เมฆ ซ่อน ตะวัน
ธนู ชายหนุ่มที่ไม่รู้ประวัติความเป็นมาของตนเอง ใช้ชีวิตกับอดีตสายลับญี่ปุ่นที่เก่งกาจในวิชาการต่อสู้ และการอำพรางตน เขาอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ในจังหวัดกาญจนบุรี โชคชะตาทำให้เขาต้องกลายเป็นเมฆ ที่ปิดบัง และทำภารกิจที่อันตราย และในภารกิจนั้นมีอุปสรรคสำคัญคือ ครอบครัวของ นรี ที่พยายามทำลายเขาทุกวิถีทาง แล้วความรักของชายหนุ่ม ที่คงมั่นต่อหญิงสาวจะเป็นเช่นใด....เพราะ ไม่มีทางที่ เมฆ จะซ่อนดวงตะวันได้เสมอไป...ดั่งเช่นความรักของเขาและเธอ ที่ต้องซ่อนไว้...ภายในหน้าที่...ที่ต้องเป็น...ศัตรู...
Tags: นิยายรัก หักเหลี่ยมเฉือนคม

ตอน: จันทรา...กระจ่างแสง

บทที่ 13 นรี กาญจนกิจ (จันทรา...กระจ่างแสง)

นรีออกไปทำงานที่โรงไม้ ของสมเจตน์ ซึ่งสมเจตน์ใช้แปรรูปไม้เถื่อน เมื่อนรีมาทำงาน เขาจึงสั่งระงับ
การนำไม้เถื่อนมาสวม ในตอนแรกนรีต้องเรียนรู้งานจากหลงจู๊บุญช่วย โดยสมเจตน์ให้อำนาจในการบริหาร
กับเธออย่างเต็มที่ นั่นเป็นเพราะว่า สมเจตน์ต้องการให้นรี รู้สึกติดหนี้บุญคุณเขาให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะถ้า
กิจการโรงไม้ ต้องประสบภาวะขาดทุน แล้วเขาในฐานะพี่เขยจะเข้าช่วยเหลือ เพื่อทำความใกล้ชิด แต่มัน
มิได้เป็นเช่นนั้น เขาคาดการณ์....ผิดไป

หลังจากนรี ตรวจดูบัญชีของทางห้าง ก็พบสิ่งผิดปกติหลายจุด เธอทราบได้ทันที โรงไม้แห่งนี้ ไม่ได้
ประกอบการค้า แบบตรงไปตรงมา เธอจึงใช้อำนาจ ที่สมเจตน์มอบให้ ทำการลื้อระบบใหม่หมด คนเก่าแก่
ที่เคยช่วยงาน ตั้งแต่เจ้าของคนเดิม ถึงจะหัวเสีย แต่ก็ไม่กล้าขัดแย้ง เพราะนรีเป็นน้องภรรยาของสมเจตน์
บุคคลที่ไม่ควรยุ่งกี่ยวด้วย เป็นอย่างยิ่ง จึงทำตาม แบบขอไปที นั่นเป็นเพราะนรี ยังดูเด็กมากเหลือเกิน
แล้วเด็กสาวจะทำอะไรได้ โดยเฉพาะการค้าไม้ ถ้าใครไม่ช่ำชอง ในการทำการค้าชนิดนี้ โอกาสขาดทุนนั้น
สูงมาก แต่แล้วสิ่งที่ หลงจู๊บุญช่วยโรงไม้ ไม่คาดคิด ก็เกิดขึ้น มีออเดอร์เข้ามาแบบถล่มทะลาย จนหลงจู๊
แทบไม่มีเวลาพักผ่อน.....

นรีทำการติดต่อไม้ จากแหล่งอื่นมาจำหน่าย โดยใช้ไม้ที่ ผ่านการตรวจอย่างถูกต้อง อีกทั้งทำโรงงาน
ผลิตไม้อัด โดยทำมาจากเศษไม้ โดยมาขายในราคาถูก ทำให้โรงไม้เจริญ ของสมเจตน์เติบโต รุดหน้าจน
ใครๆก็อดทึ่งในความคิดของเด็กหญิงคนนี้ไม่ได้ ผู้อาวุโสจากที่ทำงาน แบบขอไปที กลับมาตั้งใจทำงาน
อย่างทุ่มเท สมเจตน์อดชื่นชมความสามารถของนรีไม่ได้ เมื่อเธอวางระบบโรงไม้จนเข้าที่แล้ว นรีก็ขอ
สมเจตน์ดูกิจการ สร้างอาคารชุด นรีคิดว่า หลังจากสงครามสิ้นสุด ที่อยู่ที่พักอาศัยจะจำเป็นสำหรับ
การขยายเมือง ไม่มีใครคิดสร้าง เพราะกลัวว่าจะถูกทิ้งระเบิด

นรีทำประชาสัมพันธ์โครงการแห่งนี้ ด้วยการแถมเครื่องใช้ไฟฟ้า พัดลมเพดาน หรือนาฬิกาตั้งพื้น เศรษฐี
น้อยใหญ่ แห่จองอาคารชุดเหล่านั้นจนขายหมดภายในไม่ถึงสองอาทิตย์ เป็นความสำเร็จทั้งสองการค้า
ภายใต้ การกล้าคิดใหม่ แล้วทำสิ่งใหม่ นฤมลที่มองการทำงานของนรี ก็อดนับถือในความสามารถของ
การทำการค้า แต่เธอก็ไม่อาจทิ้งความรู้สึก อีกชนิดที่เข้ามาได้...เธอยังคิดว่า สมเจตน์อาจจะเห่อของใหม่
ไม่กี่วัน แล้วก็คงเลิกสนใจไปเอง แต่ดูเหมือนเธอจะคิดผิด นับวันสมเจตน์ก็จะให้ความสำคัญกับ นรีเพิ่ม
มากยิ่งขึ้น......เช่นเดียวกับความริษยาที่เธอมีต่อ นรี นับวันมันยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ....

แต่ทุกวันของนรี ก็คืองาน ตกกลางคืน นรียังคงเฝ้ามอง เหรียญของธนู เป็นรูปธนูง้างคันศรเธอจะชูตรงหน้า
เหรียญนั้นจะแกว่งไปตามสายลมที่พัด ภาพคืนวันของธนู นรีวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน เมื่อธนูเล่นหมากรุก
กับเธอ แบบสองกระดานพร้อมกัน เมื่อเธอเพลี่ยงพล้ำ แล้วเธอกำลังจะแพ้พ่าย นรีจะแกล้งชี้ไปด้านหลังบอก

"เฮียคะ...อาแปะมาแหนะ!.."

ธนูพอหันไปมอง นรี ก็ทำการเปลี่ยนตำแหน่ง เมื่อธนูกันกลับมา นรีก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ธนูเกาศีรษะแบบงงๆ
ก่อนเดินหมากต่อ และพ่ายแพ้ต่อนรีในที่สุด นรีจะกระโดดโลดเต้น ธนูแอบอมยิ้ม ที่เห็นนรีมีความสุข เมื่อ
นรีหันมาจ้องธนูอย่างจริงจัง ธนูจึงปั้นหน้าเศร้าต่อ... แล้วเมื่อธนูแอบอมยิ้ม นรีก็ ยิ้มอย่างเป็นสุข เช่นเดียว
กัน เธอรู้ว่า ธนูนั้นมักยอมแพ้ให้เธอเสมอ เพราะเธอเห็นรอยยิ้มเวลาที่ธนูพ่ายแพ้ เธอจึงแกล้งดีใจที่ชนะ
แต่ความจริง นรีต้องการให้ธนูแอบยิ้มเช่นนี้ เช่นเดียวกับธนู เขาสุขใจที่เห็นนรีมีความสุขที่เอาชนะเขาได้
ธนูคิดภายในใจ ชาตินี้เขาคงไม่มีทางเอาชนะนรีได้อย่างแน่นอน

ในบางวัน เธอไปช่วย ธนูตกปลาในลำธาร เมื่อธนูตกปลาได้ แล้วนำใส่ถังน้ำ นรีก็แอบปล่อยปลาตัวนั้น
ลงในลำธาร พร้อมกับเอ่ยว่า

"มีนางฟ้าแสนสวย และใจดี มาปล่อยปลาของเฮียฮกไปแล้ว..."

ธนูมองปลาที่หล่นน้ำแล้วว่ายหายไป ด้วยสายตาละห้อยเอ่ยออกมา

"ถ้านางฟ้าแสนสวย ยังมาปล่อยปลาของเฮียอีก มีหวังวันนี้อาแปะ
กับเฮียฮก คงไม่มีปลากินแน่ๆ..."

ทั้งคู่หันหน้ามามองกัน แล้วจึงหัวเราะออกมา นรีจึงเอาหลังศีรษะโขกไปที่หลังของธนู เป็นการหยอกเหย้า...
นรียิ้มออกมา สายตาของเธอนั้น ยังเห็นรอยยิ้มที่สดใส จริงใจของธนูในความทรงจำตลอด ไม่ว่ายามทุกข์
หรือสุขเช่นเวลานี้ เธออยากบอกธนูว่า เธอมีความสามารถ มากมายขนาดไหน แต่นรีก็ไม่รู้ว่าจะบอกเขา
ผ่านทางไหน นอกจาก....อธิฐานผ่านเหรียญของธนูอันนี้....

"เหรียญจ๋า...ช่วยบอกเฮียฮกด้วย ว่าน้องรีคิดถึง... น้องรีคิดถึงเฮียฮก..ทุกวัน ทุกคืน
น้องรีอยากบอกอะไรมากมาย แต่ก็ไม่รู้จะบอกกับใคร ถ้าเหรียญมี
อิทธิฤทธิ์ ขอจงนำความคิดถึงไปมอบให้เฮียฮกด้วย ได้โปรด...จงนำไปให้ถึง..."

สายลมที่พัดเอื่อยๆ ก็พัดแรงขึ้น ดังกระแสจิต ที่พุ่งตรงไปถึงชายอีกผู้หนึ่ง ซึ่งตอนนี้เขามีนามว่า ภาคี ค่ำนี้
เขายืนที่ดาดฟ้าอาคารพาณิชย์ แถวถนนสุขุมวิท สายลมพัดกลีบดอกมะลิซ้อนหอมกรุ่น มาตกตรงหน้าเขา
ภาคีก้มลงหยิบ กลีบมะลิซ้อน ขึ้นมาดอมดม กลิ่นหอมจางๆ มันทำให้เขาคิดถึง นรีมากยิ่งขึ้น เพราะยาม
ที่เขาอยู่ใกล้ นรี เขาจะได้กลิ่นกายของนรี คล้ายกลิ่นหอมของดอกมะลิ ที่หอมเย็น ชื่นใจ เมื่อเขาได้กลิ่น
หอมของ ดอกมะลิซ้อน จิตใจของเขาจะสงบเย็น เป็นพิเศษ.....แต่ความคิดถึงนั้นกลับรุนแรงขึ้น....มิจางไป
....................................

ภาคีไปขับรถไปที่แถวเพลินจิต เพื่อไปพบ มาเรียหยาง ตามแผนที่ ที่อดุลย์มอบให้ เวลาที่เขา
จะมาพบ ต้องก่อน ห้าโมงเย็น แต่ต้องหลัง สี่โมงเย็น ภาคีเดินถือเอกสารไปด้วย เขาแต่งกายสุภาพ
สวมชุดขาว กางเกงขาว สวมหมวกสีขาว เขาเข้ามารอในสำนักงาน ที่มาเรียเปิดไว้ เพื่อใช้ติดต่อคนที่จะมา
ให้เธอแปลภาษาจีนเป็นอังกฤษ หรืออังกฤษเป็นจีน หรือหนังสือแปลต่างๆ ธนูวาดภาพ ครูผู้จะสอนวิชา
ต่างๆ ให้เขาน่าจะเป็น สาวใหญ่ อายุเกิน ห้าสิบ ใส่แว่นหนา หน้าตาดุๆ แต่เมื่อมาเรียหยางเข้ามา...
มันก็ทำให้เขารู้ว่า ที่เขาคิดกับเรื่องจริงนั้น ผิดกันไกลลิบ มาเรียหยาง ที่เขาเห็น เป็นหญิงสาวถ้าไม่ทราบ
มาก่อน ก็คงคิดว่า เธออายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขา แต่ความจริงเธออายุ 27 ปีแล้ว ผิวขาวรูปร่างสมส่วน
ทรงผมยาวปะบ่า ดัดลอนขึ้นที่ปลายดู ทันสมัย ข้อสำคัญ เธอคือหญิงสาว ที่เขาเคยช่วยในตรอกวันนั้น
หญิงสาวทำท่าแปลกใจ ก่อนทักทาย ด้วยการจับมือ

"คุณคือคุณภาคี อิสระชน ใช่ไหมคะ...ดิฉัน มาเรียหยางค่ะ...ยินดีที่ได้รู้จัก..."

"ยินดีที่รู้จักครับ คุณมาเรียหยาง..."

ภาคีลุกขึ้นยืน พร้อมยื่นมือจับ ตามธรรมเนียมชาติตะวันตก แล้วภาคีก็มอบข้อเสนอให้ มาเรียหยางเพื่อ
พิจารณา ว่าจะรับเป็นพี่เลี้ยงเขาหรือไม่ จำนวนเงินที่เสนอให้มากมาย จนเธออดแปลกใจไม่ได้ เงินเดือน
ในแต่ละเดือนที่เสนอให้นั้น มันมากกว่าที่เธอทำงานสองที่เสียอีก และ อีกข้อคือ เธออาจต้องเดินทางกลับ
ไปสิงคโปร์พร้อมกับเขาด้วย... มาเรียหยาง ยังไม่ตอบตกลง เธอถามคำถามเดียวให้ภาคีตอบ

"ใครเป็นคนแนะนำดิฉัน ให้คุณภาคีเพื่อจะให้ฉันสอนอะไรแบบนี้ให้คุณ..."

"ผมบอกได้ว่า คนที่แนะนำคุณให้ผม เขามั่นใจในตัวคุณมาก เขายืนยันว่า
ผมจะได้มีความเชียวชาญเรื่องภาษาต่างๆ ที่คุณจะสอนแน่นอน
รวมทั้ง มารยาทในการวางตัวในสังคม"

มาเรียหยางนั่งนิ่งเพียงครู่เดียว ก่อนตอบตกลงว่าธอจะเป็นพี่เลี้ยงให้เขา ตั้งแต่เดือนหน้า เพราะเธอต้อง
ลาออกจาดงานประจำ เพื่อมาช่วยให้ฝึกสอนภาคีอย่างเต็มที่ ภาคีมอบเงินจำนวน 5,000 บาท ให้มาเรีย
ถือไว้ ก่อนออกไป มาเรียหยางเอ่ยออกมา ตามหลังเขาว่า

"ขอบคุณมากนะคะ!!...คุณภาคี ที่เคยช่วยดิฉันไว้..."

ภาคีก้มศีรษะลงมาเล็กน้อย พร้อมหยิบหมวกมาสวมใส่ก่อนเดินออกไป ทิ้งให้หญิงสาว มองด้านหลัง
ของเขาจนลับตา มาเรียหยางนั่งลง ดวงตาเป็นประกาย เอ่ยออกมา พร้อมรอยยิ้มที่สมหวัง....

"...ในที่สุดเราก็ได้เจอกัน....คุณพลทหาร...ไม่ใช่สิ!...คุณภาคี อิสระชน..."
..................................

อีกหนึ่งเดือนถัดมา วันแรกของการฝึกสอน มาเรียหยางให้ภาคีขับรถไปส่งเธอที่พาหุรัด เพื่อเลือก
เสื้อให้ภาคีสวมใส่ เธอให้ช่างตัดเสื้อตัดชุดสูทให้ ภาคี เลือกเน็กไทให้ภาคี สวมใส่หลายเส้น มันเหมือน
คู่รักเลือกซื้อเสื้อให้อีกฝ่าย ภาคีได้เสื้อใส่ออกงานกลายตัว มารียหยาง จะคอยบอกว่า เสื้อแบบนี้ควรใส่
ไปงานแบบไหน เน็กไทควรใช้สีไหนลายแบบไหนจึงจะเหมาะสม ภาคีเดินไปดูผ้าพันคอ กับหมวกปีกกว้าง
ประดับด้วยผ้าผูกเป็นดอกกุหลาบสีขาว เขาหยิบมาสวมให้มาเรีย พร้อมผ้าพันคอแพรไหม สีขาวยาว มา
คล้องที่คอเธอ เขาเอ่ยออกมา

"คุณสวมหมวก กับผ้าพันคอนี้ แล้วดูสวยมากเลย คุณมาเรีย..."

หญิงสาวเธอรู้สึกยินดี ที่ได้ของที่ภาคีซื้อให้ มาเรียหยางใช้ภาษาจีน สำเนียงฮกเกี้ยน เพื่อฝึกสำเนียงตาม
ความต้องการ ภาคีสามารถเรียนรู้สำเนียงฮกเกี้ยนได้อย่างรวดเร็ว จนมาเรียหยางต้องแปลกใจ ในการ
เรียนรู้ที่รวดเร็ว เหนือกว่าทุกคนที่เธอเคยสอน ภาคีสามารถคุยตอบโต้ กับเธอเป็นภาษาจีนกลาง สลับ
ฮกเกี้ยน จนคล่องแคล่ว

"ความจริงถ้าคุณภาคี จะใช้สำเนียงฮกเกี้ยนได้รวดเร็ว ดิฉันอาจไม่แปลกใจเท่าไหร่
เพราะแต้จิ๋วกับฮกเกี้ยน สำเนียงจะคล้ายๆกัน แต่ภาษาจีนกลาง คุณเข้าใจสำเนียงภาษาได้
มันทำให้ดิฉัน...รู้สึกทึ่งในตัวคุณมาก... มากจริงๆ..."

ภาคีแย้มยิ้ม ก่อนจะเอ่ยออกมา

"ความจริงผมอยากจะบอกคุณว่า ยังมีอะไรที่อีกมากมาย ที่คุณมาเรีย
ต้องแปลกใจในตัวผม...และคุณจะได้เห็น..."

ในระหว่างรับประทานอาหาร มาเรียจะแนะนำวิธี ร่วมรับประทานอาหารแบบเป็นทางการ การใช้ช้อน วิธีขอตัว
ออกจากการร่วมรับประทาน มารยาทที่ต้องจดจำ จนถึงตอนค่ำ ภาคีพาหญิงสาวไปดื่ม ที่ไนท์คลับ มาเรีย
นำภาคีไปสอนลีลาศกลางฟลอร์ มันเหมือนว่า เรื่องดนตรีกับเขานั้นเกิดมาคู่กัน ภาคีสามารถเต้นตามจังหวะ
ของเธออย่างถูกต้อง ในแทบทุกจังหวะที่บรรเลง จนถึงช่วงสโลว์ซบ มาเรียหยางเต้นรำอยู่บนฟลอร์ เธอ
กระซิบถามเขาว่า

"ทำไมคุณถึง จากไปโดยไม่ยอมบอกชื่อให้ดิฉันทราบล่ะคะ..."

ภาคี จึงเอ่ยตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงต่ำ

"เพราะผมช่วยคุณ มิใช่เพื่อต้องการอะไร การแจ้งชื่อให้คุณทราบ
ก็เหมือนให้คุณระลึกถึง...
ผมจึงไม่อยากให้คุณต้องคิดถึงการตอบแทนผม...แต่!.."

"แต่...ในที่สุดเราก็ได้พบกัน ดิฉันยังคิดว่าตนเองฝันไป ตอนที่พบคุณวันแรก..."

"ผมต่างหากที่คงฝันไป...ถึงได้หลับไม่ยอมตื่น เช่นนี้..."

ทั้งสองคุยกันอย่างสนิทสนม เหมือนทั้งคู่เป็นคนรักกัน จนถึงเที่ยงคืน ภาคีขีบรถไปส่ง มาเรียหยางที่ห้อง
เธอลองใจชายหนุ่มด้วยการเอ่ยชวนภาคีเข้าห้องพัก

"คุณภาคี อยากเข้าห้องมาดื่มอะไรก่อนไหมคะ"

"ขอบคุณครับ แต่ผมคิดว่า เวลานี้คงไม่เหมาะ ไว้วันพรุ่งนี้เราค่อยพบกันดีกว่า
ราตรีสวัสดิ์ คุณครูของผม..."

ภาคีทิ้งสายตาให้เธอ ก่อนยิ้มเล็กน้อย และถอยหลังเดินจากไป มาเรีย อมยิ้มอย่างเบิกบานใจ แล้วปิดประตู
ห้องลงอย่างแผ่วเบา ภาคีนั่งที่เบาะคนขับเขาเหลือบสายตาไปบนห้องมาเรียหยาง แสงไฟ ส่องเห็นเป็นเงา
ของหญิงสาว แสดงว่าเธอก็ยืนดูรถของเขาที่ห้องด้านบน ภาคียิ้มกว้าง ก่อนขับรถจากไป ภาคีนั้นสามารถ
ควบคุมความต้องการตามธรรมชาติได้อย่างเหลือเชื่อ เมื่อมาถึงห้องพักภาคีเดินไปชั้นบนนอนบนเตียง
ทบทวนภาษาที่เพิ่งเรียนอย่างขมักเขม่น ก่อนหยิบหนังสือนิยายรักที่ มาเรียหยางให้มาอ่าน ภาคีอ่านมัน
อย่างตั้งใจ....เพราะเป็นการเริ่มต้นในการเข้าถึงจิตใจของอิสตรี....หรือใครหลายๆคน อย่างสั้นที่สุด....

ภาคีทำความสนิทสนมกับ พ่อค้าที่มาเที่ยวไนท์คลับ เพื่อได้พูดคุย เรียนรู้ถึงอุปนิสัย ของคนทำการค้า
ทั่วไป ว่ามีความคิดเห็นเกี่ยวกับสงคราม ที่กำลังจะสิ้นสุดลงอย่างไร ภาคีได้มุมมองใหม่ๆ จากคนเหล่านั้น
เขาใช้วิธีจำหลักการต่างๆ แล้วนำมาจดบันทึกไว้ หลังจากกลับมาที่บ้าน ภาคีเริ่มเข้าสังคมหนักขึ้น มิใช่
ไหลหลงในวิถีชีวิตเช่นนี้ แต่เพราะการเข้าถึงจิตใจคน ต้องรู้ทุกแง่มุม ทั้งผู้หญิง หรือผู้ชาย ภาคีมีเพื่อน
หลากหลายวงการ โดยเขาจะใช้สุราในการเชื่อมสัมพันธ์ ภาคีรู้จักการข่มอารมณ์จากคนเมา เขาเองไม่เคย
ดื่มจนเมามาย เขาดื่มเพื่อเข้าสังคมเท่านั้น มีหญิงสาวเข้ามาข้องเกี่ยวมากมาย ทั้งแวดวงการค้า หรือนักร้อง
ชื่อดังในขณะนั้น หญิงบริการ ภาคีให้เกียรติทุกคน ไม่ว่าคนผู้นั้นจะอยู่ในฐานะอะไรก็ตาม ไม่ใช่เพราะ
คารมที่เฉียบคม รูปร่างหน้าตาที่สมบูรณ์พร้อม หรือการจับจ่ายแบบมือเติบ การให้เกียรติ เป็นเสน่ห์ที่
ใครๆ ก็อยากเป็นเพื่อนสนิทกับภาคีทั้งสิ้น ดังนั้นเขาจึงมีเพื่อนที่เป็นนักดนตรีหลายคน เพราะนักดนตรี
จะมีข่าวให้เขาเสมอ ยามที่เขาต้องการสืบข่าวอะไร ทั้งหมดนี้มาจากนิยายรัก ที่มาเรียหยางให้อ่าน
ในตอนแรกเขายังคิดว่า การอ่านนิยายมันเป็นเพียงเรื่องผ่อนคลายเท่านั้น แต่เขากับได้ประโยชน์จาก
เรื่องนี้อย่างเต็มที่ ภาคีจะไปเรียนกับมาเรีย ทุกวันในตอน 9 โมงเช้า ถึง 4 โมงเย็น วันนี้ภาคีซื้อของฝาก
ให้มาเรียเป็นชุดใส่ลำลอง เพราะเขามีความรู้สึกพิเศษต่อเธอ....

"ผมอยากชวนคุณไปเที่ยวทะเล ตั้งแต่ผมเกิดมา ทะเลผมยังไม่เคยเห็น
ผมก็เลยอยากให้ครูมาเรีย พาผมไปรู้จักทะเลสักหน่อย"

มาเรียเบิ่งตาอย่างแปลกใจ เธอไม่นึกว่า ภาคีจะไม่เคยเห็นทะเล จึงอดถามเขา อย่างตรงไปตรงมาไม่ได้

"คุณภาคี ดิฉันขอถามอะไรตรงๆ ที่คุณให้ดิฉันสอนอะไรต่อมิอะไร เพื่ออะไร
คุณพอบอกอะไรให้ดิฉันทราบหน่อยได้ไหม..."

ภาคี ยื่นใบหน้าเข้าใกล้ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง

"คุณจะเชื่อไหม ว่าทั้งหมดที่ผมทำก็.... เพราะ....ผมอยากรู้จักคุณ ให้มากยิ่งขึ้น"

สายตาที่เขาจับจ้องมาเรียนั้น ร้อนแรงราวจะแผดเผาเธอให้หมอดไหม้ แต่เธอกลับกล่าวว่า

"คุณภาคี ถ้าดิฉันเป็นเด็กสาว ดิฉันคงเคลิบเคลิ้มก็คำหวานของคุณแล้ว
แต่ดิฉัน...ไม่ใช่
งั้นถือว่าดิฉันไม่ถามก็แล้วกัน..."

หญิงสาวรู้สึกตนว่าจะเหมือนเด็กสาวเข้าไปทุกวัน ทุกครั้งที่เขาบอกว่า เขาไปเที่ยวกลางคืน บนตัวมี
กลิ่นน้ำหอมที่ผู้หญิงใช้ ติดกายเขา เธอบังเกิดความหงุดหงิดขึ้นมาทันที แต่เธอก็ยังคงทำหน้าที่ถ่ายทอด
ความรู้ให้ ภาคีอย่างไม่ปิดบัง วันนี้เธอรู้สึกแง่งอน ชายหนุ่ม ที่ไม่ยอมเปิดเผยอะไรให้เธอได้รับรู้ ภาคียังคง
แสดงสีหน้าทะเล้น ก่อนจะถามเธออีกครั้ง

"ตกลงคุณครูมาเรียจะไปกับผมหรือเปล่า...รับรองว่า ลูกศิษย์คนนี้จะชื่อฟัง
คุณครูทุกอย่าง...ด้วยเกียรติของนายภาคีคนนี้"

แล้วมาเรียก็อดยิ้มออกมามิได้ แล้วเธอก็เอ่ยออกมา

"ฉันแต่งตัวนาน เจ้าระเบียบ บางทีก็ชอบบ่นโน่น บ่นนี่ แถมทานจุด้วย
คุณภาคี ยังคิดอยากจะชวน ดิฉันไปอีกหรือเปล่า..."

"ไม่มีปัญหา...ผมเอง ก็แต่งตัวเร็ว ไม่ค่อยมีระเบียบ หลายครั้งก็จะชอบนั่งนิ่งๆ
ให้คนมาดุด่าบ้าง แต่ที่ผมมีปัญหาก็คือ...ผมทานจุเหมือน คนบางคน"

มาเรียอดหัวเราะออกมาไม่ได้ แล้วหญิงสาวก็พยักหน้า ยอมรับ ภาคีจึงจับมือของมาเรียแล้วดึงขึ้น

"งั้นจะรออะไรอีกล่ะ...รีบไปแต่งตัวสิครับ...คุณนาย..."

ภาคีจึงพาเธอไปห้องแต่งตัวของเธอ แล้วเขาก็ออกจากห้องไปนั่งรอที่ห้องรับแขก เวลาผ่านไปไม่นาน
เธอเดินออกมาในชุดลำลองน่ารัก สวมหมวกที่เขาซื้อให้ และผ้าพันคอสีขาวบางเบา และกระเป๋าเดินทาง
ขนาดย่อม ภาคีดูนาฬิกา แล้วเอ่ยกระเซ้า

"ไม่นานเท่าไหร่ครับคุณนาย ที่แท้คุณก็แค่ขู่ผมเท่านั้นหึๆๆ..ไปกันเถอะ..."

ทั้งสองไปทะเลแถวบางแสน ถึงภาคีจะตื่นเต้นที่เห็นทะเลอันกว้างใหญ่แต่ก็ไม่ แสดงอาการนั้น ให้
มาเรียได้เห็น ทั้งสองเดินเล่นชายหาดอย่างคู่รัก มาเรียมีความสุขมาก เพราะตั้งแต่เธอหย่ากับสามี
ที่สิงคโปร์ เธอก็ไม่เคยมาเที่ยวกับใครเลย เพราะชีวิตเธอนั้น ตั้งใจจะเก็บเงินให้เยอะๆ เพื่อเป็นทุนให้
บุตรชาย แต่ตอนนี้ เธอมีอีกคนเข้ามาในหัวใจ ภาคีอดคิดถึง นรีไม่ได้ เพราะเขาเคยคิดภายในใจว่า
เขาจะพา นรีมาเที่ยวทะเลแบบนี้ แต่เขาคงไม่มีวันนั้น ภาคีหันมองไปยังสุดขอบทะเล มาเรียเดิน
มาหยุดหน้าของเขา เอ่ยถามอย่างสงสัย

"เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมยืนนิ่งแบบนั้น "

"ไม่มีอะไร ผมนึกอะไรเพลินไปหน่อย"

มาเรียยิ้ม ก่อนจะกล่าวเหมือนดั่งรู้จิตใจเขา

"คุณคงคิดถึง ความรักในสมัยก่อน...อาจจะนึกว่า ถ้าเธอคนนั้นมาอยู่ตรงนี้ คงดีไม่น้อย ใช่ไหม..."

ภาคีอดหัวเราะเบาๆ ออกมามิได้ ที่เธอช่างอ่านเขาได้ อย่างถูกต้อง เขาหันมาที่ มาเรียเอ่ยออกมาด้วย
น้ำเสียงทุ้มต่ำ

"คุณมาเรีย ผมอาจจะป็นคนที่เข้าใจง่ายในสายตาคุณ แต่ถ้าไม่ใช่คุณเข้ามาในใจผม
คุณคงอ่านผมไม่ออก จริงหรือเปล่า..."

มาเรีย จ้องดวงตาที่เข้มก่อนจะเอ่ยออกมา เหมือนการสั่งสอนลูกศิษย์เช่นเขา

"คุณภาคี ที่ฉันจะบอกก็คือ ไม่ว่าใครที่คุณจะอ่านเขา คุณต้องเข้าใจคนผู้นั้น
ดั่งคุณเป็นคนรักของเขา แล้วคุณจะเข้าใจในศัตรูของคุณทุกคน"

มาเรีย อมยิ้มอย่างมั่นใจ ที่เธอกล่าวออกมาในลักษณะนั้น ที่มีความหมายว่า ภาคีที่ต้องเรียนรู้ในการวางตัว
หรือเรียนภาาษาต่างประเทศ เพื่อก่อการอะไรบางอย่าง ที่ต้องมีศัตรู ในเส้นทางนั้น ภาคีขยับตัวเข้าไปใกล้
หญิงสาว ก้มมองมายังเธอด้วยสายตาที่แฝง ความอบอุ่น ดุจดั่งตะวัน ที่ขึ้นในยามเช้า ภาคีเอ่ยขึ้น

"มาเรีย ตอนนี้ผมมองว่าคุณ ไม่ใช่ครูของผม แต่คุณ คือหญิงสาว ที่เข้าใจผม
มากที่สุด ในขณะนี้ คุณพร้อม...จะกลับสิงคโปร์กับผมหรือยัง..."

มาเรียดวงตาทอประกายแฝงความยินดี เอ่ยออกมา

"นี่คุณจะให้ฉัน เดืนทางกลับสิงคโปร์ กับคุณ ในตอนนี้ งั้นหรือ..."

"ใช่แล้ว... ผมต้องการให้คุณไปกับผม ผมรู้ว่า คุณเองก็คิดถึง ไมเคิล บุตรชายของคุณ
ที่ในขณะนี้ คุณแม่คุณดูแลเขาอยู่
ตอนนี้ ผมว่าคุณพร้อมที่จะกลับบ้านของคุณแล้ว มาเรีย คุณคิดว่า
ผมอ่านคุณออกหรือเปล่า..."

มาเรีย อดยิ้มในความแยบคายของภาคีไม่ได้ ที่เขา เอ่ยเมื่อสักครู่ มันหมายความว่า ไม่ใช่เธอที่อ่านเขาออก
ตัวภาคีเอง ก็อ่านใจของเธอได้เช่นเดียวกัน หลังจากเดินเล่นชายทะเลจนพอใจ เขาไปส่งมาเรียที่ห้องพัก
เขาจองไว้สองห้อง ในขณะที่ มาเรียกำลังเข้าห้อง เธอหันมายังภาคี เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงปกติ

"ในเมื่อคุณอ่านจิตใจใครๆ ได้ ถ้างั้นคุณลองอ่านใจของฉันว่า ตอนนี้
ฉันอยากเชิญคุณเข้าห้อง...หรือเปล่า..."

ภาคี ยืนยิ้มก่อนถอดหมวกออก แล้วเดินเข้าไปใกล้ ใบหน้าของมาเรีย เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

"คุณเป็นครูของผม ทำไมคุณไม่สั่งผมล่ะ ลูกศิษย์คนนี้พร้อมทำตามคุณครู มาเรียทุกอย่าง"

"เรื่องบางเรื่อง ไม่สมควรสั่ง แต่ควรเป็นไปด้วยความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย"

ภาคียิ้มละมัย ก่อนชิดตัวเข้าไปในห้องหญิงสาว แล้วปิดประตู เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอีกครั้ง

"ถ้าเช่นนั้น ผมคงไม่ต้องอ่านใจคุณแล้ว เพราะผมเต็มใจ...อย่างยิ่ง..."

มาเรีย ใบหน้าบึ้งตึง แสดงเหมือนโกรธภาคี หันหลังเดินออกมาจากเขา ก่อนจะหันหน้ากลับมา ดวงตานั้น
แสดงให้ทราบว่า เธอต้องการเขา มากเพียงใด.....ทั้งคู่ก้าวเท้าเข้าหากันอย่างโหยหา บดร่าง ขยี้เข้าถึงกัน
ดั่งจะให้อีกฝ่าย ถูกทำลายให้แหลกราญ...ในชั่ว พริบตา......

มาเรียนอนหนุนตักภาคี ในขณะที่เขาลูบไล้ เรือนร่างของเธออย่างแผ่วเบา มาเรียถึงแต่งงานมาแล้ว
แต่ก็ไม่เคย ได้รับความเอาใจใส่จาก ใครมากเช่นนี้ ภาคีเหมือนรู้จิตใจเธอทุกอย่าง มาเรียเงยหน้าขึ้น
มาสบตากับเขา ก่อนเอ่ยถามออกมา

"คุณจะไปทำงานที่สิงคโปร์ หรือแค่เรียนรู้เฉยๆ..."

"ผมตั้งใจทำมันทั้งสองอย่าง...คุณว่าผมพอที่จะทำได้ไหม..."

เธอลุกขึ้นมาซบบนอกของชายหนุ่ม เอ่ยออกมา ด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน อ่อนหวานอย่างยิ่ง

"ได้อยู่แล้ว ไม่ว่าคุณตั้งใจ จะทำอะไร คุณทำสำเร็จแน่นอน มาเรียจะคอยอยู่
เคียงข้างคุณ.... จนถึงวัน ที่คุณไม่ต้องการฉัน..."

ภาคีจับไหล่หญิงสาวขึ้นมา จ้องดวงตาของเธอ มันแปรเปลี่ยนไปมาก แล้วกล่าวออกมาอย่างหนักแน่น

"ผมจะไม่ทิ้งคุณไปไหน โดยไม่จำเป็น.... เพราะชีวิตของผม มันไม่ใช่ของผม
ผมอาจมีชีวิตเพื่อใครไม่ได้ แต่ผมจะไม่ให้คุณต้องทำงานหนักแบบนี้อีกแล้ว ผมจะเป็นสามี
ที่ดีของคุณ และเป็นพ่อที่ดีให้กับลูกชายของคุณ ตลอดเวลาที่ผมยังอยู่...สิงคโปร์
ผมขอให้คำสัตย์...ต่อหน้าภรรยาของผม..."

มาเรียถึงแม้จะไม่เข้าใจทั้งหมด แต่ก็ไม่เสียใจในคำพูดของเขา นั่นเป็นเพราะมาเรีย รักเขามากนั่นเอง
เธอรักภาคี ตั้งแต่ที่เธอเจอเขาอีกครั้ง ที่สำนักงาน หรืออาจตั้งแต่ที่เจอกันครั้งแรก เธอคิดเพียงว่า ถ้าได้
อยู่ร่วมใช้ชีวิตกับชายคนนี้ แม้ตนเองจะต้องลำบากกว่าตอนที่รักกับสามีคนแรก เธอก็ยอม..... แล้วทั้งสอง
ก็แสดงความรักกัน... อีกครั้ง...และอีกครั้ง....

หลังจากนั้น อีกเดือนถัดมา ภาคี ก็พามาเรียหยาง ไปประเทศสิงคโปร์ โดยทางองค์กรเงา มอบเงินทุน
เขาก้อนหนึ่ง เพื่อสร้างตัวที่นั่น มันมากพอที่เขาจะค่อยๆ สร้างอาณาจักรขึ้นมา โดยมีเอกสารแนะนำให้
ไปพบใคร พร้อมที่ปรึกษาทางการประกอบการค้า หลังจากนั้นเพียงหนึ่งปี ชื่อของภาคี ก็โด่งดังใน
วงการธุรกิจ เพราะเป็นช่วงเวลาเดียวกัน ที่ญี่ปุ่น ประกาศยอมแพ้สงคราม อย่างไม่มีเงื่อนไข ภาคีพา
ไมเคิลบุตรชายของ มาเรียหยางมาอยู่ด้วยกัน ในบ้านเดี่ยวใจกลางย่านธุรกิจ มาเรียได้ทำหน้าที่ภรรยา
ของเขาอย่างสมบูรณ์ ชื่อของภาคีนั้น โด่งดังด้วยชื่อที่ นักธุรกิจชาวสิงคโปร์ เรียกเขาว่า วิลเลี่ยมหวาง
ปริ้นส์ ออฟ บิสซิเนส...ชื่อเสียงเงินทองไหลหลั่ง จนเขาได้ชื่อมหาเศรษฐีสายฟ้าฟาด.... เขาทำการค้า
ด้วยเงินทุนขององค์กรเงา และเติบโตอย่างมั่นคง ภาคีสามารถคืนเงินทุนที่ เขาได้มาจากองค์กรเงา
แล้วจ่ายคืนด้วยธุรกิจการเงินส่งออก ผ่านการแปรทรัพย์สิน นำเข้า และส่งออก มาเรียใช้ชีวิตกับภาคี
เยี่ยงสามีภรรยาที่ดี ตอนเย็นกลับบ้านเขาทิ้งงานไว้หมด เอาใจใส่เธอราวเจ้าหญิง ให้ความรักไมเคิล
ราวเจ้าชายตัวน้อย เด็กชาย ให้ความรัก และเคารพ ภาคีดุจดั่งบิดาของเขาจริงๆ แต่ภายในใจของ
มาเรีย ก็ยังไม่สงบ เพราะเธอตระหนักได้ว่า เธอนั้นเป็นเพียง ซินเดอเรลล่า ที่จะมีความสุขได้เพียง
เที่ยงคืนเท่านั้น และเวลาเที่ยงคืน มันใกล้เข้ามา ทุกขณะจิต.....

>>>>>>>>>>>> จบตอน <<<<<<<<<<<<

วันพฤหัสนี้อากาศดีนักหนา...(^ ^)...ขอให้อ่านให้สนุกนะครับ
ขอขอบคุณ...คุณน้องนุ่นอีกครั้ง ที่ยังคงติดตามมาไม่ขาด ขอบคุณจริงๆ จร้า...(^ ^)..V...



ภูวีร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ส.ค. 2557, 09:02:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ส.ค. 2557, 09:02:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 886





<< เคลื่อนเมฆา   'เมฆ ซ่อน ตะวัน' >>
lovereason 14 ส.ค. 2557, 21:58:30 น.
ชอบมาเรีย เสียดายซินเดอเรลล่าจะหมดเวลาซะแล้ว?
ทำกิจการอะไรนอกจากเก่งแล้ว ต้องฉลาด และดวงดีด้วยเนอะ
แต่น้องรีก็เก่งอะ เก่งกว่าใครๆเลย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account