UnRomantic Love หนีไม่พ้นใจ (เล่ห์ลวงจันทร์)
เขียนจันทร์ เดินทางกลับมาจากต่างประเทศเพื่อมารับพ่อที่กำลังเกษียณไปอยู่บ้าน

วันแรกที่กลับมาเธอก็พบผู้ชายปากร้าย แข็งกระด้าง มาตามหาพี่สาวของเธอ

ปากก็บอกตามหา แต่ทุกวันก็ยังวนเวียนอยู่กับเธอ ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไป

ทำไมผู้ชายนิสัยแบบนี้ คุมสถานบันเทิงใหญ่ จะเลี้ยงเด็กที่เขาบอกว่าเป็นลูกได้ดีเหรอ

แล้วทำไมถึงได้ยัดเยียดลูกให้เธอเลี้ยง ส่วนตัวเองก็ร่อนไปหาพี่สาวเธอแบบนี้เล่า

นายรักษ์ชาติ...นายมันผู้ชายยอดแย่ที่สุด

แล้วทำไมวันที่เธอมีปัญหาที่สุด คนแย่ๆ แบบเขากลับไม่ยอมทิ้งให้เธอเผชิญปัญหาคนเดียว

กลัวจะไม่มีเบ๊ไว้ให้ใช้ล่ะสิท่า...อย่าคิดว่าคนอย่างเธออ่านเกมเขาไม่ออก
Tags: เขียนจันทร์ รักษ์ชาติ จักรตรากูล กองพัน

ตอน: บทที่ 29 : การรอคอยที่สิ้นสุด (บทส่งท้าย)

บทที่ 29

บรรยากาศที่ควรครื้นเครงในช่วงเวลาที่วงเดือนยังไม่มาเยือนนั้นไม่ได้ทำให้อาหารทะเลย่างริมชายหาดนี้ลื่นคอ และมีรสชาติอร่อยแม้น้ำจิ้มที่รักษ์ชาติออกปากโอ่ฝีมือตัวเองว่ามันเลิศเลอขนาดไหนก็ตามที...เขียนจันทร์ไม่รู้สึกถึงความอร่อยได้ถึงครึ่งของรสชาติจริงของมัน

“ทำหน้าไม่อร่อยเลย...เป็นอะไรหรือเปล่าเขียน” รักษ์ชาติเอนตัวมาถามชิดริมหู ให้น้ำเสียงอ่อนโยนของตนอยู่ในการได้ฟังของเพียงแค่เขียนจันทร์ผู้เดียว

“เปล่า ฉันก็คิดอะไรไปเรื่อย” หญิงสาวตอบพลางเบี่ยงตัวหลบ

“คิดอะไรหืม...เดี๋ยวหน้าก็แก่หรอก ผมอยากให้คุณมาพักผ่อนนะเขียน” คนชอบไล่ต้อนไม่สนใจปฏิกิริยามีความลับของเขียนจันทร์ ครึ่งนี้จึงยกมือโอบไหล่บางไว้แนบตัว ให้เขียนจันทร์ที่เหม่อมาตลอดเริ่มฟาดมือตีเพียะไปบนหลังมือเขา

“คุณไม่อายฉันอาย ตัดมือปลาหมึกคุณไปย่างเตาจิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดกินด้วยก็ได้นะ”

“สองรุมหนึ่งน่าจะเอาอยู่” วาดตะวันถูมือไปมา ส่งเสียงเหี้ยมกระตุ้นขู่รักษ์ชาติให้หงอ

แต่คนที่พวกเธอพยายามขู่กลับคลอนศีรษะ ยิ้มประจบอย่างน่าหมั่นไส้ ไม่อายเด็กอย่างกองพันที่นั่งข้างโชติรสซึมซับความบ้า และพิลึกของพ่อไปไม่มากก็น้อยแล้ว

“ขาดมือผมไป ตอนเข้าหอจะรู้สึก”

เขียนจันทร์เบะปากหมั่นไส้ ความอายลามไล้ผิวแก้มให้ร้อนผ่าว ได้แต่มองใบหน้าคนกะล่อน วาจาไหลลื่นยิ่งกว่าทุกสรรพชีวิตในโลกด้วยอารมณ์หมั่นเขี้ยว แต่ก็หลบเลี่ยงไปมองใครอื่นร่วมโต๊ะไม่ได้ ตอนนี้หน้าเธอแทบจะแทรกผืนทรายเสียให้ได้เพราะวาจาห่ามๆ ของเขา

“แม่เขียนร้อนเหรอครับ” กองพันถามอย่างพาซื่อ แต่คนถูกถามกลับทำหน้าไม่ถูก

รักษ์ชาติหัวเราะร่วน ยกมือหนาทาบแก้มนุ่มของเขียนจันทร์ ก่อนจะใช้อีกมือโบกพักให้คลายร้อน ไม่วายมันจะมีแต่ทำให้เขียนจันทร์ร้อนวาบบนหน้ามากกว่าเดิม แต่อีกฝ่ายก็ยังสนุกกับการกลั่นแกล้งหญิงสาวต่อไป

“ขอตัวก่อนนะคะ เพลียๆ” เขียนจันทร์ปัดมือหนาออกไปจากใบหน้า มองฟาดค้อนใส่ ก่อนหันไปโปรยยิ้มให้บุคคลที่เหลือในโต๊ะอย่างขออนุญาต และลุกออกไป

“แม่เขียนร้อนเหรอครับ” กองพันทำหน้ายุ่งถามคำถามเดิม ไม่เข้าใจสีหน้าของเหล่าผู้ใหญ่ที่กำลังแสดงความรู้สึกที่เขาไม่เข้าใจออกมา

วาดตะวันหัวเราะคิก ก้มลงกระซิบให้เด็กชายรู้ “แม่เขียนเขาร้อนใจไงครับ”

“ร้อนใจ?” เด็กชายมองประกายตาวูบไหวแปลกๆ ของพ่อ หรือการยิ้มน้อยๆ ของอาวาดกับยายโช เด็กชายก็เริ่มเข้าใจความรู้สึกนั้นขึ้นมาเพียงเล็กน้อย

ผู้ใหญ่นี่ช่างซับซ้อนกันจริงๆ...


ร่างระหงที่นั่งเอนหลังอยู่ตรงระเบียงของห้องนอนเป็นสิ่งที่รักษ์ชาติคิดไว้อยู่แล้วว่าจะได้พบ ใบหน้าสวยใสอย่างธรรมชาติที่เขามองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อกำลังเหม่อมองท้องฟ้าที่กำลังพร่างดาวสวยเบื้องบน ดวงตาครุ่นคิด หัวคิ้วขมวดมุ่นของเขียนจันทร์ ชายหนุ่มมองแล้วไม่รู้สึกสบายใจเสียเลย

รักษ์ชาติปีนระเบียงห้องที่อยู่สูงจากพื้นไม่ถึงสองเมตรขึ้นมาได้อย่างสบายๆ ขนาดเขาเดินเข้ามาประชิดตัว เขียนจันทร์ก็ไม่ได้รู้สึกตัวเลย

“กลัววันพรุ่งนี้อยู่ใช่ไหมเขียน”

น้ำเสียงทุ้มของเจ้าของมือหนาที่ฉุดเธอให้ลุกขึ้นยืนไปปะทะอกแกร่งไว้กำลังเป็นน้ำเย็นที่ทำให้เธอรู้สึกถึงการได้รับการปกป้อง หญิงสาวยืนนิ่งในอ้อมกอดที่ไม่รัดให้เธออึดอัดจนหายใจไม่ออก แต่ก็ไม่ปล่อยให้เธอรู้สึกเคว้งคว้างโดดเดี่ยว

“มีผมอยู่ทั้งคน อย่าไปกลัวอะไรเลยนะเขียน ผมจะยอมเป็นหลานเขยที่หน้าด้านที่สุด แต่รักหลานสาวของหม่อมยายวงเดือนมากที่สุดนะ”

เขียนจันทร์ช้อนตามอง ‘คนหน้าด้านที่สุด’ ด้วยดวงตาเป็นประกายขำ เขาคงไม่ใช่แค่หน้าด้านหน้าทน สำหรับเธอรักษ์ชาติยังเป็นผู้ชายร้ายกาจที่สุดด้วย

“แล้วก็เป็นคนที่ทำหลานสาวของท่านเสียใจมากที่สุด” เขียนจันทร์ต่อให้ครบจบกระบวนความ เห็นหน้าคมม่อยลงอย่างกับแมวเชื่องสำนึกผิด ใจเธอก็อ่อนเหลวไม่เป็นท่า

อ้อมกอดนั้นกดเธอจมไปกับแผ่นอกหนาด้วยแขนข้างเดียวของเขา ลมหายใจอุ่นรดไรผมนุ่ม “ที่ผ่านมา ผมพยายามทำตัวดีขึ้นแล้วนะเขียน ผมนึกถึงคุณ ไม่อยากเห็นคุณเสียใจอีก...นึกถึงที่ผมเคยร้ายใส่คุณในอดีต ผมก็พร้อมจะขอโทษคุณไปจนแก่จนตายเลยจริงๆ นะ”

“ก็ดีขึ้น...แต่ก็คงดีไปได้ไม่มากกว่านี้หรอก คุณมันไม้แก่ นิสัยผุหลายๆ อย่างมันถึงแก้ไม่หาย”จะนึกขันบ้างเพราะลมหายใจอุ่นนั้นกำลังจั๊กจี้เธอ

“แค่เราเข้ากันได้ก็พอแล้ว...ขืนผมน่ารัก อยู่ในกฎ อยู่ในระเบียบ เป็นพ่อบ้านทุกกระเบียดนิ้ว คุณไปขุดหาหัวไชเท้ามาเป็นคู่ชีวิตยังง่ายกว่า อย่างผมมันน่าสนใจกว่า เร้าใจกว่าเยอะ”

“โฆษณาขายตัวเองเข้าไปเถอะ...ไม่เห็นจะมีใครเขาสนใจคุณจริงๆ จังๆ เลย”

“ก็ผมเก็บตัวเองไว้ให้เขียนคนเดียว ต่อให้มีคนเอาบ่อทองมาล่อ ผมก็ไม่ยกตัวเองให้ใครหรอก หัวใจผมมันอยู่ที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ ให้เจ้าตัวไล่ออกไปเท่าไหร่ก็ยึดติดแน่นยิ่งกว่าอะมีบาในน้ำคลำอีก”

รักษ์ชาติเริ่มยิ้มตามรอยยิ้มสวยบนใบหน้าของเขียนจันทร์ วันนี้แสงจันทร์บนท้องฟ้าเป็นจันทร์เสี้ยว ไม่ได้อวดแสงแข่งกับดวงดาว แต่รอยยิ้มของพระจันทร์ตรงหน้าเขาต่างหากที่แย่งความสวยเด่นบนนภา ให้เขาจับต้องอยู่เพียงเธอ

สายลมยามค่ำพัดเย็นผ่านกาย รักษ์ชาติมองบรรยากาศอันสดชื่นแล้วนึกอยากปลอบให้เขียนจันทร์คลายกังวลทั้งมวล

“มาเต้นรำกันดีกว่า”

“ฉันแขนเจ็บอยู่ไม่เห็นเหรอ”

คำประท้วงของเขียนจันทร์ไม่ได้รับการใส่ใจ รักษ์ชาติคลายอ้อมกอดลงนิดเพื่อหยิบโทรศัพท์ออกมา หยิบสายหูฟังให้หูของตนข้างหนึ่ง และของเขียนจันทร์อีกข้าง มืออีกข้างเริ่มกดปุ่มค้นหาเพลง ยกมือหลบหนีสายตาอยากรู้ของคนในอ้อมกอด สีหน้ายิ้มยั่วอย่างกับคนมีของดีมาอวดทำให้เขียนจันทร์ต้องยืนนิ่งๆ ในที่สุด

ปล่อยให้มนุษย์ขี้อวดจัดการโฆษณาชวนเชื่อได้เต็มกำลัง

“โยกเบาๆ เคล้าเสียงเพลงนะ อึดอัดก็บอกผม” รักษ์ชาติเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋ากางเกง ปล่อยให้เพลงทำนองน่ารักดังขึ้น ขณะที่เอวของเธอถูกมือของรักษ์ชาติคอยบังคับทิศทางช้าๆ หน้าตาของอีกฝ่ายยิ้มเบิกบาน

“เพลงช้างเนี่ยนะ”

“ออกจะน่ารักน่ากอดเหมือนผม” รักษ์ชาติลอยหน้าลอยตาตอบ แปะหน้าผากกับหน้าผากเนียนด้วยสีหน้าจริงจัง ปล่อยให้เพลงน่ารักดังกล่อมอยู่ที่หูคนละข้าง “ผมรักคุณนะเขียน...อยากจะมีคุณอยู่ร่วมในชีวิตผมไปทุกๆ วัน ทุกๆ วินาที ผมสัญญาว่าตราบใดที่เรายังรักกันอย่างนี้ ผมจะไม่มีวันปล่อยมือคุณไปเด็ดขาด”

เขียนจันทร์สบดวงตาประกายหวานซึ้งของอีกฝ่าย แทบจะได้ยินเสียงตึกตักของหัวใจตัวเองแข่งดังกับเพลงช้างในหู อดไม่ได้ที่จะแนบหูข้างไม่ได้เสียบหูฟังไปยังอกมีกล้ามของอีกฝ่าย เสียงหัวใจมั่นคง และแอบรัวเร็วในบางจังหวะทำให้เธอยิ้มทั้งที่แก้มแนบอยู่กับอกของรักษ์ชาติ

“ฉันไม่เคยบอกว่ารักคุณสักคำ” หญิงสาวแกล้งหยั่งเชิง

“ใครบอก” รักษ์ชาติดึงเขียนจันทร์ออกสุดแขนเพื่อสบตา “ความรักของคุณมันอยู่ในตาของคุณ ถึงคุณไม่บอกผมก็รับรู้ได้ หรือคุณจะหาว่าผมขี้ตู่เข้าข้างตัวเองอีกล่ะ”

ดวงตาเป็นประกายของเขียนจันทร์ยิ่งเป็นประกายวิบวับด้วยความถูกใจมากขึ้น แก้มของเธอเกือบจะปริแตกด้วยรอยยิ้มที่เก็บกักไว้ไม่อยู่...รักษ์ชาติจะแสนรู้ไปทุกเรื่องแล้วนะ

“คุณเป็นจอมขี้ตู่มากๆ” หญิงสาวเว้นเพื่อสังเกตอาการหน้าเสีย ตาตก ปากคว่ำของอีกฝ่ายแล้วอยากจะหัวร่อออกมาดังๆ รักษ์ชาติผู้ขาดความมั่นใจใช่ว่าจะไม่มีให้เธอเห็น

“คุณพูดจริงเหรอ”

...ไหนจะน้ำเสียงลังเลนั่นอีก

“คุณน่ะชอบขี้ตู่ไปทุกเรื่องเลยรู้ตัวไหม ขี้คุย ขี้อวด คงยกเว้นเรื่องล่าสุดที่คุณเข้าข้างตัวเอง” ร่างระหงเขย่งกระซิบริมหูรักษ์ชาติ “เรื่องนั้นมันคือเรื่องจริง”

ร่างสูงยืนนิ่งงันกับที่ มองเขียนจันทร์เดินปิดประตูระเบียงห้องนอนใส่หน้าเขาด้วยรอยยิ้มเป็นต่อ รักษ์ชาติยกมือตบหน้าตัวเองไปทีหนึ่ง พอรู้สึกว่าตัวเองเจ็บจริงก็กระโดดสูงร้องเย้ คว้าตัวกองพันที่เพิ่งเดินมาถึงกอดตัวลอย ออกปากบอกไม่กลัวว่าจะทำให้คนในห้องบ่นด้วยความอายขนาดไหน

“แม่เขียนรักพ่อขุนด้วยล่ะเจ้าลูกขุน แม่เขียนรักพ่อ”

“เรื่องแค่นี้ก็ไม่รู้ พ่อขุนไม่ไหวเลย” เด็กชายปากแดงบ่นอุบ มึนศีรษะกับการโดนคนตัวโตหมุนไปรอบๆ

เฮ้อ...พ่อขุนเด็กจริงๆ คนอื่นเขารู้กันตั้งนานแล้ว


วงเดือนได้รับเรื่องจากทางมูลนิธิว่าจะต้องเดินทางมายังเกาะพานเพื่อเปิดห้องเรียนระดับชั้นมัธยมปลายที่เป็นหนึ่งในความดูแลของปลูกต้นกล้า โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนขนาดกลางที่คนเรียนมาจากลูกชาวบ้านในเกาะ และคนละแวกเกาะแถวนี้ บางคนเป็นชนพื้นเมืองตามเกาะก็จะได้รับการศึกษา มีการพัฒนาคุณภาพชีวิตอีกหลายๆ อย่างในเกาะแห่งนี้ แม้ว่ามันจะมีกาสิโนหรูตั้งให้คุณหญิงวงเดือนรู้สึกตะขิดตะขวงใจเมื่อแรกเหยียบย่างยังผืนทรายผืนนี้ก็ตาม

“เดินทางมาเหนื่อยไหมครับ”

น้ำเสียงทุ้มของร่างสูงที่ยืนยิ้มหน้าเป็นบนชายหาดสร้างคลื่นพายุในใจคนมองได้มากอักโข อย่างไรรักษ์ชาติก็ยังเป็นตัวเลือกสุดท้ายที่หล่อนจะนึกถึงหากเลือกใครสักคนมาร่วมชีวิตกับหลานสาว

“ก็ดี”

รักษ์ชาติยังคงยิ้มออกต่ออาการไม่เป็นมิตรจากญาติผู้ใหญ่ของเขียนจันทร์ ชายหนุ่มเดินตามคุณวงเดือนมาไม่รีบร้อน มือยกกระเป๋าลากให้อย่างเอาใจ

“ไม่ยักรู้ว่าเธอจะมา นึกว่าจะอยู่รังควานหลานฉันอยู่”

คราวนี้เสียงห้าวหัวเราะลั่น และทำในสิ่งที่วงเดือนเห็นแล้วยิ่งขัดลูกนัยน์ตากับกิริยาอาการชี้นิ้วไปยังด้านขวามือตัวเอง หน้าตายิ้มแป้น และลงท้ายด้วยคำพูดที่วงเดือนอยากจะแปลงร่างเป็นภูเขาไฟ

“ที่คุณหญิงเข้าใจก็ถูกต้องดีนี่ครับ”

ภาพหลานสาวทั้งสองของเธอ คนหนึ่งยังคงมีรอยยิ้มแต้มหน้า กับอีกหนึ่งที่หน้าค่อนข้างไร้สีเลือดทำให้วงเดือนหันมาเอาเรื่องกับคนต้นเรื่องแทน

“นี่มันอะไร”

“ผมอยากทำอะไรอย่างถูกต้องตามประเพณี” รักษ์ชาติมีทีท่าจริงจัง และหยุดหัวเราะ ดวงตาคมจับจ้องไปยังใบหน้าของเขียนจันทร์ที่คล้ายจะเป็นลมได้ตลอดเวลาแล้วจึงส่งยิ้มไปปลอบใจ ก่อนหันมาเผชิญกับหน้าตาขึ้งโกรธของวงเดือน “ผมรักและจริงใจกับเขียน”

“นี่เป็นแผนการทั้งหมดของเธอ สรุปงานวันนี้ก็แค่หลอกตาใช่ไหม”

“แผนการผมจริง แต่งานก็ยังมีนะครับ ถึงมันจะเกิดขึ้นเพราะผมอยากทำดีเอาหน้าก็เถอะ” การอธิบายเพิ่มเติมของรักษ์ชาติมีแต่ดิ่งลงเหว เขียนจันทร์จำต้องก้าวเข้ามา กระตุกแขนหนาให้หยุด

“หม่อมยายคะ วันนี้มาเปิดงานใช่ไหมคะ เรื่องอื่นไว้วันหลังดีกว่าค่ะ”

“ไม่!” หนึ่งหนุ่มหนึ่งผู้ใหญ่เถียงออกมาพร้อมกัน คนกลางกะพริบตาปริบ มองคนนั้นทีคนนี้ทีอย่างไม่รู้ว่าจะเดินไปทางไหนต่อ

“ถ้าคุยแล้วมีแต่ทะเลาะกัน พักยกให้อารมณ์ดีๆ ค่อยคุยกันใหม่ดีไหมคะ”

“ไม่!”

อีกครั้งที่วงเดือนตอบออกมาตรงกับรักษ์ชาติ หญิงสูงวัยตวัดตามองเด็กรุ่นหลานยิ่งรู้สึกการยืนข้างเดียวกันในเวลานี้ รังแต่จะทำให้เธอหงุดหงิด

เขียนจันทร์สูดหายใจเข้าปอดลึกๆ อยากเจรจากับไม่แข็งทั้งสองอย่างประนีประนอมที่สุด ส่งสัญญาณให้ศดาธรและเกียรติยศมายกสัมภาระของหม่อมยายเธอเข้าบ้าน และเริ่มจริงจังขึ้นกว่าเดิมเมื่อหันกลับมา

“เอาล่ะค่ะ...เขียนอยากขอโทษหม่อมยายที่ปิดบังเรื่องมาที่นี่” หญิงสาวมองแขนตัวเองที่วันนี้เอาออกจากที่คล้องแขนไปได้อย่างหวุดหวิดจึงไม่ต้องมาแสดงพิรุธหาเหตุผลมาให้คนสูงวัยได้เป็นห่วงอีก

“ยายไม่อยากให้เขียนจมปลักกับคนไม่ดี ยายเป็นห่วงเขียนนะลูก”

‘คนไม่ดี’ เบือนหน้าไปทำหน้าคว่ำทางอื่นไม่ให้เกิดข้อพิพาทกันทั้งสองฝ่ายหนักกว่านี้ พอปรับสีหน้าได้ปกติจึงกลับมายิ้มแต้ดังเดิม

“ผมไม่ได้ไปฆ่าใครนะครับ” คน ‘เกือบ’ เป็นฆาตกรแก้ตัว มองสายตาของเขียนจันทร์ที่ขู่ให้หุบปากต่อไปก็ได้แต่ยิ้มไม่ให้สถานการณ์เจรจาของทั้งสาม ‘หนัก’ กว่านี้

“คนดีที่ไหนมาเปิดบ่อน เปิดสถานบันเทิง”

“มันเป็นอาชีพนะครับหม่อมยาย ออกจะดี งานนี้ทำเงินได้เยอะ พวกคนรวยก็เอาเงินมากระจายรายได้สู่คนระดับล่าง เราเป็นตัวกลางในการกระจาย วิน – วินสองฝ่ายนะครับ”

เขียนจันทร์โคลงศีรษะอ่อนอกอ่อนใจกับคนไม่ยอมลงให้ใครง่ายๆ อย่างรักษ์ชาติ ขืนให้รักษ์ชาติกุมบังเหียนเจรจากับหม่อมยายต่อไป มีแต่จะเป็นอันตรายกับความดันโลหิตของหม่อมยายเธอ

“หม่อมยายคะ มากับเขียนนะคะ”

“แล้วผมล่ะ” คนโดนทิ้งไว้เบื้องหลังยืนเก้อ ชี้ตัวเองอย่างอับจน และเขียนจันทร์ก็หาทางให้เขาอยู่ได้ในที่สุด
“ฝากพี่วาดคุมคนเกเรทีนะคะ”

“พี่ไม่ได้เกเรนะวาด” คนตัวโตเริ่มฟ้องวาดตะวัน อีกฝ่ายทำเพียงไหวไหล่ และยังคงยืนคุมเชิงต่อไปไม่ให้รักษ์ชาติเข้าไปก่อกวนยายของเธอ

“ไม่เคยมีใครกล้าบอกพี่ขุนมากกว่าค่ะ”


เสียงถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่าของผู้เป็นยายยามที่มองสิ่งดีงามในเกาะพานโดยมีหลานสาวเป็นคนนำเที่ยวเฉพาะกิจ ท่านได้แต่มองสายตาไปทั่วๆ มองความสงบ ความสุขของผู้คนที่นี่ นอกจากนั้นคนพวกนี้ยังมีความรู้ไว้ติดตัวทำมาหากินไม่ให้ใครเขาดูถูก หรือคดโกงได้ หลายๆ ปากต่างกล่าวถึงความดีของบุคคลสองคนอย่างโชติรสที่บุกเบิกที่นี่ และรักษ์ชาติที่กำจัดโจรผู้ร้าย หรือผู้เล่นชั้นเลว นักเลงโตที่หวังมาเบ่งอำนาจ หรือกอบโกยธรรมชาติในเกาะแห่งนี้ หรือละแวกนี้ให้ออกไปได้

“เขียนไม่สบายใจเลยนะคะ เห็นหม่อมยายถอนหายใจอย่างนี้”

เสียงหัวเราะของกองพันกับเด็กๆ รุ่นเดียวกันในเกาะดังแว่วมาเข้าหู เด็กชายเข้ามากอดนางสักพัก ก็วิ่งหน้าตั้งไปเล่นกับเพื่อนๆ ต่อ วงเดือนค่อยๆ แปรเสียงถอนหายใจเป็นรอยยิ้มจางทีละนิด

“ยายคงเป็นห่วงเขียนมากไป จริงๆ นายรักษ์ชาติก็คงจะมีมุมดีเหลืออยู่บ้าง แต่เขาเป็นคนที่นำเสนอตัวเองไม่เป็นเลยนะ”

เขียนจันทร์หลุดหัวเราะ พยักหน้าเห็นด้วย “เขาคิดอะไรก็ทำอย่างนั้นค่ะ บางทีก็จะดูห่ามๆ อยู่ด้วยแล้วก็ปวดหัว”
“แต่หลานคงอยากจะปวดหัวไปตลอดชีวิตใช่ไหม อยู่กับคนอารมณ์แปรปรวนตลอดเวลา”

“หม่อมยายคิดว่ายังไงคะ”

คนสูงวัยมองค้อนหลานสาวที่รู้ว่าท้ายที่สุดก็มักจะต้องยอมจำนนต่อความต้องการของเหล่าหลานๆ ของเธออยู่แล้ว...เวลานี้เธอพบว่าดวงตาของเขียนจันทร์กำลังทอประกายความสุขออกมา แล้วเธอจะทำตัวเป็นยายใจร้ายอยู่ได้อย่างไร

“ยายจะทำอะไรได้ล่ะ ในเมื่อหลานของยายเลือกไปแล้ว”

ร่างระหงกระเถิบตัวไปกอดเอวผู้เป็นยายไว้แน่น เธอรู้แม้ยายจะปล่อยให้เธอเลือกคนของหัวใจได้ แต่ความเป็นห่วงของยายจะยังคงมีไปเรื่อยๆ

“ความรักมันคือการเรียนรู้ใช่ไหมคะหม่อมยาย แต่ถ้าการเรียนรู้ของเขียนทำให้หม่อมยายไม่สบายใจ เขียนจะหยุด”

วงเดือนลูบศีรษะหลานสาวอย่างอ่อนโยน หัวใจอ่อนยวบที่รู้ว่าเธอสำคัญขนาดไหน “มีความสุขไปเถอะเขียน แค่หลานมีความสุข ยายก็มีความสุขที่สุด ลูกขุนเขาจะได้มีแบบอย่างดีๆ มาไว้เป็นตัวอย่าง พ่ออย่างนั้นเลี้ยงลูกออกมาคงไม่แคล้วให้ลูกเหมือนตัวเอง”

เขียนจันทร์ผละจากอ้อมกอดของหม่อมยาย ดวงตามองตามสิ่งที่หม่อมยายเป็นห่วงด้วยแววตาครุ่นคิดไม่ต่างกัน

“ลูกขุนเขาอยากจะอยู่ที่นี่ค่ะหม่อมยาย” เขียนจันทร์มีความเศร้าพาดผ่านตา “เขียนกลัวว่าเขียนจะอยู่กับเขาที่นี่ไม่ได้”

เสียงคลื่นซัดฝั่งยังคงดังระลอกอีกหลายครั้ง วงเดือนคล้ายอยากจะพูดอะไรอีกหลายอย่างแต่เมื่อแววเศร้าบนหน้าหลานสาว ความคิดหนึ่งก็ปรากฏ...ถึงจะไม่ได้ชอบขี้หน้าเจ้ารักษ์ชาติขึ้นมา แต่ครั้งนี้คนเกเรพรรค์นั้นน่าจะคืนรอยยิ้มให้เขียนจันทร์ได้ดีที่สุด

“ยายมีทางออก ที่เหลือก็อยู่ที่การตัดสินใจของเขียน”


งานเปิดโรงเรียนผ่านไปรักษ์ชาติหาเวลาที่จะอยู่กับเขียนจันทร์สองต่อสองไม่ได้เลย พอกลับมาถึงบ้านเขียนจันทร์ก็ฉวยโอกาสไปนอนกับหม่อมยายของตัวเอง ไม่ยอมแม้แต่จะอธิบายว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น กระทั่งในตอนเช้าเขาตื่นมาพบกับแผ่นกระดาษแผ่นหนึ่งที่โชติรสยื่นมาส่งให้

‘ไม่ต้องตาม ไม่ต้องโทรหา ถ้าฉันรู้ว่าคุณนิสัยเสีย ละเมิดข้อที่ฉันว่ามา ฉันจะเลิกกับคุณ ห้ามเกเรกับลูกขุนด้วย ฉันให้คุณโชติรสคอยส่งข่าวมาให้ฉัน *ห้ามจุดเดือดต่ำเด็ดขาด*...เขียนจันทร์’

รักษ์ชาติอ่านข้อความทวนไปมาด้วยความไม่เข้าใจ สมองคล้ายทำงานช้าไปชั่วขณะ เหมือนว่าเขาทั้งคู่ยังไม่เลิกกัน แต่ติดต่อหากันไม่ได้ ซ้ำร้ายคือเขียนจันทร์แอบกลับไปกับครอบครัวตั้งแต่เรือเที่ยวแรกในตอนเช้า ไม่มีการอธิบายอะไรให้เขาเข้าใจสักอย่าง

“ถ้าผมออกไปทำงานก็ได้ใช่ไหมครับ” คนอยากหนีออกจากเกาะพูดเสียงเย็น อยากจะเหาะไปหาเขียนจันทร์เพื่อเค้นคอถามความจริงให้รู้อะไรๆ ไปเลย

“ฉันให้คนอื่นทำงานทางนั้นแทนแล้ว เธอก็ทุ่มเทดูแลทางนี้ไปเถอะ ฉันได้ยินว่าเธอจะสร้างโรงพยาบาลสัตว์ที่นี่ไม่ใช่เหรอ ก็ดีนะฉันสนับสนุน”

“แต่คนที่ผมจะให้มาดูแลเขาไม่อยู่ จะให้ผมสร้างไปให้ใคร”

โชติรสหัวเราะหึ ตบบ่าหนาของคนขี้หงุดหงิดอย่างปลอบใจ “ทำๆ ไปเถอะ ทำให้ดี นี่คือคำสั่ง เผื่อเธอจะเลิกฟุ้งซ่านบ้าง ตอนนี้เราก็มีคลินิกสัตว์อยู่แล้ว ทำให้มันใหญ่โตขึ้นก็ไม่เสียหายจริงไหม”

“คุณโชติรสรู้ใช่ไหมว่าเขียนกำลังทำอะไร”

“ฝึกห่างๆ ให้คิดถึงกันไว้บ้าง ในอนาคตเธอจะได้ชินๆ ความรักมันต้องเชื่อใจกันไม่ใช่เหรอ คิดเสียว่าการที่เธอต้องติดแหง็กอยู่ที่เกาะนี่ เป็นการดัดนิสัยเธอไปในตัว” สตรีกลางคนยิ้มอย่างสุขุม

รักษ์ชาติทำสีหน้าประท้วง แต่ก็ค้านอะไรไม่ได้ เอาเถอะ ถ้ามันเป็นความทรมานที่เขียนจันทร์หยิบยื่นให้เขาอยู่อย่างไม่รู้ และทำได้เพียงคิดถึง เขาก็จะทำความรู้จักสิ่งที่ฝ่ายนั้นหยิบยื่นมาให้ได้ และรอเขียนจันทร์กลับมาตรวจผล

...ขาดเขาไปแล้วเขียนจันทร์จะรู้สึก

แต่ตอนนี้เขาไม่ ‘จะ’ เขารู้สึกถ่องแท้แล้ว นิสัยชอบอมพะนำ ปิดบังความจริงที่เขาเคยใช้กับเขียนจันทร์ในอดีต มันทรมานดี!


“กาลครั้งหนึ่งมีลูกหมูสามตัว...” เสียงเล็กเจื้อยแจ้วดังอยู่ข้างหู รักษ์ชาติหลับตาพริ้ม มือหนุนหลังศีรษะ ปล่อยให้เด็กตัวเล็กที่นั่งอยู่เก้าอี้ข้างๆ อ่านนิทานเล่มที่สามกล่อมคนโตหลับ ด้วยหลักสูตรรักษ์ชาติร่างเองอย่าง ‘การฝึกอ่าน’

กองพันอ่านไปจนจบเล่ม มือเล็กปิดหนังสือลงไปบนกองหนังสือสูง หน้าเล็กยื่นมองว่ารักษ์ชาติหลับสนิทหรือยัง จึงรีบวิ่งไปหาศดาธรที่ยืนอยู่ไม่ไกล กระตุกให้เดินไปห่างๆ จากจุดวิถีที่รักษ์ชาติจะได้ยิน คนสนิทของรักษ์ชาติก็รู้ดีรีบส่งเครื่องมือสื่อสารให้ทันที

นิ้วเล็กเลื่อนนิ้วหาเบอร์โทรศัพท์ของเขียนจันทร์ กดรอสัญญาณไม่นานเด็กชายก็ได้ยินเสียงหวานๆ ที่คิดถึง

“คิดถึงแม่เขียนจังเลยครับ...วันนี้พ่อขุนไม่เกเรเลย หลับไปแล้วด้วย” กองพันหน่วยข่าวกรองตัวจริงของเขียนจันทร์รีบอธิบาย “สามเดือนแล้วแม่เขียนไม่คิดถึงพ่อขุนเหรอครับ ขุนยังคิดถึงแม่เขียนเลย”

“แม่เขียนฝากจุ๊บพ่อขุนทีนะครับ...แม่เขียนก็คิดถึงขุนใหญ่ขุนเล็กเลยนะครับ”

กองพันวางโทรศัพท์ด้วยใบหน้ายิ้มแป้น ร่างเล็กวิ่งซอยขาไปยังร่างที่ยังคงหลับสนิท มีหมวกปิดใบหน้าบังแดดยามบ่าย ร่างเล็กยื่นมือไปดึงหมวกผ้าออกจากหน้าของรักษ์ชาติ ยื่นหน้าไปจุ๊บแก้มสากที่มีไรหนวดจางของพ่อ เป็นการปลุกให้คนหลับสะลึมสะลือตื่น

“เป็นอะไรลูกขุน อยู่ดีๆ มาหอมแก้ม ขนลุก!”

เด็กชายย่นจมูก พูดทิ้งท้ายก่อนจะรีบออกไปวิ่งเล่น “มีคนฝากมาจุ๊บครับ”

รักษ์ชาติหยิบโทรศัพท์มากดข้อความส่งหาเขียนจันทร์ ข้อความที่ไม่เคยได้รับข้อความตอบกลับมาจากฝ่ายนั้นเลยสักครั้งเดียว

‘คนใจร้ายให้อภัยคนใจร้ายกว่าอย่างผมได้แล้วนะ ผมคิดถึงคุณ ผมไม่รับของฝาก ผมจะเอาของจริง ผมยังรอคุณอยู่ที่นี่นะ รอตามคำที่คุณบอก’

เขารู้ว่าเขียนจันทร์ติดต่อกับทุกคน...ยกเว้นเขา นั่นล่ะที่ทำให้เขาโคตรน้อยใจเลย คิดถึงไม่พอ ยังปล่อยให้เขาน้อยใจกับการถูกทิ้งจากเขียนจันทร์คนเดียวอีก

เสียงข้อความดังขึ้น รักษ์ชาติไม่ได้คาดหวังว่าเขียนจันทร์จะส่งกลับมา เพราะกว่าเก้าสิบข้อความที่ส่งไป ไม่เคยได้รับการตอบสักครั้ง ยกเว้นครั้งนี้

‘คิดถึงคุณ’

คนน้อยใจยิ้มเต็มแก้ม หลับตายกโทรศัพท์แนบอก คล้ายมีลมทะเลพัดพาความน้อยใจให้ไกลห่าง

...คนอย่างเขามันง้อง่ายชะมัด แค่ความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ จากคนที่รักเท่านั้นเอง


ทุกๆ เช้ารักษ์ชาติจะตื่นมาวิ่งกับกองพัน สองพ่อลูกมีกิจวัตรอย่างการออกมาดูพระอาทิตย์ขึ้น และออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรง บางครั้งเขาจะพายเรือยางไปเรื่อยเปื่อย ก่อนจะกลับไปส่งกองพันไปโรงเรียน และเข้ามาทำงานอันมโหฬารภายในเกาะพาน ความเจริญของที่นี่แทบจะกลายเป็นอีกอำเภอหนึ่งไป เสียแต่ว่ารักษ์ชาติขอกับโชติรสไว้ เขายังไม่อยากให้มันวุ่นวายมากไปกว่านี้ คนเยอะย่อมมากเรื่อง ในตอนนี้คนหลายพันที่นี่อยู่กันมีความสุข ไม่รบรา แย่งชิงกัน และยังมีความเอื้อเฟือต่อผืนธรรมชาติ รู้จักรักษาเท่านั้นเขาก็พอใจ

“กระโดดตบสิบครั้ง ปฏิบัติ!” พักหลังมาเด็กๆ ก็เริ่มมาร่วมการฝึกออกกำลังกายยามเช้ากับรักษ์ชาติและกองพันมากขึ้น คนนำฝึกแขวนนกหวีดสีเหลืองเป่าให้จังหวะริมหาด วันนี้คนนำฝึกขอพัก และยกให้กองพันอยู่แถวหน้านำปฏิบัติ

รักษ์ชาติได้ยินเสียงแว่วของนกหวีดอยู่ไม่ไกล ส่วนตัวเองยังคงยืนอยู่ตรงท่าจอดเรือ มองไปยังเวิ้งน้ำว่างเปล่าที่ยังคงไร้วี่แววของเขียนจันทร์ เขียนจันทร์ไม่มาให้เขาพบหน้ายาวนานถึงหกเดือน แม้สามเดือนหลังมานี้อีกฝ่ายจะตอบข้อความของเขาตลอด หรือรับสายบ้างในบางที แต่ความคิดถึงของเขากลับไม่ลดน้อยลงไป

การถูกขังอยู่ที่นี่ไม่ใช่ความทรมานเลย...แต่การไม่ได้รับรู้ความเป็นไปของเขียนจันทร์ต่างหากที่เขารู้สึกโหยหา
ตลอดเวลาที่ผ่านมา แม้จะเป็นช่วงเวลาที่เขายังคงตั้งป้อมใส่เขียนจันทร์ แต่ในวันไหนที่เขาอยากรู้ความเป็นไปของอีกฝ่าย เขาก็เพียงแค่สืบ เขาจะได้รู้ แต่วันนี้เขาอยากจะอยู่ในกรอบตามที่เขียนจันทร์ขีดไว้บ้าง แม้ว่ามันจะทรมานอยู่บ้างก็ตาม

ตอนนี้เขารู้ข่าวคราวของเขียนจันทร์ตามหน้าจอทีวี พบว่าเขียนจันทร์กลายเป็นนักธุรกิจหญิงแห่งปี การทำ Hostel และที่เน้นความมีศิลปะแตกต่างจากโรงแรมทั่วไปกำลังถูกกล่าวขานในหมู่นักท่องเที่ยวที่มาไทย บางโรงแรมพิเศษขนาดแบ่งโซนพิเศษสำหรับสัตว์เลี้ยง ตอนนี้ยังมีการเริ่มจับตลาดวางโครงการไปทำโรงแรมยังประเทศเพื่อนบ้าน

ทุกก้าวในครั้งนี้เขียนจันทร์ทำมันไปด้วยความมั่นคง...แข็งแรง

โทรศัพท์ของรักษ์ชาติสั่น ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาดูด้วยความประหลาดใจ อยากขยี้ตาหลายๆ ครั้งกับเลขหมายปลายทางที่โทรเข้ามาหาเขาเอง

“เขียน”

“เกาะพานยังมีที่เหลือพอจะสร้างโรงแรมไหมคะ”

“เอ๊ะ?” รักษ์ชาติส่งเสียงประหลาดใจ

“ได้ข่าวว่าที่นี่รับสมัครสัตวแพทย์ด้วย...ยังมีตำแหน่งใช่ไหมคะ”

หัวใจที่เคยเต้นจังหวะเดียว ไม่ได้ตื่นเต้น ไม่ได้หวือหวาอะไรมานานเริ่มเต้นในจังหวะรัวเร็ว “ต่อให้ไม่มี ผมก็จะให้มี”

เสียงหวานในโทรศัพท์หัวเราะเสียงพลิ้ว รอยยิ้มที่เหือดหายของรักษ์ชาติกลับมาสว่างเต็มหน้าอีกครั้ง

“แต่จะรับชั่วคราวไม่ได้นะ...ขอรับแบบถาวรอย่างเดียว”

การเงียบของเขียนจันทร์คล้ายหลุมอากาศดูดสรรพเสียง และความรู้สึกไปจากตัวตนของรักษ์ชาติ ชายหนุ่มยืนรอลุ้นฟังคำตอบด้วยหัวใจตุ้มๆ ต่อมๆ แต่เหมือนเสียงเครื่องยนต์จะดังกลบ ก่อนสัญญาณจะหายไป

รักษ์ชาติพยายามติดต่อกลับไป แต่ทุกอย่างกลับเงียบสนิท กระทั่งหูของเขาได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของเรือเร็วดังแว่วมา เรือลำนั้นค่อยๆ แล่นมาใกล้ และใครบางคนที่ยืนอยู่ในเรือ ในจุดที่เขาเห็นได้ชัดก็ทำให้รักษ์ชาติยืนนิ่งงันอยู่กับที่

เขียนจันทร์ยืนแกว่งโทรศัพท์ที่เปียกน้ำไปมา รอจนเรือเทียบท่า ร่างของเธอก็ลอยหวือออกไปโดยไม่ต้องปีนขึ้นท่าเองจากฝีมือรักษ์ชาติ และไร้ท่าทีที่เขาจะปล่อยให้เธอลงเหยียบพื้นง่ายๆ ด้วย

“โทรศัพท์หล่นน้ำ คนขับเรือยังอุตส่าห์ไปเก็บมาให้”

คำบ่นถูกปิดด้วยริมฝีปากหนา สัมผัสที่แสนคิดถึงไม่ได้ทำให้เขียนจันทร์ต่อต้าน หญิงสาวกลับเกี่ยวคอรักษ์ชาติไว้ หัวใจที่ห่างกันไปใช่ว่าเธอไม่คิดถึง จนอีกฝ่ายจูบเธอจนพอใจ ลมหายใจของเธอก็เกือบหมดพอดี

“ผมแทบบ้าเลยรู้ไหม”

นิ้วเรียวลูบไปตามแนวสันกรามสาก ยิ้มหวานส่งไปให้อย่างที่เธอเคยเห็นรักษ์ชาติยิ้มอ้อนเธอ “ก็กลับมาแล้วนี่ไง...ฉันรีบทำงานที่กรุงเทพฯจนทุกอย่างอยู่ตัว ฉันจะรับเรื่องจากที่นี่ได้ และจะกลับไปอย่างน้อยก็อาทิตย์ละครั้งเพื่อประชุมงาน แต่เวลาส่วนใหญ่ของฉันนับจากนี้จะอยู่ที่นี่”

“ผมคิดถึงคุณนะเขียน ผมไม่รู้เลยว่าคุณพยายามเพื่อผมขนาดนี้ ถ้าผมรู้ ผมจะไม่มานั่งน้อยใจไปวันๆ หรอก”

เขียนจันทร์ย่นจมูก คนตัวโตทำตัวน่ารักได้หน่อย วาจาก็เริ่มกลับมาเป็นรักษ์ชาติคนเดิมให้เธอคอยนึกหมั่นไส้ไม่ว่างเว้น

“จะหวานกันอีกนานไหมคะ” ภาพวิจิตรมุดออกมาจากเรือ มองเห็นเหตุการณ์ที่สองคนแสดงความรักกันออกมาอย่างหวานเลี่ยนแล้วรู้สึกผื่นจะขึ้น “ถ้าหวานกันเสร็จจะได้เชิญผู้ใหญ่ออกมา”

“ผู้ใหญ่” รักษ์ชาติทวนคำ

“ฉันรู้ว่าครั้งที่แล้วคุณเตรียมงานแต่งงานไว้ เตรียมเรือยอร์ช บอกพ่อแม่ฉัน ให้หม่อมยายฉันมาที่นี่ แต่ว่าฉันเป็นคนทำลายงานนั้นเอง” เขียนจันทร์ยังจำได้ว่าคนสนิททั้งสองของรักษ์ชาติถึงกับยกความจริงถึงแผนการที่รักษ์ชาติตั้งใจยกมาเซอร์ไพร้ส์เธอในเย็นวันที่เธอกลับถึงการแต่งงาน เพื่อให้เธออยู่ต่อ...แต่เธอไม่อยู่ “ครั้งนี้ฉันจะให้คุณแก้ตัว”

รักษ์ชาติยิ้มเจ้าเล่ห์ วางร่างที่เขาอยากกอดไว้ตลอดชีวิตลงยืนกับพื้นมากุมมือไว้อย่างหวงแหน ศิลปิน ดาวเดือน วงเดือน และพี่น้องอีกสามชีวิตของเขียนจันทร์ต่างมากันครบ รักษ์ชาติบีบมือเขียนจันทร์ไว้มั่น เขาขอบคุณที่เขียนจันทร์ยอมวางใจฝากชีวิตให้เขาได้ดูแลในที่สุด

“ผมรู้ว่าผมมันนิสัยไม่ค่อยดี ไม่ค่อยน่ารัก ไม่เรียบร้อยอย่างผู้ชายดีๆ อาชีพก็ไม่น่าเข้าใกล้ สังคมก็ชอบตั้งแง่ใส่ แต่ผมก็มีข้อดี คือผมรักเขียน ผมมั่นใจว่าคนอย่างผมจะดูแลเขียนได้ดี และเราจะไปกันรอดในวันที่เราสองคนยังรักกัน ผมยืดอกแมนๆ ขนาดนี้ใครไม่ให้แต่งก็ใจร้ายกว่าผมนะครับ”

และในที่นี้ก็คงไม่มีใครอยากจะใจร้ายไปกว่ารักษ์ชาติอีกแล้ว เพราะไม่นานร่างของเขียนจันทร์ก็หมุนลอยอยู่ในอ้อมกอดรักษ์ชาติ มีเด็กตัวเล็กที่เพิ่งจะรู้เรื่องตอนได้ยินเสียงเฮของคนบนท่าจอดเรือ พร้อมกับรับรู้ด้วยว่า

“ลูกขุนรออุ้มน้องได้เลย...แต่งปุ๊บเปิดอู่ปั๊บเนอะ”

กองพันหัวเราะร่วนไปพร้อมผู้ใหญ่ที่เหลือ แม้จะไม่ค่อยเข้าใจคำพูดของรักษ์ชาติ แต่เด็กชายคิดว่าดี ก็ดูสิ แม่เขียนร้อนจนหน้าแดงก่ำยกมือบิดแก้มพ่อขุนจนย้วยเลย

ทีนี้ล่ะ...หึๆ เด็กชายกองพันกระหยิ่มยิ้มกับตัวเอง เขารอวันจะได้เป็นพี่ใหญ่มานานปี อยากจะรู้ว่าสิ่งที่พ่อขุนโอ้อวดไว้มันจะดีแค่ไหนกัน

คนเป็นพี่...สั่งอะไรน้องก็ต้องทำใช่ไหม หรือไม่จริง?


.........................................................
อะแฮ่มๆ ใช้เวลาอาทิตย์หนึ่งกับนิยายตอนเดียว

คุณ คิมหันต์ มาแปะตอนจบแล้วค่า ^^

คุณ แว่นใส ไว้ไปเยอะเรื่องอื่นต่อนะคะ เรื่องนี้มหากาพย์พอแล้ว ฮา

คุณ ใบบัวน่ารัก ครึ่งปีผ่านมา ภาพก็เรียนจบพอดีค่ะ

คุณ อัศวินนภา เจ้าขุนถนัดงานล่มบ่อยๆ บทนี้ถือลงโทษเจ้าขุนส่งท้ายค่ะ โทษฐานร้ายมาเยอะ ฮา

คุณ konhin คำขอแต่งงานของเจ้าขุนยังคงเป็นเจ้าขุนสไตล์ค่ะ ฮา

คุณ ร้อยวจี แหะๆ ตอนนี้ปั่นได้ช้ามาก หวังว่าจะยังรอนะคะ

คุณ ผักหวาน คนเขียนก็ลุ้นว่าจะส่งไปถึงฝั่งไหมเหมือนกันค่ะ พอถึงฝั่งแล้ว น้ำตาจะไหล ฮา

คุณ issbel ตอนนี้ยังไม่มีแพลนค่ะ ถ้าจะเขียนบรรดาพี่น้องของเขียนต่อ อาจเขียนวาดก่อน แต่ตอนนี้ยังไม่ได้เขียนใครต่อเลยค่ะ อาจพักสักแปบเอาความเกรียนของเจ้าขุนออกจากร่างสักหน่อย ฮา

ขอบคุณมากๆ นะคะสำหรับความคิดเห็น ไลค์ และนักอ่านทุกท่าน เหลือตอนพิเศษไว้อีกตอน ไม่รู้ว่าจะปั่นเสร็จเมื่อไหร่ แต่จะพยายามค่า



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ก.ค. 2557, 10:21:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ก.ค. 2557, 10:21:52 น.

จำนวนการเข้าชม : 3135





<< บทที่ 28 : ดินแดนของเจ้าขุน   
konhin 4 ก.ค. 2557, 12:00:37 น.
ฮ่าๆ ฮาได้อีกโดนดัดหลังก่อนจบได้แสบมากค่ะ ชอบๆ


ร้อยวจี 4 ก.ค. 2557, 17:24:48 น.
โดนเอาคืนจนได้ นายขุน


แว่นใส 4 ก.ค. 2557, 20:36:12 น.
เอ่อ นายขุน อยากมีน้องเพราะอยากสั่งเหรอเนี่ย ฮ่วย ใครไปใส่ความคิดให้เนี่ย


อัศวินนภา 4 ก.ค. 2557, 21:06:12 น.
เกือบไม่ได้แต่ง555 มีตอนพิเศษมั้ยคะ อยากได้ แบบลูกขุนแกล้งน้อง เอ้ย ไม่ใช่ ลูกขุนเล่นกับน้อง


ใบบัวน่ารัก 5 ก.ค. 2557, 11:03:59 น.
พ่อขุนไปเล่าเรื่องราวการเป็นพี่ให้ลูกขุนฟังแบบผิดๆๆหรือเปล่า อย่าไปฟังพ่อเค้ามาก
มาลุ้นกันว่าจะมีน้องให้ลูกขุนเมื่อไรและกี่คน
อ่านๆไปว้าจบแล้ว เร็วจัง ขอฉากแต่งงานหรือวันหวานทรหดการใช้ชีวิตคู่ของเขียนต่ออีกนิดได้ไหม
นะนะ


ผักหวาน 8 ก.ค. 2557, 16:36:55 น.
แหม หนูเขียนก็ใช่ว่าจะท่าทีไม่เหมือนพี่ขุนซะ สรุปว่า ก๊อบๆกันมาเหมือนกันล่ะค๊า

คู่ต่อไปหนูวาดหรือเปล่าคะไรเตอร์


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account