ตั้งแต่วันที่ฉันตามหาเธอ
หญิงสาวจากเมืองกรุง ย้ายมาจังหวัดเชียงรายเพื่อทำงานที่เธอชอบ แม้ชีวิตเธอจะน่าเบื่อในบางช่วง แต่เธอยังมีร้านหนังสือของลุงรัญที่คอยทำให้เธอหายเหงา หนังสือหลายเล่มมีเรื่องราวความเป็นมา ชีวิตของเธอเดินทางตามตัวหนังสือจนเธอได้อ่านหนังสือของ ริชาร์ด บาค เรื่อง
"โจนาธาน ลิฟวิงสตัน นางนวล" หนังสือเล่มเล็กๆทำให้เธอได้พบกับบทกวีที่เขียนในเศษกระดาษ สอดไว้อย่างเรียบร้อย และบทกวีบทนั้นทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไป
Tags: ตามหาความรัก บทกวี

ตอน: ๔

หลังมื้อเที่ยง เจนฤทัยกับสาวน้อยไทล่าเดินเลยร้านอาหารข้างสำนักงานไปยังร้านค๊อฟฟี่ ออร์ ทรีส์ ร้านกาแฟเล็กๆถัดออกไปไม่กี่ช่วงตึกซึ่งเป็นร้านที่พวกเธอไปกันเป็นประจำ
ร้านค๊อฟฟี่ ออร์ ทรีส์ เป็นร้านกาแฟที่แวดล้อมด้วยต้นไม้ ตัวร้านเป็นห้องปูนฉาบเรียบแต่ไม่ทาสีขนาดไม่กว้างนัก ระเบียงข้างนอกเป็นปูนผสมกับไม้เก่า เจนกับไทล่ามักจะนั่งตรงชุดเก้าอี้หวายตรงระเบียงนอกร้านตรงนี้เวลาไม่มีฝน
“เหมือนเดิมใช่ไหมน้องเจน ไทล่า”
“ของเจนเหมือนเดิมค่ะพี่แหม่ม”
“ไทล่าล่ะ?”
ไทล่ามองดูเมนูครู่หนึ่งก่อนจะสั่งโยเกิร์ตปั่น สาวน้อยหันมามองเจนที่กำลังอ่านหนังสือสีชมพูอ่อนเล่มเล็กๆ ท่าทางรุ่นพี่แสนดีประจำที่ทำงานของเธอดูคร่ำเคร่งกับหนังสือเล่มนั้นมาก
“หนังสืออะไรน่ะเจน”
“กวี”เจนฤทัยตอบโดยไม่เงยหน้าจากหนังสือ “ไม่มีหญิงสาวในบทกวี ของ ซะการีย์ยา อมตยา”
“ทำไมไม่มีหญิงสาวล่ะ”
เจนเงยหน้ามองไทล่าแล้วส่ายหน้า “ยังไม่รู้เหมือนกัน ลองหามาอ่านซิ”
“พี่เจนก็รู้ว่า ภาษาไทยบางคำฉันยังไม่เข้าใจ”
เจนยิ้ม “งั้นจะไปถามลุงรัญให้ว่ามีฉบับแปลไหม เพราะนี่มันก็ได้รางวัลมาตั้ง 2-3 ปีแล้ว คงจะมีใครเอาไปแปลก็ได้”
“อ่านให้ฟังสักบทซิ”
“พี่ไม่แน่ใจการอ่านออกเสียงเท่าไหร่”
“อ่านเถอะน่า นะ ๆ”ไทล่ามองด้วยสายตาออดอ้อน เธอรู้ดีว่ามันได้ผลกับเจนเสมอ
เจนถอนหายใจ เธอแพ้สายตาใสแป๋วกับยิ้มสวยๆของไทล่าทุกครั้ง “บทเดียวนะ”
“อืม บทเดียวก็ได้”

"ความรู้"

หนังสือหนึ่งเล่ม
ต้องใช้ตัวอักษรกี่ล้านตัว
ต้องใช้ความรู้สึกกี่แสนความรู้
ต้องใช้เหตุผลกี่หมื่นเหตุผล
ต้องค้นคว้ากี่พันชั่วโมง
ต้องกลั่นกรองกี่ร้อยรอบ
ต้องขบคิดกี่ค่ำคืน
ต้องใช้กระดาษกี่พันหน้า
ต้องตัดต้นไม้กี่ร้อยต้น
ต้องเสียหยาดเหงื่อกี่หยด
เพื่อบรรจุความว่างเปล่าของเรา”

ไม่มีหญิงสาวในบทกวี ซะการีย์ยา อมตยา


ไทล่านิ่ง เจนที่เป็นคนอ่านเองก็นิ่ง รอบๆตัวทั้งคู่เหมือนเงียบไปชั่วครู่เหมือนปล่อยให้ทุกสิ่งที่พึ่งอ่านซึมเข้าไปในความคิด ทั้งคนอ่าน ทั้งคนฟังไม่รู้ชั่ววินาทีนั้นความคิดตัวเองลอยไปไกลถึงไหน
“เอ้า กาแฟ”
“ขอบคุณค่ะพี่แหม่ม”เจนฤทัยยิ้มให้เจ้าของร้านกาแฟ ไทล่ารับแก้วของตัวเองมาด้วยท่าทีเงอะงะผิดกับตอนแรกที่เข้ามา เจ้าของร้านกาแฟมองทั้งคู่ก่อนจะกลับไปหลังเคาน์เตอร์
“เป็นอะไรของเธอน่ะไทล่า”
“แค่กำลังคิด”
“ไปคิดต่อที่โต๊ะทำงานเถอะ ได้เวลาแล้ว”


ตอนบ่ายในสำนักงานเป็นอะไรที่น่าเบื่อ นอกจากเพลงเบาๆจากคอมพิวเตอร์ของไทล่าและกองเอกสารแล้ว รอบตัวแทบไม่มีอะไรให้สนใจเลย เคยมีหลายครั้งที่มันพาลทำให้เจนฤทัยอยากไปลงภาคสนามกับเขาบ้าง
“อ่านอีกบทซิพี่เจน อยากฟังอีก”เสียงดังมาจากโต๊ะตรงข้าม
เจนฤทัยเอนหลังพิงพนัก ยันเก้าอี้ถอยห่างจากโต๊ะทำงานตัวเอง สายตาจับอยู่ที่กองเอกสารบนโต๊ะ
“เอาจริงเรอะไทล่า พี่ว่าเราทำงานให้เสร็จก่อนดีกว่าไหม”
ไทล่าส่ายหน้าแทนคำตอบ “เอาหน่อยน่า”
“ทำไมไม่เช่ามาอ่านเองล่ะ ของฝรั่งคงมีเยอะแยะ”
“ขี้เกียจ”ไทล่าตอบแล้ว เบิ่งตาโต แลบลิ้นยาว
“บทเดียวนะ”เจนหยิบสมุดที่ลุงรัญให้ยืมมาจากในกระเป๋า เปิดผ่านหน้าแรกที่อ่านแล้วเมื่อคืนเพื่อไปยังหน้าถัดไป
“นั่นแน่ ที่จริงอยากอ่านก็บอกมาเถอะ”
เจนปิดสมุดทันที วางไว้บนตักแล้วดึงตัวเองกลับมาที่โต๊ะทำงาน เปิดเอกสารที่ทำค้าง ในขณะที่ไทล่าประท้วงอยากฟัง
“อ่านเถอะๆ ล้อเล่นเฉยๆน่า”
“รู้ว่าล้อเล่น ไปทำงานได้แล้วไป”
“โอ๋ อย่างอนซิ อยากฟังจริงๆนะ”
“ยัยเด็กกวนโอ๊ย”
“อ่านเถอะๆ นะๆ อยากฟังจริงๆ”
เจนเท้าคางมองไทล่าที่ยื่นหน้ามามองด้วยสายตาเศร้า เอาเข้าจริงๆ เธอไม่เคยโกรธไทล่าเลยแม้ไทล่าจะกวนประสาทขนาดไหนก็ตาม
“จะฟังก็อยู่เฉยๆ เงียบๆ”เจนแสร้งทำเสียงดุ
ไทล่าเอนหลังพิงพนัก หรี่เสียงเพลงที่เปิดอยู่ เจนมองหน้าคนจะฟังก่อนจะปล่อยตัวเองไถลหายลงไปกับเก้าอี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนจะเริ่มกวาดตามองตัวหนังสือของลุงรัญ



“พรุ่งนี้
ฉันจะเขียนนิยายรัก
ที่ไม่ได้มีเธอเป็นนางเอก
และฉันไม่ได้เป็นพระเอก
จากนั้นฉันจะแต่งกวีสักบท
เกี่ยวกับเธอ
เอาล่ะ ฉันจดไว้ในกระดาษแล้ว
แปะตรงวิทยุเก่าๆบนโต๊ะทำงาน
เมื่อท้องฟ้ามืด
ฉันจะหยิบหนังสือของกามูส์ขึ้นมา
สัมผัสการเป็นคนนอก
ใช่ เธอทำให้ฉันเป็นคนนอก
ฉันรู้สึกได้

พบในหนังสือเรื่อง คนนอก อัลแบร์ กามูส์”

“นี่ไม่ใช่ของคนเดียวกับที่อ่านเมื่อกี้ใช่ไหม”ในที่สุดไทล่าก็ถามออกมาหลังนิ่งไปอึดใจใหญ่ เจนพยักหน้าแทนคำตอบแล้วปิดสมุด เธอไม่เคยอ่านหนังสือที่คนเขียนกวีของลุงรัญอ่านอีกแล้ว และเธอค่อนข้างมั่นใจว่ามันต้องอยู๋ชั้นเดียวกันกับโจนาธานแน่ๆ
“เขาคงอกหักแน่เลย ถึงเขียนกวีบทนี้”ไทล่าถอนใจยาวแล้วปล่อยกายให้เอนลงบนพนักพิงแบบเต็มๆ “อยากเจอคนเขียนจังเลยเนอะ” ว่าแล้วไทล่าก็หมุนเก้าอี้กลับเข้าไปหาเครื่องคอมพิวเตอร์แล้วเปิดเพลงอีกครั้ง ในขณะที่เจนไม่ตอบอะไร เธอได้แต่นั่งที่เดิมเงียบๆและอ่านกวีบทนั้นอีกครั้ง
เขาอาจไม่อกหักก็ได้ เขาอาจแอบรักใครอยู่
เจนฤทัยพยายามคิดตามคนเขียนกวีอยู่อีกพักใหญ่ เธอเข้าใจสิ่งที่เขาอยากสื่อออกมา จนในที่สุดคิดไปถึงเรื่องเกี่ยวกับคนเขียน วาดภาพเขาในความคิดว่าเขาจะเป็นคนแบบไหน ทำอาชีพอะไร แต่ก็สุดท้ายก็ล้มเลิกหลังคิดอยู่นาน เธอหันหน้ากลับเข้าหากองเอกสารอีกครั้ง เธอตั้งใจแน่วแน่ว่าเธอจะต้องจัดการงานกองนี้ให้เสร็จแล้วไปร้านลุงรัญอีกครั้งเพื่อดูว่ามีกวีบทใหม่ของเขาหรือเปล่า หรือลุงรัญได้เก็บกระดาษที่เขาเขียนยัดไว้หรือไม่ ตอนนี้เธอสามารถฟันธงได้แล้วหนึ่งอย่างว่าเขาเป็นผู้ชายแน่จากบทกวีที่อ่านเมื่อก่อนหน้านี้ เธอมีความไม่มั่นใจอยู่มากโขในตอนที่อ่านบทกวีบทแรกของเขา มันไม่ชัดเจนเท่าบทที่เจอในหนังสือของกามูส์ แต่ตอนนี้เธอมั่นใจว่าเขาเป็นผู้ชายหรืออาจเป็นทอมบอยที่รักการอ่านเขียนกวี ไม่ใช่สาวๆร้อยเปอร์เซ็นอย่างเธอแน่นอน
ตอนนี้เธอต้องตามอ่านของเขาไปเรื่อยๆ เพื่อจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับเขาผ่านบทกวีที่เขาเขียน ไม่แน่เธออาจจะตามอ่านกวีจนเจอตัวเขาในที่สุดก็เป็นได้



สันติภาพวัฒนะ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ก.ย. 2557, 14:05:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ก.ย. 2557, 17:09:22 น.

จำนวนการเข้าชม : 839





<< บทกวีคั่น ๔   บทกวีคั่น ๕ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account