เหลี่ยมร้ายลายพยัคฆ์
เหลี่ยมร้ายลายพยัคฆ์
ประพันธ์โดย...กันต์ระพี
(ลิขสิทธิ์งานเขียนเรื่องนี้เป็นของสนพ. Touch publishing)

อลิส..นักโจรกรรมสาวพราวเสน่ห์หวังช่วงชิงไดมอนด์เฟอร์เซีย แต่เหตุการณ์กลับพลิกผันนำเธอสู่ทะเลทราย ดินแดนที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งรัก

เปิดให้ทดลองอ่านบางส่วนเท่านั้น!!
หมายเหตุ...
งานเขียนเรื่องนี้เดิมทีชื่อพยัคฆ์สาวเจ้าหัวใจชีค
ปัจจุบันต้นฉบับได้รับการปรับเปลี่ยนเพื่อความสมบูรณ์ของเนื้อเรื่อง
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 3

กายรุดมาดูอาการอลิสในเช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากทราบข่าวว่าการเข้าโจรกรรมประสบกับความล้มเหลวและหล่อนก็ได้รับบาดเจ็บ นี่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่เขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ถึงแม้ว่าคราวนี้หล่อนจะมีแค่รอยฟกช้ำตามร่างกาย ไม่ต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มเป็นเดือน เหมือนเมื่อครั้งที่คิดการใหญ่เข้าช่วงชิงภาพวาดจนได้ลูกตะกั่วติดตัวมาเป็นของแถม

“ผมบอกแล้วใช่ไหมว่าชีคลาซิสชำนาญการต่อสู้ด้วยมือเปล่า ทำไมถึงไม่ฟังกันบ้างเลย ถ้าคุณเชื่อผมสักนิดก็คงไม่เจ็บตัวแบบนี้” กายบ่นอุบ แต่ถึงกระนั้นก็มีแก่ใจทายาและนวดคลึงให้หญิงสาว

“พอๆ เลิกบ่นเสียทีจะได้ไหม ฉันฟังจนหูชาแล้วเนี่ย แล้วก็นวดให้เบาๆ หน่อย ฉันเจ็บจะแย่อยู่แล้ว”

“เจ็บก็ดีแล้วนี่ ทีหลังจะได้ไม่เข้าไปยุ่งกับเขาอีก”

“ฝันไปเถอะ ไว้รอให้นกมีหูหนูมีปีกก่อนเถอะ...แล้วฉันจะทำตามที่นายบอก คราวนี้ฉันชะล่าใจก็เลยประมาทไปหน่อย แต่คราวหน้าฉันจะเอาไดมอนด์เฟอร์เซียมาให้ได้ นึกแล้วก็ยังแค้นไม่หาย ถ้าเมื่อคืนอีตาชีคนั่นไม่จับ...” อลิสชะงักคำพูดไว้แค่นั้น พลันนึกขึ้นมาได้ว่ากำลังจะพูดเรื่องไม่สมควรออกไป ทว่าไม่ทันเสียแล้ว เพราะคนที่ทายาให้นั้นมองมาด้วยความสงสัย

“จับอะไร...เขาจับอะไรคุณ?”

“ก็...ก็จับแขนจับขายังไงล่ะ นายก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ เขาทำฉันเขียวไปหมดทั้งตัว” อลิสบอกปัดๆ แล้วหลุบสายตาลงต่ำ ไม่กล้าสบตาเพื่อนสนิท ด้วยเกรงว่าเขาจะรู้ว่าหล่อนพูดปด

“แล้วคุณยังเจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่า ผมจะได้ทายาให้”

“ไม่ต้อง!” อลิสพลั้งปากออกไปเกือบจะเป็นตวาด ก็รอยเขียวช้ำในร่มผ้าจะให้บุรุษทายาให้ได้อย่างไรกัน ครั้นเห็นกายมองมาก็รู้ตัวว่าพลาดไปถนัด

“เอ่อ...ฉันหมายถึงว่าไม่เจ็บแล้ว นายไม่ต้องทายาให้ฉันแล้วล่ะ” อลิสยิ้มแหยๆ แก้เก้อ

“วันนี้คุณดูแปลกๆ ไปนะอลิส เป็นอะไรหรือเปล่า?”

“ป...เปล่า ฉันไม่ได้เป็นอะไร ก็แค่เพลียนิดหน่อยน่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นผมกลับก่อนก็แล้วกัน คุณจะได้พักผ่อน แล้วอย่าลืมทานยาด้วยล่ะ” กายกำชับ พลางลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะส่ายหน้าอย่างนึกระอา เมื่อเห็นอลิสทำจมูกย่นเชิงล้อเลียนแล้วทิ้งศีรษะลงบนหมอนใบนุ่ม ในจังหวะที่เขาจะก้าวออกจากห้อง หล่อนก็ท้วงไว้

“เดี๋ยวสิ...อย่าเพิ่งไป ฉันมีอะไรบางอย่างให้นายทำ”

กายชะงักปลายเท้าพลางหันมอง ครั้นเห็นอลิสยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาก็เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเป็นเชิงถาม

“ช่วยโทรไปนัดสัมภาษณ์ชีคลาซิสให้หน่อยสิ” อลิสเฉลยเสียงอ้อมแอ้ม

“อะไรนะ!”

“ก็อย่างที่บอกไปนั่นแหละ พอดีฉันเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าถ้าเราอยากได้ลูกเสือก็ต้องเข้าถ้ำเสือ อีกอย่างการบุกเข้าไปกลางวันก็มีข้อดีตรงที่เขานึกไม่ถึง ไม่ทันระวังตัว เพราะคิดว่าเราจะไม่ทำอย่างนั้น”

“แต่ผมไม่คิดอย่างคุณ อย่าลืมสิว่าคุณเพิ่งจะเข้าจู่โจมเมื่อคืน แหวกหญ้าให้งูตื่นแบบนั้น...เป็นใครก็ต้องระวังตัว เขาคงไม่ให้ใครเข้าไปสัมภาษณ์ง่ายๆ หรอก แต่คงตรวจสอบประวัติอย่างละเอียดยิบ”

“ก็เพราะอย่างนั้นน่ะสิ ฉันถึงต้องพึ่งนาย อย่าทำให้ฉันผิดหวังนะกาย”

“เอาเป็นว่าผมจะพยายามก็แล้วกัน” กายตอบแบ่งรับแบ่งสู้แล้วก้าวออกจากห้อง ถึงแม้ว่าการเจาะข้อมูลเพื่อเพิ่มชื่ออลิสเข้าไปเป็นพนักงานของนิตยสารฉบับใดฉบับหนึ่งจะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา แต่กายก็ยังไม่มั่นใจว่าแผนการนี้จะสำเร็จ เพราะอลิสอาจจะไม่ผ่านขั้นตอนการตรวจค้นก่อนที่หล่อนจะเข้าพบชีคลาซิส ถึงกระนั้นก็คร้านจะโต้เถียง เพราะรู้ดีว่าไม่มีประโยชน์

ทันทีที่ลับร่างสูงของกาย อลิสก็ลุกขึ้นนั่งปลดกระดุมเสื้อสำรวจร่องรอยที่ชีคลาซิสฝากไว้บนทรวงอก ครั้นเห็นรอยเขียวช้ำปรากฏอย่างเด่นชัดก็หยิบยามาทาไล้แต่เบามือ

“อีตาชีคบ้า! ที่อื่นมีจับตั้งเยอะตั้งแยะไม่รู้จักจับ ดันมาขยำหน้าอกฉันซะเขียวเชียว คอยดูนะ...ถ้าเจอกันเที่ยวหน้าละก็ แม่จะเตะให้สูญพันธุ์เลย” อลิสบ่นกระปอดประแปด พลางทำตาประหลับประเหลือกนึกสาปแช่งชีคหนุ่ม...



แม้ระเบียงด้านนอกจะมีสายลมพัดผ่านเหมาะแก่การนั่งจิบน้ำชาในยามบ่าย แต่ชีคลาซิสกลับนั่งไม่ติด หงุดหงิด ด้วยใคร่รู้ความเป็นไปในเรื่องที่สั่งการลงไป จนต้องเรียกอับดุลลาหัวหน้าราชองครักษ์มาสอบถาม

“เรื่องโรงแรม...กระหม่อมจัดการตามที่ฝ่าบาทมีรับสั่งเรียบร้อยแล้วพระเจ้าค่ะ ส่วนเรื่องชายหนุ่มที่มีพระประสงค์ให้สืบประวัติ นักสืบจะถวายรายงานในวันรุ่งขึ้น”

“แล้วเรื่องหัวขโมยล่ะ

“ยังไม่มีอะไรคืบหน้าพระเจ้าค่ะ”

“หมายความว่ายังไงที่บอกว่าไม่มีอะไรคืบหน้า ก็บอกแล้วไงว่าคนที่ส่งกระเช้าดอกไม้มาให้เราคือหัวขโมยที่บุกเข้ามาในห้อง หรือเจ้าไม่ได้สอบถามประชาสัมพันธ์ตามที่เราสั่ง”

“หามิได้พระเจ้าค่ะ กระหม่อมสอบถามและตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดแล้ว แต่คนที่นำกระเช้าดอกไม้มาฝากทิ้งไว้แต่ชื่อเล่นและก็ยังแต่งตัวรัดกุม ทั้งสวมหมวกใส่แว่นและคาดผ้าปิดจมูก ทำให้คนของเราไม่สามารถระบุเพศได้อย่างแน่ขัด”

“พวกเจ้าทำงานกันประสาอะไร เราให้สืบหาผู้หญิงแค่คนเดียวก็ทำไม่ได้”

“หัวขโมยนั่นเป็นหญิงเหรอพระเจ้าค่ะ” อับดุลลามีสีหน้าแปลกประหลาดใจ

“ก็ใช่นะสิ เราถึงได้โมโหอยู่นี่ยังไงล่ะ”

“ถ้าฝ่าบาทไม่มีรับสั่ง กระหม่อมไม่มีวันเชื่ออย่างเด็ดขาด”

“ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เจ้าก็เห็นผลงานอยู่แล้วนี่ ผู้หญิงคนนั้นต้องไม่ใช่หัวขโมยธรรมดาแน่ ถึงได้ล่วงรู้เรื่องห้องพักของเราที่เก็บเป็นความลับตลอดจนหนทางหลบหนี แสดงว่าต้องมีการเตรียมตัวและวางแผนมาเป็นอย่างดี บางที...อาจจะไม่ได้ทำงานคนเดียว แต่มีผู้สมรู้ร่วมคิดอยู่เบื้องหลัง”

“ฝ่าบาททรงคิดว่านี่เป็นการบุกเข้าโจรกรรมอย่างนั้นเหรอพระเจ้าค่ะ”

“ใช่...ถ้าเราเดาไม่ผิด เป้าหมายก็คือไดมอนด์เฟอร์เซีย”

. “ถ้าอย่างนั้นกระหม่อมจะจัดเวรยามเสริมเพิ่มการอารักขา เพื่อความปลอดภัยของฝ่าบาทและคุ้มครองสร้อยเพชรล้ำค่าไปในตัว”

“ไม่จำเป็น เรื่องแค่นี้เรารับมือได้”

“แต่ฝ่าบาทไม่ควรประมาท ถึงหัวขโมยนั่นจะเป็นหญิง แต่ก็เก่งฉกาจไม่แพ้ชายนะพระเจ้าค่ะ”

“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้องห่วง ต่อให้หัวขโมยนั่นเก่งแค่ไหน ยังไงก็เป็นหญิง ไม่มีวันที่จะสู้แรงผู้ชายได้”

“แต่...”

“เจ้าจะไปทำอะไรก็ไปอับดุลลา อย่ามาพูดเซ้าซี้น่ารำคาญ” ชีคลาซิสโบกพระหัตถ์แล้วดำเนินกลับเข้ามาประทับนั่งบนโฟซาภายในห้องที่ประทับ

ครั้นหัวหน้าราชองครักษ์ที่เดินตามหลังเห็นชีคหนุ่มหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมากาง ก็พลันนึกอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง จากที่จะล่าถอย...

“ขอเดชะ...กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลอีกเรื่องหนึ่งพระเจ้าค่ะ”

“เรื่องอะไรอีกล่ะ” มีรับสั่งเนือยๆ

“เมื่อสักครู่นิตยสารกู๊ดแมนโทรมาขอพระราชทานสัมภาษณ์ฝ่าบาทเป็นการส่วนพระองค์พระเจ้าค่ะ”

“เจ้าก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าเรามาเมืองไทยทำไม เราไม่มีเวลาว่างมานั่งตอบคำถามไร้สาระที่พวกนักข่าวชอบถามหรอก ปฏิเสธกลับไป บอกว่าช่วงนี้เราต้องการความเป็นการส่วนตัว” พระสุรเสียงที่บ่งบอกความหงุดหงิดเจือความเบื่อหน่าย

“รับด้วยเกล้าพระเจ้าค่ะ” อับดุลลาโค้งศีรษะ ทำท่าจะก้าวออกจากห้อง ทว่าชีคลาซิสกลับท้วงขึ้น

“เดี๋ยว...เราเปลี่ยนใจแล้ว บอกนิตยสารฉบับนั้นว่าเราจะให้สัมภาษณ์พรุ่งนี้ช่วงบ่าย” ชีคลาซิสแย้มพระโอษฐ์อย่างหมายมาด ทรงคิดจะยั่วยุให้เกิดการโจรกรรมขึ้นอีกครั้ง ด้วยการประทานสัมภาษณ์ที่เก็บซ่อนสร้อยเพชรล้ำค่านามไดมอนด์เฟอร์เซียกับนักข่าว และหากเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ หัวขโมยสาวนั่นจะเป็นฝ่ายมาหาพระองค์เอง โดยไม่ต้องส่งคนออกตามหาให้เหนื่อย...





กันต์ระพี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ส.ค. 2557, 14:48:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ส.ค. 2557, 14:48:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 1399





<< ตอนที่ 2   ตอนที่ 4 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account