UnRomantic Love หนีไม่พ้นใจ (เล่ห์ลวงจันทร์)
เขียนจันทร์ เดินทางกลับมาจากต่างประเทศเพื่อมารับพ่อที่กำลังเกษียณไปอยู่บ้าน

วันแรกที่กลับมาเธอก็พบผู้ชายปากร้าย แข็งกระด้าง มาตามหาพี่สาวของเธอ

ปากก็บอกตามหา แต่ทุกวันก็ยังวนเวียนอยู่กับเธอ ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไป

ทำไมผู้ชายนิสัยแบบนี้ คุมสถานบันเทิงใหญ่ จะเลี้ยงเด็กที่เขาบอกว่าเป็นลูกได้ดีเหรอ

แล้วทำไมถึงได้ยัดเยียดลูกให้เธอเลี้ยง ส่วนตัวเองก็ร่อนไปหาพี่สาวเธอแบบนี้เล่า

นายรักษ์ชาติ...นายมันผู้ชายยอดแย่ที่สุด

แล้วทำไมวันที่เธอมีปัญหาที่สุด คนแย่ๆ แบบเขากลับไม่ยอมทิ้งให้เธอเผชิญปัญหาคนเดียว

กลัวจะไม่มีเบ๊ไว้ให้ใช้ล่ะสิท่า...อย่าคิดว่าคนอย่างเธออ่านเกมเขาไม่ออก
Tags: เขียนจันทร์ รักษ์ชาติ จักรตรากูล กองพัน

ตอน: บทที่ 28 : ดินแดนของเจ้าขุน

บทที่ 28

เขียนจันทร์ผล็อยหลับไปไม่รู้ตอนไหน ตื่นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งแสงอาทิตย์อ่อนๆ ก็เริ่มระบายอยู่ริมขอบฟ้า ใต้ลงไปเป็นผืนน้ำกำมะหยี่มีคลื่นลม และเสียงนกร้องชัดเจน หญิงสาวนั่งริมหน้าต่างจึงมองเห็นความเป็นไปได้โดยรอบ บนฝั่งที่เครื่องบินน่าจะขับเลยมาแล้วนั้นอยู่เบื้องหลังลิบตา หรือจะเรือประมงบนน่านน้ำที่ลอยเอื่อยนิ่งอยู่ในท้องทะเล

“ตื่นแล้วเหรอเขียน...อีกสิบนาทีเราจะถึงที่หมายแล้ว”

รักษ์ชาติส่งเสื้อสูทที่ร่วงไปกองบนตักเขียนจันทร์ให้กลับมาคลุมไหล่เรียบร้อยอีกครั้งหลังจากที่เขาถอดคลุมให้ตั้งแต่เห็นเจ้าหล่อนหลับ เขียนจันทร์ไม่ยอมพูดกับเขาอีกเลยหลังจากว่าว่าเขาเป็นโจรห้าสลึง ได้แต่มองค้อนก่อนจะหลับไปในที่สุด

แม้แต่ตอนตื่นในยามนี้เขียนจันทร์ก็เพียงแค่เหลือบมองก่อนจะผินหน้าออกมองทิวทัศน์ทางหน้าต่าง ทำเหมือนชายหนุ่มไร้ตัวตนให้เขาที่นั่งร้อนรนพิกล

“ยังไม่หายโกรธผมอีกเหรอ นึกว่าบรรยากาศดีๆ จะทำให้คุณลืมงอนผม” รักษ์ชาติเอียงคอกระแซะอีกฝ่าย แต่ท่าทางเบี่ยงตัวหลบ หันหลังให้สร้างความสะเทือนใจแก่หนุ่มที่ไม่เคยอยู่ในสถานะที่เป็นรองให้ใคร “ผมต้องทำยังไง...กระโดดลงน้ำให้คุณสะใจเล่นไหม”

อาทิตย์แรกของวันโผล่พ้นขอบฟ้า เกาะขนาดใหญ่เริ่มเห็นเป็นผืนทรายชัดเจนในระยะที่ห่างออกไปไม่มาก เขียนจันทร์ไม่ใส่ใจคำพูด ‘บ้าๆ’ ของ ‘คนบ้า’ ซึ่งเธอไม่คิดจริงจังว่าเขาจะทำจริงอย่างปากว่าเลย

...จะว่าเธอดูถูกคนห่ามๆ อย่างเขาก็ใช่ล่ะ

เขียนจันทร์มองผืนน้ำสีทองที่อาบไล้แสงยามเช้าด้วยความตื่นตา เพราะฮอล์เคลื่อนตัวลงใกล้ผืนน้ำมากขึ้น เสียงคลื่นทะเลดังชัดหูสองข้าง และเพราะว่าเธอมัวแต่สนใจท้องทะเล ผืนทรายที่มีเรือยอร์ชจอดเรียงรายยาวเป็นแพอยู่เบื้องหน้า ตึกสูงตั้งขึ้นโดดเด่นเป็นโรงแรมบนเกาะแห่งนั้น จนเธอไม่ทันสังเกตว่ารักษ์ชาติกำลังเปิดประตูเฮลิคอปเตอร์โดยไม่สนคำทักท้วงของใคร

“พ่อขุน!”

เสียงร้องอย่างตกใจของกองพันฉุดให้เขียนจันทร์ละสายตากลับมามองที่นั่งข้างตัวเธอที่ว่างเปล่า เสียงลมหวีดหวิวที่ดังมาจากประตูหายลับไปพร้อมเจ้าของร่างที่กระโดดลงไปในทะเลเสียงดังตูม ด้วยระยะที่แม้ตัวเครื่องจะลงมาใกล้ผืนน้ำ แต่มันก็ยังอันตรายอยู่ดี ระยะทางที่ยาวกว่าจะถึงฝั่งนั้นไม่ใช่เล่นๆ กะด้วยสายตาของเธอน่าจะยาวเกือบหนึ่งไมล์ทะเล ทีเดียว

“เขาบ้าหรือไง” เขียนจันทร์บ่นเสียงดัง ต้องการคำตอบจากผู้ร่วมเดินทางคนอื่น แต่ก็ยังเงียบ และปล่อยให้เธอยิ่งหงุดหงิดกับความห่ามไร้ขอบเขตของรักษ์ชาติ “ลูกขุนมานั่งกับแม่เขียนเร็วครับ อย่าไปอยู่ใกล้ประตู อย่าไปดูคนบ้าเลยครับ”

“แม่เขียนหายโกรธพ่อขุนนะครับ” น้ำเสียงเล็กถามอย่างน่าสงสาร

เขียนจันทร์มองเด็กน้อยที่คอยเป็นกาวใจให้เธอกับรักษ์ชาติมาเสมอก็แอบถอนใจเบาๆ เธอก็แค่แกล้งปั้นปึ่งใส่ ไม่ได้บังคับให้เขาไปทำอะไรแผลงๆ อย่างนี้สักหน่อย เกิดกองพันเอาไปทำตามบ้างไม่แย่เหรอ คิดอะไรตื้นๆ จริงๆ

“ไปรอพ่อขุนบนฝั่งกันนะครับลูกขุน” เขียนจันทร์ดึงเด็กชายมานั่งข้างกัน พยายามไม่สนใจว่ามีเสียงอุทานตกใจจากเพื่อนร่วมเดินทางที่คงจะเตี๊ยมกันกับรักษ์ชาติหวังว่าหากเธอใจอ่อนจะได้หย่อนเชือกไปรับอะไรทำนองนั้น...พอดีว่าเธอไม่สนุก และไม่ได้ใจดีขนาดนั้น

ไม่มีใครในเฮลิคอปเตอร์กล้าเอ่ยปากค้าน หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวมองภาพผืนน้ำที่มีคนๆ หนึ่งจ้วงไหว้ในทะเลด้วยพละกำลังของตัวเองดวงตาก็เผลออ่อนแสงลง...ไว้ถึงฝั่งเธอจะให้เรือมารับเขากลับ

อยากว่ายน้ำประชดเธอดีนัก ก็ว่ายให้อิ่มน้ำทะเลไปเลย...

ยานพาหนะขนาดย่อมลงจอดยังลานบินที่มีผู้ดูแลอย่างเป็นระบบ เขียนจันทร์ใช้แขนข้างที่ไม่เจ็บจูงกองพันลงมา เธอมองสถานที่ที่กลายเป็นเมืองเจริญขนาดย่อมกลางทะเลอันดามันนี้ด้วยความรู้สึกเฉยชา กึ่งบึ้ง แม้ธรรมชาติจะยังมีให้เห็น ทั้งภูเขา ชายหาดที่สะอาด และน้ำทะเลที่ใส แต่การเอาเรือนักท่องเที่ยวเข้ามาลง รบกวนแนวปะการัง สิ่งมีชีวิตใต้น้ำ หรือระบบนิเวศบนชายหาด ระรานพื้นที่สัตว์ป่า จะให้เธอยกย่องว่าเกาะพาน อบายมุขแห่งใหญ่ที่รักษ์ชาติดูแลอยู่...มันดีเลิศประเสริฐหรือไงกัน

เกาะแห่งนี้อยู่เกือบสุดขอบประเทศไทย ค่อนมาทางตะวันตกของประเทศ และอยู่ฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของฝั่งทะเลอันดามัน สถานที่ที่รักษ์ชาติบอกว่าจะพาเธอ

...มาเที่ยว

มือเล็กที่เขียนจันทร์กุมไว้กระตุกเรียกความสนใจจากหญิงสาว เธอเลิกคิ้วมองก่อนจะเริ่มนึกออกว่ากองพันเรียกเธอทำไม

“ไปหาพ่อขุนกันครับ”

เด็กชายวิ่งตามหลังศดาธรกับเกียรติยศที่ห่วงเจ้านายสุดใจไปยังชายหาด เขียนจันทร์เดินตามอย่างระวังไม่ให้แผลบนหัวไหล่เจ็บการเคลื่อนไหวอย่างการวิ่ง ยังไงคนสนิทของรักษ์ชาติวิ่งไปจัดการเอง จอมอึดอย่างรักษ์ชาติคงไม่เป็นอะไรมาก ตัวเองบ้ากระโดดลงทะเลลึกไปเอง ใครที่ไหนจะช่วยได้

ร่างระหงเดินตัดสนามที่ค่อนข้างพลุกพล่านด้วยเศรษฐีมีระดับ แม้จะแต่งตัวเป็นนักท่องเที่ยวเสื้อลายดอก กางเกงเลก็ตาม เธอเคยได้ยินว่าเกาะแห่งนี้ติดอันดับกาสิโนที่น่ามาเล่นระดับโลก

...ช่างเป็นอันดับที่ไม่น่าดีใจของประเทศเลย หญิงสาวคิดอย่างพาลๆ ในเมื่อตลอดชีวิตของเธออุทิศตัวให้กับสัตว์ สิ่งมีชีวิต ช่วยเหลือธรรมชาติ รักษ์ชาติก็กำลังทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับจุดยืนของเธออย่างเห็นได้ชัด

คลื่นลมทะเลสงบ กับเรือยอร์ชรูปแบบสวยสีขาวหลายลำลอยนิ่งอยู่ตรงท่า เขียนจันทร์เดินไปยังท่าที่ยื่นยาวออกไปในทะเล ไปหยุดยืนข้างกองพันที่ยืนมองเรือเร็วที่มีคนสนิทของรักษ์ชาติทั้งสองคุมเรือขับออกไปรับผู้เป็นนายด้วยตัวเอง

แสงแดดส่องกระทบร่างหนา เสื้อยืดสีขาวแนบร่างเผยผิวสีน้ำตาลข้างในขณะดำผุดดำว่ายอยู่กลางทะเลอย่างไม่ลดละความพยายามอยู่ห่างออกไปจากฝั่งพอควร แต่ก็อยู่ในระยะสายตาซึ่งเขียนจันทร์มองเห็นได้ถนัด แม้ว่าจะมีเรือเร็วพยายามจะเข้าไปรับ แต่เหมือนรักษ์ชาติจะไม่ใส่ใจ เรือเร็วจึงทำได้แค่ขับประกบอยู่ใกล้ๆ เผื่อพ่ออดีตทหารจอมอึดเจ้านายพวกเขาจะหมดแรง หรือเกิดเหตุตะคริวพวกตนจะได้ช่วยเหลือทัน

เขียนจันทร์ที่แขนข้างหนึ่งยังคล้องแขนไว้เผลอกำมือข้างนั้นอย่างไม่รู้ตัว เธอเริ่มโกรธผู้ชายอวดดีที่นึกอยากแข่งว่ายน้ำมาราธอนขึ้นมาหรือยังไงไม่ทราบ ถึงได้ปฏิเสธเรือเร็วของลูกน้องที่ไปรับ ทำได้เพียงคลุมเสื้อสูทที่รักษ์ชาตินำมาคลุมตัวเธอไว้ไม่ให้ร่วงหล่นไปจากไหล่ และเธอกำลังนึกลุ้นอย่างช่วยไม่ได้

โกรธก็ส่วนโกรธ แต่การได้เห็นรักษ์ชาติถึงฝั่งอย่างสวัสดิภาพนั้นสำคัญกับเธอกว่ามาก

“ทำไมพ่อขุนไม่หยุดว่ายน้ำครับ”

“ความบ้าพลังของพ่อขุนมีเยอะจนใช้ไม่หมดไงครับ เลยต้องมาเผาผลาญทิ้ง น้องขุนอย่าได้เอาอย่างนะครับ อะไรที่พ่อขุนทำ จะดีหรือไม่ดี ต้องมาถามแม่เขียนก่อน” เขียนจันทร์พยักพเยิดไปยังตัวต้นเหตุที่ยังตั้งหน้าว่ายน้ำไม่หยุด “อย่างนี้ไม่เอานะครับ อันตราย เกิดจมน้ำ ตะคริวกิน จะทำยังไง ต่อให้เก่งมาจากไหนก็อย่าทำให้คนบนฝั่งใจหายใจคว่ำเลยนะครับ”

“ขุนจะเป็นเด็กดีนะครับ ไม่เป็นเหมือนพ่อขุนให้แม่เขียนเป็นห่วง”

มือบางย่อตัวไปโอบบ่าเด็กชายไว้อย่างถูกใจ “ดีมากครับลูกขุน” ให้รู้ซะบ้างว่าลูกใคร

ระยะเวลากว่าห้านาทีกว่าที่เรือเร็วจะเข้ามาจอดผูกเชือกไว้ที่เสา ปล่อยหน้าที่ที่เธอมองสายตาเหล่าลูกน้องของรักษ์ชาติออกว่ากำลังขอร้องให้เธอไปเจรจายอมความกับมนุษย์ที่นอนแผ่หรานอนหอบอยู่บนชายหาดทรายขาวไม่ไกลกัน

เขียนจันทร์ลุ้นจนตัวเองรู้สึกหมดแรงไปด้วยเหมือนกัน เพิ่งรู้ว่ามือเธอกำแน่นจนเจ็บไปถึงแผลที่หัวไหล่ แต่ก็แปลบปลาบสักพักก็ทุเลาลง หญิงสาวจึงเดินนำร่างของเด็กชายไปหารักษ์ชาติ เขียนจันทร์ถอดรองเท้าไว้บนเนินทราย ก่อนจะเดินย่ำไปบนผืนทรายขาวเนื้อแน่น ให้ผิวเท้าเปล่าสัมผัสกับน้ำทะเลใสที่ซัดคลื่นมา

“ตายหรือยัง” คำแรกที่เขียนจันทร์ทักร่างนอนอาบแดดตากน้ำทะเลยามเช้าของวันถึงกับฉุนกึก ลุกขึ้นนั่งสะบัดผมไปมา จงใจปัดเศษทรายตามตัวให้มาโดนตัวคนทักทายด้วยคำอันน่าเจ็บปวดบ้าง “กินน้ำทะเลมากไปหรือไง ถึงยังบ้าไม่หาย โตๆ แล้ว ทำอะไรเป็นเด็กอยู่ได้ คุณแก่กว่าฉันนะ อย่าให้พูดถอนหงอกสิ”

คนหัวดำผมสั้นหยุดอาการเด็กไม่รู้จักโตทันที แต่ยังคงอยู่ในท่านั่งเหยียดยาวบนน้ำทะเลที่สูงไม่ถึงตาตุ่ม หันมองคนต่อว่าตนอย่างตัดพ้อจับผมตัวเองไปมา

“ไว้ถึงเวลาผมก็รอให้เขียนมาถอนให้อยู่แล้ว ไม่ต้องรีบร้อนหรอก”

“พ่อขุนทำแม่เขียนใจหายใจคว่ำด้วยนะครับ” กองพันเจื้อยแจ้วสาธยายบอกความจริงที่ตัวเองไม่รู้หรอกว่า ‘ใจหายใจคว่ำ’ มันแปลว่ายังไง แต่น่าจะเป็นไปในทางไม่ดี

แต่ความหมายไม่ดีแบบนั้นทำไมพอพ่อขุนได้ยินถึงกับยิ้มแป้นหน้าบานแฉ่งล่ะ...เด็กชายทำหน้ายุ่ง ครุ่นคิดด้วยความไม่เข้าใจ

“เป็นห่วงผมเหรอเขียน”

หญิงสาวที่ถูกไล่ต้อนด้วยสายตารู้ทัน หรือจะมีพยานปากเอกอย่างกองพันที่ช่างไม่รู้อะไรเลยถึงได้เผยไต๋ของเธอให้รักษ์ชาติยิ่งได้ใจอย่างยอมจำนน รับคำในลำคอเบาๆ แล้วรีบเสมองทางอื่น ไม่อยากให้รอยยิ้มแฉล้มของรักษ์ชาติสว่างจ้าเข้าตาเธอไปมากกว่านี้

รักษ์ชาติยิ้มขำกับคนแอบเขิน ยอมรามือชั่วคราวกับการไล่ต้อนความรู้สึก และการแสดงออกของเขียนจันทร์ ลุกขึ้นยืน ไม่มีท่าทางเหนื่อยหอบให้เห็นอีก ถ้าหากว่าร่างกายเขาไม่ได้รับการฝึกฝนอย่างหนักมาตั้งแต่เด็ก ถูกเคี่ยวเข็ญจากบิดาให้ทำร่างกายให้พร้อมเพื่อเข้าเรียนเตรียมทหารให้ได้เขาอาจจะไม่อึด หรือจะสมัยเรียนที่มีบททดสอบโหดหินหลายอย่าง หรือจะหน่วยรบพิเศษที่เขาเข้าร่วมจนผ่าน แค่ว่ายน้ำเข้าฝั่งมาแค่นี้มันเรื่องเล็ก...แต่เขียนจันทร์คงไม่รู้

“สรุปคุณหายโกรธผมไหม ผมขอโทษที่เอาเทปกาวแปะปากคุณ ไหนจะลักพาตัวคุณมาอีก ยังไงพวกเขาก็จะรู้กันอยู่แล้ว รู้เร็วรู้ช้าก็รู้เหมือนกันนะเขียน ความประหลาดใจก็ต่างกันด้วย”

รักษ์ชาติเดินห่างจากเขียนจันทร์ไม่กี่ก้าว เอื้อมไปคว้าลูกชายตัวเล็กมากอดรัดฟัดเหวี่ยงให้เปื้อนทราย เปียกน้ำทะเลไปด้วยกัน และนั่นยิ่งทำให้เขียนจันทร์ต้องไปคว้าท่อนไม้ตรงชายหาดมาถือขู่รักษ์ชาติไว้

“แกล้งลูกขุนมีความสุขนักหรือไง เดี๋ยวเถอะ ให้ลูกขุนขี่คอเลย”

พ่อจอมห่ามกลอกตาด้วยความอ่อนใจ รู้ตัวว่าคำสั่งจากปากเขียนจันทร์มันเหมือนคำศักดิ์สิทธิ์ที่แม้มันจะไม่น่าเต็มใจทำมากแค่ไหน...เขาก็ยังต้องทำ!

เด็กชายหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นรักษ์ชาติหมดสภาพ และตัวเองได้นั่งสบาย มีพ่อเป็นพาหนะพาเดินไปเรื่อยๆ และแม่เขียนของตนคอยเดินประกบไม่ห่าง เผื่อพ่อขุนจะเกเรอีก เด็กชายมองปรากฏการณ์ตรงหน้านี้ด้วยความบันเทิงใจเลยทีเดียว

“หัวเราะอะไรลูกขุน” คนตัวโตพาลใส่เด็กชาย แต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะคิกคัก ปรบมือเปาะแปะให้เขาได้แต่นับหนึ่งถึงล้านในใจ

...เจ้าลูกขุนชักกวนประสาทเขาขึ้นเรื่อยๆ

คนเดินตามสองพ่อลูกแอบลอบยิ้มกับตัวเอง รักษ์ชาติแม้จะเหมือนม้าพยศร้ายแค่ไหน แต่เมื่อถึงเวลาต้องยอมลงให้ ก็ลงให้กับเธอได้กวน จากความน่าหมั่นไส้ก็แปรเป็นความตลกอย่างบอกไม่ถูก

เขียนจันทร์ต้องแสร้งทำหน้านิ่งใส่รักษ์ชาติยามที่อีกฝ่ายหมุนตัวกลับมา พูดด้วยท่าทางน่าสงสาร

“หายโกรธผมนะ ผมไม่ชอบให้เขียนโกรธผม”

“นะครับแม่เขียน”

สองพ่อลูกที่กลายเป็นพันธมิตรช่วยกันส่งสายตาอ้อนวอนมาให้เธอ เขียนจันทร์หัวเราะเบาๆ

“อืม...แต่คุณห้ามเกเร นิสัยเสีย เข้าใจไหม”

“ผมออกจะเป็นผู้ชายน่ารัก” รักษ์ชาติลอยหน้าลอยตาพูด ไม่สนสายตามองค้อนแกมระอาจากเขียนจันทร์ มุ่งหน้าเดินต่อไป และอีกครั้งที่รักษ์ชาติผิวปากรับอรุณยามเช้าด้วยเพลงเดิม

เพลง Wedding March ...

เขากำลังคิดจะทำอะไรกันแน่...เขียนจันทร์เก็บความสงสัยไว้ ยังไม่อยากคิดอะไรให้ใจตัวเองเต้นผิดจังหวะไปมากกว่านี้...ทำไมชอบทำให้เธอแอบคิดอยู่เรื่อยเลยนะ คนนิสัยไม่ดี


บ้านพักที่ใหญ่กว่าบ้านพักในกรุงเทพของรักษ์ชาติทำให้เขียนจันทร์หยุดยืนมองด้วยความไม่มั่นใจ ตัวบ้านตั้งอยู่ในพื้นที่อีกด้านของเกาะ สงบเงียบ และถูกกันออกจากความวุ่นวาย หรือผลกระทบจากกาสิโน รักษ์ชาติโม้กับเธอไว้ว่าตั้งแต่เขาลงสนามวงการนี้ ของขวัญแรกที่โชติรสมอบให้กับเขาก็คือบ้าน และสิทธิ์ขาดในเกาะแห่งนี้

“ผมให้คนเตรียมชุดไว้ให้คุณ อยู่ในห้อง ตั้งใจไว้อยู่แล้วว่าสักวันต้องพาคุณมา”

รักษ์ชาติเดินผ่านระเบียงที่ออกไปทางหน้าหาด เปิดโล่ง มีสระน้ำที่แยกเป็นน้ำอุ่นน้ำเย็นขนาดใหญ่อยู่บนระเบียงไว้ให้เจ้าของบ้านผ่อนคลาย เขียนจันทร์เดินตามมาหน้าตาเริ่มบึ้งตึงไม่สบอารมณ์

“นึกว่าจะชอบ”

“ฉันไม่ชอบ” เขียนจันทร์สะบัดหน้าหนี ปากเม้มแน่น “ทำลายสังคมไม่พอ ยังระรานธรรมชาติขนาดหนัก”

“มันก็ถือเป็นความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของผม เรื่องธรรมชาติไม่ใช่ว่าผมไม่ดูแล แถมยังให้งานคนในเกาะทำอีก ไม่ต้องไปดำน้ำลักปะการังไปขาย” รักษ์ชาติเดินถอยหลังกลับมา เอียงหน้าพูดให้คนฟังคันไม้คันมืออยากซัดไปสักผัวะ “หรือจะสร้างกระท่อมริมหาดก็โอนะ เร้าใจผมดี”

“แล้วก็ให้เรือยอร์ชมาทำลายแนวปะการังแทนอย่างนั้นเหรอ” เขียนจันทร์ตอบโต้อย่างไม่ยอมแพ้

“เกาะนี้ตอนเริ่มเลยเป็นเกาะร้าง แห้งแล้ง ไม่สมบูรณ์หรอกเขียน คุณโชติรสเข้ามาพัฒนา ใช้ทีมวิจัยทำให้ธรรมชาติกลับมาสมบูรณ์ แนวปะการังน้ำตื้นจะมีเยอะอีกด้านหนึ่ง เราจะจำกัดไว้เฉพาะลูกค้าของที่นี่ได้สัมผัส ส่วนทางที่เรือยอร์ชจอดจะไม่มีแนวปะการังน้ำตื้น แต่เกาะนี้ปะการังน้ำลึกก็สวยนะ พวกเราจะว่าขี้หวงก็ใช่ แต่เราไม่เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว คนที่มาที่นี่ส่วนใหญ่ก็...” รักษ์ชาติชี้มือไปยังตึกสูงเป็นทรงคล้ายโดมกลางเกาะ “จมอยู่ในนั้นทั้งวันทั้งคืน ส่วนใหญ่ได้ไม่คุ้มเสียกันหรอก”

เขียนจันทร์กลอกตา ไม่ชอบใจกันความภาคภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองทำของรักษ์ชาติ “ว่าแต่พาฉันมาที่นี่ คงไม่ใช่ให้มาฟังคุณชื่นชมตัวเองใช่ไหม”

รักษ์ชาติยิ้มถูกใจ วางมือประกบแก้มสองข้ามเนียนนุ่มที่เจ้าของร่างยกมือปัดไม่สะดวก ก่อนจรดริมฝีปากลงไปบนหน้าผาก ทิ้งสัมผัสไว้ชั่วครู่ก่อนจะผละจาก มองแก้มสองข้างในฝ่ามือเขาขึ้นสีชมพูจาง

“คุณพูดอย่างกับมานั่งอยู่ในใจผม...แต่เดี๋ยวคุณก็จะรู้เอง ผมไม่ให้คุณเบื่อกับการอยู่ที่นี่หรอกนะ”

“เบื่อจังคนความลับเยอะ” เขียนจันทร์ทำหน้างอน ยกปากบึ้งตึง แต่ที่ทำแบบนั้นเพียงเพื่อไม่ให้หลุดยิ้มให้รักษ์ชาติยิ่งกลายเป็นมนุษย์หลงตัวเองไปมากกว่าเดิม

“ความลับของผมไม่ได้ทำร้ายคุณหรอกนะ แต่มันจะเปลี่ยนชีวิตของคุณ” รักษ์ชาติจุ๊บเหม่งเขียนจันทร์อีกครั้ง และผละจากไปจริงๆ ด้วยการผิวปากในเพลงเดิม

...หรือเขาจะขอเธอแต่งงาน เขียนจันทร์คิดด้วยความกังวลนิดๆ เพราะถ้าหากเป็นอย่างที่เธอคิดจริง

เธอ...จะตอบเขาอย่างไร

“แม่เขียนครับ” กองพันวิ่งจู๊ดมาเกาะเอวบางของเขียนจันทร์ไว้ เด็กชายมาด้วยชุดใหม่สุดไฉไลอย่างเสื้อลายสก็อตแขนยาว กางเกงยีนส์ สวมหมวกปีกกว้าง น่ารักจนเขียนจันทร์ต้องดึงมากอดไว้ด้วยความหมั่นเขี้ยว

“น่ารักจังเลย ไปหล่อมานี่เอง”

กองพันหัวเราะคิก “ยายโชแต่งให้ครับ”

“ยายโช” เขียนจันทร์หันมองตามสายตาของกองพันที่มองออกไปยังกรอบประตูทรงโค้งของทางเข้าบ้าน โชติรสกอดอกมองมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

เขียนจันทร์ยืนตรง ก้มหัวทักทายเพราะมือในที่คล้องแขนก็ยังลำบากในการยกขึ้นพนมไหว้อยู่ดี “คุณโชติรสอยู่ที่นี่ด้วยเหรอคะ”

“จ้ะ ว่างๆ ฉันก็จะมาผ่อนคลายบรรยากาศเหมือนกัน ยิ่งช่วงนี้รู้ว่าตาบดินทร์กำลังมีความสุขฉันก็ยิ่งสบายใจ...ฉันเชื่อว่าเธอมีส่วนที่ทำให้เรื่องออกมาเป็นแบบนี้”

“ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ” หญิงสาวพยายามปฏิเสธ

“รักษ์ชาติพาไรรดามา ก็เพราะเธอนะ เธอคือสาเหตุที่ทำให้เกิด”

“เหมือนฉันเป็นตัวปัญหา”

โชติรสหัวเราะหึ เดินมาโอบไหล่เขียนจันทร์ “เชื่อเถอะว่าเธอทำให้ทุกๆ เรื่องดีขึ้น ทีนี้เราก็มาทำเรื่องดีๆ กันเถอะ”

คนถูกชักชวนมีสีหน้าประหลาดใจ แต่โชติรสกลับยิ้มให้เธอกับกองพันเพียงอย่างเดียว และเดินนำเธอออกไปข้างนอก


เด็กตัวผอม ตัวอ้วนหลายวัยวิ่งเล่นกันเต็มชายหาด ไกด์เด็กที่มีการเรียนภาษาอังกฤษอย่างดีก็สามารถพาลูกค้าของเกาะพานเที่ยวชมสถานที่ภายในเกาะได้อย่างไม่เคอะเขิน เขียนจันทร์มองความสามารถของคนในเกาะนี้แล้ว หลายๆ คนกลายเป็นพ่อค้า แม่ขาย มีเงินเป็นกอบเป็นกำ

เกาะพานมีเกาะลูกอีกหลายเกาะ และบางเกาะก็อยู่ในความดูแลของวนอุทยานแห่งชาติ เขียนจันทร์รับรู้สิ่งที่โชติรสพยายามทำมาตลอดที่สร้างเกาะพานขึ้นมาตลอดระยะเวลากว่าสามสิบปี ตั้งแต่เธอยังสาวๆ การเสี่ยงทำธุรกิจครั้งใหญ่ของเธอนั้นถึงขั้นโดนประณามหยามเหยียด และถูกขับไล่จากครอบครัว โชติรสมีคู่คิดที่ร่วมก่อสร้างที่นี่ขึ้นมา แต่ก็มาด่วนจากไปเมื่อราวสิบกว่าปีก่อนด้วยโรคร้าย

“เมื่อผ่านมาจุดๆ หนึ่ง ฉันก็รู้ว่าสิ่งที่มีค่าในชีวิตไม่ใช่เงินทอง วันนี้ฉันมีทุกอย่าง แต่ไม่มีคนที่รอฉันกลับบ้านเหมือนแต่ก่อน”

เขียนจันทร์จิบน้ำมะพร้าวหวานหอมสดจากลูกก่อนจะวางไว้บนโต๊ะ นั่งเอนหลังมองกองพันเล่นกับเพื่อนๆ ในวัยไล่เลี่ยกัน การที่เห็นกองพันเข้ากับคนง่าย น่ารัก คุยเก่ง แม้จะรับรู้ความจริงในชีวิตของตัวเองแล้ว นั่นเป็นเรื่องที่คลายความกังวลของเขียนจันทร์ไปได้มาก

“ลูกขุนเป็นหลานคุณนะคะ คุณโชติรสไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรอีกแล้ว”

“นั่นสิ...ลูกขุนคงไม่เกลียดยายอย่างฉันหรอกนะ”

มือบางเอื้อมไปกุมมือผู้ใหญ่ที่กำลังปรับทุกข์กับตัวเองไว้ด้วยความจริงใจ เธอรู้สึกว่าเวลาคุยกับโชติรส เธอก็รู้สึกเคารพอีกฝ่ายเหมือนที่เคารพกับหม่อมยายของเธอเช่นกัน

“ไม่หรอกค่ะ เขาเองต้องดีใจมากขึ้น ก็ครอบครัวของเขาออกจะใหญ่ขนาดนี้”

โชติรสเริ่มหัวเราะได้ เธอดีใจที่อย่างน้อยผู้ชายร้ายๆ อย่างรักษ์ชาติยังมีผู้หญิงจิตใจอ่อนโยน และเข้าใจจิตใจผู้อื่นคอยเคียงข้าง คอยลดความร้ายกาจในตัวอีกฝ่ายได้

“ตอนนี้เธอกับรักษ์ชาติไม่มีปัญหาอะไรกันแล้วใช่ไหม...พวกเธอสองคนเป็นคู่รักที่พานให้คนรอบข้างลุ้นกันจนเหนื่อยเลยนะ”

ประเด็นวกกลับมาเข้าตัวอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว เขียนจันทร์กระแอมไอ ยกมือวางใต้จมูก รู้สึกเขินพิกล ที่ผ่านมารอบข้างเธอก็ทั้งผลักทั้งดันให้เธอคู่กับรักษ์ชาติ แม้จะมีบางช่วงที่บรรดาพี่ๆ น้องๆ ของเธอคอยขัดแข้งขัดขาคนน่าหมั่นไส้อย่างรักษ์ชาติ แต่พอถึงเวลาจริงกลับไม่ขัดขวางจริงๆ จังๆ สักเท่าไหร่

“หม่อมยายของฉันท่านคงไม่ยอมรับคุณขุนง่ายๆ หรอกค่ะ”

“เธอเชื่อสิ...ไม่มีอะไรที่นายรักษ์ชาติทำไม่ได้” โชติรสไม่ไล่ต้อนให้เด็กรุ่นลูกอายม้วนจนไม่กล้าเงยหน้ารับแดดยามสายนี้อีก ปล่อยให้เจ้าตัวคิดอะไรต่อไปเงียบๆ เพราะไม่นานหรอก อีกไม่กี่ชั่วโมงเขียนจันทร์ก็จะได้รู้


ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขนาดย่อม โรงเรือนปลูกผักไร้ดิน(ไฮโดรโพนิก) โรงเรียน โรงพยาบาล สาธารณูปโภคบนเกาะที่อยู่ห่างจากฝั่งบนบกของไทยกว่าสองชั่วโมงครึ่งด้วยเรือโดยสารปกติ และอยู่ห่างจากประเทศเพื่อนบ้านเพียงครึ่งชั่วโมงด้วยการเดินทางแบบเดียวกัน เขียนจันทร์มองอาณาจักย่อมๆ แห่งนี้ที่อยู่ได้อย่างไม่ต้องเดินทางไปกลับบนบกหรือฝั่งให้วุ่นวาย ถึงเกาะแห่งนี้จะไกล แต่สัญญาณโทรทัศน์ โทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตก็ยังเข้าถึงได้อย่างหายห่วง

ชาวบ้านที่มีสำมะโนครัวบนเกาะแห่งนี้กว่าสามพันห้าร้อยคนต่างมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ใครก็ตามที่ไม่ปฏิบัติตามกฎอย่างการรุกล้ำเขตธรรมชาติ หรือคดโกงกันภายใน เจ้าหน้าที่ของฝั่งโอดาก็จะจัดการหิ้วไปส่งยังสถานีตำรวจบนฝั่งได้ในทันที และตั้งแต่รักษ์ชาติมารับช่วงต่อ ที่นี่ก็สงบสุขมากขึ้น

“ขุนชอบที่นี่ครับแม่เขียน” ร่างเล็กที่กำลังดำผุดดำว่ายดูปะการังน้ำตื้น มีเรือขับประกบอยู่ไม่ห่าง และไกด์เป็นชาวบ้านท้องถิ่นคอยว่ายน้ำนำกองพันไว้

ใกล้ๆ กันมีโชติรสสนุกสนานกับหลานชายตัวน้อยของเธอ เขียนจันทร์มองบรรยากาศสงบ และสัมผัสได้ถึงความเป็นครอบครัวที่กองพันกำลังยิ้ม หัวเราะ คนที่นั่งอยู่บนเรือมองเด็กหนึ่ง ผู้ใหญ่หนึ่งว่ายน้ำ ชี้ชวนกันดูตรงนั้นตรงนี้ก็พลอยยิ้มออก

หากแขนเธอหายดีเธอคงไม่พลาดที่จะมองธรรมชาติงดงามอย่างนี้แน่ ขนาดมองจากบนเรือเธอยังเห็นปะการังที่สมบูรณ์ได้อย่างชัดเจน

“ชอบเราก็มากันบ่อยๆ นะครับ” เขียนจันทร์หยิบโทรศัพท์มาถ่ายภาพน่าดูของสองคนในน้ำพลางยิ้ม รักษ์ชาติใส่เสื้อชูชีพ และเรียนว่ายน้ำมาตั้งแต่เล็กๆ มาถึงตรงนี้เธอเคยกังวลว่ากองพันเด็กเกินไปที่จะว่ายน้ำกลางทะเลอย่างนี้ แต่พอมีเบาะยางที่ไกด์คอยลาก และให้เด็กชายเกาะเพื่อชมปะการังน้ำตื้น สวมอุปกรณ์สน็อกเกิลเรียบร้อย และลงได้ไม่มีปัญหามากว่าสิบนาที เธอจึงวางใจ

“ขุนอยากอยู่ที่นี่ตลอดไปเลยครับ”

นิ้วที่กำลังกดถ่ายค้างนิ่ง เขียนจันทร์ลดกล้องลงด้วยความไม่แน่ใจในคำตอบ...หากกองพันเลือกอยู่ที่นี่ แล้วเธอจะอยู่กับกองพันได้อย่างไร

หรือถึงเวลาที่เธอจะต้องแยกจากกองพันแล้ว เขียนจันทร์ฝืนยิ้มส่งไปให้เด็กชาย ไม่รู้ว่าเธอจะตอบอะไรออกไปให้กองพันพอใจ และมันไม่ฝืนใจเธอ

สิ่งที่กองพันขอ...ไม่เคยอยู่ในความคิดเธอมาก่อน


“พี่วาด”

ร่างสูงของนางแบบสาวที่มาพร้อมกระเป๋าลากสีส้มอยู่ข้างกัน นั่งไขว่ห้างอยู่ภายใต้ร่มสีเหลืองสว่างซึ่งกางตรงระเบียงบ้าน พอได้ยินเสียงน้องสาวเรียกวาดตะวันจึงลุกขึ้น อวดเรียวขาขาวภายใต้กางเกงขาสั้นให้น้องสาวได้แต่นึกปลงที่ตัวเองไม่ได้มีหุ่นสวยอย่างพี่สาวเลย

“ไง...ทำไมทำหน้าตกใจอย่างนั้น” วาดตะวันยิ้มขัน “ลูกขุนล่ะ”

“ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากับคุณโชติรสค่ะ พวกเราเพิ่งกลับมาจากดำน้ำตื้นค่ะ”

วาดตะวันหัวเราะเสียงพลิ้ว ลงนั่งตามเดิม ยกแก้วน้ำแตงโมปั่นขึ้นจิบ “รสชาติใช้ได้นะ”

เขียนจันทร์นั่งลงที่เก้าอี้อีกตัว เอียงคอมองกระเป๋าที่มาพร้อม และน่าจะอยู่หลายวันทีเดียว นี่หรือคือเรื่องที่รักษ์ชาติบอกว่า,,,เรื่องประหลาดใจ

“พี่มาทำงาน”

“งานอะไรคะ”

เงาสูงใหญ่เดินมาทาบหลังเขียนจันทร์ ก่อนจะโอบกอดไว้ และเอื้อมหน้าที่มีไรขนจางมาประทับแก้มเธอไว้อย่างหมั่นเขี้ยว เขียนจันทร์รีบหยิกหลังมือหนาที่ทำอะไรไม่เคยขอ ไม่เคยปรึกษากันให้สะดุ้ง แล้วรีบมายืนเป็นยักษ์ปักหลักเบื้องหลังของเธอ

“น้ำแตงโมชักเลี่ยนๆ เสียรสชาติไปเยอะเลย” วาดตะวันจิบน้ำแตงโมปั่นพลางทำหน้าเบ้

“อย่ามาอิจฉาหน่อยเลย เพราะจากนี้เขียนจะเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก”

ผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลกชักสีหน้าไม่เชื่อ หันไปมองค้อนคนพูดออกมาอย่างไม่กระดากปาก ให้บอกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่โชคร้ายที่สุดในโลกที่หนีคนอย่างเขาไม่พ้นยังจะดูเข้าท่าเข้าทางเสียกว่า

สิ่งที่รักษ์ชาติเป็นในเวลานี้ทำให้เธอนึกถึงรักษ์ชาติสมัยก่อนที่ยังตามติดชีวิตวาดตะวัน วาดตะวันต่างหากที่เป็นผู้หญิงโชคดีที่ไม่เผลอใจไปรัก เธอน่าจะลองเป็นอย่างวาดตะวันบ้าง ไม่รู้ไปตกหลุมร้ายของรักษ์ชาติเอาอีท่าไหน ลงแล้วไม่ยอมขึ้นเลย

“มีกลิ่นเน่าๆ ด้วย พี่ขอตัวไปอ้วกก่อน”

“พี่วาดคะ” เขียนจันทร์รีบตะครุบแขนพี่สาวแล้วดึงกลับมานั่งที่เดิม เกรงว่ารักษ์ชาติจะทำเสียบรรยากาศระหว่างการพบกันของสองพี่น้องไปฉิบ “พี่วาดมาทำงานอะไรคะ แล้วทางบ้านเราเขาว่ายังไงบ้าง เขียนอยู่ที่นี่โดนคนปิดหูปิดตาหมด กำลังคิดว่าถ้ายังไม่เลิกนิสัยมีความลับกับเขียน เขียนจะตัดหางปล่อยวัดจริงๆ แล้ว”

“เฮ่ย! ความลับอะไร ผมออกจะเปิดโล่งโจ้งอล่างฉ่าง”

เขียนจันทร์หลับตาฟังคำเสียดหูที่อีกฝ่ายยกมาใช้ หญิงสาวหันขวับ ยกนิ้วชี้ไล่กลับเข้าไปในบ้านด้วยแววตาดุ “ให้พูดด้วยไหม”

“ใจร้ายจัง” รักษ์ชาติโฉบหน้ามาหอมแก้มนิ่มอีกครั้งก่อนกึ่งเดินกึ่งวิ่งจากไปอย่างกับเด็ก ปล่อยให้คนโดนขโมยหอมแก้มหน้าแดงก่ำ เลี่ยงสบตากับวาดตะวันที่กำลังใช้สายตาล้อเลียน

“พี่มาเป็นพรีเซนเตอร์มูลนิธิปลูกต้นกล้า”

“หม่อมยายล่ะคะ!” เขียนจันทร์อุทานลั่น เธอจำได้แม้ในวันนั้นจะพักผ่อนไม่เพียงพอ แต่รักษ์ชาติทำอะไรไว้บ้างนั้นทำไมเธอจะจำไม่ได้ คนที่หยิบยื่นมูลนิธิดีๆ ให้หม่อมยายเธอดูแลก็คือรักษ์ชาติเอง

วาดตะวันร่าเริงขึ้น มองน้องที่กลายเป็นกระต่ายตื่นตูมโดยไม่ปลอบใจ จิบน้ำแตงโมเย็นชื่นใจคลายเวลาบ่ายร้อน แต่มีลมเย็น

“หม่อมยาย...ท่านมาแน่ๆ เขียนเตรียมรับมือให้ดีล่ะ”

หน้าที่ซีดอยู่แล้วเผือดขึ้นกว่าเดิม เขียนจันทร์มองแขนที่ยังคล้องคอไว้อยู่ด้วยความผิดที่ยังปกปิดวงเดือนไว้ งานนี้เห็นทีว่าเธอจะรอดยาก...เรื่องนี้รักษ์ชาติเตรียมไว้ให้เธอประหลาดใจจริงๆ

เขาตั้งใจให้หม่อมยายมาเชือดทั้งเขาและเธอทิ้งในคราวเดียวหรือไง

...คนบ้า ทำอะไรไม่เคยบอกกันเลย

………………………………………………………..

คุณ ใบบัวน่ารัก แล้วมาดูกันค่าว่าลูกขุนไหวไหม ^^ เจ้าขุนเป็นมนุษย์ที่เด็กต้องใช้วิจารณญาณในการแยกแยะพฤติกรรมจริงๆ ฮา

คุณ ร้อยวจี คู่พี่ๆ น้องๆ มีแน่ค่ะ แต่ยังไม่เขียน ตรึง ฮา วาดวางไว้คร่าวๆ แต่คงยังไม่เขียน

คุณ คิมหันต์ พาไปเกาะกันค่า อิอิ มาดูอาณาจักรของเจ้าขุนกัน

คุณ แว่นใส พี่แกยังทำได้มากกว่านี้ค่ะ ฮา

คุณ อัศวินนภา ความเกรียนกลับเข้าร่าง ต้องเอาให้สุดค่ะ ฮา

คุณ ผักหวาน ส่งหมอไปถึงฝั่ง แต่ดันพาคู่หลักออกทะเล ฮา คู่นี้ใกล้ถึงฝั่งแล้ว

คุณ konhin พี่หมอยิ้มรับหน้าบานค่ะ ^^

ขอบคุณทุกคอมความเห็น ทุกไลค์ และนักอ่านทุกท่านนะคะ ตามท้องเรื่องแล้ว ตอนหน้าน่าจะเข็นจบได้อย่างไม่มีปัญหา ปัญหาคือยังไม่ได้เขียน ฮา ยิ่งใกล้จบสปีตยิ่งตก แต่ความเกรียนเจ้าขุนมาวินสุด ฮา



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 มิ.ย. 2557, 15:16:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 มิ.ย. 2557, 15:16:21 น.

จำนวนการเข้าชม : 2184





<< บทที่ 27 : หล่อร้าย   บทที่ 29 : การรอคอยที่สิ้นสุด (บทส่งท้าย) >>
คิมหันตุ์ 26 มิ.ย. 2557, 15:50:35 น.
รอลุ้นฮ่ะ


แว่นใส 26 มิ.ย. 2557, 19:54:19 น.
เตรียมเรื่องไว้รอเยอะ


ใบบัวน่ารัก 26 มิ.ย. 2557, 19:55:49 น.
มันก็ดีมีเกาะส่วนตัว แต่จะเป็นการบิบบังคับ
กันเกินไปหรือเปล่า อ้อ แล้วเหตุผลที่ลูกขุนยังไม่ไปโรงเรียนนะ ยังไม่บอกเลยน้า
ชอบภาพ มาก เท่ เก่ง ขี่มอไซคันใหญ่ได้ วิ้งๆเรียนจบยังภาพ


อัศวินนภา 26 มิ.ย. 2557, 22:01:53 น.
พ่อขุนแอบพามาแต่งงานป่ะเนี้ย เฮ้อๆๆๆ ขอหวานๆน่ารักๆ อย่าเกรียนจนงานล่มเน้อ


konhin 26 มิ.ย. 2557, 22:02:02 น.
จะจัดงานแต่ง ขอสาวหรือยัง


ร้อยวจี 27 มิ.ย. 2557, 08:55:56 น.
รอค่ะ


ผักหวาน 30 มิ.ย. 2557, 22:17:52 น.
คู่นี้ลุ้นซะหืดขึ้นคอทุกนาทีจริง ๆค่ะ 5555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account