แก้วขวัญวันรัก
เรื่องราวของสี่สาวพี่น้องที่ต้องตามล่าหาแฟนให้ได้ภายในสามเดือน ก่อนที่จะถูกจับคลุมถุงชนกับเจ้าบ่าวที่ไม่เคยเห็นหน้า ดังนั้นภารกิจ และปฏิบัติการลับของการตามหาแฟนจึงเริ่มข้น
แต่ติดปัญหาที่แก้ไม่ตกนั่นคือ

คนหนึ่ง ขี้เหวี่ยงขี้วีน คบกับผู้ชายได้ไม่เกินหนึ่งวัน ผู้ชายคนนั้นต้องหนีเปิง เจ้าของฉายา
“สวยเหวี่ยงวีน”

คนหนึ่ง ซุ่มซ่ามจอมโก๊ะ เจ้าของฉายา “สาวโก๊ะมหาวิบัติ”

คนหนึ่ง ด้านชาต่อความรัก ไร้ความรู้สึกกลับความรัก เจ้าของฉายา “ดอกไม้น้ำแข็งไร้อารมณ์”

และอีกคนหนึ่ง สาวสวยหมดเท่ แต่ใจเธอคือหญิงแท้ แต่กลัวการมีความรัก เจ้าของฉายา
“เจ้าสาวกลัวฝน”

Tags: สี่สาว รักแท้ ความรัก การตามหา

ตอน: 20 วันวิวาห์ วันวิวาท


20
วันวิวาห์ วันวิวาท



สามวันต่อมา เหตุการณ์วีนัสสงบลง แต่ข่าวของภีม แบร์ นก และคีตภัทรยังคงเป็นประเด็นให้นักข่าวขุดคุ้ย วันวิวาห์ขับรถพาคีตภัทรมาถึงระยอง จังหวัดเล็ก ๆ ที่มีอาณาเขตติดกับทะเล วันวิวาห์ขับรถแวะมาที่ตลาดสิทธิทรัพย์ ตลาดของอากงเธอเพื่อซื้อขนมไปฝากแม่ของเธอ คีตภัทรเดินลงตามหลังมาโดยยังสวมแว่นพรางหน้าไว้ เขาเดินตามวันวิวาห์มองเธอพูดคุยกับแม่ค้าอย่างสนิทสนม ตามจริงเธอก็ไม่ได้คุยแบบสนิทสนมขนาดพี่น้อง แต่เธอจะยิ้มบาง ๆ ทักทายแม่ค้าเหล่านั้นอย่างเป็นกันเอง

“คุณวัน” ป้าที่ขายขนมครกเอ่ยขึ้น วันวิวาห์หยุดเดินและยกมือขึ้นไหว้และเดินมาที่หน้าร้านของป้าอบ ป้าอบแคะขนมครกหน้าตาน่ารับประทานที่ส่งกลิ่นหอมของกะทิใส่ใบตองที่นำมาเย็บใช้แทนกล่องโฟม

“ว่าไงคะป้า วันนี้ขายดีไหมคะ”

“เหมือนเดิมจ๊ะ นี่ป้าฝากไปให้คุณวันวิภา แล้วอีกอันก็ของคุณหนูวันนะคะ” แล้วป้าก็ยืนกระทงขนมครกสองกระทงส่งให้วันวิวาห์ วันวิวาห์รับไว้เพราะไม่อยากปฏิเสธน้ำใจ เธอเคยปฏิเสธป้าแกทำหน้าน้อยและหาว่าดูถูกน้ำใจแก สุกท้ายวันวิวาห์ก็ต้องรับไว้

“ขอบคุณค่ะ วันกับแม่เกรงใจแน่เลยค่ะ” ป้าอบยิ้มและหันสายตาไปมองหนุ่มหล่อที่ยืนอยู่ข้างหลังวันวิวาห์ ดูเหมือนเขาจะมากับวันวิวาห์

“ไม้ต้องเกรงใจหรอกจ้ะ คุณหนูวันมีน้ำใจกับป้า ขนมแค่นี้เทียบไม่ได้หรอกค่ะ ว่าแต่หนุ่มหล่อข้างหลังนี่ใครกันคะคุณวัน อย่าบอกนะคะว่า...”

“มะ...ไม่...”

“ป้าปลื้มใจจริง ๆ คุณหนูวันมีแฟนแล้ว ยัยจั่น ยัยจอย ยัยมด ทุกคนคุณหนูวันมีแฟนแล้ว มาดูเร็ว แฟนคุณหนูวันหล่อมาก” ป้าอบตะโกนเสียงดัง ทำเอาวันวิวาห์พยายามห้าม พยายามปฏิเสธแต่ก็คงไม่ทันแล้ว เมื่อป้าแกเอาแต่ตะโกนแม่ค้าในตลาดที่เช้าแผงขายในตลาดทุกคนรู้จักหลานสาวทั้งสี่ขององกงสุนทร กิตติสรรพความสวยแต่กลับไม่มีแฟนเป็นที่เลื่องลือ เมื่อป้าอบตะโกนข่าวดีสุด ๆ ออกไปทั้งหมดก็พากันมารายล้อมคู่รักคู่ไฃใหม่ วันวิวาห์น้ำท่วมปากพูดไม่ออกมองหน้าคีตภัทรให้พูดสิ แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจเสียงอ้า ๆ อึง ๆ ของทั้งคู่ที่ต้องการจะอธิบาย

“ว่าแต่พ่อหนุ่มชื่ออะไรจ๊ะ หน้าคุ้น ๆ เหมือน เหมือนใครนะ”

“เหมือนคีตะไง” แม่ค้าคนหนึ่งทีเดินเข้ามาเอ่ยขึ้นมองใบหน้าที่ซ่อนอยุ่หลังแว่นกันแดดอันใหญ่

“ใช่ ๆ คีตะ ตายแล้ว นักร้องมาเที่ยวตลาด ถ่ายรูป ใครมีกล้องมายืมถ่ายหน่อยสิ” เสียงโวยวายดังขึ้น

“มะ...ไม่ใช่ครับ ผมไม่ใช่คีตะ ผมชื่อ...”

“คีย์ค่ะ คุณคีย์ เขาชื่อคุณคีย์ไม่ใช่คีตะ ใช่ไหมคุณ” วันวิวาห์หันไปมองหน้าเขา

“เอ่อ...ครับ ผมชื่อคีย์ ใคร ๆ ก็บอกว่าผมเหมือนคีตะ แต่ผมหน้าโหลครับ วันก่อนก็มีคนมาขอลายเซ็น น่าเสียดายที่ผมไม่ใช่ ถ้าใช่ผมก็อยากจะแจกลายเซ็นของผมให้แทน” แม่ค้าพากันทำหน้าเสียดาย แต่ก็ยังมีสีหน้าปลื้มที่คิดว่าวันวิวาห์มีแฟนแล้ว และแฟนก็หล่อยิ่งกว่าดารา

“จริงสิเนอะ ดาราคงไม่มาเดินตลาดเรา แหมดูไปดูมาพ่อหนุ่มหล่อกว่าคีตะอีก แทนกันได้” ป้ามดเอ่ย และเดินเข้ามาจับ จับหน้าจับตา วันวิวาห์ถอยห่างมองคีตะที่ยิ้มรับไม่ได้ปัดป้องรังเกียจรังงอนเหล่าคนแก่ที่พากันกรุเข้ามาจับต้องหน้าตา แขนเขาราวกับเขาหลุดมาจากสวนสัตว์เขาดินอย่างนั้นแหละ

“เราต้องไปแล้วนะคะ” วันวิวาห์เอ่ยขึ้น แม่ค้าพากันทำหน้าเสียดาย

“ผมขอตัวนะครับ ถ้าว่างผมจะแวะมาอีก” แล้วเขาก็เดินตามวันวิวาห์ไป

“คนที่นี่น่ารักนะครับ” วันวิวาห์พยักหน้า “คุณก็น่ารัก” วันวิวาห์พยักหน้า แต่เหมือนพึ่งนึกขึ้นได้ว่าเขากำลังชมอยู่แม้จะไม่ได้มีสีหน้าเขินอายเช่นผู้หญิงคนอื่นตามฉบับของสาวผู้เฉยชา แต่เธอก็รู้สึกแปลก ๆ คำพูดของเขาอาจจะเป็นคำพูดเรื่อยเปื่อยที่พูดออกมาเพราะมีความต้องการแอบแฝง เธอจะคิดแบบนั้นถ้าไม่หันมาเห็นเขายิ้มสว่างไสวทำให้วันวิวาห์ทำสีหน้าไม่ถูก ก่อนจะหันหน้าเมินหนีและเดินดุ่ม ๆ นำไป คีตภัทรทำหน้างง ๆ ว่าตัวเองทำอะไรผิดก็วิ่งตามไป

“ทำไมคุณวันชอบทำหน้าเหมือนโกรธ ไม่พอใจผมด้วยล่ะครับ ผมเคยทำอะไรให้คุณไม่พอใจหรือเปล่าครับ” วันวิวาห์ไม่ตอบ และเมินหน้าหนีเดินต่อ

“คุณวัน” เขาเอยและเดินตามหลังวันวิวาห์ แต่เหมือนเธอจะไม่ได้สนใจเขา

“คุณวันครับ”

“คุณวัน”

“คุณช่วยเดินตามมาเงียบ ๆ ได้ไหมคะ ไม่ต้องพูด ฉันชอบเดินเงียบ ๆ” วันวิวาห์หันมาเอ่ย สีหน้าที่เคยนิ่งดูจะครุกรุ่นแปลก ๆ แต่เขาก็พยักหน้า เสียงของเขาเงียบลง วันวิวาห์เดินมาถึงรถ และ

“คุณวันครับ” วันวิวาห์ถอนหายใจและหันไปมอง ก่อนจะชะงักเมื่อเขามายื่นอยู่ด้านหลังห่างจากเธอไม่มาก ในมือถือดอกกุหลาบสีแดงยื่นให้กับเธอ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงจะทำหน้าซึ้ง และรับดอกไม้จากหนุ่มหล่อคนนี้อย่างไม่เกี่ยงงอน วันวิวาห์มองดอกไม้สลับกับหน้าของเขาและเอ่ยขึ้น

“คุณควรจะรู้ไว้นะคะ ฉันไม่ชอบดอกกุหลาบ” วันวิวาห์เปิดประตูขึ้นรถไปทันที ส่วนคีตภัทรก็ยืนนิ่งอึ้ง ไม่รับดอกไม้แล้วยังไมตรีเธอสักนิดเลย เขาถอนหายใจ ยังไม่ทันลงมือจีบจริง ๆ ดูเหมือนสาวก็ไม่เล่นด้วยเสียแล้ว เธอเย็นชากว่าที่คิดไม่มีตอบอย่างประนีประนอมน้ำใจเลย

“จะไปไหมคะคุณคีตะ” วันวิวาห์เลื่อนกระจกลงและถาม

“ไปครับ” เขาเดินอ้อมไปขึ้นรถ และมองส่งข้างทาง

“คุณวันครับ ผมหิวข้าว เมื่อเช้าคุณรีบพาผมออกมาผมยังไม่ได้กินข้าวเลยครับ เราแวะกินข้าวก่อนได้ไหมครับ ผมเห็นร้านข้าวมันไก่ข้างหน้า น่าจะอร่อยคนเต็มเลย” วันวิวาห์เหลือบมองผู้ชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ อย่างเบื่อหน่าย และจอดรถลงที่หน้าร้านข้าวมันไก่เจ้าดังของจงหวัดที่ตั้งอยู่ข้างทาง แม้จะมีลูกค้าเยอะรวยแล้วแต่ร้านยังคงเปิดขายข้างทางให้คนทุกชนชั้นทุกฐานะเข้ามานั่ง

“คุณกินได้แน่นะ”

“ทำไมผมจะกินไม่ได้ล่ะ ไปครับผมหิวแล้ว” วันวิวาห์มองร้านข้ามมันไก่ที่แม้จะสายแล้วแต่ก็ยังมีคนนั่งกินอยู่แทบทุกโต๊ะ เหลือเพียงโต๊ะเดียวที่ว่างอยุ่คือโต๊ะกลางร้านที่คนพึ่งลุกออกไป เด็กรับออเดอร์วิ่งเข้ามาจดเมนู


“ข้าวมันไก่ไม่เอาหนัง ใส่แตงกวากับขิงเยอะ ๆ นะคะ คุณล่ะ” วันวิวาห์สั่งด้วยความเคยชิน

“เอาเหมือนคุณผู้หญิงคนนี้เลยครับ” คนจดเมนูพยักหน้ารับและเดินไป ไม่เกินห้านาทีข้าวมันไก่สองจานมาวางเสิร์ฟ เสียงเอะอะโวยวายของคนกลุ่มหนึ่งดังขึ้นและมานั่งแทนโต๊ะเก่า วันวิวาห์เงยหน้าขึ้นมอง กลุ่มเด็กช่างกำลังมองมาทางเธอและเลยข้ามไปข้างหลัง วันวิวาห์เริ่มรู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ได้ วันวิวาห์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถือและมองเงาที่สะท้อนมาจากข้างเป็นเด็กช่างอีกกลุ่ม เธอเงยหน้าขึ้นมองคีตภัทร

“เฮ้ย วันนี้สงสัยจะดวงซวยแต่เช้าว่ะ เจอพวกตะกวดขี้แพ้เว้ย” เสียงจากฝั่งข้างหลังคีตภัทรดังขึ้น

“เฮ้ย วันนี้สงสัยข้าจะลืมกรวดน้ำว่ะ ไอ้พวกเจ้ากรรมขี้โกงมันถึงตามมาไม่เลิก” ครั้งนี้เป็นเสียงจากฝั่งข้างหลังวันวิวาห์ คีตภัทรมองหน้าวันวิวาห์ที่มองเขาอยู่ เขายิ้มให้เธอและเอ่ยขึ้น

“ผมว่าเรารีบกินแล้วลี้ภัยเถอะครับ เขาจ้องกันแบบทะลุหลังพวกเรา ลางสังหรณ์ผมบอกว่าอันตรายครับ” วันวิวาห์พยักหน้าอย่างเห็นด้วย ข้าวมันไก่สุดอร่อยหมดรสชาติลงทันทีที่สัญญาณอันตรายร้องเตือน

“ไอ้พวกขี้ขลาดเอ้ย ถ้าไม่ขี้โกงใช้มีด พวกมันแพ้แล้ว มีหน้ามาบอกว่าตัวเองเก่ง”

“พวกมึงดีตายล่ะ ท้าพวกกูที่คนน้อยกว่า พวกมึงเองก็มีอาวุธเหน็บอยู่รออยู่แล้ว ถึงกูไม่ใช้มึงก็ต้องใช้ คนที่ขี้ขลาดพวกมึงนั่นแหละไอ้ฟายสัน” ครั้งนี้ดูเหมือนทั้งสองจะเริ่มเปิดฉากทะเลาะกันแล้ว โดนเปิดฉากทะเลาะกันด่าผ่านข้ามหัวเขาและเธอ

“แล้วทำไม กูก็ดีกว่าพวกมึงแหละ พวกกูอยู่ของกูดี ๆ ใครให้พวกมึงล้ำเส้นมาจีบเด็กกูล่ะ ไอ้ดิน”

“เด็กมึงหรอ น้องเค้ายังไม่ตกลงคบกับมึงจะเป็นเด็กมึงได้ยังไง ไม่มีน้ำยาจีบน้องเค้าแล้วยังจะกันท่า ไอ้อ่อนเอ้ย” เด็กชื่อดินโต้กลับ พลันฝั่งนายสันไม่ยอมปะทะคารมอีกแล้วคว้าจานข้าวมันไก่ลอยละลิ่วไปตกกลางวงโต๊ะของดิน ทั้งโต๊ะลุกขึ้นยืนและหันไปมองคู่กรณี

“มึงคิดว่ามึงทำได้คนเดียวหรือไงวะ” และเก้าอี้ก็ลอยผ่านหัวของคีตภัทรและวันวิวาห์ไปใส่กลางวงของโต๊ะนายสันบ้าง ทั้งโต๊ะลุกขึ้นยืน ทั้งสองกลุ่มกำลังยืนจ้องตากันอย่างเอาเป็นเอาตาย และเดาว่าอีกไม่ถึงหนึ่งนาทีระเบิดต้องลงแน่นอน คีตภัทรมองหน้าวันวิวาห์และพยักหน้าให้ลุกขึ้น ทันทีที่ทั้งสองลุกขึ้นจะเดินออกจากโต๊ะ

“ลุยเว้ย!!!” เสียงหัวหน้ากลุ่มทั้งสองฝั่งดังขึ้น ลูกค้าในร้านวิ่งงกรูออกจากร้านหมดแล้ว คีตภัทรและวันวิวาห์ที่ไม่ทันวิ่งไปไหนเพราติดอยู่ตรงกลางระหว่างกลุ่มเด็กวัยรุ่นทั้งสอง ทั้งร้านมีแต่พวกเด็กช่างจากทั้งสองฝั่ง และพวกเขากำลังกรูเข้าหากันพร้อมอาวุธครบมือ คีตภัทรวิ่งอ้อมเก้าอี้เข้าไปคว้าตัววันวิวาห์ที่ยืนนิ่งเหมือนช็อคกับเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทของวัยรุ่นสองกลุ่ม

“ไปครับคุณวัน” คีตภัทรกำลังจะวิ่งหาวันวิวาห์ไป แต่เขาหันไปเห็นเด็กหนุ่มที่โยนโม้หน้าสามมาทางเขาและวันวิวาห์ ซึ่งจุดหมายของไม้คือคู่อริด้านหลัง แต่เพราะพวกเขายืนขวางทางอยู่จะวิ่งก็หลบไม่ทันแล้ว เขาจึงรวบตัววันวิวาห์เข้ามาไว้ในอ้อมกอดตัวเองและเองตัวรับไม้ที่ลอยมา

พลั่ก

“คุณคีตะ” วันวิวาห์ที่หลบอยู่ในอ้อมกอดของเขาร้องเสียงตกใจ เพราะเธอได้ยินเสียงกระแทก ก่อนที่เด็กสองกลุ่มจะสร้างความวุ่นวายไปมากกว่านี้ เสียงรถตำรวจก็ดังขึ้น เด็กสองกลุ่มแตกฮือ วิ่งกระจัดกระจายหายไปคนละทิศละทาง เหตุการณ์วุ่นวายสงบลง วันวิวาห์ตัวออกจากอ้อมอกของคีตภัทร และมองแขนของเขาที่มีเลือดไหลอาบ วันวิวาห์มองไม้หน้าสามที่มีตะปูยื่นออกมาที่ตกอยู่บนพื้น ที่ตะปูมีรอยเลือดบอกให้รู้ว่ามันมาจากคีตภัทรแน่นอน

“คุณคีตะ ไปหาหมอค่ะ”

“ไปทำไมครับ แค่นี้เอง”

“แค่นี้อะไรกัน คุณจะเป็นบาดทะยักเอานะคะ ไม่รู้ว่าตะปูนี่จะมีเชื่อโรคไหม ไปค่ะ ถ้าเกิดคุณเป็นอะไรแก้วด่าฉันแน่ ไปเร็ว” วันวิวาห์ร้อนรนดึงตัวคีตภัทรให้ขึ้นรถและรีบพาไปโรงพยาบาล จนหมอบอกว่าแผลไม่ได้ติดเชื้อ และไม่เป็นอะไรมาก วันวิวาห์จึงคลายท่าทีลง

“ทีหลังคุณอย่าทำแบบนี้อีกนะคะ”

“ทำแบบไหนครับ” คีตภัทรถามขณะเดินกลับไปขึ้นรถ ด้วยสภาพที่มีผ้าพันที่หัวไหล่ ซึ่งเธอเป็นหมอ คุณหมอเลยอนุญาตให้เธอทำแผล เปลี่ยนผ้าพันแผลได้ไม่ต้องมาถึงคลินิก

“ก็เอาตัวมาบังแบบนี้ ถภ้าเกิดบังเอิญไอ้ที่ปามามันเป็นมีดคุณคงได้นอนหยอดน้ำเกลือไปแล้ว”

“ถ้าผมทำแบบนั้นเค้าก็หาว่าผมไม่แมนสิ”

“แต่ถ้าคุณตาย ไอ้เรื่องแมนไม่แมนมันไม่สำคัญอีกแล้ว บรรดาแฟนคลับคุณได้มาฆ่าฉันแน่ เพราะฉันเป็นต้นเหตุ เอาล่ะต่อไปอย่าทำแบบนี้ บอกเลยนะคะ ฉันไม่ชอบผู้ชายโชว์แมน” แล้ววันวิวาห์ก็เดินทิ้งห่างเข้าขึ้นรถไป เขาเองก็อยากจะบอกที่เขาทำไม่ได้จะโชว์แมน เขาแค่อยากช่วยเธอ เขาทำตามสัญชาตญาณ คงจริงอย่างที่หมอยิหวาบอก วันวิวาห์ไม่มีทางเข้าใจความรู้สึกที่ละเอียดละอ่อนที่เรียกว่ารัก เธอจะมองมันอย่างด้านชาและเย็นชา





วันวิวาห์จอดรถลงที่หน้าบ้านพักแห่งหนึ่ง ฝั่งตรงข้ามของถนนอีกฟากคือทะเลสีตรามสวย บ้านพักของวันวิวาห์อยู่ท่ามกลางสวนมะม่วน เมื่อขับรถผ่านสวนเล็ก ๆ เข้าไปก็จะเจอกลับบ้านพักเล็ก ๆ หลังหนึ่งรอบ ๆ ตัวบ้านปลูกพืชผักสวนครัวไว้ อีกด้านหนึ่งปลูกไม้ดอกสีสันสวยงาม

“ที่นี่”

“บ้านแม่ฉัน แถวนี้เป็นหมู่บ้านชาวประมง เดินเลยไปก็จะเจอกับพวกชาวบ้านแถว ๆ นี้ คงไม่มีใครคุ้นหน้าคุ้นตาคุณหรอก” วันวิวาห์เดินนำเข้าไปในบ้าน

“คุณหนูวัน” เสียงป้าจิตร แม่บ้านที่จ้างมาดูแลบ้านและแม่ของเธอดังขึ้น

“สวัสดีค่ะป้าจิตร แม่ล่ะคะ”

“นั่งร้อยมาลัยถวายพระอยู่ที่สวนหลังบ้านค่ะ” วันวิวาห์หันไปมองคีตภัทรที่ถือกระเป๋าเดินลงมา จิตรหันไปมองหนุ่มแปลกหน้าที่เดินเข้ามาหยุดยืนด้านหลังวันวิวาห์

“นี่คุณคีตะ ที่วันบอกว่าจะมาพักบ้านแล้วสักพัก คุณคีตะนี่ป้าจิตร เป็นคนดูแลบ้าน แล้วก็เป็นคนสนิทของแม่ฉัน” คีตภัทรยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม ป้าจิตรรับไหว้และยิ้มอย่างชอบใจหนุ่มหล่อที่มีหน้าหวานเหมือนผู้หญิงที่ไม่ได้มือไม้แข็งแบบวัยรุ่นสมัยใหม่ และวันวิวาห์ก็บอกเธอแล้วว่าคีตภัทรเป็นนักร้อง เธอเองก็ไม่รู้จักนักร้องสมัยใหม่เท่าไหร่ แต่พอเห็นตัวจริงเธอพึ่งรู้ว่าคนมีออร่ามันเป็นอย่างนี้

“เดี๋ยวป้าให้คนเอาของไปเก็บให้ พาคุณคีตะไปพบคุณวันดีไหมคะ” วันวิวาห์ทำหน้าไม่แน่ใจ แต่ป้าจิตรกลับเดินจับมือคีตภัทรและลากเดินตามเข้าไปทันที คีตภัทรเดินตามป้าจิตรเข้าไปด้านหลังบ้าน หลังบ้านจัดเป็นสวยเล็ก ๆ มีโต๊ะไม้ชุดหนึ่งที่จัดตั้งอยู่ใต้ต้นกะสะลองขัดกับต้นมะม่วงโดยรอบ รอบ ๆ มีไม้ประดับสีสวยเมื่อนมองชวนให้เย็นตาเย็นใจ ด้านหลังส่วนที่เป็นส่วนเล็ก ๆ ออกไปเป็นสวนมะม่วงเล็ก ๆ ของบ้านหลังนี้ คีตภัทรเบนสายตากลับมามองผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนรถวีลแชร์ใต้ต้นกาสะลอง ผู้หญิงคนนั้นแม้จะดูมีอายุแล้วแต่ก็ยังคงท่าทีสง่างามดั่งนางพญาเอาไว้ ใบหน้านิ่งสงบดูเยือกเย็นนั้นคุ้นตาคีตภัทรเหลือเกิน แม้ใบหน้าของเธอจะดูนิ่งสงบ แต่ดวงตาของผู้หญิงคนนั้นกำลังเศร้าจับหัวใจ ดูทุกข์ระทมอย่างถึงที่สุด

“โอ๊ย!!!” เสียงร้องดังขึ้นทำลายความเงียบโดยรอบให้จบลง

“แม่” วันวิวาห์ถลาวิ่งนำหน้าเขาขึ้นไปหาผู้หญิงคนนั้น คีตภัทรนึกออกในทันทีที่ได้ยินสรรพนามที่วันวิวาห์เอ่ยเรียกหญิงในร่มไม้ ก็วันวิวาห์ถอดแบบมารดาของเธอออกมาราวกับพิมพ์เดียวกัน เพียงวันวิวาห์อาจเป็นภาพวาดในวัยสาวของวันวิภาบนรถวีลแชร์
“แม่ไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

“แค่เข็มตำนิ้วนิดเดียวแม่ไม่เป็นอะไรหรอกวัน”

“พอแล้วค่ะ วันไม่ให้แม่ทำแล้ว ป้าจิตรคะเก็บของ วันจะพาแม่เข้าบ้าน” วันวิภามองลูกสาว และยิ้มออกมานิด ๆ แต่รอยยิ้มของเธอดูเศร้าเหลือเกิน

“แม่พึ่งออกมาได้แป๊บเดียวเอง แล้วถ้าไม่ร้อยมาลัยพรุ่งนี้แม่จะเอาที่ไหนไปไหว้พระล่ะวัน” วันวิวาห์ถอยหายใจ ยึดของมาถือไว้เอง

“เดี๋ยววันทำเอง วันนี้แม่ต้องเข้าบ้านได้แล้ว แม่หน้าซีดแล้วนะคะ”

“ป้าขอขัดจังหวะนะคะคุณหนูวัน คุณวันคะ วันนี้คุณหนูวันพาแขกมาบ้านเราค่ะ นี่ไงคะ” ป้าจิตรดันให้คีตภัทรเดินมายืนด้านหน้า คีตภัทรยกมือขึ้นไหว้วันวิภา ซึ่งวันวิภาก็คลี่ยิ้มน้อย ๆ และรับไหว้

“คุณคีตะ นี่คุณวันวิภาแม่ของคุณหนูวันค่ะ คุณวันคะ นี่คุณคีตะ เพื่อนของคุณหนูวันที่จะมาพักบ้านเราค่ะ สงสัยสองอาทิตย์นี้บ้านเราต้องครึกครื้นแน่ ๆ ว่าไหมคะคุณวัน” วันวิภายิ้มและมองหนุ่มหล่อที่กำลังมองหน้าเธออยู่

“ยินดีต้อนรับนะจ๊ะ อยู่ที่นี่ก็ตามสบายไม่ต้องเกรง คงไม่มีใครมาวุ่นวาย แถวนี้คนกันเองทั้งนั้น”

“ขอบคุณคุณป้ามากนะครับที่ให้ผมมาพักที่นี่”

“คนเดือดร้อนก็ต้องช่วย มัวแต่คุย เดินทางมาคงเหนื่อยน่าจะพักได้แล้ว วันพาคุณคีย์ไปดูห้องสิลูก” วันวิวาห์ส่งตระกระจาดให้กับป้าจิตรและเดินพาคีตภัทรเข้าไปในบ้านอย่างเลี่ยงไม่ได้ วันวิภามองตามลูกสาวไป

“คุณวันคิดเหมือนดิฉันไหมคะ”

“ไม่รู้สิ ควรจะบอกหนุ่มนักร้องคนนั้นให้เตรียมใจไว้บ้างก็ดี”

“แต่ดิฉันว่าบางทีคุณคนนี้อาจจะช่วยรักษาคุณหนูวันได้นะคะ คุณคีย์คนนี้ดูไม่เหมือนใคร” จิตรเอ่ย

“ฉันก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะฉันแท้ ๆ เลย วันถึงเป็นอย่างนี้ ฉันเป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่อง ก็สมควรแล้ว ที่...”

“พอแล้วค่ะคุณวัน กลับเข้าห้องดีกว่าค่ะหน้าคุณดูซีด ๆ อย่างที่คุณหนูวันว่า ถ้าคุณเป็นอะไรไปอีกคน คุณหนูวันจะเสียใจมากแน่ ๆ ค่ะ ถนอมร่างหายไว้บ้างนะคะ” จิตรเอ่ยและเข็นวีลแชร์เข้าไปในบ้าน





แก้วกัลยานั่งมองภาพสเก็ตซ์ในมืออย่างครุ่นคิด วันนี้เธอเลือกที่จะไม่ไปกวนใจเพทาย ทั้งที่อยากไปใจจะขาด แต่ติดที่ว่าวันนี้เธอต้องนั่งดูหลักฐานเพื่อช่วยเขา วันนี้เธอนั่งมองภาพสเก็ตซ์และวีดีโอสลับกันไปมองเกือบทั้งวัน ดูเหมือนจะได้เรื่องขึ้นมาบ้างแล้ว จังหวะนั้นก็มีเสียงเท้าคู่หนึ่งเดินลงมาข้างบน แก้วกัลยาตวัดสายตาขึ้นมองก็เห็นว่าเป็นรักจิรา เธอทำสีหน้าแปลกใจนิด ๆ ที่เห็นรักจิราไม่ไปทำงาน ที่น่าแปลกคือชุดที่ใส่ยังเป็นชุดนอน เหมือนพึ่งตื่น นี่ก็จวนจะสองโมงแล้ว แต่เจ้าตัวดูไม่กระตือรือร้นสักนิด

“วันนี้ไม่ไปทำงานหรอ นี่มันจะสองโมงแล้วนะ โดดงานระวังนายสายฟ้าจะตามมาโวยที่บ้านนะ” แก้วกัลยาถามหันไปมองเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้าจ้องหน้าจอโน็ตบุ๊คต่อ

“ลาป่วย” รักจิราตอบกลับไป

“แต่แกก็ปกติดีนี่” แก้วกัลยาละสายตาจากหน้าจอขึ้นมามองอีกครั้ง รักจิรายักไหล่ใส่ และเดินมานั่งข้าง ๆ และมองภาพสเก็ตสลับกับหน้าจอคอม ก่อนจะ

“อี๋ เจ๊แก้ว ตัวโคตรลามกเลย นั่งดูคลิปโป๊กลางวันแสก ๆ อารมณ์เปลี่ยวหรือไง”

โป๊ก!!!

“โอ๊ย เจ๊แก้ว” รักจิราร้องเมื่อโดนมะเหงกลูกใหญ่จากมือของญาติผู้พี่

“ฉันกำลังสืบหาความจริง คลิปนี่เป็นคลิปที่นายภีมโดยแบล็กเมล์ข้อหาข่มขืนไงล่ะ มองมุมข้าง ๆ ก็มีส่วนคล้ายอยู่หรอก แต่ห้องมันมืด ๆ ทึบ ๆ แต่ที่ฉันดูมันนี่ต่างหาก แกมองสิไอ้รักแกเห็นอะไรที่ต้นคอนานภีมนี่ไหม” รักจิรามองภาพที่แก้วกัลยาตั้งใจซูมให้เห็น ก่อนจะ

“รอยสัก”

“ใช่ และนายภีมนั่นเป็นนักร้องแบบลุคแบดบอย แต่ไม่เคยสักที่ต้นคอ ฉันเลยลองมาดูให้ชัด ๆ ฉันเอาภาพนี้ไปเทียบกับภาพภีมที่ถ่ายแบบหันหลัง ภีมมีรอยสักแค่ที่แขน แต่คอเขาไม่มี เป็นไปได้ว่าคนในคลิปอาจจะไม่ใช่ภีม”

“อาจจะเพ้นท์ก็ได้”

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ”

“ถึงหลุดข้อหานี้ได้แต่ข้อหาฆาตกรรมล่ะ ภีมไม่บอกแม้แต่ว่าตอนเกิดเหตุตัวเองอยู่ที่ไหน บอกแต่ว่าตัวเองเมา คืนนั้นออกไปเที่ยว พูดจาวกไปวนมา จนไม่น่าเชื่อถือ”

“นั่นแหละที่เราต้องรู้ว่าคืนนั้นภีมไปไหนมาแม้แต่ผู้จัดการก็ไม่รู้ ฉันจะไปหาภีมวันพรุ่งนี้ ตอนนี้ฉันต้องรู้ก่อนว่าไอ้ผู้ชายในคลิปมันเป็นใคร ถ้าไม่ใช่ภีม”

“รอยสักแบบนี้ส่วนใหญ่คนไม่ค่อยสักหรอก เหมือนจะเป็นรอยสักเฉพาะ ตัวว่าไหมเจ๊แก้ว” รักจิราถาม และพยายามเพ่งมองรอยสักนั้นอีกครั้ง รอยสักรูปแมงป่องสองตัวที่ตัวหนึ่งหันหัวชนหางวนกันเป็นรูปวงกลม ตรงกลางเป็นตัวอักษรสลักคำว่า N.C

“ใช่ ตอนนี้ฉันให้คุณมงกุฎไปตามหาแล้วว่าไอ้ร้านที่สักรอยสักนี้มันมีกี่ที่กัน คงจะรู้บ่ายนี้แหละ ก่อนจะไปหาภีมฉันว่าจะไปร้านสักร้านนี้ก่อน แกไปกะฉันไหมรัก” รักจิราทำหน้านิ่ง

“ว่าไงไอ้รัก แกอย่ามาทำลีลา”

“ไปก็ได้ อยู่บ้านก็เซ็ง ๆ”

“แล้วแกลางานทำไม” รักจิราไม่ได้ตอบ เสียงออดหน้าบ้านดังขึ้น รักจิราหันไปมองแก้วกัลยาที่หันมามองหน้าเธอ เวลานี้บ้านเหลือเพียงสองสาว หนึ่งสาวก็ไปพักอาศัยอยู่ที่เกาะ อีกหนึ่งสาวก็พาน้องร้องดังหลบหนีไปพักอยู่ที่ระยอง ในบ้านจึงเหลือตัวขี้เกลียด กับคุณหญิง ที่ไม่ชอบหยิบจับอะไรถ้าไม่จำเป็น

“แกนั่นแหละไป ฉันแขนใส่เฝือกอยู่แกไม่เห็นหรอ”

“ตัวอย่ามาอ้างเลย ไอ้แขนก็ไม่ได้เป็นอะไร ขอแช่งนะให้คุณเพชรจับได้ โกรธจนไม่มองหน้า” แล้วรักจิราก็เดินออกไปเปิดประตู พาคุณมงกุฎเดินเข้ามา ในมือถือซองเอกสารซองหนึ่งเดินเข้ามาด้วย

“คุณมงกุฎ” แก้วกัลยาผลุนตัวลุกขึ้น

“ดิฉันไปที่ร้านที่สักนี้มาแล้วค่ะ นี่ข้อมูลที่เราได้มา” ตอนแรกแก้วกัลยากะจะเดินทางไปเอง แต่ตอนนี้ข้อมูลลอยมาหาเธอแล้ว มันช่างง่ายซะยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากเสียอีก แก้วกัลป์ยารับซองสีน้ำตาลนั้นมา รักจิราวิ่งอ้อมไปหลังโซฟาและยื่นหน้าเข้ามาดูอย่างสนใจ

“ผู้ชายในรูปชื่อ เอ็ม เป็นพนักงานในไนต์คลับแห่งหนึ่งค่ะ” คุณมงกุฎเอ่ยรายงานสิ่งที่ตนได้มา รักจิรามองเค้าโครงหน้าที่มีส่วนคล้ายกับภีมะอยู่ ถ้ามองข้าง ๆ เขาเหมือนภีมะมาก แต่ถ้ามองตรง ๆ ก็ไม่เหมือนเลยซะทีเดียว

“โห ไปหามาได้ไงนะไอ้คนจ้างเนี่ย”

“รอยสักนี่เป็นรอยสักเฉพาะหรือเปล่า”

“รอยสักนี้เป็นรอยสักของพนักงานของร้านไนต์คลับ เป็นร้านโฮสคลับแห่งหนึ่งในย่านสาทร พนักงานทุกคนจะมีรอยสักนี้เมื่อเข้ามาทำงาน โดยทางร้านจะติดต่อร้านสักร้านหนึ่งให้สักให้ นายเอ็มคนนี้ทำงานเป็นโฮสคลับมีร้านไนต์คลับ พึ่งจะมาทำงานได้สามเดือน คาดว่าอาจจะโดนว่าจ้างให้มาสร้างคลิปปลอมนั่นค่ะ เพราะนายคนนี้เหมือนจะเป็นหนี้พนันบอลด้วย มีเหตุจูงใจพอจะให้ทำงานนี้ได้”

“คุณมงกุฎไปได้ข้อมูลมายังไงคะ”

“อย่าทำโลกสวยนะรัก บางทีเงินก็ซื้อได้ทุกอย่าง กับคนบางคนจรรยายรรณวิชาชีพก็ไม่มีหรอก ยิ่งมีเงินก้อนใหญ่ล่อตาล่อใจแบบนี้” แก้วกัลยาบอก และอ่านข้อมูลของเอกฤทธิ์ หรือนายเอ็ม

“แล้วคืนนี้ไอ้หมอนี่จะมาทำงานไหม”

“จากที่สิบมา คืนนี้นายเอ็มคนนี้ลาหยุดมาหนึ่งอาทิตย์แล้ว บางทีอาจจะเก็บตัวตามคำสั่งของผู้ว่าจ้าง” แก้วกัลยาพยักหน้าและมองหน้ารักจิรา สายเลือดนักสิบกำลังเดือดพล่าน

“ที่อยู่ของไอ้หมอนี่ล่ะเจ๊แก้ว” แก้วกัลยาหยิบกระดาษอีกแผ่นออกมา ซึ่งมีที่อยู่ของเอกฤทธิ์อยู่ครบ

“เจ๊แก้ว” รักจิราเอ่ย แก้วกัลยาหันไปมองหน้ารักจิราเช่นกัน

“ขอบคุณมากนะคะคุณมงกุฎ เดี๋ยวจากนี้แก้วจัดการเอง วันนี้ฉันให้คุณมงกุฎกลับไปพักได้” มงกุฎมองอย่างไม่แน่ใจ คิดในใจว่าควรปล่อยสองสาวไปไหม ถ้าเกิดอันตรายขึ้นคุณสุนทรฆ่าเธอแน่

“ไปรัก” สองสาวพากันเดินออกไปข้างนอก คุณมงกุฎทำหน้าลังเลและมองโทรศัพท์



...ติดตามตอนต่อไป...


สวัสดีค่ะ คริ ๆ หายไปไม่นานเกินรอก็นำนิยายมาฝากอีกตอนแล้ว
หลังจากเปิดประเด็นของรักจิราไปบ้างแล้ว ยังไงใครอยากรู้สาเหตุการเลิกกันอีกครั้ง
ก็ต้องรอติดตามกันอย่างเหนียวแน่น เพระาจะได้รู้อย่างแน่นอน ขอบอกว่าแต่ละคู่ก็จะมีปมของตัวเอง

แต่วันนี้มาดูอีกหนึ่งสาวสวยที่ยังไม่เปิดตัวแบบเต็ม ๆ สักครั้ง แต่ใสตอนนี้ยังเปิดประเด็นของนางไม่มาก
ครั้งหน้าจะมาเปิดประเด็นของหนูวันกันแบบเต็ม ใครอยากรู้ปัญหาของนางก็ต้องรอติดตาม
แต่จะตอนหน้าหรือตอนไหนขออุบไว้ก่อน

ถ้าหายไปนานก็อย่าบ่นกันนะคะ ช่วงนี้ปัญหารุมเร้า
เลยไม่ค่อยได้แต่งแก้วขวัญให้เสร็จ ตอนที่เก็บไว้ก็ร่อยหรอ
ก่อนจะเปิดเทอมไรเตอร์จะต้องเร่งแต่งแก้วขวัญวันรักให้เสร็จ
เพราะอาจจะไม่มีเวลาแต่ง ยังไงก็ช่วยติดตามกันต่อไปนะคะ
สัญญาว่าจะมีตอนสนุก ๆ มาฝากกันอีกแน่นอน


ฝากคอมเม้นท์ด้วยนะคะ พบกันในตอนต่อไป



พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ก.ค. 2557, 16:09:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ก.ค. 2557, 20:32:18 น.

จำนวนการเข้าชม : 1501





<< 19 ความทรงจำหลังรูปภาพ   21 วิ่งสู้ฟัด >>
แว่นใส 31 ก.ค. 2557, 17:19:22 น.
น่าอิจฉาจริงเชียว


yimyum 31 ก.ค. 2557, 18:25:27 น.
ชอบวันวิวาห์อะ แต่ชื่อแม่ลูก อ่านแล้วงงมากค่ะ มันรู้สึกจะสลับกันนะคะ


นักอ่านเหนียวหนึบ 1 ส.ค. 2557, 20:46:46 น.
จะปล่อยสองสาวไปสู้รบกันแค่สองคนได้ จริงๆ เหรอ คุณมงกุฏ
หาคนขับรถ หรือ เกย์หนุ่มหล่อๆ ไปเป็นเพื่อนร่วมทางหน่อยม้าาา 555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account