วังวนวารี [---ชุด ๕ ปรารถนา---]
คนหนึ่งอบอุ่นอ่อนโยน คนหนึ่งห่ามห้าว ใจร้อน แตกต่างกันราวกับน้ำพุร้อนเดือดพล่านและสายฝนฉ่ำเย็น หากสิ่งหนึ่งที่ทั้งสองเหมือนกัน คือเขาต่างมีใจให้เธอ แล้วเธอล่ะ จะมอบใจรักเพื่อใคร
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๓ (ครึ่งแรก)

 แล้ววาริล่ะ เขาจะเป็นอย่างไร จะกลับออกมาได้ไหม...เพียงเสี้ยววินาทีที่ใจไพล่ไปคิดถึงเขา ก็บังเกิดแรงดูดดึงมหาศาล มือบอบบางซึ่งยึดเหนี่ยวขอบประตูไว้อย่างเหนียวแน่นจนข้อนิ้วขาวเพราะขาดเลือดถึงกับหลุดผล็อย น้ำหนึ่งลอยละลิ่วเข้าไปในห้องแห่งนั้นราวกับเศษนุ่นปลิวตามลม

ให้ตายเถอะ เป็นไปได้อย่างไร หญิงสาวอุทานอยู่ในใจเมื่อก้มมองเท้าตัวเอง บัดนี้มันล่องลอยไม่แตะพื้น แสงสีฟ้าเข้มกลืนร่างเธอไว้ตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมาจนเรี่ยปลายคาง โยกโยนไปมาจนเธอเวียนหัว คล้ายกำลังลอยคออยู่กลางทะเลกว้าง ร่างเพรียวบางเลื่อนไหลไปตามกระแสคลื่น โดยไม่อาจรู้ได้เลยสิ่งที่กำลังดำเนินอยู่นี้จะสิ้นสุดลงเมื่อใด

หญิงสาวกวาดตามองหาวาริไปรอบๆห้อง มันคดโค้งไปมาอย่างอิสระ ทว่าไม่พบแม้แต่เงาของชายหนุ่ม ซ้ำร้าย...ไม่มีร่องรอยใดๆให้คิดได้เลยว่าวาริจะมาที่นี่ หรือเธอคิดถึงเขามากไปจนทำให้ตาฝาด แล้วทีนี้เธอจะออกไปจากห้องบ้าๆนี่ได้ยังไง น้ำหนึ่งคิดทั้งที่ร่างกายป้อแป้ใกล้หมดแรง หายใจหอบเหนื่อย...และเหมือนว่าร่างจะดิ่งจมลงไปภายใต้แสงประหลาดเย็นฉ่ำนี่เสียให้ได้
หรือว่า...วาริจมลงไปแล้ว ทันทีที่คิดเช่นนี้ น้ำหนึ่งตัดสินใจทิ้งตัวดำดิ่งลงสู่เบื้องล่าง กวาดตามองหาคนที่เธอนึกห่วง...แสบตา แสบตาอะไรขนาดนี้ แสบจนทนไม่ไหว

ในที่สุด น้ำหนึ่งก็พ่ายแพ้แก่ความทรมาน หญิงสาวถีบเท้าส่งร่างตัวเองขึ้นสูง ต่อให้เป็นห่วงเขาแค่ไหน น้ำหนึ่งก็ต้องเอาตัวรอดไปจากสถานการณ์คับขันนี้ให้ได้ก่อน...หากวาริกำลังตกอยู่ในอันตรายจริง ก็ขอให้เขาปลอดภัยด้วยเถิด...ขอให้เขาปลอดภัย เธอไม่ปรารถนาอื่นใดมากไปกว่านี้อีกแล้ว

‘ยังมีเรื่องเก่า เล่าขานสืบมา
ทวารวารี ร้อยปีเปิดครั้ง จักช่วยนำทาง มาบ้านปรารถนา
คิดหวังสิ่งใด จักช่วยนำพา ทุกสิ่งในหล้า สำเร็จโดยพลัน
ทวาระแห่งนี้ มิมีใครเห็น เพราะว่ามันเป็น ผู้เลือกคนผ่าน
ห้องแห่งน้ำนี้ ชี้ชะตาท่าน จักต้องข้ามผ่าน วังวนวารี’

เสียงเสนาะไสดังสายน้ำเซาะแก่งหินดังขึ้นในดวงจิต ก่อนสติจะค่อยๆเลือนลับดังตะวันยามสนธยา

ละอองไอเย็นฉ่ำจากไหนหนอ พร่างพรมหน้าตาเนื้อตัวจนรู้สึกสดชื่นราวกับดอกไม้ได้รับน้ำค้างยามเช้า หญิงสาวขยับปลายนิ้วมือพร้อมกับเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ นี่เธออยู่ในที่มืด หรือว่าเธอมองไม่เห็นกันแน่ ทำไมสายตาเธอรับภาพใดไม่ได้เลย มีแต่สีดำสนิทไม่ว่าจะเหลียวมองไปทางไหน แสงสีฟ้าเข้มดุจสายน้ำล้ำลึกหายไปแล้ว

ละอองเย็นชื้นประโปรยลงบนหน้าตาเนื้อตัวอีกครั้ง ความรู้สึกซาบซ่านแล่นวาบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

น้ำหนึ่งกะพริบตาถี่ๆโดยอัตโนมัติ และแล้วแสงสว่างวาบก็สาดเข้ามาในดวงตา ใช้เวลาอยู่เป็นครู่กว่าจะปรับสายตาให้รับภาพได้ชัดเจน เธอยังอยู่ในห้องเดิม หญิงสาวจำลักษณะคดโค้งเป็นรูปทรงอิสระของมันได้ ผนังห้องฉาบสีฟ้าเข้มเย็นตา แสงขาวนวลภายในห้องนั้นไม่รู้มีที่มาจากไหน ไม่มีดวงไฟให้เห็นสักดวง ช่างเถอะ มันช่วยให้เธอมองเห็นทางออกก็พอ ประตูห้องที่เคยเปิดรับเธอบัดนี้ปิดสนิท หญิงสาวพรวดพราดลุกขึ้นนั่ง เพิ่งสำเหนียกถึงความผิดปกติอีกอย่าง...โอ...นี่เธอหมดสติไปนานเท่าใดกัน แล้วเพื่อนๆคนอื่นล่ะกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหน หรือว่ากลับกันไปหมดแล้วก็ไม่รู้

ไวเท่าความคิด น้ำหนึ่งหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าแจ็กเกตยีน หวังติดต่อตินพลเพราะจำได้ว่าตอนไฟดับได้ยินเสียงเขาเรียกอยู่แว่วๆ แต่โทรศัพท์เจ้ากรรมดันไม่มีคลื่นเสียอีก...เขาไปพบเจออะไรน่าหวาดกลัวในบ้านหลังนี้เหมือนที่เธอเจอเข้าหรือเปล่านะ

หญิงสาวรีบหยัดกายขึ้นยืน ไม่ลืมกวาดตามองไปทั่วห้อง คิดว่าหากพบวารินอนสลบอยู่มุมใดมุมหนึ่ง จะได้ลากพาเขาออกไปด้วยกัน แต่เปล่าเลย ไม่มีใครทั้งนั้น ห้องนี้มีเธอเพียงผู้เดียว

น้ำหนึ่งเก็บรองเท้าแตะที่กระเด็นอยู่คนละทิศละทางมาสวม ตรงรี่ไปยังประตูห้องเรียบโล่งไม่มีที่จับหรือลูกบิดใดๆทั้งนั้น ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่น นึกหวั่นใจกลัวว่าจะถูกกักกันไว้ในห้องบ้าๆนี่ เธอรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดใช้ไหล่กระแทกมันออกไป ผลก็คือร่างเพรียวบางเซถลาแทบจะล้มลงไปนอนเค้เก้บนพื้น เพราะเพียงแตะเบาๆ ประตูก็ดีดตัวเปิดออกอย่างง่ายดาย

ภายนอก ทุกอย่างดูเป็นปกติ ตลอดทางเดินและห้องโถงกว้างขวางโอ่อ่าภายใต้โดมแก้วยังคงมีแสงไฟสว่างไสวสาดส่องเปิดเผยให้เห็นทุกหลืบมุม ดูไร้เล่ห์กลอันตรายใดๆ...หรือว่าทั้งหมดที่เธอผจญมานั้น แท้จริงแล้วแค่ฝันไปเท่านั้นเอง

หญิงสาวเดินลากขามาถึงห้องโถงกลางจนได้ทั้งที่ร่างกายอ่อนล้าเต็มที สมองยังคงสับสน เรื่องราวในห้องนั่นเป็นความจริงที่เหมือนฝัน หรือเป็นความฝันที่เหมือนจริงกันแน่ เธอแยกแยะอะไรไม่ออก ได้แต่ยืนเคว้งคว้างอยู่กลางโถงกว้างตัดสินใจไม่ถูกว่าจะกลับหรือรอเพื่อนๆก่อนดี

ไม่นานนพคุณก็โผล่มาจากทางไหนไม่อาจทราบได้ เขาเพียงแค่สบตาเธอและยิ้มบางๆโดยไม่มีคำทักถามใดๆ เธอเองก็เช่นกัน จากนั้น มาลุตา เหมือนฝัน และอติวัจน์ก็ค่อยๆทยอยมารวมกลุ่ม ทุกคนยังดูเป็นปกติ...

ใช่ ปกติแต่เพียงร่างกายเท่านั้น ส่วนสีหน้าและแววตาของแต่ละคนดูแปลกไป จะมีก็แต่ไอ้ตัวน่ารำคาญอย่างอติวัจน์คนเดียวที่ดูสนุกสนานร่าเริงกว่าใคร ราวกับได้ผจญเครื่องเล่นอันถูกอกถูกใจนักหนาอย่างนั้นละ

“ตังเตล่ะ” พร้อมกับพูด น้ำหนึ่งเหลียวมองไปยังโถงทางเดินด้านซ้ายมือ จำได้ว่าตินพลเผ่นไปทางนั้นก่อนไฟดับ นั่นไง ตินพลเดินมานั่นแล้ว

“หายไปไหนมาเสียนาน จะโทร.หาก็ไม่ได้ มือถือไม่มีสัญญาณ”

ตินพลยักไหล่ “ฉันอยู่ห้องแห่งไฟ”

ถ้าห้องที่ตินพลเข้าไปคือห้องแห่งไฟ ห้องที่เธอหลุดเข้าไปก็คงเป็นห้องแห่งน้ำกระมัง ถึงเต็มไปด้วยคลื่นสีฟ้าโยกโยนไปมาอย่างน่าเวียนหัว แถมยังสามารถดำผุดดำว่ายได้อีก...

‘ยังมีเรื่องเก่า เล่าขานสืบมา
ทวารวารี ร้อยปีเปิดครั้ง จักช่วยนำทาง มาบ้านปรารถนา
คิดหวังสิ่งใด จักช่วยนำพา ทุกสิ่งในหล้า สำเร็จโดยพลัน
ทวาระแห่งนี้ มิมีใครเห็น เพราะว่ามันเป็น ผู้เลือกคนผ่าน
ห้องแห่งน้ำนี้ ชี้ชะตาท่าน จักต้องข้ามผ่าน วังวนวารี’

เสียงเสนาะไหลย้อนกลับเข้ามาในหัวโดยไม่ต้องเสียเวลาเค้นคิด ช่วยยืนยันความเข้าใจของเธอว่าถูกต้อง ให้ตายเถอะ ยังจะตามหลอนอีก เครื่องเล่นบ้าๆแบบนี้ สาบานได้ว่าเธอไม่สนุกกับมันเลยสักนิด

“หายไปซะนาน เขาออกมากันตั้งนานแล้ว แอบเป็นลมหรือยังไงฮะ พ่อดาราใหญ่” เจอหน้ากัน นพคุณก็เป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตี
น้ำหนึ่งอยากบอกนพคุณเหลือเกินว่า เธอก็แอบเป็นลมอยู่ในห้องพิลึกนั่นเหมือนกัน

ตินพลดูไม่แยแสคำพูดของนพคุณ กลับถามเธอไปอีกเรื่องว่า

“เธอยืนอยู่ตรงนี้นานแล้วใช่ไหม เมื่อกี้เห็นผู้หญิงออกมาจากห้องแห่งไฟหรือเปล่า”

“ผู้หญิงที่ไหน” น้ำหนึ่งขมวดคิ้วครุ่นคิด เธอออกมารอคนแรก แต่ก็ไม่เห็นใคร “ไม่มีนะ มีแต่พวกเรานี่แหละ”
ตินพลหน้าขรึมลง คล้ายหมกมุ่นครุ่นคิดอะไรบางอย่างจนนพคุณอดเย้าไม่ได้

“เป็นอะไรอีกล่ะ ท่าทางใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว อย่าบอกนะว่านายเจอของดี!”

ตินพลจ้องหน้าคนพูดด้วยสายตาขุ่นขวาง แต่มิได้ต่อปากต่อคำเหมือนทุกคราว กลับหันมาถามน้ำหนึ่งด้วยน้ำเสียงห่วงใย

“แล้วเธอไปทำอะไรที่ไหนมา ทำไมหน้าซีดปากซีดอย่างกับแช่น้ำมาสักชั่วโมงสองชั่วโมงงั้นแหละ”

คราวนี้นพคุณมองมาพร้อมสายตาแสดงว่าเห็นด้วยกับตินพล

น้ำหนึ่งเผลอยกมือลูบแก้มตนเอง มันซีดหรือเปล่าไม่รู้ แต่เย็นชื้นทีเดียวละ

“ไม่ได้ทำอะไร สงสัยอากาศจะเย็นน่ะ กลับกันดีกว่าไหม นี่ก็...” น้ำหนึ่งพลิกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน “เกือบเที่ยงคืนแล้วหรือนี่...” เธออยู่ในห้องนั้นนานขนาดนี้เลยหรือ “ใกล้เวลาสวนสนุกปิดแล้ว”

น้ำหนึ่งพูดยังไม่ทันจบดี ตินพลก็ก้าวพรวดๆตรงไปยังประตูทางออก...รีบลน เร่งร้อน โดยไม่ร่ำลาใคร




เมื่อแยกตัวกับเพื่อนๆที่เหลือตรงลานจอดรถแล้ว น้ำหนึ่งก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูอีกครั้ง ปรากฏว่าสัญญาณยังคงเต็มเปี่ยม ปลายนิ้วเลื่อนไปบนหน้าจอเพื่อหาเบอร์ของวาริ...หวังว่าเขาจะยังไม่นอน

วาริยังไม่นอนจริงๆนั่นละ ไม่ใช่เพราะเขารับสายเธอด้วยน้ำเสียงสดชื่นไร้วี่แววของอาการงัวเงียหรอก แต่เป็นเพราะเขาโทร.เข้ามาหาเธอพอดีต่างหาก

“ฮัลโหล ดึกป่านนี้ยังไม่นอนอีกหรือ” เธอถามทันทีที่รับสาย ตกใจเหมือนกันเมื่อได้ยินเสียงตัวเอง มันฟังอ่อนล้าราแรงเต็มที หวังว่าเขาคงไม่โทร.มาตื๊อให้เธอออกแบบเรือนหอให้เอาตอนเที่ยงคืนหรอกนะ...เอ หรือว่าเขาอยู่แถวๆนี้แล้วพบเธอเข้า หญิงสาวสอดส่ายสายตากวาดมองไปทั่วลานจอดรถ

“ขอโทษที่โทร.มารบกวนดึกดื่น” เขารีบบอก “เธอเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมเสียงแย่จัง”

“เหนื่อยน่ะ” น้ำหนึ่งยอมรับตามตรง ห้องบ้าๆในบ้านปรารถนานั่นสูบพลังในร่างเธอไปมากโขเหลือเกิน อีกทั้งยังไม่รู้ชัดเลยว่าเรื่องที่เข้าไปประสบพบเจอนั่นเป็นเรื่องจริงหรือว่าความฝัน

“แล้วทำไมไม่นอนพักซะบ้างล่ะ” ความห่วงใยที่เขามีน้ำหนึ่งรับรู้ได้ผ่านน้ำเสียงทุ้มทอดอ่อนโยน

ก็ห่วงตามประสาเพื่อนเท่านั้นแหละ น้ำหนึ่งเตือนตัวเองไม่ให้ไขว้เขว ระหว่างนั้นก็กดรีโมตปลดล็อกรถและเข้าไปนั่งประจำที่คนขับปิดประตูกดล็อกและลดกระจกลงนิดหน่อยให้มีอากาศถ่ายเท

“มีนัดกับเพื่อนๆ กำลังจะกลับ” พูดไปแล้วหญิงสาวก็ฉุกคิดขึ้นได้ จึงถาม “ว่าแต่เธอเถอะ ตอนนี้อยู่ที่ไหน”

“อยู่บนเตียงสิ ถามได้ ดึกป่านนี้ จะให้ออกไปไหนล่ะ”

“ตั้งแต่เราแยกกัน เธอก็ไม่ได้ไปแวะที่ไหนเลยใช่ไหม”

“ไม่นะ ทำไมเหรอ”

“เอ่อ” น้ำหนึ่งอึกอัก ภาพวาริที่เห็นในบ้านปรารถนาย้อนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง ปกติวาริไม่ใช่คนโกหกหรือชอบเล่นตลกร้าย เธอคงตาฝาดไปจริงๆนั่นละ

บางครั้งการเอาใจไปจดจ่ออยู่กับสิ่งหนึ่งสิ่งใดมากๆ ก็อาจทำให้ตามองเห็นภาพตามที่คิดได้

“ไม่มีอะไรหรอก ถามไปอย่างนั้น เห็นว่ายังไม่นอน นึกว่าไปแวะเที่ยวที่ไหนก่อน” หญิงสาวเฉไฉ “ตอนค่ำเราโทร.หาหลายรอบไม่เห็นรับ นึกว่าอยู่กับเป๊กกี้”

“เปล่า วันนี้เป๊กกี้เขามีนัดสังสรรค์กับเพื่อนฝูงน่ะ” วาริตอบตามประสาซื่อ

น้ำหนึ่งรีบกัดริมฝีปากตัวเองไว้ก่อนที่มันจะบิดเบ้ด้วยความหมั่นไส้

“เราหลับสนิทไปตั้งแต่หัวค่ำแล้ว เพิ่งสะดุ้งตื่น ฝันร้ายน่ะ” น้ำเสียงเขาไม่ค่อยมั่นคงนัก และเหมือนรู้ว่าน้ำหนึ่งจะถาม เขาจึงเอ่ยต่อทันที “เราฝันเห็นเธอจมน้ำ เราพยายามช่วยแล้ว แต่เข้าไปในที่นั้นไม่ได้เลย มันเหมือนภาพที่เรามองจากโทรทัศน์...”

คำบอกเล่าของเขากลับทำให้น้ำหนึ่งขนลุกเกรียวขึ้นมาอย่างไม่อาจห้ามได้ ทำไมเขาช่างฝันได้ใกล้เคียงกับสิ่งที่เธอพบเจอมาเช่นนี้นะ

“พอตื่นมาเห็นเธอโทร.มาหลายสายไม่ได้รับ ก็เลยโทร.กลับ ไม่เป็นอะไรใช่ไหม” น้ำเสียงท้ายประโยคทอดอ่อนโยน

คนฟังใจอ่อนยวบ “เป็นห่วงเราหรือไง” เสียงที่ตนตั้งใจว่าจะซุกซ่อนไว้เพียงในใจหลุดออกจากปากโดยเจ้าตัวไม่ทันได้ทัดทาน
อีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ “ยังต้องให้บอกอีกหรือ”

อะไรกัน วาริคนซื่อมีวาจาลดเลี้ยวแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน เหมือนมีสายลมหวานหอมโชยชายเข้ามาอบอวลอยู่รอบกาย และมันได้ซ่านซึมเข้าไปเจือจางความเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าซึ่งสั่งสมอยู่ในใจ ชุบชูหัวใจให้ชุ่มชื่น...นี่ใช่ไหมที่เรียกว่ากำลังใจ

“บอกสิ เราอยากฟัง” นั่น เสียงผู้หญิงที่ไหนกัน ช่างเซ้าซี้เสียงอ่อนเกือบจะอ้อน เหมือนกำลังพูดคุยกับชายคนรักอย่างไรอย่างนั้น...มันต้องเป็นเพราะบรรยากาศพาไปอย่างแน่นอนเลย

“เอ วันนี้มาแปลก” วาริหัวเราะขำ “เมื่อกี้บอกว่ากำลังจะกลับไม่ใช่เหรอ ขับรถดีๆล่ะ ไม่รบกวนแล้ว” เขาตัดบทแล้ววางสาย
น้ำหนึ่งอยากบอกเหลือเกินว่า ถ้ารบกวนด้วยความห่วงใย ไม่ใช่มาคอยตื๊อให้ออกแบบเรือนหออย่างที่ผ่านๆมาละก็...รบกวนเถอะ เธอยินดีและเต็มใจที่สุดเชียวละ

เลิกคิดฟุ้งซ่านได้แล้ว วาริเป็นแค่เพื่อน และเขากำลังจะแต่งงาน จำใส่ใจไว้ให้ดี น้ำหนึ่งเตือนตัวเองพลางถอนหายใจหนักๆ ราวกับต้องการขับไล่ความรู้สึกผิดบาปซึ่งลอยอวลอยู่ในใจดุจหมอกควันหม่นมัวให้พ้นไป

นิ้วเรียวบิดกุญแจสตาร์ตรถและขับออกจากลานจอด ยามนี้มันว่างโล่งต่างจากขามาลิบลับ ยังไม่ทันจะพ้นอาณาเขตของสวนสนุก หญิงสาวก็ต้องแตะเบรกจนตัวโก่ง เมื่อจู่ๆก็มีบางสิ่งบางอย่างล่องลอยผ่านหน้ารถ...

ถูกแล้ว...ต้องใช้คำว่าล่องลอย เพราะชายชรานุ่งขาวห่มขาวผมสีดอกเลาขมวดมวยไว้ตรงท้ายทอยเหมือนพราหมณ์ผู้นั้นเดินเท้าไม่แตะพื้น...เท้าไม่แตะพื้นจริงๆ น้ำหนึ่งเขม้นมองซ้ำแล้วซ้ำอีกจนแน่ใจ ขนลุกซู่ ดูเหมือนผู้ถูกจับจ้องจะมิได้สนใจเธอนัก เพียงผินหน้ามอง ยิ้มบางๆและก้าวเดินไปในอากาศด้วยอาการสงบ ทว่าดูระแวดระวังอยู่ในทีราวกับยามรักษาการณ์

น้ำหนึ่งนิ่งงันอยู่เช่นนั้นหลายอึดใจ ดวงตาเบิกกว้างทำอะไรไม่ถูก มือที่กำพวงมาลัยแน่นเย็นเฉียบและชื้นไปด้วยเหงื่อ เนื่องจากไม่เคยประสบพบเจอเรื่องราวเหนือจริงจะจะตาเช่นนี้มาก่อน จึงได้แต่มองตามหลังจนร่างบุรุษชราหายลับไปในศาลพระภูมิหลังใหญ่ ตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม ดูเด่นเป็นสง่าอยู่ใกล้ทางออกของลานจอดรถ

พระภูมิเจ้าที่...ใจเธอเชื่อเช่นนั้น แต่เธอมองเห็นท่านได้อย่างไรกันเล่า ขนลุกเกรียวขึ้นมาอีกแล้ว คราวนี้หญิงสาวได้สติ เหยียบคันเร่งพารถพุ่งไปข้างหน้าโดยไม่เหลือบแลกลับไปมองด้านหลังอีกเลย

หารู้ไม่ว่าเรื่องราวยังไม่จบเพียงเท่านี้ ยังมีอะไรให้เธอผจญอีกมาก ชีวิตเธอเปลี่ยนไปแล้ว ตั้งแต่ก้าวออกมาจากบ้านปรารถนาหลังนั้น!

****************************************************************************************

ทักทายท้ายเรื่อง

ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมเบิกทวารวารีนะคะ ชีวิตน้ำหนึ่งจะเปลี่ยนไปอย่างไร พรุ่งนี้ติดตามได้ที่นี่เหมือนเดิม

อสิตารา ภาวินลงนิยายก่อนไก่โห่ เธอก็มาคอมเม้นท์ก่อนไก่โห่เช่นกันนิ

พี่แตงกวา ขอบคุณมากค่ะที่ยังติดตามให้กำลังใจกันตลอดๆ กอดๆ ห้องใบไม้มีหรือเปล่าไม่รู้ ขึ้นอยู่กับความปรารถนาในใจคนเข้าบ้านอะค่ะ

เกดซ่า เธอกรี๊ดมาสั้นๆ แล้วเจ่เจ๊จะตอบยังไงเนี่ย

คุณนักอ่านเหนียวหนึบ เรื่องนี้เงื่อนงำเต็มไปหมดเลยค่ะ เยอะจนคนเขียนสะสางแทบไม่หมด ๕๕๕

น้องยิ้มจัง ดีใจที่อ่านสนุกค่ะ ตอนเขียน พี่ก็สนุกมากเหมือนกัน

คุณรินทร ขอเขียนง่ายๆนะ ชื่อเจ้าสะกดยากนัก รีบตามมาไวๆ

คุณหมีบุลิน วันนี้มาตอนรุ่งสางแล้ว ขยับเวลาเลื่อนมาหน่อย เพราะมัวแต่หลับ อิ อิ

น้องหนอนน้อย ความสนุกตื่นเต้นของน้องส่งถึงใจพี่เต็มๆ ทำเอาพี่ตื่นเต้นด้วยๆๆๆ เมื่อไหร่หนังสือจะออกๆๆๆๆ แต่ตอนนี้ปกมาแล้วค่ะ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ รับรองว่าปกชุดนี้สวยวิ้งน่าซื้อ น่าอ่านมากๆ

แล้วพรุ่งนี้อย่าลืมมาติดตามต่อนะคะ ว่าชีวิตน้ำหนึ่งเปลี่ยนไปอย่างไร



ภาวิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ก.ย. 2557, 04:39:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ก.ย. 2557, 04:39:35 น.

จำนวนการเข้าชม : 1364





<< บทที่ ๒    บทที่๓ (จบตอน) >>
ketza 11 ก.ย. 2557, 06:37:07 น.
มาแล้ววววววววว


ketza 11 ก.ย. 2557, 06:41:31 น.
หวายยยย
ทวารวารี มีจิงล่วยยย ตอนแรกนึกว่ามุก 555555


yimyum 11 ก.ย. 2557, 06:50:56 น.
โหยยยย รู้สึกว่าเริ่มชอบบ้านนี้แล้วนะคะเนี่ย น้ำหนึ่งขอไรหว่า ??


พันธุ์แตงกวา 11 ก.ย. 2557, 07:25:43 น.
บร๊ะแล้วไง น้ำหนึ่งเห็นผี ยังมีอะไรเซอร์ไพร้ส์อีกเนี่ย งานเข้าๆ พลาดไม่ได้ซักบรรทัดเลย
แหม ทวารวารี เจ้ว่าเจ้มีใช้ส่วนตัวนะ^^


ริญจน์ธร 11 ก.ย. 2557, 10:10:22 น.
ชอบกลอน ภาวินแต่งกลอนเก่ง


ดังปัณณ์ 11 ก.ย. 2557, 10:31:15 น.
ขุ่นพี่ขาาาาาาาาาาาาาาาาา หนอนชอบกลอนอ่ะ ปริศนาดีแท้ อะไรจะเกิดกับน้ำหนึ่ง

แต่เรื่องของเรื่อง ใครจิสิงอะไรใครไม่สนแย้ววววววววววว ว่านของหนอนนนนนนนนนนนนนนนนน ห้ามตาย ห้ามเดต ห้ามๆๆๆๆๆๆ ขอให้อีกด้านที่โผล่นั่นเป็นด้านมืดของว่านทีเท้ออออออออออออออ

ชูป้ายไฟ วานี่คุงของหนอนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

ปล.มะวานมีคนพาดพุง เจ่เจ้แตงกวาเจ้าขา หนอนไม่ชอบกินผัก!


บุลินทร 11 ก.ย. 2557, 21:34:09 น.
ทำไมเกดซ่าไม่มาเข้าบ้านปรารถนากับน้ำหนึ่งด้วย ตัวละครเด่นของเรื่องนะะะ


นักอ่านเหนียวหนึบ 11 ก.ย. 2557, 22:33:33 น.
ทำไม ไม่กราบงามๆ ซักที ค่อยเผ่นคะ ขุ่นน้องง
บรึ๊ยยย นางเป็น น้ำ ญาณทิพย์ ซะแร้ววว 555


อสิตา 12 ก.ย. 2557, 00:12:54 น.
อสิธารา เป็นชื่อตัวละครในเกมของอสิตา //ชอบนัก ลุงที่เท้าไม่แตะพื้น


Barby 16 ก.ย. 2557, 13:38:59 น.
บ้านปรารถนาทำอะไรกับน้ำหนึ่งงะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account