้วกัลยาจะต้องโทรมาบอก เสียงรถพยาบาลดังใกล้เข้ามาและจอดลง วันวิวาห์มองบุรุษพยาบาลที่พาตัวผู้ป่วยลงจากรถ แน่นอนว่าเธอรู้จักผู้ป่วยทั้งสองคน คนหนึ่งคือนักร้องหนุ่มที่พึ่งเจอกันเมื่อเช้า แต่อีกคนคือญาติผู้พี่ของเธอ วันวิวาห์วิ่งตามรถพยาบาลเข้าไป ในมือกดต่อสายโทรหารักจิรา

(ว่าไงเจ๊วัน เค้ากำลังจะออกจากสำนักงานไปที่ร้าน)

“ไม่ต้องไปแล้ว มาที่โรงพยาบาลวรรณเวศย์ด่วนเลย แก้วประสบอุบัติเหตุ” วันวิวาห์กดตัดสายทิ้งและวิ่งไปรออยู่หน้าห้อง จากที่มองตามไปอาการภายนอกของแก้วกัลยาไม่เป็นอะไรมาก แต่ภายในคงต้องรอดู รักจิราที่ตามมาสมทบที่หลังรีบเดินเข้าไปด้านใน ซึ้งตอนนี้ภายในโรงพยาบาลคับคั่งไปด้วยกองทัพนักข่าวที่มารอสัมภาษณ์ และดูอาการนักร้องคนดัง รักจิราเดินเข้าไปในห้องที่แก้วกัลยาพักฟื้นอยู่ แก้วกัลยายังคงหลับเพราะฤทธิ์ยาหลังจากถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาล โชคดีที่อาการไม่ได้สาหัส มีเพียงรอบฟกช้ำ เศษกระจกรถ มีบาดแผลตามตัวเล็กน้อย นอกนั่นอาการปกติทุกอย่าง อาจเพราะรถมีระบบเซฟตี้ดี ถึงทำให้เธอและคีตภัทรรอดตายมาได้

“นักข่าวเต็มเลยสงสัยจะมารอทำข่าวคีตะ ว่าแต่เจ๊แก้วไปทำอีท่าไหนถึงเป็นอย่างนี้ได้”

“ตำรวจบอกว่าแก้วขับรถเกินอัตราที่กำหนด แต่เรื่องราวยังไงคงต้องรอถามแก้ว แล้วก็ต้องรอตำรวจตรวจสอบอีกที” วันวิวาห์เอ่ย
“แล้วคุณคีตะเขามาเกี่ยวอะไรด้วย”

“แก้วยังไม่เล่าให้ฟังสินะว่าต้องไปเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้คีตะ” รักจิราพยักหน้าและมองเปลือกตาของแก้วกัลยาที่กำลังขยับและลืมขึ้น เหมือนเจ้าตัวจะยังงง ๆ และยังตื่นไม่เต็มที่และ

“กรี๊ด!!!” แก้วกัลยาร้องขึ้น สองสาวรีบเข้าไปจับตัวแก้วกัลยาไว้

“เจ๊แก้ว เจ๊แก้ว นี่เค้าเอง เจ๊ปลอดภัยแล้ว เจ๊ไม่เป็นอะไรแล้ว” แก้วกัลยามองสองสาว ท่าทีผวาจากความกลัวค่อย ๆ หายไป เธอคิดว่าเธอจะตายไปแล้ว วินาทีนั้นถ้าเธอหักหลบไม่ทัน เธอตายแน่

“แก้ว โอเคไหม” แก้วกัลยาโอเค รักจิราเดินไปเทน้ำใส่แก้วส่งให้แก้วกัลยาดื่ม เมื่อท่าทีหอบเหนื่อยจางลง รักจิราก็เริ่มต้นถามบ้าง

“มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ ๆ รถถึงคว่ำได้”

“มีคนจะฆ่าคีตะ พวกมันส่งจดหมายขู่มา ตอนแรกฉันคิดว่าคงไม่มีอะไร แต่พวกมันจงใจจะฆ่าพวกเรา ตอนฉันขับรถออกจากงานคอนเสิร์ตฉันเห็นรถคันหนึ่งขับตามมา ฉันคิดว่าใกล้จะเข้าตัวเมืองมันคงไม่กล้ายิง แต่มันยิง รู้ไหมว่าฉันคิดว่าฉันต้องตายแน่ ๆ ยิ่งตอนที่หันหน้ากลับไปแล้วเจอรุสิบล้อกำลังวิ่งออกมา ฉันพยายามเบรกแต่เบรกมันไม่ทำงาน ฉันคิดว่าพวกมันคงตัดสายเบรก และถ้าตอนนั้นไม่หักหลบ ฉันกับคีตะคงได้ตายในรถไปแล้ว”

“แล้วตัวจะเอายังไงต่อเจ๊แก้ว”

“เอาเรื่องไง” รักจิรามองใบหน้าที่กรุ่นโกรธของแก้วกัลยา “คุณเพชรจะต้องรับผิดชอบ ฉันบอกเขาแล้วว่ามันไม่ใช่แค่จดหมายขู่ เซ้นส์ฉันแรงจะตาย โอ๊ย!!!” แก้วกัลยาที่เผลอขยับตัวร้องเมื่อรู้สึกปวดไปตามร่างกาย

“นอนเถอะเจ๊แก้วตื่นมาค่อยว่ากันใหม่ คืนนี้เดี๋ยวเค้ากับเจ๊วันจะอยู่เฝ้าตัวนะ”

“ไม่ต้องหรอก กลับบ้านไปเถอะ นี่ก็ดึกแล้ว แค่อยู่โรงพยาบาลฉันอยู่ได้ ฉันไม่ใช่ขวัญไม่ต้องทำท่าเหมือนฉันเปราะบาง ไป ๆ กลับไปกันได้แล้ว” ทั้งสองทำหน้าไม่มั่นใจ

“จะไปไม่ไป ถ้าแกไม่กลับบ้านไปฉันกลับเองจริง ๆ นะ” ทั้งสองเลยต้องเดินออกไป เพราะแก้วกัลยาเคยขู่ใครที่ไหน ถ้าบอกว่าจะทำเธอทำแน่นอน เมื่อทั้งหมดเดินออกไปทุกอย่างก็กลับเข้าสู่ความเงียบ แก้วกัลยาหลับตาลง เก็บแรงไว้เผชิญกับปัญหาในวันพรุ่งนี้



...ติดตามตอนต่อไป....


เผลอแป๊บเดียวมาถึงตอน 12 แล้ว ขอบคุณนักอ่านที่เข้ามาติดตาม

หลังจากตอนนี้อาจจะหายไปสักพัก ช่วงนี้หมดแรงจริง ๆ เกิดความท้อขึ้นมานิด ๆ
ยังไงก็ช่วยเป็นกำลังใจให้กัน แล้วจะรีบนำตอนใหม่มาอัพให้ค่ะ


ฝากคอมเม้นส์เป็นกำลังใจเล็ก ๆ ให้กันด้วยนะคะ จะได้มีกำลังใจนำตอนสนุก ๆ มาอัพให้อีก บ๊ายบายค่ะ



พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 มิ.ย. 2557, 20:55:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 มิ.ย. 2557, 21:01:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 1513





<< 11 งานใหม่ภาระที่ใหญ่กว่าเดิม   13 คุณต้องรับผิดชอบ!!!! >>
แว่นใส 18 มิ.ย. 2557, 21:07:08 น.
เรื่องร้าย ๆ กำลังตามมา


yimyum 18 มิ.ย. 2557, 21:31:20 น.
หนุกๆๆ


ไม้เอก 19 มิ.ย. 2557, 00:00:23 น.
รอติดตามอยู่นะคะ...เป็นกำลังใจให้คะ ^^


ใบบัวน่ารัก 19 มิ.ย. 2557, 05:24:57 น.
งง หายไปไหนอีก1 คน


ใบบัวน่ารัก 19 มิ.ย. 2557, 05:25:26 น.
งง หายไปไหนอีก1 คน


จ๊ะจ๋า 19 มิ.ย. 2557, 13:47:16 น.
คีตะนี่พระเอกของใครกัน แก้ว หรือ วัน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account