พิศสวาทในหลุมรัก
ที่ถูกต้อนจนมุมบาดเจ็บและจนตรอก และกระหายเลือด หญิงท้องแก่ใกล้คลอดผู้โชคร้ายคือ
เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายวันนั้น เธอยังไม่ทันได้คลอดออกมาเชยชม เธอกลับถูกฉีกกระชากคอเพื่อดื่ม
เลือดและกระชากลูกน้อยออกจากท้อง เพราะภาพเหตุการณ์ที่เลวร้ายทั้งหมด เกิดขึ้นต่อหน้าสามีของเธอ และคำพูดสุดท้ายของเมียสุดที่รักกระซิบสั่ง “อย่าให้ลูกตาย” ทำให้สามีกระชากมีดเล่มเล็กที่ปักอกชายหนุ่มอยู่ ออกมาตัดสายรกของทารกหญิงลูกรัก ที่ถูกกระชากออกมาจากตัวแม่ ให้ขาดออกจากแม่การก่อนที่ร่างเธอจะถูกลากหายไปในความมืด ท่ามกลางความตกใจและร่างกายที่บาดเจ็บชายหนุ่มเขาร้องห้ามการกระทำของนั้นไม่ทัน พ่อของเด็กน้อยไม่รู้หรอกว่าเลือดของชายหนุ่มมันได้กระจายเข้าสุ่ทุกอณูเนื้อของเธอแล้ว
บัดนี้สายสัมพันธ์ได้เกิดขึ้นแล้ว


Tags: รักโรมานซ์

ตอน: ปฏิบัติการล้วงลับจับขโมย

ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็อุ้มร่างของช่อมณีกลับมาโดยปราศจากรอยแผลและชีวิต
เขาไม่ได้บอกอะไรทวีมากไปกว่าไล่ตามปีศาจร้ายตนนั้นไปเพียงไม่นานก็เจอ ด้วย
พลังระดับมาสเตอร์ กับแวมไพร์ครึ่งตัวไร้ข้อต่อรอง
และไม่มีสิทธิ์นั้นมันถูกฉีกคอดื่มเลือดจนหมดตัวเช่นกัน จนร่างเหี่ยวแห้ง เขากรีดเอาเลือดจากฝ่ามือลูบไปบนแผลที่ร่างช่อมณีแผลที่เกิดขึ้นทั้งหมดก็หายไปมีเพียงร่างที่เปื้อนเลือดแต่ไร้แผลใดๆ เท่านั้นทวีที่ทำความสะอาดลูกน้อย
เท่าที่ความสามารถของเขาที่เคยประสบจะทำได้แล้วห่อร่างน้อยด้วยผ้าขนหนูสะอาดที่เตรียมไว้ก่อนหน้า ก่อนจะมานั่งกอดลูกน้อยร้องไห้อยู่เบาๆ แมทธิวอุ้มร่างภรรายาของเขามาวางใกล้ๆ ก่อนถอยมานั่งเก้าอี้เพื่อรอตอบทุกคำถามที่ทวีอยากรู้ และพร้อมจะชดใช้ทุกอย่างๆที่พอจะชดเชยสิ่งที่ทวีสูญเสียไปในวันนี้
แต่คำตอบและความต้องการของทวี มันกลับเป็นสิ่งง่ายๆแต่ทำให้เขาไร้ตัวตน
“คุณทำดีที่สุดแล้วคุณไม่ได้ทำร้ายใครคุณไม่ผิดหรอก และตลอดเวลาคุณก็แสดงแล้วว่าแม้คุณจะไม่มีชีวิต แต่คุณก็ทำทุกอย่างเพื่อปกป้องชีวิต” พูดไปทั้งที่ไม่มองหน้าชายหนุ่มตายังมองไปที่ร่างน้อยในอก น้ำตายังคงไหลริน
“แต่ถ้าคุณจะกรุณา ก็ขอให้ลบความทรงจำทุกอย่างของผมที่เกิดขึ้นในระยะสี่เดือนนี้ทั้งหมด ผมไม่ได้เกลียดคุณแต่ผมก็ไม่อยากจำคุณได้เพราะมันทำให้ผมคิดถึงช่อให้ผมลืมแล้วจำได้แค่ว่า ผมต้องเลี้ยงดูลูกสาวแสนพิเศษคนนี้ยังไง เธอคงไม่ธรรมดาหรอกใช่มั้ย” เบือนหน้าขึ้นมาถามชายหนุ่มตรงหน้า แมทธิว พยักรับ
“ทำให้ผมทำให้ทุกคนเชื่อว่า ช่อ คลอดก่อนกำหนดแล้วหัวใจวาย แค่นั้นล่ะ”
“ได้สิ แต่ผมจะโอนเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้คุณ เพราะคุณต้องคงลาออกจากงานเพราะคงไม่มีใครดูแลทารกแบเบาะได้ดีเท่าพ่อของแก ผมคงจะเดินทางกลับเลย ถือว่าเป็นการกล่าวลาครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย และมีอีกสิ่งที่ผมจะมอบให้” ชายหนุ่มล้วงเข้าไปในคอเสื้อล้วงเอาล๊อกเก็ตที่เป็นรูป พระอาทิตย์ที่มีแสงกระจายรอบวงออกมาเขาจับตัวพระอาทิตย์หมุนไปทางขวา ล็อกเก็ตรูปเกล็ดหิมะก็เคลื่อนหลุดออกมา พร้อมสร้อยลวดลายสวยเขาหยิบชูมันขึ้นแล้วบอกกับทวีด้วยดวงตาสีฟ้าที่เรืองแสง ว่า
“จงให้เธอใส่ติดตัวใว้ตลอดเวลา เพื่อควบคุมความโกรธความหิว พละกำลังที่อาจเกินขอบเขตที่มนุษย์พึงมีและมันจะเป็นเกาะคุ้มครองเธอด้วย หากมีแวมไพร์ตนใดเห็นไม่ว่าที่ใดในโลกพวกมันจะไม่กล้าแตะเธอ เพราะเธอมีเครื่องหมายของผู้ของ เซอร์รีแวน
ผมจะใส่ทุกคำถามที่เธออาจสงสัย เกี่ยวกับตัวเธอไว้เพราะงั้นคุณจะตอบเธอได้ทุกเรื่อง” ทวีพยักหน้ารับด้วยความเลื่อนลอย ชายหนุ่มเลื่อนตัวมาคล้องสร้อยไปที่คอทารกน้อยที่มองตาแป๋วตรงหน้า แก้มเป็นพวงใสผิวนวลจัดริมฝีปากแดงสดขยับยื่นไปมา สร้อยที่ถูกคล้องหดตัวเล็กลงพอดีคอแม่หนูน้อยทันทีแมคธิวบอกแม่หนูน้อยว่า
“ฉันจะมีโอกาสเห็นเธออีกหรือเปล่านะ คุณผู้หญิง เซอร์รีแวน”
แล้วทุกเหตุการณ์ที่ทวีต้องการก็เป็นไปตามนั้นแล้วทุกอย่างก็เลือนหายไปจากความทรงจำของทุกคนตามกาลเวลาจนเวลาผ่านไป 25 ปี ไม่มีใครรู้หรอกว่าสร้อยเส้นนี้ล่ะที่จะนำคนสองคนมาผูกพันธ์กัน
…………………………………………………………………………….


ณ.สนามบินสุวรรณภูมิ
ภายในบริเวณประตูทางด้านผู้โดยสารขาเข้าที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนทั้งในและต่างประเทศที่อัดแน่นกันเดินเข้ามาร่างเล็กบอบบางแต่น่ารักสวยใสอย่างตุ๊กตาโผล่พ้นประตูเข้ามาอย่างทุลักทุเล เพราะต้องเบียดกับผู้โดยสารตัวโตกว่าทั้งไทยและเทศ เหมือนเธอเป็นเด็กทั้งที่เธอ อายุ25ปีแล้วและเธอก็เพิ่งกลับมาจากทำงานที่ทางเหนือเพราะไปประจำทางนั้นเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วที่ไม่ได้เจอหน้าพ่อที่น่ารักของเธอพองานเสร็จเธอก็รีบวิ่งแจ้นกลับมาเพื่ออยู่กับพ่อ
น้ำผึ้ง วิธิตินันท์แม่น้ำผึ้งเปรี้ยวของพ่อเธอโทรบอกพ่อว่าจะกลับเองไม่ต้องห่วงเพราะกลัวพ่อเหนื่อยเพราะอายุมากแล้วเธอเองก็เคยเดินทางไปไหนมาไหนตอนคนเดียวจนชินตั้งแต่เริ่มเรียนมหาลัย เพราะงั้นเธอจึงห้ามพ่อขับรถมารับเธอไม่งั้นเธอจะไม่กลับที่สำคัญเธอชอบคืนกลางมากไม่รู้เป็นเพราะอะไร เธอจึงมักเลือกเดินทางกลางคืนทั้งที่พ่อหรือเพื่อนๆ ต่างห้ามปรามเพราะความห่วงใยเธอจึงห่วงใยบิดาเพราะสายตาไม่ดี
ร่างเล็กอยากวิ่งลงบันไดเพื่อออกนอกตัวอาคารเร็วๆแต่ติดที่บันไดเต็มไปด้วยผู้โดยสารจึงได้แต่รอ มือเล็กเอื้อมมือไปจับล็อกเก็ตที่ห้อยคอติดตัวเธอมาตั้งแต่เกิดพลิกหมุนเล่นไปมาทุกครั้งที่เผลอ และถ้าลืมตัวมากที่สุดเธอจะไล้ล็อกเก็ตไปมาบนริมฝีปากแล้วส่งล็อกเก็ตเข้าไปในปากเพื่อใช้ลิ้นไล้เล่นอย่างลืมตัวทุกครั้งไป
แต่แปลกที่วันนี้สร้อยที่เธอใส่มาตลอดแถมไม่เคยชำรุดเลย กลับขาดร่วงติดมือเธอออกมา เธอยกขึ้นมามองพลางบ่น
“โธ่ อยู่กันมาตั้ง20ปีไม่เคยเป็นอะไร วันนี้เกิดอะไรขึ้นจ๊ะ” พูดบ่นกับมันราวกับเป็นสิ่งมีชีวิต
แต่ทันใดนั้น ดังคล้ายกับว่าน้ำผึ้งเห็นแสงสีฟ้าอ่อนเปล่งแสงเรืองรองออกมาจากล็อกเก็ตน้ำผึ้ง จ้องมองตาโตมากขึ้นเพราะคิดว่าตัวเองตาฝาด แล้วแสงที่คิดว่าเห็นก็ไม่ปรากฏ ขึ้นมาให้เห็นอีก
“ตาฝาดจริงๆด้วย” บ่นเบาๆกับตัวเองและกำลังจะลดมือที่ถือสร้อยลงเก็บ
ฉับพลัน หลังของเธอก็กระแทกจากผู้โดยสารด้านหลังจนสร้อยหลุดมือกระเด็นไปข้างหน้า ตกลงไปที่กระเป๋าสะพายข้างของฝรั่งที่เปิดอ้าอยู่อย่างพอดิบพอดี เขายืนอยู่ที่บันไดเลื่อนขั้นที่ต่ำลงไปกว่าเธอ เสียงพำพัมขอโทษจากคนชนดังลอยมาเข้าหูแต่น้ำผึ้งไม่สนใจ เพราะเธอห่วงสร้อยของเธอมากกว่า เธอพยายามดันตัวเองผ่านผู้คนออกมาอย่างยอมเสียมารยาทเพื่อขอสร้อยคืน แต่บันไดเลื่อนก็เลื่อนตัวลงมาถึงพื้นแล้ว ฝรั่งร่างสูงกำยำผึ่งก็เดินออกไปอย่างเร็ว
น้ำผึ้งพยายามร้องเรียกแต่ดูเหมือนเค้าจะยกโทรศัพท์ขึ้นคุยพอดี จึงไม่ได้ยิน
เธอเห็นเขาเดินขึ้นไปนั่งบนรถแท็กซี่ ก่อนรถจะเคลื่อนออกไป น้ำผึ้งเกลียดตัวเองที่ขาสั้นวิ่งตามเขาไม่ทัน ได้ทันเห็นแต่หลังรถที่พุ่งออกไป พอเห็นแท็กซี่อีกคันวิ่งมาเทียบเธอก็วิ่งตัดหน้าผู้โดยสารคนอื่นขึ้นไปหวังเพียงต้องไม่ให้เขาคลาดสายตา
พลางนึกขอโทษขอโพยผู้โดยสารคนนั้นในใจ พร้อมกับสั่งให้โชเฟอร์ตามรถคันนั้นไปแบบห้ามคลาดสายตา


ตลอดเวลาที่รถเคลื่อนตัวไล่ตามกันไปเรื่อยๆนั้นคนที่อยู่ในรถคันหลังที่เป็นฝ่ายไล่ตามก็ออกอาการกระวนกระวายชะเง้อคอดูรถคันหน้าและเร่งให้ชายชราที่เป็นโชเฟอร์เร่งแซงไปให้ทัน ก็เพราะตอนที่วิ่งขึ้นรถมาไม่ทันดูหน้าดูหลังเพราะมัวห่วงแต่สร้อยเลยต้องเจอกับคุณตา ยอดใจเย็นที่ไม่ว่าน้ำผึ้งจะคอยเร่งยังไงคุณตาก็ได้แต่คอยปรามให้ใจเย็นๆ
“โธ่คุณตาจ๋าจะให้น้ำผึ้งใจเย็นได้ยังไงคะ ก็ของที่สำคัญที่สุดของน้ำผึ้งอยู่ที่นั่นถ้าเกิดพลัดหลงกันไปแล้วน้ำผึ้งหาไม่เจอ น้ำผึ้งคงต้องเสียใจตลอดชีวิตเลยน้า” พูดไปก็ส่งสายตาออดอ้อนไป แต่สิ่งที่ได้กลับมาทุกครั้งคือ
“ตารับรองต้องตามทันอยู่แล้ว มือชั้นนี้แล้วเห็นแก่ๆอย่างนี้ไฟยังพรึ่บพับนะอีหนู” แล้วแกก็ส่งรอยยิ้มจากฟันปลอมสามสิบสองซี่ของแกมา ซึ่งมันไม่ได้ทำให้น้ำผึ้งมีกำลังใจขึ้นมาเลยสักนิด เพราะรถของแกยังวิ่งด้วยความเร็วเสมอต้นเสมอปรายแต่ชวนให้น้ำผึ้งใจจะขาด
พยายามงัดทุกเรื่องที่คิดว่าแกน่าจะเห็นใจมาแล้วก็ยังเหมือนเดิม จนรถวิ่งเข้ามาสู่ใจกลางกรุงเทพที่การจราจรติดขัดอย่างหนัก รถที่ฝรั่งคนนั้นโดยสารอยู่ที่จอดเลยคันที่น้ำผึ้งโดยสารอยู่สามคันก็ขยับปาดออกไปทำให้น้ำผึ้งแทบร้องไห้ แล้วสมองที่ไม่ได้ผ่านการไต่ตรองก็สั่งให้เธอร้องออกไปว่า
“โธ่!คุณตาขาคนที่อยู่ในรถคนนั้นเค้าเป็นสามีหนูเองค่ะ เค้าแอบมีเมียน้อยมาแล้วหนูจับไม่เคยได้เลย ตอนนี้ถึงขนาดขโมยสร้อยที่แม่หนูซื้อให้เป็นของขวัญวันแต่งงานจะเอาไปให้เมียน้อย เขาขโมยของมีค่าไปหลายชิ้นแล้วหนูรู้แต่หนูไม่ว่าอะไรแต่สร้อยเส้นนี้หนูรักมันมากเพราะแม่ให้หนูเลยจะตามขอคืนน่ะค่ะ หนูอุตส่าห์ไปมาคอยเขาที่สนามบินแต่เขากลับคอยแต่หลบหน้าเราแม่ลูก” ปากก็พูดพรั่งพรูไปใจก็ยกมือกราบขอโทษไปก่อนจะแสร้งใช้มือลูบท้องตัวเองไป ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ไปตาก็คอยชำเลืองดูปฏิกิริยาของโชเฟอร์รุ่นลายครามไปด้วย
“เฮ้ยนี่หนูมีผัวแล้วเรอะ ถึงสิบแปดหรือยังเนี่ย ยังไงนะไอ้นี่มันทำไม่ถูกนะลูกเมียมีแล้วยังทำผิดศีลธรรมหยั่งงี้ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง คิดหนีเรอะเดี๋ยวคอยเดี๋ยวจะได้รู้ว่าของจริงนั้นเป็นอย่างไร”ง้องแง้ง เสร็จก็ใส่เกียร์เดินหน้าปาดซ้ายปาดขวาเพื่อเร่งตามรถคันหน้าไป นาทีนี้แม้ชักจะกลัวอุบัติเหตุและตำรวจเรียกน้ำผึ้งก็ต้องลองเสี่ยงดู
“หนูอายุ25ปีแล้วค่ะ หนูตัวเล็กก็เลยดูเหมือนเด็กไปหน่อยหนูถึงคอยแต่เร่งคุณตาไงคะหนูกลัวว่าเขาจะเอาสร้อยหนูไปเปลี่ยนเป็นเงิน เลยไม่อยากคลาดสายตา”
ปากก็พูดไปมือก็ควานหาที่เกาะไว้แน่น เมื่อเจอลีลาของสิงห์นักเลื้อยตัวจริงเข้าไป
“ไม่ต้องห่วงอีหนูตารับรองว่าวันนี้ยังไงมันก็หนีเราไม่รอดแน่”
ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังโชว์ลีล่าปาดซ้ายป่ายขวาตามมาพร้อมเสียงก่นด่าของคนข้างหลังอยู่นั่นคนที่อยู่บนรถอีกคันก็กำลังคุยโทรศัพท์เคร่งเครียด กับใครบางคนอยู่เช่นกัน
“เฮ้! นี่นายให้ฉันถือกระเป๋าที่ใส่อะไรมาวะ..เอ้าถามได้ก็ฉันถูกตามมาตั้งแต่อยู่ที่สนามบินมาแล้ว..เออ..อืม..ฉันไม่แน่ใจนะฉันได้ยินเสียงหัวใจยังเต้นแต่บางทีอาจเป็นพวกที่ยังไม่ถูกเปลี่ยนเต็มตัวก็ได้ แล้วจะให้ฉันเอากระเป๋าไปส่งนายที่ไหน..อืมโอเค”
แท็กซี่ถูกสั่งให้ขับเลยออกจากย่านธุรกิจบันเทิงที่ชุกชุมเลยออกไปหาโรงแรมขนาดกลางที่รอบนอกกรุงที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน ไปหาโรงแรมที่เอาไว้สำหรับพักจริงๆเงียบสงบและค่อนข้างเป็นส่วนตัวหรูหราในราคาไม่แพง ซึ่งผู้คนทั่วไปไม่รู้หรอกว่ามันเป็นโรงแรม มาที่เอาไว้ล่อคนธรรมดาทั่วไปให้เข้ามาพัก เพื่อกลายเป็นเครื่องดื่มรอบดึกขอแวมไพร์แต่เพื่อเอาไว้ดื่มเท่านั้นจริงๆ ไม่เข่นฆ่าหรือเปลี่ยนไว้เป็นพวก
เจ้าของโรงแรมคือแวมไพร์สาวแสนสวย แบรินด้าคือชื่อของเธอโรงแรมของเธอมีทั้งหมดแค่5ชั้น แต่มันหรูหราฟูฟ่าด้วยการตกแต่งสไตล์หลุยของทุกอย่างทุกชิ้นล้วนราคาสูงลิบลิ้ว โคมไฟห้อยระย้าทำจากคริสตัลแท้ข้าวของทุกชิ้นสั่งตรงจากฝรั่งเศส
ทุกชั้นตั้งแต่ 1-4 คนทั่วไปเข้าพักได้แต่ สำหรับชั้น5เท่านั้นที่ทำไว้เพื่อแวมไพร์ถึงจะมีสิทธิ์เข้าพัก
ไม่นานรถแท็กซี่ที่มีผู้โดยสารพิเศษ ก็วิ่งเข้ามาจอดผู้โดยสารชายคนนั้นจ่ายเงินให้โชเฟอร์เหมือนปกติก็สะพายกระเป๋าก้าวลงจากรถเดินเข้าไปในโรงแรม
สักครู่แท็กซี่อีกคันก็วิ่งจอดแทนที่แท็กซี่คันที่วิ่งออกไป พร้อมๆกับที่หญิงสาวกระโดด
ลงจากทั้งที่รถยังจอดไม่สนิท สะพายกระเป๋าใบเล็กคล้องไหล่วิ่งออกไป ก่อนจะรีบกลับมาก่อนที่โชเฟอร์จะโวยวายเปิดกระเป๋าหยิบแบงค์หนึ่งพันส่งให้ คุณตารีบหยิบตังส์ทอนกลับคืนให้ห้าร้อย แล้วบอกว่า
“ตาเอาแค่นี้แหละสงสาร อีกอย่างนะตาบอกแล้วว่าตาพามาทัน” พูดเสร็จก็หัวเราะชอบใจ น้ำผึ้งยกมือไหว้บอกขอบคุณก่อนจะรีบตามเข้าไปในโรงแรม
เมื่อเข้ามาถึงข้างในน้ำผึ้งถึงอ้าปากค้างในความอลังการและหรูหราพลางคำนวนค่าเช่าในใจอย่างหวาดๆ แต่ก็เพียงชั่วครู่ก่อนที่สายตาของเธอจะสอดส่ายหาผู้ชายฝรั่งที่เธอตามมาอย่างรวดเร็วก่อนที่เธอจะเห็นเขาอยู่ในลิฟต์แก้วที่กำลังยกตัวขึ้นไปข้างบน ตัวเลขเคลื่อนไปหยุดที่ตำแหน่งชั้นที่5
เธออยากตามขึ้นไปแต่ถ้าเธอจะตามขึ้นไปเฉยๆ ก็คงไม่ได้เธอจึงจะไปเรียบๆเคียงๆ ถามที่เคาเตอร์แทนที่นั่นเธอเห็นพนักงานต้อนรับที่เป็นคนไทยหลายคนที่จดจ้องมองมาที่เธอแล้วในตอนนี้
“เอ่อ ฝรั่งคนที่ขึ้นลิฟต์ไปเมื่อกี้พักที่ชั้น5หรือคะ” ถามพลางพยักพเยิดไปทางลิฟต์
“ค่ะถ้าเป็นคนผิวดำตัวโตๆ เพิ่งเช็คอินเมื่อสักครู่นี้เองค่ะ ไม่ทราบว่ารู้จักกันหรือคะ” พนักงานสาวตอบและสอบถามไปด้วย ใจจริงก็อยากบอกจะเล่าให้ฟังเรื่องสร้อยแต่ใครเขาจะเชื่อเธอกันล่ะเพราะเรื่องมันไม่น่าเชื่อสักนิด จึงได้แต่ตอบไปว่า
“เปล่าค่ะ เพียงแต่เราออกมาจากสนามบินพร้อมกันมาก็เท่านั้น” ก่อนจะตัดสินใจว่ายังไงวันนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเธอก็จะเอาสร้อยของเธอกลับคืนมาให้ได้ ไม่ว่าต้องทำยังไงก็ตามแต่
“เอ่อคือฉัน อยากเปิดห้องสักห้องที่ชั้น5 ไม่ทราบว่าพอจะได้มั้ยคะ”กัดฟันบอกไปพร้อมกับเตรียมใจเลือดซิปกับราคาห้อง แต่พนักงานสาวกลับส่งยิ้มก่อนปฏิเสธว่า
“ต้องขออภัยด้วยนะคะ เพราะชั้น5 เจ้าของโรงแรมท่านจัดไว้เพื่อต้อนรับเพื่อนๆของท่านที่มาวันนี้วันนี้เป็นวันพิเศษด้วย ห้อง090ที่เหลือเป็นห้องสุดท้ายก็ถูกเช็คอินไปเมื่อกี้ไงคะเต็มหมดแล้วเปลี่ยนเป็นชั้น4แทนได้มั้ยคะยังเหลืออีกห้อง”

ถึงจะผิดหวังแต่น้ำผึ้งก็คำนวณดูแล้วว่าอย่างน้อยชั้น4ก็ยังดี ขึ้นไปขอสร้อยคืนจากเขาได้เพราะไม่ห่างกันสักหน่อยน้ำผึ้งก็ตกลงเช็คอินเข้าพักเพราะชักจะเหนื่อยแล้วเหมือนกัน
หลังจากผ่านกระบวนการในการเข้าพักที่แสนวุ่นวายในความคิดของเธอ
ได้เรียบร้อย น้ำผึ้งที่ขนหน้าแข็งร่วงไปหนึ่งกระจุกก็พาตัวเองพร้อมกุญแจเปิดห้องก็ระเห็จเข้าห้องเพื่อเก็บกระเป๋าก่อนจะรีบแอบพาตัวเองขึ้นไปที่ชั้น5มองซ้ายมองขวาหาคน เมื่อปลอดคนก็ตรงดิ่งมาที่ห้อง090ทันทีและรีบยกมือขึ้นเคาะแต่เคาะยังไงก็ไม่มีเสียงตอบรับสักที จนมีเสียงดังขึ้นที่ทางด้าน หลังว่า
“ไม่ทราบว่าคุณเป็นแขกหรือคนรอเสริฟคะ” จากเสียงที่ทักทำให้น้ำผึ้งสะดุ้งเหมือนเด็กทำผิดแล้วถูกจับได้จึงรีบหันกลับไปมองก็เห็นพนักงานสาวอีกคนในชุดสูทประจำตำแหน่งผู้จัดการของโรงแรมที่ถือแฟ้มเอกสารอยู่ในมือยืนมองอยู่ด้วยสายตาจับผิด เกือบตอบออกไปแล้วว่าแขก ถ้าไม่สงสัยคำถามที่มี
“แขก…คนเสิร์ฟต่างกันยังไงคะ” เลือกที่ถามก่อนค่อยบอกเรื่องตัวเองทีหลัง
“ก็ที่นี่เขามีกฎว่าห้ามแขกขึ้นมาวุ่นวายหรือรบกวนแขกด้วยกัน ไม่ว่าด้วยกรณีใดๆ ก็ตามถ้าไม่ทำตามจะถูกเชิญออกจากโรงแรมของเราทันทีโดยไม่คืนเงินให้แถมถูกปรับอีกต่างหาก น้องคงพึ่งเคยมาแน่ๆจึงไม่รู้ส่วนเรื่องคนเสิร์ฟก็มีหน้าที่คอยส่งเครื่องดื่มเข้าไปในห้องต่างๆตามเวลาที่ทางแขกกำหนดไว้ น้องคงมีหน้าที่ต้องบริการห้องนี้ใช่มั้ยนี่ยังไม่ถึงเวลากำหนดเลย ต้องเที่ยงคืนเท่านั้นจ๊ะเราจะตามเคาะประตูบอกทุกห้องที่เป็นคนมีหน้าที่คอยเสิร์ฟ สรุปน้องเป็นอย่างไหนล่ะ” อธิบายลงท้ายด้วยการถาม
คำว่าเสิร์ฟที่ปรากฏในความคิดของน้ำผึ้งคือ แค่ยืนคอยยื่นเครื่องดื่มให้เป็นจบ
มิหน่ำซ้ำโอกาสที่เธอจะทวงขอสร้อยคืนก็ลอยอยู่ตรงหน้า แต่ถ้าเธอบอกว่าเป็นแขกโอกาสที่เธอจะถูกเตะกระเด็นออกจากโรงแรมมันมี100%เซ็น แถมเสียเงินฟรีไม่ได้พักอีกต่างหากเธอจึงรีบบอกทันทีว่า
“โอ๊ย! หนูนี่แย่จริงๆเลยไม่รู้เรื่องเล้ยว่าต้องเสิร์ฟตอนไหน จะมาเคาะถามแขกว่า
จะรับเครื่องดื่มอะไรน่ะค่ะต้องขอโทษด้วยนะคะ งั้นน้ำผึ้งกลับห้องก่อนนะคะจะห้าทุ่มแล้ว” แถได้น้ำผึ้งขอแถล่ะวันนี้
“โอ๊ย!ไม่ได้นะจ๊ะแม้แต่ถึงเวลาเสิร์ฟเมื่อมาถึงก็ให้เปิดประตูเข้าไปเลยห้ามเคาะเข้าใจนะ”รีบรับคำก่อนจะยกมือไหว้รีบขอตัวกลับห้อง
พอมาถึงห้องก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้างอย่างเหนื่อยใจไม่ได้รู้สึกยินดีกับห้องหรูหราที่ตนได้เข้ามาครอบครองเลย ก่อนจะรู้ตัวว่ายังไม่ได้โทรบอกพ่อว่ายังกลับบ้านตอนนี้ไม่ได้เพราะเหนื่อยจะนอนค้างที่โรงแรมก่อนโดยเว้นเรื่องสร้อยเอาไว้เพราะกลัวพ่อโกรธ จะกลับบ้านตอนเช้าซึ่งพอโทรบอกเท่านั้นคนเป็นพ่อดีใจมากเพระไม่อยากให้ลูกสาวเดินทางตอนกลางคืนอยู่แล้ว
หลังจากโทรบอกพ่อแล้ว เธอก็เด้งตัวขึ้นจากเตียงแล้วรีบเข้าไปอาบน้ำสระผมในห้องน้ำสุดหรูอย่างเร่งด่วนก่อนห่อตัวและผมที่สระเสร็จแล้วด้วยผ้าขนหนูที่ทางโรงแรมจัดไว้มาค้นเสื้อผ้าที่ติดกระเป๋ามาเพียงสองตัวเท่านั้นชั้นในสักชิ้นก็ไม่มี จะมีก็แต่ที่เธอใส่มาและซักแล้วเรียบร้อย ไอ้ตัวบนเธอไม่ใส่นอนอยู่แล้วแต่อันล่างนี่สิ ก็เธอ
ไม่คิดว่าจะ มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับเธอ แม้แต่เครื่องสำอางสักชิ้นก็ไม่มี เธอจึง
อยู่ในชุด เสื้อเชิ้ตแขนยาวตัวหนาและกางเกงผ้ายืดตัวหนาที่พอจะพลางตัวเธอเอาไว้พูดคุยธุระได้อย่างไม่น่าเกลียด น้ำผึ้งนั่งเช็ดผมรอจนเส้นผมแห้งหมาดเพื่อรอการส่งสัญญาณการทวงสร้อยคืน จนกระทั่งมีเสียงเคาะดังขึ้นเบาๆ ที่ประตู
น้ำผึ้งรีบวางผ้าขนหนูลงแล้วรีบวิ่งไปที่หน้ากระจกนั่งลงหวีผมที่ยาวสลวยถึงกลางหลังให้เรียบตรงที่หน้ากระจกปรายเตียงนอน แล้วยืดตัวขึ้นหมุนตัวไปมาสำรวจหาความน่าเกลียด แต่ก็พบเพียงสาวน้อยน่ารักตากลมโต กลมป่อง ผิวผ่องนวลเนียน
ริมฝีปากสีแดงระเรื่อชวนมองปรากฏตัวในกระจก เธอสูดหายใจเอาความมั่นใจเข้าปอด ก่อนจะเดินไปเปิดประตูเพื่อออกไปทวงสร้อยคืน
เมื่อมาถึงประตูห้อง090 เธอก็ยกมือขึ้นหมายจะเคาะถ้าไม่คิดได้ซะก่อนจึงลดมือลงแล้วเปิดประตูดันเข้าไป



Kmoon
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ส.ค. 2557, 21:36:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ส.ค. 2557, 21:36:42 น.

จำนวนการเข้าชม : 1066





<< สายใยเตรียมผูกพันธุ   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account