UnRomantic Love หนีไม่พ้นใจ (เล่ห์ลวงจันทร์)
เขียนจันทร์ เดินทางกลับมาจากต่างประเทศเพื่อมารับพ่อที่กำลังเกษียณไปอยู่บ้าน

วันแรกที่กลับมาเธอก็พบผู้ชายปากร้าย แข็งกระด้าง มาตามหาพี่สาวของเธอ

ปากก็บอกตามหา แต่ทุกวันก็ยังวนเวียนอยู่กับเธอ ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไป

ทำไมผู้ชายนิสัยแบบนี้ คุมสถานบันเทิงใหญ่ จะเลี้ยงเด็กที่เขาบอกว่าเป็นลูกได้ดีเหรอ

แล้วทำไมถึงได้ยัดเยียดลูกให้เธอเลี้ยง ส่วนตัวเองก็ร่อนไปหาพี่สาวเธอแบบนี้เล่า

นายรักษ์ชาติ...นายมันผู้ชายยอดแย่ที่สุด

แล้วทำไมวันที่เธอมีปัญหาที่สุด คนแย่ๆ แบบเขากลับไม่ยอมทิ้งให้เธอเผชิญปัญหาคนเดียว

กลัวจะไม่มีเบ๊ไว้ให้ใช้ล่ะสิท่า...อย่าคิดว่าคนอย่างเธออ่านเกมเขาไม่ออก
Tags: เขียนจันทร์ รักษ์ชาติ จักรตรากูล กองพัน

ตอน: บทที่ 27 : หล่อร้าย

บทที่ 27

มอเตอร์ไซค์พุ่งทะยานไปเบื้องหน้าด้วยความเร็วสูง แสงสีส้มเริ่มระบายอยู่ที่ปลายขอบฟ้า เป็นสัญญาณแห่งเช้าวันใหม่ เจ้าของร่างเล็กภายใต้หมวกกันน็อกควบคุมรถที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวพาร่างคุณหมอที่กอดเอวของหญิงสาวไว้แน่นด้วยความไม่ชิน เสียงลมอื้ออึงพัดผ่านหูทั้งสองข้าง บดินทร์ภัทรหลับตาแน่น แอบไม่เข้าใจว่าทำไมภาพวิจิตรไม่ใช้รถยนต์ของเขาแทนที่ด้วยการบิดมอเตอร์ไซค์อย่างนี้

ภาพวิจิตรบิดรถออกมานอกเมือง ความวุ่นวายบนท้องถนนเริ่มลดน้อยลง หญิงสาวขับขนานไปกับลานสนามบินเล็กที่มีเครื่องบินขนาดใหญ่ มีตราสัญลักษณ์ที่รักษ์ชาติบอกไว้เป็นรูปคิงที่อยู่บนมุมไพ่จอดอยู่หนึ่งลำ มีคนส่งสัญญาณอยู่บนพื้นลานบิน หญิงสาวเหงื่อซึมตรงขมับ หัวใจเริ่มเต้นรัว เธอรู้ว่าไรรดาต้องอยู่บนเครื่องบินลำนั้น

รถมอเตอร์ไซค์คันโตผ่านเข้าไปในเขตลานบิน หญิงสาวแทบชนประตูที่กำลังเคลื่อนปิดผ่านเข้ามาได้อย่างฉิวเฉียด ภาพวิจิตรเป่าลมออกปากร้องวู้วอย่างโล่งอกที่ไม่ตายคาประตูเหล็ก แต่กลายเป็นจุดสนใจที่ทำให้คนในลานบินเล็กวิ่งไล่กวดมอเตอร์ไซค์ที่เธอขี่อยู่กันจ้าละหวั่น เสียงนกหวีด และรถเล็กที่มีในสนามบินเคลื่อนออกมาจากตัวตึกส่งสัญญาณให้เธอหยุด...มาถึงขนาดนี้เธอคงหยุดล่ะ

มือเรียวบิดไล่ท้ายเครื่องบินที่กำลังวิ่งไปตามลานบิน ส่งเสียงแตรบีบอยู่หลายครั้ง และทำได้แค่ไล่กวดอยู่ข้างๆ ค่อยๆ เพิ่มความเร็วจนขึ้นมา แต่ก็ถึงเพียงบริเวณส่วนหาง เครื่องบินมีแต่เพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ ระยะห่างที่ตามมาเริ่มทิ้งห่างออกไป ภาพวิจิตรมองความหวังของบดินทร์ภัทรที่กำลังบินลับไปอีกฟากโลก มือกลับเร่งบิดแทนที่จะชะลอ เธอมองสุดขอบลานที่เป็นแผงเหล็กกั้นแบ่งกับบึงน้ำ บิดจนไล่ขนาบอยู่ด้านข้าง เธอกะพริบไฟรถอยู่หลายครั้ง หวังให้คนในห้องขับได้เห็น เผื่อเครื่องบินขึ้นแล้วบินกลับลงมาได้

“ไม่ทันแล้ว!” ภาพวิจิตรสบถเสียงดัง ก่อนเบรกเอี๊ยดตัวโก่ง หันข้างรถก่อนที่ทั้งคันจะกระทบกับราวกั้น เสียงเบรกดังลั่นแสบแก้วหู หญิงสาวได้แต่มองเลยขึ้นเหนือหัวกับเรือบินลำยักษ์ที่เก็บล้อเรียบร้อยลอยขึ้นสู่เวิ้งฟ้าอันกว้างใหญ่

ภาพวิจิตรจอดรถมอเตอร์ไซค์ ถอดหมวกกันน็อกออกจากศีรษะที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ หน้าตามุ่ย มองค้อนเครื่องบินตัวต้นเหตุที่ทำให้เธออารมณ์เสียรับอรุณ อยากจะโยนหมวกกันน็อกปาอัดห้องคนขับหากไม่เกรงใจว่าตัวเองอาจจะต้องหย่อนเท้าไปหากระสุนปืนล่ะก็

“นี่ก็ยังนั่งอยู่กับที่ กล้ามเนื้อเกร็ง เส้นยึดไปแล้วเรอะพ่อคุณ” ภาพวิจิตรกอดหมวกกันน็อกไว้ตรงแขน ไม่รู้จะระบายความอัดอั้นกับใคร ยิ่งคุณชายผู้ไม่เคยหลุดมาดกำลังนั่งเกร็งไม่รู้จะลงจากยานพาหนะอย่างไร “เคยนั่งไหม”

“โหดๆ แบบนี้พี่เพิ่งเคยนั่งครั้งแรก”


นักบิดมือโหดย่นจมูกใส่ ปล่อยให้คนนั่งจนขาแข็งปีนลงจากรถมายืนเซเล็กน้อยด้วยตัวเอง มือชื้นเหงื่อถอดหมวกกันน็อกออกมาเผยใบหน้าซีดเซียวที่น่าจะมีอาการเมารถอีกเล็กน้อย

“ทำไงล่ะ...มาไม่ทัน ไม่รู้จะซ้ำเติมพวกรู้สึกตัวช้ายังไงดี” ภาพวิจิตรอดเหน็บไม่ได้ ก่อนจะเลื่อนสายตามองตามรถที่แล่นตามหลังพวกตนมา ซึ่งก็รู้ว่าเป็นบุคคลที่ดูแลลานบินเล็กแห่งนี้

“ยาหยี” เสียงเรียกคล้ายละเมอของหมอหนุ่มทำให้ภาพวิจิตรต้องกลับไปเพ่งมองคนที่มากับขบวนย่อมๆ ตรงหน้าอีกครั้ง ผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งมาในรถกอล์ฟยังคงเชิด และเมินมองไปทางอื่น เสียแต่ว่าหากริมฝีปากสีแดงจัดนั้นจะไม่ได้เม้มเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองยิ้มล่ะก็ ภาพวิจิตรอาจพาผู้ชายท่าเยอะกลับไปส่งที่โรงพยาบาลก่อน

บดินทร์ภัทรมีสีหน้าเจ็บปวดเคล้าดีใจให้สาวที่เพิ่งจะเดินลงมาจากรถกอล์ฟชะงักไปนิดหนึ่ง “ฉันควรจะกลับไปใช่ไหมคะ”

ชายหนุ่มส่ายหน้า ย่างก้าวเริ่มเดินด้วยขาที่ยังสั่นเล็กน้อย แต่ก็ไปหยุดยืนหน้าสาวลูกครึ่งได้อย่างมั่นคง บดินทร์ภัทรไม่กล้าเอื้อมมือไปดึงมือของไรรดามากุมไว้ ความลังเลใจยังหลงเหลือ เขาเองที่ผ่านมาก็ไม่เคยกล้าที่จะดึงนางฟ้าลงมาด้วยมือตัวเองจริงๆ เมื่อเทียบกับบ้านของไรรดา เขาสู้อะไรไม่ได้สักอย่าง...นอกจากหัวใจ

“ผมไม่รู้จะพูดอะไร ผมดีใจที่เห็นคุณตรงนี้นะยาหยี” บดินทร์ภัทรยิ้ม “ผมเป็นคนที่ขี้ขลาดจริงๆ ผมไม่เคยมั่นใจว่าตัวเองจะดูแลคุณให้เทียบเท่าที่บ้านของคุณได้”

“ฉันไม่เคยมองเงินของคุณ คุณไม่ต้องลำบากอะไรเพื่อฉัน ฉันแค่ต้องการตรงนี้” ไรรดาวางมือทาบลงไปบนตำแหน่งอกด้านซ้ายของบดินทร์ภัทร “ฉันเองก็ไม่ได้ดีวิเศษ ในเวลาที่เราเลิกกัน ฉันก็พยายามที่จะคบใครใหม่ รักๆ เลิกๆ แต่ไม่มีใครเลยที่จะทำให้ฉันรักได้จริงๆ ได้เท่ากับที่ฉันเคยรักคุณ”

“แค่เคยเองเหรอ” ภาพวิจิตรยืนพิงมอเตอร์ไซค์ออกปากถาม

ไรรดามองค้อนภาพวิจิตรที่ส่งเสียงมาขัดอารมณ์ “ถ้าฉันไม่รักฉันไม่อยู่ต่อหรอกนะคะ”

“ผมนึกว่าคุณจะไปแล้ว” บดินทร์ภัทรบอกถึงช่วงเวลาที่ภาพวิจิตรรีบเร่งเพื่อพาเขามาส่งที่นี่ด้วยหน้าตาที่ยังซีดไม่หาย

“ฉันคงไปแน่ค่ะ ถ้าพี่ขุนไม่โทรมาบอกว่าคุณจะมา” ไรรดาบอกไม่ถูกเลยจริงๆ ว่าตอนที่รู้ว่าบดินทร์ภัทรจะมานั้นเธอต้องขอร้องพี่ชายเธอขนาดไหนในการที่จะอยู่ต่อที่นี่

‘มันปฏิเสธน้องพี่ จะให้พี่เชื่อเหรอว่ามันจะไม่กล้าไล่น้องพี่อีก’

‘พี่ไม่เคยรักใคร...พี่ไม่มีวันรู้ ให้ฉันอยู่ต่อเถอะนะคะ อย่าให้ฉันต้องเสียใจที่ไม่อยู่ต่อเลย’

‘คิดดีแน่แล้วใช่ไหม’

‘ที่สุดในชีวิต’

ภาพวิจิตรอยากจะยกความดีทั้งหมดให้กับรักษ์ชาติที่รู้จักจบปัญหาที่ตัวเองพามาได้ เธอที่เกือบจะเดือดร้อนก็ถึงคราวเป็นอิสระไปด้วย

“เริ่มต้นใหม่กันเถอะนะ เรามานับหนึ่งใหม่” บดินทร์ภัทรพูดขึ้นด้วยท่าทีไม่มั่นใจนัก

“ฉันไม่เริ่มแค่ปากเปล่า” ไรรดาย้อนกลับมาด้วยมาดหยิ่ง หน้าเชิด

เสียงมอเตอร์ไซค์สตาร์ทเครื่องเรียกความสนใจจากทั้งสอง ภาพวิจิตรคุมรถตรงมาก่อนจะขนาบหยุดตรงด้านข้าง ชูมือขวากางขึ้น อวดแหวนเพชรสีน้ำเงินเม็ดเล็กโบกไปมาด้วยรอยยิ้มโล่งอก ใช้มือซ้ายถอดแหวนบนนิ้วขวาออกยัดใส่มือบดินทร์ภัทรพลางไหวไหล่

“อยู่มาสองวันนิ้วฉันก็หนักพอแล้ว ฉันขอลาขาดตำแหน่งคู่หมั้นจอมปลอม...หวังว่าเธอจะไม่รังเกียจแหวนมือสองนะ” ภาพวิจิตรเบะปากใส่ไรรดา เพราะไม่ว่าอย่างไรคนทั้งสองก็คงจะลงรอยยาก “ขอให้มีความสุขกับผู้ชายจืดชืดนะคะคุณยาหยี”

ยิ้มหวานกวนประสาทกับเสียงหัวเราะกวนแล่นจากไปพร้อมเสียงมอเตอร์ไซค์ที่เจ้าตัวขี่ ไรรดาหันกลับมาหาบดินทร์ภัทรที่กำลังขำเต็มประดากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แหวนวงเล็กชูอวดไรรดาที่กำลังทำหน้าง้ำงอ

“ฉันโกรธคุณมากรู้ไหมบดินทร์”

หน้าตาหม่อมราชวงศ์หนุ่มเสียไปทันตา “ผมขอโทษ”

ไรรดาส่งเสียงหึ ยกมือซ้ายมารอ “คุณก็รู้ว่าฉันชอบบลูไดมอนด์ที่สุด แต่ยังกล้าเอาไปให้คนอื่นใส่ ฉันจะคิดว่าให้เขาทดลองใส่ แต่ต่อจากนี้ฉันจะเก็บมันไว้เอง...ตลอดชีวิต”

ชายหนุ่มยิ้มออก บรรจงสวมแหวนที่เขาเลือกตามสิ่งที่ไรรดาชอบ แต่น่าแปลกที่เวลานั้นเขากลับเลือกหันหลังให้หัวใจตัวเองได้อย่างโง่งม ทันทีที่แหวนไปอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของไรรดาได้อย่างเหมาะเจาะเสียงปรบมือเกรียวก็ดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงจากเหล่าคนงาน ไรรดากระโดดกอดผู้ชายที่เธอเกือบเสียไปราวกับฝันอยู่

“เลือกฉันแล้วคุณจะทิ้งฉันไม่ได้อีกแล้วนะ ถ้าคุณทิ้ง...บ้านฉันไม่ปล่อยคุณไว้แน่”

“นั่นแหละที่ทำให้ผมลังเลมาตั้งนาน” บดินทร์ภัทรกลั้วหัวเราะ และหญิงสาวก็หัวเราะตาม แม้จะทุบต้นแขนคนพูดเล่นไปอั้กหนึ่ง แต่ไม่มีอะไรมาทำให้ความสุขในใจทั้งคู่ลดลงได้อีก

หลังจากเวลาล่วงเลยมานานหลายปี...ความสุข และความรักกลับมาเยือนพวกเขาอีกครั้ง


นิ้วเรียวใช้มือข้างที่ไม่เจ็บเปลี่ยนภาพในแท็บเล็ตที่วางบนตักดูแบบฮอสเทลที่ได้บอกให้ธากิตไปดูแลด้วยความสนใจ รอยยิ้มภูมิใจ และถูกใจประดับริมฝีปากตลอดเวลา

“ที่ตรงนั้นดีใช่ไหม” คนถูกละเลยความสนใจเกยคางบนหลังมือที่วางอยู่บนที่นอนคนป่วย ดวงตามองเจ้าเด็กตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างเขียนจันทร์ในข้างที่หญิงสาวไม่เจ็บ

“ขอบคุณนะคะ ที่ไม่กลับไปสร้างอย่างเดิม” เขียนจันทร์นึกที่สถานบันเทิงโอดาที่ถูกระเบิดไป ในวันนี้รักษ์ชาติกลับมายกให้เธอสร้างเป็นฮอสเทลอย่างไม่เสียดาย

“ผมรวยพอแล้ว” รักษ์ชาติตอบเสียงเนือย ถูจมูกไปบนหลังมือของเขียนจันทร์ที่เจ็บอย่างระวัง “ความสุขของเขียนสำคัญกว่า”

เขียนจันทร์เงยหน้ามองผู้ชายห่ามๆ ที่กลายเป็นคนว่าง่าย น่ารักขึ้นจนต้องกลั้นยิ้มไว้กลัวเขาจะได้ใจ หันมาสนใจข้อมูลในมือต่อ สามวันมานี้เธอก็ได้แต่นั่งๆ นอนๆ ในโรงพยาบาล สั่งให้นราส่งงานมาทางอีเมลล์ หรือด่วนจริงให้โทรบอกศดาธรหรือเกียรติยศแล้วเธอจะรีบให้ทั้งสองนำให้เซ็น และนำกลับไปให้ ไม่อยากให้นรามาที่นี่ กลัวนกรู้ในบริษัทจะนำความลับที่เธอเข้าโรงพยาบาลไปบอกผู้เป็นยาย ทั้งที่เธอบอกคุณวงเดือนว่าจะพักร้อนสักอาทิตย์หนึ่ง หลังจากที่เสี่ยหลงถูกกฎหมายเล่นงานด้วยกฎหมาย ลิ่วล้อ ผู้มีอำนาจที่หนุนเสี่ยหลงก็พลอยโดนหางเลขไปด้วย

“รู้ไหมว่าคุณไม่สนใจผมเลย” รักษ์ชาติน้ำเสียงน้อยใจ หลายวันที่ผ่านมาแม้เขาจะยึดห้องเขียนจันทร์สั่งงานลูกน้อง สะสางงานเร่ง แต่ก็ยังมีเวลามาถือโทรศัพท์ให้เขียนจันทร์ได้คุยสะดวกยามต้องตรวจงานคู่ในแท็บเล็ต ทั้งที่เขาปรามแต่อีกฝ่ายก็ทำเมินไม่ฟังกันบ้างเลย

“ก็คุณเป็นมนุษย์หน้าไหว้หลังหลอก คุณดีกับฉัน แต่ร้ายกับพี่น้องฉันอยู่เลย นิสัยเสีย”

รักษ์ชาติอ้าปากค้างกับข้อหาที่เป็นจริง เขาชอบโดนสามพี่น้องที่ผนึกกำลังมารุมเสมอ ทั้งที่แต่ก่อนวาดตะวันกับประกายพรึกไม่ค่อยกล้า แต่วันนี้สองคนนั้นประกาศชัดว่าเขานั้น ‘โคตรน่าหมั่นไส้’ เลยคอยกลั่นแกล้งให้เขาต้องห่างเขียนจันทร์ ไม่ให้นอนเฝ้าในห้อง ให้กองพันที่ขอหยุดเรียนเฝ้าแม่เขียน กับบรรดาสามพี่น้องที่จะหมุนเวียนมาเฝ้า เขาก็เคืองอารมณ์หงุดหงิดพาลใส่สามพี่น้องเวลาลับหลังเขียนจันทร์เสมอ

“ผมมีความดีที่ทำให้คุณชายของคุณมีความสุข หน้าบานเป็นจานดาวเทียมแล้วไง” หนุ่มห้าวทหารเก่าลำเลิกบุญคุณ

เขียนจันทร์ฟังไปก็ได้แต่หมั่นไส้พ่อพระที่นุเคราะห์ความรักชาวบ้านชาวช่องเขา เวลานี้บดินทร์ภัทรกับไรรดาเปิดตัวว่าคบกันอย่างเป็นทางการ แม้ทางบ้านของบดินทร์ภัทรจะไม่พอใจที่ชายหนุ่มเพิ่งหมั้นกับภาพวิจิตรไปไม่ถึงสองวันดีก็ถอนหมั้นเสียแล้ว แถมยังเอาสะใภ้ที่ที่บ้านของเจ้าหล่อนทำบ่อนกาสิโนใหญ่ในอังกฤษเป็นอาชีพอีก ซึ่งทั้งสองจะต้องก้าวผ่านปัญหาครั้งนี้ไปด้วยกันให้ได้ เธอเห็นว่ามือของทั้งคู่ยังเกี่ยวกันแน่นตลอดเวลาที่มาเยี่ยมเธอ

แต่สองคนนั้นคงยากจะลงเอยกันได้ ถ้าความรักของพวกเขาจะไม่มีประโยชน์กับรักษ์ชาติ...คนที่เจ้าเล่ห์ที่สุดเห็นจะไม่พ้นเขาเลย

“คุณก็ให้หม่อมยายของฉันรับคุณ ยิ้มหน้าเป็นจานดาวเทียมให้ได้ก่อนสิ คุณน่ะดีแต่สร้างระเบิดเวลาใส่คนรอบข้างของฉัน ดีจริงได้ไม่เท่าไหร่ก็ดีแตก หม่อมยายท่านไม่ยอมรับคนสองหน้าอย่างคุณหรอก”

คนสองหน้าหรี่ตาคิด มุมปากจุดรอยยิ้มอย่างไร้ที่มาที่ไป เป็นรอยยิ้มที่เขียนจันทร์รู้สึกว่ามันไม่น่าไว้ใจอย่างบอกไม่ถูก ตลอดเวลาทั้งชีวิตที่เธอได้รู้จักรักษ์ชาติเขามักทำอะไรแผลงๆ ให้คนคิดตามไม่ทันได้ตลอด อยู่ที่ว่ารักษ์ชาติจะเจตนาดี...หรือเจตนาร้าย

“คิดอะไรอยู่คนนิสัยเสีย” เขียนจันทร์ทำหน้าขู่คนนิสัยไม่ดี แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มประจบ ทำตัวไร้พิษภัยใส่

“ผมคิดว่าเขียนจะรักผมมากขึ้นไหม...ถ้าผมทำสำเร็จ”

คนเจ็บส่งเสียงเหอะ ถลึงตาดุใส่คนออดอ้อนฉอเลาะไม่เข้ากับหุ่นด้วยความหมั่นไส้ครามครัน รักษ์ชาติมักทำให้เธอรู้สึกอยากจะด่าได้ตลอดเวลา แต่พอเจอท่าทางแป้นแล้นที่เขาสร้างเวลาอยู่กับเธอ. หญิงสาวก็ปฏิเสธไม่ลงเลยว่าเขาน่ะ...น่ารักแบบเฟกๆ เห็นทีไรก็โกรธไม่ลง

“คนอย่างคุณมันน่ารักตรงไหน ปากร้าย นิสัยเสีย เผด็จการ รักหมายังจะดีซะกว่า” เขียนจันทร์ยกแท็บเล็ตตีหัวแข็งๆของรักษ์ชาติด้วยมือเดียว ก่อนจะยัดใส่มือเขาด้วยหมดอารมณ์ในการทำงานต่อ

“เทียบกับหมาเลยนี่ใจร้ายมากนะเขียน ผมไม่ได้อ้วนฉุเหมือนเจ้าหมูมูน แถมยังหน้าตาดีไม่อัปลักษณ์หน้าย่นอย่างนั้นด้วย หน้าหมาอย่างกับพื้นผิวบนดวงจันทร์” คนวิจารณ์สุนัขที่เขาใช้ประโยชน์ของมูนหมดก็เริ่มตั้งป้อมเขม่น เพียงแค่สายตาดุหันมาส่งกระแสยะเยือก ปากยาวยื่นของรักษ์ชาติจึงรีบหุบเก็บ “วันนี้ผมยอมน่ารักน้อยกว่าหมามันนิดหนึ่งก็ได้” นิ้วโป้งกับนิ้วชี้แทบจะแตะบอกให้รู้ว่าเขายอมให้เพียงนิดเดียวจริงๆ

เขียนจันทร์ยิ้มมุมปาก แต่ดวงตาอ่อนแสงลงด้วยความถูกใจ เพราะอย่างน้อยๆ ต่อหน้าเธอรักษ์ชาติก็สงบเสงี่ยมกิริยาอาการของตัวเองได้บ้าง...แม้จะยังแอบหลุดนิสัยกวนประสาทมาให้เธอปวดสมองเป็นระยะๆ ก็ยังดีกว่ามาแอ๊บเป็นใครที่มันคงฝืนรักษ์ชาติจนเกินไป

“อ่านหนังสือให้ฉันฟังได้แล้ว” เขียนจันทร์เริ่มจัดท่าเตรียมนอน แขนข้างหนึ่งเขยิบโอบร่างเล็กไว้ แต่แขนเธอยังไม่ทันโอบรอบตัวกองพัน คุณพ่อตัวดีก็เอื้อมมือไปรั้งใต้แขนเด็กชายแล้วอุ้มขึ้น กองพันเริ่มงัวเงียขยี้ตาตื่น มองผู้ใหญ่ไปมา

“นิสัย...น้องขุนตื่นเลยคุณนี่” เขียนจันทร์ทำได้เพียงออกปากดุ เพราะแขนที่หันออกข้างรักษ์ชาติเป็นข้างที่เจ็บ

“น้องขุนไม่รบกวนแม่เขียนหรอกใช่ไหม แม่เขียนเจ็บแขนอยู่ ขยับตัวไม่สะดวกนะครับ” รักษ์ชาติเลียนแบบวิธีการพูดของเขียนจันทร์มาพูดกับกองพัน จับเด็กชายมานั่งตักของตนแทนเก้าอี้

“แม่เขียนนอนนะครับ ขุนจะอยู่เฝ้าแม่เขียนเอง” เด็กชายพูดด้วยท่าทางที่เข้าใจดีเกินเด็ก “ขุนจะไม่ให้พ่อขุนรังแกแม่เขียนนะครับ”

“น่ารักจังเลยครับ ลูกใครวะเนี่ย” รักษ์ชาติแย่งเขียนจันทร์ชมเชิงประชดเสียเลย มือยีหัวเจ้าลูกชายที่มองพ่อตัวเองเป็นผู้ร้ายไปแล้วให้โวยวาย ปัดมือสู้บ้าง

“พี่ขุน...นิสัยไม่ดี” เสียงเล็กเจื้อยแจ้วหยุดอาการผู้ใหญ่ทะเลาะกับเด็กได้ชะงักงัน

เขียนจันทร์กับรักษ์ชาติตาโตด้วยความคาดไม่ถึง สรรพนามที่เปลี่ยนไปทำผู้ใหญ่สองคนหัวใจแทบหยุดเต้น

“ใครสอนเอ็งวะลูกขุน” รักษ์ชาติเริ่มเข้าสิงร่างอย่างสมบูรณ์ แผ่รังสีอำมหิตมาระลอกอ่อนให้เขียนจันทร์รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ

แต่กองพันก็ยังยิ้มแป้น ยืดอกกับความภูมิใจนั้น “พี่ภาพครับ พี่ภาพบอกว่าขุนน่าจะเรียกพ่อขุนว่าพี่ เพราะพ่อขุนเป็นพี่ชายของขุน”

“ภาพวิจิตร!” รักษ์ชาติเค้นเสียงเรียกอย่างแค้นเคือง ดูวิธีที่ฝ่ายนั้นเอาคืนเขาแล้วเจ็บแสบพิกล ถึงแม้ความลับของเขากับกองพันมันจะไม่ลับแล้วก็เถอะ

“น้องขุนไม่อยากมีน้องเหรอครับ ถ้าแม่เขียนมีน้อง เราก็จะต้องเป็นอาขุน ไม่ใช่พี่ขุนนะ” เขียนจันทร์ไกล่เกลี่ยสถานการณ์ด้วยรอยยิ้ม ตั้งใจสนทนากับกองพันเพียงคนเดียว เพราะในตอนนี้หน้าของเธอก็กำลังแดงเถือกด้วยความอายสุดชีวิต

“ขุนอยากมีน้องครับ นะพ่อขุน ขุนอยากมีน้อง” กองพันเปลี่ยนสรรพนามในการเรียกได้ปุบปับสมใจอยากคนโต แต่เขียนจันทร์ที่ดันพลาดขุดหลุมให้ตัวเองตกลงไปอยากจะถอนคำพูดเมื่อครู่ให้หมด เพราะพ่อลูกตัวร้ายกำลังเข้าขากันอย่างดี

“ตามใจเด็กมันหน่อย ลูกขอมาพ่อแม่ก็ต้องจัดให้จริงไหม” รักษ์ชาติพูดด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่ม ลืมเรื่องที่กองพันเปลี่ยนการเรียกตนไปสนิท ไม่ทันคิดว่าอนาคตเด็กชายก็อาจจะยังเปลี่ยนไปเรียกพี่บ่อยๆ ให้เขาต้องปวดหัวกับการมีน้องต่างวัยอย่างนี้

“หุบปากไปเลย...ฉันจะนอนแล้ว จะทั้งพ่อทั้งลูก ทั้งพี่ทั้งน้องยังไงก็เถอะ วันนี้อย่าเพิ่งมากวนเลยนะ น้องขุนครับ ถ้าพ่อขุนพูดมาก แม่เขียนฝากกำราบเลยนะครับ ใช้วิธีที่พี่ภาพสอนก็ได้”

รักษ์ชาติใช้มือใหญ่ปิดตาเด็กชาย ก่อนจะรีบชะโงกหน้ามาจุ๊บริมฝีปากสีชมพูของเขียนจันทร์แผ่วเบา ซึ่งเจ้าตัวแกล้งหลับตาสนิทตัดบทสนทนากับเขา ผิวแก้มที่แดงก่ำกำลังบอกได้ดียิ่งกว่าคำพูดว่าเขียนจันทร์กำลังอายมากแค่ไหน แต่พอเขาทิ้งสัมผัสลงไปที่ปากนิ่ม ดวงตาตกใจก็สบกับเขาที่เพิ่งถอนหน้าออกไป แล้วแสร้งทำไม่รู้ไม่ชี้ใส่หญิงสาว

“ไปกันเจ้าตัวแสบ ปล่อยแม่เขียนเขานอนไป” คนตัวโตอุ้มเด็กชายที่ไม่ได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะถูกปิดตาลงยืนกับพื้น ก่อนจะเริ่มผิวปากเป็นเพลงเว็ดดิ้งให้คนที่กลับไปแกล้งหลับตาแน่นใจเต้นตึกตัก อยากระบายความเขินอาย และจัดการผู้ชายช่างฉวยโอกาสกับเธอสักป้าบสองป้าบให้

“ขุนยังไม่ได้จุ๊บแม่เขียนเหมือนที่พ่อขุนทำเลย...ขี้โกงอ่ะ”

เสียงเล็กงุ้งงิ้งที่ไปนั่งห่างออกไปทำให้เขียนจันทร์ถึงกับยอมตื่นมาดึงผ้าที่ห่มถึงอกปิดถึงจมูกดับความอาย กับความร้อนผ่าวบนใบหน้า

“ว้า...พ่อเผลอเปิดช่องให้เห็นเหรอ ฮ่าๆ ตรงนั้นของพ่อเว้ย แกเอาไปแค่แก้มพอ”

สองพ่อลูกแบ่งตำแหน่งบนหน้าคนเจ็บได้เสร็จสรรพโยไร้ซึ่งคำขออนุญาต หญิงสาวที่ได้ยินทุกอย่างชัดทุกคำอยากจะลุกขึ้นมาโวยวายสักยก แต่ก็กลัวรักษ์ชาติจะทำอะไรอวดกองพัน และเธอเปลืองตัวให้ช็อกทำอะไรไม่ถูกอีก

รักษ์ชาติ...นิสัยเสีย เขามันร้ายกาจ หญิงสาวได้แต่ตีโพยตีพายกับตัวเอง เธอรักคนกวนประสาท ขี้ตู่ นิสัยเสียเข้าไปได้ยังไงก็ไม่รู้


เสียงกุกกักดังแผ่วเบาในห้องพักของเธอ เขียนจันทร์รู้สึกว่ามีใครกำลังมาดึงผ้าห่มเธอออก แต่เธอก็พยายามจะดึงมันกลับขึ้นมา ดวงตาที่หรี่ปรือฝืนลืมขึ้นมอง สู้กับฤทธิ์ยาที่มีผลให้ง่วงนอน เพื่อรวบรวมสติ ผ้าบนตัวเธอถูกลดออกไปจากตัวแล้ว และเงาดำในความมืดก็จัดการใช้เทปกาวปิดปากเธอไว้ เขียนจันทร์อยากจะดิ้นพล่าน ทุบตี ส่งเสียงโวยวาย แต่คนตัวโตที่มีกลิ่นกายคุ้นจมูกเธอก็จัดการรวบเธอเข้าสู่อ้อมกอด

“อย่าดิ้นนะเขียน...ผมเอง”

เขียนจันทร์ปล่อยหมัดเสยปลายคาง ‘ผมเอง’ ไปทีหนึ่งด้วยความขุ่นเคือง แม้แขนจะทุเลาลงไปบ้าง แต่ก็ยังห้ามเคลื่อนไหวมาก และรักษ์ชาติก็รู้ดีจึงไม่ให้แขนข้างที่เจ็บของเธอไปกระทบกับแผ่นอกเขา ปล่อยให้มือข้างที่ไม่เจ็บดึงเทปกาวออกจากปากตัวเอง เสียงดังแควกทำหญิงสาวน้ำตาเล็ด ไม่รู้ว่าไรขนบนหน้าหลุดไปกี่เส้น

“ไอ้คนโรคจิต ใช้เทปกาวเนี่ยนะ คิดได้แค่นี้หรือไง”

“ก็ผมกลัวคุณโวยวาย อยากทำอะไรให้คุณประทับใจบ้าง” รักษ์ชาติพาเธอออกมาตามทางเดิน ทางเดินเวลานี้โล่งสะดวกโยธินกระทั่งรักษ์ชาติพาเธอไปถึงลิฟต์ กดลิฟต์ชั้นบนสุด

“ฉันไม่รู้สึกประทับใจเลย คุณมัน...ฮึ่ย คิดอะไรห่ามๆ ได้ตลอด”

อดีตทหารหนุ่มมองรอยแดงรอบริมฝีปากที่เกิดจากเทปกาวที่เขาแปะไว้เองด้วยความสงสาร “รู้อย่างนี้ผมน่าจะใช้ผ้ารัดปากแทน คุณจะได้ไม่เจ็บเนอะ โอ๊ย!”

การแก้ตัวที่น่าหมั่นไส้ ถูกมือเล็กบีบหน้าอกที่เป็นกล้ามเขาอย่างแรง “ยังกล้าแถนะ บอกกันดีๆ ก็ได้ เพราะทำอย่างนี้ฉันก็ไมได้ประทับใจเลย อยากประทับฝ่ามือไปบนหน้าคุณมากกว่า” ย่นจมูก ก่อนจะใช้แขนที่สบายดีเกี่ยวคอรักษ์ชาติไว้ มาถึงขั้นนี้พ่อตัวดีคงไม่ปล่อยเธอกลับห้องหรอก

“ผมขอโทษที่คิดน้อยไปหน่อย แต่คุณจะต้องประทับใจในตัวผมมากแน่ๆ” รักษ์ชาติหันมาสบตา คุยโวโฆษณาชวนเชื่อ

ประตูลิฟต์เปิดออก รักษ์ชาติเดินตรงไปยังประตูที่มีศดาธรอุ้มกองพันรออยู่ เกียรติยศเป็นคนเปิดบานประตูออกกว้าง หูของเขียนจันทร์จึงเริ่มได้ยินเสียงใบพัด และเครื่องยนต์สตาร์ท หญิงสาวเงยหน้ามองรักษ์ชาติด้วยความไม่เข้าใจ

“ผมจะพาไปเที่ยว”

รักษ์ชาติลุ้นจะได้พบปฏิกิริยาอันแจ่มใส ปลอดโปร่งมากกว่าดวงตาวาววับเอาเรื่องในเวลานี้

“มีใครรู้ไหม”

“ถ้ารู้แล้วจะได้มาเหรอ...โอ๊ย”

เขียนจันทร์หยิกไปบนอวัยวะเดิมก่อนหน้า ส่งเสียงฮึดฮัดตอนถูกวางลงยังที่นั่งข้างรักษ์ชาติในเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัว มือยกลูบส่วนที่โดนบิดจนเจ็บ

“ชอบเจ็บๆ แบบนี้ก็ไม่บอก” รักษ์ชาติรีบย่นคอหนีฝ่ามือเพชฌฆาตสงบเสงี่ยมปากตัวเองแทบจะทันที ทำหูทวนลมเมื่ออีกฝ่ายบ่นขัดใจลอยมาตามลม

“ลักพาตัวหนีชัดๆ พ่อโจรห้าสลึงเอ๊ย”

……………………………………………..

คุณ ใบบัวน่ารัก คงไม่มีเรื่องหน้าค่ะ คุณชายเอาให้จบเรื่องนี้ ทิ้งปัญหาปลายเปิดให้พวกเขาเผชิญต่อไปคนอ่านก็จิ้นต่อ ตอนนี้ทิ้งไว้แค่ว่าพวกเขาจะฝ่าปัญหาไปด้วยกัน แต่จะจบไงปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตค่า ตอนนี้รอมาแลนดิ้งกับคู่ขุนเขียนกันต่อ ^^

คุณ konhin ของภาพนี่ออกแนวเพลงจะไปส่งให้ถึงมือ ฮา จะดูจนกว่าเขาทั้งคู่สมหวังแล้วตัวเองจะเป็นอิสระค่ะ ฮา

คุณ ร้อยวจี ไว้ถ้ามีโครงการจะหยิบภาพมานะคะ ตอนนี้ยังไม่มีแพลนเลย ต้องรอดูว่าหลังจบเรื่องนี้หวยจะออกที่ตัวละครเก่าๆ เรื่องไหนไหม

คุณ คิมหันตุ์ ถ้าให้คู่กับภาพ เรื่องนี้อาจยังไม่จบค่ะ ฮา แต่ถึงคุณชายคู่กับยาหยี ตัวละครทั้งสองก็ยังต้องเดินหน้าต่อไปเหมือนกัน ของภาพไว้สักวันอาจได้มีกลับมาเกิดในสักเรื่องนะคะ

คุณ อัศวินนภา จากนี้เจ้าขุนจะมาทวงบัลลังก์ผู้ร้าย เอ้ย พระเอกต่อค่ะ ปล่อยให้สามคนนั้นแย่งซีนมานาน ความเกรียนระดับสูงของเจ้าขุนกลับมาแล้ว

แอบมาเงียบๆ แล้วจากไป ขอบคุณทุกคอมเมนต์ ทุกไลค์ และทุกท่านที่เข้ามาอ่านมากๆ ค่ะ ^^




ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 มิ.ย. 2557, 02:53:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 มิ.ย. 2557, 03:01:36 น.

จำนวนการเข้าชม : 2072





<< บทที่ 26 : หล่อแอ๊บแตก   บทที่ 28 : ดินแดนของเจ้าขุน >>
ใบบัวน่ารัก 24 มิ.ย. 2557, 06:56:20 น.
ลูกขุนเลยไม่ได้ไปโรงเรียนเลยจะตามเพื่อนๆทันไหมเนี่ย
เรื่องพี่น้องเขียน มาลงให้ไวเลยน้า
อยากอ่านเด็กชายลูกขุน ค่อยๆโต จะเป็นไงน้า
จะเถื่อนๆๆหรือเป็นสุภาพบุรุษ ให้หม่อมยายเลี้ยงดีกว่านะ กลัวเหมือนเจ้าขุนอะ
มันน่ากลัวมากกก


ร้อยวจี 24 มิ.ย. 2557, 09:09:57 น.
จะตามอ่านทุกคู่เลย (ถ้าเอามาลงนะ) ชอบมาก แล้วอยากรู้ว่าวาดจะคู่กับใครด้วย


คิมหันตุ์ 24 มิ.ย. 2557, 10:56:02 น.
ไปไหนกัน เกาะขอบจอรอจ่ะ


แว่นใส 24 มิ.ย. 2557, 12:06:25 น.
ช่างทำได้นะ


อัศวินนภา 24 มิ.ย. 2557, 13:09:59 น.
อย่าเกรียนมากน่ะพ่อขุน กำลังดีๆอยู่


ผักหวาน 24 มิ.ย. 2557, 20:39:31 น.
โฮย...นึกว่าพี่หมอจะไม่รู้ใจตัวเองซะแล้ว


konhin 24 มิ.ย. 2557, 21:06:11 น.
พี่หมอทำได้ดีมาก


issbel 28 มิ.ย. 2557, 20:35:31 น.
ชอบภาพจังเลยค่ะ เรื่องต่อไปเป็นของน้องภาพได้มั้ยคะ pleaseeee


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account