ลิขิตพิศวาส
เธอสูญเสียรักครั้งแรกไปเพราะความ...ยาก
จึงคิดประชดรักที่ล้มเหลวด้วยความ...ง่าย
.
.
.
จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อเธอสลัดผู้ชายที่เป็นคนแรกของตัวเองไม่สำเร็จอย่างที่ตั้งใจ
ซ้ำเขายังเฝ้าตามติดเอาอกเอาใจทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ โดยที่เธอไม่ต้องการ !!

**********************************************

มันไม่ง่ายไปหน่อยหรือ ที่จะให้ทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากที่เธอทำให้เขาเกือบจะช็อคกับสิ่งที่ได้รับ
ซ้ำยังย้ำบอกให้เขาลืม ลืม และลืม เพราะเธอไม่แคร์ และกำลังจะจากไป
.
.
.
แม่ดอกไม้ริมทางคิดจะฟันเขาแล้วทิ้งอย่างนั้นหรือ
อะไรจะง่ายขนาดนั้น !! ฝันไปเถอะ เพราะเขาจะไม่ปล่อยเธอไป...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++

Tags: อาทิตะยะ สตาริศา

ตอน: ตอนที่ 11...เมื่อคำว่า*รัก*กลายมาเป็นคำต้องห้าม ระหว่างกัน...


ญรินดายังคงร้องไห้ ตั้งแต่นทีขอตัวกลับ ผ่านมาแล้วกว่าชั่วโมงเธอก็ยังไม่หยุดร้อง
นทีไม่เคยลืม เขายังคงพร่ำบอกความรู้สึกที่มีต่อผู้หญิงที่เขารัก กับเธอ
ยังพร่ำเพ้อถึงความรักที่คาดหวังไปถึงขั้นแต่งงานกับผู้หญิงที่เพิ่งจะขอเลิกกับเขาไปแล้ว กับเธอ
ในขณะที่เขาอยู่บนเตียงของเธอ ร่วมรักกับเธอ ดวงตาเขามองเธอ สองแขนของเขากอดเธอ แต่ในใจเขากลับคิดถึงผู้หญิงอีกคนที่ไม่ใช่เธอ...

เจ็บทุกครั้งที่ต้องแกล้งทำเป็นไม่รัก...เพราะเขาห้ามไม่ให้รัก

'อย่าเผลอมารักผมนะญาญ่า เพราะเมื่อถึงเวลาที่เราจะต้องจบ คุณจะได้ไม่ต้องเจ็บ'

ประโยคที่ผ่านมานานกว่าสามเดือน แต่กลับเรียกน้ำตาเธอได้ทุกครั้งที่นึกถึง
หัวใจเธอเจ็บ เจ็บมากจริงๆ ไม่ได้ต่างจากครั้งแรกที่ได้ยิน

..........

เสียงโทรศัพท์ดังอย่างต่อเนื่องเนิ่นนาน การโทรซ้ำอีกหลายต่อหลายครั้งแสดงว่าคนโทรไม่คิดจะล้มเลิกความพยายามที่จะติดต่อเธอ...

ญรินดาไม่อยากจะคุยอะไรกับใครในตอนนี้ เธอคว้าหมอนมาโค้งปิดหู และตั้งใจว่าจะคว้าโทรศัพท์มาปิดเครื่องไปเลย หากมันดังขึ้นอีกครั้ง...หลังจากที่เงียบไป และนานกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา

ก็อกๆ ก็อกๆๆ
โอ๊ย...อะไรกัน
ไม่ใช่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมากวนใจ แต่กลับเป็นเสียงเคาะประตูห้องที่ทำให้หงุดหงิดได้ไม่แพ้กัน...ร่างบางขยับลุก เดินไปคว้าเสื้อคลุมมาสวม ก่อนจะก้าวขาไปที่ประตู
มีเพียงสองคนเท่านั้นที่รู้ว่าเธออยู่ที่นี่ หนึ่งในสองมาแล้วและก็จากไปแล้ว
เพราะฉะนั้นคนที่อยู่หน้าห้องจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก...

"โอ้...แม่เจ้า"คำอุทานที่ไม่คิดจะปกปิดความรู้สึก เมื่อเห็นสภาพของเจ้าของห้องที่เดินออกมาเปิดประตู คือเสียงของผู้จัดการส่วนตัวที่รู้ใจของเธอนั่นเอง

"เกิดอะไรขึ้น ตาคู่สวยถึงได้บวมเป่งขนาดนี้"

คนถูกถามไม่ตอบ เป็นอันเข้าใจว่าไม่อยากตอบ ร่างเพรียวสมส่วนที่สวมเพียงชุดคลุมสีขาวที่มีเชือกผูกรัดรอบเอวเอาไว้หลวมๆ หันหลังเดินกลับไปยังห้องนอน หลังจากบอกให้คนที่มาเยือนเข้ามาในห้องและปิดประตู

"ญาญ่า..."เสียงเรียกที่ทำให้เท้าที่ก้าวเดินชะงัก

"พี่จี้อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้เลยนะ ญ่าอยากจะอยู่เงียบๆ"

"เอ่อ..."คนจะถามยกมือขึ้นเกาศีรษะแกรกๆเมื่อถูกห้าม แค่จะถามว่า...ให้ช่วยอะไรไหมเท่านั้นเอง ไม่ได้คิดจะละลาบละล้วงถามเรื่องส่วนตัวที่อีกฝ่ายไม่อยากจะเปิดเผยให้ใครรู้เลยจริงๆ....
แต่ในตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวที่มีโอกาสใกล้ชิดกับนางแบบในสังกัดทำให้จีรศักดิ์ หรือจีจี้ ที่คนในวงการเรียกขานได้รู้ได้เห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่มีทางเข้าถึงได้ในบางครั้ง... เพราะความใกล้ชิดและด้วยหน้าที่ที่เขาต้องดูแลทำให้เกิดความผูกพันและเห็นอีกฝ่ายเป็นเหมือนน้องใช่แค่ดาราในสังกัด ถ้าให้เปรียบญาญ่ากับนักแสดงในรุ่นเดียวกัน ก็นับว่าญาญ่าเป็นนักแสดงมากความสามารถที่มารยาทดีมากคนหนึ่งสำหรับการวางตัวในวงการ หากไม่นับรวมเรื่องส่วนตัวที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้

"ญ่าจะไปนอนต่อ พี่จี้มีอะไรเอาไว้คุยกันพรุ่งนี้นะ อ้อ...วันหลังไม่ต้องโทรหาญ่าเป็นสิบแบบนี้หรอกนะเพราะแค่สองสายแรกถ้าญ่าไม่รับ แสดงว่าญ่าไม่รับและไม่อยากจะคุย"พูดโดยไม่หันหน้ามามองคนพูด พูดจบก็เดินเข้าห้องไป ปล่อยให้คนถูกกล่าวหามองตามอย่างงงๆ

สิบสายอะไรวะ กดโทรหาแค่สองครั้งเองนี่หว่า...
นี่ใครทำให้คนสวยโดนด่าฟรีวะเนี่ย...

ญาญ่า ญรินดา นางแบบดาวรุ่งติดอันดับท็อปเท็นอยู่ในขณะนี้ เธอกำลังถูกจับตามองเรื่องความรักที่แอบซ่อน...กับหนุ่มนอกวงการที่ไม่มีใครรู้ว่าเขาคนนั้นคือใคร ด้วยไม่มีภาพข่าว ไม่มีข้อมูลหลักฐานยืนยันนอกจากเสียงลือเสียงเล่าอ้าง ข่าวที่เขียนถึงเธอจึงยังเป็นข่าวโคมลอยที่ไร้ร่องรอยต่อไป...

เพราะชื่อเสียงที่กำลังไปได้สวยทำให้ผู้ใหญ่สั่งเบรคเรื่องรักๆใครๆ และบอกให้เธอปิดปากเงียบเรื่องส่วนตัว แต่ถึงแม้จะไม่มีใบสั่งห้าม เธอก็ไม่เคยคิดที่จะเปิดเผย เพราะเหตุผลที่มากกว่าอะไรทั้งหมดคือ

...เขาไม่เคยรัก เธอจะเปิดเผยคนที่ไม่รักเธอให้คนทั่วประเทศรู้และมองเธอด้วยสายตาสมเพชไปทำไมกัน...
อีกอย่าง เธอคงหมดโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดกับเขา หากเรื่องมันแดงขึ้นมาโดยที่เขาไม่ต้องการ
..........

"พี่จี้! จะโทรทำไมหนักหนา หา...อยู่ใกล้แค่นี้"

เสียงตะโกนดังมาจากในห้องที่เปิดแง้มอยู่ เล่นเอาคนที่กำลังแชทสนุกอยู่กับบรรดาพวกพ้องและแฟนคลับที่ติดตามผลงานของดาราในสังกัดสะดุ้งโหยง...

"โอ๊ยๆๆ คุณน้องคะ เบิ่งตาหน่อยเถอะค่าว่าใครโทร อะไรๆก็โยนมาที่พี่จี้ ไม่แฟร์เลยนะค๊า..."คนถูกกล่าวหาตะโกนตอบ ก่อนจะหยิบมือถือของตัวเองเดินเข้าไปหาคนที่นอนอยู่ในห้อง

"ก็เบอร์นี้พี่จี้รู้คนเดียวนะ" อีกฝ่ายตะโกนตอบกลับมา เหมือนยังปักใจเชื่อว่าคนที่โทรเข้าหาคือผู้จัดการส่วนตัวที่ชอบแกล้ง...ชอบอำ ที่นั่งอยู่นอกห้องนั่น

"อยากรู้ว่าใครก็ลองรับสายสิคะ"เสียงพูดที่ดังขึ้นใกล้ๆ ทำให้คนที่นอนคว่ำฟุบหน้าอยู่กับหมอนยกศีรษะขึ้นเล็กน้อยเพื่อหันมามอง...มือถือที่ถูกแกว่งไปมาโชว์หน้าจอหราว่าไม่มีการใช้งานใดๆของผู้จัดการส่วนตัวที่ยืนอยู่ข้างเตียง ทำให้คนที่นอนอยู่ขยับลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิ ดวงตาช้ำแสดงออกว่าหงุดหงิดปนสงสัย ส่วนคนที่ยืนอยู่ก็ทำได้แค่ยักไหล่ไม่แคร์ประมาณว่า ฉันหลุดพ้นข้อกล่าวหาแล้วนะ... ก่อนจะเดินออกจากห้องไป เพื่อปล่อยให้คนที่อยู่ในห้องจัดการกับเสียงโทรศัพท์ปริศนานั่นเอาเอง...

ญรินดามองมือถือที่วางอยู่คู่กัน...ของตัวเอง
หนึ่งเครื่องที่ใช้ประจำถูกเธอกดปิดเครื่องไปแล้ว...ส่วนอีกเครื่องที่เธอไม่เคยบอกเบอร์ใครนอกจากผู้จัดการส่วนตัวที่ชื่อ จีรศักดิ์ ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง...
ใครกัน...อารมณ์โมโหทำให้เธอคว้ามือถือมากดรับสายโดยไม่ทันได้สังเกตเบอร์

"ฮัลโหล...เราเคยรู้จักกันรึไงถึงได้โทรเป็นร้อยสายขนาดนี้ อย่าบอกว่าโทรผิดเชียวนะ...เพราะมันเป็นอะไรที่ฟังไม่ขึ้น โทรผิดยังไงถึงได้กระหน่ำโทรขนาดนี้ บอกมานะว่าคุณเป็นใคร และรู้เบอร์ฉันได้ยังไง แล้วนี่ตกลงคุณรู้ไหมว่ากำลังโทรหาใคร..นี่คุณ!...จะเงียบอีกนานไหม ฉันถาม..."

หลังจากปล่อยให้คนรับสายพูดจนจบ หรือพูดเท่าที่อยากจะพูดและหยุดไปเอง...คนที่เป็นฝ่ายโทรไปจึงพูดขึ้น

"ญาญ่า...ผมเอง นัท"

"นัท!"อุทานเสียงดังไม่อยากจะเชื่อ เอะใจตั้งแต่อีกฝ่ายเรียกชื่อเธอนั่นแล้ว...

"ทำไม..."

"ทำไมผมถึงมีเบอร์นี้ของคุณน่ะเหรอ ก็เพราะผมไม่อยากพลาดการติดต่อกับคุณไง และ..."

"แล้วนัทมีอะไร โทรมาทำไม"ญรินดาไม่สนใจจะฟังว่าอีกฝ่ายได้เบอร์เธอมายังไง มากไปกว่า เหตุผลที่เขาโทรมาหาเธอทำไม...

"ผม...อยากจะขอโทษ"ดูเหมือนเขาจะพูดติดขัดไม่เต็มเสียงนัก
"เรื่องเมื่อตอนหัวค่ำ" แม้จะยังเดาเรื่องราวไม่ได้ แต่ญรินดากลับกำโทรศัพท์ในมือแน่น นทีเปิดประเด็นที่ทำให้หัวใจเธอปวดหนึบ อึดอัดเหมือนจะหายใจไม่ออก...กับการคาดเดาคำพูดของเขาต่อจากนั้น

"ตอนไหน เมื่อไหร่ เอาให้ชัดเพราะเมื่อตอนหัวค่ำ ญาญ่าไม่ได้รู้สึกโกรธ ก็เลยไม่รู้ว่าจะต้องยกโทษให้นัททำไม"

"ตอนที่ผมจูบ" ให้ตายสิ...เขาจูบเธอนับครั้งไม่ถ้วน แล้วมันจูบไหนล่ะ
"ตอนที่ผมจูบคุณครั้งสุดท้าย"ภาพต่างๆ ปรากฏชัดขึ้นมาในทันที ตามคำบอกเล่าของเขา

"อ๋อ"ไม่สามารถเปล่งเสียงอะไรไปได้มากกว่านั้น ในเมื่อความรู้สึกมันชาหนึบ

"ญาญ่า...คุณไม่ได้คิดมากใช่ไหม ไม่ได้คิดว่านั่นเป็นการแสดงออกที่เกิดขึ้นจากความรู้สึกที่เปลี่ยนไปของผมใช่ไหม"

"นัท...คุณหมายความว่ายังไง ช่วยพูดกับญาญ่าตรงๆได้รึเปล่า"

"ความรู้สึกของเรายังเหมือนเดิมใช่ไหมญาญ่า"

"ค่ะ...ยังเหมือนเดิม" ญรินดาตอบกลับหนักแน่น เมื่อเริ่มจะเข้าใจในความคิดกังวลของนที เขาพยายามที่จะติดต่อเธอเพื่อจะขอคำยืนยันว่า...ข้อตกลงระหว่างกัน ยังไม่เปลี่ยนแปลงนี่น่ะหรือ...

"ระหว่างเรายังเหมือนเดิมนะนัท ญาญ่าไม่ได้หวั่นไหวไปกับจูบที่ผิดที่ผิดทางของคุณหรอกน่า กลัวถูกรักมากขนาดนั้นเลยเหรอนัท ถึงได้รีบโทรมาน่ะ"

"ญาญ่า...คุณก็รู้ว่าเพราะอะไร"

"โอเคเข้าใจ...ญาญ่าไม่มีทางรักคุณ และไม่มีวันรัก สบายใจรึยังนัท"

"อย่าประชดผมสิ"

"ไม่ได้ประชด พูดจริงต่างหาก ญาญ่าไม่รักผู้ชายที่หัวใจเขาเต็มไปด้วยผู้หญิงคนอื่นหรอก มันเจ็บ"ใช่...เจ็บสาหัสเลยทีเดียว
"เพราะฉะนั้น ถ้าหัวใจของนัทยังไม่ว่างก็อย่ากลัว...ระหว่างเรามันแค่เรื่องสนุก"

"ไม่โกรธผมใช่ไหมที่โทรมาพูดเรื่องแบบนี้"

"ไม่ค่ะ เรื่องของความรู้สึกถ้าเคลียร์ให้มันเข้าใจตรงกัน อนาคตจะได้ไม่มีปัญหา"

"นั่นล่ะที่ผมอยากจะขอโทษ เพราะบางครั้งผมอาจจะเผลอทำอะไรไปแล้วทำให้ญาญ่าเข้าใจผิด...ญาญ่าไม่ต้องห่วงนะถ้าหากว่าคุณเจอคนที่ใช่ผมยินดีเสมอ"
ยินดีเสมอที่จะปล่อยเธอไปอย่างนั้นหรือ...
ญรินดากัดปากข่มเสียง ยกมือปาดน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มเพราะหมดเรี่ยวแรงจะกลั้น...

"เอาเป็นว่าญาญ่าเข้าใจ แค่นี้ใช่ไหม ธุระของนัท บายนะ" ประโยคสุดท้าย เธอพูดโดยไม่รอคำตอบจากปลายสาย ญรินดากดปุ่มวางเพื่อตัดบทสนทนาเมื่อรู้สึกว่ากำลังจะพูดไม่ออก ลำคอตีบตันจากก้อนสะอื้นที่ถาโถมขึ้นมา
แต่ในที่สุดก็เธอก็ปล่อยโฮ พร้อมกับเสียงสะอื้นปริมใจจะขาดเมื่อสุดกลั้น

ทำไม... พอเธอรู้จักที่จะรัก รักของเธอถึงได้มอบให้กับผู้ชายที่มีเจ้าของ
เพราะความเป็นเพื่อน เขาถึงได้พาตัวเข้ามาใกล้ชิดเพื่อปรึกษาปัญหาหัวใจเวลาทะเลาะกับใครคนนั้น
เพราะคำว่าเพื่อน เขาถึงได้วางใจไม่ปิดบัง และเปิดเผยทุกความรู้สึก...ทำให้เธอได้สัมผัสว่ายามที่เขามีรัก เขาน่ารักขนาดไหน...
เธอตกหลุมรัก...โดยไม่รู้ตัว

แม้พยายามจะตัดใจ แต่ก็ทำไม่เคยได้ จนกระทั่งวันหนึ่ง วันที่ทุกอย่างเกิดขึ้นโดยที่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่รู้ตัว เธอดื่ม เขาก็ดื่ม...เธอขาดความยับยั้งชั่งใจ ในขณะที่เขาเองก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งที่พอถูกกระตุ้นก็ยากจะข่มความต้องการ...

ความสัมพันธ์ของสองคนต่างเหตุผล...
หนึ่งคนรัก และเข้าใจ จึงยอมประกาศไม่อยากผูกมัดและพร้อมจะเก็บทุกอย่างเป็นความลับตลอดไป เพื่อหวังแค่จะได้ใกล้ชิด
ส่วนอีกหนึ่ง...แค่ความต้องการของร่างกาย จึงพอใจหากมันจะเกิดขึ้นโดยไม่มีข้อผูกมัดใดๆ เมื่อถึงเวลาที่เขาจะต้องไป เขาจะได้จากไปแบบง่ายๆ โดยไม่ต้องมีปัญหาและรู้สึกผิด

คำว่า รัก จึงกลายมาเป็นคำต้องห้าม...ระหว่างกัน

เสียงสะอื้นที่ดังขึ้นมาเป็นระลอก ทำให้คนที่นั่งอยู่นอกห้องหยุดมือที่รัวอยู่บนแป้นพิมพ์ และหันไปมองยังที่มาของเีสียง จีจี้ก้มลงพิมพ์ขอตัวออกจากการสนทนากับเหล่าเพื่อนฝูงแฟนคลับทั้งหลาย ก่อนจะสปริงตัวลุกขึ้นและเดินไปหาคนที่ส่งเสียงไม่เกรงใจเธอในทันที...

"อีหนู เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะเนี่ย"
"พี่จี้ นัทโทรมา" ประโยคสั้นๆ ที่ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรให้ยืดยาวก็เข้าใจ จีจี้รับร่างที่โผเข้ามาหารวดเร็วด้วยความรู้สึกเห็นใจท่วมท้น ไม่ผิดจากที่คิดไว้ ญรินดาคงไม่ได้เสียน้ำตาแค่ในวันนี้ หากเธอยังไม่คิดที่จะหยุด...
หยุดรักคนที่เขาไม่รักเรา...และยอมรับความจริงซะทีว่าต่อให้ทำดีและเอาใจแค่ไหน คนมันไม่รัก...ทำยังไงมันก็ไม่รักอยู่ดี
นี่ถึงกับยอมเอาตัวเข้าแลก ไหนล่ะไอ้ที่ได้กลับมา...น้ำตาทั้งนั้น!

แม้คิดอยากจะด่าให้สำนึก ว่าคนที่สมควรจะรักคือตัวเอง ไม่ใช่ผู้ชายที่เห็นแกตัววายร้ายอย่างนายนที ภัทรจักร...แต่พอเห็นคนในอ้อมแขนร้องไห้จนตัวโยน ไอ้ที่นึกอยากจะด่าจะว่าก็เป็นอันต้องปิดปากเงียบไปซะทุกครั้ง

ผู้ชายที่นอนกับผู้หญิงอีกคน แต่ปากกลับบอกรักผู้หญิงอีกคน...
มันน่ารักตรงไหนวะ... ถึงได้ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งคร่ำครวญรักได้ถึงขนาดนี้...
ไม่เจอกับตัวไม่เห็นกับตา เป็นไม่เชื่อเลยจริงๆ
ว่าจะมีผู้ชายประเภทนี้ในโลก!
..........

ป่านนี้แล้วยังกลับมาไม่ถึงบ้าน โทรไปก็ไม่รับสาย เกิดอะไรกับลูกสาวเธอหรือเปล่า จากแค่คิดก็เริ่มแสดงอาการกระวนกระวายใจ ขยับลุกขยับนั่งสลับกันจนคนที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์คล้ายกับสนอกสนใจหนักหนา ทว่าความจริงคือต้องการอยู่เป็นเพื่อนภรรยานั้นลดหนังสือพิมพ์ลง ดวงตาหลังแว่นมองตามภรรยาที่เดินไปเปิดม่านหน้าต่างชะเง้อมองไปทางหน้าบ้าน ก่อนจะกลับมานั่งถอนหายใจที่ทำให้คนที่ร่วมชีวิตกันมากว่ายี่สิบปีส่ายหน้าน้อยๆ เขารู้ว่าภรรยารักและเป็นห่วงลูกสาวมาก เขาเองก็ห่วงไม่น้อยไปกว่ากัน ยิ่งเมื่อได้รู้จากปากภรรยาว่าลูกสาวเพียงคนเดียวเพิ่งถูกหักอก ความห่วงก็ยิ่งเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว ...

ฝ่ายภรรยานั้นไม่ได้รู้ตัวเลยว่าการกระทำของตัวเองหาได้รอดพ้นสายตาของสามี พอคิดว่าอีกฝ่ายเอาแต่เฉยในขณะที่ตัวเธอนั่งไม่ติด จึงอดไม่ได้ที่จะส่งสายตามองค้อน แต่ครันพอหันมากลับพบว่าตัวเองถูกสามีจ้องอยู่ก่อนแล้ว

"อุ๊ย...แม่ทำให้พ่อรำคาญรึเปล่าคะ"

นายแพทย์ศิระเมื่อได้ยินประโยคคำถามของภรรยา ถึงกับชะงักมือที่กำลังจะพับหนังสือพิมพ์เก็บ ก่อนจะเอ่ยคำตอบสั้นๆว่า "มาก"

"ศิระ!"เข้าใจว่าคำตอบไม่ได้ทำให้คนถามพอใจนัก ภรรยาถึงได้เรียกชื่อสามีเสียงดัง พร้อมกับสะบัดหน้าพรืดและตั้งท่าจะลุกขึ้นเดินหนี หากแต่ข้อมือกลับโดนคนที่ถูกมองค้อนคว้าเอาไว้ก่อนจะได้ขยับ

"ใจเย็นน่าคีย์" ชื่อที่ไม่เคยถูกอีกฝ่ายเรียกมานานค่อนข้างสะดุดหู ทำให้คนที่ตั้งท่าจะลุกหนียอมที่จะนั่งลงตามเดิม หลังจากแต่งงานและให้กำเนิดลูกสาวตัวน้อย ที่พอพูดได้ ก็เรียกเธอว่า แม่จ๋าๆ ทำให้คำว่า แม่จ๋า กลายมาเป็นชื่อที่คนทั้งบ้านใช้เรียกเธอจนติดปากมากกว่าชื่อ ..คีย์ ที่ได้ยินในวันนี้

"ที่บอกว่ามาก พ่อหมายถึงพ่อเองก็เป็นห่วงลูกสาวมากๆ ไม่แพ้แม่จ๋าต่างหากล่ะ"
พร้อมกับคำอธิบาย ฝ่ายภรรยาก็ถูกสามีดึงเข้าไปโอบกอดและปลอบโยน

"ลองโทรอีกสักครั้งไหม...บางทีลูกอาจจะวางโทรศัพท์ไว้ไกลตัว หรืออาจจะลืมโทรศัพท์เอาไว้ที่ไหนรึเปล่า แกถึงไม่รับสาย"

"แต่นี่มันเลยเวลาที่แกจะต้องกลับมาถึงบ้านแล้วนะพ่อ ต่อให้ลืมโทรศัพท์ ยัยดาวก็ต้องหาทางโทรกลับมาบอกแม่สิ เพราะแกเคยสัญญากับแม่เองว่าจะไม่ทำให้แม่เป็นห่วงอีกแล้ว หลังจากที่แกเคยหายไปทั้งคืน เพราะต้องไปสัมมนาเร่งด่วนอะไรก็ไม่รู้เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วน่ะ"

"ลูกอาจไม่สะดวกที่จะโทร..." นายแพทย์ศิระยังคงหาเหตุผลขึ้นมาอ้าง เพื่อให้ภรรยาสบายใจรวมถึงตนเอง ที่พักหลังรู้สึกว่าความเป็นห่วงที่มีให้ลูกสาวนั้นมักจะเกิดขึ้นบ่อยๆ และมากกว่าที่ผ่านๆ มาชอบกล


~*~*~*~*~*~





เชิญคนอ่าน จิก กัด ติ ชม ได้ตามอัธยาศัย^^

ส่วนคนเขียนจะขอตัวไปบิ้วอารมณ์ต่อ...ยังไงก็ต้อง
ไปให้ถึงฉากคู่พระ-นางอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ให้ได้ >///<...
~~~

ปล.คนอ่านช่วยคนเขียนบิ้วได้ด้วยการกด like นะคะๆ 555
(ไม่ต้องทำตามก็ได้ค่ะ...ล้อเล่น :p)





ปิลันธน์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ส.ค. 2554, 05:44:23 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ต.ค. 2554, 00:44:31 น.

จำนวนการเข้าชม : 3562





<< ตอนที่ 10...ผมไม่เคยสนว่าระหว่างเราจะเริ่มต้นยังไง...   ตอนที่ 12...รักไม่มีเหตุผล รักไม่ต้องการเวลา[I]...100% >>
lovemuay 6 ส.ค. 2554, 09:02:15 น.
เป็นกำลังใจให้คนเขียนแล้วกันค่าา
ญาญ่าเองก็น่าสงสาร แต่เลวสุดยังไงก็นายนที


หมูบิน 6 ส.ค. 2554, 09:46:17 น.
like like like ka


anOO 6 ส.ค. 2554, 12:57:52 น.
อย่าบอกนะว่านายนทีจะกลับมาหาดาว
นิสัยแย่จริงๆๆๆๆ


หมูอ้วน 6 ส.ค. 2554, 14:33:19 น.
เอาใจช่วยหนูญาญ่ากับหนูดาว


แพม 6 ส.ค. 2554, 15:02:39 น.
ผู้ชายแบบนัทนี่ สารเลว!


omelet 6 ส.ค. 2554, 15:13:46 น.
ผู้ชายอย่างนัทนี่เลวจริง แต่ผู้หญิงอย่างญ่าก็น่ารังเีกียจอะ ผู้หญิงที่ยอมนอนกับแฟนคนอื่น อ้างแต่ว่ารักๆๆ จริงๆ ก็อยากแย่งมาเป็นของตัวเองแหละน่า


ธารณ์ 6 ส.ค. 2554, 15:27:14 น.
เง้ออออ ญาญ่าจะคู่กับนายนที หรือป่าวเนี่ย


violette 6 ส.ค. 2554, 21:50:57 น.
เอ่อ เห็นด้วยกับคุณออมเลตฮร่ะ ไม่ได้ดีไปกว่ากันหรอกคู่นี้
ถ้าญาญ่าไม่รู้ว่านัทมีแฟนแล้วก็ว่าไปอย่าง


ปูสีน้ำเงิน 7 ส.ค. 2554, 18:38:39 น.
มาเป็นกำลังใจกด like ให้ทุกตอนเลยค่ะถึงแม้จะไม่ได้เม้นทุกตอนก็เหอะ(ขออภัยอย่างแรง)


kaero 8 ส.ค. 2554, 12:15:00 น.
สั้นจัง แต่ก้อรออ่านต่อ


april 30 ก.ย. 2554, 13:38:31 น.
ความรัก หลากหลายรูปแบบ เกิดขึ้นได้ มุมมองความรักของคนเราต่างกัน แต่เชื่อเถอะ ใครๆก็รักตัวเองทั้งนั้น จริงไหมเอย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account