ม่านลวง
การแต่งงานเพราะผลประโยชน์ทำให้เธอได้พบกับเขา ผู้ชายคนแรกในคืน one night stand น่าขำที่เธอตกหลุมรักชายคนนี้ทั้งที่ก่อนนั้นไม่อยากแต่งงาน และนั่นไม่ได้อยู่ในข้อตกลง แล้วเขาล่ะ...คิดกับเธออย่างไร
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 5 (3/3)




สวัสดีค่ะ รักและคิดถึงมากมายจังเลย ตอนที่ผ่านมายังเร่งงานค่ะเลยมาแบบแว้บๆ (แต่ตอนนี้ก็เร่งอยู่จ้า) หวังว่าตอนล่าสุดนี้น่าจะถูกใจคอนิยายหลายๆ ท่านนะคะ เดิมทีม่านลวงอย่างที่เคยบอกไว้ค่ะ ว่าอ่านแล้วรู้สึกหนักมาก เขียนไปกดดันไปจนต้องเบรก สุดท้ายเลยต้องทั้งรื้อทั้งแก้ทั้งเขียนใหม่ไปอีกหลายบททีเดียว แต่ยืนยันว่าไม่เครียดนะเออ และหลังจากนี้เราก็จะหวานซาบซ่านกันไปอีกเรื่อยๆ แต่จะถึงเมื่อไหร่ไม่รู้นะคะ

เช่นเดิม... ขอขอบพระคุณผู้มีอุปการะคุณทุกท่านที่แวะอ่าน แวะคอมเม้นท์ให้คนเขียนงานคนนี้ได้ชื่นใจ ขอบพระคุณจากใจค่ะ

การอัพรอบต่อไปยังไม่แน่นอนค่ะ กำลังเพิ่มฉากหวานๆ เข้าไปมากเลยทีเดียว แต่จะพยายามมาให้ได้บ่อยๆ นะคะ


รักมากมายจ้า จุ๊บๆ

อ้อย/สุชาคริยา


-------------------------------------------------

“กอดหน่อย คิดถึงจัง”

ร้องหวีดเบาๆ กับการถูกคว้าเอวแล้วลากเข้าไปกอด ใจสั่นไหวเต้นรัวเมื่อถูกรุกเช่นนี้

“พี่มัตถ์คะ” พยายามบังคับไม่ให้เสียงสั่น ขณะเดียวกันก็พยายามดิ้นให้หลุดพ้นอ้อมแขนที่กอดรัดจากด้านหลัง ไม่อยากให้เขาจับได้ว่าเธอรู้สึกอย่างไรกับเขา

แต่ไม่ง่ายเลย... ปรมัตถ์แข็งแรงกว่าที่คิดมากทีเดียว ยิ่งดิ้นก็ยิ่งถูกรัดจมบนที่นอนจนกลายเป็นต้องหยุดเสียเอง สงสัยเหลือเกินว่าเขาเป็นอะไร หายไปตั้งนาน พอเจอกันก็รุ่มร่ามทั้งบ่ายทั้งดึกแบบนี้หรือ หัวใจของเธอยิ่งไม่ปกติเสียด้วย เจอแบบนี้ใจก็แกว่งมากกว่าเดิมหลายเท่านัก

“เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในข้อตกลงนะคะพี่มัตถ์” พูดเสียงดังฟังชัดกึ่งข่มขู่ เพราะยิ่งเขาวุ่นวายกับเธอมากเท่าไหร่ก็ดูเหมือนไม่ดีต่อตัวเธอมากเท่านั้น รีบบอกไปว่า “หน้าที่เลิฟคือรักษาผลประโยชน์ตามข้อกฎหมาย ไม่ได้มีหน้าที่มาทำแบบนี้นะคะ” ว่าแล้วก็พยายามแกะมือของเขาให้หลุดไป แต่ยิ่งทำเท่าไหร่ก็เหมือนถูกรัดแน่นยิ่งขึ้น อ้อมแขนของปรมัตถ์แข็งแกร่งเหลือเกิน มากกว่านั้นคือเขากำลังพลิกตัวคร่อมร่างเธอเอาไว้ไม่ยอมให้หนี

ปรมัตถ์หัวเราะในลำคออย่างสนุกสนาน “อ้าวเหรอ พี่ไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

แม้ไม่เห็นหน้าอีกฝ่ายก็รู้ว่าเขากำลังตีหน้าตายไม่รู้ไม่ชี้ อารมณ์ของเสียงผิดแผกไปคนละทางกับคำพูดที่เอ่ยออกมา น่าหมั่นไส้นัก แต่ก็ได้แค่เงียบ

ปรมัตถ์ก้มลงกระซิบข้างหู “พี่มุกบอกว่า หากเราพอใจกัน ก็แล้วแต่จะตกลงเป็นการส่วนตัว พี่มุกไม่ยุ่ง” ว่าแล้วก็หอมแก้มเธอฟอดหนึ่ง

“เลิฟไม่ชอบคนรุ่มร่ามค่ะ” ขู่เสียงเขียวและพยายามดิ้น

เขาหัวเราะร่วน ยึดมือยึดตัวถิรมนไว้แน่น “รุ่มร่ามที่ไหน วันนั้นในคลับ เราออกจะคุยกันถูกคอ เข้าใจ และทำอะไรกันแบบที่เข้ากันได้ดีเกินคาดนี่นา แค่นี้ไม่เรียกว่ารุ่มร่ามหรอก” น้ำเสียงนั้นยียวนไม่น้อยทีเดียว เขาพูดอะไรแต่ละคำไม่คิดว่าเธอจะอายบ้างหรือไร

ถิรมนหน้าแดงจัด ร้อนผ่าวไปทั้งตัว หากเปิดไฟเขาคงรู้ว่าหน้าแดงประหนึ่งผลเชอรี่เป็นแน่แท้ จึงสรุปว่าตัวเองควรนอนนิ่งๆ สงบปากสงบคำเอาไว้น่าจะปลอดภัยที่สุด

หากเสี้ยวหนึ่งของคำพูดที่สะดุดหูคือเรื่องให้ตกลงกันเอง เท่าที่จำได้ปภาวีไม่เคยพูดเรื่องนี้กับเธอ เขาต้องมั่วแน่ๆ

“เราคุยกันดีๆ ได้ไหม” เสียงทุ้มนั้นเหมือนจะขอความเห็นใจ

ถิรมนชะงักคำพูดที่จะเอ่ยออกมา ไม่ทันบอกอย่างใจคิดว่าเรื่องเขาบอกว่าปภาวีอนุญาตให้ตกลงกันเป็นการส่วนตัวน่ะต้องมั่วหรือไม่ก็หลอกกันแน่ๆ แต่ก็ต้องตอบประโยคล่าสุดของเขาไปว่า...

“เท่าที่เห็น เลิฟก็คุยกับพี่มัตถ์ดีๆ ตลอดนะคะ พี่มัตถ์ต่างหากที่เป็นแบบนี้”

“อ้าว พี่ก็นึกว่าเลิฟชอบ”

“ชอบอะไรคะ” ถามไปก็เกร็งไป เธอไม่เข้าใจความหมายจริงๆ

“ชอบคุยแบบสบายๆ คุยไปจูบไป แบบนั้น”

นี่เธอกำลังคุยกับคนคนแบบไหนเนี่ย! ตาย... ตาย... ช่วยเว้นจังหวะให้เธอหายใจบ้างเถอะ แค่นี้ก็หน้าแดงไม่หยุดอยู่แล้ว ใจสั่นรัวมากที่สุดในชีวิตก็ว่าได้

ถิรมนพยายามรวบรวมกำลังใจ เอ่ยออกไปเสียงเข้ม “เราคุยแบบผู้ใหญ่คุยกันได้ไหมคะพี่มัตถ์ จริงแล้วเราก็ไม่ค่อยสนิทกันสักเท่าไหร่ด้วยค่ะ”

เขาพูดสวนกลับทันควัน “ไม่เป็นไรนี่ คืนนั้นเราสปาร์กกันจะตาย ทบทวนความจำอีกสักรอบสองรอบคงสนิทรู้ใจกันดี คุยแบบนี้ผู้ใหญ่พอไหม”

เธออยากจะกรีดร้องเหลือเกิน เขาพูดมาแต่ละคำไม่คิดถึงจิตใจคนฟังสักนิด “ตอนนั้นไม่นับค่ะ เลิฟเมา จำไม่ได้” แทบจะแหวเลยนะนั่น

“โกหก อย่างน้อยในคลับก็ต้องจำได้ แต่ต่อจากนั้นพี่ไม่ว่า แต่เอ...ถ้าอย่างนั้นฟื้นความจำกันสักหน่อยก็น่าจะดี พี่ชอบ”

“ไม่!” ปฏิเสธเสียงหลงก็รีบใช้สองมือยันหน้าของปรมัตถ์ที่ก้มลงมาอย่างเอาเป็นเอาตาย

ปรมัตถ์หัวเราะเสียงดังที่ได้แกล้งเธอ

ช่างไม่เหมือนปรมัตถ์ที่เคยเห็นก่อนนี้เลย เขามีมุมแบบนี้ด้วยหรืออย่างไร ถิรมนทั้งเขินทั้งอาย ทั้งเกร็งมิได้หยุดหย่อน พยายามดันปรมัตถ์ออกห่างแต่ก็ยากเย็นเหลือเกิน ตัวของเขาใหญ่และแข็งแรง รู้สึกไม่ต่างจากโดนหินทับกระนั้น

ปรมัตถ์หยุดเมื่อเห็นว่าแกล้งพอหอมปากหอมคอ “โอเค พี่รู้ว่าเธอเขิน” แล้วขยับลงไปนอนตะแคงอยู่ข้างๆ

ถิรมนรีบลุกนั่ง แต่นั่นเขาพูดอะไรออกมา! ช่วยเว้นจังหวะให้เธอหน้าแดงน้อยลงบ้างจะได้ไหม แค่นี้ก็หน้าแดงไม่หยุดอยู่แล้ว ทั้งปวดท้องเกร็งจากเหตุเมื่อครู่ แขนก็เมื่อยล้า จึงปฏิเสธเสียงแข็งไปว่า...

“ไม่ได้เขินค่ะ”

แล้วทันใดนั้นไฟตรงหัวเตียงก็สว่างโร่ขึ้นมาทันที เล่นเอาตาพร่าไปชั่วขณะ

“หน้าแดงแบบนี้ ไม่เขินได้ยังไง โกหกชัดๆ” ปรมัตถ์มองอย่างรู้ทัน น้ำเสียงนั้นล้อเลียนเหลือเกิน

ถิรมนหน้าแดงกว่าเดิมมากมาย รีบหันหน้าหนีไปทางอื่นทันที ทำไมเธอถึงเจอคนที่ลูกล่อลูกชนแพรวพราวจัดจ้านขนาดนี้นะ

“หน้าแดงเพราะหายใจไม่ออกค่ะ พี่มัตถ์ทับอยู่” พูดแถๆ เนียนๆ ไป แอบมองอีกฝ่ายนิดหนึ่งทางหางตา และจึงได้เห็นว่าปรมัตถ์ทำหน้าไม่ค่อยจะเชื่อถือนัก แถมยังอมยิ้ม แววตามีเลศนัย ทำไมเขาถึงได้ดูร้ายกาจขนาดนี้กัน

ถิรมนพยายามหายใจเข้าลึกอย่างระมัดระวังกิริยา พยายามบอกตัวเองว่าอย่าใจเต้นแรงมากกว่านี้เพราะอาจหัวใจวายตายก็เป็นได้ การพบเขาแต่ละครั้งช่างมีแต่เหตุการณ์ให้จดจำจนไม่อาจลืม

คุณพระช่วยเธอเถอะ!

“สรุปว่าคุยกันดีๆ ได้หรือยัง” เสียงของเขาเป็นการเป็นงานขึ้นมาทันทีเลยเชียว

“ว่ามาสิคะ” ตอบโดยยังไม่หันไปมอง

“นี่เธอจะให้พี่คุยกับหลังของเธองั้นเหรอ หันหน้ามาคุยกันดีๆ ก็ได้นะ พี่ไม่เล่นแบบนั้นแล้ว เหนื่อย ขี้เกียจไปอาบน้ำอีกรอบด้วย”

เจอคำพูดนี้เข้าไปจึงค่อยๆ หมุนตัวกลับมา เผชิญหน้ากับปรมัตถ์

“แต่ถ้าเธอยอมโดย พี่ก็ขอบคุณนะ”

เอากับเขาสิ เล่นซะหน้าร้อนฉ่าไม่หยุด ยิ่งเห็นท่าทางของเขาที่นอนสบายๆ สั่นเท้าน้อยๆ อย่างสบายอารมณ์ สองมือประสานไว้ใต้ศีรษะ มองเธอไม่ละสายตา หารู้ไม่ว่านี่ไม่ได้ต่างจากการกระทำของนักฆ่าหน้าหยก เขาจะฆ่าเธอให้ตายเพราะสายตาร้อนแรงตรงนี้จริงๆ หรือ

“ก่อนนี้พี่ทำอะไรไม่ถูก” ปรมัตถ์ถอนหายใจออกมา อาการหลับตาลงดูราวกับว่าพยายามลดความกดดัน

ถิรมนขมวดคิ้ว

ปรมัตถ์ยังเอ่ยทั้งท่าทางนั้น “ก็ตยมันตกใจ อย่างที่บอก... ถ้ารู้ว่าเป็นเธอ พี่คงมาให้เร็วกว่านี้”

ถิรมนขมวดคิ้วเข้าหากันหนักขึ้น นั่นเขาหมายความว่าอย่างไร แต่ก็ได้แค่รอฟังเงียบๆ

“ที่พี่ไม่อยากแต่งงานเพราะไม่อยากผูกมัด แต่ดันชอบผู้หญิงคนหนึ่งที่นิวยอร์ค” ปรมัตถ์มองเธอจริงจัง “มันเป็นอะไรที่เกินคาด อุตส่าห์ยอมผิดระเบียบตัวเองไม่กลัวเจ้าบ่าวของผู้หญิงคนนั้นมากระทืบ แถมยังโง่ไปตามหาทั้งที่รู้ว่าโอกาสเจอกันน้อยมากแต่ก็ยังทำ แต่ใครจะไปคิดว่าจริงแล้วกลับมาอยู่รอเป็นเจ้าสาวในงานแต่งของตัวเองเล่า ไม่ช็อกก็แปลก”

นี่เขาพูดจริงใช่ไหม แต่ปากก็เอ่ยออกไปว่า... “เรื่องแต่งใช่ไหมคะพี่มัตถ์ ขอความจริงค่ะ เลิฟรับได้” พยายามแสดงความจริงจังผ่านสีหน้าแววตาทั้งที่ความจริงในใจเป็นคนละเรื่องเลยทีเดียว

ปรมัตถ์ทำท่าน้อยใจ เขาลุกนั่ง หันหน้าเข้าหาเธอ “พูดจริงนะเนี่ย” ท่าทางเข้มขรึมจริงจังขึ้นมาทันที

แต่เหตุใดถิรมนจึงเห็นว่าอาการนั้นเหมือนเขากำลังงอน ดูน่ารักน่าชังไปเสียได้นะ

“พี่ไม่ชอบเด็กในปกครองของพี่มุก” ปากสวยๆ เหมือนจะยื่นออกมาอีกนิดหนึ่ง

นี่เขาทำหน้าทำตา ทำปากน่าจูบแบบนั้นไปได้อย่างไร ยิ่งหล่อๆ แบบนี้มันก็ยิ่งน่าฟัดมากมายหลายเท่า กระนั้นถิรมนก็ต้องเรียกสมาธิกลับมาเร็วไว บอกตัวเองให้สลัดภาพนี้ทิ้ง อย่าเอามากวนใจเด็ดขาด

“ช่วยสรุปง่ายๆ ได้ไหมคะ” ความพยายามของเธอสำเร็จ กลับมาเข้าเรื่องที่คุยจนได้ หลังจากหัวใจกระเจิดกระเจิงเพราะท่าทางน่ารักของปรมัตถ์เมื่อครู่ เธออยากรู้จริงๆ ว่าทั้งหมดนี้เริ่มต้นเพราะอะไร กลางเรื่องอยู่ตรงไหน และจะจบตรงที่ใด เพราะหากเขาไม่อธิบายให้ชัดเจนเธอก็ไม่เข้าใจอยู่ดี

เหมือนว่าปรมัตถ์จะอ่านสีหน้าของเธอออก “เอาเป็นว่าพี่ไม่ชอบเธอตอนเป็นเด็กในปกครองพี่มุก แต่ดันชอบเธอที่อยู่ในคลับ พี่ยอมรับว่าโง่บัดซบที่กล้าตามหาผู้หญิงทั้งที่เพิ่งรู้จักกันคืนเดียว มันเป็นซัมติงรองกับเหตุการณ์วันนั้นที่พี่ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้ เธออาจไม่เชื่อ แต่พี่ชอบเธอ ชอบตั้งแต่แรกเห็น ไม่อย่างนั้นจะเข้าไปทักทายทำความรู้จักก่อนทำไม หากพี่รู้ว่าเธอเป็นใครก่อนนี้ก็คงดี สำหรับพี่ที่ทุกอย่างมันผิดที่ผิดทางไปหมด มันยากจะทำใจนะ ส่วนหลังงานแต่งพี่ก็ยุ่ง ต้องออกไซต์งานตลอด จนเรามาเจอกันอีกรอบเมื่อบ่าย พี่ก็สรุปได้ว่าพี่ควรอยู่กับความจริงที่ว่าพี่ชอบเธอ ไม่หนีใจตัวเอง ก็แค่นั้น”

ทำไมมันดูง่ายดายจัง ถิรมนเอ่ย “สรุปคือพี่มัตถ์ชอบเลิฟในคลับ ไม่ใช่เลิฟในอุปการะของอามุก ที่หายไปเพราะติดงาน เจอกันวันนี้จึงสรุปว่าเดินหน้า และเรื่องที่พี่มัตถ์เล่าไม่ใช่เรื่องแต่ง บอกตามตรงว่าไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่ค่ะ”

ปรมัตถ์หัวเราะกับคำพูดที่ได้ยิน สารภาพว่า “ถ้าพี่แต่งเรื่องแล้วจะพูดจ้อได้แบบนี้ไหมล่ะ”

“เลิฟไม่เคยอยู่กับพี่มัตถ์ ไม่รู้หรอกค่ะว่าอันไหนจริงอันไหนหลอก ผู้ชายบางคนอยากนอนกับผู้หญิง ก็สามารถสรรหาคำพูดหวานๆ ได้มากมาย เลิฟไม่ใช่เด็กอมมือนะคะ คุยกันตรงๆ สะดวกใจกว่าค่ะ”

เขาทำท่าคิดหนักแต่ก็ดูเจ้าเล่ห์อยู่ในที ยักไหล่เล็กน้อยเหมือนไม่แคร์อะไร บอกกับเธอว่า... “ถ้าอย่างนั้นเธอต้องทำใจ คำหวานๆ ของพี่คงมีให้เธอได้ยินไปอีกนาน” พูดจบก็เอนตัวลงนอน

แต่นั่น... นั่น... เขากำลังบอกว่าเขาอยากนอนกับเธอโดยไม่อ้อมค้อมเชียวนะ แทบจะสำลักน้ำลายเมื่อได้ยิน จนต้องนับตัวเลขในใจ เมื่อพร้อมจึงบอกไปว่า “ตรงเกินไปค่ะพี่มัตถ์ เลิฟเป็นผู้หญิงนะคะ เว้นช่องว่างให้อายก็ดีค่ะ”

“อ้าว พี่ก็พูดตรงๆ แบบที่เธอบอกแล้วนี่” พูดไปก็นอนสั่นเท้าไปราวกับสบายใจเสียเต็มประดา มองถิรมนเหมือนจะถามว่าเขาผิดหรือที่พูดอะไรอย่างที่เธอต้องการ ส่งยิ้มหวานตามมา ดวงตาระยิบระยับแพรวพราว

ถิรมนพยายามบอกตัวเองให้ใจเย็นๆ ทั้งหมั่นไส้ ทั้งใจเต้นแรงกับภาพที่เห็น นี่เธอกำลังเจอกับผู้ชายประเภทไหนกัน อยากถามเหลือเกินว่าเขาไม่รู้หรือไร แค่เธอเห็นดวงตาของเขาวันนั้นในคลับหัวใจก็สั่นไหวรุนแรง อีกทั้งแรงดึงดูดช่างยากจะหักห้าม เพียงแค่มองตาเขาเธอก็ทำอะไรไม่ถูกอยู่แล้ว เสน่ห์ของเขาล้นเหลือแม้ไม่ต้องเอ่ยถ้อยคำอะไรออกมา และตอนนี้ก็เหมือนว่าปรมัตถ์ทำแต้มไปได้หลายขุมทีเดียว เพราะหัวใจของเธอเต้นแรงกว่าเดิมมากมายหลายเท่าตัว ยิ่งเมื่อเห็นกิริยาที่เขาแสดงออก ได้ฟังและพูดคุย ก็ยิ่งเหมือนตะแพ้ทาง หรือจริงแล้วเธออาจแพ้ทางเขาตั้งแต่วันแรกที่พบกันนู่นแล้วกระมัง

ปรมัตถ์ลุกนั่งอีกครั้ง ใบหน้าหล่อเหลานั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้ จับจ้องเธอราวกับจะสะกดแล้วฉกกินเหยื่อ ถิรมนแทบไม่มีแรงจะหนี มีแต่แรงส่งให้เข้าไปรับความหอมหวานซ่านซาบที่เคยตราตรึงจากจูบของปรมัตถ์มากกว่า

“ถ้าวันนี้อามุกอยู่บ้าน เลิฟจะเข้าไปถามเรื่องข้อตกลงที่พี่มัตถ์บอกว่าให้เราตกลงกันเอง ซึ่งเลิฟคิดว่าไม่จริง” อยากจะกัดลิ้นกัดปากตัวเองให้รู้แล้วรู้รอดที่เอ่ยออกไป ช่างขัดลาภปากของตัวเองแท้ๆ

ปรมัตถ์หยุดใบหน้าที่ห่างกันไว้เพียงคืบแค่นั้น ดวงตาคู่คมของเขาหรี่ลงนิดหนึ่ง ยิ้มออกมาเล็กน้อยเหมือนรู้ทันว่าเธอกำลังห้ามสิ่งที่เขาจะทำด้วยการเบี่ยงประเด็นออกไป และท่าทางเจ้าเล่ห์ร้ายกาจที่เห็นยิ่งทำให้หัวใจของเธอสั่นรัว เต้นแรง ละลายกองกับพื้นไม่เหลือไว้เป็นชิ้นเป็นอันเสียแล้ว เธอชอบผู้ชายแบบนี้หรือนี่ น่าตกใจพิลึก!

“พี่สับสน”

แต่เธอสับสนยิ่งกว่า โดยเฉพาะตอนที่ดวงตาของเขาหลุบลงจับจ้องริมฝีปากของเธอ เสน่ห์ของเขายิ่งเย้ายวนเมื่อเจ้าตัวเผยอปากน้อยๆ เลียริมฝีปากของตัวเองอย่างเชื่องช้า ปรมัตถ์จะรู้ไหมว่าอาการที่เขาแสดงให้เธอเห็นเช่นนี้ได้กัดเซาะกำแพงที่เธอสร้างไว้ป้องกัน รู้สึกว่ายากจะหักห้ามใจ เขาไม่รู้หรือไรว่าการทำแบบนี้คือการล่อแมงเม่าอย่างเธอให้เข้าไปตายในกองไฟโดยเร็วชัดๆ

“ขอจูบก่อนได้ไหม”

แทบหยุดหายใจเมื่อได้ยิน “ไม่ค่ะ” ปฏิเสธทั้งที่ยังแอบมองกิริยาของเขาที่กัดริมฝีปากล่างของตนเองเล็กน้อยให้รู้ว่าขัดใจ ทว่าท่าทางนั้นมองอย่างไรก็เย้ายวนสำหรับเธอมากกว่า

“แต่เราแต่งงานกันแล้ว” เสียงนั้นออดอ้อนน่าดู

ถิรมนพยายามบอกตัวเองว่าให้ใจแข็งไว้...ใจแข็งไว้ นับเลขไว้...นับเลขไว้ “ก็แค่ทะเบียนสมรสค่ะ” รู้สึกเหมือนได้ชัยชนะเมื่อเอ่ยออกไป

“แต่เราเคย...กันแล้ว” เขาเว้นคำพูดบางคำ แต่ก็มากพอจะทำให้ถิรมนหน้าแดงซ่านเมื่อรู้ความหมายกันดี

หญิงสาวรีบตอบ “ก็แค่อารมณ์ชั่ววูบ มันไม่โรแมนติก ไม่ซาบซึ้งค่ะ จำไม่ได้”

ปรมัตถ์เลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง มองเธอกึ่งยิ้มยั่ว ดูเย้ายวนและเรียกร้องให้กระโจนเข้าสู่กองไฟปรารถนาที่กำลังลุกโชนไม่หยุดหย่อน พายุอารมณ์แห่งความเรียกร้องเช่นมนุษย์ผู้มีเลือดเนื้อยิ่งโหมกระหน่ำ ไม่รู้ว่าจะทนทานได้อีกสักเท่าไหร่

“สรุปว่าคืนนี้ยังไงก็ไม่เอาด้วย” เขาถามย้ำ

“ค่ะ” ถิรมนยืนยัน

อาการผ่อนลมหายใจหนักๆ ของปรมัตถ์มีให้เห็นทันที “เอาเป็นว่าพี่ขอโทษกับสิ่งที่ผ่านมา ดีกันนะ” เขาเกี่ยวก้อยกับเธอ

เจอมุกนี้เข้าไปยิ่งทำอะไรไม่ถูก เขาอายุเท่าไหร่แล้วเนี่ย มาเล่นแบบนี้ไม่อายเด็กหรือไร แล้วอารมณ์ร้ายจะไป อารมณ์ดีจะมาก็รวดเร็วจนตามไม่ทัน

“พี่มัตถ์เล่นอะไรคะ” พูดจบก็ค่อยๆ ดึงมือของตัวเองกลับมาอย่างไม่น่าเกลียดนัก เพราะขืนให้เขาจับ เขากอด ให้เขาแตะตัว ให้เขาแทะโลมด้วยคำพูด หรือกัดกินเธอด้วยแววตา เห็นทีว่าคงได้นอนทอดตัวให้ปรมัตถ์จัดการตามใจในเร็วนี้เป็นแน่แท้

เขาไม่พูดอะไรนอกจากยิ้มให้ เอี้ยวตัวไปปิดไฟตรงหัวเตียง

ถิรมนอยากตีตัวเองนักที่ตัดโอกาสงามๆ ของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า ยอมรับว่าสัมผัสจากเขาสร้างความอบอุ่น วาบหวาม และมีความสุขไม่น้อย แม้นั่นจะปนมาด้วยความสงสัยและสับสนกับพฤติกรรมหลายอย่างของปรมัตถ์ โดยเฉพาะที่เขาบอกว่าไม่อยากพบหรือไม่อยากเห็นหน้าเธอเลย แต่ทำไมจู่ๆ มาคิดถึง มาออดอ้อน ซึ่งมันดูลึกลับซับซ้อนชอบกล

“กอดพี่หน่อย” เขาอ้อนเสียงแผ่ว แตะปลายนิ้วมือบนหลังมือของถิรมนเบาๆ ความอุ่นนุ่มจากปลายนิ้วของเขาอยู่ที่เดิมไม่ขยับ ประหนึ่งบอกให้รู้ว่ายังรอคอย

“นะ” จะทำเสียงน่ารักออดอ้อนขนาดนี้ทำไม เหตุใดจึงเป็นคนแบบนี้

และที่บ้าที่สุดคือเธอกำลังทำตามคำขอร้องโดยไม่อิดเอื้อน ขยับนอนข้างๆ ปรมัตถ์โดยไม่ปฏิเสธสักคำ ซุกตัวเข้าหาร่างกายใหญ่โตนั้นประหนึ่งแมวเชื่องๆ สอดแขนของตัวเองกอดเอวปรมัตถ์อย่างช้าๆ แม้ดูเงอะงะแต่อีกฝ่ายก็ขยับกอดอย่างอำนวยความสะดวก

ใจของถิรมนยิ่งเต้นรัว ไม่นานนักเธอก็ถูกปรมัตถ์ค่อยๆ จับพลิกตะแคง รั้งเอวของเธอเข้าไปหา ให้แผ่นหลังแนบชิดกับแผ่นอกกว้างของเขา จัดท่าทางให้ได้ถิรมนหนุนแขน และแขนอีกข้างหนึ่งของเขาพาดกอดที่เอวหญิงสาวเอาไว้

‘ทั้งๆ ที่บอกให้เธอกอดแท้ๆ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาที่กำลังกอดเธอเสียอย่างนั้น’ คิดไปด้วยอาการฟุ้งซ่านสุด

ไม่มีใครพูดอะไร ถิรมนได้แต่เงียบทั้งที่ใจเต้นโครมคราม ครู่หนึ่งจึงฉุกใจคิดถึงบางสิ่งบางอย่าง ไออุ่นส่งผ่านมาเช่นที่กำลังรู้สึกนี้ดูเหมือนจะคล้ายความฝัน มีบางอย่างคล้ายคลึงกันไม่น้อยโดยเฉพาะขณะที่ปรมัตถ์กำลังโยกตัวเธอเบาๆ ดั่งว่าจะกล่อมอยู่ในที การกระทำเช่นนี้ทำให้หัวใจของเธอยิ่งอ่อนแอมากมาย ความสุข สงบ ประกอบกันเป็นรูปร่างทำให้อบอุ่นอย่างไม่เคยเป็น

ยิ่งเมื่อเขาหอมที่ศีรษะ กระบอกตาของเธอก็ร้อนผ่าว ความฝันเมื่อครู่เป็นเขาใช่ไหมที่ให้ไออุ่น... ก่อนนี้สังเกตเห็นรอยชื้นบางอย่างตรงอกเสื้อด้านขวาของเขา ปรมัตถ์คงไม่ทันรับรู้ว่าเธอเห็น ผ้านวมนั้นก็เป็นเขาอีกใช่ไหมที่ห่มให้ จำได้ว่าก่อนนี้นอนโดยไม่ห่มผ้า แต่เมื่อครู่ที่ตื่นขึ้นมาคือผ้านวมห่มถึงไหล่ในสภาพค่อนข้างเรียบร้อย

เพียงเท่านี้ก็หัวใจของเธอก็ยิ่งอุ่นวาบมากมาย อ่อนแรงและหวั่นไหวเหลือเกินกับสิ่งที่พบเจอ ไม่ปฏิเสธว่าอยากได้อ้อมแขนของใครสักคนหนึ่งคอยโอบกอดเอาไว้ในวันที่รู้สึกหนาวและว้าเหว่ อยากมีคนโอบกอดในทุกคืนเวลาหลับตา แต่วันนี้ปรมัตถ์ผู้เคยชิงชังเธอกลับเข้ามาทำหน้าที่นั้น เขากำลังให้ไออุ่น ทำไมต้องเป็นเขา ทำไมจึงเข้ามาในเวลาแบบนี้... ทำไม

แล้วหัวใจของเธอจะแข็งแกร่งต้านทานได้สักเท่าไหร่กัน

- * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * -




สุชาคริยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ก.ค. 2557, 13:46:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ก.ค. 2557, 14:05:47 น.

จำนวนการเข้าชม : 1868





<< บทที่ 5 (2/3)   บทที่ 6 (น้ำจิ้ม) >>
แล่นแต๊ 21 ก.ค. 2557, 16:26:21 น.
ผู้ชายร้ายกาจ อ่อยสุดๆ >○<


คิมหันตุ์ 21 ก.ค. 2557, 17:00:47 น.
ชอบจังเลย พี่มัตถ์ ร้ายแต่น่ารักมากกกกกกก


สุชาคริยา 21 ก.ค. 2557, 18:12:05 น.

@ คุณแล่นแต๊ = อิอิ

@ คุณคิมหันตุ์ = แสดงว่ามาแบบนี้ผ่านโลดดด


Furzan 21 ก.ค. 2557, 18:16:20 น.
อ๊ายน่ารัก


ใบบัวน่ารัก 21 ก.ค. 2557, 19:37:45 น.
น่ารักจัง แล้วคืนนั้นที่คลับ เกิดขึ้นได้อย่างไร
ไม่เล่า+ ภาพประกอบ บ้างเลย
เลิฟแอย แอบจุ๊บไปดิ พี่เค้าน่าสงสารออก


mhengjhy 21 ก.ค. 2557, 22:37:13 น.
โอ้ยยยย น่าร้ากกกกก


แว่นใส 21 ก.ค. 2557, 23:03:28 น.
มีแอบหวานอีกนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account