แก้วขวัญวันรัก
เรื่องราวของสี่สาวพี่น้องที่ต้องตามล่าหาแฟนให้ได้ภายในสามเดือน ก่อนที่จะถูกจับคลุมถุงชนกับเจ้าบ่าวที่ไม่เคยเห็นหน้า ดังนั้นภารกิจ และปฏิบัติการลับของการตามหาแฟนจึงเริ่มข้น
แต่ติดปัญหาที่แก้ไม่ตกนั่นคือ
คนหนึ่ง ขี้เหวี่ยงขี้วีน คบกับผู้ชายได้ไม่เกินหนึ่งวัน ผู้ชายคนนั้นต้องหนีเปิง เจ้าของฉายา
“สวยเหวี่ยงวีน”
คนหนึ่ง ซุ่มซ่ามจอมโก๊ะ เจ้าของฉายา “สาวโก๊ะมหาวิบัติ”
คนหนึ่ง ด้านชาต่อความรัก ไร้ความรู้สึกกลับความรัก เจ้าของฉายา “ดอกไม้น้ำแข็งไร้อารมณ์”
และอีกคนหนึ่ง สาวสวยหมดเท่ แต่ใจเธอคือหญิงแท้ แต่กลัวการมีความรัก เจ้าของฉายา
“เจ้าสาวกลัวฝน”
แต่ติดปัญหาที่แก้ไม่ตกนั่นคือ
คนหนึ่ง ขี้เหวี่ยงขี้วีน คบกับผู้ชายได้ไม่เกินหนึ่งวัน ผู้ชายคนนั้นต้องหนีเปิง เจ้าของฉายา
“สวยเหวี่ยงวีน”
คนหนึ่ง ซุ่มซ่ามจอมโก๊ะ เจ้าของฉายา “สาวโก๊ะมหาวิบัติ”
คนหนึ่ง ด้านชาต่อความรัก ไร้ความรู้สึกกลับความรัก เจ้าของฉายา “ดอกไม้น้ำแข็งไร้อารมณ์”
และอีกคนหนึ่ง สาวสวยหมดเท่ แต่ใจเธอคือหญิงแท้ แต่กลัวการมีความรัก เจ้าของฉายา
“เจ้าสาวกลัวฝน”
Tags: สี่สาว รักแท้ ความรัก การตามหา
ตอน: 19 ความทรงจำหลังรูปภาพ
19
ความทรงจำหลังรูปภาพ
ขวัญชีวันเดินหนีออกมา ใบหน้าสวยยังมีท่าทีตื่น ตอนที่เขาเดินเข้ามาโอบเธอความรู้สึกวูบวาบแบบนี้เอไม่คุ้นเคย ทั้งที่มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาแตะตัวเธอ ขวัญชีวันสะบัดหน้าไล่ความคิดฟุ่งซ่านออกไป และเดินเลียบชายหาดไปเรื่อย ๆ แถวนี้ไม่ค่อยมีคนเหมือนในเขตบ้านพัก ขวัญชีวันรู้สึกปลอดโปร่งขึ้นเยอะจนเดินมาเจอข้าวของที่วางอยู่ริมหาดใต้ต้นมะพร้าวมันคือขาตั้งวาดภาพ ที่มีภาพวางไว้เหมือนกำลังวาด แต่เจ้าของภาพกลับไม่ได้นั่งอยู่ที่หน้าภาพ ขวัญชีวันมองซ้ามขวาไม่เห็นใครก็เดินมาหยุดมองรูปที่เขาวาดเสร็จได้ครึ่งเดียว ตอนแรกขวัญชีวันคิดว่ามันจะเป็นภาพวิวทะเลข้างหน้าเสียอีก แต่ภาพตรงหน้ากลับเป็นภาพผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นผู้หญิงที่สวยมาก สวยเหมือนกับนางฟ้า ผู้หญิงหน้าตาลูกครึ่งยุโรป เอเชีย มีดวงตาสีฟ้าชวนฝัน เธอยินอยู่ในทุ่งดอกไม้ ถ้าเกิดหลักเธอมีปีก ขวัญชีวันคงคิดว่าผู้หญิงในภาพต้องเป็นนางฟ้าแน่ ๆ หรือผู้หญิงของภาพจะวาดนางฟ้ากันนะ
“สวยจัง มีผู้หญิงสวยแบบนี้จริง ๆ หรอเนี่ย”
“มีสิครับ” ขวัญชีวันรีบหันไปมองเจ้าของเสียงที่ตอบเธอกลับมาเป็นภาษาอังกฤษ ผู้ชายหน้าตาหล่อใส อายุน่าจะพอ ๆ กับเธอหรืออาจจะอ่อนกว่าเธอ เขาเป็นผู้ชายยุโรปที่นี่ใบหน้าค่อนไปเอเชียนิด ๆ หน้าตาของเขาดูเด็ก และใสราวกับเด็กวัยรุ่น และเขาคงเป็นเจ้าของภาพวาดที่ยังลงสีไม่เสร็จภาพนี้
“เอ่อ...คุณเป็นเจ้าของภาพนี้หรอคะ”
“ครับ ผมเป็นคนวาด”
“คุณเก่งจัง ฉันก็อยากจะวาดภาพแบบนี้เป็นบ้าง แต่ฝึกเท่าไหร่ก็ไม่เก่งสักที ผู้หญิงในภาพนี้เป็นใครคะ” ขวัญชีวันเผลอภามออกไป พอเห็นสายตาเขาเหมือนจะเริ่มรู้ตัวว่าถามสิ่งที่ไม่ควรถามออกไป
“ผู้หญิงในรูปเป็นผู้หญิงที่ผมรักครับ” เขาตอบ
“สวยมากเลยนะคะ ตอนแรกฉันนึกว่าเป็นนางฟ้าในจินตนาการเสียอีก คุณโชคดีจังเลยนะคะที่มีคนรักสวยขนาดนี้ คุณคงเป็นนักท่องเที่ยวใช่ไหมคะ” ขวัญชีวันเอ่ย
“เอ่อ...จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ”
“ฉันอยากเห็นแฟนคุณจัง เธอไม่มาด้วยหรอคะ” ขวัญชีวันถามมองดวงตาของเขาที่เศร้าลง ขวัญชีวันมองเอียงคออย่างสงสัย แต่เธอเป็นคนที่รู้กาลเทศะกำลังจะอ้าปากบอกปัดไป
“เธอเสียชีวิตแล้วครับ เสียไปได้เกือบจะห้าปีแล้ว”
“เอ่อ...ฉันขอโทษนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ พูดให้ถูกเธอก็ไม่ใช่แฟนผมหรอกครับ เป็นแค่คนที่ผมรัก ที่สำคัญเธอมีสามีแล้ว” ขวัญชีวันมองผู้หญิงที่สวยจับใจ ไม่แปลกที่เธอจะมีสามีแล้ว ผู้หญิงสวยแบบนี้มีหรือจะโสดแขวนค้างเติ่งอยู่บนคานทองแบบเธอ แต่น่าเสียดายคนรักของเธอไม่ใช่ผู้ชายคนนี้ ทั้งที่ดวงตาของผู้ชายคนนี้ดูจะรักเธอมาก
“ฉันไม่ค่อยแปลกใจถ้าเธอจะแต่งงานแล้ว เธอสวยมาก และคุณก็วาดภาพเธอออกมาได้สวยมาก น่าเสียดายเธอน่าจะได้เห็น อีกนิดเดียวภาพก็จะเสร็จแล้วนี่คะ”
“มันไม่มีวันเสร็จหรอกครับ ผมวาดภาพนี้มากหลายปีตั้งเธอยังไม่ตาย จนเธอตายผมก็ไม่ได้วาดต่อจนวันนี้ อยู่ ๆ ผมก็คิดถึงเธอขึ้นมาเลยอยากจะลองระบายสีให้เสร็จ แต่ก็ทำไม่ได้”
“ทำไมล่ะคะ...” ขวัญชีวันที่เผลอปากไวติดนิสัยรักจิรามาขนานแท้รีบยกมือปิดปาก และยิ้มแหยเกส่งไปให้ เขายิ้มตอบเธอและเอ่ยตอบกับเธอ
“ศิลปินเวลาอยากวาดรูปมันจะต้องมีกำลังใจ มีพลัง แต่เมื่อหมดพลังผมไม่สามารถดันทุรังจะทำมันต่อได้ ภาพที่วาดมันจะไร้อารมณ์ ผมอยากให้ภาพวาดของเธอมีความรู้สึกส่งออกมา ไม่ใช่ภาพวาดที่ตายด้าน”
“ฉันเชื่อว่าคุณจะต้องสร้างภาพนี้ออกมาเสร็จสมบูรณ์แน่ ๆ ค่ะ เอ่อ...ฉันขวัญชีวัน คุณล่ะคะ” ขวัญชีวันรู้สึกถูกชะตากับเขาจึงยอมเอ่ยแนะนำตัวทั้งที่มันก็ไม่ใช่วิสัยของเธอ
“ผม...โจชัว คาเว่นครับ” มือโจชัวกำลังจะยื่นมาแตะมือของขวัญชีวันที่ยื่นส่งมา แต่ขวัญชีวันชักมือกลับ และนึกถึงตัวอักษร J.K. ขวัญชีวันถอยหลังหนี เขาคือบุคคลอันตรายคนที่สามที่เธอไม่ควรเข้าไปยุ่ง หน้าตาเขาไม่ได้แปะยี่ห้อมาเฟียไว้สักนิด เธอเองก็ลืมไปว่าแถวนี้มันเป็นเขตบ้านพักของวาทิน ดังนั้นคนที่เข้ามาก็จะมีแค่คนของวาทิน รวมถึงแขก
“ฉัน...ฉันขอตัวนะคะ” ขวัญชีวันกลับหลังหันจะเดินหนี
“คุณทำงานที่นี่หรอครับ” ขวัญชีวันหันมาและพยักหน้าวิ่งไปทันที โจชัวมองขวัญชีวันที่วิ่งหนีไป แต่ก่อนร่างเธอจะหายลับเข้าไปในบ้าน ก็ไม่วายวิ่งสะดุดล้มเขาเกือบจะเดินเข้าไปช่วย แต่เธอกลับหันมามองเขาและส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าไม่ต้องมาแล้วเธอก็วิ่งหายไป
รักจิรามองนาฬิกาที่บอกเวลาหกโมงครึ่ง รักจิราลุกขึ้นเดินไปทั่วห้องทำงาน หยิบโน่นจับนี่มาจนไม่รู้จะทำอะไรแล้ว แต่ยังไม่เห็นวี่แววของเจ้านายเธอเลยแม้แต่น้อย น่าแปลกที่วันนี้ประชุมโต๊ะข่าวเสร็จปุ๊บเขาก็ออกไปไม่รอเธอเลย เขาออกไปตั้งแต่เที่ยง จนตอนนี้ยังไม่กลับมาและฝากงานไว้กลับรองบรรณาธิการ รักจิราเองก็ไม่เข้าใจว่าป่านนี้แล้วทำไมเธอยังไม่กลับบ้าน
“ถึงเวลาสั่งโน่นสั่งนี่ สุนัขที่ไหนมันบอกให้ฉันรอกลับบ้านพร้อมกัน จะไปไหนก็ไม่โทรมาบอก ก็ดี ฉันก็ไม่ได้อยากกลับบ้านด้วยนักหรอก” รักจิราเอ่ยบ่นออกมาเสียงดังและเดินปึงปังเก็บข้าวของเข้าที่เตรียมตัวจะกลับบ้าน สายตาเหลือบไปเห็นสมุดบันทึกงานที่เขามักจะพกติดตัวตลอดเวลา
“ที่เก็บให้เพราะกลัวว่านายจะมาโวยวายหรอกนะ” รักจิราเดินเข้าไปหยิบเตรียมจะเก็บสมุดลงลิ้นชัก แต่พอยกมันขึ้นมากลับมีรูปใบหนึ่งหลุดลงมาด้วย รักจิรามองซ้ายขวาและก้มลงไปหยิบมันขึ้นมาดู เธอมองรูปใบนั้นด้วยท่าทีนิ่งค้าง จนเธอได้ยินเสียงประตูเปิดเข้ามาจึงรีบวางสมุดบันทึกลงแต่มือยังถือรูปไว้
“อ้าวเจ๊ยังไม่กลับอีกหรอ ผมนึกว่าเจ๊จะกลับไปแล้วซะอีก” นิรุธทำหน้าแปลกใจ
“อือ แล้วแกล่ะ”
“บก.โทรมาบอกให้ผมมาดูว่าเจ๊กลับหรือยัง นี่มันจะหนึ่งทุ่มแล้วเจ๊ยังไม่กลับอีกหรอ ดีนะที่ผมแวะมาดู บก.ฝากให้ผมมาบอกว่าบก.จะไม่กลับเข้ามา ให้เจ๊กลับเองเลยวันนี้ไม่ต้องรอ”
“แล้วทำไมเขาไม่เห็นโทรมาบอกฉัน”
“บอกอบอกว่าโทรมาแล้วแต่เจ๊ปิดเครื่อง ผมกำลังจะแวะกลับไปที่บ้านก่อนจะไปทำข่าวต่อ กลับกับผมไหม”
“ไม่อ่ะ นั่งแท็กซี่ไปเองก็ได้ ให้แกไปส่งแกต้องย้อนกลับมาอีก ขอบใจที่มาบอก” นิรุธพยักหน้าและเดินออกไป
รักจิราเปิดประตูกลับเข้ามาในห้องนอน รักจิราโยนกระเป๋าไว้บนที่นอนและล้มตัวนอนลงบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน มือของเธอยังถือรูปใบนั้นไว้ด้วยท่าทีเหม่อลอย รักจิราชูมือขึ้นขึ้นเหนือใบหน้าและมองรูปที่ถือไว้ รูปใบนี้เธอจำได้ไม่มีวันลืมเลยล่ะก็มันเป็นรูปใบแรกที่เธอถ่ายคู่กับเขา ตอนที่ไปเข้าค่ายอาสาด้วยกัน ตอนนั้นเธออยู่มอสี่ เค้าอยู่มอหก เธอเองก็ไม่เข้าใจทั้งที่เรื่องราวมันผ่านมาเกือบจะสิบปีแล้ว แต่ไม่เคยมีสักวันที่เธอจะลืมเรื่องราวของเขา เขายังคงตามติดอยู่ในใจเธอทั้งที่เธอพยายามจะกลบฝังเขาไว้ แต่ใจของเธอมันไม่รักดีเพียงโดยสะกิดนิดเดียวความทรงจำเก่า ๆ ก็หวนกลับคืนมา
‘น้องคะมีคนฝากมาให้น้องค่ะ’ รักจิรามองดอกทานตะวันที่ถูกยื่นมาให้ รักจิราไม่ได้กะยื่นรับอีกเช่นเคยแต่ปลายฝนเพื่อนสาวร่วมแก๊งค์กลับคว้าหยิบไว้
‘เฮ้ย!!! แกไปรับทำไม’ รักจิราเอ่ย และมองรุ่นพี่ปีสองที่รับฝากดอกไม้มาเดินกลับไป
‘เค้าให้มาก็รับไว้เถอะแกจะหยิ่งไปทำไม’ ปลายฝนเอ่ยและยัดดอกทานตะวันใส่มือรักจิรา
‘แก’
‘นี่ก็สามเดือนแล้วนะเว้ยที่พี่เค้าส่งดอกทานตะวันมาให้แกเนี่ย แต่คนที่ให้คงให้ดอกไม้ผิด อย่างแกมันต้องดอกอุตพิษต่างหาก ฮ่า ฮ่า ฮ่า’ ปลายฝนก้มหัวหลบแก้วน้ำพลาสติกที่ลอยมาทางเธอ รักจิราส่ายหน้าและก้มมองดอกทานตะวันที่เพื่อนยัดใส่มือเธอซึ่งมีกระดาษห้อยติดมาเช่นทุกครั้ง
...ตั้งใจเรียน อย่าไปมีเรื่องอีกนะ...
ข้อความที่ส่งมาไม่ได้เขียนในเชิงโรคจิต หวานเลี่ยนแบบคนจีบกันจนเธอขยาดและอยากอ้วก ข้อความที่เขาเขียนคล้ายกับพี่ชายคนหนึ่งที่ห่วงใยน้องสาวเสียมากกว่า
‘ดอกทานตะวันมาอีกแล้วหรอรัก เมื่อไหร่แกจะใจอ่อนสักทีรัก’ ฟ้าลดาเอ่ย และวางถุงขนมลงที่โต๊ะ
‘ใช่รับรักพี่เค้าได้แล้วมั้ง’ ปลายฝนเสริมขึ่นมาทันที
‘แกจะให้ฉันตกปากรับคำได้ยังไง กิตติศัพท์กระล่อนเจ้าชู้ไวไฟ คนทั้งมหาลัยก็รู้ แกคิดดูแฟนคนที่แล้วของเขาเป็นถึงดาวมหาลัย แล้วฉันกิ๊กก๊อกแบบนี้เขาจะมาจีบทำไม ฉันว่าไอ้พี่สายฟ้าคิดจะแกล้งฉันมากกว่า’
‘แกคิดมากไปป่ะไอ้รัก พี่เขาจะมาแก้แค้นทำไม ไม่เห็นมีเรื่องอะไรให้แก้แค้น และถ้าเป็นอย่างนั้นจริเขาจะลงทุนบอกเลิกผู้หญิงในสต็อกที่มีเป็นโหลของเขาเพื่อแกทำไม ถ้าเขาคิดจะแกล้งเล่น ๆ คิดในทางที่ดีสิว่าพี่เขาอาจจะชอบแกจริง ๆ ใครจะเอาเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ มาล้อเล่นกันไอ้รัก’ ปลายฝนเอ่ย
‘ก็ไอ้พี่สายฟ้าของพวกแกไงล่ะ’ สองเพื่อนสาวมองการกระทำของเพื่อนอย่างจับผิด
‘แกโคตรโง่เลยไอ้รัก พี่สายฟ้าน่ะหล่อ รวย เรียนเก่ง เป็นถึงเดือนมหาลัย จะมีอีกไหมที่เพอร์เฟ็คขนาดนี้มาจีบแก อีกอย่างแกเองก็เคยเรียนโรงเรียนเดียวกับพี่เขามาก่อน ถ้าฉันจำไม่ผิดเจ้แก้วเคยเล่าให้ฟัง แกอยู่ชมรมถ่ายรูปกับพี่เขา สนิทกันมากเลยนี่’ รักจิราทำตาโตใส่เพื่อน และนึกอยากเลาะฟันพี่สาวออกมาสักซีกสองซีก กล้าเอาเธอมาขายหรอ
‘แกดูไม่ชอบหน้าพี่เขามาก ๆ เลยนะไอ้รัก แกมีอะไรที่ไม่เคยบอกฉันหรือเปล่าวะ’ ปลายฝนถามอีกครั้ง เพราะรู้สึกได้ว่าเพื่อนดูจะไม่อยากเข้าใกล้สายฟ้าจนผิดปกติ
‘เปล๊า...’
‘ถ้าเปล่าจะทำเสียงสูงทำไม ฉันว่ามันต้องมีแน่ ๆ แกบอกฉันมาเลยนะว่ามีอะไร ไอ้รัก เฮ้ย ไอ้รัก ถ้าแกไม่เล่าฉันโกรธจริง ๆ นะ รัก’ รักจิราลุกขึ้นยืนทันทีจนเพื่อนผิดสังเกต ฟ้าลดามองตามเพื่อนไป และมองหน้าปลายฝน
‘ไว้จะเล่าให้ฟังละกัน’ ฟ้าลดารับเดินตามเพื่อนไป
‘รัก รัก หยุดก่อนรัก’ รักจิราหยุดเดินและหันไปมองฟ้าลดา
‘มีอะไรฟ้า’
‘ยังไม่ลืมเรื่องพวกนั้นอีกหรอ ผ่านมาสี่ปีแล้วนะ ถ้าแกไม่ลืมนะรัก พี่เค้าก็เสียใจเหมือนกัน มันก็แค่ความคะนอง แต่พวกพี่เขาทุกคนรู้สึกผิด แกจำไม่ได้หรอพวกรุ่นพี่มาดักรอแกหน้าบ้านทุกวัน แกยกโทษให้พวกพี่ทุกคน แต่แกกลับไม่ยกโทษให้กับพี่สายฟ้า’
‘แกจะให้ฉันยกโทษให้กับคนที่เอาความรู้สึกของฉันมาล้อเล่นได้ยังไง’ รักจิรานึกไปถึงเมื่อสี่ปีก่อน ตอนที่เธออยู่มอสี่ เธอกับอัสนีไม่เคยรู้จักกัน เธอรู้เพียงว่าเขาคือหนุ่มฮอตของโรงเรียน และทั้งที่เธอก็อยู่ชมรมเดียวกับเขา แต่ไม่เคยสนิทกันจนพูดคุย จนวันหนึ่งอยู่ ๆ เขาก็มาตีสนิทเธอ ด้วยกันพูดคุยเรื่องตาง ๆ เธอจำได้ว่าเขามีอะไรหลาย ๆ อย่างเหมือนกับเธอ แรก ๆ เธอตั้งป้อมตั้งกำแพงสูงริบ เพราะไม่ต้องการสนิทกับใคร แต่ด้วยความที่เธอขึ้นชื่อเรื่องท้าตีท้าต่อย เป็นเด็กเกเรมีปัญหา ไม่ค่อยมีใครอยากเป็นเพื่อนนอกจากฟ้าลดา จนมีอัสนีที่เขามาทำความรู้จักกับเธอ เธอไม่เคยรับรู้ว่าสิ่งที่เขาทำมันคืออะไร แต่เธอเริ่มไว้วางใจเขา เขาดีกับเธอทุกอย่าง คอยห้ามไม่ให้เธอมีเรื่อง เป็นห่วง ดูแลเธอราวกับเจ้าหญิง เป็นการกระทำที่ทะนุถนอมที่ไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน และเธอก็ชอบเขา ในที่สุดความจริงก็เปิดเผย ในวันจบการศึกษา ทั้งที่เขาพึ่งขอเธอคบก่อนหน้าวันนั้นเพียงหนึ่งวัน เธอจำได้ไม่ลืมเลยล่ะตอนที่เดินขึ้นไปตามเขาบนห้องเธอได้รับรู้ความจริงที่น่าเจ็บปวดที่สุด ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมาตลอดหนึ่งเทอมมันก็แค่เกมส์ ๆ หนึ่งที่พวกเขาเล่นกัน โดนมีเธอเป็นเหยื่อ พวกเขาพนันกันว่า ภายในหนึ่งปีถ้าอัสนีทำให้ รักจิรา เจ้าของฉายา กุหลาบเลือด ผู้หญิงที่ตั้งป้อมปราการกับผู้ชายสูงริบ แม้จะสวยก็ดูได้แต่ตาแตะต้องไม่ได้ เธอผู้หญิงต้องห้ามที่ไม่มีใครกล้าจีบ เพราะความเลือดร้อนไม่พอใจเป็นมีเรื่อง และเธอในตอนนั้นยังเคยเป็นสมาชิกของพวกนักเลงแก๊งค์ใหญ่ ถ้าเกิดทำให้แม่เจ้าประคุณเกิดโมโห หรือรู้ว่าไปนอกใจ มีแต่ตาย และนั่นก็ทำให้เธอคือความท้าทาย และอัสนีก็ทำมันสำเร็จ สิ่งที่เธอทำไม่ใช่การโวยวายอย่างเช่นทุกครั้ง เธอร้องไห้และรอ เธอตอบแทนสิ่งที่เขาทำให้เธออย่างสาสมด้วยการมอบมันเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายของการพบกัน หลังจากการแสดงของพวกเขาบนเวทีจบลง
‘สวัสดีค่ะรุ่นพี่ทุกคน คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายแล้วสำหรับการศึกษาที่นี่ ฉันมีบางอย่างอยากให้พี่ ๆ ทุกคนได้ดู และฝากบอกนักแสดงในเรื่องนี้ด้วยว่าขอบคุณสำหรับเกมส์ ๆ นี้ มันสนุกมาก และตลกมาก แต่อยากให้รู้ไว้ว่าความรู้สึกคนเราไม่ใช่เรื่องล้อเล่น วันนี้พวกนายชนะแล้ว จงภูมิใจกับความชนะของพวกนายที่ทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่งด้วยมือของพวกนาย อ่อ ขอบอกความรู้สึกอีกอย่างก่อนจะไป ฉันโคตรเกลียดพวกนายเลยว่ะ แม้พวกฉันทำตัวเป็นนักเลง แต่ก็ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อน ไม่เคยทำให้ใครต้องเจ็บกายเจ็บใจ แต่พวกนายมันทุเรศสุด ๆ ทุเรศยิ่งกว่าพวกที่คบผู้หญิงแล้วทิ้งอีก ขอบคุณที่ทำให้รู้ว่าพวกโกหก ตอแหล เสแสร้ง หน้าตามันเป็นยังไง ขอบคุณจริง ๆ’ เธอจำสายตาของอัสนีในวันนั้นได้ ตอนที่เธอเดินลงจากเวทีพร้อมกับภาพคลิปของพวกเขาที่พูดคุยกัน เธอไม่ได้โวยวาย หรือทำอะไรพวกเขา เธอทำให้พวกเขาทรมานอยู่ดับความผิดพวกนั้นแค่นั้นคงพอแล้ว
‘กับพวกพี่คนอื่นทำไมแกยกโทษให้เขาได้ แต่กับพี่สายฟ้าแกยกโทษให้ไม่ได้ แกเองก็ชอบเขา แกถึงโกรธเขามากที่สุด ฉันไม่ได้เข้าข้างพวกพี่เขา แต่ฉันรับรู้ได้ว่าพี่สายฟ้ารู้สึกผิดแค่ไหน ดอกทานตะวันที่ส่งมาไม่ใช่แค่สามเดือนแต่ตลอดสี่ปียังไม่พอให้แกยกโทษให้พี่เขาอีกหรอรัก ไหนจะไอ้กระถางดอกทานตะวันทีส่งมาทุกวันเกิดแก พี่เขาไม่เคยไม่รู้สึกผิด เขาไม่เคยลืมสิ่งที่เขาทำกับแก คิดสิว่าในวันนั้นถ้าพี่เขาคิดจะพนันอยู่คงบอกแกให้แกเจ็บไปแล้ว แต่พี่เขาไม่บอกเพราะอยากคบกับแกจริง ๆ แกคิดดูแกเคยยอมให้ผู้ชายคนไหนเขาถึงตัวแกเกินห้าก้าวไหม’
‘แกจะให้ฉัน...’
‘ตามใจแกนะ พี่สายฟ้าน่ะยอมให้แกเตะแกต่อย ทนไม้ทนมือแกแค่ไหน บอกให้ไม่มีผู้ชายคนไหนทนมือทนไม้แกได้ดีไปกว่าพี่สายฟ้า ฉันรู้สึกได้สายตาพี่เขาที่มองแกมันเป็นของจริงไม่ได้เสแสร้ง ให้โอกาส และให้อภัย แกจะมีความสุข อย่ากลัวที่จะรักใครอีกเลยนะรัก ให้โอกาสเปิดใจให้พี่ฟ้า ครั้งนี้แกอาจจะไม่ผิดหวัง น้ารักคงไม่สบายใจถ้ารู้ว่าแกเป็นแบบนี้’ ฟ้าลดาเดินหนีไป รักจิรามองดอกทานตะวันในมือเดินมาหยุดอยู่หน้าถังขยะเหมือนทุกครั้ง มือยื่นดอกไม้ไปที่ถังขยะแต่กลับไม่ยอมปล่อยมือออกจากดอกไม้ รักจิราถอนหายใจและถอยหลังเดินหนีห่างจากถังขยะทั้งที่ดอกไม้ก็ยังถืออยู่
ซ่า!!!
รักจิรายืนนิ่งค้าง เมื่อรับรู้ถึงร่างที่เปียกปอน เธอคงจะคิดว่าฝนตก ถ้าน้ำที่ล่วงลงมาไม่ได้มาซู่เดียวและหายไปแบบนี้ ร่างบางในชุดนักศึกษาเปียกไปทั้งตัว รักจิราเงยหน้าขึ้นมองไปบนตึกชั้นสอง เห็นเงาร่างผลุบหายเข้าไป รักจิราไม่ได้สนใจสภาพเปียกแฉะวิ่งขึ้นไปที่ชั้นสองอย่างไม่รีรอ และเป็นดังคาดการณ์ไว้
‘สมน้ำหน้ามัน คิดจะมาแย่งพี่สายฟ้าไป คราวหน้าเอาน้ำถูพื้น แค่น้ำธรรมดามันไม่ซะใจเท่าไหร่’
‘ว่างมากหรือไง’ สามสาวหันกลังไปมองคู่กรณีที่พวกเธอพึ่งจัดหนักไปเมื่อครู่ สีหน้าทั้งสามมีท่าทีตกใจ แต่มันก็จางหายไป สาวสวยร่างสูงบางแต่งกายด้วยชุดนักศึกษาที่รัดแน่นจนรักจิราอึดอัดแทน ไหนจะกระโปรงที่สั้นแค่คืบที่ไม่น่าจะเป็นการแต่งกายของผู้ได้ชื่อว่าเป็นนักศึกษาได้ ผู้หญิงที่เดินก้าวเข้ามาหาเธออย่างท้าทายคนนี้คือนิชากร หรือนีน่า ดาวจากคณะนิเทศที่พึ่งเลิกรากับอัสนีไปเมื่อสามเดือนก่อน
‘ถ้ามีเวลามากนักก็ไปหาอะไรที่มันสร้างสรรค์ทำ อย่าทำอะไรที่ให้คนอื่นเขาเดือดร้อน เรียนถึงมหาวิทยาลัยแล้ว อย่าทำตัวเหมือนเด็กที่ไร้สมอง ระรานคนอื่นอย่างไร้หัวคิด คนอื่นเขาจะว่าไปถึงพ่อแม่ของพวกเธอได้ ว่าสอนลูกมาไม่ดี’ สามสาวหน้าเปลี่ยนสีทันที มือกำแน่น
‘แกกล้าด่าฉันหรอ’
‘ฟังยังไงเป็นด่า กำลังสอนต่างหาก บอกให้รู้ ไอ้แค่เทน้ำใส่ที่มันเป็นมุกที่เบมาก มันไม่ทำให้ฉันสะเทือนได้หรอก และขอบอกอีกอย่างถ้าอยากมีเรื่องก็มาต่อหน้า อย่าทำแบบพวกที่อยากมีเรื่องแต่ขี้ขลาด มันดูไม่แน่จริง’ รักจิราพูดจบก็หันหลังหนี แต่
‘คิดว่ามาแล้วจะยอมให้เดินหนีง่าย ๆ หรอ’ นิชากรพุ่งตัวเข้าไปจิกหัวรักจิราจากด้านหลัง รักจิราจะดิ้นก็กลัวว่านิชากรจะกระชากหนักหัวเธอติดไปด้วย
‘เพราะแกคนเดียวพี่ฟ้าเลยทิ้งฉัน ถ้าฉันไม่ได้เอาคืนแก อย่ามาเรียกฉันว่านีน่าเลย’
เพียะ!!!!
ร่างของรักจิราเซถลาออกไป นิชากรพลาดที่ปล่อยรักจิราให้หลุด เมื่อเดินเข้ามาหวังจะตกอีกครั้ง รักจิราที่ไวกว่าก็ปล่อยหมัดเข้าใส่หน้าของนิชากรเต็ม ๆ
‘กรี๊ด!!!!’ นิชากรร้องเสียงดังเมื่อรักจิราต่อยเข้าที่จมูกของเธอที่พึ่งไปไปอักซีลีโคนมาพร้อมกับเลือดกำเดาที่ไหลออกมาเปราะเปื้อนชุดนักศึกษา เจ้าตัวดีดร้อน และร้องราวกับโดนแทง
‘นังจอม นังหนิง จัดการมันสิ ยืนเฉยอยู่ทำไม จัดการมันสิ’ สองสาววิ่งเข้ามาหวังจะรุม แต่ไม่ทันถึงตัวรักจิราก็ลืมครืนลงเมื่อเจอแม่ไม้มวยไทยของรักจิรา
‘ฉันจะฟ้องพ่อ แกรู้ไหมพ่อฉันเป็นใคร แก แก’
‘ขนาดตัวเธอเองยังไม่รู้เลยว่าพ่อเธอเป็นใคร แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไง แต่ปากตลาดขนาดนี้สงสัยคงเป็นเจ้าของร้านส้มตำปลาร้าใช่ไหม ปากถึงปลาร้าไร้สุกลขนาดนี้ คงไม่ใช่ลูกหม่อมเจ้าหรอก ผู้ดีจริงเขาไม่ทำอะไรแบบนี้หรอก’
‘อีบ้า!!!’
‘เธอนั่นแหละอีบ้า ส่งเสียงแว้ด ๆ แบบนี้มันน่าหนวกหู เห็นแก่สถานที่หรอกนะ ฉันไม่เอาเรื่อง คิดจะลอบทำร้ายข้างหลัง บอกให้รู้ถ้าจะทำร้ายฉันอีกสิบปีก็ไม่สาย ตอนนี้แค่มือตบตลาด ๆ ให้ตายก็ไม่ถึงฉันหรอก รู้จักไอ้รักศิษย์ครูต๋องน้อยไป’ และตอนที่กำลังจะเดินลงบันได เธอก็รู้สึกตัวช้าไปเมื่อนิชากรไม่ยอมให้เธอต่อยจมูกที่อัดซีลีโคนไปฟรี ๆ เจ้าตัววิ่งเข้ามาผลักร่างรักจิราที่กำลังก้าวขาลงบันได ร่างบางที่ตั้งตัวไม่ทันถลาล่วงหล่นลงไปที่บันไดขั้นล่าง
‘ว้าย!!!’ รักจิราหลุดร้องเสียงหลง หลับตาแน่นเมื่อรู้ว่าตกไปเจ็บแน่ แต่เธอกลับไปรู้สึกเจ็บ เมื่อลืมตาขึ้นก็พบว่ามีคนมารองลับเธออยู่ด้านร่าง ทำให้ร่างของเธอไม่กระแทกกับพื้น
‘พี่ฟ้า!!!’ นิชากรร้องและวิ่งลงมา รักจิราเองก็รู้สึกตัวรีบลุกขึ้น และยืนทำหน้าไม่ถูกมองอัสนีที่ยืนทำหน้าจุก นิชากรวิ่งเข้าไปจับแขนเขา แต่
‘โอ๊ย!!!’ นิชากรปล่อยมือออกจากแขนของอัสนีอย่างตกใจ
‘ไปหาหมอเร็ว’ รักจิราเอ่ยไม่สนใจอะไรรีบจับมืออัสนีและวิ่งไปที่ห้องพยาบาล ซึ่งโชคดีที่อัสนีไม่เป็นอะไรมาก/ไปกว่าแขนเคล็ดมีรอยฟกช้ำจากแรงกระแทก
‘เอ่อ...นายมายืนตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วทำไมไม่หลบไปจะได้ไม่เจ็บตัว’
‘ไม่เจ็บหรอก ถ้าฉันหลบเธอนั่นแหละจะเจ็บตัว หัวเกิดฟาดน็อกขึ้นมาจะแย่ แล้วฉันจะยอมให้เธอเจ็บได้ยังไง เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหมรัก’ รักจิราส่ายหน้า เธอจะไปเจ็บได้ยังไงล่ะ ก็นอนเป็นเบาะกันแรงกระแทกเธอไว้
‘เธอจะโกรธฉันอีกนานไหม ฉันรู้ฉันติดค้างคำนี้กับเธอ ฉันขอโทษ ตอนนั้นฉันกลัวที่จะเจอหน้าเธอเลยไม่กล้าไปพูด แต่ไม่ใช่ไม่รู้สึกผิดไม่อยากขอโทษ ฉันรู้สึกมาตลอดเลยนะ จนตอนนี้ก็ยังรู้สึก อยากพูดมัน ขอโทษจริง ๆ’
‘เลิกพูดเถอะ’ รักจิราเริ่มตีหน้าบึ้งใส่เมื่อเขาคิดว่าพูดเรื่องเมื่อสามปีก่อนที่เขากับเพื่อนของเขาคิดมาเล่นตลกกับเธอ สุดท้ายพอถูกจับได้ก็จ๋อยสนิท เกมส์สนุก ๆ ของพวกเขากลายเป็นทำให้เธอต้องหวาดระแวงมาถึงวันนี้
‘ฉันจะไม่พูดเซ้าซี้อีก แต่อยากให้รู้ว่าฉันขอโทษ แต่ฉันพูดจริงนะที่เคยบอกเธอในตอนนั้นว่า ฉันชอบเธอ มันไม่ใช่เรื่องโกหก ไม่ใช่เกมส์พนันตลก ๆ และฉันมีความสุข และสนุกมากในตอนนั้นที่ได้เป็นเพื่อนกับเธอ ดอกทานตะวันตลอดสี่ปีแทนคำขอโทษกับเรื่องที่ผ่านมา แต่หลังจากวันนี้ดอกทานตะวันทุกดอกจะเป็นการยืนยันว่าฉันชอบเธอจริง ๆ เธออาจจะไม่น่าเชื่อ และจะว่าฉันเห็นแก่ตัวทั้งที่ปากยังบอกว่าชอบเธอแต่ฉันคบกับผู้หญิงเยอะแยะ แต่ฉันไม่เคยลืมเธอนะ ยังคงจดจำ และหวังว่าสักวันฉันจะได้บอกเธอ ผู้หญิงที่ฉับคบด้วยทุกคนไม่ใช่เล่น ๆ แต่ฉันอยากจะลองรักใครสักคนบ้างเพราะคิดว่าความรู้สึกของเธอคงจะหมดไปถ้าได้คบกับใครสักคน แต่มันก็ไม่ใช่ แต่ฉันไม่เคยบอกเลิกใครก่อน และไม่เคยทำให้ผู้หญิงที่เลิกกับฉันเสียใจเพราะฉันยังจำได้ดีถึงสิ่งที่ฉันเคยทำกับเธอ เราจบกันด้วยดี เว้นแต่นีน่า ฉันกับเขาเราไม่ได้คบกัน แต่เพราะนีน่าเป็นลูกสาวของเพื่อนแม่ ฉันเลยต้องช่วยดูแลเค้าตามคำขอของน้า แต่ไม่มีอะไรเหมือนอย่างที่คนทั้งหมาลัยพูด ฉันพูดสิ่งที่ฉันอยากพูดหมดแล้ว ต่อจากนี้จะให้โอกาสฉันได้พิสูจน์ได้ไหม’
‘ถ้านายไม่เป็นอะไรแล้ว งั้นฉันไปนะ...’ รักจิราไม่ตอบคำถามของอัสนี เลือกที่จะเลี่ยงเดินออกหนีออกไป แต่เหมือนความรู้สึกค้างคาทำให้รักจิราหยุดชะงัก และหันไปมองเขาอีกครั้ง
‘ขอบคุณที่ช่วยฉัน ถ้านายไม่เข้ามาฉันอาจจะเจ็บหนักอยากที่นายบอก แล้วก็...ดอกไม้น่ะไม่ต้องส่งมาทุกวันหรอก แจกันมันรกหมดแล้ว อีกอย่างไอ้มุกฝากคนอื่นมันดูไม่แมนเลย ฉันไม่ชอบ ฉันชอบผู้ชายที่แมนกล้าที่จะทำ ไม่ใช่สุ้ม แบบนี้’ แล้วรักจิราก็เดินออกไป ทิ้งให้อัสนีนั่งนิ่งค้างเหมือนกำลังนึกถึงคำพูดของรักจิรา เจ้าตัวก็ยิ้มออกมาและวิ่งไปที่หน้าประตูห้องพยาบาล
‘รัก...ถ้าอย่างนั้นเรากลับไปคุยกันเหมือนเดิมได้ใช่ไหม เจอเธอก็คุยกันได้ ถ้าไม่ให้ฝากคนอื่นไป ฉันเอาไปให้เองได้ใช่ไหม’ รักจิรายืนนิ่งไม่ยอมหันหลังกลับมา ท่าทีเหมือนยังวางฟอร์มทั้งที่ใบหน้าของเธอกำลังยิ้ม เธอยอมรับว่าเธอก็ยังโกรธเขาอยู่ แต่ที่ผ่านมาคงมากพอแล้ว รักจิรายกมือขึ้นและทำท่าโอเคและเดินหนีไป และหลังจากวันนั้นอัสนีก็ทำอย่างที่พูด ไม่มีวันไหนที่เธอไม่เคยเห็นหน้าเขา เธอยังคงได้รับดอกไม้ทุกวัน ถ้าวันไหนไม่มาเป็นดอกก็มาเป็นภาพถ่ายที่ถ่ายสดทุกวัน สุดท้ายเธอใจอ่อนให้กับเขา สุดท้ายความรักของเธอกับเขามันก็จบลงไม่เป็นอย่างที่หวัง
“รัก แกไม่หิวหรอ” สติที่หลุดลอยไปกลับมาเมื่อได้ยินเสียงดังมากจากหน้าประตู รักจิราวางรูปนั้นลงและเดินออกไปเปิดประตู แก้วกัลยายืนอยู่หน้าประตู
“หกโมงแล้ว พวกฉันรอกินข้าวอยู่”
“อือ”
“จริงสิ วันนี้ฉันเอาของในห้องเก็บของไปขาย ไอ้กล่องสีน้ำเงินใบนั้น...”
“เจ๊แก้วเอากล่องเขาไปขายหรอ!!!” รักจิราตะโกนลั่น
“เอาก็นั่นมันห้องเก็บของ ป้าจิตแกมาบอกว่าในห้องเก็บของมันมีหนู อาจเพราะของมันรกไป ฉันก็เลยระบายของออกไปบ้าง เงินที่ขายได้ก็ให้เป้นติ๊บป้าจิตแกไปหมด”
“นี่ตัวเอาของเขาออกไปทำไมไม่บอกเค้าก่อน นั่นมันของ ๆ เค้านะ ตัวเอาของไปขายที่ไหน บอกเค้ามานะเจ๊แก้ว เจ๊แก้วเอามานะ” รักจิราวิ่งเข้ามาจับตัวแก้วกัลยาและเขย่าตัวแก้วจนตัวโงนเงน
“โอ๊ย!!! ไอ้รัก แกปล่อยฉันนะ”
“ไม่ ตัวเอากล่องเขาไปขายได้ยังไง เอามันคืนเค้ามานะ เอาคืนมา นั่นมันของ ๆ เค้า” รักจิราโวยวายไม่หยุด แก้วกัลยาเริ่มเวียนหัว และสะบัดรักจิราจนหลุดออก วันวิวาห์และคีตภัทรวิ่งขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงโวยวายของรักจิรา
“พอแล้ว ๆ รัก นี่มันอะไรกัน” วันวิวาห์เอ่ย
“ก็เจ๊แก้วน่ะสิ เอาของเค้าไปขาย ทำแบบนี้ได้ยังไง นั่นมันของ ๆ เค้านะ”
“เดี๋ยวกล่องอะไร” วันวิวาห์ถาม
“ก็กล่องสีน้ำเงินที่เค้าเก็บ....” รักจิราเงียบ ทั้งหมดมองรักจิราและขมวดคิ้ว รักจิราพูดไม่ออก
“กล่องที่แกใช้เก็บไอ้ของที่สายฟ้าให้แกใช่ไหมล่ะ” รักจิรายังเงียบ
“แกเลิกกับมันมานานมากแล้วนะ แกเองก็ไม่คิดจะกลับไปคบกันมัน ไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันแล้ว จะเก็บของ ๆ มันไว้ทำไมรัก ฉันไม่เห็นเหตุผลที่แกจะเก็บของ ๆ มันไว้เลยรัก”
“แก้ว” วันวิวาห์เอ่ยปรามแก้วกัลยา แก้วกัลยาทำเพียงมองตาวันวิวาห์ตอบและหันกลับมามองรักจิรายืนก้มหน้า
“ของพวกนั้นยังมีความหมายในใจแก เพราะอะไรรัก แค่ฉันเอาของที่ไม่ได้มีความหมายแล้วไปขาย แกจะโกรธฉันทำไม หรือของพวกนั้นยังมีความหมายกับแก” รักจิรานิ่งไม่พูดเมื่อโดนสะกิดแผลให้เปิดออก
“มันจะมีหรือไม่มีตัวก็ไม่มีสิทธิ์มาเอาของ ๆ เขาออกไปขายโดนไม่บอก”
“ทำไมล่ะ ของในห้องเก็บของตัวแกเองก็รู้ว่าเป็นของรอวันขาย และรอวันบริจาค และเราก็ทำแบบนี้ทุกปี และทุกครั้งแกก็ไม่เห็นเดือดร้อน แต่วันนี้แกเป็นอะไรรัก แกทิ้งมันไปแล้วนะรัก ทั้งคนและของ” รักจิรากำมือแน่นและเงยหน้าขึ้น
“เพราะมันยังมีความหมายไง เค้าถึงไม่ให้ไปขาย ตัวจะแตะต้องอะไรเค้าไม่เคยโกรธ แต่ตัวก็รู้ดีว่าของในกล่องนั้นมันคือความทรงจำของเค้า ความทรงจำที่เหลืออยู่ ที่ย้อนกลับไปไม่ได้”
“แกยังรักมัน...”
“เค้า...”
“แกจะยอมรับไหมก็เรื่องของแกรัก แต่เหลือเวลาอีกสองเดือนเท่านั้น ก่อนมันจะไม่ทัน วันนี้อากงโทรมาบอกว่าคุยเรื่องแต่งงานของเราแล้ว แกรู้ดีนะถ้าอากงบอกว่าแต่งเราจะไม่มีทางหนีได้อีก ยอมรับเถอะรัก แกไม่เคยลืมสายฟ้าตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้แกไม่เคยลืม ตอนนี้แกกำลังกลัวที่จะมีความรักอีกครั้ง กลัวฝน ก็แค่กลางลม มันอยู่ที่ตัวแกกล้าจะกลางร่มเดินออกไปไหม ไม่มีใครที่แกรักไปมากกว่าสายฟ้า และไม่มีใครที่จะดูแลแกได้ดีไปกว่าสายฟ้า ที่ฉันพูดก็มีแค่นี้ แล้วก็เอาของแกคืนไป” แก้วกัลยาพูดและมองคีตภัทรที่เดินไปลากกล่องที่วางอยู่หลังโซฟามุมห้องนั่งเล่นออกมา
“นี่ตัวแกล้งเค้า”
“ใครแกล้ง เอานี่เอานี่คืนไปด้วย” รักจิรามองสมุดบันทึกของตัวเองที่ไปอยู่ในมือของแก้วกัลยา
“นี่ตัวเข้าไปรื้อห้องเขาหรอ”
“ใครเข้าไปรื้อ ฉันเข้าไปยืมคอมแกใช้ แต่บังเอิญไอ้เริ่มนี่มันหล่นอยู่ใต้เตียงก็หยิบออกมาใครจะรู้ว่าแกจะบันทึกเรื่องที่ไอ้สายฟ้ากลับมาแล้ว กลายเป็นเจ้านายแกเอาไว้ล่ะ ฉันไม่ผิดนะรัก แล้วที่ทำแบบนี้ก็ช่วยย้ำเตือนแก ว่าแกเหลือเวลาไม่มาก แกคงยังไม่รู้อีกสองวันอาเปาจะมากรุงเทพเพื่อมากินข้าวกับแก อากงโทรมาสั่ง ถ้าแกไม่รีบหาทาง แกได้แต่งแน่ อาเปาต่างจากเฮียจิวที่มันตามจิกแกแน่ มันอยากได้แกเป็นแฟนยังกับอะไร ถ้าไม่รีบฉันช่วยไม่ได้นะ”
“หมายความว่ายังไงเจ๊แก้ว”
“อีกสองวันอาเปาจะมารับแกไปกินข้าวตอนเย็น เตรียมตัวให้พร้อมนะจ๊ะน้องสาว ไปวันไปกินข้าวดีกว่าหิวแล้ว” แก้วกัลยาเดินหนีไป รักจิรามองวันวิวาห์ที่พยักหน้า ตอนอากงมาเธอก็อยู่ อากงกำลังกดดันพวกเธอแล้ว เธอเองก็รู้ว่าอากงไม่ใช่คนไม่รู้อะไร ถึงกล้าตอบตกลงแบบนี้ เพราะโอกาสของพวกเธอมันแทบไม่มีเลย
“รัก คนที่รักไม่มีวันลืมกลับมาแล้ว รักไม่เคยเปลี่ยนใจจากเขา ไม่เคยลืมเขา คิดดี ๆ นะรัก” วันวิวาห์เดินลงไปพร้อมกับคีตภัทร รักจิรามองสมุดบันทึกในมือ เมื่อเปิดออกก็เจอกับรูปใบหนึ่งที่คั้นอยู่ในหนังสือ เป็นรูปใบเดียวกับที่เธอได้จากอัสนีมาวันนี้
“ฉันอาจไม่เปลี่ยน แต่นายล่ะสายฟ้า จะเปลี่ยนไปแค่ไหน”
...ติดตามตอนต่อไป...
สวัสดีค่ะ หายไปเสียนาน พบกันอีกแล้วในตอนใหม่
วันนี้นำตอนมาเสิร์ฟเพิ่ม ช่วยกันติดตามและคอมเม้สน์ด้วยนะคะ
จะได้มีตอนสนุก ๆ มาฝากกันเยอะ ๆ
พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 ก.ค. 2557, 19:50:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 ก.ค. 2557, 19:50:12 น.
จำนวนการเข้าชม : 1412
<< 18 แขกผู้มาเยือน | 20 วันวิวาห์ วันวิวาท >> |
แว่นใส 26 ก.ค. 2557, 21:00:16 น.
อยากรู้เหตุผลจัง เกิดอะไรขึ้นในอดีต
อยากรู้เหตุผลจัง เกิดอะไรขึ้นในอดีต
นักอ่านเหนียวหนึบ 27 ก.ค. 2557, 00:19:37 น.
อ่าว นี่คบๆ เลิกๆ มาหลายรอบเลยเหรอนี่ โอ้วววว ปมหย่ายยย
อ่าว นี่คบๆ เลิกๆ มาหลายรอบเลยเหรอนี่ โอ้วววว ปมหย่ายยย
แก้วจินดา 27 ก.ค. 2557, 10:53:59 น.
ว่าแล้วต้องมีอดีตที่คาดไม่ถึงแบบนี้
ว่าแล้วต้องมีอดีตที่คาดไม่ถึงแบบนี้
yimyum 27 ก.ค. 2557, 12:16:37 น.
ได้แล้วว่าอดีตของรักเป็นอย่างไร^^
ได้แล้วว่าอดีตของรักเป็นอย่างไร^^