ม่านลวง
การแต่งงานเพราะผลประโยชน์ทำให้เธอได้พบกับเขา ผู้ชายคนแรกในคืน one night stand น่าขำที่เธอตกหลุมรักชายคนนี้ทั้งที่ก่อนนั้นไม่อยากแต่งงาน และนั่นไม่ได้อยู่ในข้อตกลง แล้วเขาล่ะ...คิดกับเธออย่างไร
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 8 (1/2)



บทที่ 8


ชุดราตรีที่อยู่บนร่างกายของถิรมนตอนนี้ทำให้ไม่กล้าจะก้าวขาออกไปจากห้องเปลี่ยนเสื้อ แม้ว่าชุดจะสวยงาม หรูหรา ดูดี มีสไตล์ บ่งบอกรสนิยมอันเป็นเลิศ แต่เหมือนจะทำใจลำบากอยู่ดี นั่นก็เพราะชุดนี้เป็นชุดราตรีที่เปลือยแผ่นหลังเกือบถึงเอว ด้านหน้าคว้านลึกเห็นเนินอกรำไร ชุดเป็นลักษณะคล้องคอ ยาวกรอมเท้า เนื้อผ้าพลิ้วลื่นดูสวยงาม ไม่โป๊ แต่ก็เซ็กซี่เกินจะรับ


เกิดมาไม่เคยใส่เสื้อผ้าโชว์ผิวขนาดนี้มาก่อน ถึงจะสวยมากแต่ก็ทำใจลำบาก จนป่านนี้ก็ยังไม่กล้าออกจากห้อง ได้แต่หันซ้ายหันขวามองตัวเองในกระจก เพราะตัวชุดนั้นออกแบบเพื่อให้โชว์ผิวของผู้ใส่ สูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะตัดสินใจถอดบราออก คงงามพิลึกพิลั่นถ้าขอบบราโผล่ทั้งด้านหน้าด้านหลังแถมยังคาดบ่าให้เห็น


อยากถามปรมัตถ์เหลือเกินว่าเขาคิดอย่างไรจึงให้เธอใส่ชุดแบบนี้ เท่าที่ได้ยินคืองานการกุศลไม่ใช่หรือ แต่อีกใจก็บอกว่าคงไม่ใช่เพียงแค่งานเดียวที่ต้องไปด้วยกัน ไม่อย่างนั้นจะเตรียมชุดให้เลือกมากมายทำไม คนระดับปรมัตถ์คงไม่ได้ออกงานปีละหนหรือไปร่วมงานเลี้ยงของลูกค้าสามปีหนหนึ่งกระมัง เพราะการพบลูกค้าช่วยให้มีปฏิสัมพันธ์อันดีต่อกันและเป็นประโยชน์ในเบื้องหน้า เขาคงไม่ปล่อยโอกาสแบบนี้ไปง่ายๆ


ถิรมนกวาดตามองชุดทั้งหลายที่แขวนอยู่ในห้องนี้ ส่วนมากเป็นชุดเปิดไหล่ มากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่ลักษณะของชุดนั้นๆ น้อยนักที่จะเป็นชุดมิดชิดโชว์ผิวเพียงเล็กน้อย โชคดีที่วันนี้เธอปล่อยผมยาว จึงพอช่วยลดความประหม่าขัดเขินได้ระดับหนึ่งเมื่อต้องก้าวออกไป


คิดไปก็ถอนหายใจไป อยากเปลี่ยนเป็นชุดอื่นก่อนก็ไม่ได้ เพราะแต่ละชุดมีหมายเลขกำกับไว้ ต้องใส่ไล่เรียงไปตามลำดับที่ทางร้านกำหนดเพื่อป้องกันความสับสน ไม่อาจเปลี่ยนตามใจชอบ ปรมัตถ์เองก็กำชับก่อนหน้านี้ที่จะเข้ามาลองใส่ เขาบอกว่าทุกอย่างที่ทางร้านทำก็เพื่อง่ายต่อการทำงาน เพราะฉะนั้นลูกค้าก็ควรทำตามข้อกำหนดหรือแสดงความร่วมมือ ง่ายต่อการตรวจสอบรูปแบบชุดและเนื้อผ้าที่เลือกไว้ จะไม่ผิดพลาดสับสนเพราะไม่ได้สั่งชุดเดียว


ถิรมนมองตัวเองในในกระจกเงาอีกครั้งหนึ่ง ตรวจสอบความเรียบร้อยหลังจากถอดบราออกไป สูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อเรียกความมั่นใจกลับมา ที่รู้สึกหวิวๆ ก็คงเพราะไม่ชินเท่านั้น คนอื่นใส่ก็ดูสวยดี ไม่ได้โป๊หรือน่าเกลียดสักนิด เพราะฉะนั้นเธอใส่ไปแล้วก็คงไม่แตกต่าง เท่าที่เห็นก็ถือว่าออกมาดูดีทีเดียว เพียงแค่ไม่สวยเท่าที่เคยเห็นสาวๆ บนพรมแดงประชันกันเท่านั้นเอง


และในวินาทีที่ตัดสินใจเปิดประตูห้องอย่างจริงจังหลังจากชะงักมือไว้หลายครา สิ่งที่ไม่คาดคิดก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า แทบผงะเมื่อเห็นปรมัตถ์ยืนอยู่เต็มประตู ขวางทางเอาไว้


“พี่กำลังจะพังเข้าไปถ้าเธอไม่ออกมาอีกในสิบห้าวินาที” เขามองนาฬิกาข้อมือของตนเองให้รู้ว่าจับเวลาจริงๆ แขนของเขาที่พิงกรอบประตูไว้ก่อนนั้นขยับลงแนบลำตัว มองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ใบหน้าหล่อเหลาของเขายิ่งดูดี น่ารักมากมายเมื่อส่งยิ้มถูกใจมาให้


ถิรมนเผลอถอยก้าวหนึ่งเมื่อปรมัตถ์ขยับเข้ามาหา แววตาคมกริบระยิบระยับแพรวพราวเมื่อเพ่งพิศเธออย่างละเอียดลออ รู้สึกว่าหน้าแดงจนเกินจะห้ามไหว อยากหยิกตัวเองนักที่พยายามตัดใจ พยายามให้สงบนิ่งแต่ก็ทำไม่สำเร็จ เก็บอาการแทบไม่อยู่ พยายามย้ำว่าอย่าได้ใจสั่นเชียวนะ


ทว่าความจริงในตอนนี้คือแทบตรงกันข้าม...ใจของเธอสั่นมาก เต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นเลยทีเดียว


“พี่ไม่ได้ทำอะไรเธอสักหน่อย ทำไมต้องหน้าแดงขนาดนั้น” เขากลั้นหัวเราะ มองถิรมนยิ้มๆ “มือไม่ต้องกำแน่นขนาดนั้นก็ได้”


ถิรมนรีบปล่อยมือของตัวเองทันที เชิดหน้า คอแข็ง ยืนตัวตรงทันใด ความร้อนแล่นลิ่วขึ้นบนใบหน้าไม่ได้หยุดหย่อน มากกว่านั้นคือแทบไม่รู้ว่าควรวางมือตัวเองไว้ตรงไหน หรือควรทำอย่างไรต่อไป คำพูดของปรมัตถ์คงไม่ทำอะไรเธอได้หากไม่มีสีหน้า แววตา การมองและยิ้มกึ่งเย้าให้รู้ว่าคิดอะไรอยู่อย่างไม่ปิดบัง และแสดงออกว่า ‘รู้ทันนะ...ว่ากำลังเขิน’ เพียงเท่านี้ใจเธอก็เต้นแทบไม่เป็นจังหวะ เผลอกลั้นหายใจ


“เอาน่า...ไม่ต้องอาย ไม่ต้องเกร็ง อะไรที่เป็นครั้งแรกและยังรู้ตัวก็แบบนี้แหละ แต่เดี๋ยวก็ชินเอง ครั้งต่อไปอาจชอบก็ได้นะ” พูดแล้วยักคิ้วหลิ่วตา


แต่นั่นเขาพูดอะไรออกมา!


ถิรมนอยากหนีแต่ไม่ง่ายที่จะทำ เกรงว่าเขาอาจเข้าใจผิดจนเป็นเรื่องขึ้นมาอีก จึงได้แต่มองปรมัตถ์ทั้งใบหน้ายังแดงก่ำเช่นนั้น


ยิ่งเห็นแววตาของเขาที่ให้ความหมายในแบบที่รู้กันก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูก จะว่าคิดทะลึ่งไปเองก็คงไม่ใช่ แล้วนั่นจะทำให้เก็บอาการได้อย่างไร ทั้งที่พยายามตัดใจ พยายามนิ่งสงบให้มากที่สุด แต่เขาก็กลับจบความพยายามทุกอย่างของเธอได้รวดเร็วชนิดไร้ประโยชน์ที่จะต้านทาน


รู้แค่ตอนนี้สั่นๆ ร้อนๆ หนาวๆ วูบวาบสลับกันทั้งเนื้อทั้งตัว ทั้งเขิน ทั้งอาย สารพัดอารมณ์รุมกระหน่ำจนพูดอะไรไม่ถูกเสียแล้ว เกร็งจนปวดแก้มไปหมดเมื่อปรมัตถ์ขยับเข้ามาประชิด ไม่มีที่จะหนี ห้องนี้อาจกว้างกว่าห้องแต่งตัวทั่วไป แต่เมื่อรวมเสื้อผ้าจำนวนไม่น้อยและตัวของเขาที่สูงใหญ่กำลังยัดเยียดเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่ง จึงกลายเป็นว่าเธอตกอยู่ในวงล้อมของปรมัตถ์โดยไม่มีทางเลี่ยง


เขาจับต้นแขนทั้งสองของเธอเอาไว้


ระหว่างที่กำลังเกร็งสุดขีด อีกฝ่ายกลับค่อยๆ หมุนตัวเธอให้หันหน้าไปทางเดียวกัน ถิรมนแอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ระมัดระวังกิริยาให้มากที่สุดเพราะไม่อยากให้เขารับรู้


และแล้วภาพที่เห็นสะท้อนกระจกกลับมาตอนนี้แทบทำให้ตัวแข็งค้าง แน่ชัดว่าเขินจนใบหน้าเป็นสีชมพูจัดโดยไม่ต้องแต่งแต้มเครื่องสำอางใดๆ ยิ่งเหมือนจะลืมหายใจเมื่อเห็นรอยยิ้มของปรมัตถ์ที่กำลังมอบให้มา เขาดูหล่อเหลางดงามเกินจะบรรยาย ชวนมองเมื่อแววตาเปล่งประกายระยิบระยับบ่งบอกความหมายลึกซึ้งซึ่งยากจะลืมเลือน


ถิรมนแทบหยุดหายใจ ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่มองภาพสะท้อนในกระจกนั้น มือทั้งสองของปรมัตถ์ยังคงเกาะบ่าของเธอเอาไว้ มองเธอตาไม่กะพริบ สัมผัสอุ่นจากฝ่ามือหนานุ่มของเขาค่อยๆ ไล้ลงไปตามแขนของเธออย่างเชื่องช้าอ่อนละมุน โอบกอดหลวมๆ จากด้านหลังอย่างอ่อนโยน


ทุกการกระทำที่เห็นผ่านกระจกนี้ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเธอกำลังหวั่นไหวอย่างมากมาย


“เคมีเราเข้ากันจริงๆ” เสียงทุ้มนั้นบ่งบอกอารมณ์หลากหลายที่เต็มไปด้วยความสุข รอยยิ้มและแววตาอ่อนหวานเมื่อมองมา


อบอุ่นเกินจะบรรยายเมื่อเห็นเช่นนี้ รับความรู้สึกที่ปรมัตถ์กำลังถ่ายทอดให้ตอนนี้ ยากจะพรรณนาข้อความทั้งหลายในใจเมื่อเห็นเขากระทำ ดวงตาคู่คมของเขานั้นยังคงจ้องมองเธอ รอยยิ้มงดงามยังคงอยู่ สวยงามมากกว่าครั้งใดที่เธอเคยเห็น สีหน้าของเขาดูอ่อนโยนมากมายเหลือเกิน การกอดเธอเอาไว้ในท่าทางเช่นนี้ช่างมีความหมาย


ทุกอย่างที่เกิดขึ้นแทบจะทำให้ลืมหายใจ ไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วหัวใจของตัวเองกำลังเต้นแรง เต้นรัว เต้นเร็ว หรือหยุดนิ่งกันแน่ รู้เพียงแค่โลกทั้งใบหยุดหมุน ตรึงเธอไว้กับปรมัตถ์...อยู่กับภาพตรงหน้านี้ และสวยงามที่สุดในชีวิตนับตั้งแต่เกิดเป็นตัวตน


ความอบอุ่นอ่อนหวานโอบกอดมิรู้คลาย ถิรมนได้แต่เก็บภาพนี้ไว้ในใจและค่อยๆ ยิ้มออกมา


ปรมัตถ์ก้มลงหอมศีรษะของเธออย่างอ่อนโยน กอดแน่นขึ้นกว่าเดิมนิดหนึ่ง กระซิบบอกทั้งยังกอดเอาไว้และเงยหน้ามองถิรมนผ่านกระจกนี้ “เปลี่ยนชุดเสร็จแล้วเรียกพี่นะ ไม่ต้องออกไป” พูดจบก็ค่อยๆ ถอยห่าง มองเธอกระทั่งประตูปิดลง


ถิรมนได้แต่ยกสองมือขึ้นประคองแก้มของตนเอง รู้สึกปวดแก้มจนแทบทนไม่ไหวอีกต่อไป เก็บรอยยิ้มไม่ได้อีกแล้ว


‘ใจเย็นๆ เลิฟ... ใจเย็นๆ หวานนิดหวานหน่อยได้ แต่ต้องไม่เผลอไปกับเขาเชียวนะ’ บอกตัวเองเช่นนั้นก็หันไปล็อกประตู ทว่าก็ยังยิ้มกว้างออกมาอยู่ดี หัวใจอบอุ่นมากมาย โลกทั้งใบสดใสอย่างไม่เคยเป็น


การเปลี่ยนชุดใหม่ทำได้รวดเร็วและไม่ตะขิดตะขวงใจ ถิรมนเปิดประตูออกมาอีกครั้งจึงเห็นว่าปรมัตถ์นั่งอยู่บนเก้าอี้ทรงสูงที่น่าจะเพิ่งเอามาเพราะก่อนนี้ไม่มี เขานั่งขวางทางอยู่ตรงนี้โดยไม่สนใจใคร ไม่ได้ลุกขึ้นเมื่อเห็นเธอเปิดประตู ทำเพียงแค่กอดอก นั่งไขว่ห้าง ยิ้ม และมองมา นั่งอยู่ตรงนั้นและบดบังสายตาคนภายนอกไม่ให้รู้ว่าเธออยู่ในชุดอะไร หรือใส่แล้วออกมาเป็นแบบไหน อาจเห็นเพียงแค่ศีรษะหรือใบหน้าของเธอที่โผล่พ้นไหล่พ้นศีรษะของปรมัตถ์ออกมาเล็กน้อยเท่านั้น


ถิรมนรอดูว่าเขาจะทำอย่างไรตอไป ปรมัตถ์อยู่ในท่าทางสบายๆ หลับตาลงช้าๆ พร้อมกับพยักหน้านิดหนึ่งเมื่อมองอย่างพอใจโดยไม่เอ่ยถ้อยคำ ไม่มีเสียงของเขาว่าให้เปลี่ยนชุดใหม่ มีแค่สีหน้าและท่าทางที่เป็นสัญญาณให้รู้ว่าพอใจ ไม่ถูกใจ เรียบร้อย และเปลี่ยนชุดได้แล้ว


นั่นจึงเริ่มกระบวนการลองชุดอย่างจริงจังทันที ถิรมนอยากขอบคุณเขาที่ไม่เข้ามาในห้องจนทำให้เธอหมดเรี่ยวหมดแรงไปมากกว่านี้


และทุกอย่างเป็นเหมือนที่ปรมัตถ์บอก เธอเริ่มชินกับการลองชุดโดยให้เขาเป็นคนดู เป็นคนช่วยตัดสิน เห็นเพียงปรมัตถ์จดบางอย่างลงในกระดาษแผ่นหนึ่ง ปล่อยให้เธอเปลี่ยนชุดไปเรื่อยๆ ห้า... หก... เจ็ด... กระทั่งชุดที่สิบก็มีแค่รอยยิ้มและแววตาที่แสดงออกมา รู้ใจกันโดยไม่ต้องเอ่ยอะไร ถิรมนไม่ขัดเขินอีก คุ้นเคยอย่างรวดเร็ว จนประตูห้องเปลี่ยนเสื้อปิดๆ เปิดๆ นับครั้งไม่ถ้วน


“เดี๋ยวพี่มานะ” เสียงนั้นดังมาจากด้านนอกขณะประตูยังปิดอยู่


“ค่ะ” ถิรมนตอบไป รูดซิบด้านหลังอย่างระมัดระวัง


ชุดนี้เป็นชุดท้ายๆ ที่ทางร้านจัดเตรียมไว้ให้ลอง ซึ่งทั้งหมดที่สวมไปแล้วและนับรวมตัวนี้ก็น่าจะยี่สิบหกชุด ยังเหลืออยู่อีกประมาณห้าชุดจึงจะครบ แต่แค่นี้ก็ยืนกันให้เมื่อยไปเลยทีเดียว


ถิรมนมองนาฬิกาข้อมือตนเอง เวลาผ่านไปสี่ชั่วโมงกว่าแล้วหรือ แต่ก็มีเพียงรอยยิ้มปรากฏออกมา


หญิงสาวมองภาพสะท้อนในกระจกเงานั้น ชุดนี้ช่วยให้เธอดูสวยกว่าที่เคยเป็น สวยกว่าทุกชุดที่ได้ลองใส่ ส่งเสริมให้ดูดีงามสง่าจนนึกชมตัวเองได้เหมือนกันทีเดียวแหละ


ถิรมนหมุนตัวไปทางซ้าย... หมุนไปทางขวา... และยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ แม้จะวับแวมไปบ้างแต่ก็ไม่อนาจารทางสายตา


‘อยากให้พี่มัตถ์ได้เห็นจัง’






สุชาคริยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ส.ค. 2557, 20:13:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ส.ค. 2557, 20:13:18 น.

จำนวนการเข้าชม : 1600





<< บทที่ 7 (3/3)   บทที่ 8 (2/2) >>
ใบบัวน่ารัก 19 ส.ค. 2557, 21:14:51 น.
ว้ายยยยย พี่มัตอะ เค้าอ้ายยยนะ
พูดคุยกันบ้าง น้องเลิฟมีแต่ความคิดภายในใจเขียนมาหลายตอนแล้ว
พี่อ่านพี่เข้าใจ แต่พี่มัตเค้าไม่ได้อ่านกับพี่นะ ก็เลิฟเอาพี่มัตไปอยู่ข้างๆเลิฟมาหลายตอน
มัตเค้าม่ยรุ้แต่ก็บอกๆๆพี่มัตเค้าไปบ้างว่าแอบมีใจให้ ว้ายยยย
พี่มัตจะทำอะไรน่ะ เค้าอายยยยนะ เกรงใจเลิฟบ้าง
เลิฟเค้ามองตาขวางแล้วววววอะ


นักอ่านเหนียวหนึบ 19 ส.ค. 2557, 21:22:39 น.
อืมมมม มองตาก็เข้าใจ เคมีเราเข้ากันได้ อืมมม พี่มัตจะเก็บคำว่ารีก ไว้บอกใครหรือเปล่าคะ แหม่ๆๆๆๆๆ


แว่นใส 19 ส.ค. 2557, 21:25:38 น.
เขาอิจฉาตัวนะ


คิมหันตุ์ 19 ส.ค. 2557, 22:44:28 น.
อ่านไปก็เขินไปแอร้ยยยย


สุชาคริยา 19 ส.ค. 2557, 23:01:28 น.

ตอบจากคอมเม้นท์ตอนที่แล้ว>>
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ = พี่มัตถ์น่าจะไม่โง่หลังจากนี้นะคะ ^^
คุณ pseudolife = ดีใจที่ชอบค่ะ
คุณใบบัวน่ารัก = 5555 จับปล้ำเลยเหรอคะ

----------------------------------------------------

ตอบจากคอมเม้นท์ตอนล่าสุด >>
คุณใบบัวน่ารัก = 55555555555
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ = อิอิ
คุณแว่นใส = (^.^)
คุณคิมหันตฺุ์ = (^.^)


แล่นแต๊ 20 ส.ค. 2557, 00:22:05 น.
พี่มัตถ์....แบบนี้กำลังอ่อยน้องเลิฟให้ตายใจรึเปล่า??


konhin 20 ส.ค. 2557, 02:24:13 น.
ขยันหยอดจริงๆพี่มัตถ์


OhLaLa 20 ส.ค. 2557, 07:01:51 น.
พี่มัตถ์เหมือนเข้าไปอยู่ในความคิดของเลิฟเลยค่ะ รู้ทันความคิดเลิฟไปซะหมด น่ากลัวจริงๆ ผู้ชายคนนี้


supayalak 21 ส.ค. 2557, 21:28:17 น.
ตัวเองก้อเริ่มชอบเค้าใช่ม้า รู้น่าาาาาาา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account