ทิพย์เทวี
เธอลงมาช่วยเหลือผู้มีพระคุณให้พ้นภัย แต่เรื่องดันวุ่นเพราะใช้ฤทธิ์เดชไม่ได้

นางฟ้าเคยเลิศเลอในแดนสรวงกลับไม่ต่างจากวิญญาณง่อยเปลี้ย

ไม่รู้ว่างานนี้นางฟ้าต้องช่วยมนุษย์หรือมนุษย์ต้องช่วยนางฟ้ากันแน่
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 3 (1/2)




ทิพย์เทวีชุดนี้ยังเป็นต้นฉบับแบบด้นสด ดังนั้นคงมีคำผิด คำสลับ เนื้อหากระโดดไปบ้าง ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้นะคะ และขอบพระคุณพี่น้องนักอ่านทุกท่านที่คิดตามค่ะ


รัก...

อ้อย/สุชาคริยา




------------------------------------------------------








บทที่ 3


วันนั้นท้องฟ้าสดใส เมฆสีขาวลอยเป็นกลุ่มก้อน ไหลเอื่อยเรื่อยๆ ลากกันไปตามแรงลมที่พัดพา ไม้ใหญ่ไม้น้อยเอนลู่ไปตามลม ใบไม้พัดปลิวเสียดสีเคล้าเสียงนกร้องดังแว่วมาเป็นระยะ รอบบ้านที่มีบริเวณกว้างนั้นเงียบสงบ พื้นหญ้าติดกับใต้ถุนเรือนไทยภาคกลางแบบเรือนหมู่มีบางอย่างอยู่ตรงนั้น ใกล้กับพื้นที่เทคอนกรีตตรงใต้ถุน ลักษณะเหมือนคนนอนคู้ตัว


บดินทร์เพ่งมองจากระยะไกลขณะรถของเขาผ่านพ้นประตูรั้วเข้ามา ก่อนนั้นที่ลงมาเปิดประตูไม่ทันสังเกต เขาหยุดรถ เพ่งมอง ขยับแว่นตาไปพลาง แม้รู้ดีว่าการขยับแว่นตานั้นแทบไม่มีผลอะไรต่อการมองเห็นมากกว่าเดิม


เขาหันหลังกลับมามองประตูรั้วที่เปิดค้างเอาไว้ มองซ้ายมองขวาหาความผิดปกติว่ามีใครเข้ามาหรือเปล่า รถยังติดเครื่องอยู่ เขาไม่มีเพื่อนหรือใครจะมารอบ้านนี้แน่ๆ และที่นี่ก็ไม่มีลูกจ้างเช่นกัน เดิมทีมีแค่ยายแร่มกับหลานชายวัยสิบขวบซึ่งก็คือเจ้าติณหรือติณภพ และนับตั้งแต่วันนี้จะมีเขาเพิ่มเข้ามา


ตอนออกไปกับยายแร่มกับเจ้าติณเพื่อดูแลการขนย้ายข้าวของจากคอนโดมิเนียมใจกลางเมือง บ้านนี้ก็ไม่มีใครอยู่เช่นกัน และไม่เคยให้กุญแจกับใคร จึงสงสัยว่านั่นคืออะไร ใช่คนจริงหรือ แล้วถ้าใช่...มานอนอยู่ตรงพื้นหญ้าใกล้ใต้ถุนเรือนทำไม ทว่าอีกใจก็ตอบไม่น่าเป็นไปได้หรอก


เฮ้อ... ยิ่งคิด ความคิดก็ยิ่งตีกันสับสนวุ่นวาย


สรุปว่าตอนนี้ที่บ้านไม่มีใครเลยนอกจากเขาคนเดียวและยังนั่งอยู่ในรถยนต์ของตัวเอง ส่วนยายแร่มกับเจ้าติณกำลังนั่งมากับรถขนย้ายข้าวของเพื่อนำทาง ไม่ได้อยู่ที่นี่ และนั่นจึงทำให้ความสงสัยมากเป็นทวีคูณว่าที่เห็นตรงนั้นน่ะ...คืออะไรกันแน่


บดินทร์ค่อยๆ ขับรถเข้าไป มองสิ่งนั้นแทบไม่กะพริบตา จับจ้องตลอดทางที่ขับรถเข้าไปยังโรงจอดซึ่งอยู่ใกล้กับตัวบ้าน ไม่รู้ว่าเป็นโจรหรือเปล่า แต่กระนั้นสิ่งที่เรียกสายตาได้ดีเห็นจะเป็นร่างเปลือยเปล่าขาวจั๊วนอนอยู่กลางแดด ลักษณะเหมือนผู้หญิง และถ้าแอบแดดจริงก็คงไม่นอนคะแคงคู้ตัวอยู่บนพื้นหญ้าโดยไม่ใช่อะไรรองแบบที่เห็นแน่ๆ


บดินทร์ลงจากรถทันทีเมื่อจอดไว้เรียบร้อย ในหัวมีแต่คำถามว่านั่นคือใคร มาจากไหน เข้ามาอยู่ในบ้านนี้ได้อย่างไร มาเมื่อไหร่ และคำถามอื่นๆ ซึ่งติดตามมาเป็นขบวน


ทว่าไม่มีคำตอบ


เขามองรอบบ้าน ที่นี่ต้นไม้ค่อนข้างสูงใหญ่ก็จริง แต่กำแพงอิฐบล็อกก่อเป็นแนวสูงเช่นกัน เหนือกำแพงนั้นมีลวดหนามพันขดอยู่โดยรอบ ไร้ช่องว่าง และไม่ใกล้แนวต้นไม้ คงไม่ง่ายที่ใครจะปีนเข้ามาโดยไม่ได้เลือดหรือบาดแผล


หรือจะเข้าทางประตู...ก็คงไม่ใช่อีก เขามองขึ้นไปบนฟ้า มองทั่วพื้นหญ้าสีเขียว มองตัวบ้านซึ่งอยู่เกือบกึ่งกลางของพื้นที่ทั้งหมด มองพื้นคอนกรีตใต้ถุนเรือน


ไม่มีอะไรบ่งบอกให้รู้ว่าคนคนนั้นเข้ามาได้อย่างไร ไม่มีร่องรอยอะไรสักอย่างให้เห็น


‘หรือว่าจะปีนเข้ามาจริงๆ’ คิดแล้วก็ยังยืนนิ่งอยู่ตรงนี้ ไม่ได้เข้าไป


เขาอยู่ห่างจากร่างที่นอนนั้นประมาณสิบเมตรเมื่อกะระยะด้วยสายตา ไม่เข้าใกล้ทันทีเพราะต้องระวัง แน่นอนว่าเขาไม่มีคนรู้จักจะกล้าหาญชาญชัยได้ขนาดนี้ แถมยังมาโผล่ในบ้านเขาด้วยวิธีเป็นปริศนาที่สุด จะทะเล่อทะล่าเข้าไปก็อาจเป็นอันตราย


บดินทร์เดินมาช้าๆ อย่างดูเชิง เจ้าของร่างดูสลบไสลไม่ได้สติ เป็นผู้หญิงแน่ๆ เพราะเต้านมอลังการโผล่ออกมาให้เห็น


‘กะเทยก็ได้มั้ง’ คิดแบบนั้นก็ก้าวไปดูให้แน่ชัดกับตา


ยิ่งใกล้...ก็ยิ่งเห็นร่างเปลือยชัดเจน ผิวพรรณนั้นผุดผ่องสะอาดสะอ้าน ไม่เหมือนลูกชาวบ้านตาสีตาสา ผมสีดำขลับ ยาวสลวย เหยียดตรงระบั้นเอวกระจายเต็มพื้น บางส่วนปรกหน้าปรกตา บางส่วนก็กระจายอยู่บนเนื้อตัว เขาไม่เห็นว่าหน้าตาแท้จริงเป็นอย่างไร


บดินทร์เข้าไปใกล้เรื่อยๆ เหมือนจะลืมหายใจทุกขณะ เกร็งทุกย่างก้าว ทุกการเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างระมัดระวัง มองร่างที่อยู่ตรงหน้า อย่างพินิจพิจารณา หน้านิ่วคิ้วขมวดจนต้องบอกตัวเองให้ผ่อนคลาย หันไปมองรอบๆ ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ ไม่มีร่องรอยของคนหรือสัตว์


ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เท่าที่ดูยังหายใจอยู่ บดินทร์เกร็งรับการต่อสู้เมื่อย่อกายลงข้างๆ หวังใจว่าจะไม่ใช่เหตุการณ์เลวร้ายหรือใครจะมาตายในบ้านเขาเชียวนะ


บดินทร์มองร่างกายอีกฝ่ายถ้วนทั่ว ไม่มีรอยขีดข่วน ไม่เปื้อนดิน ไม่สกปรก เส้นผมสีดำเหยียดตรง ยาว และเงางามนั้นประหนึ่งเพิ่งออกจากร้านทำผมมาสดๆ ร้อนๆ ทุกอย่างดูดีและสะอาดสะอ้านเกินไป ซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้สงสัยเป็นทวีคุณ


และแม้ว่าอีกฝ่ายจะนอนตะแคง อำพรางเนื้อหนังบางส่วนอันล่อแหลมด้วยขาที่คู้ปิด เส้นผมปิดบังหน้าตาจนมิด แต่กระนั้นเมื่อเขามองไปที่หน้าอก ก้อนกลมๆ ของเนื้อสาวแบบเป็นชิ้นเป็นอันคู่กันทำให้ลมหายใจสะดุดอย่างช่วยไม่ได้ แขนเรียวเล็กปิดบังยอดอกเอาไว้ ทว่าเท่าที่เห็นก็ดูสวยงามเย้ายวน ชวนเลือดกำเดาไหลอยู่รอมร่อ กระตุ้นความรู้สึกบางอย่างข้างในตามสัญชาตญาณเพศผู้ และนั่นทำให้กลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัวเลยทีเดียว


บดินทร์ยื่นมือออกไป แตะที่แขนของหญิงสาว เนื้อของเธอนุ่มเหลือเกิน ผิวนวลเนียนเมื่อลูบผ่านไปถึงต้นแขน เขาหยุดอยู่ตรงนั้น รูปร่างบอบบางเพราะแทบจะกำต้นแขนของเธอได้เกือบรอบ แต่ก็ไม่ได้ผอมกรอดเกินไป อาจเพียงแค่ตัวเล็กกว่าแบบมีเนื้อมีหนังและจับตรงไหนก็นุ่มมือไปหมด


“คุณ... คุณ” บดินทร์เรียกไปก็เขย่าแขนไป


อีกฝ่ายนอนนิ่งไม่ไหวติง บดินทร์หันไปรอบๆ อีกครั้งอย่างระมัดระวัง ใจยังกลัวว่าอาจเป็นกลลวงของมิจฉาชีพ จนเมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้แน่แล้ว จึงหันกลับ เขย่าตัวหญิงสาวและเรียกอีกครั้ง ทว่าไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับใด


บดินทร์ตัดสินใจถอดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นของตัวเองออกมา คลุมให้แก่หญิงสาวพอได้บดบังเรือนร่างนี้สักนิด ไม่ทำให้ความคิดของเขาเตลิดเปิดเปิงไปมากนัก


“มายังไงกันนะ” พึมพำอย่างสงสัยก็ขยับให้ร่างนั้นนอนหงาย ระมัดระวังตัวไม่ให้อีกฝ่ายเจ็บ ดึงผ้าให้ปิดติดตามไปพร้อมกัน


ใบหน้าที่ไม่มีเส้นผมปิดบังเช่นก่อนนั้นทำให้บดินทร์ตกตะลึง ความงามที่ไม่เหมือนใครโดดเด่นสะดุดตา ดูคลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยเห็นมาก่อนแต่ก็ไม่รู้ว่าเคยเห็นจากที่ไหน เธออาจเป็นดาราหรือนางแบบก็เป็นได้จึงรู้สึกคุ้นเพราะปกติเขาไม่ค่อยดูโทรทัศน์นัก อาจอ่านหนังสือบ้างอะไรบ้าง จึงคิดว่าน่าจะผ่านตาจากหนังสือพวกนั้นก็เป็นได้


บดินทร์มองอย่างค้นคว้า แค่หลับตา...เธอก็ยังดูสวยหวานคมคาย จมูกโด่งงาม ปากได้รูปสีสดธรรมชาติชมพูอมแดง คิ้วเข้มดำงามได้ทรง ใบหน้าไม่ซีดเซียว งาม...อย่างที่รู้ว่าผุดผาดบาดตาโดยไม่ได้แต่งหน้าสักนิด


แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดคือเขากำลังกลืนน้ำลายลงคออีกครั้ง ไม่ได้ตั้งใจนะ จึงรีบหันหน้าไปมองทางอื่น รู้แล้วว่าเจ้าของร่างตรงหน้ายังหายใจ ไม่ตาย ไม่มีบาดแผลหรือรอยขีดข่วนใดให้เห็น แต่เหมือนคนกำลังหลับใหลมากกว่า


เขาอุ้มเธอขึ้นมา น้ำหนักนั้นพอจะรับไหว


“ลูกหลานใครกัน” มองหน้าคนในอ้อมแขน ได้แค่ความเงียบเป็นคำตอบ


บดินทร์เดินเข้าไปที่ใต้ถุนเรือน หวังจะพาไปนอนบนตั่งไม้นอนเล่นตัวใหญ่ยาวเห็น แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่ายายแร่มกับเด็กน้อยติณภพ รวมถึงพนักงานจากบริษัทขนย้ายคงใกล้มาถึงแน่แล้วเพราะตามกันมาติดๆ


เขาก็วางหญิงสาวไว้บนตั่งไม้ก่อน บ่ายหน้าไปทางบันไดเรือน รีบเดินกึ่งวิ่งขึ้นไปปลดกุญแจคล้องประตูหน้าเรือนชาน รีบไปไขกุญแจประตูห้องนอนและปิดค้างไว้ ลงมารับหญิงสาวเพื่อจะได้อยู่ในที่ลับตา ไม่ล่อแหลมเกินไปนัก ดีที่ยายแร่มจัดการเก็บกวาดเตรียมที่หลับที่นอนในห้องของเขาเรียบร้อย จึงไม่ลำบากกับการพาเธอไปอยู่ในที่มิดชิด ไม่เป็นภัยแก่สายตาของใคร ดีกว่าอยู่ข้างล่าง มีแค่เสื้อเชิ้ตของเขาคอยอำพรางเท่านั้น


บดินทร์วางร่างอ่อนปวกเปียกไม่รับรู้เรื่องราวใดๆ ไว้บนเตียงสีขาวของตนเองอย่างระมัดระวัง เรียบร้อยแล้วจึงถอยออกมา ยืนเท้าสะเอวมองจากตรงนี้ ขบคิดว่าเธอเป็นใครกันแน่ เนื้อตัว หน้าตา หรือแม้แต่เส้นผมดูสะอาดสะอ้าน ไม่มีร่องรอยความสกปรกเปื้อนดินเปื้อนฝุ่น กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ออกมาจากตัวอีก


เขายกแขนตัวเองขึ้นมาดม สูดกลิ่นที่ไม่แน่ใจว่ามาจากตัวของหญิงสาวจริงหรือ คิดไปก็จับกลิ่นที่ได้รับรูป กลิ่นนี้หอมหวาน หอมแบบอบอวล นุ่มนวล เย็นใจ ตราตรึงอบอุ่นได้อย่างแปลกประหลาด ไม่เหมือนน้ำหอมที่เคยรู้จักมา


เสียงรถยนต์ที่กำลังแล่นเข้าถึงตัวบ้านนั้นเรียกความสนใจ บดินทร์เดินไปที่หน้าต่างห้องของตนเอง รถหกล้อสองคันกำลังตามกันเข้ามา เขาหันมามองหญิงสาว โชคดีที่พาขึ้นมาก่อน พวกนั้นมาเร็วจริงๆ ทว่าอีกใจก็คิดไม่ตกว่าจะบอกยายแร่มอย่างไรดี


บดินทร์ได้แต่ถอนหายใจ เดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่ของตนเองออกมา คลุมให้หญิงสาว เปิดพัดลมพอได้คลายร้อน


เสียงพูดธรรมดาแต่ดังประหนึ่งโวยวายของเจ้าติณภพ หลานชายสุดที่รักของยายแร่มดังทะลุขึ้นมาถึงบนเรือน สั่งพนักงานให้ขนย้ายข้าวของไปตรงนั้น ตรงนี้ แบบที่ไม่ต้องลงไปก็รู้ว่ากำลังทำอะไรกันอยู่


วัยสิบปีของติณภพดูว่าอายุยังเป็นเด็ก แต่เจ้านี่ก็รู้มากทีเดียว ยังดีที่พอจะฟังเขาและมีสัมมาคารวะ ไม่อย่างนั้นคงเหนื่อยใจ เพราะก่อนนี้เวลาเจ้าเด็กนี่ไปที่คอนโดฯ ของเขาทีไรก็ต้องคอยปราม พูดกับเขาทีก็เหมือนจะตะโกนใส่หน้าทั้งที่อยู่ใกล้กัน เข้าใจว่าต้องพูดเสียงดังจนชิน เพราะยายแร่มแกไม่ค่อยได้ยินอะไรชัดเจนตามประสาสังขารที่ร่วงโรย แต่กับเขาที่ยังไม่แก่ แค่สามสิบสามปี ก็คงไม่จำเป็นต้องเสียงดังขนาดนั้นก็ได้


ไม่เป็นไร... เขาย้ายกลับมาอยู่ที่นี่แล้ว อย่างไรเสียก็คงมีโอกาสอบรมสั่งสอน


บดินทร์มองหญิงสาวอีกครั้ง เธอยังนอนนิ่งไม่ไหวติง ได้แต่ถอนหายใจออกมา ยกมือขึ้นปาดเหงื่อแล้วเดินไปคว้าเสื้อยืดตัวใหม่มาใส่ ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ก็คงต้องทิ้งไว้ตรงนี้ก่อน ได้เสื้อแล้วก็เดินไปลากฉากบังตาที่เป็นไม้พับทบอยู่มุมหนึ่งของห้องออกมากาง ตรวจสอบเรียบร้อยแล้วว่ามองไม่เห็นคนบนเตียงจึงเดินออกจากห้อง ข้ามธรณีประตูไป หับประตูทิ้งไว้เพื่อไม่ให้ใครมองเข้ามาได้ง่ายดายนัก หวังว่าหญิงสาวจะได้สติเร็วๆ


‘หรือหายไปเลยก็ดีนะ’


อืม... เจ้าความคิดนี้ช่างบรรเจิดจริงๆ


แต่มันจะเป็นไปได้หรือ เห็นทนโท่ว่ามีเนื้อมีหนัง แต่ถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็ดี เขาจะได้ไม่ต้องมาปวดหัว


บดินทร์เดินไปที่ระเบียงเรือนชาน พนักงานจากบริษัทขนย้ายทำงานอย่างขะมักเขม้น เด็กน้อยติณภพวิ่งไปวิ่งมา ของของเขาไม่มากแต่ชิ้นค่อนข้างใหญ่


“คุณดินทร์คร้าบ โต๊ะทำงานตัวนี้เอาขึ้นไปเลยมั้ยคร้าบบบ” เสียงเด็กผู้ชายน่ารักดังมาทันที


“เอาสิ” บดินทร์ตอบรับจากตรงที่ยืนอยู่นี้ ยิ้มให้ติณภพที่ชี้มือชี้ไม้ให้พนักงานรู้ว่าต้องมาทางใด


ติณภพก็เดินกึ่งกระโดดกระหย็องกระแหยงขึ้นมาบนเรือนเรียบร้อย “ทางนี้เลยคับเพ่” บอกเป็นการเป็นงาน ยืนอยู่ที่หน้าห้องนอนของบดินทร์ไม่เข้าไป มือชี้ให้เห็นเป้าหมาย และยืนรออยู่ตรงนั้น


“ไอ้หนู ลงมาช่วยยายตรงนี้ก่อนลูก”


และใช่ว่าเจ้าติณภพคนเดียวที่มักเสียงดัง ยายแร่มเองก็น้อยหน้าหลานเสียเมื่อไหร่ อยู่ชั้นล่างยังตะโกนขึ้นมาถึงชั้นบนได้ยินอย่างชัดเจนแบบนี้


บดินทร์ยิ้มและส่ายหน้า ไม่รู้ว่าที่คิดจะสอนหรืออบรมติณภพนั้นจะไหวหรือเปล่า หรือบางทีเขาอาจกลายเป็นพวกเดียวกันกับสองยายหลานเสียเองก็เป็นได้


ความวุ่นวายดำเนินไปเรื่อยๆ หลังจากนั้น


บดินทร์คอยแจ้งตำแหน่งสำหรับของชิ้นต่างๆ เพราะต้องจัดไปในคราวเดียวกัน บ้านนี้ไม่มีใคร หากจัดหรือย้ายทีหลังคงเสียเวลา ไม่ง่ายสำหรับเขา เท่าที่เห็นก็มีกันอยู่แค่สามคนเท่านั้น จึงต้องรีบจัดการให้จบในคราวเดียว


บดินทร์ไม่ได้เข้าไปดูหญิงสาวอีกเลยว่าเป็นเช่นไร อาการดีขึ้นหรือไม่ ซึ่งความจริงก็คือลืมไปเลยว่าเธอยังอยู่ จนเวลาล่วงเข้าสี่โมงเย็นและจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว เตรียมจะกินข้าว เสียงของยายแร่มก็ดังลั่นบ้าน


“คุณดิ๊นนน”


ได้โปรดเถอะ! เพราะต้นเสียงตกใจสุดๆ นั่นมาจากห้องนอนของเขา










สุชาคริยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ส.ค. 2557, 15:09:15 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ส.ค. 2557, 15:09:15 น.

จำนวนการเข้าชม : 1305





<< บทที่ 2   บทที่ 3 (2/2) >>
คิมหันตุ์ 25 ส.ค. 2557, 16:42:22 น.
โอ้ว...นานๆ มาที...__T___T__ ร้องเพลงรอจ้า อิอิ


แว่นใส 25 ส.ค. 2557, 18:46:53 น.
หายไปนานมากเลย


ใบบัวน่ารัก 25 ส.ค. 2557, 19:03:15 น.
เดี๋ยวกลับไปอ่านตอนที่1 ก่อน


konhin 25 ส.ค. 2557, 23:09:56 น.
ย้อนอดีตเล่าความแล้ววววว


สุชาคริยา 26 ส.ค. 2557, 07:31:53 น.

@คุณคิมหันตุ์ = ขอบพระคุณมากๆ ที่ยังรอกันค่ะ หลังจากนี้คงจะพอมาได้บ่อยขึ้นค่ะ
@คุณแว่นใส = หายไปทำต้นฉบับจ้า นี่ก็เร่งกันสุดๆ เลยค่ะ
@คุณใบบัวน่ารัก = 55555 ก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันค่ะว่าน่าจะลืมๆ กันไปบ้างเลยทีเดียว
@คุณkonhin = จ้า จุ๊บๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account